คีย์บอร์ดเกมมิ่งนั้นถือเป็นเกมมิ่งเกียร์ที่เกมเมอร์ส่วนใหญ่สนใจและเลือกซื้อ เพราะนอกจากสวิตช์บนตัวคีย์บอร์ดจะแยกปุ่มกันแล้วให้สัมผัสตอนพิมพ์หรือกดปุ่มตอนเล่นเกมที่ดีและฉับไวแล้ว ยังมีเรื่องของฟังก์ชั่นเสริมต่าง ๆ เช่นปุ่มปรับเพิ่มลดเสียง, มาโคร และอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย หลายคนหลังประกอบเกมมิ่งพีซีหรือซื้อเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คไปแล้วก็มักจะเดินหาซื้อเจ้าคีย์บอร์ดแบบนี้มาใช้ด้วย
ซึ่งก่อนหน้านี้เราได้แนะนำเกมมิ่งคีย์บอร์ดทางเลือกในงบประมาณไม่เกิน 1,000 บาทและประเภทของคีย์บอร์ดให้ผู้อ่านได้เลือกซื้อกันตามความชอบไปแล้ว แต่บางคนอาจคิดว่า Mechanical Keyboard กลุ่มนี้ถึงจะดีและคุ้มแต่ฟีเจอร์น้อยเกินไปก็เลยยังไม่โดนใจเท่าไหร่ ดังนั้นบทความนี้เราจะแนะนำคีย์บอร์ดเกมมิ่งน่าสนใจให้เอาไปเล่นเกมกัน
รู้จักเรื่องสวิตช์บนคีย์บอร์ดเกมมิ่งกันก่อน จะได้เลือกแล้วถูกใจ
สำหรับคนที่ติดตามเรื่อง Mechanical Keyboard มาตลอด จะรู้กันว่าคีย์บอร์ดแบบนี้ต่างจากคีย์บอร์ดธรรมดาที่เราใช้งานทั่วไปเพราะว่าปุ่มบนคีย์บอร์ดทุกปุ่มคือสวิตช์หนึ่งตัวไม่ได้เป็นแผงปุ่มยางแบบคีย์บอร์ดธรรมดา ซึ่งข้อดีคือเวลาเรากดปุ่มแล้วจะตอบสนองได้เร็วและได้อารมณ์การใช้งานที่ดีกว่า เวลาเกิดปัญหาเสียแล้วต้องซ่อมก็ไม่ต้องเปลี่ยนคีย์บอร์ดทั้งแผงหรือต้องซื้ออันใหม่ เนื่องจากเราสามารถแกะซ่อมทีละปุ่มได้เลย และนอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เด่น ๆ เฉพาะตัวอีกด้วย
ปัจจุบันนี้สวิตช์ของ CHERRY MX เองก็มีหลายสีแล้ว แต่หลัก ๆ ที่ได้รับความนิยมมีแค่สามสีเอง
หากจำกันได้ ก่อนหน้านี้ Mechanical Keyboard นั้นจะมีใช้สวิตช์จากผู้ผลิตเดียวกันคือของบริษัท CHERRY MX โดยจำแนกเป็นสีต่าง ๆ และแต่ละสีก็จะมีคาร์แรกเตอร์ของเสียงและการกดแตกต่างกันไปตามการผลิต ซึ่งสีหลัก ๆ ที่ถูกเอามาประกอบแล้วขายก็จะมีสีน้ำเงิน (CHERRY MX Blue) ที่กดแล้วได้เสียงคลิ๊กดังถูกใจเกมเมอร์, สีน้ำตาล (CHEERY MX Brown) ซึ่งสัมผัสการกดเหมือนกับสีน้ำเงินแต่ไม่มีเสียงคลิ๊กดังเหมือนสีน้ำเงิน และสีแดง (CHERRY MX Red) ซึ่งตอบสนองได้เร็วที่สุดในกลุ่มและใช้แรงกดน้อยมากเช่นกัน แต่บางครั้งเกมเมอร์บางคนอาจจะรู้สึกคล้ายกับกดคีย์บอร์ดยาง Rubber Dome อยู่บ้าง ซึ่งนั่นก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมและความชอบของแต่ละคน
และนอกจากนี้ CHERRY MX เองก็มีสวิตช์แบบใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ด้วยอย่าง CHEERY MX Ultra Low Profile ซึ่งตัวปุ่มจะสั้นกว่าปกติ ทำให้ระยะกดสั้นและเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าบริษัทไหนบ้างที่จะนำสวิตช์ตัวนี้ไปติดตั้งในคีย์บอร์ดเกมมิ่งรุ่นใหม่ของทางบริษัท
และนอกจากสวิตช์ของ CHERRY MX ที่ว่ามาแล้ว บริษัทผลิตเกมมิ่งเกียร์หลาย ๆ แห่งก็วิจัยและผลิตสวิตช์ของตัวเองออกมาขายเองเช่นกัน ตัวอย่างเช่น Razer ที่ผลิต Razer Linear/Clicky Optical Switch ของตัวเองออกมา, Logitech ที่มี GX, GL และ ROMER-G ซีรี่ส์ของตัวเองซึ่งเคลมความแข็งแรงทนทานและตอบสนองได้เร็ว, Outemu ซึ่งคล้ายกับ CHERRY MX แต่เสียงและสัมผัสที่ได้จะต่างกันเล็กน้อย, Kailh Switch ซึ่งเป็นสวิตช์แบรนด์จีนซึ่งเคยได้รับความนิยมและเอามาติดตั้งในคีย์บอร์ดเกมมิ่งหลาย ๆ รุ่นในอดีต ฯลฯ เป็นต้น
ซึ่งถ้าให้ไล่แต่ละแบรนด์ว่ามีสวิตช์สีอะไรคุณสมบัติอย่างไรแบบไหนก็จะเยอะเกินความจำเป็นไป แต่ถ้าแยกตามสัมผัสการกดของสวิตช์ซึ่งเอาไปเป็นหลักนั้นจะแยกได้ง่ายมากเพราะจะมีเพียง 3 แบบหลัก ๆ เท่านั้นคือ
- Tactile Switch – สวิตช์ที่มีแรงผลักกลับค่อนข้างน้อยและเสียงค่อนข้างเบาแต่ตอบสนองได้เร็ว เหมาะกับเกมแนว FPS หรือเกมที่ต้องกดปุ่มค่อนข้างเร็ว ตัวอย่างเช่น Brown Switch ส่วนวิธีการแบ่งแยกสัมผัสตอนกดคือเมื่อกดแล้วจะคล้ายกับ Blue Switch ที่ต้องลงน้ำหนักตอนกดเล็กน้อยและระยะปุ่มค่อนข้างลึกหน่อย แต่ไม่มีเสียง “คลิก” เพราะว่าไม่มีกระเดื่องเหล็กในตัว ซึ่งสวิตช์แบบนี้เสียงจะไม่ดังมากนักจึงเอาไปใช้ในออฟฟิศหรือร้านกาแฟก็พอได้
- Clicky Switch – สวิตช์ที่ให้การตอบสนองแบบ Tactile แต่ใส่กระเดื่องเหล็กเอาไว้ให้มีเสียงดัง “คลิก”ให้สัมผัสเหมือนกับสวิตช์ของ Mechanical Keyboard แบบโบราณ โดยกลุ่ม Clicky Switch นั้นจะเป็น Blue Switch ที่หลายคนนิยมใช้งานนั่นเอง ซึ่งสัมผัสตอนกดจะแยกออกเป็นสองระยะ คือช่วงกดปุ่มลงไปแล้วปุ่มยังไม่ตอบสนองเพราะตัว Keycap กับสปริงเพิ่งแตะโดนตัวกระเดื่องเหล็ก แล้วค่อยตอบสนองเมื่อปุ่มและกระเดื่องโดนกดลงไปจนถึงจุดที่สวิตช์ทำงานแล้วได้ยินเสียง “คลิก” นั่นเอง ซึ่งสวิตช์สีนี้แนะนำให้ใช้งานในห้องส่วนตัวจะดีสุดเพราะเสียงจะดังรบกวนคนอื่นพอควร
- Linear Switch – สวิตช์ที่ใช้แรงกดน้อย ระยะกดสั้นและเสียงเบามากแต่ก็อาจจะทำเอาผู้ใช้บางคนรู้สึกเหมือนใช้คีย์บอร์ดยาง Rubber Dome อยู่ แต่เป็น Mechanical Keyboard ที่พิมพ์งานหรือเล่นเกมที่กดปุ่มเร็ว ๆ จะได้เปรียบพอตัวเพราะ Linear Switch จะตอบสนองเร็วที่สุด ดังนั้นถ้าเราเล่นเกมแนว MMORPG ที่ต้องกดสกิลต่อเนื่องกันไม่ให้เสียจังหวะก็น่าเลือก Mechanical Keyboard แบบนี้ไปใช้งาน โดยสวิตช์แบบ Linear นี้คือ Red Switch นั่นเอง
6 คีย์บอร์ดเกมมิ่งฟีเจอร์เทพเด็ดแนะนำสำหรับเกมเมอร์
ถ้าพูดถึง Mechanical Keyboard รุ่นแนะนำสำหรับเกมเมอร์ที่มีฟีเจอร์ให้ใช้มากมายไม่ว่าจะปุ่มมาโคร, Multimedia key และอื่น ๆ นั้น มักจะเป็นคีย์บอร์ดแบบ Full-Size เพราะว่าตัวคีย์บอร์ดมีขนาดใหญ่และมีพื้นที่ว่างเยอะสุด จึงพอจะใส่ส่วนเสริมต่าง ๆ เข้าไปมากกว่าแบบอื่น แต่ก็ต้องแลกกับการใช้พื้นที่วางคีย์บอร์ดมากกว่าคีย์บอร์ดแบบ TKL, 75% และ 60% พอตัว จึงต้องจัดพื้นที่บนโต๊ะคอมให้ดี ไม่อย่างนั้นเวลาลากเมาส์ไปมาอาจจะติดขอบคีย์บอร์ดได้
สำหรับคีย์บอร์ดเกมมิ่งที่ฟีเจอร์ครบจัดเต็ม มีฟีเจอร์เสริมต่าง ๆ และปุ่มคีย์บอร์ดภาษาไทยด้วยจะมีรุ่นแนะนำทั้งหมด 6 รุ่นด้วยกัน ได้แก่
- Razer Huntsman (3,990 บาท)
- ASUS ROG Strix Scope RX (4,290 บาท)
- Kingston HyperX Cloud Alloy Elite 2 (4,590 บาท)
- SteelSeries APEX 7 (5,990 บาท)
- Logitech G813 LIGHTSYNC RGB (6,499 บาท)
- Corsair K100 RGB (8,290 บาท)
1. Razer Huntsman (3,990 บาท)
เมื่อพูดถึงเกมมิ่งคีย์บอร์ด แบรนด์แรกที่ภาพชัดขึ้นมาในความคิดของใครหลาย ๆ คนก็คงจะไม่พ้น Razer กันแน่นอน ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ยังมีสินค้ารุ่นใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดย Razer Huntsman นั้นถือเป็นรุ่นแนะนำรุ่นแรกซึ่งราคาไม่แพงเกินไปแต่ฟีเจอร์ของคีย์บอร์ดรุ่นนี้ก็ถือว่าทำได้ดีและน่าสนใจทีเดียว รวมทั้งตัวบอดี้ส่วนบนของคีย์บอร์ดที่เป็นอลูมิเนียมผิวด้านก็เป็นตัวโครงที่แข็งแรงทีเดียว
ตัวคีย์บอร์ดจะเป็นแบบ Full-Size คีย์ภาษาไทยและมี Numpad ติดตั้งมาให้ มี Gaming mode แยกกับโหมดปกติ โดยจะปิดการทำงานของปุ่ม Windows, การกดปุ่ม Alt+Tab, Alt+F4 โดยบังเอิญ เพื่อไม่ให้เสียจังหวะระหว่างเล่นเกมอยู่ มี Razer Hypershift เพื่อสลับการทำงานระหว่างปุ่มตอนใช้งานแบบปกติกับปุ่ม Set ที่ตั้งค่าแยกเอาไว้ ตัวคีย์บอร์ดมี 10-Key Rollover สามารถกดปุ่มพร้อมกันได้ 10 ปุ่ม จัดการปัญหาคีย์บอร์ดส่งคำสั่งเพี้ยนเวลากดหลาย ๆ ปุ่มพร้อมกันและตั้งค่า Macro เอาไว้ที่ปุ่มต่าง ๆ ได้ โดยทั้งหมดนี้สามารถจัดการได้ในโปรแกรม Razer Synapse 3 และเซฟโปรไฟล์การตั้งค่าคีย์บอร์ดเอาไว้ใช้งานได้ 5 โปรไฟล์ เมื่อลง Windows ใหม่หรือเปลี่ยนไปใช้งานพีซีเครื่องอื่นก็สามารถโหลดการตั้งค่าของเราเข้ามาใช้งานได้ทันที
ตัวปุ่มจะเป็น Optp-Mechanical Switch ที่ Razer ผลิตขึ้นมาเองโดยในตัวสวิตช์จะมีแสงเลเซอร์จับการกดของผู้ใช้จึงตอบสนองได้เร็วและระยะกดสั้นลงกว่าสวิตช์แบบอื่น 30% สามารถเลือกได้ระหว่าง Clicky หรือ Linear Switch โดยรุ่นที่ขายในประเทศไทยจะเป็นแบบ Clicky ที่ใช้แรงกด 45g เท่านั้น มีค่าตอบสนอง 1000 Hz Ultrapolling และเชื่อมต่อด้วยสาย USB
สเปคของ Razer Huntsman
- คีย์บอร์ดแบบ Full-Size สวิตช์แบบ Clicky Switch แรงกด 45g
- เชื่อมต่อด้วยสาย USB อัตราตอบสนอง 1000 Hz Ultrapolling
- มี 10-Key Rollover สามารถกดหลาย ๆ ปุ่มพร้อมกันได้
- มีฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น Gaming Mode, Razer Hypershift, ตั้งค่ามาโครให้ปุ่มบนคีย์บอร์ดได้, เซฟโปรไฟล์และโหลดมาใช้งานได้มากสุด 5 โปรไฟล์
- ควบคุมและตั้งค่าคีย์บอร์ดได้ด้วย Razer Synapse 3
- ราคา 3,990 บาท (JIB)
2. ASUS ROG Strix Scope RX (4,290 บาท)
ถ้าพูดถึงเกมมิ่งและการเล่นเกมก็ขาด ASUS ไปไม่ได้เช่นกันเพราะคีย์บอร์ดเกมมิ่งรุ่น ROG Strix Scope RX ก็เป็นรุ่นน่าสนใจสำหรับแฟนคลับ ROG ซึ่งหน้าตามาเรียบ ๆ ไม่หวือหวาหรือมีปุ่มแยกพิเศษแบบคีย์บอร์ดรุ่นอื่น แต่ก็มีฟีเจอร์เยอะไม่แพ้กับเกมมิ่งคีย์บอร์ดตัวอื่นที่เลือกมาแนะนำในบทความนี้เช่นกัน
สำหรับฟีเจอร์พื้นฐานอย่าง N-Key Rollover, การล็อคปุ่ม Windows ไม่ให้มารบกวนตอนเล่นเกม, บันทึกโปรไฟล์ของคีย์บอร์ดได้ 5 แบบด้วยโปรแกรม Armoury Crate แล้วเซฟเอาไว้ในตัวคีย์บอร์ดไปใช้งานได้เลย รวมทั้งตั้ง Macro ให้คีย์บอร์ดทำงานตามที่ตั้งค่าเอาไว้และไฟ RGB นั้นถือว่ามีครบถ้วนไม่แพ้กับ Razer Huntsman ในข้อที่แล้ว แต่จุดที่เด่นยิ่งขึ้นคือตัวปุ่ม Ctrl ตรงฝั่งซ้ายล่างที่เกมเมอร์ใช้งานบ่อยจะมีขนาดใหญ่กว่าปกติราว 2 เท่า เพื่อให้กดได้สะดวกกว่าเดิม, มีปุ่มฟังก์ชั่นพร้อมฟีเจอร์ควบคุมคอมพิวเตอร์ทั้งการเพิ่มลดเสียงและอื่น ๆ และมี Stealth Key เพื่อพับโปรแกรมทั้งหมดบนหน้าจอเก็บลงไปไม่ให้คนอื่นมาแอบดูบนหน้าจอว่าเราทำอะไรอยู่ได้ ส่วนอัตราตอบสนองอยู่ที่ 1000 Hz polling rate
ตัวคีย์บอร์ดจะใช้ CHERRY MX Red Switch เป็นสวิตช์แบบ Linear แข็งแรงและตอบสนองเร็ว ซึ่งใช้แรงกดเพียง 40g และระยะกดที่ 1.5 มม. ซึ่งถือว่าสั้นมากจึงกดสั่งคีย์บอร์ดให้ทำงานได้เร็วยิ่งขึ้น กันน้ำและฝุ่นระดับ IP56 และมีช่อง USB 2.0 Passthrough ที่เอาไว้ต่ออุปกรณ์อื่นเช่นสมาร์ทโฟนหรือแฟลชไดรฟ์เอาไว้รับส่งข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ได้ง่ายขึ้นไม่ต้องเอื้อมไปต่อที่เคสโดยตรงก็ได้ จัดว่ามีฟีเจอร์พื้นฐานที่ต้องใช้งานมาครบถ้วน ตอบโจทย์การเล่นเกมและใช้ทำงานได้ทั้งคู่ จะเอาไปใช้งานในออฟฟิศหรือวางไว้คู่กับเกมมิ่งพีซีที่บ้านก็โอเคเลย
สเปคของ ASUS ROG Strix Scope RX
- คีย์บอร์ดแบบ Full-Size CHERRY MX Red Switch แบบ Linear แรงกด 40g
- เชื่อมต่อด้วยสาย USB 2.0 อัตราตอบสนอง 1000 Hz polling rate
- มี N-Key Rollover สามารถกดหลาย ๆ ปุ่มพร้อมกันได้
- มีฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น ปุ่มล็อคการล็อคการทำงานของปุ่ม Windows, Stealth Key, ตั้งค่ามาโครให้ปุ่มบนคีย์บอร์ดได้, เซฟโปรไฟล์และโหลดมาใช้งานได้มากสุด 5 โปรไฟล์, ปุ่ม Ctrl ซ้ายใหญ่กว่าปกติราว 2 เท่า, กันน้ำ IP56, USB 2.0 Passthrough
- ควบคุมและตั้งค่าคีย์บอร์ดได้ด้วย ASUS Armoury Crate
- ราคา 4,290 บาท (JIB)
3. Kingston HyperX Cloud Alloy Elite 2 (4,590 บาท)
HyperX ในเครือ Kingston เองก็มีคีย์บอร์ดเกมมิ่งคุณภาพดีออกมาให้เลือกซื้ออยู่เรื่อย ๆ เช่นกัน โดย HyperX Alloy Elite 2 นั้นจะเป็นคีย์บอร์ดแบบ Full-Size เทียบแล้วเป็นเวอร์ชั่นพัฒนาของ HyperX Alloy Origins ที่ทางเว็บไซต์เคยรีวิวไปก่อนหน้านี้นั่นเอง ซึ่งฟีเจอร์หลักของคีย์บอร์ดเกมมิ่งยุคนี้เช่นไฟ RGB, ปุ่ม Media Key แยกเฉพาะ, N-Key Rollover, การตั้งค่า Game Mode, ตั้งโปรไฟล์การใช้งานได้ 3 โปรไฟล์และตั้งค่า Macro นั้นถือว่ามีให้ใช้ครบถ้วน โดยเราสามารถตั้งค่าผ่านทางโปรแกรม HyperX NGENUITY ที่ HyperX เปิดให้ดาวน์โหลดได้เลย
ฟีเจอร์เด่นอื่นก็มี USB 2.0 Passthrough ด้านหลังคีย์บอร์ดเอาไว้เชื่อมต่อรับส่งข้อมูลหรือชาร์จสมาร์ทโฟนของเราได้โดยไม่ต้องเอื้อมไปต่อที่เคสโดยตรง, ตัวยบอดี้จะมีเฟรมส่วนบนเป็นอลูมิเนียมซึ่งแข็งแรงทีเดียว ตัวปุ่มคีย์บอร์ดจะเป็นสวิตช์ที่ HyperX ผลิตเองในชื่อ HyperX Red ซึ่งเป็นสวิตช์ Linear เสียงเบา ใช้แรงกด 45g ส่วนตัว Keycaps จะเป็นพลาสติก ABS ส่วนฐานขึ้นมาเกือบบนสุดจะเป็นแบบใสเพื่อให้ไฟ RGB สามารถส่องแสงได้สว่างยิ่งขึ้น
สเปคของ HyperX Alloy Elite 2
- คีย์บอร์ดแบบ Full-Size HyperX Red Switch แบบ Linear แรงกด 45g
- เชื่อมต่อด้วยสาย USB 2.0
- มี N-Key Rollover สามารถกดหลาย ๆ ปุ่มพร้อมกันได้
- มีฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น Game Mode ล็อคการทำงานของปุ่ม Windows, ตั้งค่ามาโครให้ปุ่มบนคีย์บอร์ดได้, เซฟโปรไฟล์และโหลดมาใช้งานได้มากสุด 3 โปรไฟล์, USB 2.0 Passthrough, มีปุ่ม Media Key แยกเฉพาะ
- ควบคุมและตั้งค่าคีย์บอร์ดได้ด้วย HyperX NGENUITY
- ราคา 4,590 บาท (เว็บไซต์ขายเกมมิ่งเกียร์ชั้นนำ)
4. SteelSeries APEX 7 (5,990 บาท)
SteelSeries Apex 7 นั้นแม้จะราคาสูงขึ้นมาบ้างแต่ก็เป็นรุ่นน่าสนใจมากและทางเว็บไซต์ได้ปล่อยวิดีโอรีวิวให้ชมไปก่อนหน้านี้แล้วเช่นกัน แต่สำหรับราคาที่แพงกว่ารุ่นอื่นระดับหนึ่งนั้นก็มีเหตุผลอยู่เช่นกัน ซึ่งด้านฟีเจอร์หลัก ๆ เช่น N-Key Rollover, ตั้งค่ามาโครให้คีย์บอร์ดได้, เซฟโปรไฟล์การตั้งค่าไว้กับตัวคีย์บอร์ดได้ 5 แบบ, USB 2.0 Passthrough แล้ว จุดเด่นของ Apex 7 คือตัวคีย์บอร์ดจะมีหน้าจอ OLED ขนาดเล็กติดตั้งไว้ตรงมุมบนขวามือร่วมกับตัวปุ่มกดและลูกล้อหมุนตั้งค่า ซึ่งสามารถใช้แสดงการแจ้งเตือนและปรับแต่งการตั้งค่าตัวคีย์บอร์ดที่จุดนี้ได้เลย ซึ่งจัดว่าสะดวกเป็นอย่างมาก ส่วนการปรับแต่งตั้งค่าคีย์บอร์ดทั้งหมดทำได้ด้วยโปรแกรม SteelSeries Engine
สำหรับตัวสวิตช์คีย์บอร์ดเป็นปุ่มที่ SteelSeries ผลิตเองในชื่อรุ่น SteelSeries QX2 Mechanical RGB Switch ซึ่งในประเทศไทยสามารถเลือกสวิตช์ได้ทั้งแบบ Linear และ Clicky ตามความชอบ ใช้น้ำหนักกดที่ 45cN ซึ่งถือว่าไม่มากไม่น้อยเกินไป นอกจากนี้ Apex 7 จะแถมที่พักข้อมือถอดได้และดูดติดกับคีย์บอร์ดได้ด้วยแม่เหล็ก ตัวเฟรมคีย์บอร์ดทำจากโลหะเกรดอากาศยาน 5000 Aircraft grade นอกจากนี้ตัวโครงยังออกแบบให้เก็บสายแล้วออกมาได้หลายทางตามความสะดวกของผู้ใช้ รวมทั้งกางขาตั้งคีย์บอร์ดออกมาให้ตัวคีย์บอร์ดตั้งขึ้นให้เข้ากับการวางมือของผู้ใช้อีกด้วย
สเปคของ SteelSeries Apex 7
- คีย์บอร์ดแบบ Full-Size SteelSeries QX2 Mechanical RGB Switch แบบ Linear หรือ Clicky แรงกด 45cN
- เชื่อมต่อด้วยสาย USB 2.0
- มี N-Key Rollover สามารถกดหลาย ๆ ปุ่มพร้อมกันได้
- มีฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น Game Mode ล็อคการทำงานของปุ่ม Windows, ตั้งค่ามาโครให้ปุ่มบนคีย์บอร์ดได้, เซฟโปรไฟล์และโหลดมาใช้งานได้มากสุด 5 โปรไฟล์, USB 2.0 Passthrough, มีหน้าจอ OLED พร้อมวงล้อและปุ่มรวมเป็นชุดควบคุมสำหรับแสดงการแจ้งเตือนและใช้ตั้งค่าคีย์บอร์ดได้ด้วย, เฟรมทำจากโลหะเกรดอากาศยาน
- ควบคุมและตั้งค่าคีย์บอร์ดได้ด้วย SteelSeries Engine
- ราคา 5,990 บาท (BaNANA)
5. Logitech G813 LIGHTSYNC RGB (6,499 บาท)
Logitech G813 LIGHTSYNC RGB ก็เป็นคีย์บอร์ดเกมมิ่งรุ่นแนะนำจาก Logitech ซึ่งมีฟีเจอร์พื้นฐานทั้งการตั้งมาโครเอาไว้บนคีย์บอร์ดได้โปรไฟล์ละ 5 ปุ่มรวมเป็น 15 ปุ่มด้วยกัน, USB 2.0 Passthrough, Game Mode, ไฟ RGB ปรับแต่งสีและความสว่างได้ตามความชอบและชุดปุ่ม Multimedia Key แยกเฉพาะที่มุมบนขวามือ และตั้งค่าการทำงานของคีย์บอร์ดทั้งหมดได้ผ่านทางโปรแกรม G-Hub แล้ว ตัวคีย์บอร์ดจะใช้เฟรมเป็นอลูมิเนียมอัลลอยด์ 5052 ที่เบาและแข็งแรงเป็นพิเศษและออกแบบให้เหมาะกับการพิมพ์งานหรือเล่นเกมอีกด้วย
ด้านสวิตช์บนคีย์บอร์ดเป็นสวิตช์เฉพาะ GL Series ที่ทาง Logitech วิจัยและสร้างขึ้นมาเอง โดยเป็น Mechanical Switch แบบตัวต่ำซึ่งหน้าตาคล้ายคีย์บอร์ดทำงานทั่วไปแต่ตอบสนองได้เหมือนสวิตช์แมคคานิคแบบปกติ เลือกสวิตช์ได้ทั้งแบบ GL Tactile, GL Linear, GL Clicky ตามความชอบของแต่ละคน แรงกดจะอยู่ที่ 45g ไล่เลี่ยกับสวิตช์จากแบรนด์อื่น ๆ แต่แม้ราคาจะดูสูงกว่าแบรนด์อื่น ๆ ก็ตามแต่หากติดตามโปรโมชั่นบนร้านค้าออนไลน์ก็จะมีโปรฯ เซลส์ราคาพิเศษออกมาให้อุดหนุนเป็นระยะ ๆ ด้วย
สเปคของ Logitech G813 LIGHTSYNC RGB
- คีย์บอร์ดแบบ Full-Size Logitech GL Switch แบบ Linear, Tactile หรือ Clicky แรงกด 45g
- เชื่อมต่อด้วยสาย USB 2.0
- มีฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น Game Mode ล็อคการทำงานของปุ่ม Windows, มีปุ่มมาโครบนคีย์บอร์ดโดยเฉพาะ 5 ปุ่มและเซฟโปรไฟล์ได้มากสุด 3 โปรไฟล์, USB 2.0 Passthrough, ชุดปุ่ม Multimedia Key แยกเฉพาะ, เฟรมอลูมิเนียม 5052 แข็งแรงและเบา
- ควบคุมและตั้งค่าคีย์บอร์ดได้ด้วย Logitech G-Hub
- ราคา 6,490 บาท (ร้านค้า Online ของ Logitech บน Shopee, Lazada)
6. Corsair K100 RGB (8,290 บาท)
Corsair เองก็เป็นแบรนด์ทำเกมมิ่งเกียร์ยอดนิยมอีกดแบรนด์ที่ผู้ใช้เลือกซื้อ ซึ่งถ้าเป็นคีย์บอร์ดเกมมิ่งสเปคจัดเต็ม คุ้มค่าการลงทุนก็ยกให้เป็น Corsair K100 RGB ที่ราคาค่อนข้างสูงสักหน่อยแต่ข้อดีคือนอกจากฟีเจอร์หลัก ๆ เช่น N-Key Rollover, USB 2.0 Passthrough, Game Mode, ไฟ RGB, Multimedia Key แยกปุ่มโดยเฉพาะหรือแม้แต่ปุ่ม Macro รวม 6 ปุ่มแล้ว ทาง Corsair ยังใส่ฟีเจอร์เอื้อสตรีมเมอร์และเกมเมอร์ได้เอาไปใช้อย่างเต็มที่
โดยตัวคีย์บอร์ดนี้สามารถโหลดโปรแกรม Elgato Stream Deck ไปติดตั้งแล้วใช้งานกับปุ่มมาโครบนคีย์บอร์ดได้เลย ซึ่งสตรีมเมอร์มือใหม่ที่ยังไม่ได้ซื้อตัว Stream Deck ก็ใช้ปุ่มมาโครบนคีย์บอร์ดนี้ได้ มีปุ่ม iCUE เป็นวงล้อตรงมุมบนซ้ายมือซึ่งสามารถควบคุมการทำงานบนตัวเครื่องได้หลากหลายทั้งปรับความสว่างของไฟ RGB, สลับโปรแกรมไปมา, ซูมภาพ, Track Jogging เอาไว้เลื่อนเพลงไปยังจุดที่ต้องการฟังหรือเอาไว้เลือกเพลงก็ได้ โดยเราสามารถปรับแต่งการใช้งานทั้งหมดทั้งไฟ RGB, ปุ่ม Macro และอื่น ๆ ได้ที่โปรแกรม Corsair iCUE อีกด้วย ส่วนฟีเจอร์พิเศษเฉพาะของคีย์บอร์ดรุ่นนี้คือค่า Polling rate นั้นจะมีชิป Corsair AXON Hyper-Processing เอาไว้ปรับ Polling rate ให้สูงขึ้นไปถึง 4,000 Hz ทำให้คีย์บอร์ดรับส่งข้อมูลได้เร็วเป็นพิเศษและมีที่พักข้อมือแถมมาให้ในแพ็คเกจด้วย
ส่วนของสวิตช์จริง ๆ แล้วจะมีสวิตช์ Corsair OPX ที่ Corsair พัฒนาเอง แต่ในประเทศไทยจะเอาเวอร์ชั่น CHERRY MX SPEED เป็นสวิตช์สีเงินติดตั้งมาให้ ซึ่งมีคีย์บอร์ดน้อยรุ่นมากที่ติดตั้งสวิตช์นี้มาให้ใช้งาน โดยสวิตช์นี้จะตอบสนองเร็วกว่าสวิตช์ทั่วไปของ CHERRY MX อยู่ 40%, ตัวสวิตช์จะทนฝุ่นและโคลนได้ดีและระยะกดสั้นเพราะไม่มีจุด Pressure point ใช้แรงกด 45cN ก็ทำงานทันทีและรองรับการกดสูงสุด 100 ล้านครั้งและเป็นสวิตช์แบบ Linear ที่เสียงตอนทำงานเบาอีกด้วย
สเปคของ Corsair K100 RGB
- คีย์บอร์ดแบบ Full-Size CHERRY MX SPEED แบบ Linear แรงกด 45cN
- เชื่อมต่อด้วยสาย USB 2.0 ติดตั้งชิป Corsair AXON Hyper-Processing เร่ง Polling rate ไปสูงสุด 4,000 Hz
- มี N-Key Rollover
- มีฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น Game Mode ล็อคการทำงานของปุ่ม Windows, มีปุ่มมาโครบนคีย์บอร์ดโดยเฉพาะ 6 ปุ่ม ทำงานกับโปรกรม Elgato Stream Deck ได้, USB 2.0 Passthrough, ชุดปุ่ม Multimedia Key แยกเฉพาะ, มีวงล้อ iCUE สำหรับใช้งานกับโปรแกรมต่าง ๆ ได้
- ควบคุมและตั้งค่าคีย์บอร์ดได้ด้วย Corsair iCUE
- ราคา 8,290 บาท (JIB)
สรุป – เลือกคีย์บอร์ดเกมมิ่งแบบไหนดี?
จากบทความทั้งหมดนี้จะเห็นว่าคีย์บอร์ดเกมมิ่งแต่ละแบรนด์จะมีจุดเด่นแตกต่างกันไป และทุกตัวจะเป็น Mechanical Switch ทั้งหมดทำให้อายุการใช้งานยาวนานและมี N-Key Rollover เอาไว้ทำให้ปุ่มต่าง ๆ สามารถทำงานได้ดีและไม่รวนเมื่อกดหลาย ๆ ปุ่มพร้อมกัน ซึ่งถ้าสรุปสเปคและจุดเด่นแยกของแต่ละรุ่นจะเป็นดังนี้
รุ่น / สเปค | ดีไซน์และสวิตช์ที่ใช้ | การเชื่อมต่อ | ฟีเจอร์เด่น | โปรแกรมตั้งค่าคีย์บอร์ด | ราคา |
Razer Huntsman | Full-Size Clicky Switch แรงกด 45g |
สาย USB 1000 Hz Ultrapolling rate |
10-Key Rollover Gaming mode Razer Hypershift ตั้งมาโครให้คีย์บอร์ดได้ เซฟโปรไฟล์การตั้งค่าได้ 5 แบบ |
Razer Synapse 3 | 3,990 บาท |
ASUS ROG Strix Scope RX | Full-Size CHERRY MX Red Switch แบบ Linear แรงกด 40g |
สาย USB 2.0 อัตราตอบสนอง 1000 Hz polling rate |
N-Key Rollover ปุ่มล็อคการทำงานของปุ่ม Windows Stealth Key ตั้งมาโครให้คีย์บอร์ดได้ เซฟโปรไฟล์คีย์บอร์ดได้ 5 โปรไฟล์ ปุ่ม Ctrl ใหญ่กว่าปกติ 2 เท่า กันน้ำ IP56 USB 2.0 Passthrough |
ASUS Armoury Crate | 4,290 บาท |
HyperX Alloy Elite 2 | Full-Size HyperX Red Switch แบบ Linear แรงกด 45g |
สาย USB 2.0 | Game Mode ตั้งค่ามาโครให้ปุ่มบนคีย์บอร์ดได้ เซฟการตั้งค่าโปรไฟล์ได้ 3 โปรไฟล์ USB 2.0 Passthrough มีปุ่ม Media Key แยกเฉพาะ |
HyperX NGENUITY | 4,590 บาท |
SteelSeries Apex 7 | Full-Size SteelSeries QX2 Mechanical RGB Switch แบบ Linear หรือ Clicky แรงกด 45cN |
สาย USB 2.0 | Game Mode ตั้งค่ามาโครให้ปุ่มบนคีย์บอร์ดได้ เซฟการตั้งค่าโปรไฟล์ได้ 5 โปรไฟล์ USB 2.0 Passthrough มีหน้าจอ OLED พร้อมวงล้อและปุ่มรวมเป็นชุดควบคุม เฟรมทำจากโลหะเกรดอากาศยาน |
SteelSeries Engine | 5,990 บาท |
Logitech G813 LIGHTSYNC RGB | Full-Size Logitech GL Switch แบบ Linear, Tactile หรือ Clicky แรงกด 45g |
สาย USB 2.0 | Game Mode มีปุ่มมาโครบนคีย์บอร์ดโดยเฉพาะ 5 ปุ่มและเซฟโปรไฟล์ได้มากสุด 3 โปรไฟล์ USB 2.0 Passthrough ชุดปุ่ม Multimedia Key แยกเฉพาะ เฟรมอลูมิเนียม 5052 แข็งแรงและเบา |
Logitech G-Hub |
6,490 บาท |
Corsair K100 RGB | Full-Size CHERRY MX SPEED แบบ Linear แรงกด 45cN |
USB 2.0 ติดตั้งชิป Corsair AXON Hyper-Processing เร่ง Polling rate ไปสูงสุด 4,000 Hz |
Game Mode มีปุ่มมาโครบนคีย์บอร์ดโดยเฉพาะ 6 ปุ่ม ใช้กับโปรกรม Elgato Stream Deck ได้ USB 2.0 Passthrough ชุดปุ่ม Multimedia Key แยก วงล้อ iCUE สำหรับใช้งานกับโปรแกรมต่าง ๆ ได้ |
Corsair iCUE | 8,290 บาท |
ซึ่งจะเห็นว่าฟีเจอร์เฉพาะของแต่ละรุ่นนั้นจะมีจุดเด่นและตอบโจทย์การใช้งานแยกกันไป แต่อย่างไรก็ตามคีย์บอร์ดแต่ละรุ่นก็จะดีกับผู้ใช้แตกต่างกันไปตามสวิตช์และเกมที่เล่นเป็นหลัก ซึ่งถ้าใครเล็งรุ่นไหนเอาไว้ก็ตัดสินใจซื้อไปเลยไม่ต้องลังเล เพราะว่าคีย์บอร์ด Mechanical เหล่านี้จัดว่าแข็งแรงและใช้งานได้นานหลายปีและคุ้มค่าที่จ่ายไปอย่างแน่นอน ซึ่งผู้เขียนแนะนำให้ลองไปเลือกซื้อในงานอีเวนต์ต่าง ๆ เช่น COMMART จะดีเพราะนอกจากได้โปรโมชั่นแล้วยังมีสินค้าตัวจริงให้เราทดลองเล่นได้อีกด้วย