หนึ่งในคีย์บอร์ดที่ได้รับความนิยมอย่างมากในบ้านเราคงหนีไม่พ้น Razer Blackwidow ที่ขึ้นชื่อเรื่องฟังค์ชั่น ความสวยงาม และการใช้งานในแบบคีย์บอร์ดเกมเมอร์ อีกทั้งยังมาในราคาที่ไม่แพงมาก และก็ได้พัฒนามาถึงรุ่นที่ 3 ที่ทีมงานได้มาทดสอบกันในวันนี้
Razer Blackwidow v3 เป็นคีย์บอร์ดที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์เกมเมอร์ ซึ่งที่ผ่านมาหลายเวอร์ชั่น ก็น่าจะโดนกันไปแล้วสักรุ่นสองรุ่น ซึ่งทีมงานเองก็เคยใช้มาในรุ่นก่อนแล้วก็ประทับใจไม่น้อย โดยเฉพาะฟีลลิ่งการกดและฟังก์ชั่นที่มีการเติมสีสันเรื่องของไฟ RGB ซึ่งใช้ Mechanical switch เช่นกัน ไซส์ใกล้เคียง พร้อมที่รองข้อมือหรือ Wrist rest มาด้วย แต่สำหรับ Blackwidow ที่ได้รับมาทดสอบนี้ เป็นรุ่นใหม่ในเลย์เอาท์ที่คุ้นตากันดี โดยลดขอบคีย์อบร์ดให้เล็กกว่าเดิมเล็กน้อย ส่วนไฟ RGB ยังมีมาให้ครบ และยังปรับแต่งด้วย Razer Synapse ได้เหมือนเดิม เพิ่มเติมเข้ามาคือ Key switch แบบสีเหลือง (Yellow switch) ซึ่งเอาใจเกมเมอร์ที่ต้องการคีย์บอร์ดในแบบ Mechanical ที่กดสนุก แต่เสียงเบา สำหรับการใช้งานในบ้านแบบไม่รบกวนใคร ในแบบ Linear กดง่าย ตอบสนองเร็ว และที่สำคัญไม่รำคาญใจคนอยู่ใกล้ๆ อีกด้วย หรือแบบสีเขียว (Green switch) ที่ให้เสียงคลิ๊กสุดโดดเด่น พร้อมตอบสนองเกมเมอร์มือหนัก กดสนุก แต่แน่นอนว่าแลกมาด้วยเสียงรบกวนที่ดังกว่าสีเหลืองอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทั้งสองสวิตซ์นี้เป็นสวิตซ์ที่ทาง Razer พัฒนาขึ้นมาเอง นอกจากนี้ยังให้การปรับใช้ในส่วนของมาโครและฟีเจอร์อย่าง HyperShift มาอีกด้วย เรียกว่าจัดมาเต็มแบบนี้ เวลาที่เล่นจริงจะเป็นอย่างไรบ้าง ไปติดตามกันครับ
สเปค Razer Blackwidow v3
Switch Type | Razer™ Green/Yellow Mechanical Switch |
---|---|
Key Feel | Tactile and Clicky |
Sizes | Full Size |
Lighting | Razer Chroma™ backlighting with 16.8 million customizable color options |
Wrist Rest | Yes |
---|---|
Onboard Memory | Hybrid onboard storage – up to 5 profiles |
Media Keys | Yes |
Passthrough | None |
Connectivity | Wired – Attached |
Keycaps | Doubleshot ABS |
Others |
|
กล่องหน้าและหลังจัดมาเต็ม ด้านหน้าบอกฟีเจอร์หลักและภาพกราฟิกสีสันบนคีย์บอร์ด และมีโลโก้ Razer Chroma RGB ที่ให้ปรับแสงสีได้แน่นอน ด้านหลังฟีเจอร์จัดเต็มและมีภาพ Green key switch มาด้วย
ด้านข้างกล่องยังบอกข้อมูลที่เป็นคุณสมบัติหลักของ Blackwidow รุ่นนี้ สังเกตได้ว่ามี Hybrid On-Board Memory มาด้วย สำหรับการบันทึกการตั้งค่าและการใช้งานร่วมกับระบบ Cloud ผ่านทาง Razer Synapse
และใครที่กำลังคิดว่าอยากได้ Mechanical keyboard แต่กลัวไม่มีภาษาไทย บอกเลยว่า Razer จัดมาให้ในรุ่นนี้ ส่วนหนึ่งคิดว่า ด้วยเสียงจากคีย์ที่ไม่ดัง จึงน่าจะตอบโจทย์คนที่อยากได้ไว้ใช้งานทั่วไปได้อีกด้วย
โดยอุปกรณืภายในกล่อหลักๆก็จะมีตัว Razer Blackwidow v3 และที่พักข้อมือ
หน้าตาของคีย์บอร์ด Razer Blackwidow v3 ออกมาดูดีทีเดียว โครงสร้างและเลย์เอาท์ จัดว่าทรงเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจาก Blackwidow รุ่นก่อน น่าจะถูกใจคนที่ไม่ชอบปุ่มที่เพิ่มเติมเข้ามา จนทำให้บอดี้ใหญ่เกินไป รุ่นนี้ถูกใจคุณแน่ๆ โดยคงโทนสีดไอันเป็นเอกลักษณ์โดยวัสดุหลักจะเป็นพลาสติกคุณภาพดี แข็งแรงทนทาน หนา แต่ไม่หนักเกินไป โดยมีจุดต่างที่เพิ่มขึ้นมาจากรุ่นเดิมไม่ว่าจะเป็น
จุดเด่นแรกจะเป็นปุ่ม Scroll ด้านขวาบน และปุ่มเมนูสำหรับเพิ่มลดเสียง และยังควบคุมมัลติมีเดียเช่นเล่นหยุดเพลง
จุดสังเหตุนึงที่ไม่พูดคงไม่ได้คือสกรีนภาษาไทย เป็นการสกรีนแยก ทำให้ตัวอักษรไทยดูเด่น สว่างขึ้นมากว่าตัวอักษรภาษาอังกฤษ เห็นชัดก็จริง แต่ก็ดูขัดตาไปหน่อย
อีกหนึ่งฟังค์ชั่นที่เพิ่มเข้ามาคือโหมดของคีย์บอรืดที่สามารถเปลี่ยนได้ตามที่ผู้ใช้ต้องการด้วยการกด Fn ตามโหมดเกม และจะมีไฟแสดงสถานะขึ้นมาตรงจุดนี้
หัวต่อเป็นแบบ USB ด้านในเป็นสีเขียว เป็นสไตล์ของทาง Razer บนเกมมิ่งเกียร์หลายรุ่น และตัวสายเป็นแบบสายถักที่มีความแข็งแรงและบิดงอได้ยาก
ขอบด้านหน้าจะมีการเล่นลายเส้น พร้อมตรงกลางที่ถ้าไม่ต่อสายจะไม่รู้เลยว่าตรงกลางจะเป็น โลโก้ Razer ที่เป็นไฟ RGB ด้วย
ที่รองข้อมือจะเป็นพลาสติกที่ทำผิวเป็นลายยาง ให้ความรู้สึกแค่คล้ายยาง แต่มันคือพลาสติก เพราะฉะนั้นไม่ได้ช่วยให้กันลื่นได้ แค่ช่วยรองข้อมือเท่านั้น
ด้านใต้คีย์บอร์ดมีขาตั้งปรับได้ 3 ระดับทั้ง 2 ด้าน รวมถึงแผ่นกันลื่น มีให้ 5 จุด ช่วยให้ไม่ลื่นไปมาบนโต๊ะได้ดีทีเดียว
เทียบความสูงระหว่างไม่กางขาตั้ง และกางขาตั้ง 2 ระดับ
โดยนอกจากสวิตซ์แบบเขียวแล้วทีมงานยังได้สวิตซ์แบบเหลืองมาทดสอบด้วย
หน้าตา Green Switch
หน้าตาของ Yellow Switch
มาดูที่ Key switch ที่เป็นแบบ Yellow switch ของ Razer ในคีย์บอร์ดรุ่นนี้กันบ้าง สำหรับ Blackwidow v3 จะมีให้เลือก 2 แบบด้วยกันคือ
- Green Switch: ให้อารมณ์การคลิ๊กแบบ Tactile และ Clicky มีเสียง 2 จังหวะ คล้ายกับ Cherry Blue แรงต้าน 50G และระยะตอบสนองที่ 1.9mm
- Yellow Switch: จะเป็นแบบ Linear and Silent คือเสียงเบา กดตรงๆ ไม่มีจังหวะ ระยะตอบสนองไว 1.2mm การกดสั้นกว่า Green จะคล้ายกับ Cherry Red
อีกหนึ่งจุดเด่นของสวิตซ์ที่ทาง Razer พัฒนาเองนั่นก็คือ ทำแหน่งของไฟ RGB ที่ใหญ่มาก ทำให้ไฟคีย์บอร์ดสว่างกว่าสวิตซ์ที่แบรนด์อื่นใช้กันทั่วไป
แสงสว่างและความคมชัดของตัวอักษร เด่นแค่ตัวอักษรภาษาอังกฤษ ส่วนภาษาไทยจะเป็นเพียงการพิมพ์ลงบนปุ่มเท่านั้นไม่มีไฟลอดออกมา สามารถปรับเพิ่มลดความสว่างได้ แน่นอนว่าถ้าจะลุยเล่นกันยามดึก แบบไม่ต้องเกรงใจใคร ก็จัดไปให้สว่างสุดๆ ได้เลย ส่วนถ้าคุณไม่ชอบอะไรที่แยงตา ก็สามารถปิดหรือลดระดับความสว่างลงมาได้เลย
การเปิดใช้ Game Mode ให้กด Fn+F10 ไฟจะปรากฏบริเวณด้านบนของปุ่มลูกศร ตรงกลางคีย์บอร์ด
สำหรับ F11, F12 จะเป็นการเพิ่ม-ลดแสงคีย์บอร์ด นอกจากนี้ยังสามารถบันทึกค่ามาโคร ด้วยการกดปุ่ม Fn+F9 ได้อีกด้วย เพื่อการใช้งานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
โลโก้ Razer ด้านล่างก็ยังมาพร้อมไฟ RGB ด้วย
จุดเด่นของสวิตซ์ที่ Razer พัฒนาเอง ทำให้ไฟ RGB สว่างมากเป็นพิเศษ
ซอฟแวร์ Razer Synapse 3 ศูนย์รวมของอุปกรณ์ Razer ที่สามารถปรับแต่ได้หลากหลายโดยเฉพาะไฟ RGB
จุดที่สำคัญและคนที่ใช้เกมมิ่งเกียร์จาก Razer ไม่ควรพลาดเลยก็คือ การใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ Razer Synapse ซึ่งจะช่วยให้คุณดึงศักยภาพด้วยการปรับแต่งเกมมิ่งเกียร์ได้ดีทีเดียว และสำหรับ Blackwidow V3 นี้ ซึ่งหากติดตั้งและระบบตรวจพบแล้ว ก็จะเห็นเป็นรูปคีย์บอร์ดขึ้นมาให้ใช้งานได้เลย จะมีการตั้งค่าโพรไฟล์ได้ 4 รูปแบบ โดยจะมีไฟแสดงสถานะ เป็นสีต่างๆ บนคีย์บอร์ด ได้แก่ Red, Green, Blue และ Cyan
ในหน้าของ Lighting จะมีให้ปรับแสงไฟ RGB ได้หลากหลายรูปแบบ พร้อมกับการตั้งความสว่างของแสง และสร้างโพรไฟล์ เพื่อการใช้งานได้ง่ายขึ้น เพราะบันทึกลงหน่วยความจำของคีย์บอร์ดได้โดยตรง
ในส่วนของ Effect แสงไฟ เลือกได้ 10 รูปแบบที่เป็นพื้นฐาน หรือจะ Customize เองก็ได้ผ่านทาง Advanced Effect ในการเลือกแสงสีให้ลึกลงไปในรายละเอียดได้ตามต้องการอีกด้วย
ภาพรวมการใช้งานของคีย์บอร์ด การออกแบบการใช้งานต่างๆลงตัวดีทีเดียว การกด การพิมพ์ต่างๆถนัดมือดียิ่งนัก อีกทั้งยังปรับโหมดเพื่อการเล่นเกมได้อย่างสะดวก ตอบสนองของปุ่มไว อีกทั้งยังมีปุ่มมัลติมีเดียเสริมเข้ามาเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน
มาดูเรื่องสัมผัสตัวสวิตซ์กกันบ้าง
Green switch ให้ความรู้สึกในแบบสวิตซ์ของคีย์บอร์ดเกมเมอร์ ด้วยเสียงคลิ๊กที่ชัดเจน ทำให้การเล่นเกมได้อารมณ์ไปอีก ช่วยให้เล่นเกมสนุกขึ้นเยอะ แต่แน่นอนว่าแลกมาด้วยเสียงที่ดังรบกวนคนรอบข้างบ้าง
Yellow switch ให้ความรู้สึกในการกด ค่อนข้างนุ่มนวลดีทีเดียว ระยะการกดตอบสนองได้ไว แม้จะไม่ได้เป็นแบบ Clicky ให้มีเสียงคลิ๊กๆ อาจจะลดทอนความสะใจไปบ้างเล็กน้อย แต่ความสนุกยังคงเดิม ที่สำคัญลดเสียงบ่นจากคนรอบข้างไปได้เยอะ
ในส่วนของไฟ RGB ก็ปรับแต่งได้เยอะพอสมควร โหมดสีสันต่างๆที่ชัดเจนสวยงาม แม้จะไม่สามารถปรับแบบแยกแต่ละปุ่มได้ก็ตาม
ในภาพรวมของคีย์บอร์ด Razer Blackwidow V3 รุ่นนี้ ต้องบอกว่าเอาใจคอเกมที่เน้นอัตราการตอบสนองที่ไว และยังมีให้เลือกทั้ง Green switch ที่ให้อารมณ์คลิ๊กเสียงดังชัดเจนตอบสนองเกมเมอร์ หรืออยากได้เงียบๆและก็ยังให้อารณ์ mechanical แบบ Yellow switch ที่ออกจะนุ่มมือ กับแรงต้านที่ไม่เยอะ มองในแง่ของการเล่น ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนอาวุธ โหลดกระสุน หรือการใช้ท่าต่อเนื่อง ในหลายๆ เกม การใช้คีย์บอร์ดที่ค่อนข้างไว ก็ให้ความได้เปรียบได้ ในการทดสอบบน PUBG, COD: Warzone และ BFV ทั้ง 2 สวิตซ์ สามารถตอบสนองได้ไวเหมือนกัน แต่ให้อารณ์ที่ต่างกันในเสียงและฟิลลิงค์เล็กน้อย
ส่วนลูกเล่นของการปรับค่ามาโครอะไรต่างๆ ก็แทบจะไม่ต่างไปจาก Blackwidow ในหลายๆ รุ่นที่ผ่านมา การใช้งานก็ค่อนข้างง่าย ปรับผ่าน Razer Synapse อีกทั้งเลือกปรับจากปุ่มบนคีย์บอร์ดได้ทันที เพราะฉะนั้นจึงง่ายสำหรับคนที่ใช้คีย์บอร์ดเพียงคนเดียว ไม่ต้องแชร์กับใคร และสิ่งที่คีย์บอร์ดรุ่นนี้จัดมาให้กับคอเกมอย่าง Razer Chroma ก็ปรับใช้ได้อย่างเพลิดเพลินบน Synapse เลือกเอฟเฟกต์แสงไฟพื้นฐานได้ 10 แบบ และยังเลือก Custom เองได้อีกด้วย และตัวสวิทช์ก็เคลมไว้ว่า รองรับการกด 80 ล้านครั้ง และเมื่อรวมกับฟีเจอร์ ความสวยงาม ลูกเล่นที่น่าใช้ รวมถึงซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการปรับแต่ง ก็น่าใช้เป็นสิ่งที่ทำให้คุณนำไปพิจารณาได้ไม่ยากแล้ว ทั้งหมดนี้ในราคา 3,500 บาท ไม่ถูกไม่แพงจนเกินไปถ้าเทียบกับฟังค์ชั่นและ ออปชั่นต่างๆสำหรับเกมเมอร์ที่มาครบครัน
จุดเด่น
- มีให้เลือกทั้ง Green และ Yellow switch
- มาพร้อมไฟ RGB สีสันสดใสไม่เหมือนใคร
- บันทึกการปรับแต่งได้บนเมมโมรีของคีย์บอร์ด
- ฟีเจอร์ HyperShift ให้การตั้งค่ามาโครสะดวกขึ้น
ข้อสังเกต
- น้ำหนักค่อนข้างเยอะ
- ตัวอักษรไทยสกรีนเอง ดูไม่สวย และแสงไฟไม่ลอดออกมา