ASUS ZenBook 14 UM425UA เป็น AMD Notebook สเปก Ryzen 5000U รุ่นใหม่ล่าสุด สายทำงานบางเบา มาพร้อมขนาดหน้าจอ 14″ โดดเด่นด้วยความบางเฉียบสุดๆ เพียง 14.3 มม. และเบามากๆ ที่น้ำหนัก 1.22 กก. เท่านั้น เรียกได้ว่ามีการปรับปรุงจากรุ่นก่อนทั้งหมด แต่ยังมาพร้อมพอร์ทเชื่อมต่อที่พอเพียง
พร้อมนำเสนอนวัตกรรมขอบจอบาง 4 ด้าน ให้อัตราส่วนขนาดจอต่อตัวเครื่องที่ 90% พร้อมอายุการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด 20 ชม. พร้อมดีไซน์ใหม่ในสีเทา (Pine Grey) ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร อัพเกรดประกันเป็น 3 ปี On-site Service + Perfect Warranty ในปีแรก
สเปกชิปประมวลผลรุ่นล่าสุดอย่าง AMD 5000U series ซึ่งมีทั้ง Ryzen 5 5500U และ Ryzen 7 5700U เป็นตัวเลือก ได้หน่วยความจำแรมสูงสุดที่ 8GB / 16GB DDR4 Bus 3200 MHz ส่วนที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB รองรับการเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 6 (802.11ax) ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home แท้ใช้งานได้ทันที และโปรแกรม Microsoft Office Home and Student 2019 ทำให้เราใช้งานเอกสาร Word / Excel / Power Point ได้ฟรีๆ ด้วย สนนราคา 27,990 – 30,990 บาท
VDO Preview
NBS Verdict
ASUS ZenBook 14 UM425UA เป็นโน๊ตบุ๊คสายบางเบาที่ได้สเปก AMD Ryzen 5000 U Series อย่าง Ryzen 5 5500U / Ryzen 7 5700U ที่ทรงพลังแรงลื่น แต่ก็ประหยัดพลังงานด้วย ทำงานร่วมกับแรมขนาด 8GB / 16GB และ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB รองรับการทำได้อย่างลื่นไหลสำหรับการใช้งานพื้นฐานทั่วไปอย่าง งานเอกสารผ่านทางโปรแกรม Word, Excel, Power Point ซึ่งมีมาให้ใช้ฟรีๆ ทันที
รวมไปถึงงานออนไลน์ต่างๆ ผ่านทางเว็บบราวเซอร์ และตัดต่อวีดีโอก็ได้สบายๆ จากฮาร์ดแวร์ภายในต้องบอกเลยว่าลื่นไหลไม่มีสะดุดแน่นอน อีกทั้งได้หน้าจอขนาด 14″ บนมิติตัวเครื่อง 13.3″ ทำให้เล็กกระทัดรักพกพาสะดวก ที่สำคัญเครื่องยังเบาเพียง 1.22 กิโลกรัมเท่านั้น ตอบโจทย์การใช้งานนอกสถานที่อย่างออฟฟิศ ร้านกาแฟ หรือ Co Working Space อย่างแท้จริง
สำหรับราคาก็คุ้มค่าสุดๆ เพราะเพียง 27,990 – 30,990 บาทเท่านั้น ที่นอกจากได้เรื่องของสเปกฮาร์ดแวร์ที่ดีแล้ว ยังได้ตัวเครื่องที่พรีเมียมหรูหรา โดดเด่นด้วยความทนทานระดับ MIL-STD-810G ทำให้มั่นใจได้เลยว่าพกพาไปใช้งานไปไหนมาไหนเผื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นเครื่องก็ไม่พังง่ายแน่นอน รวมไปถึงยังได้เรื่องของความปลอดภัยด้วยการสแกนใบหน้า 3D IR Camera ใช้งานผ่านทาง Windows Hello ที่สะดวกและง่ายกว่าการกรอกรหัสผ่านแบบเดิมๆ
พอร์ตการเชื่อมต่อก็ครบครันประมาณนึงเพียงพอต่อการใช้งานที่ไม่หนักหน่วงมาก และสำหรับแบตเตอรี่ก็ใช้านได้ยาวนาน 20 ชั่วโมง ถ้าคิดว่าไม่พอจะพกอแดปเตอร์ติดไปด้วยก็ได้ เพราะขนาดก็เล็กเพียงนิดเดียวเท่านั้นเอง เรียกได้ว่าสำหรับโน๊ตบุ๊คบางเบาสเปกดีพรีเมียมงบสองหมื่นนิดๆ ถือว่าตอบสนองได้อย่างคุ้มค่าจริงๆ อย่างไรก็ตามน่าเสียดายที่ตัดช่องต่อหูฟังออกไป โดยไม่มีสายแปลงแถมมาให้ด้วยเท่านั้นเอง
จุดเด่น ASUS ZenBook 14
- เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ แต่มีขนาดตัวเครื่องเล็กเทียบเท่ารุ่นหน้าจอ 13.3″
- น้ำหนักเบากแค่ 1.22 กิโลกรัม วัสดุตัวเครื่องคุณภาพสูงตลอดทั้งตัว
- ดีไซน์พิเศษบานพับ ErgoLift Hinge ช่วยให้ใช้งานดีขึ้น ในหลายๆ ส่วน
- หน้าจอมีความละเอียดสูงระดับ Full HD พาเนล IPS ขอบเขตสีใกล้เคียง 100% sRGB
- ขอบจอบางเฉียบด้วย เทคโนโลยี Nano Edge บางพิเศษกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป
- ใช้งานจริงลื่นไหลด้วย Ryzen 5000U + RAM 8GB / 16GB + SSD 512GB
- ใช้งานทั่วไปลื่นไหลสบายมาก เล่นเกม 3 มิติ หรือตัดต่อวีดีโอพอได้
- ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน MIL-STD-810G ทนทานต่อการใช้งาน
- ลำโพง Harman/ Kardon ให้เสียงที่ดีในระดับหนึ่ง
- มาพร้อม 3D IR Camera ใช้งานผ่านทาง Windows Hello
- อแดปเตอร์เป็นมาตรฐาน USB-C แล้ว ใช้สะดวกพกพาง่าย
- มี Windows 10 แท้มาให้พร้อมใช้งานทันที
- ประกัน 3 ปี On-site Service พร้อมประกันอุบัติเหตุ 1 แรก เคลมผ่าน 7-11 ได้
- มีอุปกรณ์เสริมอย่างซองเคสใส่เครื่องและสายแปลง USB to LAN ให้ทันที
- ราคาคุ้มค่า ประสิทธิภาพดี เมื่อเทียบแบรนด์อื่นๆ
ข้อสังเกต ASUS ZenBook 14
- มีการตัดพอร์ตช่องต่อหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรออกไป แต่ก็การบันเดิลสายแปลงมาด้วยเลย
- ดีไซน์โดยรวทั้งหมดยังเหมือนกับรุ่นก่อนหน้า
Specification
ASUS ZenBook 14 UM425UA มีอยู่ 2 สเปกในตอนนี้ คือ AMD Ryzen 5 5500U ราคา 27,990 บาท และ AMD Ryzen 7 5700Uราคา 30,990 บาท ที่เป็นชิปประมวลผลสถาปัตยกรรม Zen 3 โค้ดเนม Cezanne มาพร้อมกับเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 nm ที่แรงขึ้นมากๆ และร้อนน้อยกว่าเดิม เพิ่มเติมด้วยแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน การ์ดจอเป็นออนชิป Radeon 7 / 8 รุ่นใหม่ ได้แรม 16GB LPDDR4X Bus 3733MHz แบบฝังบอร์ด และ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB (รองรับการอัพเกรดอีก 1 ตัว)
หน้าจอขนาด 14″ เป็นพาเนล IPS ความละเอียด Full HD แบบจอด้านลดแสงสะท้อน พร้อมได้มุมมองที่กว้างและสีสันสดใส มีกล้องเว็บแคมและมีไมค์ดิจิตอลในตัว รองรับการใช้งาน VDO Call พร้อมกล้อง 3D IR Camera ที่ใช้งานร่วมกับ Windows Hello ไว้สแกนใบหน้าเพื่อเข้าใช้งาน ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ ที่สำคัญคือได้โปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,299 บาท) ไปใช้งานฟรีๆ ติดเครื่องไปใช้งานยาวๆ ได้เลย คุ้มค่าสุดๆ ไปเลยตรงจุดนี้
มีพอร์ตมาตรฐานซึ่งมาให้ครบทั้ง USB 3.2 Type-C, USB 3.2 Type-A, USB 2.0 Type-A, HDMI สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก ที่สำคัญยังมาพร้อม Wi-Fi 6 AX ที่ดีกว่ารุ่นก่อน 3 เท่า และการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.0 ใหม่ล่าสุด การรับประกัน 3 ปี On-site Service รวมถึงถ้าลงทะเบียนในเว็บไซต์ ปีแรกจะมีประกันอุบัติเหตุมาให้ด้วย (Perfect Warranty) อย่างที่หาได้ยากใน Notebook แบรนด์อื่นๆ
ASUS ZenBook 14 UM425UA-AM003TS ราคา 27,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)
- CPU : AMD Ryzen 5 5500U (6C/12T & 2.10 – 4.00GHz)
- GPU : AMD Radeon 7
- RAM : 16GB LPDDR4X Bus 3733MHz
- DISPLAY: 14″ Full HD IPS
- STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 512GB
- OS : Windows 10 Home
- Warranty : 3 Years On-site Service + 1 Year Perfect Warranty
ASUS ZenBook 14 UM425UA-AM002TS ราคา 30,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)
- CPU : AMD Ryzen 7 5700U (8C/16T & 1.80 – 4.30GHz)
- GPU : AMD Radeon 8
- RAM : 16GB LPDDR4X Bus 3733MHz
- DISPLAY: 14″ Full HD IPS
- STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 512GB
- OS : Windows 10 Home
- Warranty : 3 Years On-site Service + 1 Year Perfect Warranty
Hardware / Design
ด้วยการออกแบบตัวเครื่องที่เน้นเป็นสุดยอดโน๊ตบุ๊คที่หรูหราบางเบา แต่ก็ยังมาพร้อมความคุ้มค่าทำให้ ASUS ZenBook 14 UM425UA มีความบางเบาที่สุด โดยบางเพียง 14.3 มิลลิเมตร และน้ำหนักแค่ 1.22 กิโลกรัม สามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างสบายๆ
โดยเหมาะมากๆ สำหรับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คระดับสูง หรือคนทำงานพนักงานออฟฟิศที่เน้นใช้งานทั่วไปให้ประสิทธิภาพพอตัว แต่พกพาไปที่นู้นที่นั่นบ่อยๆ ซึ่งรองรับการทำงานได้ยาวนานกว่าโน๊ตบุ๊คปกติ ที่สำคัญคือได้ภาพลักษณ์ด้วย
โดย ASUS ZenBook 14 วัสดุหลักเป็นอลูมิเมียมเกรดสูงแบบ Unibody ที่ไร้รอยต่อ ผสานกับลวดลายการออกแบบอันเป็นแบบฉบับของ ZenBook ด้วยสีสันอย่างสีเทา (Pine Grey) ให้ความหรูหราพรีเมียมไม่เหมือนใคร พร้อมรายละเอียดรอบนอกเครื่องแบบโค้งมน รวมไปถึงด้านในอย่างตัวอักษรคีย์บอร์ด มีความโดดเด่นขึ้นมาอีกขั้น กับราคาก็ไม่แพงด้วยจากการที่สเปกเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 5000U Series ซึ่งให้ประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมกว่ารุ่นก่อนๆ
อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เข้ามาเสริมให้การทำงานเป็นไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพก็คือ บานพับ ErgoLift Hinge นั้นเวลาที่กางออกมาใช้งานในรูปแบบโน๊ตบุ๊คจะทำให้คีย์บอร์ดทำมุม 3 องศากับฐานตั้ง พร้อมกางจอได้สูงสุดที่ 140 องศา จากการที่มีบานพับแบบพิเศษช่วยยกตัวเครื่องสูงขึ้จากพื้น โดยขอบตัวเครื่องด้านหลังจะมียางรองพร้อมทำหน้าที่เป็นฐานรองด้านหลัง
ซึ่งมุม 3 องศาที่ว่านี้นั้นทาง ASUS ได้ทำการวิจัยออกมาเป็นอย่างดี ว่ามันจะช่วยให้เราใช้งานโน๊ตบุ๊คนั้นสามารถที่จะพิมพ์ได้อย่างสบาย แถมเวลาที่กางบานพับออกมานั้นมันจะทำให้ส่วนของฐานคีย์บอร์ดมีระยะห่างกับฐานตั้งซึ่งทำให้ความร้อนที่เกิดขึ้นในส่วนของตัวเครื่องนั้นมีการดูดลมเย็นเข้าไปช่วย พร้อมกันนั้นยังให้เสียงที่ดีขึ้นด้วย เรียกได้ว่าด้วยฟีเจอร์บานพับเดียวนี้ ทำให้การใช้งานดีขึ้นทั้ง 3 ด้านเลย
ฝาหลังเป็นลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์อย่าง ZenBook ที่ให้ผิวสัมผัสที่ดีมีความพรีเมียม พร้อมโลโก้ ASUS ตามมาตรฐานที่มีรัศมี Zen ที่เป็น DNA สำหรับขอบตัวเครื่องมีความสวยงามเรียบง่ายแต่ดูแพง ส่วนด้านในก็จะเป็นอลูมิเนียมแบบด้านที่ดูหรูหราไม่แพ้ด้านนอกทีเดียว นอกจากนี้ใต้เครื่องก็เรียกได้ว่าไม่มีช่องระบายอากาศให้เห็นเลยในการท่ายเทความร้อนออกไปจากช่องทางใต้หน้าจอ ทำให้สเปกแรงแบบนี้ก็ยังถ่ายเทความร้อนได้อย่างรวดเร็วน่าประทับใจ แม้จะมีพัดลมเพียงตัวเดียวก็สามารถจัดการความร้อนภายในได้เป็นอย่างดี
อีกทั้งตัวเครื่อง ASUS รุ่นนี้เอง ก็ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน MIL-STD-810G ระดับกองทัพสหรัฐฯ ที่มีการทดสอบในหลากหลายด้าน เช่น ทดสอบการตกหล่น ทดสอบการสั่นสะเทือน ทดสอบการทำงานในสภาวะอุณหภูมิต่าง ๆ ทำให้มั่นใจได้เลยว่าจะสามารถใช้งานตัวเครื่องนี้ได้ในแทบทุกสภาพแวดล้อมอย่างแน่นอน เรียกว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่เน้นความบางเบาหรูหราซึ่งมิติตัวเครื่องเทียบเท่ากับกระดาษ A4 เท่านั้นเอง
ในส่วนของชุดบันเดิลที่ให้กับ ASUS ZenBook 14 UM425UA มีทั้งในส่วนของซอฟต์เคสที่ดูดีลงตัวกับเครื่อง อีกทั้งได้ตัวแปลง USB-C to 3.5mm และ USB-A to LAN RJ45 มาให้ใช้งานได้ทันที ตอบโจทย์คนที่ต้องการหรือจำเป็นใช้งานเชื่อมต่อเครือข่ายอินเตอร์เน็ตแบบสาย LAN อยู่เช่นตามที่ทำงานรวมไปถึงองค์กรต่างๆ โดดเด่นด้วยอแดปเตอร์ชาร์จไฟ ที่เป็นมาตรฐาน USB-C แบบ USB PD
ทำให้ในการใช้งานร่วมกับตัวเครื่องได้สะดวกสบาย เพราะเราสามารถนำอแดปเตอร์นี้ไปชาร์จมือถือรุ่นใหม่ๆ หรืออุปกรณ์อื่นๆ ได้แทบทั้งหมด อาทิ กล้องดิจิตอล หรือ Power Bank นับได้ว่า ASUS ZenBook 14 UM425UA เป็นการมาของ AMD Notebook หน้าจอ 14″ สายทำงานบางเบาที่ครบเครื่อง มีดีที่สเปกแรงลื่น ราคาคุ้มค่า ต่อยอดความสำเร็จจากรุ่นก่อนๆ ได้เป็นอย่างดี ยืนยันได้เลยว่า ASUS ใส่ใจในการออกแบบ รายละเอียด เพื่อการรองรับใช้งานจริงของคนรุ่นใหม่จริงๆ
Keyboard / Touchpad
ปุ่มคีย์บอร์ดของ ASUS รุ่นนี้มีขนาดใหญ่เป็นสีเดียวกับตัวเครื่อง จัดว่าอยู่ในขนาดพอตัวเมื่อเทียบกับขนาดหน้าจอ 14″ ทำให้พอมีพื้นที่เว้นว่างบ้าง โดยมีระยะการกดที่ 1.4 มิลลิเมตร ซึ่งให้สัมผัสในการกด การเด้งของปุ่มที่ดี การตอบสนองทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วกันและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด
ส่วนไฟ LED ที่คีย์บอร์ดก็จะเป็นสีขาวตัวอักษรเป็นสีขาวเข้ากัน พร้อมไฟส่องสว่างทำให้เราใช้งานในที่แสงน้อยหรือมืดๆ ซึ่งสามารถปรับความสว่างได้ 3 ระดับ ส่วนปุ่ม Fn ที่เป็นทางลัดต่างๆ ติดตั้งอยู่ชุดคีย์บอร์ดแถวบนเป็นมาตรฐาน ใช้งานได้สะดวกเหมือนเดิมตามมาตรฐาน ASUS ZenBook ที่ทำได้ดีอยู่แล้ว
ตัวทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ ซึ่งใหญ่กว่ารุ่นก่อนๆ มาก เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่องโดยรวมที่มีเล็กกระทัดรัดถือว่าจัดเต็มเรื่องของการใช้งานจริง ดีไซน์ออกมาแบบไม่มีปุ่มแยกโดยเป็นชิ้นเดียวทั้งคลิกซ้ายคลิกขวา ซึ่งขอบรอบๆ มีการเล่นสีสันเป็นสีมันวาวสะดุดตา การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ตัวซอฟต์แวร์ที่ให้มาสามารถควบคุมจัดการได้ดี ใช้งานแบบมัลติทัชร่วมกับ Windows 10 ได้ลื่นไหลไม่มีสะดุด เรียกได้ว่าไม่จำเป็นต้องมีเมาส์มาต่อเพิ่มเลยก็ว่าได้
Screen / Speaker
หน้าจอของ ASUS ZenBook 14 UM425UA เป็นจอด้าน แบบขอบบางทั้ง 4 ด้าน ให้ความละเอียด Full HD พาเนล IPS เกรดระดับสูง ที่ให้มุมมองกว้างถึง 178 องศา ที่ให้ภาพคมชัด สวยงามสมจริงทุกมุมมอง เมื่อประกอบกับขอบจอที่บางเฉียบ
ตามสไตล์ NanoEdge Display โดยให้พื้นที่หน้าจอถึง 90% เป็นหน้าจอแสดงผล ทำให้ไม่ว่าจะการใช้งานทั่วไป การเปิดหน้าเว็บ การชมภาพยนตร์ ซีรีส์ รวมถึงการเล่นเกมดูเต็มอารมณ์มากยิ่งขึ้น ส่วนขอบจอด้านบนจะเป็นตำแหน่งของกล้องหน้า รวมถึงยังมีหลอดไฟ LED สำหรับแสดงสถานะว่ากล้องทำงานอยู่
เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่ให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่ง อีกทั้งแม้ขอบหน้าจอจะบางแต่ก็ยังติดตั้ง Webcam และไมโครโฟนแบบคู่มาปกติที่ขอบด้านบน พร้อมด้วย 3D IR Camera ไว้ใช้งานร่วมกับ Windows Hello ด้วย ส่งผลให้เราสามารถใช้งานได้สะดวกสบาย ไม่ต้องกรอกรหัสแบบเดิมๆ อีกต่อไป
รวมถึงมีความปลอดภัยด้วย นอกจากนี้ยังมีการที่ใส่ยางขอบจอแบบติดเนียนตามตลอดแนวขอบจอเลย ทำให้ช่วยซับแรงกระแทกได้ดีกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ที่มักจะติดตั้งมาเป็นจุดๆ ในบางตำแหน่งเท่านั้น ฉะนั้นมั่นใจเรื่องความแข็งแรงทนทานได้เลย
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ ASUS ZenBook 14 UM425UA ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 95% และ AdobeRGB ที่ 71% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันนั้นดีมากกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ พอตัว ซึ่งมีความเที่ยงตรงของสีที่สูง รองรับการทำงานที่เน้นกราฟิก หรืองานด้านการถ่ายได้ระดับมืออาชีพ
ส่วนความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่ามีความสว่างในระดับกลางๆ ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในที่ต่างๆ ได้แบบสบายๆ ทำให้เมื่อคาลิเบตหน้าจอแล้วสามารถไปทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นความเที่ยงตรงได้มาตรฐานระดับมืออาชีพเลยทีเดียว ส่งผลให้มีคะแนนรวมอยูท่ี 4.0 คะแนน ถือว่าสูงกว่าโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปี 2021 นี้ เมื่อเทียบกับราคายิ่งจัดว่าคุ้มค่า
ตัวลำโพงเป็นแบบสเตอริโอเลือกใช้ลำโพง 2 ตัว ระบบเสียง Harman/Kardon พร้อมด้วย Smart AMP ให้ที่เสียงที่ดีมากทั้งความดังและคุณภาพ ผ่านตัวซอฟต์แวร์ ASUS SonicMaster ทั้งในเรื่องของเสียงเบสที่มีน้ำหนัก เสียงกลางที่สมดุล และเสียงแหลมที่ออกมาใสๆ
พร้อมทั้งความดังและกังวาลที่มากกว่า เมื่อกางบานพับจอแบบ ErgoLift ออกมา ฐานเครื่องก็จะยกขึ้นเพื่อให้เสียงจากลำโพงสะท้อนกับพื้นเพิ่มมิติของทิศทางเสียง ซึ่งตัวลำโพงจะอยู่บริเวณใต้ตัวเครื่องซ้ายและขวาลักษณะยิงลงพื้น 2 ตัว ทำให้เสียงที่ออกมามีเสียงดังฟังชัด
Connector / Thin And Weight
ASUS ZenBook 14 UM425UA ในเรื่องพอร์ตเชื่อมต่อก็ถือว่ามีความครบครันตามมาตรฐานของโน๊ตบุ๊คบางเบา ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต USB 3.2 Type-A จำนวน 1 พอร์ต (น่าจะให้มาสักสอง) ไว้สำหรับการเชื่อมต่อกับแฟลชไดร์ฟหรือฮาร์ดดิสก์ภายนอกไว้ถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็ว มีพอร์ต USB 3.2 Type-C มาให้ 2 พอร์ต แน่นอนว่ารองรับการชาร์ไฟเข้าเครื่องทั้ง 2 พอร์ต
ทางด้านพอร์ตการเชื่อมต่อหน้าจอก็จะมี HDMI มาให้ ส่วนช่องอ่าน micro-SD Card จะอยู่ด้านขวามือตัวเครื่อง อย่างไรก็ตามเป็นครั้งแรกที่ทาง ASUS เลือกตัดช่องเชื่อมต่อหูฟังเป็นแบบ Combo ไมค์และหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรออกไป ซึ่งมาพร้อมกับตัวแปลงสาย USB-C to 3.5mm รองรับการใช้งานได้ทันที อีกทั้งยัง USB-A to LAN RJ45 มาให้ด้วย
ขนาดของตัวนี้ถือว่ามีมิติที่ค่อนข้างเล็กและบางเบา น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 1.22 กิโลกรัม และตัวอแดปเตอร์ที่ชาร์จเองก็มีขนาดเล็ก กะทัดรัดซึ่งเมื่อรวมเข้าไปด้วยกันแล้วน่าจะมีหนักราวๆ 1.3 กิโลกรัม ถือว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลยทีเดียว เพราะปกติแล้วโน๊ตบุ๊ค 14″ รุ่นก่อนๆ แค่ตัวเครื่องก็จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 1.5 กิโลกรัมขึ้นไปแน่นอน ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบสนองในเรื่องของการพกพาใส่กระเป๋าไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ
Performance / Software
ASUS ZenBook 14 UM425UA รุ่นที่นำมารีวิวเป็นตัวท็อปขายจริง ได้สเปกเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 5700U ที่แรงกว่า AMD Ryzen 4000U และ H รุ่นก่อนหน้าแบบก้าวกระโดด ด้วยสถาปัตยกรรม Zen 3 โค้ดเนม Cezanne มาพร้อมกับเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 nm ความเร็ว 1.80 – 4.30 GHz แบบ 8 Core/ 16 Thread ร้อนน้อยกว่า ได้ L3 Cache ที่ 8MB มีค่าอัตราการใช้พลังงานสูงสุด (TDP) ที่ 25W
ที่ต้องบอกว่าสร้างมาตรฐานประสิทธิภาพที่มากกว่าชิปประมวลผลรุ่นก่อนๆ แรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังก็รองรับได้อย่างสบายๆ ส่วนแรมได้ขนาด 8GB แบบฝังบอร์ด เป็นมาตรฐาน LPDDR4x 3733 MHz ตามเทคโนโลยีของ AMD Ryzen 5000U ที่เหนือชั้นกว่า พร้อมให้ที่เก็บข้อมูล SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 แบบไร้กังวล
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง AMD Radeon 8 มีความเร็วในการทำงานที่ 1900MHz มาตรฐานแรม DDR4 ขนาด 512MB ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ซึ่งโดดเด่นจริงๆ จะเป็นเรื่องของการประหยัดพลังงานเมื่อใช้งานเบาๆ
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 5700U คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจสมกับเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เปรียบเทียบกับชิปประมวลผล AMD Ryzen 5000U / Intel Core i Gen 11U ก็ทำได้ดีกว่าแบบชัดเจนทีเดียว รวมไปถึงตัวการ์ดจอเองก็มีประสิทธิภาพสูงเช่นเดิม เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำผลทดสอบเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe PCIe ระดับสูง แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 SATA 3 แบบทั่วไป ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3594 MB/s และเขียนที่ 2891 MB/s เป็นระดับความเร็วในการเขียนอ่านทำงานโดยรวมที่น่าประทับใจมากๆ
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 5,285 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ จากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คใช้ชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 5700U ที่แม้ไม่มีการ์ดจอแยก แต่ก็ยังแรงมากๆ ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คในสเปกใกล้เคียงกันกับ Gaming Notebook หลายๆ รุ่นเลยทีเดียว
ทดสอบเกมสำหรับ ASUS Notebook สเปก Ryzen 5000U ได้คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 3 เกมออนไลน์ เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยค่อนข้างลื่นไหล น่าประทับใจทีเดียว เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คที่ไม่ได้เน้นเล่นเกมมาก
ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 5700U ที่ทำงานร่วมกับการ์ดจอ APU ออนชิปอย่าง AMD Radeon 7 ได้ดีเยี่ยม ประกอบกับใช้แรม 16GB LPDDR4x 3733 MHz รวมไปถึง SSD ก็ส่งผลช่วยด้วย
สำหรับเกมออนไลน์อย่าง DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมด ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่เฉลี่ยที่ 58 แต่ฉากตะลุมบอนกันก็เฟรมเรทลดลงไปที่ 46 (อยากลื่นกว่านี้ก็ปรับกลางๆ ได้)
และในส่วนของเกม Overwatch ที่ปรับ Low ทดสอบแล้วจะมีเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ 75 ซึ่งต่ำสุดอยู่ที่ 60 รวมไปถึงเกมกินสเปกอย่าง PUBG เฟรมเรทก็ทำออกมาได้ลื่นไหลกว่าที่คาดไว้พอตัว อย่างไรก็ตามด้วยตัวเครื่องที่บางเบาสุดๆ ทำให้เป็นข้อจำกัดอยู่บ้าง
ASUS รุ่นนี้เองก็ยังมีในส่วนของซอต์ฟแวร์ที่จะเป็นตัวช่วยในการใช้งานของเราอีกด้วยอย่าง MyASUS (โดยเปิดเครื่องมาเจอเลยพร้อมมี Hotkey ให้กดใช้งาน) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน รวมไปถึงโหมดพัดลมและโปรไฟล์สีการแสดงผลอีกด้วย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ ASUS ZenBook 14 UM425UA เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คปีปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่มีขนาดประมาณ 4000 mAh ทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ราวๆ 14:40 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต)
ด้วยการทดสอบปรับเป็น Power Saver Mode แล้วดู Youtube ยาวๆ ซึ่งคาดว่าจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน ว่าเปิดโปรแกรมอะไร อย่างถ้าใช้ Microsoft Edge ก็จะใช้งานได้ยาวนานกว่า Chrome จากการที่ใช้ AMD Ryzen 7 5700U ที่มีคุณสมบัติประหยัดพลังงานพิเศษ ส่วนช่องระบายความร้อนของตัวเครื่องมีเพียงช่องเล็กๆ พร้อมพัดลมตัวเดียว
อุณหภูมิภายในของชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 5700U ล่าสุดได้ทดสอบผ่านทางโปรแกรม Core Temp โดยมีความร้อนสูงสุดคือ 84 องศาเซลเซียส จากการเล่นเกมและประมวลผลงานต่อเนื่อง ซึ่งถ้าใช้งานทั่วไปจะอยู่ที่ 40 – 50 องศาเซลเซียสโดยประมาณ ส่วนโปรแกรม Hardware Monitor ไม่สามารถดู CPU / GPU ได้ในขณะนี้ ด้วยการทดสอบให้ห้องแอร์ปรับอากาศที่ 25 องศาเซลเซียส
เรียกได้ว่าระบบระบายความร้อนของตัวเครื่องนี้มีอุณหภูมิที่เย็นลงมากเหมือนเทียบกับสเปก Ryzen 4000U รุ่นก่อน แม้ว่าตัวเครื่องเน้นความบางสุดๆ เรียกได้ว่าเป็น AMD Notebook รุ่นใหม่ที่จัดการความร้อนได้ดีเยี่ยมทีเดียว ตรงนี้ถือว่าทำได้น่าประทับใจที่ไม่ใช่แค่แรงขึ้นจากการทดสอบหลายๆ อย่าง แต่การปลดปล่อยความร้อนก็ทำได้ยอดเยี่ยมด้วย
Conclusion / Award
เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจจริงๆ สำหรับโน๊ตบุ๊คอีกหนึ่งรุ่นที่ทุกๆ คนให้ความสนใจอย่าง ASUS ZenBook 14 UM425UA ที่ต่อยอดความสำเร็จตระกูล ZenBook ได้เป็นอย่างดีมาพร้อมความสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ
รวมไปถึงสเปคประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งาน สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาระดับสูงของทาง ASUS ที่ทุกคนต่างในการยอมรับ นอกจากนี้ยังโดดเด่นด้วยการทดสอบตามมาตรฐาน MIL-STD-810G ระดับกองทัพสหรัฐฯ ที่มีความทนทานมากกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปชัดเจน
ทางด้านราคา ASUS ZenBook รุ่นนี้ถือว่าเป็นที่สุดของความคุ้มค่า สนนราคาที่ 27,990 – 30,990 บาท ซึ่งเหนือกว่าในเรื่องชิปประมวลผล แรมและฮาร์ดดิสก์ที่มากกว่าคู่แข่งอื่นๆ ในกลุ่มที่ใกล้เคียงกัน จากการใช้ชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 5500U / Ryzen 7 5700U รุ่นใหม่ล่าสุด
ที่ทั้งแรงและร้อนน้อยกว่าเดิมได้อีก อีกทั้งด้วยการที่ตัวเครื่องมีขนาดเล็กเทียบและมีหน้าจอขนาด 14″ แต่มิติรูปทรง น้ำหนัก มีขนาดเล็กกว่าโน๊ตบุ๊ค 14″ ทั่วไป ซึ่งมีน้ำหนักเพียง 1.22 กิโลกรัมและบางเพียง 14.3 มิลลิเมตรเท่านั้น เทียบกับ ZenBook รุ่นก่อนๆ ถือว่าราคาไม่แพงเลย
เอาเป็นว่า ASUS ZenBook 14 UM425UA รุ่นนี้สมแล้วที่จะเป็นสุดยอดโน๊ตบุ๊คบางเบาในราคาคุ้มค่า แต่ก็จัดเต็มทุกๆ อย่าง อาทิ มาตรฐาน USB 3.2 Type-C จำนวน 2 พอร์ตที่ชาร์จไฟได้ พร้อมชูนวัตกรรม ErgoLift ของคีย์บอร์ดที่ทำมุม 3 องศา
ช่วยให้การพิมพ์งานง่ายกว่าเคย พร้อมระบายความร้อนดีขึ้น ระบบเสียงดีขึ้น นอกจากนี้ยังได้ชิปประมวลผล แรม SSD และโปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,299 บาท) ไปใช้งานฟรีๆ ติดเครื่องไปใช้งานยาวๆ ได้เลย ส่งผลให้ประสบการณ์ใช้งานโดยรวมดีเยี่ยมนั่นเอง
สรุปแล้ว ASUS ZenBook 14 UM425UA ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่งก็ว่าได้ในช่วงราคานี้ แม้ว่าจะได้ดีไซน์เหมือนรุ่นก่อนหน้า จากการที่ได้ประสิทธิภาพที่สูงเหมาะกับการทำงานทั่วไป หรือหนักๆ อย่างตัดต่อวีดีโอ ที่สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก หรือถ้าจะเล่นเกมบ้างก็สามารถทำได้ดีลื่นไหล ทั้งจากรูปลักษณ์และใช้งานจริง สมราคา 2x,xx บาท
การรับประกันก็ตามมาตรฐานของ ASUS ที่อัพเกรดเป็นมาตรฐานประกันแบบ 3 ปี On-site Service ซ้อมฟรีถึงบ้าน รวมไปถึงในปีแรกแค่เราลงทะเบียนก็จะได้ประกันอุบัติเหตุในปีแรก อย่าง Perfect Warranty แล้ว ถือว่าได้อยู่เพราะก็มีจุดเด่นต่างกันออกไป ให้เราได้ตัดสินใจเลือกอีกที
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง ASUS ZenBook 14 UM425UA ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Mobility
ปัจจัยสำคัญของด้านของพกพา ก็คือขนาดที่กะทัดรัด เบาแค่ 1.22 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่ง ASUS รุ่นนี้ ตอบโจทย์การใช้งานสาย Mobility ได้อย่างครบถ้วนครับ กับตัวเครื่องบางเฉียบ ทำให้เป็นโน๊ตบุ๊คที่เหมาะมาก ๆ สำหรับการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ และนอกจากความบางเบา ยังมีความแข็งแกร่งอีกด้วย จากการใช้วัสดุที่ผ่านการทดสอบความทนทานตามมาตรฐานระดับกองทัพ ดังนั้นจึงหายห่วงเรื่องความทนทานได้เลย ส่วนแบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนานกว่า 14 ชั่วโมงอีกด้วย เรียกได้ว่าแทบไม่ต้องพกอแดปเตอร์ไปด้วยเลย หรือจะพกไปก็เล็กมากๆ พร้อมรองรับ USB-PD ด้วย
Best Design
ดีไซน์โดยรวมของ ASUS รุ่นนี้มีความโดดเด่นเรื่องสีสัน Icicle Silver รวมถึงหน้าจอขอบบางแบบ NanoEdge ที่ทำให้สามารถใช้งานจอขนาด 14 นิ้ว ภายในตัวเครื่องที่มีขนาดเล็กกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปที่ใช้จอขนาดเดียวกัน ให้มิติที่เล็กกระชับลงกว่าเดิม ไปจนถึงบานพับ ErgoLift ที่ช่วยเสริมประสบการณ์การใช้งานได้เป็นอย่างดี รายละเอียดรอบนอกเครื่องดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ วัสดุหลักเป็นอะลูมิเมียมเกรดสูงแบบ Unibody ที่ไร้รอยต่อ ผสานกับลวดลายการออกแบบอันเป็นแบบฉบับของ ZenBook ด้วยสีสันอย่างสีเทา (Pine Grey) ที่หรูหราพรีเมียม
Best performance
ASUS รุ่นนี้แม้จะเป็นโน๊ตบุ๊คสายบางเบาพกพาสะดวก โดยบอกได้เลยว่าเป็นรุ่นที่คุ้มค่าที่สุดรุ่นหนึ่งเหมือนเทียบกับประสิทธิภาพก็ว่าได้ ด้วยราคาขาย 27,990 – 30,990 บาท ซึ่งอาจจะไม่ได้ออกแบบมาเล่นเกมก็จริง แต่ถ้าเทียบกับรุ่นนับว่าดีขึ้นมาก ที่มาพร้อมสเปคอย่าง AMD Ryzen 5000U รวมถึงมีแรม 8GB / 16GB LPDDR4x 3733 MHz และที่เก็บข้อมูลมาตรฐานแบบ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB
อีกทั้งมีสแกนใบหน้า 3D IR Camera และฟีเจอร์อื่นๆ จัดเต็ม เป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาเหมาะกับการใช้งานทั่วไปเน้นหลากหลาย ดีไซน์ก็พรีเมียม พร้อมได้ Office แท้ เรียกได้ว่าหาได้ยากสำหรับโน๊ตบุ๊คแบบนี้ ที่สำคัญประกันยังมีระยะถึง 3 ปี On-site + Perfect Warranty ในปีแรก เราจึงมอบรางวัล Best Performance ไปให้เลยอย่างไม่ต้องสงสัย