หลังจากแนะนำสเปคเล่น Cyberpunk 2077 แล้ว สเปคคอมเล่น Call of Duty Warzone ได้ด้วยก็สามารถจัดได้ไม่ยากที่หน้าระบบจัดสเปคของทางเว็บไซต์ ซึ่งสเปคสำหรับเล่นเกมนี้ได้ลื่นไหลก็สามารถจัดได้ทั้งแฟนคลับ AMD และ Intel ด้วยงบประมาณเริ่มต้น 30,000 บาท และได้หน้าจอเกมมิ่งไปใช้และรองรับการอัพเกรดไว้เล่นเกมอื่นในอนาคตได้อีกด้วย
สเปคคอมเล่น Call of Duty Warzone ต้องโฟกัสส่วนไหนบ้าง
สำหรับสเปคที่ใช้เล่น Call of Duty Warzone ได้นั้น จะอยู่ระดับ Recommended ซึ่งเหมาะกับเกมเมอร์ทั่วไปซึ่งเล่นเพื่อความสนุก และ Competitive สำหรับนักกีฬา Esport ที่ต้องการภาพและความลื่นไหลเพื่อแข่งขันด้วย และนอกจากสเปคแล้ว การเลือกหน้าจอเกมมิ่งที่แสดงผลได้ดี มี Refresh Rate สูง และ Response Time น้อย ก็เป็นจุดสำคัญและควรโฟกัสเป็นพิเศษ เพราะยิ่งเราเห็นภาพตัวละครบนหน้าจอเร็วและลื่นไหลเท่าไหร่ยิ่งทำให้เราเล่นเกมนี้ได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง
สเปค Recommended ที่เล่นเกมนี้ได้ ต้องการสเปคซีพียูขั้นต่ำคือ Intel Core i5-2500K แบบ 4 คอร์ 4 เธรด หรือ AMD Ryzen 5 1600X แบบ 6 คอร์ 12 เธด มีแรม 12 GB ขึ้นไปกับฮาร์ดดิสก์ความจุ 175GB เพื่อติดตั้งเกม ใช้การ์ดจอขั้นต่ำเป็น NVIDIA GEFORCE GTX 970 หรือ GTX 1660 ส่วน AMD Radeon R9 390 หรือ AMD Radeon RX 580 และต้องมี DirectX 12 ในเครื่องด้วย โดยสเปคนี้ในปัจจุบันหาได้ไม่ยากแต่สังเกตว่าตัวเกมต้องการฮาร์ดดิสก์ติดตั้งตัวเกมค่อนข้างมาก ดังนั้นถ้าเลือก SSD มาใช้งานและรวมกับระบบปฏิบัติการ Windows ด้วย ควรมีความจุ 500GB เป็นอย่างน้อย ไม่อย่างนั้นจะไม่พอใช้ทำงานอื่น ๆ ด้วยนั่นเอง
ถ้าเทียบกับเกมแนว Battle Royal เกมอื่นอย่าง PUBG นั้นใช้พื้นที่แค่ 30GB และ Fortnite ซึ่งใช้พื้นที่แค่ 16GB แล้ว ถือว่า Call of Duty Warzone กินพื้นที่ฮาร์ดดิสก์กว่า PUBG กว่า 6 เท่า และมากกว่า Fortnite ถึง 11 เท่า!
สเปค Competitive ซึ่งเทียบเท่ากับระดับสเปคระดับสูงของเกมอื่นจะยิ่งใช้สเปคหนักยิ่งกว่าเดิมอีกเพราะต้องการซีพียู Intel Core i7-8700k แบบ 6 คอร์ 12 เธรด หรือ AMD Ryzen 7 1800X แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ใช้แรม 16GB กับพื้นที่ว่างในฮาร์ดดิสก์ 175GB เท่าเดิม ส่วนการ์ดจอต้องการ NVIDIA GEFORCE GTX 1080 หรือ RTX 2070 Super ด้าน AMD ต้องเป็น AMD Radeon Vega64 และใช้ DirectX 12 อีกด้วย
จะเห็นว่าสเปคระดับ Competitive นั้นจะเน้นที่ซีพียูและการ์ดจอในระดับสูงและกินทรัพยากรมากพอตัว ถึงจะรันเกมนี้ได้ในระดับสูงสุดเท่าได้ และส่วนตัวเกม Call of Duty แต่ละภาคนั้นเป็นเกมกินกำลังประมวลผลของซีพียูมากเป็นพิเศษอยู่แล้ว (CPU Intensive) หากเราเปิด Task Manager ขึ้นมาดูแถบ Performance ตอนเล่นเกมจะเห็นว่าซีพียูนั้นจะทำงานแทบจะเต็มอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเว็บบอร์ดของต่างประเทศก็เจอปัญหานี้เช่นกัน
อีกจุดสังเกตคือตรงสเปคของซีพียู Intel นั้นขยับจากแบบ 4 คอร์ 4 เธรด มาเป็นแบบ 6 คอร์ 12 เธรด จึงฟันธงได้ว่าถ้าใครอยากอัพเกรดหรือเพิ่มสเปคคอมเล่น Call of Duty Warzone ให้แรงขึ้นก็ให้ไปเน้นอัพเกรดซีพียูให้แรงขึ้นจะทำให้เล่นเกมได้ลื่นขึ้นอย่างแน่นอน
ส่วนการ์ดจอของสเปคคอมเล่น Call of Duty Warzone ถ้าเราดูเทียบกับเกมระดับ AAA เกมอื่น เช่น Cyberpunk 2077 จะเห็นว่าอยู่ในระดับไล่เลี่ยกัน ยิ่งถ้าสังเกตจะเห็นว่าผู้พัฒนาใส่สเปคการ์ดจอเป็น NVIDIA GEFORCE GTX 1080 ที่เปิดตัวเมื่อปี 2016 ด้วยซ้ำ ดังนั้นการอัพเกรดการ์ดจอจึงไม่ใช่วิธีทำให้ Call of Duty Warzone เล่นได้ลื่นขึ้นอย่างแน่นอน
ยกเว้นเกมเมอร์ที่ต้องการเล่นเกมระดับ Ultra RTX แล้วเปิด Ray Tracing ในเกมไปด้วยเท่านั้น ถึงจะเลือกซื้อการ์ดจอเป็น NVIDIA GEFORCE RTX 2080 Super มาใช้งาน และยังทำให้เล่นเกมนี้บนความละเอียดหน้าจอ 4K และได้เฟรมเรทสูงด้วย ซึ่งในยุคที่เกมเมอร์หาซื้อการ์ดจอมาใช้เล่นเกมได้ยากอาจจะไม่แนะนำนัก
จอเกมมิ่งสำหรับทุกสเปคคอมเล่น Call of Duty Warzone
หน้าจอเกมมิ่งสำหรับสเปคคอมเล่น Call of Duty Warzone ได้แบบลื่นไหล, สนุกและมีโอกาสชนะมากขึ้นนั้น ควรเลือกซื้อหน้าจอเน้นเรื่อง Refresh Rate สูงระดับ 144Hz และ Response Time ให้น้อยกว่า 5ms ด้วย ซึ่งหน้าจอที่แสดงผลได้ลื่นไหลไม่ได้มีผลแค่ตัวละครเคลื่อนไหวได้อย่างต่อเนื่องเท่านั้น แต่มีผลต่อเรื่องตอนเรากดยิงในเกมแล้วกระสุนกระทบเป้าหมายแล้วนับว่าเรายิงโดน (Shot Register) ของตัวเกมด้วย ซึ่งเป็นจุดตัดสินแพ้ชนะตอนเล่นด้วย
ซึ่งหน้าจอคุณภาพและราคาไม่แพงที่เลือกใช้ร่วมกันกับทุกสเปคในบทความนี้จะเป็น ACER MONITOR NITRO GAMING VG272LVBMIIPX เป็นหน้าจอขนาด 27 นิ้ว พาเนล IPS ความละเอียด Full HD (1920×1080 พิกเซล) เป็นจอ 16:9 ค่า Contrast Ratio 1,000:1 มีค่าความสว่าง 350 cd/m2 ค่า Refresh Rate 165Hz และ Response Time 2ms GTG จัดว่าตอบสนองได้เร็ว ช่วยให้เกมเมอร์เล่นเกมนี้ได้สนุกขึ้นหลายเท่าแน่นอน
พอร์ตเชื่อมต่อมี HDMI x 2 ช่อง, DisplayPort x 1 ช่อง กับ Audio Out อีก 1 ช่องด้วยกัน ซึ่งเวลาเล่นแล้วต้องการให้หน้าจอแสดงผลได้เร็วที่สุด ให้ต่อหน้าจอด้วย DisplayPort จะดีสุด ได้รับประกันยาว 3 ปีอีกด้วย โดยหน้าจอนี้หาซื้อได้ราคาดีสุดในร้าน Banana IT ราคา 7,500 บาท
สเปคคอมเล่น Call of Duty Warzone ทั้ง 4 สเปค
ทั้ง 4 สเปคนั้นจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มด้วยกัน คือ กลุ่มราคา 30,000 บาท และ 50,000 บาท รวมทั้งมีตัวเลือกเป็นสเปค AMD หรือ Intel กับ NVIDIA อีกด้วย โดยทั้ง 4 สเปคมีดังนี้
สเปคคอมเล่น Call of duty warzone ราคา 30,000 บาท
1. AMD Ryzen 5 3600 กับ ASRock RX 5600 XT Challenger D OC (31,780 บาท)
2. Intel Core i5-10400 กับ GALAX GTX 1660 Super EX White (32,270 บาท)
สเปคคอมเล่น Call of duty warzone ราคา 50,000 บาท
3. AMD Ryzen 7 3800X กับ AMD Radeon RX 6800 (54,040 บาท)
4. Intel Core i7-10700 กับ ASUS RTX 3070 Dual (55,670 บาท)
1. AMD Ryzen 5 3600 กับ ASRock RX 5600 XT Challenger D OC (31,780 บาท)
สเปคคอมเล่น Call of Duty Warzone สำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการใช้สเปค AMD เล่นเกมนี้จะเป็นอยู่ในระดับราคาไม่ถูกไม่แพงเกินไปและเข้าถึงได้ง่าย และใช้พัดลมที่แถมมาพร้อมซีพียูเพื่อระบายความร้อนก็จัดว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานแล้ว และถ้าต้องการอัพเกรดเปลี่ยนซีพียูก็สามารถเปลี่ยนไปใช้ AMD Ryzen 7 ได้เช่นกัน
สเปคใช้ AMD Ryzen 5 3600 แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 3.6-4.2 GHz ให้สามารถเล่น Call of Duty Warzone ได้อย่างเต็มที่ จับคู่กับการ์ดจอ ASRock RX 5600 XT Challenger D OC แรม 6GB GDDR6 ซึ่งสามารปรับกราฟฟิคในตัวเกมระดับ Ultra แล้วแสดงผลได้เกิน 100fps อย่างแน่นอน ใช้แรม G.SKILL Ripjaws V 16GB DDR4 บัส 3200 MHz ฮาร์ดดิสก์เป็น SSD M.2 NVMe WD Blue SN550 ความจุ 500GB ความเร็วอ่าน 2,400 MB/s เขียน 1,750 MB/s ใช้พาวเวอร์ซัพพลายเป็น SILVERSTONE ST70F-ES230 แบบ 700 วัตต์ และเคส CORSAIR Carbide SPEC-03
เมนบอร์ดเป็น GIGABYTE B550M DS3H เป็นเมนบอร์ด mATX ชิปเซ็ต AMD B550 ซึ่งรองรับแรมสูงสุด 128GB 4 แถว บัสเริ่มต้น 2133 แบบไม่โอเวอร์คล็อกและได้ถึง 4000 MHz ถ้าโอเวอร์คล็อก สามารถใส่ SSD แบบ M.2 NVMe ได้ 2 ช่อง มีชิปเสียง Realtek ALC887 จำลองเสียงแบบ 7.1 แชนแนล ให้ฟังทิศทางเสียงกระสุนในเกมได้ชัดเจนขึ้น ส่วนพอร์ตบนเมนบอร์ดมี USB 2.0 Type-A x 4 ช่อง, USB 3.2 Gen1 Type-A x 4 ช่อง, HDMI x 1 ช่อง, DVI x 1 ช่อง มี Audio Ports 1 ชุด, LAN RJ45 x 1 ช่อง กับ PS/2 Port x 1 ช่อง สำหรับต่อเมาส์หรือคีย์บอร์ดได้ด้วย
สำหรับการ์ดจอ AMD Radeon RX 5600 XT แรม 6GB GDDR6 นั้นสามารถเล่นเกมนี้ได้อย่างแน่นอนแม้จะปรับกราฟฟิคระดับ Ultra แล้วก็ยังได้เฟรมเรทเกิน 100 เฟรมต่อวินาทีด้วย
สเปคของ AMD Ryzen 5 3600 กับ ASRock RX 5600 XT Challenger D OC
- ซีพียู AMD Ryzen 5 3600 แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 3.6-4.2 GHz
- การ์ดจอ ASRock RX 5600 XT Challenger D OC แรม 6GB GDDR6
- แรม G.SKILL Ripjaws V 16GB DDR4 บัส 3200 MHz
- SSD M.2 NVMe WD Blue SN550 ความจุ 500GB ความเร็วอ่าน 2,400 MB/s เขียน 1,750 MB/s
- เมนบอร์ด GIGABYTE B550M S2H แบบ mATX ชิปเซ็ต AMD B550 รองรับแรมสูงสุด 64GB สองแถว บัสเริ่มต้น 2133 แบบไม่โอเวอร์คล็อก และ 5000 MHz ถ้าโอเวอร์คล็อก
- พอร์ตบนเมนบอร์ดมี USB 2.0 Type-A x 4 ช่อง, USB 3.2 Gen1 Type-A x 4 ช่อง, HDMI x 1 ช่อง, DVI x 1 ช่อง มี Audio Ports 1 ชุด, LAN RJ45 x 1 ช่อง กับ PS/2 Port x 1 ช่อง
- พาวเวอร์ซัพพลายเป็น SILVERSTONE ST70F-ES230 จ่ายไฟ 700 วัตต์
- เคส CORSAIR Carbide SPEC-03
- ราคา 31,780 บาท
2. Intel Core i5-10400 กับ GALAX GTX 1660 Super EX White (32,270 บาท)
ส่วนสเปคฝั่ง Intel ใช้อุปกรณ์ส่วนใหญ่รวมกันแต่เปลี่ยนซีพียู, เมนบอร์ดและการ์ดจอเท่านั้น ซึ่งความแรงอยู่ในระดับเล่น Call of Duty Warzone ได้อย่างแน่นอนและรองรับการอัพเกรดในอนาคตได้หากต้องการเล่นเกมกินทรัพยากรเครื่องมากกว่านี้
ซีพียูเปลี่ยนเป็น Intel Core i5-10400 แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 2.9-4.3 GHz ซึ่งเกินสเปคที่ผู้พัฒนาเกมระบุเอาไว้อย่างแน่นอน และสามารถเล่นเกมอื่น ๆ ได้อีกด้วย ส่วนการ์ดจอเป็น GALAX GTX 1660 Super EX White รุ่นแรม 6GB GDDR6 เป็นการ์ดจอในสเปคระดับ Recommended สามารถเปิดเกมนี้เล่นได้เฟรมเรทระดับ 100fps ขึ้นไปอย่างแน่นอน
เมนบอร์ดเป็น GIGABYTE H470M DS3H เป็นเมนบอร์ด mATX รองรับแรมสูงสุด 4 ช่อง 128GB รองรับบัสแรม 2133-2933 MHz และมีชิปเสียง Realtek ALC887 จำลองเสียงได้ 7.1 แชนแนล และรองรับ SSD แบบ M.2 NVMe ได้ 2 ช่องอีกด้วย ส่วนพอร์ตมี USB 2.0 Type-A x 2 ช่อง, USB 3.1 Type-A x 3 ช่อง, USB 3.1 Type-C x 1 ช่อง, HDMI x 1 ช่อง, DisplayPort x 1 ช่อง, DVI x 1 ช่อง, Audio Ports x 1 ชุด และ PS/2 Port สำหรับต่อเมาส์หรือคีย์บอร์ด x 1 ช่อง
สเปคของ Intel Core i5-10400 กับ GALAX GTX 1660 Super EX White
- ซีพียู Intel Core i5-10400 แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 2.9-4.3 GHz
- การ์ดจอ GALAX GTX 1660 Super EX White แรม 6GB GDDR6
- แรม G.SKILL Ripjaws V 16GB DDR4 บัส 3200 MHz
- SSD M.2 NVMe WD Blue SN550 ความจุ 500GB ความเร็วอ่าน 2,400 MB/s เขียน 1,750 MB/s
- เมนบอร์ด GIGABYTE H470M DS3H แบบ mATX รองรับแรมสูงสุด 4 ช่อง 128GB บัสแรม 2133-2933 MHz มีช่องใส่ SSD M.2 NVMe x 2 ช่อง
- พอร์ตบนเมนบอร์ดมี USB 2.0 Type-A x 2 ช่อง, USB 3.1 Type-A x 3 ช่อง, USB 3.1 Type-C x 1 ช่อง, HDMI x 1 ช่อง, DisplayPort x 1 ช่อง, DVI x 1 ช่อง, Audio Ports x 1 ชุด, PS/2 Port สำหรับต่อเมาส์หรือคีย์บอร์ด x 1 ช่อง
- พาวเวอร์ซัพพลายเป็น SILVERSTONE ST70F-ES230 จ่ายไฟ 700 วัตต์
- เคส CORSAIR Carbide SPEC-03
- ราคา 32,270 บาท
3. AMD Ryzen 7 3800X กับ AMD Radeon RX 6800 (54,040 บาท)
สเปคคอมเล่น Call of Duty Warzone ราคา 54,040 บาท สาย AMD นี้จะใช้สเปคพื้นฐานของรุ่นราคา 30,000 บาท มาอัพเกรดเพิ่มความจุแต่ใช้รุ่นเดิมเป็น WD Blue SN550 ความจุ 1TB แทน, เปลี่ยนการ์ดจอ, ซีพียู และเพิ่มแรมขึ้นไป ซึ่งสเปคทั้งหมดนี้สามารถใช้พาวเวอร์ซัพพลาย 700 วัตต์ จ่ายไฟและเล่นเกมต่อเนื่อง 8 ชั่วโมงต่อวันได้ โดยคำนวนจากเว็บไซต์ OuterVision แล้ว ส่วนเคสเปลี่ยนเป็น AERO COOL Aero One Duo
ซีพียูเปลี่ยนมาใช้เป็น AMD Ryzen 7 3800X แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 3.9-4.5 GHz การ์ดจอ AMD Radeon RX 6800 แรม 16 GB GDDR6 ซึ่งทำให้สเปคคอมเล่น Call of Duty Warzone เครื่องนี้สามารถเล่นเกมอื่นได้เฟรมเรทสูงอย่างแน่นอน และแรมเป็น TEAMGROUP T-Force Dark Z DDR4 32GB (16GBx2) บัส 3200 ซึ่งความจุมากเพื่อรองรับ Call of Duty ภาคใหม่ในอนาคตได้อีกด้วย
สเปคของ AMD Ryzen 7 3800X กับ AMD Radeon RX 6800
- ซีพียู AMD Ryzen 7 3800X แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 3.9-4.5 GHz
- การ์ดจอ AMD Radeon RX 6800 แรม 16GB GDDR6
- แรม TEAMGROUP T-Force Dark Z DDR4 32GB (16GBx2) บัส 3200
- SSD M.2 NVMe WD Blue SN550 ความจุ 1TB ความเร็วอ่าน 2,400 MB/s เขียน 1,750 MB/s
- เมนบอร์ด GIGABYTE B550M S2H แบบ mATX ชิปเซ็ต AMD B550 รองรับแรมสูงสุด 64GB สองแถว บัสเริ่มต้น 2133 แบบไม่โอเวอร์คล็อก และ 5000 MHz ถ้าโอเวอร์คล็อก
- พอร์ตบนเมนบอร์ดมี USB 2.0 Type-A x 4 ช่อง, USB 3.2 Gen1 Type-A x 4 ช่อง, HDMI x 1 ช่อง, DVI x 1 ช่อง มี Audio Ports 1 ชุด, LAN RJ45 x 1 ช่อง กับ PS/2 Port x 1 ช่อง
- พาวเวอร์ซัพพลายเป็น SILVERSTONE ST70F-ES230 จ่ายไฟ 700 วัตต์
- เคส AERO COOL Aero One Duo
- ราคา 54,040 บาท
4. Intel Core i7-10700 กับ ASUS RTX 3070 Dual (55,670 บาท)
ด้านสเปคคอมเล่น Call of Duty Warzone ฝั่ง Intel ก็นำสเปคของรุ่นราคา 30,000 บาท มาอัพเกรดชิ้นส่วนเพิ่มเข้าไปเช่นกัน ซึ่งใช้ M.2 NVMe รุ่น WD Blue SN550 ความจุ 1TB เช่นกัน ช่วยให้ติดตั้งเกมและโปรแกรมได้มากยิ่งขึ้น ส่วนชิ้นที่อัพเกรดก็เป็นซีพียู, การ์ดจอ, แรม ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้นและใช้เคสเป็น AERO COOL Aero One Duo ด้วย
ซีพียูเลือกเป็น Intel Core i7-10700 แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 2.9-4.8 GHz กับการ์ดจอ ASUS RTX 3070 Dual แรม 8GB GDDR6 ซึ่งประสิทธิภาพสูงและพร้อมเปิด Ray Tracing ตอนเล่นเกมได้อีกด้วย ซึ่งประสิทธิภาพจัดว่าแรงเหลือเฟือแน่นอน และเพิ่มแรมเป็น 32GB รุ่น TEAMGROUP T-Force Dark Z DDR4 32GB (16GBx2) บัส 3200 รองรับการใช้ทำงานและเล่นเกมในอนาคตได้อีกหลายปีแน่นอน
สเปคของ Intel Core i7-10700 กับ ASUS RTX 3070 Dual
- ซีพียู Intel Core i7-10700 แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 2.9-4.8 GHz
- การ์ดจอ ASUS RTX 3070 Dual แรม 8GB GDDR6
- แรม TEAMGROUP T-Force Dark Z DDR4 32GB (16GBx2) บัส 3200
- SSD M.2 NVMe WD Blue SN550 ความจุ 1TB ความเร็วอ่าน 2,400 MB/s เขียน 1,750 MB/s
- เมนบอร์ด GIGABYTE H470M DS3H แบบ mATX รองรับแรมสูงสุด 4 ช่อง 128GB บัสแรม 2133-2933 MHz มีช่องใส่ SSD M.2 NVMe x 2 ช่อง
- พอร์ตบนเมนบอร์ดมี USB 2.0 Type-A x 2 ช่อง, USB 3.1 Type-A x 3 ช่อง, USB 3.1 Type-C x 1 ช่อง, HDMI x 1 ช่อง, DisplayPort x 1 ช่อง, DVI x 1 ช่อง, Audio Ports x 1 ชุด, PS/2 Port สำหรับต่อเมาส์หรือคีย์บอร์ด x 1 ช่อง
- พาวเวอร์ซัพพลายเป็น SILVERSTONE ST70F-ES230 จ่ายไฟ 700 วัตต์
- เคส AERO COOL Aero One Duo
- ราคา 55,670 บาท
สเปคคอมเล่น Call of Duty Warzone ทั้ง 4 สเปคนี้ ก็สามารถเล่นเกมอื่นได้สบาย ๆ ซึ่งเกมเมอร์สามารถนำสเปคนี้ไปซื้อที่ร้านคอมพิวเตอร์ใกล้บ้านหรือจะเอามาปรับแต่งพีซีของตัวเองให้เล่นเกมนี้ได้ก็จัดว่าเวิร์คเช่นกัน ซึ่งนอกจากจะประหยัดงบประมาณไม่ต้องเสียเงินหลักหมื่นแล้ว ยังเปลี่ยนส่วนต่างไปเป็นเกมมิ่งเกียร์ชิ้นอื่นเช่นเมาส์หรือคีย์บอร์ดดี ๆ แทนก็ได้ ก็จะทำให้เราเล่นเกมแนว First-Person Shooting ได้ดีและสนุกยิ่งกว่าเดิมด้วย