ครีเอเตอร์คนทำงานศิลปะต่าง ๆ มีชีวิตอยู่กับการออกแบบและสีสันตลอดเวลานั้น นอกจากพีซีสเปคดีให้ทำงานได้ราบลื่นแล้วก็ต้องเลือกจอแต่งภาพโดยเฉพาะมาใช้งานควบคู่กัน เวลาต้องทำงานแต่งภาพแต่งสีเมื่อไหร่ หน้าจอที่ออกแบบมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะจะทำให้เราเลือกสีได้ดีและถ้าได้รับรองมาตรฐานความแม่นยำสีมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เราเห็นเฉดสีบนหน้าจอได้มากยิ่งขึ้นด้วย
ดังนั้นนอกจากจัดคอมสเปคดีสำหรับทำงานกราฟฟิคแล้ว ก็ต้องเลือกหน้าจอคุณภาพสูงเอาไว้ใช้งานคู่กันเพื่อให้งานที่ทำออกมามีคุณภาพสูงสุด คุ้มค่ากับสเปคที่เลือกซื้อไป หรือใครที่มีโน๊ตบุ๊คสเปคดีอยู่แล้วแต่ต้องการหน้าจอคุณภาพดีเอาไว้แต่งภาพแล้ว บทความนี้ก็เป็นอีกคำตอบสำหรับผู้สนใจทุกคนอย่างแน่นอน
ครีเอเตอร์ที่มีหน้าจอสำหรับแต่งภาพโดยเฉพาะยังไงก็ได้เปรียบ
เลือกจอแต่งภาพต้องดูอะไรบ้าง?
ยกให้ Pro Display XDR เป็นจอที่สุดทั้งคุณภาพและราคา
หน้าจอคอมพิวเตอร์นั้นเป็นอุปกรณ์คอมพ์อีกชิ้นที่ตัวเลือกมีเยอะและหลากหลายมากไม่แพ้กับการ์ดจอหรือเมนบอร์ดทีเดียว เพราะหน้าจอนั้นมีสเปคสำหรับทั้งผู้ใช้ทั่วไป, เกมเมอร์ รวมไปถึงหน้าจอแต่งภาพสำหรับครีเอเตอร์ใช้สร้างผลงานใหม่ ๆ ออกมา ตั้งแต่อนิเมชั่นไปจนถึงภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดงบร้อยล้านก็เป็นผลงานจากหน้าจอกลุ่มนี้เสียเป็นส่วนใหญ่
สำหรับบางคนที่คิดว่าจะจอไหนก็ได้ ให้เห็นสีสันบนหน้าจอก็เพียงพอแล้วก็ต้องบอกว่านั่นเป็นความคิดที่ถูกต้องเพียงครึ่งเดียว เพราะโลกมีเฉดสีหลากหลายและหน้าจอแต่ละรุ่นก็แสดงเฉดสีบนหน้าจอได้ไม่เท่ากัน ดังนั้นหน้าจอสำหรับงานภาพและสีสันจึงมีการรับรองมาตรฐานสีสันต่าง ๆ ที่เราไม่คุ้นหูออกมาให้เราได้ยินอยู่เสมอ ๆ เพื่อการันตีคุณภาพว่าสีสันที่เห็นบนหน้าจอนี้จะใกล้เคียงหรือเหมือนกับวัตถุที่ตาเราเห็นจริงมากที่สุดนั่นเอง
สำหรับวิธีการเลือกหน้าจอสำหรับครีเอเตอร์ฉบับรวบรัดเข้าใจง่าย ไม่ต้องเสียเวลานั่งอ่านข้อมูลหรือรายละเอียดให้เสียเวลานั้นมีวิธีเลือกดังนี้
- พาเนลหน้าจอ – เป็นจุดสำคัญและควรใส่ใจที่สุด เพราะพาเนลจะมีผลต่อสีสันบนหน้าจอโดยตรง จึงขอแนะนำให้เลือกพาเนล IPS (In-Plane Switching) เป็นตัวเลือกแรก เพราะให้สีสันแม่นยำกว่าพาเนล TN (Twisted Nematic) ที่แสดงผลได้อย่างรวดเร็วแล้วเหมาะกับการเล่นเกมมากกว่า แถมมีค่า Contrast บนหน้าจอไม่มากเกินจำเป็นเช่นพาเนล VA (Vertical Alignment) ซึ่งช่างภาพหลาย ๆ คนน่าจะไม่ถูกใจสิ่งนี้ แต่พาเนล VA ก็มีค่า Dynamic Range โดดเด่นเลยเหมาะกับงานพิมพ์และโรงพิมพ์เสียมากกว่า
ตารางขอบเขตสี โดยแบ่งเป้นระดับต่าง ๆ ตั้งแต่ sRGB ไปจนถึง Adobe RGB และ DCI-P3
- ขอบเขตสีกว้าง – สำหรับขอบเขตสี (Color Gamut) นั้นถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะการทำงานกับสีสันนั้น ยิ่งเราเห็นขอบเขตสีกว้างเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะจะมีเฉดสีให้เราเลือกมากยิ่งกว่าเดิม ซึ่งภาพวงสีและกรอบสามเหลี่ยมด้านบนนี้เป็นขอบเขตสีบนหน้าจอ เริ่มต้นด้วย sRGB เป็นเส้นกรอบสีขาวและ Adobe RGB เป็นเส้นสีดำในกรอบวงสี DCI-P3 จะเป็นตัวบอกว่าหน้าจอนั้น ๆ มีขอบเขตสีกว้างเท่าไหร่ ยิ่งมีค่ามากก็ยิ่งดี และถ้าได้รับการรับรองขอบเขตสีกว้างระดับ DCI-P3 (Digital Cinema Initiatives – Protocol 3) เมื่อไหร่ หมายความว่าหน้าจอนั้นมีคุณภาพและสามารถแสดงสีสันได้กว้างและครอบคลุมที่สุด
- ค่าการรับรองความแม่นยำสีด้านอื่น – ซึ่งนอกจาก sRGB, Adobe RGB, DCI-P3 แล้ว ก็ยังมีค่าความถูกต้องของสี Delta E ซึ่งยิ่งมีน้อยก็ยิ่งดี โดยทั่วไปแล้วหน้าจอแต่งภาพควรจะอยู่ระดับ Delta E < 2 จะเป็นเกณฑ์ที่ดีและไม่แพงเกินไป ซึ่งถ้าค่า Delta E < 1 ก็จะมีราคาสูงมากแบบก้าวกระโดด, มาตราฐานสี Rec.709 เป็นมาตรฐานสีของสีแดง, เขียวและฟ้า ของจอทีวี HD (HDTV) เป็นค่ามาตรฐานเพื่อเกลี่ยสีและความสว่างให้อยู่ในเฉดเดียวกัน ซึ่งหน้าจอที่มี Rec.709 ก็จะเหมาะกับการเกลี่ยสีตอนตัดต่อวิดีโอมาก
- PANTONE Validated และ CalMAN Verified – ไม่ว่าจะ PANTONE Validated หรือ CalMAN Verified ก็เป็นการรับรองมาตรฐานความแม่นยำสีบนหน้าจอ ซึ่งถ้าหน้าจอไหนได้รับหนึ่งในสองการรับรองนี้ หมายความว่าหน้าจอหรือปริ้นเตอร์รุ่นนั้นสามารถแสดงสีได้ครอบคลุมทุกเฉดในมาตรฐานของ PANTONE Matching System (PMS) หรือเป็นหน้าจอที่แสดงสีสันได้แม่นยำตามมาตรฐานของ Portrait displays ซึ่งหน้าจอนั้นจะได้รับการรับรองมาตรฐานใดมาตรฐานหนึ่งก็ได้เช่นกัน
- อัตราส่วนของหน้าจอ – อัตราส่วนของหน้าจอมีผลต่อการแสดงภาพบนหน้าจออย่างมาก นั่นเพราะอัตราส่วนหน้าจอ เช่น 16:9, 16:10, 3:2 จะมีผลกับงานที่เราทำอย่าง ซึ่งหน้าจอแบบ 16:9 และ 16:10 เป็นหน้าจอที่กว้างและมีอัตราส่วนความสูงน้อยกว่าด้านกว้างเกือบครึ่งหนึ่ง จึงเป็นหน้าจอแบบที่เหมาะกับการตัดต่อวิดีโอเป็นหลัก แต่จะเอามาทำงานแต่งสีภาพก็ได้เช่นกัน ทว่าถ้าเป็นหน้าจอ 3:2 ก็จะเหมาะกับงานแต่ภาพมากกว่าเพราะเป็นอัตราส่วนเดียวกัน
- ขนาดและความละเอียดของหน้าจอ – การเลือกขนาดหน้าจอกับความละเอียดหน้าจอจะมีผลต่อความชิดของเม็ดพิกเซลบนหน้าจออย่างมาก ยิ่งค่า PPI (Pixel Per Inch) แน่นเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ภาพบนหน้าจอคมมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งขนาดของหน้าจอแนะนำสำหรับงานแต่งภาพควรอยู่ราว 24-27 นิ้ว และเลือกความละเอียดหน้าจอระดับ 2-4K จะดีที่สุด และควรเลือกเป็นหน้าจอกันแสงสะท้อน (Anti-Glare) เพื่อป้องกันแสงจากสภาพแวดล้อมสะท้อนจากหน้าจอใส่ดวงตาแล้วรบกวนการทำงานของเรานั่นเอง
จะเห็นว่าจอ 10-bit แท้จะเกลี่ยรัศมีดวงอาทิตย์ได้เนียนกว่า 8-bit + FRC
- ค่า bit ของสีบนหน้าจอ – สำหรับการแสดงสีสันบนหน้าจอ การมีค่า Bit ของสียิ่งมากยิ่งทำให้การไล่สีบนหน้าจอทำได้เนียนและต่อเนื่องยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันนี้หน้าจอใช้แต่งภาพจะอยู่ระดับ 8-bit + FRC (Frame Rate Control) หรือบางรุ่นก็เป็นหน้าจอ 10-bit แท้ ซึ่งมีผลต่อการเกลี่ยสีบนหน้าจออย่างเห็นได้ชัดเช่นภาพตัวอย่าง ซึ่งหน้าจอ 8-bit + FRC ก็ถือว่าทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพสูงพอสำหรับกลุ่มคนทำงานแต่งภาพระดับฟรีแลนซ์แล้ว แต่ถ้าเป็นสตูดิโอหรือโปรดักชั่นเฮ้าส์ควรเลือกเป็น 10-bit หรือสูงกว่า เพื่อให้งานภาพออกมาดีที่สุด
- ระบบ Calibration ของหน้าจอ – ระบบการปรับแต่งสีสันและความแม่นยำสีบนหน้าจอ ซึ่งแม้จอแต่งภาพหลายรุ่นจะได้รับการรับรองสีสันและตั้งค่ามาจากโรงงานแล้วก็ตาม ถ้าเราได้ Calibrate หน้าจอเพิ่มด้วยอุปกรณ์เช่น Datacolor Spyder เพิ่มก็จะทำให้สีสันบนหน้าจอยิ่งดีขึ้น แต่ถ้าเป็นหน้าจอที่คุณภาพและราคาสูงมาก ๆ ก็จะมีระบบ Calibrate ติดตั้งเอาไว้ในหน้าจอเพื่อใช้ตั้งค่าสีให้แม่นยำอยู่เสมอ ซึ่งโดยปกติถ้าเราทำงานแต่งภาพและสีก็ควรทำเดือนละครั้งเป็นประจำ
6 จอแต่งภาพคุณภาพดีน่าซื้อมาแต่งภาพ
สำหรับหน้าจอแต่งภาพรุ่นแนะนำทั้ง 6 รุ่นในบทความนี้ จะมีตั้งแต่รุ่นราคาไม่แพงมากสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ซึ่งครบคลุมไปถึงฟรีแลนซ์รับงานเสริมด้านศิลปะไปจนถึงครีเอเตอร์ในโปรดักชั่นเฮ้าส์หรือสตูดิโอเลยทีเดียว โดยรุ่นแนะนำได้แก่
- ASUS ProArt Display PA278QV (13,900 บาท)
- DELL MONITOR ULTRASHARP U2720Q (18,900 บาท)
- BenQ SW270C 27″ (25,900 บาท)
- ViewSonic VP3881 (37,900 บาท)
- Apple Pro Display XDR (154,900 บาท)
- EIZO 31.1″ COLOR EDGE CG319-4K (267,500 บาท)
1. ASUS ProArt Display PA278QV (13,900 บาท)
ASUS ProArt Display PA278QV ถือเป็นจอแต่งภาพรุ่นเริ่มต้นที่ราคาไม่แพงเกินไปแต่ก็มีสเปคดีเพียงพอใช้ทำงานได้หลากหลายและได้รับการรับรองมาตรฐานต่าง ๆ ได้แก่ CalMAN Verified, 100% sRGB, 100% Rec. 709, ความแม่นยำสี Delta E < 2 จึงเหมาะทั้งงานแต่งภาพและวิดีโอเป็นอย่างมากรุ่นหนึ่ง
สเปคของหน้าจอนี้เป็นหน้าจอพาเนล IPS ขนาด 27 นิ้ว ความละเอียด 2K (2560×1440 พิกเซล) อัตราส่วนหน้าจอ 16:9 ขอบหน้าจอบางพิเศษ พื้นผิวหน้าจอเป็นแบบ Anti-Glare ไม่สะท้อนแสงเข้าตาผู้ใช้ระหว่างทำงาน มีความสว่างสูงสุด 350 cd/㎡ สามารถแสดงสีบนหน้าจอได้ 16.7 ล้านสี และมีโปรแกรมปรับแต่งโหมดและสีสันบนหน้าจอ ProArt Palette, ProArt Preset ติดตั้งมาให้
พอร์ตการเชื่อมต่อรองรับ HDMI 1.4 x 1 ช่อง, Mini DisplayPort 1.2 x 1 ช่อง, DisplayPort 1.2 x 1 ช่อง, Dual-link DVI-D x 1 ช่อง มีช่องหูฟัง 3.5 มม. และ USB 3.0 x 4 ช่อง
สเปคของ ASUS ProArt Display PA278QV
- หน้าจอขนาด 27 นิ้ว ความละเอียด 2K (2560×1440 พิกเซล) อัตราส่วน 16:9 เป็นจอกันแสงสะท้อน Anti-Glare
- แสดงสีบนหน้าจอได้ 16.7 ล้านสี
- ความสว่างสูงสุด 350 cd/㎡
- โปรแกรมปรับแต่งโหมดและสีสันบนหน้าจอ ProArt Palette, ProArt Preset
- รองรับพอร์ต HDMI 1.4 x 1 ช่อง, Mini DisplayPort 1.2 x 1 ช่อง, DisplayPort 1.2 x 1 ช่อง, Dual-link DVI-D x 1 ช่อง, ช่องหูฟัง 3.5 มม., USB 3.0 x 4 ช่อง
- ได้รับการรับรองความแม่นยำสี CalMAN Verified, 100% sRGB, 100% Rec. 709, ความแม่นยำสี Delta E < 2
- ราคา 13,900 บาท (Banana IT)
2. DELL MONITOR ULTRASHARP U2720Q (18,900 บาท)
DELL MONITOR ULTRASHARP U2720Q เป็นซีรี่ส์จอทำงานและแต่งภาพจาก DELL โดย ULTRASHARP U2720Q ขนาด 27 นิ้ว ความละเอียด UHD 4K (3840×2160 พิกเซล) นี้เป็นหน้าจอแต่งภาพคุณภาพดีไม่ควรมองข้ามอีกรุ่นเพราะได้รับการรับรองความแม่นยำสี 100% Adobe RGB, 80% BT. 2020, 98% DCI-P3 ซึ่งมีขอบเขตสีกว้างกว่า sRGB มาก รวมทั้งเป็นหน้าจอ CalMAN Ready สามารถใช้โปรแกรม CalMAN ของ Portrait display มาปรับแต่งความแม่นยำสีบนหน้าจอได้อีกด้วย
สเปคของ U2720Q นี้จะเป็นหน้าจอพาเนล IPS ขนาด 27 นิ้ว ความละเอียด UHD 4K (3840×2160 พิกเซล) อัตราส่วนหน้าจอ 16:9 และเป็นหน้าจอ Anti-Glare ป้องกันแสงสะท้อนพร้อมเคลือบสารเสริมความแข็ง 3H บนหน้าจอและมีฮู้ดสำหรับปิดกรอบด้านบนและข้างของหน้าจอได้ด้วย มีความสว่าง 250 cd/m2 แสดงสีสันได้มากถึง 1.07 พันล้านสี
พอร์ตเชื่อมต่อติดตั้ง DisplayPort 1.4 x 1 ช่อง, HDMI 2.0 x 2 ช่อง, Thunderbolt 3 Upstream และ Downstream อย่างละ 1 พอร์ต เป็นมาตรฐานต่อหน้าจอระดับ DisplayPort 1.4 ทั้ง 2 ช่อง, พอร์ต USB 3.2 Gen 1 Downstream x 2 ช่อง (ช่องหนึ่งรองรับการชาร์จแบตเตอรี่ให้อุปกรณ์อื่นได้ จ่ายไฟสูงสุด 2A), USB 3.2 Gen 2 Downstream x 2 ช่อง, ช่อง Audio Line out x 1 ช่อง
สเปคของ DELL MONITOR ULTRASHARP U2720Q
- หน้าจอขนาด 27 นิ้ว ความละเอียด 4K (3840×2160 พิกเซล) อัตราส่วน 16:9 เป็นจอกันแสงสะท้อน Anti-Glare
- แสดงสีบนหน้าจอได้ 1.07 พันล้านสี
- ความสว่างสูงสุด 250 cd/㎡
- หน้าจอ CalMAN Ready สามารถใช้โปรแกรม CalMAN ของ Portrait display มาปรับแต่งความแม่นยำสีบนหน้าจอได้
- รองรับพอร์ต DisplayPort 1.4 x 1 ช่อง, HDMI 2.0 x 2 ช่อง, Thunderbolt 3 Upstream x 1 ช่อง, Thunderbolt 3 Downstream x 1 ช่อง, USB 3.2 Gen 1 Downstream x 2 ช่อง, USB 3.2 Gen 2 Downstream x 2 ช่อง, Audio Line out x 1 ช่อง
- ได้รับการรับรองความแม่นยำสี 100% Adobe RGB, 80% BT. 2020, 98% DCI-P3
- ราคา 18,900 บาท (Banana IT)
3. BenQ SW270C 27″ (25,900 บาท)
BenQ SW270C 27″ เป็นหน้าจอแต่งภาพคุณภาพสูงอีกรุ่น โดยจุดเด่นคือเป็นหน้าจอ 10-bit สามารถไล่โทนสีสันบนหน้าจอได้อย่างเรียบเนียนสวยงาม รวมทั้งได้รับการรับรองความแม่นยำสีจากทั้ง PANTONE Validated และ CalMAN Verified จึงจัดว่าเหมาะกับการทำงานสีทุกรูปแบบและได้รับการรับรองความแม่นยำสี 99% Adobe RGB, 100% sRGB, 100% Rec.709, 97% DCI-P3 & Display P3 มีค่า Delta E < 2 เป็นการการันตีความแม่นยำสีบนหน้าจอได้อย่างดี ซึ่งเป็นหน้าจอที่เหมาะกับช่างภาพโดยเฉพาะ พร้อมโปรแกรม Calibrate สีหน้าจอ Palette Master Element ของ BenQ
สเปคของ BenQ SW270C เป็นหน้าจอพาเนล IPS ขนาด 27 นิ้ว ความละเอียด 2K (2560×1440 พิกเซล) อัตราส่วนหน้าจอ 16:9 เป็นหน้าจอ Anti-Glare ป้องกันแสงสะท้อนพร้อมฮู้ดปิดขอบบนและด้านข้างของหน้าจอ ตัวจอมีความสว่าง 300 cd/m2 และแสดงสีสันได้มากถึง 1.07 พันล้านสี
พอร์ตการเชื่อมต่อรองรับ HDMI 2.0 x 2 ช่อง, DisplayPort 1.4 x 1 ช่อง, USB-C x 1 ช่อง รองรับ DisplayPort Alt mode รับส่งข้อมูลและชาร์จแบบ Power Delivery 60W ได้อีกด้วย จึงใช้พอร์ตนี้พอร์ตเดียวเชื่อมต่อกับโน๊ตบุ๊คที่มี Thunderbolt 3 หรือ 4 ได้เลย, SD Card Reader x 1 ช่อง รองรับ SD, SDHC, SDXC, MMC
สเปคของ BenQ SW270C 27″
- หน้าจอขนาด 27 นิ้ว ความละเอียด 2K (2560×1440 พิกเซล) อัตราส่วน 16:9 เป็นจอกันแสงสะท้อน Anti-Glare
- แสดงสีบนหน้าจอได้ 1.07 พันล้านสี เป็นหน้าจอสี 10-bit
- ความสว่างสูงสุด 300 cd/㎡
- มีโปรแกรม Calibrate สีหน้าจอ Palette Master Element ของ BenQ พร้อมใช้งาน
- รองรับพอร์ต HDMI 2.0 x 2 ช่อง, DisplayPort 1.4 x 1 ช่อง, USB-C x 1 ช่อง รองรับ DisplayPort Alt mode รับส่งข้อมูลและชาร์จแบบ Power Delivery 60W, SD Card Reader x 1 ช่อง
- ได้รับการรับรองความแม่นยำสีจากทั้ง PANTONE Validated และ CalMAN Verified, 99% Adobe RGB, 100% sRGB, 100% Rec.709, 97% DCI-P3 & Display P3 มีค่า Delta E < 2
- ราคา 25,900 บาท (BenQ Official Shop Lazada)
4. ViewSonic VP3881 (37,900 บาท)
ViewSonic VP3881 เป็นหน้าจอแต่งภาพแบบจอโค้ง 2300R ที่แม้จะไม่มี CalMAN Verified หรือ PANTONE Validated ก็ตามแต่สเปคและความแม่นยำสีถือว่าดีและน่าสนใจมากรุ่นหนึ่ง เป็นหน้าจอแสดงผลสีได้ 10-bit แบบ 8-bit+A-FRC รองรับการแสดงผลสี HDR10 มีค่า 99.52% Adobe RGB, 107.4% Rec.709, 106.19% DCI-P3 และ Delta E < 2 สามารถสั่งซื้ออุปกรณ์ Calibrate หน้าจอ X-rite มาปรับแต่งความแม่นยำสีได้
สเปคของ ViewSonic VP3881 เป็นหน้าจอพาเนล IPS ขนาด 38 นิ้ว WQHD+ 4K ความละเอียด 3840×1600 พิกเซล อัตราส่วนหน้าจอ 21:9 เป็นหน้าจอ Anti-Glare ตัวหน้าจอสามารถตั้งความสูงต่ำและหันให้เข้ากับการใช้งานได้ หน้าจอมีความสว่าง 300 cd/m2 แสดงสีสันได้มากถึง 1.07 พันล้านสี
พอร์ตการเชื่อมต่อรองรับ DisplayPort 1.4 HDR Ready x 1 ช่อง, HDMI 2.0 x 2 ช่อง, USB-C x 1 ช่อง, ช่อง Audio Out x 1 ช่อง, Audio in x 1 ช่อง, USB 3.1 Type-B Gen 1 x 1 ช่อง กับ USB 3.1 Type-C Gen 1 x 1 ช่อง เป็น Upstream ทั้งคู่ ส่วน USB 3.1 Gen 1 Type-A x 3 ช่อง เป็น Downstream x 3 ช่อง
สเปคของ ViewSonic VP3881
- หน้าจอขนาด 38 นิ้ว ความละเอียด 4K (3840×1600 พิกเซล) อัตราส่วน 21:9 เป็นจอกันแสงสะท้อน Anti-Glare
- แสดงสีบนหน้าจอได้ 1.07 พันล้านสี เป็นหน้าจอสี 10-bit แบบ 8-bit+A-FRC
- ความสว่างสูงสุด 300 cd/㎡
- สั่งซื้อ X-rite มา Calibrate หน้าจอได้
- รองรับพอร์ต DisplayPort 1.4 HDR Ready x 1 ช่อง, HDMI 2.0 x 2 ช่อง, USB-C x 1 ช่อง, ช่อง Audio Out x 1 ช่อง, Audio in x 1 ช่อง, USB 3.1 Type-B Gen 1 x 1 ช่อง กับ USB 3.1 Type-C Gen 1 x 1 ช่อง เป็น Upstream ทั้งคู่ ส่วน USB 3.1 Gen 1 Type-A x 3 ช่อง เป็น Downstream x 3 ช่อง
- ได้รับการรับรองความแม่นยำสี HDR10 มีค่า 99.52% Adobe RGB, 107.4% Rec.709, 106.19% DCI-P3 และ Delta E < 2
- ราคา 37,900 บาท (JIB)
5. Apple Pro Display XDR (154,900 บาท)
Apple Pro Display XDR นั้นเป็นหน้าจอแต่งภาพคุณภาพสูงสำหรับงานในสตูดิโอหรือฮอลลีวู้ด ซึ่งเป็นหน้าจอระดับ Reference หรือจออ้างอิงสีสำหรับใช้งานระดับโรงภาพยนตร์ สามารถเลือกเปลี่ยนจากหน้าจอกระจกมาตรฐานเป็นกระจก Nano-texture ลดแสงสะท้อนลงไปได้มาก แต่หน้าจอกระจก Nano-texture จำเป็นต้องใช้ผ้าพิเศษจากทาง Apple เช็ดเท่านั้นเพื่อถนอมเนื้อกระจกหน้าจอให้มีคุณภาพดีเหมือนเดิม
สเปคของ Apple Pro Display XDR เป็นหน้าจอ Retina Display พาเนล IPS ขนาด 32 นิ้ว ความละเอียด 6K (6016 x 3384 พิกเซล) อัตราส่วน 16:9 โดยหน้าจอ XDR หรือ Extreme Dynamic Range ให้สีสันบนหน้าจอดีกว่า HDR ทั่วไปอีกหลายเท่า พร้อมโหมด True Tone มีความสว่าง 1,000 nits เป็นหน้าจอขอบเขตสีกว้าง sRGB, DCI-P3, D50-P3 สีสันหน้าจอแบบ 10-bit สามารถแสดงสีได้ 1.073 พันล้านสี
พอร์ตการเชื่อมต่อรองรับ Thunderbolt 3 x 1 ช่อง สำหรับเชื่อมต่อหน้าจอกับพีซีที่ต้องการใช้งานและ USB-C x 3 ช่อง
สเปคของ Apple Pro Display XDR
- หน้าจอขนาด 32 นิ้ว ความละเอียด 6K (6016 x 3384 พิกเซล) อัตราส่วน 16:9 เป็นจอกันแสงสะท้อน Full Lamination
- แสดงสีบนหน้าจอได้ 1.073 พันล้านสี เป็นหน้าจอสี 10-bit
- ความสว่างสูงสุด 1,000 nits
- หน้าจอได้รับการ Calibrate แบบพิเศษ มีโหมดอ้างอิง (Referenece) เพื่ออ้างอิงสีสำหรับการทำงานระดับโรงภาพยนตร์
- หน้าจอ Nano-texture ต้องใช้ผ้าพิเศษของ Apple เพื่อทำความสะอาด
- รองรับพอร์ต Thunderbolt 3 x 1 ช่อง, USB-C x 3 ช่อง
- ได้รับการรับรองความแม่นยำสี XDR (Extreme Dynamic Range), sRGB, DCI-P3, D50-P3
- ราคารุ่นเริ่มต้น 154,900 บาท, กระจก Nano-texture ราคา 189,900 บาท
6. EIZO 31.1″ COLOR EDGE CG319-4K (267,500 บาท)
EIZO 31.1″ COLOR EDGE CG319-4K จัดเป็นหน้าจอแต่งภาพพร้อมฟีเจอร์ล้ำ ๆ รุ่นหนึ่ง โดยฝังระบบเซนเซอร์เพื่อ Calibrate หน้าจอเอาไว้ในตัวจอเพื่อให้หน้าจอมีสีที่เที่ยงตรงเสมอ นอกจากนี้ยังมีโปรแกรม ColorNavigator 7 สำหรับตั้งค่าโปรไฟล์สีหน้าจอและเชื่อมต่อกันผ่านระบบ Cloud เมื่อ Administrator ปรับแต่งค่าสีของหน้าจอแล้วอัพโหลดขึ้น Cloud ก็จะส่งโปรไฟล์สีไปยังหน้าจอของลูกค่ายที่ใช้หน้าจอ EIZO ที่ติดตั้งโปรแกรม ColorNavigator 7 ทุกเครื่องพร้อมกัน
สเปคของ EIZO 31.1″ COLOR EDGE CG319-4K เป็นหน้าจอ DCI 4K พาเนล IPS ความละเอียด 4096×2160 พิกเซล อัตราส่วน 17:9 เป็นจอ HDR Gamma ที่มีค่าความแม่นยำสี 99% Adobe RGB, 98% DCI-P3, Rec. 709, Rec. 2020, PQ_DCI, BT.2100, HLG_BT.2100, BT.2020 ความสว่างหน้าจอ 350 cd/m2 เป็นหน้าจอ 10-bit แสดงผลสีได้ 1.07 พันล้านสี
พอร์ตเชื่อมต่อรองรับ DisplayPort x 2 ช่อง (HDCP 1.3), HDMI x 2 ช่อง (Depp Color, HDCP 2.2 / 1.4) พอร์ต USB 3.1 Gen 1 Type-B x 1 ช่อง และ USB 3.1 Gen 1 Type-A x 3 มีช่องชาร์จแบตเตอรี่ให้อุปกรณ์อื่นได้ด้วยกระแส 10.5W x 1 ช่อง
สเปคของ EIZO 31.1″ COLOR EDGE CG319-4K
- หน้าจอขนาด 31.1 นิ้ว ความละเอียด DCI 4K (4096×2160 พิกเซล) อัตราส่วน 17:9
- แสดงสีบนหน้าจอได้ 1.07 พันล้านสี เป็นหน้าจอสี 10-bit
- ความสว่างสูงสุด 350 cd/m2
- ColorNavigator 7 ตั้งค่าโปรไฟล์สีหน้าจอและเชื่อมต่อกันผ่านระบบ Cloud
- รองรับพอร์ต DisplayPort x 2 ช่อง (HDCP 1.3), HDMI x 2 ช่อง (Depp Color, HDCP 2.2 / 1.4) พอร์ต USB 3.1 Gen 1 Type-B x 1 ช่อง และ USB 3.1 Gen 1 Type-A x 3 ช่อง
- หน้าจอ HDR Gamma มีค่าความแม่นยำสี 99% Adobe RGB, 98% DCI-P3, Rec. 709, Rec. 2020, PQ_DCI, BT.2100, HLG_BT.2100, BT.2020
- ราคา 267,500 บาท (EIZO Thailand Official Shop JD Central)
สรุปจุดเด่นของหน้าจอแต่งภาพทั้ง 6 รุ่น
สเปคของหน้าจอแต่งภาพทั้ง 6 รุ่นจะมีรายละเอียดดังนี้
รุ่น / สเปค | ASUS ProArt PA278QV | DELL ULTRASHARP U2720Q | BenQ SW270C 27″ | ViewSonic VP3881 | Apple Pro Display XDR | EIZO 31.1″ COLOR EDGE CG319-4K |
หน้าจอ | 27 นิ้ว ความละเอียด 2K (2560×1440 พิกเซล) อัตราส่วน 16:9 Anti-Glare |
27 นิ้ว ความละเอียด 4K (3840×2160 พิกเซล) อัตราส่วน 16:9 Anti-Glare |
27 นิ้ว ความละเอียด 2K (2560×1440 พิกเซล) อัตราส่วน 16:9 Anti-Glare |
38 นิ้ว ความละเอียด 4K (3840×1600 พิกเซล) อัตราส่วน 21:9 Anti-Glare |
32 นิ้ว ความละเอียด 6K (6016 x 3384 พิกเซล) อัตราส่วน 16:9 Full Lamination |
31.1 นิ้ว ความละเอียด DCI 4K (4096×2160 พิกเซล) อัตราส่วน 17:9 |
แสดงผลสี | 16.7 ล้านสี | 1.07 พันล้านสี |
1.07 พันล้านสี จอสี 10-bit |
1.07 พันล้านสี จอสี 10-bit (8-bit+A-FRC) |
1.073 พันล้านสี จอสี 10-bit |
1.07 พันล้านสี จอสี 10-bit |
ความสว่าง | 350 cd/㎡ | 250 cd/㎡ | 300 cd/㎡ | 300 cd/㎡ | 1,000 nits |
350 cd/m2 |
โปรแกรมปรับแต่งจอ | ProArt Palette ProArt Preset |
CalMAN Ready | Palette Master Element |
สั่งซื้อ X-rite มา Calibrate หน้าจอได้ |
Calibrate แบบพิเศษ โหมดอ้างอิง (Referenece) |
ColorNavigator 7 |
พอร์ตเชื่อมต่อ | HDMI 1.4 x 1 ช่อง Mini DisplayPort 1.2 x 1 ช่อง DisplayPort 1.2 x 1 ช่อง Dual-link DVI-D x 1 ช่อง ช่องหูฟัง 3.5 มม. USB 3.0 x 4 ช่อง |
DisplayPort 1.4 x 1 ช่อง HDMI 2.0 x 2 ช่อง Thunderbolt 3 Upstream x 1 ช่อง Thunderbolt 3 Downstream x 1 ช่อง USB 3.2 Gen 1 Downstream x 2 ช่อง USB 3.2 Gen 2 Downstream x 2 ช่อง Audio Line out x 1 ช่อง |
HDMI 2.0 x 2 ช่อง DisplayPort 1.4 x 1 ช่อง USB-C x 1 ช่อง SD Card Reader x 1 ช่อง |
DisplayPort 1.4 HDR Ready x 1 ช่อง HDMI 2.0 x 2 ช่อง USB-C x 1 ช่อง Audio Out x 1 ช่อง Audio in x 1 ช่อง USB 3.1 Type-B Gen 1 x 1 ช่อง USB 3.1 Type-C Gen 1 x 1 ช่อง USB 3.1 Gen 1 Type-A x 3 ช่อง |
Thunderbolt 3 x 1 ช่อง USB-C x 3 ช่อง |
DisplayPort x 2 ช่อง (HDCP 1.3) HDMI x 2 ช่อง (Depp Color, HDCP 2.2 / 1.4) พอร์ต USB 3.1 Gen 1 Type-B x 1 ช่อง USB 3.1 Gen 1 Type-A x 3 ช่อง |
การรับรองความแม่นยำสี | CalMAN Verified 100% sRGB 100% Rec. 709 ความแม่นยำสี Delta E < 2 |
100% Adobe RGB 80% BT. 2020 98% DCI-P3 |
PANTONE Validated และ CalMAN Verified 99% Adobe RGB 100% sRGB 100% Rec.709 97% DCI-P3 & Display P3 Delta E < 2 |
HDR10 99.52% Adobe RGB 107.4% Rec.709 106.19% DCI-P3 Delta E < 2 |
XDR (Extreme Dynamic Range) sRGB DCI-P3 D50-P3 |
HDR Gamma 99% Adobe RGB 98% DCI-P3 Rec. 709 Rec. 2020 PQ_DCI BT.2100 HLG_BT.2100 BT.2020 |
ราคา | 13,900 บาท | 18,900 บาท | 25,900 บาท | 37,900 บาท | 154,900 บาท กระจก Nano-texture 189,900 บาท |
267,500 บาท |
สำหรับหน้าจอแต่งภาพก็มีหลากหลายเกรด ซึ่งราคาหมื่นต้นก็พร้อมใช้ทำงานได้แล้วไม่ว่าจะแต่งภาพหรือตัดต่อวิดีโอ แต่สิ่งสำคัญคือการหมั่น Calibrate หน้าจอให้สีสันแม่นยำอยู่เสมอจะทำให้หน้าจอมีสีสันเที่ยงตรงพร้อมใช้ทำงานอยู่เสมอ ซึ่งนอกจากหน้าจอแล้วก็ควรเตรียมเงินสำหรับอุปกรณ์ Calibrate หน้าจอเช่น Spyder ของ Datacolor สักตัว ก็จะทำให้จอแต่งภาพของเราพร้อมใช้ทำงานอยู่เสมอ