นอกจากเกมดังจากสตูดิโอชั้นนำหลาย ๆ แห่งแล้ว เกมอินดี้น่าเล่นจากผู้พัฒนาเกมรายย่อยและสตูดิโอขนาดเล็กก็ได้ความสนใจจากเกมเมอร์ไม่แพ้กัน ด้วยความแปลกแหวกแนวและความคิดสร้างสรรค์ไม่เหมือนใคร บางเกมก็มีเนื้อเรื่องดีและซึ้งกินใจจนดึงให้คนที่ไม่ได้เล่นเกมหันมาเล่นเกมมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย นอกจากนี้เกมอินดี้ก็มีข้อดีคือเราไม่จำเป็นต้องใช้โน๊ตบุ๊คหรือพีซีสเปคสูง ๆ ก็สามารถเล่นเกมเหล่านี้ได้เช่นกัน
ด้านเกมเมอร์ที่เล่นเกมไปจนเกือบหมดแล้วและกำลังมองหาเกมใหม่ ๆ แต่ยังเลือกไม่ถูกว่าเกมไหนสนุกและเกมไหนกำลังจะเปิดตัวแล้วไม่ควรพลาด บทความนี้เราได้รวบรวมเกมอินดี้ที่เกมเมอร์ไม่ควรพลาดมาให้เลือกใส่ Wistlist รอซื้อถึง 8 เกม จะมีเกมอะไรน่าสนใจสามารถติดตามอ่านได้ในบทความนี้เลย
จะหาเกมอินดี้น่าเล่นได้จากไหนบ้าง?
ช่องทางหาซื้อเกมอินดี้มาเล่นในปัจจุบันนี้สามารถซื้อได้ผ่านทาง Steam และมีการจัดหมวดหมู่ให้เกมกลุ่มนี้โดยเฉพาะ เพียงเข้าหน้าซื้อเกมและกดเลือกแถบ Browse > Indie แล้วจะเข้าสู่หมวดเลือกซื้อเกมอินดี้ทั้งหมดใน Steam
หน้าร้านค้าจะเปลี่ยนจากแสดงเกมแนะนำจากอัลกอริธึ่มของ Steam เป็นหน้าแสดงเกมอินดี้อย่างเดียว แล้วเลือกการแนะนำเกมได้ว่าต้องการหาเกมแบบไหนได้ตรงแถบหมวดหมู่ด้านล่างใต้แบนเนอร์ใหญ่ของ Steam แยกตามการตั้งค่าไอดี Steam ของเราในหัวข้อ Preferences ส่วนแต่ละหัวข้อคือ
- Now and Trending – เกมใหม่มาแรงและเกมเมอร์กำลังนิยมเล่น
- Top Sellers – เกมขายดีบน Steam ไม่จำเป็นต้องเป็นเกมใหม่เสมอไป
- What’s Popular – เกมหรือโปรแกรมที่กำลังได้รับความนิยม
- Top Rated – เกมเรตติ้งดีโดยอ้างอิงจากการรีวิวของเกมเมอร์ที่ซื้อเกมนี้ไปเล่น ถ้าเกมไหนได้อยู่ในหมวด Top Rated อันดับต้น ๆ จะมีคำแนะนำรีวิวว่า Overwhelmingly Positive หรือ Very Positive อยู่ ถือว่าเป็นเกมน่าเล่น
- Upcoming – เกมใหม่กำลังพัฒนาแต่เปิดให้เล่นได้แล้ว กำลังจะออกจาก Steam Early Access และกลายเป็นเกมฉบับสมบูรณ์พร้อมวางขายในเร็ว ๆ นี้
ส่วนคนที่ไม่ชอบเลือกตามใครให้เลื่อนลงมาแล้วสังเกตคำว่า “Narrow by tag” ฝั่งขวามือ จะแยกตามประเภทของเกม แต่ข้อเสียของการเลือกตาม Tag คือไม่มีการจัดหมวดหมู่ให้เรา ดังนั้นเวลาเลือกตาม Tag ควรเข้าไปดูรีวิวของแต่ละเกมว่าเกมเมอร์ที่ซื้อเกมนี้ไปมีความคิดเห็นเกี่ยวกับเกมนี้อย่างไร
8 เกมอินดี้น่าเล่นไม่ควรพลาด
เชื่อว่าเมื่อถามเพื่อนหรือคนใกล้ตัวว่าอยากหาเกมอินดี้เล่นสักเกม จะเลือกเกมไหนดี? ก็น่าจะมีทั้งเกมเก่ายอดนิยมตลอดกาลผสมกับเกมใหม่ที่เพิ่งเผยคลิปตัวอย่างในเกมไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ และเตรียมวางขายอย่างเป็นทางการผสมกันตามความสนใจของเพื่อนแต่ละคนอย่างแน่นอน
ส่วนในบทความนี้จะมีทั้งเกมที่เปิดตัวไปแล้วและเกมน่าสนใจใกล้เปิดตัวเร็ว ๆ นี้ภายในปี 2021 รวมทั้งหมด 8 เกม คนละสไตล์ตามความชอบของผู้เล่นและผู้เขียนคิดว่าควรหามาลองเล่นสักครั้ง มีรายชื่อเกมดังนี้
- Timelie (329 บาท)
- Hades (319 บาท)
- Disco Elysium (469 บาท)
- Twelve Minutes (เปิดให้เล่นปี 2021)
- She Dreams Elsewhere (เปิดให้เล่นปี 2021)
- Season (เปิดให้เล่นปี 2021)
- Dustborn (เปิดให้เล่นปี 2021)
- A Long Journey to an Uncertain End (เปิดให้เล่นปี 2021)
1. Timelie (329 บาท)
Timelie เป็นเกมอินดี้แนว Puzzle, Adventure, Strategy โดย Urnique Studio สตูดิโอคนไทยเป็นผู้พัฒนาเกมนี้และได้รับคะแนนรีวิวจากสื่อต่างประเทศในระดับดีมาก ได้รางวัล BIDC 2020 Game of the Year รวมถึงรางวัลอื่น ๆ อีกมากมายเป็นเครื่องการันตีว่าเกมนี้ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อพัฒนาโดยคนไทยตัวเกมก็รองรับภาษาไทยอีกด้วย
เราจะรับบทเป็นเด็กผู้หญิงที่ตื่นขึ้นมาในสถานที่แห่งหนึ่งพร้อมกับแมวหนึ่งตัวแล้วต้องหาทางหนีออกให้ได้ด้วยพลังควบคุมเวลา ทำได้ทั้งย้อน, เลื่อนและกระโดดข้ามเวลาไปตามจุดต่าง ๆ โดยตัวเกมเปิดให้เล่นตั้งแต่ 21 พฤษภาคม 2020 ที่ผ่านมา ราคาเฉพาะตัวเกม 329 บาท ถ้าซื้อพร้อมซาวน์แทร็คในเกมอยู่ที่ 428 บาท สามารถเล่นได้ทั้ง Windows, macOS ปัจจุบันทางสตูดิโอกำลังพอร์ต Timelie ไปยังเครื่อง Nintendo Switch อยู่ ดังนั้นเจ้าของ Nintendo Switch น่าจะได้เล่น Timelie เร็ว ๆ นี้
Timelie
- แนวเกม – Puzzle, Adventure, Strategy
- ระบบปฏิบัติการ – Windows, macOS, Nintendo Switch เร็ว ๆ นี้
- เปิดตัว – 21 พฤษภาคม 2020
- ราคา – 329 บาท ซื้อพร้อมเพลงประกอบราคา 428 บาท
2. Hades (319 บาท)
Hades หนึ่งในเกมชื่อดังจากสตูดิโออินดี้คุณภาพดีอย่าง Supergiant Games ผู้สร้างเกมอินดี้ชื่อดังที่เกมเมอร์น่าจะเคยผ่านตามาบ้าง อย่าง Bastion, Transistor และ Pyre โดย Hades เป็นเกม Action Roguelike, RPG เน้นความรวดเร็วและเนื้อเรื่องกระชับแล้วเพิ่มความดุดันและตื่นเต้นด้วยเพลงร็อคให้เข้ากับตัวเกมยิ่งขึ้น Hades ได้รางวัล Game of the Year จากเว็บไซต์เกมชื่อดังหลายแห่ง เช่น IGN, Polygon, Eurogamer รวมไปถึง TIME Magazine อีกด้วย! ถือเป็นเกมอินดี้คุณภาพดีห้ามพลาด
เนื้อเรื่องจะให้เรารับบทเป็นลูกชายของเจ้านรกฮาเดสที่ต้องการหนีออกจากนรก ฝ่าดงมอนสเตอร์จำนวนมหาศาลไปด้วยความสามารถของตัวเอง ตัวเกมเน้นการต่อสู้รวดเร็วและแม้เราจะตายจากการต่อสู้ก็จะได้รับพลังจากเทพต่าง ๆ มาเสริมพลังให้เราเก่งขึ้นไปเรื่อย ๆ และตัวเกมก็ถูกออกแบบให้เกมเมอร์อยากเล่นซ้ำหลาย ๆ รอบอีกด้วย
สำหรับตัวเกมอย่างเดียวราคา 319 บาท ถ้าซื้อพร้อมซาวน์แทร็คของเกมราคา 508 บาท รองรับระบบปฏิบัติการ Windows, macOS และมีแผนการพอร์ตไปยังเครื่องคอนโซลอื่น ๆ ในอนาคต แต่อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยเพราะสตูดิโอนี้มีพนักงานเพียง 20 คนเท่านั้น
Hades
- แนวเกม – Action Roguelike, RPG
- ระบบปฏิบัติการ – Windows, macOS และเครื่องคอนโซลอื่น ๆ ในอนาคต
- เปิดตัว – 17 กันยายน 2020
- ราคา – 319 บาท ซื้อพร้อมซาวน์แทร็คราคา 508 บาท
3. Disco Elysium (469 บาท)
Disco Elysium เป็นเกม RPG, Choices Matter, Detective, Story Rich ที่เปิดตัวมาตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2019 ถึงจะไม่ค่อยโด่งดังในประเทศไทยแต่เป็นเกมอินดี้คุณภาพคับแก้วเนื้อหาเข้มข้นและซับซ้อนมาก ทำให้ทุกตัวเลือกของเรามีความสำคัญและส่งผลต่อตัวเกมทั้งหมด แม้จะดูเข้าถึงยากแต่นั่นก็เป็นจุดเด่นของเกมและเรียกคะแนนรีวิวได้อย่างล้นหลาม โดยเกมนี้เป็นผลงานแรกของสตูดิโอ ZA/UM
ตัวเกมจะให้เรารับบทเป็นนายตำรวจผู้ถูกส่งไปสืบคดีฆาตกรรมแต่เกิดปัญหาให้ตัวเองสูญเสียความทรงจำไปแล้วต้องออกสืบหาสาเหตุและแรงจูงใจของคดีจากชาวเมือง โดยทุกบทสนทนาของเราจะถูกบันทึกเอาไว้ในสมองของเราเพื่อใช้ในอนาคตได้และนำไปพัฒนาเป็นสกิลใหม่ การเลือกใช้ไอเทมและพัฒนาทักษะบางอย่างมีผลกับตัวละครอีกด้วย
ตอนนี้ Disco Elysium มีให้เล่นทุกแพลตฟอร์ม ทั้ง Windows, macOS, PS4, PS5, Google Stadia, Nintendo Switch, Xbox One และ Xbox Series X/S ราคาเกมอย่างเดียว 469 บาท ถ้าซื้อพร้อมซาวน์แทร็คในเกมราคา 528 บาท
Disco Elysium
- แนวเกม – RPG, Choices Matter, Detective, Story Rich
- ระบบปฏิบัติการ – Windows, macOS, PlayStation 4, PlayStation 5, Google Stadia, Nintendo Switch, Xbox One และ Xbox Series X/S
- เปิดตัว – 15 ตุลาคม 2019
- ราคา – เกมอย่างเดียว 469 บาท ถ้าซื้อพร้อมซาวน์แทร็คในเกมราคา 528 บาท
4. Twelve Minutes (เปิดให้เล่นปี 2021)
Twelve Minutes เป็นเกมแนว Adventure, Thriller แต่มีส่วนเนื้อหาเกี่ยวข้องทางเพศอยู่บ้าง พัฒนาโดยสตูดิโอ Annapurna Interactive ที่มีผลงานมากมายทั้งเกมแนวน่ารักอย่าง WATTAM, เกม FPS อย่าง Due Process และเกมในงานเปิดตัวบริการ Apple Arcade อย่าง Sayonara Wild Hearts เป็นต้น Twelve Minutes เป็นเกม Interactive ทางเลือก มีกำหนดเปิดตัวในปี 2021 นี้ ตอนนี้มีตัวอย่างเกมสั้น ๆ ออกมาให้เกมเมอร์ได้ดูแล้วและจัดว่าน่าสนใจมาก
เราจะได้รับบทเป็นตัวละครชายที่ติดอยู่ในลูปเวลาย้อนกลับในสถานการณ์คับขัน ซึ่งเราต้องเลือกว่าจะทำอะไรเพื่อแก้ไขสถานการณ์นั้น ๆ ให้ผ่านไปได้ไม่อย่างนั้นจะพบกับจุดจบไม่ดีและต้องย้อนเวลากลับมาแก้ไขสถานการณ์ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะผ่านไปได้
เกมนี้ได้ดาราดังสามคนได้แก่ James McAvoy ตัวเอกในหนังเรื่อง Split (2016), Daisy Ridley เจ้าของบท Ray ใน Star Wars ไตรภาคล่าสุด และ Willem Dafoe ผู้รับบท Green Goblin ใน Spider-man 2 ของแซม ไรมี่ย์ มาร่วมแสดงด้วย ตอนนี้ประกาศเปิดตัวให้ระบบปฏิบัติการ Windows ก่อน และอาจพอร์ตไปยังแพลตฟอร์มอื่น ๆ ในภายหลัง
Twelve Minutes
- แนวเกม – Adventure, Thriller
- ระบบปฏิบัติการ – Windows
- เปิดตัว – ภายในปี 2021
- ราคา – ยังไม่ทราบ
5. She Dreams Elsewhere (เปิดให้เล่นปี 2021)
She Dreams Elsewhere เป็นเกม Adventure, Turn-based RPG, Pixel Graphics, Story Rich จากสตูดิโอน้องใหม่อย่าง Studio Zevere มีเนื้อหาโทนหม่นตัดด้วยสีสันจี๊ดจ๊าดปวดตา ดีไซน์ในเกมเหมือนกับเกม RPG ยุคเครื่องแฟมิคอมคล้ายเกม FINAL FANTASY ภาคแรก ๆ และ Dragon Quest มีกำหนดเปิดตัวในปี 2021 ให้กับระบบปฏิบัติการ Windows, macOS, Linux เป็นสามแพลตฟอร์มแรกและเราสามารถทดลองโหลด Demo มาเล่นใน Steam ได้แล้ว
เราจะรับบทเป็น Thalia ผู้หญิงที่ติดอยู่ในฝันร้ายของตัวเองด้วยปัญหาสุขภาพจิต เธอต้องหาทางสู้และหนีออกมาให้ได้ไม่อย่างนั้นเธอจะติดอยู่ในฝันร้ายตลอดไปและร่างกายเธอจะอยู่ในอาการโคม่าตลอดกาล
จุดสำคัญคือเกมใช้ภาษาค่อนข้างรุนแรงและหัวข้อในเกมมีความสุ่มเสี่ยงต่อผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ดังนั้นผู้พัฒนาเกมจึงไม่แนะนำให้ผู้ป่วยอาการทางจิตให้เล่นเกมนี้นัก
She Dreams Elsewhere
- แนวเกม – Adventure, Turn-based RPG, Pixel Graphics, Story Rich
- ระบบปฏิบัติการ – Windows, macOS, Linux
- เปิดตัว – ภายในปี 2021
- ราคา – ยังไม่ทราบ
6. Season (เปิดให้เล่นปี 2021)
Season เป็นเกมอินดี้โทนเล่นสบายแนว Casual, Athmospheric, Exploration, Story Rich จาก Scarvengers Studio เป็นเกมแนวสำรวจที่ภาพในเกมสวยแปลกตา ตัวเกมได้เรท E จาก ESRB (คณะกรรมการกำหนดเรตติ้งเกม) จึงเหมาะกับทุกเพศทุกวัยอย่างแน่นอนและมีกำหนดวางขายในปี 2021 นี้ใน PS5 กับ Steam เป็นสองช่องทางแรก
เกมนี้จะให้เรารับบทเป็นสาวแว่นที่ออกปั่นจักรยานท่องเที่ยวถ่ายรูปและสเก็ตช์ภาพไปตามทาง พร้อมเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ บนโลก และสืบหาว่าสาเหตุของการล่มสลายครั้งก่อนในอดีตเกิดขึ้นจากอะไรและต้องป้องกันไม่ให้เกิดครั้งต่อไปอย่างไรบ้าง ซึ่งเกมเมอร์สายแวะเที่ยวและสำรวจสิ่งต่าง ๆ ในเกมน่าจะตกหลุมรักเกมนี้ได้ไม่ยากอย่างแน่นอน
Season
- แนวเกม – Casual, Athmospheric, Exploration, Story Rich
- ระบบปฏิบัติการ – Windows, PlayStation 5
- เปิดตัว – ภายในปี 2021
- ราคา – ยังไม่ทราบ
7. Dustborn (เปิดให้เล่นปี 2021)
Dustborn เป็นเกม Action, Adventure, Female Protagonist มุมมองบุคคลที่ 3 ภาพกราฟฟิคแบบการ์ตูนอเมริกัน เน้นเนื้อเรื่องเข้มข้นจาก red thread games พัฒนาร่วมกับ Quantic Dream เจ้าของผลงานสุดล้ำอย่าง Detroit: Become Human จึงค่อนข้างคาดหวังเรื่องคุณภาพและเนื้อเรื่องกับได้มากทีเดียว โดยเปิดตัวใน Steam เป็นแพลตฟอร์มแรกภายในปี 2021 และอาจจะพอร์ตไปยังแพลตฟอร์มอื่นในอนาคต
เนื้อเรื่องเริ่มต้นในปี 2030 โดยเรารับบทเป็น Pax ศิลปินผู้มีพลังเหนือธรรมชาติตกอับหนีปัญหาพร้อมอุ้มท้องมา 4 เดือนแล้ว แต่ต้องมารับจ็อบส่งของระหว่างรัฐในอเมริกาที่ล่มสลายและแต่ละรัฐแตกออกจากกัน เรากับเพื่อนต้องหาทางส่งของ, เคลียร์ปัญหาและจัดการศัตรูระหว่างทางร่วมกับเพื่อน ๆ และหุ่นยนต์อีกสองตัวให้ส่งของไปถึงปลายทางให้ได้
จากตัวอย่างเกมจะเห็นว่า Dustborn เป็นเกมรวมส่วนผสมของหลาย ๆ สิ่งเข้าด้วยกันแต่จะเน้นเรื่องคำพูดของตัวละคร ซึ่งอาจจะคาดเดาได้ว่าเกมนี้การเลือกตอบกับสิ่งต่าง ๆ ในเกมจะมีผลต่อการเล่นและฉากจบของเราอย่างแน่นอนเหมือนกับ Detroit: Become Human, Beyond: Two Souls และ Heavy Rain งานถนัดของ Quantic Dream อย่างแน่นอน
Dustborn
- แนวเกม – Action, Adventure, Female Protagonist
- ระบบปฏิบัติการ – Windows
- เปิดตัว – ภายในปี 2021
- ราคา – ยังไม่ทราบ
8. A Long Journey to an Uncertain End (เปิดให้เล่นปี 2021)
A Long Journey to an Uncertain End เป็นอีกเกมน่าเล่นที่จะเปิดตัวในปี 2021 โดยสตูดิโอ Crispy Creative ซึ่งรวมเอาทีมงานเก่าจากสองสตูดิโอคือ Obsidian Games เจ้าของผลงานเด่นอย่าง Outer World กับ Telltale Games เจ้าของเกมทางเลือกดัง ๆ หลายเกมอย่าง The Wolf Among Us, The Walking Dead มารวมตัวกัน เป็นเกมแนว Resource Management, Time Management ซึ่งคนชอบใช้ความคิดและนักบริหารน่าจะชอบกัน ในเกมมีตัวละครเป็น LGBTQ+ อีกด้วย โดยเปิดให้เล่นใน Steam ก่อนจะพอร์ตไปยังคอนโซลและระบบปฏิบัติการอื่น
ตัวเกมจะอยู่ในอนาคตอันไกล ซึ่งเราต้องควบคุมตัวละครให้เดินทางเก็บทรัพยากรระหว่างดวงดาวไปเรื่อย ๆ แล้วต้องจัดการทรัพยากรและเวลาที่มีจำกัดให้ดีที่สุด นอกจากนี้ตัวละครของเรากับดาวต่าง ๆ ก็จะมีเนื้อเรื่องเฉพาะของตัวเอง แม้จะเล่นจบแล้วก็อาจจะทำให้เกมเมอร์หลาย ๆ คนวนกลับมาเล่นเกมนี้ได้เรื่อย ๆ อย่างแน่นอน
ขึ้นชื่อว่าเป็นเกมจากสตูดิโอใหม่จากทีมงานเก่าของ Telltale Games และ Obsidian Games ก็คาดหวังได้เลยว่าระบบการเล่นและเนื้อเรื่องของเกมนี้น่าจะสนุกมากแน่ ๆ ถ้าใครชอบอ่านและไล่เก็บเนื้อเรื่องก็ควรกดเกมนี้เข้า Wishlist ให้เรียบร้อย จะได้ไม่พลาดตอนเกมเปิดให้เข้าเล่นได้วันแรก
A Long Journey to an Uncertain End
- แนวเกม – Resource Management, Time Management
- ระบบปฏิบัติการ – Windows
- เปิดตัว – ภายในปี 2021
- ราคา – ยังไม่ทราบ
นอกจาก 8 เกมแนะนำในบทความนี้ก็ยังมีเกมอินดี้น่าเล่นเตรียมเปิดตัวในปี 2021 อีกหลายสิบเกมรวมทั้งเกมจากสตูดิโอชั้นนำอีกหลายแห่งอีกด้วย แต่บางเกมก็อาจจะมีเนื้อหาไม่เหมาะสมหรือไม่ถูกใจคนบางกลุ่มได้ ดังนั้นการเลือกและเล่นเกมอย่างมีวิจารณญาณและโฟกัสประเด็นในตัวเกมที่ผู้พัฒนาต้องการสื่อให้เราได้รับรู้เป็นสิ่งสำคัญและทำให้เราสามารถสนุกกับตัวเกมได้อย่างเต็มที่ดีกว่า