คีย์บอร์ดเกมมิ่ง แทบจะเรียกได้ว่าเป็นของที่อยู่คู่กับเกมเมอร์แบบแยกกันไม่ออก เพราะเป็นตัวคอนโทรลทุกสิ่ง ไม่น้อยหน้าเมาส์เกมมิ่ง ที่ต้องไปคู่กัน โดยเฉพาะ Mechanical keyboard ที่มีคีย์สวิทช์ (Key switch) ให้เลือกมากมาย และช่วยให้ผู้เล่นรู้สึกสนุกกับการเล่นเกมมากยิ่งขึ้น เพราะคีย์บอร์ดเหล่านี้ออกแบบมาให้มีฟังก์ชั่น สำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Anti-Ghosting, Key rollover หรือจะเป็นสวิทช์ที่ตอบสนองได้ไว ทำให้การเคลื่อนไหวทำได้รวดเร็ว ซึ่งถ้าใครกำลังมองหาคีย์บอร์ดสำหรับเล่นเกมเหล่านี้ วันนี้ทีมงานจัดมาให้ 7 รุ่น ในงบประมาณไม่เกิน 2,990 บาท มาให้เป็นทางเลือกกัน
- HyperX ALLOY FPS Pro TKL ราคาประมาณ 2,590 บาท
- Steelseries Apex 3 RGB ราคาประมาณ 2,590 บาท
- Logitech G613 ราคาประมาณ 2,590 บาท
- DUCKY ONE 2 MINI RGB ราคาประมาณ 2,590 บาท
- Corsair K68 Red ราคาประมาณ 2,890 บาท
- TT Premium X1 RGB ราคาประมาณ 2,990 บาท
- COUGAR PURI RGB ราคาประมาณ 2,590 บาท
คีย์บอร์ดเกมมิ่ง 7 รุ่น ในงบ 2,990 บาท
1. HyperX ALLOY FPS Pro TKL
จัดเป็นเกมมิ่งคีย์บอร์ดตัวจี๊ดในแบบ TKL หรือ Ten Keyless คือเน้นความกระชับ พกพาสะดวก ไม่เปลืองพื้นที่โต๊ะ เพราะตัดในส่วนของ Numpad ออกไป สำหรับสายโหดโดยแท้ แนวดิบๆ ที่มาพร้อมคีย์สวิทช์ CHERRY® MX Blue หรือ Red Switch ให้เลือก อัตราตอบสนองใกล้เคียงกัน แต่เรื่องจังหวะก็แล้วแต่ความชอบ รวมถึงความอึดถึก ที่จัดมาให้เต็มที่ ปุ่มสวิทช์ที่คลิ๊กได้ในระดับ 60 ล้านครั้ง รวมถึงบอดี้โลหะแบบแน่นๆ เน้นความทนทาน
พร้อมฟีเจอร์สำคัญ เช่น Game Mode, 100% Anti-Ghosting และ N-Key rollover เป็นต้น และทาง HyperX ยังจัดแสงไฟ LED Backlit สีแดงสดใสมาให้ เพิ่มความเร้าใจในการเล่น สายต่อ USB ถอดได้ สามารถปรับระดับความชันของคีย์บอร์ดได้ 3 ระดับ แต่อย่างที่บอกคือ คีย์บอร์ดรุ่นนี้ เน้นความดิบแบบเดิมๆ สำหรับโปรเกมเมอร์ ที่ไม่ชอบการแต่งเติมปุ่มให้วุ่นวาย รวมถึงตอบโจทย์คนที่อยากได้คีย์บอร์ดขนาดกระทัดรัด พกง่าย วางสะดวก ราคารุ่นนี้ลดลงมาจากเดิมเหลือแค่ 2,590 บาท โดยประมาณ
ข้อมูลเพิ่มเติม: HyperX
2. Steelseries Apex 3 RGB
เอาใจเกมเมอร์ที่ชื่นชอบการเล่นแบบเพลินๆ เน้นใช้งานง่าย เสียงเบา และสวยงาม อาจไม่ได้เป็นสายลุย แต่ได้ความบันเทิง เพราะคีย์บอร์ดรุ่นนี้ ให้ความสะดวกสบายในการใช้งาน แต่ให้ความทนทาน ว่ากันตั้งแต่บอดี้ ไปจนถึงปุ่ม โครงสร้างที่เป็นอะลูมิเนียม เกรดเดียวกับที่ใช้ในอากาศยาน ทนความร้อนได้ดี ขนาดแบบ 108-key ที่มี Numpad มาในตัวครบ ที่เป็นไฮไลต์คือ กันน้ำกันฝุ่นในระดับ IP32 เหมาะกับคนที่ใช้งานในบ้านหรือสำนักงานที่ต้องเจอกับสภาวะฝุ่นเยอะ ไม่ต้องกังวลเวลาวางทิ้งไว้ ปุ่มที่ใช้เป็นแบบ Membrane ที่แม้จะไม่ได้เป็น Key switch แบบ Mechanical แต่ข้อดีคือ กดนุ่ม ตอบสนองได้ไว และไม่มีเสียงรบกวน จึงไม่ต้องกังวลเวลาที่คุณจะเล่นเกมในห้อง หรือในพื้นที่อื่นๆ ไม่ก่อความรำคาญ เหมาะกับคนที่ต้องพักอยู่กับคนอื่นๆ
ได้ฟีเจอร์ครบครันในแง่ของการเล่นเกม ไม่ว่าจะเป็น Anti-Ghosting และ Key Roll-Over เพิ่มความสวยงาม ด้วยแสงไฟแบบจัดเต็ม ด้วยไฟ LED 16.8 ล้านสี และยังปรับแต่งได้เช่นเดียวกับใน Apex ซีรีส์อื่นๆ และที่เป็นเอกลักษณ์เอาใจเกมเมอร์ก็คือ ที่รองมือแบบแม่เหล็ก ที่มีความนุ่มนวล ใช้งานได้ถูกสรีระ ที่สำคัญมีปุ่มมัลติมีเดียมาให้อีกด้วย โดยรุ่นนี้มีให้เลือกทั้งแบบปุ่ม TH+EN และแบบ EN เพียงอย่างเดียว ใครที่ชอบปุ่มคีย์ใหญ่ ไฟทะลุทุกตัว ไม่น่าพลาด เคาะราคาอยู่ที่ประมาณ 2,590 บาท
ข้อมูลเพิ่มเติม: Steelseries
3. Logitech G613
ขยับมาอีกรุ่นเป็นคีย์บอร์ดเกมมิ่งจากค่าย Logitech ที่หลายคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มาพร้อม G series ที่ในวันนี้ก้าวมาอยู่ในตลาดเกมมิ่งได้แบบเต็มไลน์ ซึ่งใน G613 นี้ แม้จะอยู่ในตลาดได้สักระยะแล้ว แต่ก็ยังได้รับความนิยมเสมอมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบอดี้ที่มีความเรียบหรู ดูทันสมัย ในโทนสีดำอันเป็นเอกลักษณ์ มาในแบบ Full-size ครบครันทั้ง Numpad และ Multi-media key ที่มีให้ครบครัน บอดี้มีความทนทาน ไม่เป็นรอยง่าย กับน้ำหนักที่ช่วยให้ไม่เคลื่อนไปมา กดได้สะดวก ปุ่มเป็นแบบพิเศษเฉพาะของทาง Logitech เรียกว่า Romer-G เป็นแบบ Tactile แต่เสียงรบกวนน้อย และเป็นลักษณะของ Mechanical เช่นเดียวกัน ตอบโจทย์กลุ่มเกมเมอร์อีสปอร์ตได้ดี ระยะตอบสนองเพียง 1.5mm ใครที่ชื่นชอบความไวและเสียงเงียบ น่าจะมีเพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้น ที่ให้คุณได้ จะเล่นเกมหรือพิมพ์สัมผัส ก็ใช้งานได้ดี ความทนทานระดับ 60 ล้านครั้ง
นอกจากนี้ยังมีปุ่มด้านข้างซ้าย ที่กลายเป็น G-Key หรือฮอตคีย์ ที่ช่วยในการเล่นเกม ด้วยการตั้งมาโครได้ถึง 6 ปุ่ม ไม่ว่าจะเป็นการโจมตี ใช้เวทย์ใหญ่ การเคลื่อนไหวหรือเปลี่ยนอาวุธ ปุ่มเหล่านี้ช่วยทำให้สะดวกขึ้น โดยทำงานผ่าน G-Hub ในการกำหนดค่าและบันทึกเป็นโพรไฟล์ได้อีกด้วย และที่พิเศษไปกว่านั้นคือ คีย์บอร์ดนี้เป็นแบบไร้สาย เชื่อมต่อได้ผ่านทาง Bluetooth แม้ไร้สาย แต่ก็ตอบสนองได้ไวไม่ต่างไปจากไร้สายเลยทีเดียว ใช้พลังจากแบต AA 2 ก้อน ใช้งานได้หลายเดือน และมีไฟ LED แสดงสถานะแบตอีกด้วย มีทั้งปุ่มที่เป็น TH และ EN ครบ พร้อมแสงไฟทะลุเห็นได้ชัดเจน ราคาอยู่ที่ประมาณ 2,590 บาท
ข้อมูลเพิ่มเติม: Logitech
4. DUCKY ONE 2 MINI RGB
เมื่อก่อนจะเป็นเจ้าของคีย์บอร์ด DUCKY กับคีย์ระดับโลก ต้องจ่ายกันหนัก แต่เวลานี้ราคาจับต้องได้แล้ว เช่นเดียวกับ DUCKY ONE 2 กับไซส์มินิเอาใจเกมเมอร์ที่เน้นการเล่นเกมจริงจัง ไม่ต้องการฟีเจอร์ที่ฟุ้งเฟ้อมากเกินไป กับดีไซน์ขนาดเล็กกระทัดรัด จำกัดพื้นที่ให้น้อยกว่า TKL ด้วย Cherry MX key switch ที่เป็น Blue switch ให้อัตราการตอบสนองไว ด้วย Traverl key ที่สั้่น จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคอเกม ที่ต้องการความคล่องตัวรวดเร็ว ตัวปุ่มเป็นแบบ double-shot ยิงเลเซอร์มาแบบคมกริบ ให้แสงไฟ LED Backlit คมชัดสดใส ปรับแต่งได้ผ่านซอฟต์แวร์ DuckyRGBSeries อีกด้วย ซึ่งแต่งได้หลายรูปแบบเลยทีเดียว
ปรับความสูงได้ 3 ระดับ พร้อมฟีเจอร์สำหรับการเล่นเกม N-key หรือ 6-Key Rollover และให้การเชื่อมต่อในแบบ USB Type-C to Type-A ซึ่งทำให้อัตรา Polling rate สูงขึ้น ตอบสนองได้ไว เรื่องของความทนทานรองรับการกดได้มากกว่า 60 ล้านครั้ง จากคีย์สวิทช์คุณภาพ เคาะราคาออกมาที่ 2,590 บาท เท่านั้น จัดว่าเป็นคีย์บอร์ดระดับแนวหน้าอีกรุ่น ที่ทำราคาออกมาได้น่าสนใจไม่น้อยเลย
ข้อมูลเพิ่มเติม: DUCKY
5. Corsair K68 Red
คีย์บอร์ดเกมมิ่งครบเครื่องอีกรุ่นหนึ่ง ที่ราคาจับต้องได้ในตลาดเวลานี้ กับค่ายที่เรียกว่ามีเกมมิ่งเกียร์หลากรุ่นหลายซีรีส์ให้ได้เลือกใช้กัน สำหรับ K68 นี้ จะเป็นอีกกลุ่มคีย์บอร์ดในตลาดมัลติมีเดียและเกมมิ่งคู่กัน เพราะจัดฟีเจอร์ได้ความบันเทิงมาครบครัน รวมถึงคีย์สวิทช์แบบ Cherry MX ที่จัดวางในตัวด้วย พร้อมจุดเด่นในการปรับแต่งแสงไฟบนคีย์บอร์ดได้ และความทนทานในระดับ IP32 เพื่อให้มั่่นใจในการใช้งานในชีวิตประจำวันของเกมเมอร์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของน้ำหรือฝุ่นก็ตาม ด้วยการออกแบบบอดี้ที่ให้ความทนทาน มาในโทนสีดำ กับปุ่มแบบ Full-size ด้วย Numpad และปุ่ม Multi-media ที่้มีแยกมาให้ เอาใจสายบันเทิง ปุ่มในซีรีส์ Red นี้ เป็นคีย์ Cherry Red ที่ตอบสนองไว แต่เสียงรบกวนน้อย ความทนทานระดับ 60 ล้านคลิ๊ก โดยมีฟีเจอร์สำคัญอย่าง 100% anti-ghosting และ full key rollover เพื่อลดปัญหาการกดคีย์ซ้ำหรืออาการหลอน เมื่อกดหลายปุ่มพร้อมกัน
โดยมีที่รองมือขนาดใหญ่ วางยาวตลอดทั้งตัว พร้อมด้วยแสงไฟ LED Red Backlight ที่แม้จะปรับแสงสีในแบบ RGB ที่หวือหวาไม่ได้มาก แต่ก็ปรับเอฟเฟกต์ความสว่าง และรูปแบบที่ต้องการได้ ผ่านซอฟต์แวร์ที่เรียกว่า iCUE มีปุ่มมัลติมีเดียด้านบน สำหรับปรับระดับเสียง เปิด-ปิด FW/RW ได้ง่ายดาย จัดว่าเป็นคีย์บอร์ดสำหรับเกมเมอร์อีกรุ่นหนึ่งที่ทำราคามาจนน่าจับจองอย่างยิ่ง ใครที่มองว่าอยากได้คีย์บอร์ดแบบ Mechanical ตัวเดียวจบ ได้ทั้งเล่นเกมและมัลติมีเดีย มีแสงไฟให้เล่นได้บ้าง ปรับแต่งมาโครได้ในงบประมาณ 2,890 บาท ก็ลองได้เลย
ข้อมูลเพิ่มเติม: Corsair
6. TT Premium X1 RGB
มาถึงคีย์บอร์ดเกมมิ่งลูกเล่นเยอะ ดีไซน์สวย และฟีเจอร์เอาใจคอเกมและสายบันเทิงสุดๆ ในงบประมาณ 2,990 บาท กับ Tt Premium X1 ที่มาพร้อมความโดดเด่นในด้านการออกแบบกับบอดี้ที่ให้ความแกร่งทน ในโทนสีเทาดำ กับเลย์เอาท์ปุ่มแบบ Full-size มาพร้อม Numpad และเพิ่มปุ่ม Multi-media key เอาใจสาวกความบันเทิง ไม่ว่าการเล่นเพลงหรือวีดีโอ ก็สะดวกต่อการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น Play/Pause, RW/FW รวมถึงการเพิ่ม-ลดเสียงด้วยปุ่ม Roller หมุนง่าย ไม่ต้องกดให้เมื่อย นอกจากนี้ยังตั้งโหมดเกม สำหรับการเล่นของคุณได้ ไม่ว่าจะเป็น FPS1, FPS2, MMO, MOBA หรือ RTS และยังเปิดให้ Customize ได้แบบสุดๆ ทั้งในเรื่องของเกมและแสงสี
ไฮไลต์ของคีย์บอร์ดนี้ ยังรวมถึงคีย์สวิทช์จาก Cherry MX ในแบบ Silver speed ซึ่งเป็นสวิทช์ใหม่ เอาใจคนที่ชอบงความเร็ว แบบไม่สนจังหวะคลิ๊ก เรียกได้ว่ากดเป็นมา เร็วกว่าคีย์ปกติ 40% นอกจากนี้ยังสามารถปรับแสงไฟ RGB ได้บนปุ่ม กับโพรไฟล์พื้นฐานได้ 12 รูปแบบ ให้ได้เอฟเฟกต์ตามที่คุณต้องการ กับแสงไฟ 16.8 ล้านสี และยังเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์อื่นๆ ของทาง Tt ไม่ว่าจะเป็น เพาเวอร์ซัพพลาย Cooling, Water block ชุดน้ำปิดและอื่นๆ ได้อีกด้วย รวมถึงการปรับตั้งค่าผ่านทางสมาร์ทโฟน ผ่านการใช้งาน Voice control ได้อีกด้วย ฟีเจอร์แน่นๆ แบบนี้ ถือว่าน่าใช้งานไม่น้อยเลย
ข้อมูลเพิ่มเติม: TT Thermaltake
7. COUGAR PURI RGB
เป็นอีกค่ายที่เรียกว่าจัดจ้านในย่านนี้ และมีไลน์คีย์บอร์ดเกมมิ่งสำหรับเกมเมอร์ในกลุ่มต่างๆ มากมายเลยทีเดียว เช่นเดียวกับ PURI RGB นี้ ที่จัดฟังก์ชั่นสำคัญมาให้อย่างครบครัน กับบอดี้ที่ดูหรูหรา ออกแบบมาเป็นอย่างดี ไม่ดูเทอะทะ ลงตัวกับพื้นที่จัดวางบนโต๊ะเกมมิ่งไม่ใหญ่ จุดเด่นที่เป็นไฮไลต์ กับฝาครอบแม่เหล็ก ที่แทบจะหาได้ยากในตลาด ด้วย Cover ที่ครอบป้องกันน้ำและฝุ่น เมื่อไม่ได้ใช้งานหรือเมื่อต้องการพกพาไปใช้ในที่ต่างๆ คีย์สวิทช์ Cougar Blue ที่ให้ความทนทานในการกดได้ถึง 50 ล้านครั้ง ระยะ Travel ไม่ลึกมาก แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้กดลั่นได้ง่ายๆ ช่วยให้คุณกดได้อย่างสนุกมือ กับจังหวะคลิ๊กและเสียงในสไตล์ Clicky ของปุ่มนี้
คีย์บอร์ดยกระดับได้ 3 สเตป ให้ความนิ่งและแน่น รวมถึงฟังก์ชั่นสำคัญ N-Key Rollover และปุ่มมัลติมีเดียที่จัดมาให้เบาๆ บนแถบด้านบนของ Numpad แต่ที่สวยจัดไม่ต้องอายใครก็คือ เรื่องไฟ RGB ที่มีให้เต็มพิกัด เอาใจเกมเมอร์ที่เน้นความสวยงาม โชว์ได้กับระบบแสงไฟ RGB 14 รูปแบบ ปรับแต่งได้ถึง 13 โหมด มาพร้อมสายยาว 1.8 เมตร และทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ในการปรับแต่งฟังก์ชั่นได้อีกด้วย สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 2,590 บาทเท่านั้น
ข้อมูลเพิ่มเติม: COUGAR