คีย์บอร์ด และเมาส์ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้เลย สำหรับการใช้งานคอมพิวเตอร์ หรือแม้กระทั่งโน๊ตบุ๊คเองก็ตาม ที่บางคนก็ยังต้องใช้เมาส์ เพื่อช่วยให้ทำงานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ยิ่งคนที่เล่นเกม ก็มักจะต้องมองหาเมาส์มาช่วยให้เล่นเกมได้ง่ายขึ้น และเพื่อให้สะดวกต่อการพกพาด้วย เมาส์ไร้สายจึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก ที่หลายคนมองหา และซื้อมาใช้งาน
เมาส์ไร้สาย (Wireless Mouse) เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้พกพาได้สะดวก และยังช่วยให้ใช้งานได้อิสระมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องมีสายโยงให้เกะกะ แถมยังสามารถควบคุมในระยะไกลได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา ไปจนถึงอาจารย์ ส่วนใหญ่ก็มักจะใช้ควบคู่ไปกับโน๊ตบุ๊ค หรือแทปเล็ตกันทั้งนั้น และยิ่งเป็นคนที่ต้องใช้งานอยู่กับหน้าจอคอมฯ บ่อยๆ ก็จำเป็นต้องใช้เมาส์ที่มีคุณภาพ มีรูปทรงและฟังก์ชันครบต่อการใช้งาน นอกจากนี้ยังรวมไปถึงเมาส์เกมมิ่ง ที่มีทั้งแบบธรรมดา และแบบที่เป็นเมาส์ไร้สาย (Wireless Mouse) ซึ่งหลายๆ ยี่ห้อชื่อดังอย่าง Logitech, Apple, Microsoft, HP, Anker และอื่นๆ อีกมากมาย ก็ได้ทำเมาส์ออกมา เพื่อให้เราได้ใช้งานกับอย่างหลากหลาย แต่ละรุ่นก็จะมีฟังก์ชัน และคุณสมบัติการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป วันนี้ Notebookspec จะมาแนะนำเมาส์ไร้สาย 10 รุ่นที่น่าสนใจ และใช้งานง่ายในปี 2020 นี้ ไปดูกันเลยว่ามีอันไหนน่าซื้อบ้าง
การเลือกซื้อเมาส์เบื้องต้น
สำหรับเมาส์โดยปกติ และแบบไร้สายนั้น ถึงแม้ว่าจะมีวิธีเลือกที่ต่างกันเล็กน้อย ทางเรื่องของสายและอุปกรณ์เชื่อมต่อแบบไร้สาย แต่ถ้าพูดถึงแค่เมาส์แบบไร้สาย ก็พอจะมีวิธีการดูเบื้องต้นอยู่บ้าง อย่างแรกที่ควรจะต้องดูเลย นั่นก็คือรูปทรง และหน้าตาของเมาส์ตัวนั้น ว่าดูแล้วชอบหรือไม่ หรือทรงมันแปลกเกินไปที่จะใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน ถ้าเป็นคนที่ใช้เพื่อการทำงาน อาจจะมองหาเมาส์ที่ไม่ได้มีลวดลาย และไม่มีปุ่มใช้งานเยอะมากนัก แต่ถ้าหากเป็นพวกเหล่าเกมเมอร์ รับรองว่าจะต้องดูทั้งปุ่ม และฟังชันภายใน รวมไปถึงรูปทรงของเมาส์ ว่ามีรูปทรงที่เหมาะกับการเล่นเกมหรือไม่
ส่วนต่อมาที่จำเป็นต้องเลือกเลย นั่นก็คือการเชื่อมต่อ ระหว่างเมาส์กับตัวเครื่อง ซึ่งเมาส์ที่ไร้สายนั้น จะมีอยู่สองแบบ นั่นก็คือแบบ USB ที่ต้องมีตัวรับสัญญาณในการเชื่อมต่อเข้าสู่ตัวเครื่อง มีข้อดีคือไม่ต้องตั้งค่าอะไรให้วุ่นวาย เพียงแค่เสีบเข้าไปในช่อง USB ของตัวเครื่องก็สามารถใช้ได้ในทันที แต่ก็จะมีข้อเสียตรงที่ตัว USB นั้น บางรุ่นจะมีขนาดค่อนข้างเล็ก และบางรุ่นก็ให้สำรองมาแค่อันเดียว ถ้าเผลอทำหล่นหรือหายไปก็คือใช้ต่อไม่ได้เลย ก็ต้องระวังในการใช้งานด้วย หากต้องใช้ติดกับเครื่องโน๊ตบุ๊ค และต้องเคลื่อนย้ายอยู่บ่อยๆ
อีกแบบนึงที่คนนิยมใช้งานกันก็คือแบบ Bluetooth ที่ไม่จำเป็นต้องต่อ USB ใดใดทั้งสิ้น เพียงแค่ซื้อมาแล้สทำการตั้งค่าเชื่อมต่อ เท่านี้ก็จะสามารถใช้ได้แล้ว ไม่ยากและไม่ต้องกังวลว่าตัวเชื่อมต่อจะหายไปไหนด้วย รวมไปถึงในเครื่องที่มีพอร์ตค่อนข้างจำกัด และไม่อยากใช้ USB ให้เปลืองพอร์ตนั้น จะเลือกใช้เป็นตัว Bluetooth จะสะดวกกว่า ส่วนถ้าเป็น PC ก็เพียงซื้ออุปกรณ์รับ-ส่งสัญญาณ Bluetooth มาติดตั้งก็ใช้ได้แล้วเหมือนกัน ส่วนข้อเสียอาจจะเป็นเรื่องของการติดตั้งบน PC นั่นแหละที่ต้องใช้อุปกรณ์นิดหน่อย แต่ถ้าได้อุปกรณ์มาตั้งแต่ประกอบคอมฯ แล้วก็ไม่น่าเป็นปัญหาอะไรมากนัก
สิ่งต่อมาที่ควรคำนึงถึง นั่นก็คือเรื่องของเซนเซอร์ของตัวเมาส์ ที่เป็นตัวสร้างประสิทธิภาพการใช้งาน และการรองรับต่อพื้นผิวที่ใช้งานด้วย โดยจะมีอยู่ด้วยกัน 4 แบบ นั่นก็คือ Blue LED, Red LED, IR LED และ Laser ที่มีความเหมาะสมกับการใช้งานบนพื้นผิวที่แตกต่างกัน สิ่งที่ต้องดูก็คือเราจะนำไปใช้งานแบบไหน โต๊ะทำงานปกติ โต๊ะแบบกระจก หรือโต๊ะขรุขระ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็จะให้ความแม่นยำที่ต่างกันด้วย
อีกหนึ่งอย่างที่ควรต้องดูเลย ก็คือแบตเตอรี่ ว่ามีการใช้งานได้มากน้อยแค่ไหน โดยปกติในสมัยเก่าๆ นั้นจะยังคงใช้ถ่านแบบ AA อยู่ สามารถชาร์จในตัวได้ในบางรุ่น และเมื่อแบตเสื่อมก็ถอดเปลี่ยนเองได้เลย แต่ในรุ่นใหม่ๆ นั้นจะเป็นแบบแบตฝังลงไปในตัวเมาส์เลย จะสามารถชาร์จได้อย่างเดียว ไม่สามารถถอดเปลี่ยนด้วยตัวเองได้ และต้องคำนึงถึงความจุของตัวแบตด้วย ว่าจะสามารถใช้งานได้ยาวนานเพียงพอหรือไม่ อีกอย่างก็คือค่า DPI ที่เป็นตัวกำหนดความเร็ว แต่สมัยนี้สามารถปรับแต่งเองได้มากขึ้นแล้ว ก็อาจจะไปดูที่ฟังก์ชัน หรือปุ่มข้างเมาส์ที่สามารถปรับได้แทน
เมาส์ไร้สายรุ่นยอดนิยม 10 รุ่นในปี 2020
สำหรับในปี 2020 นี้ ก็ได้มีเมาส์ไร้สายหลายรุ่นที่ทำออกมาให้ได้ใช้งานกัน แต่ละตัวก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากใช้เพื่ออะไร อยากได้รูปทรงแบบไหน และอยากได้ฟังก์ชันเยอะหรือน้อย โดยรุ่นที่จะเอามาแนะนำนั้น เป็นรุ่นที่ค่อนข้างฮอตฮิตในหมู่คนใช้งาน และทางทีมงานรู้สึกว่ามันดีจริง อาจมีบางรุ่นที่ดีกว่าตัวที่แนะนำ หรือมีบางรุ่นที่ตกหล่นไปบ้าง ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนด้วย ไปดูกันเลยดีกว่า ว่ามีตัวไหนน่าสนใจบ้าง
1. Logitech MX Anywhere 2S
เริ่มกันที่เมาส์ไร้สายตัวแรก กับแบรนด์ชั้นนำดับโลกอย่าง Logitech ที่มีขนาดจิ๋วแต่แจ๋ว สะดวกต่อการพกพาไปทำงานในหลายสถานที่ เข้าในอุ้งมือพอดี แถมยังมีเทคโนโลยี Logitech Flow ที่ช่วยให้เราสามารถทำงานได้หลายเครื่อง เปลี่ยนไปมาได้อย่างราบลื่น สามารถใช้งานได้ดี แม้จะเป็นพื้นผิวกระจกด้วยเซ็นเซอร์ Darkfield 4000 dpi เรื่องแบตไม่ต้องห่วง ชาร์จเพียง 3 นาทีก็สามารถใช้ได้ทั้งวันแล้ว หรือถ้าชาร์จเต็มๆ จะสามารถใช้ได้นานถึง 70 วันเลยทีเดียว แต่ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนด้วยนะ การเชื่อมต่อนั้น จะเป็นแบบ Logitech Unifying หรือ Bluetooth สามารถสลับเมาส์กับตัวเครื่องได้ไวขึ้นด้วย Easy-Switch มากสุด 3 เครื่อง มีศูนย์บริการ และการรับประกันอย่างดีเยี่ยม เหมาะกับคนที่ชอบตัวเล็กๆ ฟังชันการใช้งานยอดเยี่ยม และยังสามารถใช้ได้ยาวนานอีกด้วย
2. Logitech MX Master 2S
ขยับขนาดขึ้นมาอีกหน่อย กับในรุ่น MX Master 2S ที่จะมีชนาดใหญ่กว่าตัว MX Anywhere 2S อยู่พอสมควรเลย รูปทรงตัวนี้จะเข้ากับมือมากกว่า เนื่องจากมีตัวที่รองรับให้เข้ากับนิ้วโป้งด้วย นอกจากขนาดแล้วการใช้งานทั่วไป ก็จะมีความคล้ายกันอยู่บ้าง อย่างเทคโนโลยี Logitech Flow ที่สามารถทำให้เมาส์รุ่นนี้ เปลี่ยนเครื่องได้อย่างง่ายดาย เพียงกดแค่ปุ่มเดียว สามารถใช้งานได้ดีแม้จะเป็นพื้นกระจก หรือบนผ้าธรรมดาก็ยังใช้ได้ด้วยเซ็นเซอร์ 4000 dpi รวมไปถึงเรื่องของแบตด้วยเช่นกัน ที่ชาร์จเพียง 3 นาทีก็จะได้อย่างยาวนานสูงสุดถึง 8 ชั่วโมง และถ้าชาร์จเต็มแล้วจะใช้ได้มากถึง 70 วัน (ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนด้วย) เชื่อมต่อด้วย wireless 2.4 Ghz แบบ Logitech Unifying หรือ Bluetooth จะเหมาะกับคนที่ต้องใช้งานนานๆ หน้าคอมฯ เพราะออกแบบมา เพื่อรองรับให้ใช้งานได้อย่างสบายข้อมือมากขึ้น
3. HP S1000 Plus
HP ถือว่าเป็นอีกยี่ห้อ ที่มักจะทำอุปกรณ์ ที่เกี่ยวกับสำนักงานออกมาหลายอย่าง รวมไปถึงเมาส์ ที่เป็นเมาส์ไร้สายด้วยเช่นกัน โดยในรุ่น S1000 Plus นี้ จะเป็นเมาส์ที่เสียงเบามาก แทบจะไม่มีเสียงรบกวนขณะที่ใช้งานเลย เหมาะกับการทำงานทั่วไป หรือทำงานในออฟฟิศที่ต้องจับอยู่บ่อยๆ และในที่ที่มีคนเยอะ โดยรูปทรงของตัวนี้ จะเป็นแนวเรียบๆ ไม่ได้มีลวดลายหรือรูปทรงที่ต่างจากแบบทั่วไปมากนัก แต่มีฟังก์ชันมาให้ครบเลย สามารถเชื่อมต่อได้แบบไร้สาย wireless 2.4 Ghz ไกลสุด 10 เมตร หรือจะใช้ USB ต่อก็ได้เหมือกัน dpi ปรับได้หลากหลาย ตั้งแต่ 800/1200/1600 มีน้ำหนักเบา และใช้ถ่าน AA ในการใช้งาน เพื่อความสะดวกในการเปลี่ยนถ่านด้วย ความคุ้มของตัวนี้อยู่ตรงราคา ที่ไม่ได้แพงมากนัก เหมาะกับนักเรียน หรือคนทั่วไปก็ใช้งานได้หมด
4. Apple Magic Mouse 2
มาทางฝั่ง Apple กันบ้างซึ่ง Apple นั้นก็ยังคงเป็นอีกยี่ห้อนึงที่มีอุปกรณ์ทั้งคีย์บอร์ด และเมาส์มาให้ใช้งานควบคู่ไปกับผลิตภัณฑ์ของ Apple แต่ถึงจะไม่ได้ใช้ MacBook หรือ iMac ก็ตาม เราก็ยังสามารถใช้เมาส์ของ Apple ได้อยู่ดี ซึ่งรูปทรงของเมาส์รุ่นนี้ ก็ออกแบบมาตามสไตล์ของ Apple เลย ที่เน้นความเรียบง่าย ไร้รอยต่อ ดูเป็นพรีเมียมมากกว่าคนอื่นเขา และสามารถจับได้ถนัดมือ เหมือนกับการวางมือไปบนโต๊ะเลย เมาส์ไร้สายตัวนี้ จะใช้การชาร์จแบบสาย Lightning ถ้าชาร์จเต็มสามารถใช้ได้หลายเดือนเลย ขึ้นอยู่กับการใช้งานของเราด้วย การเชื่อมต่อนั้นจะเชื่อมผ่าน Bluetooth หรือจะเชื่อมสายต่อก็ได้ แล้วแต่ความถนัด ซึ่งตัวนี้ถึงแม้ว่าจะเป็นความชอบเฉพาะกลุ่ม แต่ก็ยังติดอันดับคนใช้งานเยอะอยู่ดี ด้วยความคุ้มค่าของตัวเมาส์ และการดีไซน์ที่ยังดูใหม่อยู่เสมอ
5. Microsoft Wireless Mouse 1850
บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft ก็ได้ทำเมาส์ออกมาวางขายอยู่หลายรุ่นอยู่เหมือนกัน และส่วนใหญ่ก็จะเป็นเมาส์ที่ดีมากๆ กันทั้งนั้นด้วย ซึ่งเมาส์ตัวที่เราเอามาแนะนำตัวนี้ เป็นเมาส์ที่เล็ก ง่ายต่อการพกพาไปทำงานหลายๆ ที่ เข้ากระชับมือแม้ว่าจะเป็นคนที่ถนัดมือซ้ายก็ตาม เพราะตัวนี้ได้ออกแบบมาเพื่อให้คนถนัดข้างไหน ก็สามารถใช้งานได้ปกติเหมือนมือขวาเลย การเชื่อต่อเป็นแบบ RF แบบ 2.4 GHz มีน้ำหนักที่เบา เซ็นเซอร์มีค่า 800 dpi กำลังดี มีราคาที่ไม่แพงมากนัก แบตเตอรี่นั้นจะใช้เป็นถ่าน AA 1 ก้อน สามารถเปลี่ยนได้เองเลย และไม่ต้องติดตั้งค่าอะไรเลย เพียงเชื่อมต่อกับเครื่องก็สามารถใช้งานได้เลย มีหลายสีให้เลือกเพื่อเป็นตัวเลือกให้มากขึ้น เหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษาที่อาจจะต้องเคลื่อนที่ย้ายอยู่บ่อยๆ หรือคนที่ต้องทำงานนอกสถานที่ เพื่อความสะดวกในการใช้งาน
6. Microsoft Precision Mouse
เมาส์เรียบง่ายกันไปแล้ว มาดูเมาส์ที่ยกระดับขึ้นอีกนิดกับตัว Precision Mouse จาก Microsoft ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานนนานๆ และเข้ากับมือสุดๆ แถมยังมีความแม่นยำ เลื่อนไปมาไม่มีสะดุด สามารถใช้งานพร้อมกันได้มากสุดถึง 3 เครื่อง และยังสามารถปรับแต่งฟังก์ชันของตัวเมาส์ได้ รวมไปถึงการปรับแต่งปุ่มต่างๆ ได้โดยการแต่งผ่านแอปฯ Mouse and Keyboard Center การเชื่อมต่อของตัวนี้ จะเป็นแบบ Bluetooth Low Energy ที่ 2.4 GHz หรือจะต่อ USB แบบใช้สายก็ได้เหมือนกัน ระยะการใช้ Bluetooth จะอยู่ที่ประมาณ 15 เมตร แล้วแต่ว่าจะมีผนัง หรือสิ่งกีดขวางสัญญาณหรือไม่ มีแบตเตอรี่ในตัว และเมื่อชาร์จเต็มที่ จะสามารถอยู่ได้ยาวนานถึง 12 เดือนเลยทีเดียว เหมาะสำหรับการทำงานในออฟฟิศ หรือการทำงานอยู่กับที่นานๆ
7. Microsoft Bluetooth Mobile Mouse 3600
ยังคงอยู่กับ Microsoft กันอีกเช่นเคย เนื่องจากเป็นยี่ห้อที่ทำออกมาหลายรุ่น และแต่ละรุ่นก็เป็นที่น่าสนใจกับผู้ใช้งานหลายๆ คนกันทั้งนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ยี่ห้อดังๆ ทั้งหลายนั้น จะเป็นที่นิยม ซึ่งในรุ่นนี้ก็เช่นกัน ที่มีคนให้ความสนใจเยอะมาก ทั้งเรื่องราคาที่อยู่ในระดับกลางๆ และรูปทรงที่ทำออกมาเรียบง่าย แต่น่าใช้งานเป็นอย่างมาก พกพาไปข้างนอกสะดวก มีน้ำหนักที่เบา และจับได้ถนัดเข้ามือมาก ยิ่งเรื่องแบตยิ่งไม่ต้องพูดถึง ชาร์จครั้งเดียวใช้ได้นานถึง 12 เดือนไปเลย สามารถควบคุมได้ดีด้วยเทคโนโลยี BlueTrack Technology ช่วยให้เลื่อนได้อย่างแม่นยำ และจับพื้นผิวได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือใช้ได้ทั้งมือซ้าย และมือขวาเลย การเชื่อมต่อ จะเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth แบบ Bluetooth Smart ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย เหมาะสำหรับการพกพาออกไปใช้งานในที่ต่างๆ
8. Microsoft Modern Mobile Mouse
เมาส์ไร้สายยี่ห้อ Microsoft ที่เราจะมาแนะนำในวันนี้ เป็นรุ่นที่มีความบางเบา และมีเรียบง่ายดูพรีเมียม สามารถใช้งานได้ทั้งคนที่ถนัดซ้าย หรือถนัดขวา โดยรูปทรงของตัวเครื่องนั้น จะรับเข้ากับอุ้งมือเราพอดี เหมือนกับเรากางมือลงไปบนโต๊ะ แล้วเลื่อนได้เลย ไม่ได้นูนออกมาเหมือนในรุ่นปกติทั่วไป จึงทำให้มีมีน้ำหนักเบาลงด้วยจะพกพาออกไปทำงานข้างนอก หรือจะวางไว้บนโต๊ะทำงานก็ช่วยให้ดูมีสไตล์มากขึ้น และยังคงมี Blue Track Technology ที่ช่วยให้เมาส์ตัวนี้สามารถทำงานบนพื้นผิวได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น แถมยังมีความแม่นยำมากอีกด้วย แต่ถ้าเป็นกระจกสะท้อนอาจจะยังทำได้ไม่ดีมากนัก การเชื่อต่อสามารถใช้แบบ Bluetooth ได้เลย แต่ด้วยตัวเครื่องที่บางลง จึงทำให้แบตต้องเล็กลงกว่าตัวก่อนๆ ที่ได้แนะนำไปด้วย สามารถใช้ได้สูงสุด 6 เดือน ก็ไม่ได้แย่มากนัก เหมาะกับคนที่ชอบความเรียบง่าย ดูมีสไตล์พกพาไปใช้งานได้ทุกรูปแบบ
9. Logitech M330 Silent Plus
กลับมาที่ยี่ห้อ Logitech กันอีกหน่อย เนื่องจากตัวนี้จะให้ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้เลย กับรุ่นในซีรีส์ Silent Plus ที่การันตีกันมาหลายต่อหลายรุ่นแล้ว ว่ามีเสียงที่เงียบสมชื่อจริงๆ ซึ่งทางแบรนด์ได้เผยออกมาว่าตัวนี้ มีเสียงคลิกที่เงียบกว่ารุ่นปกติถึง 90% เลยทีเดียว พร้อมกับการรับรองจาก UK Noise Abatement Society ว่ามีความเงียบจริงๆ รูปทรงของตัวนี้ก็ไม่ได้ดูแปลกมากนัก จะบอกเรียบง่ายแบบมีสไตล์ก็คงได้ มีการจับพื้นผิวที่แม่นยำด้วยระบบ Advance Optical Tracking จึงมั่นใจได้เลยว่าใช้ได้ดีแน่นอน ส่วนการเชื่อมต่อนั้น จะสามารถเชื่อมต่อแบบ RF ความถี่ 2.4 GHz ที่น่าสนใจคือตัวนี้จะปิดทำการทำงานตัวเองลงได้ หากวางทิ้งไว้และไม่ได้ใช้เป็นเวลานาน จึงทำให้ประหยัดแบตได้ดีมากๆ อาจใช้ได้ยาวนานมากถึง 24 เดือนเลยด้วย เหมาะกับคนที่ต้องการใช้งานแบบเงียบๆ ใช้ในสำนักงานหรือที่ที่ต้องการความเงียบสูง แต่จะใช้แบบปกติก็ได้นะ
10. Anker 2.4G Wireless Vertical Ergonomic Optical Mouse
ขอปิดท้ายกันด้วยเมาส์หน้าตาสุดจะแปลก แต่การใช้งานคือดีเยี่ยม และหลายคนก็ให้การยอมรับว่าใช้ดีจริงสมชื่อ ซึ่งเมาส์ไร้สายที่เป็นแนวเกือบตั้งนี้ ทำออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่ใช่เพื่อความสวยงามแปลกตาแต่อย่างใด แต่ได้ออกมาเพื่อให้รองรับกับหลักสรีรศาสตร์ ช่วยลดการกดทับของเส้นประสาท ที่เป็นโรคประจำของคนทำงานหน้าคอมฯ นานๆ และทำหนักติดอยู่กับการใช้เมาส์อยู่ตลอด ส่วนการทำงานก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าหน้าตาเลย ตัวนี้จะได้เทคโนโลยี Optical Tracking Technology เข้ามาช่วยให้แม่นยำ และรองรับพื้นผิวได้ดีมากขึ้น สามารถใช้เล่นเกมได้ด้วย มีโหมดประหยัดพลังงานให้ด้วยนะ หากไม่ได้งานติดต่อกันนาน 8 นาที การเชื่อมต่อจะเป็นแบบ USB เหมาะสำหรับคนที่ต้องทำงานหน้าคอมเป็นเวลานาน และใช้เมาส์ติดต่อกันอยู่เสมอ จะช่วยด้านสุขภาพได้ดีมากๆ ในราคาที่อยู่เพียงกลางๆ เท่านั้น
แล้วทั้งหมดนี้ ก็เป็นเมาส์ไร้สายทั้ง 10 รุ่น ที่เราได้ลองหามาแนะนำกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเมาส์ที่เอาไว้เพื่อทำงาน ไม่ได้เป็นเมาส์เกมมิ่งนะ จะเน้นไปในการทำงานทั่วไป หรือนักเรียน นักศึกษาที่ต้องการใช้เมาส์ติดตัว และพกพาไปใช้งานได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น ส่วนเรื่องราคานั้น ก็จะต่างกันไปตามฟังก์ชันการใช้งานของแต่ละอัน มีราคาตั้งแต่ไม่ถึง 400 บาท ไปจนถึงหลักพันกันเลย นอกจากนี้ยังมีเรื่องของดีไซน์และการใช้งานด้วย ที่จำเป็นต้องดูเพื่อให้เข้ากับตัวเองมากที่สุด แล้วถ้ามีเรื่องไหนน่าสนใจอีก เราก็จะนำมาฝากกันเรื่อยๆ เลยนะครับ