Panasonic TOUGHBOOK FZ-55 หนึ่งในที่สุดโน๊คบุ๊คสุดทรหดทนทานแห่งปี 2020 ที่พร้อมจำหน่ายในไทยแล้ว กับการที่เป็นโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14″ ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานระดับมืออาชีพซึ่งเน้นใช้งานทุกที่ทุกเวลาแบบสมบุกสมบันเป็นหลัก อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ Expansion Slot ที่เราสามารถถอดใส่ได้เองภายหลัง และ Port I/O ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ในรูปแบบ Plug and Play
จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คคู่ใจช่างวิศวกรรมทางด้านต่างๆ เหมาะกับใช้ในโรงงานทั้งแบบ Indoor และ Outdoor พร้อมประสิทธิภาพประมวลผลที่รวดเร็ว บวกกับตัวเครื่องที่แข็งแรงทนทานระดับมาตรฐาน MIL-STD-810G หมดความกังวลว่าโน๊ตบุ๊คจะเสียหายหรือข้อมูลจะสูญหายระหว่างการทำงาน สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คที่คนทำงานแบบหนักๆ ที่ทุกคนไว้ใจมาอย่างยาวนาน
ส่วยสเปกรายละเอียดอื่นๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ด้วยตัวเลือกหน้าจอทัชสกรีนขนาด 14″ พร้อมมีปากกาที่เหมาะสมกับการใช้งาน ส่วนแบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนานสูงสุดกว่า 10 – 20 ชั่วโมง พร้อมพอร์ตการเชื่อมต่อความเร็วสูง USB 3.1 Type-A และ USB 3.1 Type-A อีก 2 พอร์ต และการเชื่อมต่อไร้สายอื่นๆ อย่าง Bluetooth 5.0 / Wi-Fi 5 AC / 4G LTE
ที่สำคัญระบบปฏิบัติก็เป็น Windows 10 พร้อมใช้งานทันทีที่ให้ความสเถียรภาพที่สูงระดับโน๊ตบุ๊คมืออาชีพอีกด้วย สนนราคาเริ่มต้นที่ 79,900 บาท การประกัน 3 ปี
NBS Verdict
สำหรับ Panasonic TOUGHBOOK FZ-55 ก็มาพร้อมด้วยความง่ายในการพกพาเพราะมีขนาดที่เล็กกระทัดรัดกว่าโน้ตบุ๊ค Semi Rugged รวมไปถึงยังมาพร้อมความทึก ทน ขั้นเทพด้วยการรองรับมาตราฐาน MIL-STD-810G และ IP53 ที่สามารถป้องกันการตกหล่นและกระแทกบนความสูงได้ถึง 91 เซนติเมตร, ป้องกันน้ำ, ป้องกันฝุ่น และยังสามารถใช้งานได้บนทุกสภาพภูมิประเทศ และภูมิอากาศ เพื่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ร้อนจัดได้อีกด้วย
ในด้านการใช้งานก็ตอบสนองกับผู้ใช้ได้เป็นอย่างดีเพราะ Panasonic TOUGHBOOK FZ-55 มาพร้อมด้วยหน่วยประมวลผลประสิทธิภาพสูงรุ่นประหยัดไฟพิเศษจาก Intel Core i5 Gen 8 vPro พ่วงด้วยแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานและสามารถปรับเปลี่ยนแบตเตอรี่และอุปกรณ์อื่นๆ ได้ในทันที พร้อมให้ผู้ใช้ๆงานได้สะดวกยิ่งกว่าด้วยหน้าจอที่มีตัวเลือกทั้งธรรมดาและสัมผัสขนาด 14 แบบ IPS ที่สามารถใช้งานกลางแดดจ้าได้อีกด้วย
ตั้งแต่งานบริการลูกค้านอกสถานที่ การจัดการคลังสินค้า การติดตามสถานะสินทรัพย์ การซ่อมบำรุง กรอกแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ การส่งสินค้า eCitations การบันทึกข้อมูลการแพทย์ การตรวจสอบระบบการขายสินค้า ณ จุดขาย และระบบข้อมูลทางภูมิศาสตร์ เป็นต้น ซึ่งใครสนใจสามารถติดต่อเพื่อซื้อไปใช้งานในองค์กรได้ ที่นี่ เลย
จุดเด่น
- ตัวเครื่องภายนอกแข็งแรงทนทานอย่างที่สุดตามสไตล์ของ Panasonic TOUGHBOOK
- มีหูหิ้วในตัว พกพาสะดวกเพื่อใช้งานได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความทนทาน
- มีความทนทานระดับ MIL-STD-810H ทนน้ำ ทนฝุ่น แรงกระแทก ใช้งานได้ทุกสภาวอากาศ
- ขนาดหน้าจอ 14″ ความละเอียด Full HD มีความสว่างมาก รองรับการทัชสกรีนได้
- ประสิทธิภาพอยู่ในระดับสูงเพียงพอต่อการใช้งาน ด้วย Core i5-8665U + RAM 16GB + SSD 512GB
- มาพร้อม Face Recognition รองรับการติดตั้งโมดูลาร์ Finger Print รุ่นใหม่ใช้งานได้รวดเร็ว
- พอร์ตการเชื่อมต่อพื้นฐานครบถ้วน และสามารถเพิ่มเติมโมดูลาร์ได้ อาทิ Smart Card Reader
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน และสามารถใส่แบตเตอรี่ก้อนที่สองได้
- รองรับการใช้งาน Windows 10 และมีซอฟต์แวร์ Ultility ที่ดี
ข้อสังเกต
- ราคาสูงกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปในสเปกที่ใกล้เคียงกันพอสมควร
- อุณหภูมิชิปประมวลผลในการใช้งานหนักๆ ดูสูงหน่อย แต่ไม่มีผลกระทบใดๆ
- ความเร็วในการทดสอบ SSD M.2 มีความเร็วในการเขียนอ่านที่น้อยไปหน่อย
Specification
Panasonic TOUGHBOOK FZ-55 รุ่นสเปกที่เราได้รับมารีวิวในครั้งนี้ ใช้ชิปประมวลผล Core i7-8665U (Quad Core 1.9GHz, Turbo 4.8GHz, 8MB cache) พร้อมรองรับ Intel vPro Technology ได้เป็นการ์ดจอออนชิปเหมือนกันก็คือ UHD Graphics 620 ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับการใช้งานพื้นฐาน โดยสามารถเพิ่มการ์ดจอแยกเป็นโมดูลาร์ได้ ซึ่งจะเป็น AMD Radeon Pro WX4150 ทำให้ใช้งานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติได้ดียิ่งขึ้นไปอีก
ส่วนหน่วยความจำแรมก็ติดตั้งมากับขนาด 16GB มาตรฐาน DDR4 ที่ Bus 2666MHz ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานแน่นอน สำหรับที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe ความเร็วสูงที่ความจุ 512GB ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Intel Dual Band Wireless AC 9560 (802.11ac)พร้อม Bluetooth 5.0 ส่วนการเชื่อมต่ออื่นๆ ก็ครบครันไม่ว่าจะเป็น 2 x USB 3.1 Type-A , 1 x USB 3.1 Type-C, 1 x HDMI 1.4, และช่องซิมการ์ดเพื่อใช้อินเตอร์เน็ต 4G LTE รวมไปถึงมี กล้องเว็บแคมที่คมชัดที่ 2 ล้านพิกเซลอีกด้วย
Panasonic TOUGHBOOK FZ-55 มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 79,900 บาท โดยลูกค้าสามารถปรับแต่ง Port เพื่อเพิ่มสามออพชันเสริมบน Slot เพิ่มเติม อาทิ VGA, True Serial, เพิ่มพอร์ต USB ที่สี่, เพิ่มพอร์ต GLAN ที่สอง หรือพอร์ต Rugged USB 2.0 ได้ทันที ณ จุดจำหน่าย พร้อมการรับประกัน 3 ปี ตามมาตรฐานของ Panasonic TOUGHBOOK ที่ระดับมืออาชีพมั่นใจ
Hardware / Design
การออกแบบโดยรวมของ Panasonic TOUGHBOOK FZ-55 นั้นจะดูกระชับกว่าโน้ตบุ๊ค Semi Rugged ขนาดหน้าจอ 14″ รุ่นก่อนๆ อยู่พอสมควร ทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา แต่ก็ยังจัดเต็มเรื่องของความทนทานระดับสูง ทำให้ผู้ใช้สามารถเห็นความแตกต่างจากโน๊ตบุ๊คทั่วๆ ไปอย่างชัดเจน ซึ่งโดยรวมแล้วพกพาได้ง่ายกว่าเดิม ส่วนน้ำหนักก็เบาลงที่ 2.22 กิโลกรัมเท่านั้น ตอบโจทย์การใช้งานนอกสถานที่อย่างที่สุดทำให้มีความโดดเด่นมากๆ ซึ่งจากการที่มีหูหิ้วในตัว ทำให้ไม่จำเป็นใส่กระเป๋าเลยก็ยังได้
ส่วนของตัวเครื่องหลักๆ ฝาหลังจะเป็นสีสันเงิน Silver พร้อมโลโก้การันตีความแข็งแกร่งด้วย Panasonic TOUGHBOOK ตามสไตล์ โดยใช้เป็นแมกนีเซียมอัลลอยด์คุณภาพสูง ส่วนตัวเครื่องจะเป็นพลาสติกที่มีเส้นใยโลหะอยู่ภายใน ทำให้ได้ข้อดีมาก็คือทั้งความแข็งแรงและน้ำหนักที่เบา โดยตัวเครื่องภายนอกทั้งฝาหลังและด้านล่างตัวเครื่องจะเป็นวัสดุชั้นเยี่ยม ส่งผลให้เวลาที่เราสัมผัสจะรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เหนือชั้นกว่าวัสดุทั่วๆ ไป
แน่นอนว่าจากการที่ Panasonic TOUGHBOOK FZ-55 เป็นโน้ตบุ๊ค Semi Rugged ก็ต้องมีความหนาและหนักกว่าโน้ตบุ๊คทั่วไปที่ขนาดหน้าจอ 14″ อยู่แล้ว โดยหนาสุดที่ 32.8 มิลลิเมตร เห็นได้ชัดจากทางด้านข้างของตัวเครื่อง ทั้งในส่วนของฝาหลังและตัวเครื่องหลัก รวมถึงบานพับที่ใหญ่ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องปกติ อีกทั้งขอบหน้าจอก็ยังมีความหนาเป็นพิเศษ ที่ต้องบอกว่าทั้งหมดนี้เพื่อเน้นเรื่องของความทนทานที่มากกว่า เพื่อการใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่ต้องกังวลว่าเครื่องจะเสียหาย จากน้ำ จากฝุ่น จากตกหล่นหรือกระแทกหรือเปล่า
รายละเอียดตัวเครื่องของ Panasonic TOUGHBOOK FZ-55 ที่เราอยากจะแนะนำเพิ่มเติมก็คือ เรื่องของฝาปิดที่จะมีตัวล็อคแน่นหนาเพื่อให้เราเปิดใช้งานตามความต้องการและป้องกันความปลอดภัยในตัว อีกทั้งยังมีเรื่องของไฟสถานะการทำงานต่างๆ ที่จัดเต็ม เรียกได้ว่าเพื่ออำนวยความสะดวกโดยเฉพาะ ซึ่งด้านในตัวเครื่องเองก็มีความทนทานไม่แพ้กับด้านนอกเลย รวมถึงใต้ตัวเครื่องเราก็จะเห็นถึงตัวล็อคต่างๆ ที่ไว้ใช้ยึดกับชุดโมดูลล่าที่เราสามารถถอดอัพเกรดได้เองด้วย ส่วนการระบายความร้อนเป็นพัดลม 1 ตัวพร้อมช่องระบายความร้อนที่ด้านหลัง
Modular / Expansion Slot
สำหรับโมดูลาร์ของ Panasonic TOUGHBOOK FZ-55 นับว่าเป็นจุดเด่นที่เราสามารถซื้อเพิ่มเติมภายหลังเพื่อปรับเปลี่ยนตามการใช้งานได้ โดยจะแบ่งออกเป็น 3 ตำแหน่ง คือ Front and Rear Expansion Slot และ TOUGHBOOK Universal Bay สามารถใส่ได้ตำแหน่งละ 1 อย่าง ที่หลักๆ แล้วจะแบ่งเป็น
TOUGHBOOK Universal Bay
Discrete GPU (AMD Radeon ProWX) / Smart Card Reader / DVD Multi Drive / Blu Ray Drive
Front Expansion Slot
2nd Battery / Finger Print Reader / RFID Reader Smart Card Reader 2nd / SSD (Option: 256GB, 512GB, 1TB)
Rear Expansion Slot
VGA + True Serial + 4th USB 3.0 / VGA + True Serial + 2nd GLAN / VGA + True Serial + Rugged USB 2.0
Keyboard / Touchpad
ส่วนของคีย์บอร์ดนั้น Panasonic TOUGHBOOK FZ-55 มาตรฐานเป็นคีย์บอร์ด 4 แถวขนาด Full Size ตัวปุ่มเป็นพลาสติกสีดำสกรีนตัวอักษรสีขาว มีการออกแบบมาให้ปุ่มมีเด้งรับกับนิ้วมือได้เยี่ยมยอดจากระยะที่ลึก ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น ตอบสนองได้เป็นอย่างดีเยี่ยม ก็ถือว่าดีมากๆ เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คปกติทั่วไป ช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกดสมกับเป็นสายทำงานมืออาชีพ
อีกทั้งเราสามารถถอดเปลี่ยนแฝงคีย์บอร์ดได้อย่างง่ายดายมากๆ เพียงไขน็อตแค่ 3 ตัวเท่านั้น กรณีที่เปลี่ยนคนใช้งาน อาทิ เป็นแป้นอังกฤษล้วนหรือญี่ปุ่นล้วนอีกด้วย รวมถึงในส่วนของไฟ LED Backlit ก็มีให้เลือก เราสามารถใช้งานได้ดีทีเดียวทั้งในที่มืดๆ หรือแสงน้อย ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะอยู่แยกออกไปอยู่ที่มุมซ้ายบน ซึ่งมีความทนทานกันน้ำเป็นอย่างดีเหมือนกับแป้นคีย์บอร์ดอีกด้วย
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่องแต่ก็เพียงพอกับการใช้งาน ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบปุ่มแยกเพื่อให้ใช้งานได้สะดวกที่สุด การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี สำหรับในส่วนของการติดตั้งตัวสแกนลายนิ้วมือจะเป็นโมดูลาร์เสริม ที่ไว้ใช้งานร่วมกับ Windows Hello ซึ่งเราสามารถเลือกติดตั้งได้ด้วย
Screen / Speaker
Panasonic TOUGHBOOK FZ-55 ได้ติดตั้งหน้าจอขนาด 14″ ทัชสกรีนได้ 10 นิ้วพร้อมๆ กัน และยังรองรับปากกาที่ติดตั้งมากับตัวเครื่องด้วย ได้สัดส่วน 16:9 ตามมาตรฐาน ที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD เทคโนโลยี TFT ให้สีสันที่สวยงามในระดับที่เพียงพอกับการใช้งาน โดยการใช้หน้า Desktop ปกติที่ตัวหนังสือหรือปุ่มต่างๆ มีความเรียบเนียนตาทำให้ใช้งานได้สะดวก เรียกได้ว่ากำลังพอดีทีเดียว ที่โดดเด่นด้วยอัตราความสว่างที่มากกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปพอสมควร
โดดเด่นด้วยกล้องเว็บแคมความละเอียดที่สูงกว่า ที่ระดับ 2 ล้านพิกเซลหรือ Full HD ทำให้ภาพที่เราช้งาน VDO Call มีความคมชัดที่ดีกว่า พร้อมกันนั้นยังมีในส่วนของ IR เพื่อใช้งาน Windows Hello และมี Privacy Shutter Webcam ที่เราสามารถเลื่อนปิดเมื่อไม่ใช้งานได้ด้วย อีกทั้งมีการใส่ยางขอบจอมารอบๆ ซึ่งยางนี้จะมีประโยชน์ก็ในการซับแรงกระแทกที่เกิดในเวลาที่จอพับอยู่ได้ดีเยี่ยม
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Panasonic TOUGHBOOK FZ-55 ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite ได้ค่ามาตรฐานขอบเขตสี sRGB ที่ระดับ 59% และ AdobeRGB ที่ 44% แม้ว่าอาจจะไม่สูงเท่า IPS แต่ก็เรียกได้ว่าเพียงพอกับการใช้งานพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับตัวงานแน่นอน อีกทั้งตัวหน้าจอเองก็ได้มุมมองที่กว้างและสูงแสงแดดมากๆ เพราะมีค่าความสว่างถึง หน้าจอสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 600 cd/m2 ซึ่งจัดได้อยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานทั่วไปมากๆ
ลำโพงสเตอริที่อยู่บริเวณขอบตัวเครื่อง Panasonic TOUGHBOOK FZ-55 ด้านข้างทั้งซ้ายและขวาลักษณะยิงตรงขึ้นมา ให้เสียงที่ค่อนข้างดี แยกรายละเอียดได้ในระดับที่ดีน่าประทับใจ ถือได้ว่ามีเสียงดังชัดเจนออกแนวใสๆ เน้นไปโทนกลางเป็นหลักตามสไลต์ลำโพงจากโน๊ตบุ๊คทั่วไป คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีเพียงพอกับการใช้งานนอกสถานที่ ส่วนใครจะเอาไปต่อกับหูฟังหรือลำโพงเพิ่ม ก็สามารถทำได้หากว่าต้องการคุณภาพเสียงที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก
Connector / Thin And Weight
Panasonic TOUGHBOOK FZ-55 เป็นโน้ตบุ๊ค Semi Rugged ทำให้ในการออกแบบพอร์ตเชื่อมต่อรอบๆ เครื่องจำเป็นต้องมีการติดตั้งยางปิดเพื่อป้องกันเรื่องของน้ำหรือฝุ่นละออง คือ จะเปิดช่องยางต่างๆ ก็เมื่อจะใช้งานเท่านั้น หลักๆ ด้านข้างทางขวาของตัวเครื่องประกอบไปด้วย ช่องต่อหูฟังและไมค์ขนาด 3.5 มิลลิเมตร / micro-SD Card Reader / USB 3.1 Type-A / USB 3.1 Type-C / LAN RJ45 / ช่องชาร์จไฟจากอแดปเตอร์ DC
ซึ่งตัวอแดปเตอร์จ่ายไฟของ Panasonic TOUGHBOOK FZ-55 ก็มีขนาดที่เล็กกระทัดรัดพกพาได้สะดวกมากๆ ต่อกันที่ด้านหลังของตัวเครื่องก็จะมีพอร์ต USB 3.1 Type-A / HDMI ด้วย เรียกได้ว่าเพียงพอกับการใช้งานพื้นฐานได้แน่นอน ซึ่งถ้าเราต้องการเพิ่มพอร์ตเพื่อใช้งานเฉพาะทาง ก็สามารถใส่โมดูลาร์เพิ่มได้ด้วย ที่หลักๆ แล้วเราจะได้ในส่วนของ VGA / True Serial / USB-A เพิ่มเติม
Performance / Software
Panasonic TOUGHBOOK FZ-55 เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i7-8665U ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 1.90 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.80 GHz เป็นซีพียูแบบ 4 Core 8 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลเฉพาะทางได้
เรื่องประหยัดพลังงานนั้นไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอนจากการที่เป็น U Series พร้อมรองรับ Intel vPro Technology เพื่องานระดับองค์กร มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR4 Bus 2666 MHz ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบาย
ส่วนของการ์ดจอของเครื่องรุ่นนี้มีทั้งหมด 2 ตัวด้วยกัน ตัวแรกเป็นออนชิปในรุ่น Intel HD Graphic 620 ตามมาตรฐานของ Core i Gen 8 ซึ่งเป็นการ์ดจอที่มีประสิทธิภาพที่ดีพอสมควร สามารถประมวลผลงานในระดับทั่วไปถึงระดับกลางๆได้เป็นอย่างดี ส่วนการ์ดจอแยกตัวที่ 2 จะเป็นการจอแยกที่เน้นงานกราฟิกเฉพาะทางสำหรับงาน 2 มิติ 3 มิติ เขียนแบบหรือทำแอนนิเมชันโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นการ์ดของค่ายแดงตัวใหม่อย่าง AMD Radeon Pro WX4150 (4GB GDDR5) ประสิทธิภาพจัดว่าสูงพอสมควรในแง่ของการทำงาน 3 มิติ
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH R15 / R20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นปัจจุบันก็ทำได้ดีใกล้เคียงกัน รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก ส่วนงานพื้นฐานทั่วไปอย่างงานเอกสารต่างๆ ค้นหาข้อมูลอินเตอร์เน็ตก็รองรับได้อย่างลื่นไหลอยู่แล้ว
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD M.2 ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็น่าจะดีได้กว่านี้ กับขนาดความจุ 512GB แน่นอนว่าเร็วกว่า HDD 2.5″ SATA 3 แบบทั่วไป ซึ่งถ้าเทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 548 MB/s และเขียนที่ 527 MB/s เป็นระดับความเร็วในการเขียนอ่านทำงานน้อยไปหน่อย ถ้าเทียบกับราคาค่าตัว
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4563 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ จากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 8 vPro ที่ทรงพลังกว่ารุ่นทั่วไปผสานกับการ์ดจอแยก อีกทั้งมีการ Optimize มาเป็นอย่างดีจากทาง Panasonic ทำให้มีคะแนนใกล้เคียงกับโน๊ตบุ๊คในสเปก Intel Core i Gen 10 ก็ว่าได้
อีกทั้ง Panasonic TOUGHBOOK FZ-55 ก็มีซอฟต์แวร์ Utility เฉพาะเพื่อปรับแต่งใช้งานในหลายๆ ส่วน อาทิ สัญญาณ GPS จากดาวเทียมเพื่อใช้งานภาคสนาม, ตัวอ่านสมาร์ทการ์
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ Panasonic TOUGHBOOK FZ-55 เป็นแบบถอดเปลี่ยนได้ พร้อมใส่เพิ่มเป็นโมดูลาร์ได้อีกก้อน ต่างจากโน๊ตบุ๊คในปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่มีขนาด 6,500 mAh ทำงานต่อเนื่องยาวนานกว่า 10 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ชมภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และคาดว่าจะทำได้มากหรือน้อยกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน แน่นอนว่าถ้าเราใส่แบตเตอรี่เป็น 2 ก้อนพร้อมกัน ก็คาดว่าจะใช้งานได้ยาวนานกว่า 20 ชั่วโมงทีเดียว
อุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 35 – 40 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดที่ 100 องศาเซลเซียส (ไม่เกินจากนี้เพราะ CPU จะลดประสิทธิภาพลงมาเอง) นับว่าระบบระบายความร้อนของ Panasonic TOUGHBOOK FZ-55 เครื่องนี้ทำออกมาได้ไม่ต่างจากโน๊ตบุ๊คเครื่องอื่นๆ ที่เคยทำการรีวิวมา เพราะความร้อนทั่วไปจะอยู่ที่เพียง 50 องศาเซลเซียส นับว่าชิปประมวลผล Intel ที่สามารถปรับอัตราการกินไฟได้ดีเยี่ยม เน้นความปลอดภัยของตัวเครื่องในการใช้งานเป็นหลัก
Conclusion / Award
ก็เรียกได้ว่า Panasonic TOUGHBOOK FZ-55 เป็นอีกหนึ่งสุดยอดโน๊ตบุ๊ค Semi Rugged หรือคอมพิวเตอร์พกพาบนระบบปฏิบัติการ Windows 10 สุดแสนทนถึกที่น่าใช้มากๆ ตัวหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของขนาดตัวที่พกพาแสนง่ายไปได้กับเราได้ทุกที่ทุกเวลาอย่างไม่มีข้อจำกัด เหมาะกับใช้ในงานวิศวกรรมทั้งแบบ Indoor และ Outdoor รวมถึงงานเฉพาะทางบางอย่าง พร้อมประสิทธิภาพประมวลผลที่รวดเร็วจะสเปกภายในที่ปรับแต่งมาอย่างดีที่สุด
กับสเปกที่เราได้ทดสอบเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-8665U แรม 16GB และ SSD 512GB รวมถึงมี Expansion Slot ที่รองรับโมดูลาร์อย่างการ์ดจอแยกอย่าง AMD Radeon Pro WX4150 ก็นับได้ว่ามีความแรงพอตัวทีเดียว อีกทั้งมีโมดูลาร์อีกหลายอย่างตามการใช้งาน ซึ่งแน่นอนว่ามันสามารถตอบสนองกับการทำงานภาคสนามได้อย่างเต็มรูปแบบ ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ทำให้เราสามารถทำงานแบบไม่จำกัดสภาพแวดล้อมใดๆ
อีกจุดเด่นหนึ่งของ Panasonic TOUGHBOOK FZ-55 นี้ คือระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่มีความพิเศษกว่าโน๊ตบุ๊คระดับทั่วๆ ไป มีการใช้มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยระดับองค์กรอย่าง TPM 2.0 (Trusted Platform Module) ซึ่งเป็นชิปบนเมนบอร์ดที่มีการเข้ารหัส ทำงานร่วมกับระบบ Windows Hello ที่ติดตั้งมาแบบพร้อมใช้งานบนระบบปฏิบัติการ Windows 10 / Windows 10 Pro ของ Panasonic TOUGHBOOK FZ-55 ทุกเครื่อง ทำให้มั่นใจเรื่องข้อมูลจะไม่รั่วไหลได้เลย
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Panasonic TOUGHBOOK FZ-55 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ TOUGHBOOK มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Panasonic TOUGHBOOK FZ-55 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามเป็นเอกลักษณ์ ให้ความแข็งแรงทนทานอย่างที่สุด อีกทั้งยังได้ภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือ จากการที่ Panasonic TOUGHBOOK เป็นหนึ่งในโน๊ตบุ๊ค Semi Rugged ที่นิยมในการใช้งานกับองค์กรภาคธุรกิจและทางการทหาร พร้อมผ่านการทดสอบระดับมาตรฐาน MIL-STD-810H มาแล้วด้วย
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพา Panasonic TOUGHBOOK FZ-55 แม้ไม่ได้บางเบาเหมือนโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ ทั่วไป แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับที่ดีตามสไตล์ของโน้ตบุ๊ตที่พกพาได้ เน้นความทนทานขั้นสูงที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องความเสียหายในทุกๆ สภาพแวดล้อม สามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที อแดปเตอร์ก็ทำออกมาให้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก พกพาสะดวก ที่สำคัญที่สุดยังมีช่องซิมการ์ดเพื่อใช้อินเตอร์เน็ต 4G LTE ได้ทุกที่ทุกเวลาด้วย
Best Battery Life
แม้ว่าในตัวของ Panasonic TOUGHBOOK FZ-55 จะอัดแน่นไปด้วยสเปกหรือเทคโนโลยีต่างๆ แต่ในเรื่องของการใช้งานของแบตเตอรี่ก็ถือว่าทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉลี่ยแล้วถ้าใช้งานทั่วไปจะอยู่ได้นานถึงประมาณ 10 – 20 ชั่วโมงด้วยกัน ส่งผลให้ได้รางวัล Best Battery Life ซึ่งในส่วนนี้ก็เป็นผลมาจากการที่ Panasonic ได้ใส่แบตเตอรี่คุณภาพสูง และชิปประมวลผลก็ประหยัดพลังงาน นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ USB PD ชาร์จไฟผ่าน Power Bank ที่เป็น USB-C ที่รองรับ PD ได้อีกด้วย