ASUS ZenBook เตรียมเปิดตัวรุ่นใหม่กันอีกแล้ว กับการมาของชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 รองรับ Intel W-iFi 6, และ Thunderbolt 4 อย่างในรุ่น ASUS ZenBook 14 UX435 ที่เป็นโน้ตบุ๊คบางเบาหน้าจอ 14″ ที่เบาไม่ถึง 1 กิโลกรัม และ ASUS ZenBook S13 UX371 ซึ่งเป็น 2-in-1 Notebook สุดพรีเมียมหรูหรา ได้จอเป็น OLED 4K ที่ดีที่สุด
โดยพื้นฐานของ ZenBook จะเป็นโน๊ตบุ๊คที่ให้ความพรีเมียม ทั้งในเรื่องวัสดุและฟีเจอร์ ซึ่งเป็น Ultrabook ได้แฟลตฟอร์ม Intel EVO ที่เป็นมาตรฐานโน๊ตบุ๊คระดับสูง สนับสนุนการใช้ได้ทั้งงานและความบันเทิง หลักๆ แล้วมีมิติค่อนข้างบางตามเอกลักษณ์ของซีรีส์ แต่ออกแบบด้านใต้โน๊ตบุ๊คและการระบายความร้อนได้รับการปรับปรุงใหม่
ในแง่ของประสิทธิภาพด้านการชิปประมวลผลมาพร้อม Intel Core i Gen 11 Tiger Lake และมีการ์ดจอออนชิป Intel Iris Xe Graphic รุ่นใหม่ตัวแรงมาในตัว พร้อมกับตัวเลือกการ์ดจอแยกรุ่นใหม่มาให้ด้วย ที่สำคัญได้การรับประกันเป็น 3 ปี On-site Service และประกันอุบัติเหตุใน 1 ปีแรก Perfect Warranty ด้วย ในบทความนี้เราจะมาพรีวิวทั้ง 2 รุ่นกันก่อน ที่เดี๋ยวอีกไม่นานได้พบรีวิวตัวเต็มกันแน่นอน
พรีวิว ASUS ZenBook 14 UX435
ASUS ZenBook 14 UX435 เป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาสเปก Intel Core i Gen 11 Tiger Lake ที่เน้นความกะทัดรัด พกพาสะดวก ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊ค 2 จอสุดล้ำ ได้ดีไซน์ตัวเครื่องขอบจอบาง จากการใช้หน้าจอแสดงผล 14″ ขอบบางแบบ NanoEdge ความละเอียด Full HD พาเนล IPS คุณภาพสูงซึ่งทำให้ ZenBook รุ่นนี้กลายเป็นโน๊ตบุ๊คมิติตัวเครื่องเทียบเท่าขนาด 13.3″ เท่านั้น เบาสุดเพียงแค่ 980 กรัม ส่วนตัวเครื่องก็บางเพียง 14.9 มิลลิเมตรเท่านั้น
โดดเด่นด้วย NumberPad 2.0 ที่เป็นแป้นตัวเลข ติดตั้งแทนที่ทัชแพดแบบเดิมๆ สเปกอื่นๆ ก็คาดว่าน่าสนใจด้วยหน่วยความจำแรมแรม 8GB พร้อมที่เป็นข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB มี Windows 10 แท้ในตัว นับว่าถูกคุ้มมากๆ เมื่อเทียบกับฟีเจอร์ที่ได้ ส่งผลให้เป็นสุดยอดโน๊ตบุ๊คยุคใหม่เลยก็ว่าได้ กับราคาคาดการณ์ที่ 2x,xxx บาทขึ้นไป
ที่สำคัญคือได้โปรแกรม Microsoft Office Home and Student 2019 ทำให้เราใช้งานเอกสาร Word / Excel / Power Point ได้ฟรีๆ ด้วย ตัวเครื่องเองก็ผ่านการทดสอบเรื่องความทนทานระดับ US MIL-STD 810G Military-Grade มาอยู่แล้ว วัสดุเป็นลิเธียมอัลลอยด์ที่ดีกว่าอลูมิเนียมอัลลอยด์ รวมไปถึงแบตเตอรี่เองก็ใช้งานได้ยาวนานกว่า 17 ชั่วโมงตามที่ทาง ASUS เคลมไว้
ได้ความปลอดภัยด้วยการสแกนใบหน้า 3D IR Camera ใช้งานผ่านทาง Windows Hello ที่สะดวกและง่ายกว่าการกรอกรหัสผ่านแบบเดิมๆ ตัวลำโพง ASUS ZenBook 14 UX435 เป็นแบบสเตอริโอเลือกใช้ลำโพง 2 ตัว ระบบเสียง Harman/Kardon ให้ที่เสียงที่ดีมากทั้งความดังและคุณภาพ
ด้วยการออกแบบตัวเครื่องที่เน้นเป็นสุดยอดโน๊ตบุ๊คที่หรูหราบางเบา แต่ก็ยังมาพร้อมความคุ้มค่าทำให้ ASUS ZenBook 14 UX425 มีความบางเบาที่สุด โดยบางเพียง 14.9 มิลลิเมตร และน้ำหนักแค่ 980 กรัม สามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างสบายๆ โดยเหมาะมากๆ สำหรับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คระดับสูง หรือคนทำงานพนักงานออฟฟิศที่เน้นใช้งานทั่วไปให้ประสิทธิภาพพอตัว
แต่พกพาไปที่นู้นที่นั่นบ่อยๆ ซึ่งรองรับการทำงานได้ยาวนานกว่าโน๊ตบุ๊คปกติ ที่สำคัญคือได้ภาพลักษณ์ด้วย วัสดุหลักเป็นอลูมิเมียมเกรดสูงแบบ Unibody ที่ไร้รอยต่อ ผสานกับลวดลายการออกแบบอันเป็นแบบฉบับของ ZenBook ด้วยสีสันอย่างสีเทา อย่าง Pine Grey ให้ความหรูหราพรีเมียมไม่เหมือนใคร
อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เข้ามาเสริมให้การทำงานเป็นไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพของ ASUS ZenBook 14 UX435 ก็คือ บานพับ ErgoLift Hinge นั้นเวลาที่กางออกมาใช้งานในรูปแบบโน๊ตบุ๊คจะทำให้คีย์บอร์ดทำมุม 3 องศากับฐานตั้ง พร้อมกางจอได้สูงสุดที่ 135 องศา จากการที่มีบานพับแบบพิเศษช่วยยกตัวเครื่องสูงขึ้จากพื้น โดยขอบตัวเครื่องด้านหลังจะมียางรองพร้อมทำหน้าที่เป็นฐานรองด้านหลัง
ซึ่งมุม 3 องศาที่ว่านี้นั้นทาง ASUS ได้ทำการวิจัยออกมาเป็นอย่างดี ว่ามันจะช่วยให้เราใช้งานโน๊ตบุ๊คนั้นสามารถที่จะพิมพ์ได้อย่างสบาย แถมเวลาที่กางบานพับออกมานั้นมันจะทำให้ส่วนของฐานคีย์บอร์ดมีระยะห่างกับฐานตั้งซึ่งทำให้ความร้อนที่เกิดขึ้นในส่วนของตัวเครื่องนั้นมีการดูดลมเย็นเข้าไปช่วย พร้อมกันนั้นยังให้เสียงที่ดีขึ้นด้วย เรียกได้ว่าด้วยฟีเจอร์บานพับเดียวนี้ ทำให้การใช้งานดีขึ้นทั้ง 3 ด้านเลย
ASUS ZenBook 14 UX435 ในเรื่องพอร์ตเชื่อมต่อก็ถือว่ามีความครบครันตามมาตรฐานของโน๊ตบุ๊คบางเบา ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต USB 3.1 Type-A จำนวน 1 พอร์ต ไว้สำหรับการเชื่อมต่อกับแฟลชไดร์ฟหรือฮาร์ดดิสก์ภายนอกไว้ถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็ว โดดเด่นด้วยการติดตั้งพอร์ต Thunderbolt 4 มาให้ 2 พอร์ต แน่นอนว่ารองรับการชาร์ไฟเข้าเครื่องทั้ง 2 พอร์ต ทั้งอแดปเตอร์อื่นๆ ที่เป็น PD หรือ Power Bank รวมถึงต่อหน้าจอแยก 4K / 8K อีกด้วย
ทางด้านพอร์ตการเชื่อมต่อหน้าจอก็จะมี HDMI มาให้ ส่วนช่องอ่าน micro-SD Card จะอยู่ด้านขวามือตัวเครื่อง ซึ่งการเชื่อมต่อหูฟังเป็นแบบ Combo ไมค์และหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรแบบปกติ และตัวอแดปเตอร์ที่ชาร์จเองก็มีขนาดเล็กเป็นหัว USB-C กะทัดรัดซึ่งเมื่อรวมเข้าไปด้วยกันแล้ว คาดว่าน่าจะมีหนักราวๆ 1.2 กิโลกรัม ถือว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลยทีเดียว
พรีวิว ASUS ZenBook Flip 13 UX371
ASUS ZenBook Flip 13 UX371 นับว่าเป็น 2-in-1 Notebook หน้าจอ 13.3″ เหนือชั้นด้วยหน้าจอระดับมืออาชีพจากเทคโนโลยี OLED หน้าจอยังได้รับรองตามมาตรฐาน PANTONE Validated สำหรับความเป็นที่สุดในเรื่องความแม่นยำของสี พร้อมรองรับ HDR ที่จัดเต็มไปด้วยสเปกและฟีเจอร์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 Tiger Lake ที่จะเน้นความแรงลื่น สเปกใหม่สุดๆ
พร้อมดีไซน์ดูหรูหราสวยงาม โดยเป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่สายทำงานและไลฟ์สไตล์ แน่นอนว่าหน้าจอหลักพับได้ 360 องศา มีปากกา ASUS Active Pen มาด้วย ลำโพงยังเป็น Harman/Kardon เสียงดีชัดเจน อีกทั้งติดตั้ง IR 3D Camera ระบบไบโอเมตริกซ์ทำงานร่วมกับ Windows Hello แน่นอนว่ามี Windows 10 แท้ ที่สำคัญได้มี ASUS NumberPad 2.0 ต่อยอดมาจากปีก่อน ติดตั้งแทนที่ทัชแพดแบบเดิมๆ
งานประกอบก็เป็นแบบ Unibody ที่แทบจะไร้รอยต่อเลยทีเดียว วัสดุเป็นโลหะตลอดทั้งตัวเครื่อง เลือกใช้สีสันเป็น Jade Black และขอบตัวเครื่องใช้เป็น Red Copper ด้านหลังมีความสวยงามเรียบง่ายแต่ดูแพงจากการเสริมความมันวาวตามสไตล์ของ ZenBook ส่วนขอบด้านหน้าก็ทำมิติเพื่อให้เปิดจอได้ง่าย อีกทั้งตัวเครื่องเองก็ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน MIL-STD-810G ระดับกองทัพสหรัฐฯ
ที่มีการทดสอบในหลากหลายด้าน เช่น ทดสอบการตกหล่น ทดสอบการสั่นสะเทือน ทดสอบการทำงานในสภาวะอุณหภูมิต่าง ๆ ทำให้มั่นใจได้เลยว่าจะสามารถใช้งาน ASUS ZenBook Flip 13 UX371 เครื่องนี้ได้ในแทบทุกสภาพแวดล้อมอย่างแน่นอน จัดว่าเป็น 2-in-1 Notebook ที่ครบเครื่องสุดๆ โดดเด่นด้วยหน้าจอ OLED ที่แสดงผลภาพได้เหนือชั้นกว่าพาเนล IPS
ในส่วนของเทคโนโลยีที่เข้ามาเสริมให้การทำงานเป็นไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ก็คือ บานพับ ErgoLift 360° แบบ 2 แกน ซึ่งเวลาที่กางออกมาใช้งานในรูปแบบโน๊ตบุ๊คจะทำให้คีย์บอร์ดทำมุม 2 องศากับฐานตั้ง พร้อมกางจอที่ 135 องศาขึ้นไปจะช่วยยกตัวเครื่องสูงขึ้นจากพื้น
จากการที่มีบานพับแบบพิเศษ โดยขอบตัวเครื่องด้านหลังจะมียางรองพร้อมทำหน้าที่เป็นฐานรองด้านหลัง ที่หากเรากางหน้าจอมากกว่านั้นก็จะรองรับการใช้งาน Multi-Mode อื่นๆ เรียกได้ว่าฟีเจอร์นี้ไม่เคยมีใครทำมาก่อนบน 2-in-1 Notebook พร้อมดีไซน์ที่ดูสวยวามหรูหรา กับความเบา 1.2 กิโลกรัม และบางเฉียบเพียง 13.9 มิลลิเมตร
ซึ่งบานพับ ErgoLift 360° ที่ว่านี้นั้นทาง ASUS ได้ทำการวิจัยออกมาเป็นอย่างดี ว่ามันจะช่วยให้เราใช้งานโน๊ตบุ๊คนั้นสามารถที่จะพิมพ์ได้อย่างสบาย แถมเวลาที่กางบานพับออกมานั้นมันจะทำให้ส่วนของฐานคีย์บอร์ดมีระยะห่างกับฐานตั้งซึ่งทำให้ความร้อนที่เกิดขึ้นในส่วนของตัวเครื่องนั้นมีการดูดลมเย็นเข้าไปช่วย พร้อมกันนั้นยังให้เสียงที่ดีขึ้นด้วย แน่นอนว่าบานพันนี้มีกลไกแบบฟันเฟืองโลหะที่มีความแม่นยำพร้อมความทนทาน จากการทดสอบใช้งานได้ถึง 20,000 ครั้งด้วยกัน
ASUS ZenBook Flip S13 UX371 ตอบสนองได้อย่างหลากหลายจากการที่เป็น 2-in-1 Notebook ที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ด้วยการพับใช้งานถึง 4 รูปแบบด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Notebook / Stand / Tent / Tablet แน่นอนว่ารองรับการใช้งาน ASUS Active Pen ด้วย รองรับแรงกดหลายระดับ ซึ่งทีมงานของเรานั้นนำไปใช้งานอะไรบ้าง และรูปลักษณ์เมื่อเปลี่ยนไปใช้โหมดต่างๆ นั้น
นอกจากนี้ใต้เครื่องก็เรียกได้ว่าไม่มีช่องระบายอากาศให้เห็นเลย สำหรับ ASUS ZenBook Flip S13 UX371 ในการท่ายเทความร้อนออกไปจากช่องทางใต้หน้าจอ ซึ่งไม่ว่าจะกางหน้าจอแบบไหนก็จะไม่บังลมจากช่องระบายความร้อนเลย ทำให้สเปกแรงแบบนี้ก็ยังถ่ายเทความร้อนได้อย่างรวดเร็วน่าประทับใจ แม้จะมีพัดลมเพียงตัวเดียวก็สามารถจัดการความร้อนภายในได้เป็นอย่างดี
ในส่วนของคีย์บอร์ด ASUS ZenBook Flip S13 UX371 ติดตั้งคีย์บอร์ดเป็นปุ่มพลาสติกสีเดียวกับตัวเครื่องสกรีนตัวอักษรสีเทา มีการออกแบบมาให้ปุ่มมีขนาดใหญ่พอดีกับนิ้วมือตัดขอบมน ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น พร้อมไฟส่องสว่างทำให้เราใช้งานในที่แสงน้อยหรือมืดๆ ได้ดีกว่าไม่มี ปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่ขอบเครื่องด้านซ้ายตามสไตล์ของ 2-in-1 Notebook ส่วนปุ่ม Fn ที่เป็นทางลัดต่างๆ ติดตั้งอยู่ชุดคีย์บอร์ดแถวบนเป็นมาตรฐาน ใช้งานได้สะดวก
ไว้มีโอกาสเราจะมาพูดถึงสเปกขายจริงราคาขายจริง และรีวิวตัวจริงของ ASUS ZenBook 14 UX435 / Flip S13 UX371 สเปค Intel Core I Gen 11 Tiger Lake กันอีกที รอติดตามกันได้เลย เร็วๆ นี้แน่นอน