Connect with us

Hi, what are you looking for?

Notebook Review

Review – MSI Bravo 17 สเปก Ryzen 7 4800H + RX 5500M จอ 17.3″ IPS 144Hz ลื่นไหล เบา 2.2 โล ราคาแค่ 35,900 บาท

MSI Bravo 17 เป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 17.3″ สเปก AMD Ryzen 4000H ตัวทีเด็ดที่ต่อยอดมาจาก Bravo 15 ที่เพิ่งเปิดตัวออกมาวางขายให้เหล่าเกมเมอร์ได้สัมผัสกับความเทพของเทคโนโลยี 7nm ที่ขยายขอบเขตในการเล่นเกมออกไปให้ไกลขึ้นกว่าเดิม

MSI Bravo 17 เป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 17.3″ สเปก AMD Ryzen 4000H ตัวทีเด็ดที่ต่อยอดมาจาก Bravo 15 ที่เพิ่งเปิดตัวออกมาวางขายให้เหล่าเกมเมอร์ได้สัมผัสกับความเทพของเทคโนโลยี 7nm ที่ขยายขอบเขตในการเล่นเกมออกไปให้ไกลขึ้นกว่าเดิม เพิ่มเติมด้วยในครั้งนี้ Bravo 17 มีการนำเทคโนโลยี Per-Key RGB ที่ให้ทั้งความสวยงามและ Gaming มากขึ้น ที่สำคัญคือเบาเพียง 2.2 กิโลกรัมเท่านั้น

MSI Bravo 17 R7 RX5500M Top 1

Advertisement

พร้อมประสิทธิภาพในการเล่นเกมอันสุดขั้ว ด้วยพลังขับเคลื่อนจากชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 4800H และการ์ดจอ Radeon RX5500M จัดเต็มประสิทธิภาพในการเล่นเกม พร้อมแรมขนาด 8 – 16GB และ SSD 512GB ได้หน้าจอ IPS ที่ 144Hz มอบประสบการณ์ในการเล่นเกมที่ดีกว่าเดิมด้วย ทำให้ได้ความสวยงามเพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว สนนราคาเพียง 35,900 – 37,900 บาทเท่านั้น ได้ประกัน 2 ปีตามมาตรฐานของ MSI Notebook 

VDO Review

NBS Verdict

MSI Bravo 17 มีจุดเด่นจากการที่เป็น Gaming Notebook ที่มีน้ำหนักเบาเพียง 2.2 กิโลกรัมเท่านั้น โดยเป็นรุ่นหน้าจอ 17.3″ ก็จริง แต่น้ำหนักเบากว่ารุ่นอื่นๆ แบบชัดเจน โดย MSI Bravo 17 นับว่าเป็นมาตรฐาน Gaming Notebook ยุคใหม่ของ AMD อย่างแท้จริง โดยรุ่นที่นำมาทดสอบใช้ชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 4800H พร้อมทั้งทำงานด้วยความเร็ว 2.90 – 4.20GHz โดยเป็นแบบ 8 คอร์ 16 เธรด ที่สร้างมาตรฐานประสิทธิภาพที่มากกว่าชิปประมวลผลรุ่นก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็น AMD Ryzen 3000 H หรือ Intel Core i Gen 9 H เลยทีเดียว

MSI Bravo 17 R7 RX5500M Review 49

และการ์ดจอ AMD Radeon RX5500M (4GB GDDR6) ซึ่งได้เทคโนโลยีใหม่ๆ จัดเต็ม ด้วยการผลิตที่ 7 นาโนเมตร ทั้งชิปประมวลผลและการ์ดจอ ที่สามารถดูได้จากผลการทดสอบเล่นเกมที่ลื่นไหลกว่า Gaming Notebook สเปกเดิมๆ มาก อีกทั้งยังได้แรมมาตรฐานใหม่เป็น Bus 3200MHz ที่ขนาด 16GB ซึ่งก็เป็นส่วนช่วยเรื่องของประสิทธิภาพที่สำคัญทีเดียว นอกจากนี้ที่ได้รับการอัพเดทอีกก็จะเป็นการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Wi-Fi 6 AX + Bluetooth 5.1

MSI Bravo 17 R7 RX5500M Review 29

โดย MSI Bravo 17 ปี 2020 เหมาะกับคนที่ต้องการ Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ 144Hz โดยได้ตัวเครื่องที่เบาที่สุด ที่ให้ความคุ้มค่าต่อประสิทธิภาพ ในช่วงงบประมาณ 35,000 บาท ซึ่งมีให้เลือกเพียง Ryzen 7 4800H อย่างไรก็ตามมีข้อสังเกตเล็กน้อยเรื่องขอบเขตที่อยู่ในระดับกลางๆ และความร้อนที่เกิดขึ้นกับชิปประมวลผลอาจจะสูงหน่อย แต่ไม่มีผลต่อการใช้งานนะ รวมไปถึงในตัวทดสอบที่เป็นเครื่องเดโมนี้ แบตเตอรี่ใช้งานได้น้อยไปหน่อยเท่านั้น (คาดว่าตัวขายจริงน่าจะทชทำได้ดีกว่านี้)

ข้อดี

  • ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจเกมเมอร์ งานประกอบแน่นวัสดุดี แนวเรียบหรู
  • หน้าจอ 17.3″ เล็กกระชับกว่าเดิมเทียบ 15.6″ พกพาสะดวก บาง 27.5 มิลลิเมตร
  • เป็น Gaming Notebook หน้าจอใหญ่ ที่มีน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 2.2 กิโลกรัมเท่านั้น
  • สเปคแรงด้วยชิป Ryzen 7 4800H และการ์ดจอ Radeon RX 5500M
  • ได้แรมมาขนาด 8GB – 16GB DDR4 Bus 3200MHz และ SSD ความจุ 512GB ใช้งานได้ลื่นไหล
  • ได้คีย์บอร์ดใช้งานได้เยี่ยม พร้อมไฟ Pre-key RGB แบบจัดเต็ม สวยงาม
  • มีซอฟต์แวร์มากมาย ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง ให้สนุกยิ่งขึ้น
  • ระบบระบายความร้อน Cooler Boost มีประสิทธิภาพดีเยี่ยม
  • ประสิทธิภาพ ฟีเจอร์ ถือว่าคุ้มค่าต่อราคา 
  • มี Windows 10 แท้ ใช้งานได้ทันที
  • ประกัน 2 ปี ส่งศูนย์ MSI ตามมาตรฐาน

ข้อสังเกต

  • ค่าขอบเขตสีหน้าจอ sRGB อยู่ในระดับกลางๆ
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้น้อยไปหน่อย 

Specification

MSI Bravo 17 A4DDK 077TH

สำหรับชิปประมวลผล AMD Ryzen 4000 Series รหัส H เน้นประสิทธิภาพจากทาง AMD ที่แรงขึ้นเป็นเท่าตัวพร้อมประหยัดแบตเตอรี่มากกว่าเดิม จากเทคโนโลยีการผลิตชิป CPU ที่ 7 นาโนเมตร จับคู่มากับการ์ดจอ AMD Radeon RX5500M ซึ่งได้เทคโนโลยี 7 นาโนเมตรรุ่นแรกของโลก แน่นอนว่าสเปกนี้ทำให้เราเล่นเกมได้แรงลื่น โดยรุ่นที่เราได้เป็นหน่วยความจำขนาด 8GB – 16GB DDR4 Bus 3200 MHz รองรับการอัพเกรดอีก 1 แถวทันที และที่เก็บข้อมูลเป็นแบบ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB อัพเกรดใส่ HDD SATA 3 ได้ภายหลัง มี Windows 10 แท้ใช้งานได้ทันที ประกันเป็นแบบ 2 ปี ตามมาตรฐานของ MSI

รายละเอียดของชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 4800H เป็น CPU ที่ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธรด มีความเร็วอยู่ที่ 2.90 – 4.20 GHz โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 นาโนเมตร เช่นเดียวกับการ์ดจอ Radeon RX5500M ส่งผลให้ได้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดียิ่ง พร้อมด้วยความร้อนที่น้อยลงไปอีก และประหยัดแบตเตอรี่มากกว่าเดิมด้วย เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจจริงๆ สำหรับการมาของ AMD Ryzen รุ่นใหม่ตระกูล 4000 H Series ซึ่งได้เห็นตัวจริงๆ ครั้งแรกบน  MSI Bravo 15 นั่นเอง และ MSI Bravo 17 ตัวนี้ตามมาแล้วนั่นเอง

โดย MSI Bravo 17 เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอขนาด 17.3″ Full HD พาเนล IPS มี Refesh Rate ที่ 144 Hz แน่นอนว่ารองรับเทคโนโลยี AMD FreeSync Premium ให้ภาพลื่นไหลและไม่ฉีกขาด ลำโพงทำงานร่วมกับซอฟแวร์ของ Nahimic เวอร์ชั่น 3 ทำให้สามารถขับเสียงได้ดียิ่งกว่าเดิม พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอล 2 ตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, 2 x USB 3.2 Type-A Gen 1, 2 x USB 3.2 Type-C Gen 1, Kensington lock slot, LAN RJ-45, HDMI, รูหูฟังกับไมค์ 3.5 มิลลิเมตร พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Wi-Fi 6 AX + Bluetooth 5.1

Hardware / Design

หน้าตาการออกแบบเอง MSI Bravo 17 ต้องบอกว่ามีความโดดเด่นทั้งในส่วนของดีไซน์ภายนอกภายใน ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าทำได้ดีเช่นเดิม ด้วยความโดดเด่นที่สวยดุดันตามสไตล์ของ Gaming Notebook ขนาดหน้าจอใหญ่สะใจ แต่ก็ยังได้เรื่องของน้ำหนักที่เบา พกพาสะดวก ใกล้เคียงกับพวกรุ่นหน้าจอ 15.6″ ที่บรรดาเกมเมอร์ชื่นชอบกัน โดย MSI Bravo 17 รุ่นใหม่ใช้เป็นโทนสีดำตลอดทั้งตัวเครื่องตัดกับสีแดงเช่นเดิม ตามมาตรฐาน DNA ของ MSI ที่ให้ความแตกต่างจากโน๊ตบุ๊คทั่วไปชัดเจน

    MSI Bravo 17 R7 RX5500M Review 16

ซึ่งมีดีไซน์และแนวทางการออกแบบคล้ายกับ MSI GF75 ที่เป็นสเปก Intel Core i ซึ่งเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ โดยเน้นความบางเบาเช่นเดียวกัน ซึ่งด้วยน้ำหนัก 2.2 กิโลกรัม และมีความบางที่ 22~23.1 มิลลิเมตร ทำให้เป็น Gaming Notebook หน้าจอใหญ่ ที่เล็ก บางเบา กระทัดรัด ที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดตอนนี้เลยแม้เป็น Gaming Notebook หน้าจอขนาด 17.3″ พาเนล IPS ความละเอียด Full HD พร้อมรองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz

แต่มีมิติตัวเครื่องเทียบเท่ารุ่น 15.6″  ซึ่งขอบจอบางใช้งานเต็มตาสุดๆ แกนฝาพับแข็งแรงพัฒนาขึ้นกว่าเดิมจากรุ่นก่อน พร้อม Ergonomics View Design ที่ช่วยยกตัวให้สูงขึ้นจากพื้น ส่งผลให้พัดลมสามารถดูดลมเย็นเข้าไปได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งการเอียงของตัวเครื่องเล็กน้อยนั้น ก็ทำให้พิมพ์สัมผัสได้ถนัดมือยิ่งขึ้นไปอีกนั่นเอง ส่วนคีย์บอร์ดจะเป็นไซต์มาตรฐานมี Numpad ไว้ใชงานแป้นตัวเลขตามปกติ

MSI Bravo 17 R7 RX5500M Review 30

ในเรื่องของการดีไซน์ MSI Bravo 17 ที่เน้นความบางเบาและพกพาได้สะดวกอย่างที่กล่าวไปแล้ว แต่ยังคงรักษาความเป็นเกมเมอร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยการออกแบบให้ความรู้สึกที่ดุดันมีพลัง ด้วยวัสดุอลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง แม้แต่ฝาหลังก็สื่อความเป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมได้เต็มเปี่ยมถูกใจคอเกมอย่างสุดๆ วัสดุอลูมิเนียมขัดเงาบรัชเป็นล่นเส้นๆ แนวตั้งดูโดดเด่นแบบเรียบง่าย พร้อมโลโก้ฝาหลังด้วยนกธันเดอร์เบิร์ดสยายปีกสีเงินมันวาว  ในส่วนของขอบด้านหน้าเป็นพลาสติกมีการเว้นพื้นที่เว้าเอาไว้ให้เปิดฝาหน้าจอได้ง่าย

รอบๆ ตัวเครื่องยังถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้งานต่าง ๆได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมถูกจัดวางในส่วนฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของตัวเครื่อง ในส่วนของด้านหลังยังมีช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่อีก 4 ช่อง แบบหลัง 2 (แต่จะเป่าลมร้อนไปผ่านทางหน้าจอขณะใช้งาน) และด้านข้างอีก 2 ช่องทั่งซ้ายและขวา ช่วยให้สามารถระบายอากาศได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

MSI Bravo 17 R7 RX5500M Review 31

ซึ่งใช้ระบบ Cooler Boost 5 ฮีทไปป์ 7 เส้น ด้านฐานล่างใช้วัสดุพลาสติก ABS งานประกอบแน่นหนาแข็งแรง มียางรอง 4 มุม ยกตัวเครื่องให้สูงขึ้น ในจุดนี้สามารถถอดอัพเกรดได้ไม่ยาก รวมถึงซ่อมบำรุงรักษาทำความสะอาดเครื่องในระยะยาวได้สะดวกสมเป็น Gaming Notebook ตัวแรงใช้งานยาวๆ อย่างที่เราไม่ต้องกังวลเรื่องความทนทาน

ส่วนที่พักมือและเนื้องานรอบแป้นพิมม์ใช้วัสดุเป็นอะลูมิเนียมแบบสีดำด้านที่สวยงาม อย่างไรก็ตามมีข้อสังเกตอย่างเมื่อเราออกแรงกดลงไปนิดหน่อยจะมีอาการยุบเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อการใช้งาน ที่สำคัญไม่พูดไม่ได้เลยกับขอบหน้าจอที่บางลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งคิดเป็น 88% ของหน้าจอทั้งหมดทีเดียว โดยบางเฉียบทั้งด้านซ้ายขวาและขอบบน ดูได้จากกล้องเว็บแคมและไมโครโฟนถูกติดตั้งลงไปบนขอบจอที่บางมากๆ

MSI Bravo 17 R7 RX5500M Review 41

ส่งผลให้ตลอดทั้งตัวเครื่องมีมิติตัวเครื่องที่เล็กลงกว่า Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ ทั่วไป ให้จอใหญ่สะใจกว่า 15.6″ แต่พกพาได้ง่ายใกล้เคียงกัน ซึ่งโดยรวมแล้ว MSI Bravo 17 ไม่ใช่แค่แรงแต่ในประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยมด้วย เรียกได้ว่าเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในโน๊ตบุ๊คเล่นเกมสายบางเบาช่วงงบประมาณ 35,000 บาท ก็ว่าได้เลย ราคาค่าตัวจัดว่าคุ้มค่าสุดต่อสเปกและประสิทธิภาพ แต่อัดทุกฟีเจอร์จริงๆ อย่างที่ Gaming Notebook ทั่วไปไม่สามารถให้ได้

Keyboard / Touchpad

MSI Bravo 17 R7 RX5500M Review 2

ตัวเครื่อง MSI Bravo 17 มาพร้อมกับหน้าจอใหญ่ถึง 17.3 นิ้ว ที่มีรูปแบบพื้นที่ขยับชุดแป้นคีย์บอร์ดลงมากกว่า Gaming Notebook ปกติ เพื่อติดตั้งชุดระบายความร้อนเอาไว้ ซึ่งตรงกลางก็จะเป็นปุ่ม Power ซึ่งการติดตั้งคีย์บอร์ด Full Size ก็สมบูรณ์แบบดี ที่แม้ไม่ใช่ของ SteelSeries ที่รุ่นบนๆ ใช้กัน แต่ก็ยังสามารถให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดี ทั้งฟีลแรงกด ฟีลการตอบสนองของแป้นพิมพ์ และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมกัน ซึ่งทำได้แม่นยำไม่แพ้เกมมิ่งคีย์บอร์ดแบบแยกมาตรฐานทั่วไป มาพร้อมไฟ LED แบบ Per-key GB ปรับอิสระแต่ละปุ่ม บนเทคโนโลยี Silver Lining Print ที่สวยเสริมความสวยงามให้ไฟหลากสีน่าใช้มากยิ่งขึ้น

โดยรุ่นนี้จะไม่มีปุ่ม Hotkey อย่างปุ่มเร่งพัดลมให้ทำงานเต็มที่ เพื่อช่วยระบายความร้อนเรียก หรือปุ่มใช้ Dragon Gaming Center สำหรับเช็คความร้อนและควบคุมระบบในภาพรวม และถัดไปคือปุ่มเปิดปิดเครื่อง ฉะนั้นถ้าต้องการปรับต้องผ่านซอฟต์แวร์เท่านั้น ในส่วนของทัชแพดเป็นแบบซ่อนปุ่มคลิกซ้ายคลิกขวาทำให้ดูเป็นเนื้อเดียวกัน โดยปุ่มกดไม่แข็งไม่นิ่มเกินไป ผิวสัมผัสของทัชแพดเป็นแบบด้านๆ การใช้งานอยู่ในเกณฑ์ปกติทั่วไป

Screen / Speaker

MSI Bravo 17 R7 RX5500M Review 1

ในส่วนของหน้าจอ MSI Bravo 17 นั้น มีขนาด 17.3″ ผิวจอแบบ Anti-Glare ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD พาเนล IPS คุณภาพดี  มีมุมมองกว้างทำให้แสดงผลภาพออกมาได้อย่างสวยงามคมชัด ลดปัญหาเรื่องแสงสะท้อนจากแสงไฟรอบๆ ตัวได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งแสงสว่างของหน้าจอสามารถสู้แสงจ้าจากภายนอกได้ในระดับหนึ่ง ได้ Refresh Rate ที่ 144Hz (เดโมเป็น 120Hz) ที่ลื่นไหลกว่า 60 Hz พร้อมด้วยเทคโนโลยี AMD FreeSync Premium ทำให้ภาพลื่นไหลมีอาการฉีกขาด แถมขอบจอบาง Thin Bezel กว่า 88& เป็นพื้นที่แสดงผล ทำให้ภาพที่ได้เต็มตาสุดๆ พร้อมติดตั้ง Webcam และไมโครโฟนได้ที่ขอบจอด้านบนปกติ

การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ MSI Bravo 17 เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS ทางทีมงานเลยถือโอกาสทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น

โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 60% และ Adobe RGB ที่ 45% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสัน ความเที่ยงตรงของสีอยู่ในระดับกลางๆ (ระดับที่ดีต้อง sRGB 90% + ) ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานปกติไม่ได้สว่างมาก คือเพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆ ไปแน่นอน โดยถ้าจะเอาไปทำภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพพอได้เลย แต่ถ้าในระดับมืออาชีพต้องระวังนิดนึงควรคาลิเบรทก่อน

ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องตรงกลางมีค่า 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับช่องกลางแถวบนจะมีแสงสว่างลดลงไปที่ 9% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite

ลำโพงของตัวเครื่องใช้เป็นแบบสเตอริโอแยกเสียงซ้ายขวาได้ชัดเจนดี มีระบบเสียง Nahimic 3 และ Hi-Res Audio (ผ่านช่องต่อหูฟัง) ทำให้มีเสียงดังฟังชัด มีน้ำหนัก ถือว่าเอามาเล่นเกมฟังเพลงได้ดีในระดับหนึ่งตามสไลต์เสียงจากลำโพงโน๊ตบุ๊ค ช่องลำโพงถูกออกแบบให้อยู่ที่ด้านล่างตัวเครื่อง ช่วยให้ตัวเครื่องสามารถกระจายเสียงให้มีมิติ แยกเสียงซ้ายขวาให้ชัดเจนได้มากยิ่งขึ้น โดยรวมแล้วเลือกลำโพงถือว่าทำได้ดีเลย

Connector / Thin And Weight

MSI Bravo 17 R7 RX5500M Review 31

ด้านพอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง MSI Bravo 17 เป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 17.3″ ให้การเชื่อมต่อมาอย่างครบถ้วน รองรับทุกการใช้งานในยุคปัจจุบันโดยพอร์ตต่าง ๆ ถูกติดตั้งไว้ทั้งทางด้านซ้ายและขวาของตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-A Gen 1 จำนวน 3 ช่อง ที่ให้มาอย่างจัดเต็มรองรับการเชื่อมต่อที่เพียงพอ นอกเหนือจากนั้นยังมี RJ45, HDMI, USB 3.2 Type-C Gen 1, และ Audio 3.5mm  Mic&Headphone แบบแยกออกจากกัน แน่นอนว่ามีช่องต่อไฟอแดปเตอร์ พร้อมยังรองรับการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.1 และ Wi-Fi 6 AX ที่เป็นมาตรฐานใหม่ล่าสุดที่ดีที่สุด

มิติของตัวเครื่องโดยรวมเน้นการออกแบบให้มีความบางเบากว่า Gaming Notebook ยุคก่อนๆ โดยยังคงประสิทธิภาพตามแบบฉบับโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมเป็นหลักโดยมีขนาดความมิติต่าง ๆ ที่ ดูพยายามให้เล็กกระชับที่สุด น้ำหนักเบาเพียงแค่ 2.2 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งรวมอแดปเตอร์ขนาด 180 Watt แล้วจะหนักประมาณ 2.8 กิโลกรัม สามารถพกพาได้อย่างสะดวก ซึ่งกระเป๋าเองก็อาจจะต้องใบใหญ่กว่ากระเป๋าโน๊ตบุ๊คทั่วไปซักหน่อย อย่างไรก็ตามถ้าหนุ่มแบกไปทำงานตามออฟฟิศหรือไปมหาวิทยาลัยก็พอได้อยู่

Inside / Upgrade

การแกะทั้งฝาล่างทั้งหมดของ MSI Bravo 17 เครื่องเดโม สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ไขน็อตทั้งหมดประมาณ 10 ตัว หลังจากนั้นก็ค่อยๆ แงะแกะทีละส่วนขึ้นอย่างช้าๆ เพียงเท่านี้ก็จะแกะฝาล่างได้ไม่ยากเย็น ส่วนประกอบภายในอื่นๆ  ที่มีงานประกอบเรียบร้อยดี การแกะตัวเครื่องเพื่ออัพเกรดหรือทำความสะอาดของ MSI Bravo 17 ก็สามารถทำได้ง่ายและก็สะดวกทีเดียว ซึ่งการแกะฝาล่างของ MSI สามารถทำได้แล้ว โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าประกันจะหลุดแต่อย่างใด ขอแค่ว่าอย่าแกะจนเกิดความเสียหายก็พอ รวมไปถึงการใส่กลับด้วย

MSI Bravo 17 R7 RX5500M Review 53

เมื่อแกะออกมาแล้วจะเห็นว่าติดตั้งแรมมาแล้วขนาด 16GB Bus 3200MHz เป็น 8GB จำนวน 2 แถว รองรับการใช้งาน Dual Channel ทันที ที่รองรับการใช้งานได้แบบสบายชัวร์ๆ ส่วน SSD M.2 NVMe PCIe เดิมๆ ก็มีให้มาแล้ว 256GB จำนวน 1 ตัว ซึ่งในการใช้งานทั่วไปก็น่าจะเพียงพอแล้ว ซึ่งได้ใส่ HDD 2.5″ SATA 3 ความจุ 1 TB มาด้วย ส่วนตัวขายจริงจะว่างเอาไว้ ที่ต้องบอกว่าสำหรับการใช้งานทั่วไปที่อยากได้ความจุเพิ่ม ก็นับว่าน่าสนใจไม่น้อยเลย

ด้านระบบระบายความร้อนก็จะเป็นระบบ Cooler Boost 5 ซึ่งเน้นในเรื่องของทิศทางการไหลเวียนเข้าออกของลมที่ดีขึ้นกว่าปกติทั่วไป โดยจะมีช่องระบายความร้อนรวมทั้งหมดถึง 4 ช่อง เป็นด้านหลัง 2 ด้านข้างอีกอย่างละ 1 มีครีบระบายความร้อนเป็นสีดำซึ่งดูเรียบเนียนไปกับตัวเครื่องตัวเครื่อง ในส่วนของ Heat Pipe ก็ให้มามากถึง 7 เส้น แบ่งเป็น CPU 3 เส้น และ GPU อีก 4 เส้น แยกออกจากกันอิสระ ที่เพียงพอต่อการระบายร้อนได้ในระดับที่น่าพอใจ

Performance / Software

MSI Bravo 17 ได้สเปกเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 4800H ที่แรงกว่า AMD Ryzen 7 3750H รุ่นก่อนหน้าแบบก้าวกระโดด ด้วยสถาปัตยกรรม Zen 2 โค้ดเนม Renoir (เรนัวร์) มาพร้อมกับเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 nm ความเร็ว 2.90 – 4.20 GHz แบบ 8 Core/ 16 Thread ร้อนน้อยกว่า ได้ L3 Cache ที่ 12MB มีค่าอัตราการใช้พลังงานสูงสุด (TDP) ที่ 45W ที่ต้องบอกว่าสร้างมาตรฐานประสิทธิภาพที่มากกว่าชิปประมวลผลรุ่นก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็น AMD Ryzen 3000 H หรือ Intel Core i Gen 9 H เลยทีเดียว ที่สามารถดูได้จากผลการทดสอบเล่นเกมที่ลื่นไหลกว่า Gaming Notebook สเปกเดิมๆ มาก

สำหรับ AMD Ryzen 7 4800H แรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังรวมไปถึงเล่นเกมเป็นหลัก ก็รองรับได้อย่างสบายๆ เรียกได้ว่าแรงกว่าชิปประมวลผลที่เป็น AMD Ryzen 3000 H Series เป็นเท่าตัว ซึ่งในรีวิวนี้ใส่เป็น 16GB มาตรฐาน DDR4 Bus 3200 MHz แล้ว (Dual Channel) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเข้าไปอีก พร้อมตัวขายจริงให้เป็น SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ซึ่งมีช่องว่างใส่ HDD SATA 3 อีก 1 ตัวไว้อัพเกรดภายหลังได้ ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ

c1 8.   c2 6.  

ผสานกับการ์ดจอออนบอร์ดรุ่นใหม่อย่าง AMD Radeon 7 มีความเร็วในการทำงานที่ 1600MHz มาตรฐานแรม DDR4 ขนาด 512MB ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ซึ่งโดดเด่นจริงๆ จะเป็นเรื่องของการประหยัดพลังงานเมื่อใช้งานเบาๆ

ที่สำคัญคือมีการติดตั้งการ์ดจอแยกประสิทธิภาพสูงเป็น AMD Radeon RX 5500M (4GB GDDR6) ที่ให้ประสิทธิภาพความแรงเทียบเท่ากับระหว่างการ์ดจอคู่แข่งอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 / GTX 1650 Ti / GTX 1660 Ti รองระบการเล่นเกม 3 มิติที่ลื่นไหลในทุกๆ บนโลก ซึ่งจุดเด่นของ AMD นอกจากความแรงและความร้อนที่น้อยกว่าเพราะใช้สถาปัตยกรรม RDNA ที่ 7 nm จัดว่าเป็น Gaming Notebook รุ่นที่สองของ MSI ที่ใช้การ์ดจอรุ่นนี้ด้วย

g1 9.   g2 3

สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 4800H คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจสมกับเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เปรียบเทียบกับชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 3750H / Intel Core i7-9750H ก็ทำได้ดีกว่าแบบชัดเจนทีเดียว รวมไปถึงตัวการ์ดจอเองก็มีประสิทธิภาพสูงเช่นเดิม เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก

cine15 5.   cine20 5

ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ที่กลายเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook ไปแล้ว โดยใชเป็นแบรนด์ Intel ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 256GB แบบ M.2 NVMe PCIe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 1524 MB/s และเขียนที่ 871 MB/s ที่เร็วระดับกลางๆ แต่ก็ถือว่าดีกว่ามาตรฐาน SATA 3 แบบเดิมๆ แล้ว

ssd 6

การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 5441 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็น Gaming Notebook สเปกใหม่ล่าสุดจากชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 4800H มีการ์ดจอแยกระดับ Gaming อย่าง Radeon RX5500M ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คปีก่อนๆ มากพอตัว อีกทั้งตัวรีวิวนี้ใส่แรมไป 16GB แล้วด้วย

pc10 2

สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 – 100 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ประกอบไปด้วย Resident Evil 3 / Battlefield V / FarCry 5 ที่เป็นเกมออฟไลน์ที่กินทรัพยกร รวมไปถึงเกมออนไลน์ยอดนิยมอย่าง PUBG / DOTA 2 / Overwatch ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย

ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง RE 3 / BF V/ FarCry 5 ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด !!! จากกราฟตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าเฟรมเรทที่ออกมานั้นมีความลื่นไหลสุดๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ซึ่งถ้าอยากให้เฟรมเรทลื่นไหลกว่านี้ก็สามารถเลือกปรับกราฟิกระดับกลางๆ ก็ได้ โดยในส่วนของ RE 3 ซึ่งเป็นเกมออกใหม่ล่าสุด เราปรับกราฟิกในเกมเป็น MAX ที่ใช้แรมการ์ดจอไปกว่า 12GB ซึ่งเกินกว่าตัวการ์ดจอที่ 4GB แต่ก็ยังทำเฟรมเรทได้ลื่นไหลน่าเหลือเชื่อจริงๆ

ต่อกันที่เกมออนไลน์อย่าง PUBG / Overwatch / DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน  ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็ไม่มีอาการช้าหรือหน่วงเลย  ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ อยู่ ทั้ง 7 เกมที่เราได้ทำการทดสอบไป ยิ่งถ้าเทียบกับ Gaming Notebook สเปกก่อนหน้าทั้งส่วนของ AMD Ryzen หรือ Intel Core i จะเห็นว่าแรงกว่าเดิมมากๆ

และด้วยหน้าจอ พาเนล IPS แบบ 144Hz สำหรับตัวขายจริง พร้อมสนับสนุน AMD FreeSync ทำให้ภาพลื่นไหลกว่าปกติและไม่ฉีกขาด ทำให้เกม FPS ที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ 144Hz อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล อาจจะปรับกราฟิกต่ำลงมาเท่าที่เราพอใจ หรือเอาจริงๆ สำหรับเกมสไตล์ MOBA แค่ 60 FPS นิ่งๆ ก็เอาอยู่แล้ว

game test

MSI DRAGON CENTER เวอร์ชั่นล่าสุด เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ออกแบบและพัฒนาโดย MSI ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ต่อยอดมาจากรุ่นก่อนหน้าอย่างเวอร์ชั่น 2 จุดเด่น คือ ใช้งานสะดวกและสามารถช่วยเหลือ และ จัดการการปรับแต่งตั้งค่า MSI Gaming Notebook ได้อย่างลงตัว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลน์ของทาง MSI ก็ว่าได้ ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยหน้าเมนูต่างๆ แบ่งตามลักษณะการใช้งานที่ชัดเจน รวมไปถึงการอัพเดทซอฟต์แวร์ต่างๆ ก็สามารถจัดการได้ง่ายยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย

m1 2

Battery / Heat / Noise

แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน MSI Bravo 17 เครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ที่ความจุประมาณ 4000 mAh  ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราวๆ 2:40 ชั่วโมงโดยประมาณ เรียกได้ว่าใช้งานได้น้อยไปหน่อย ถ้าเทียบ MSI Bravo 15 ที่เป็นรุ่นหน้าจอ 15.6″ แต่ก็คาดว่าอาจจะเป็นเพราะเครื่องนี้เป็นเครื่องเดโมด้วย เลยใช้งานได้น้อยไปหน่อย

batt 5

เครื่องนี้ที่ให้ฮีทไปป์มาทั้งหมด 6 เส้น ระบบระบายความร้อน Cooler Boost ได้พัดลม 2 ตัว ช่องระบายความร้อน 4 ช่อง เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คอีกรุ่นที่มีการระบายความร้อนได้ดี เมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 50 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 27 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% โดยทางทีมงานได้ทำการเล่นเกมหนักๆ เป็นเวลานานๆ เห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของชิปประมวลผลอยู่ที่ไม่เกิน 102 องศาเซลเซียสทีเดียว แต่ก็สามารถควบคุมได้เป็นอย่างดีตามมาตรฐาน ในการทำงานก็ปกติดีทุกอย่าง 

temp3

ส่วนที่เป็นการ์ดจอจะอยู่ที่ไม่เกิน 80 องศาเซลเซียสเท่านั้น นับว่ามีความเย็นมากๆ จากกที่เป็นการ์ดจอรุ่นใหม่ Radeon RX 5500M ส่วนเสียงพัดลมก็ดังขึ้นมาเล็กน้อย จากการที่เปิดโหมด Performance ทำให้พัดลมหมุนรอบเร็วสุดเมื่อทำงานหนักๆ (แต่บังคับเร่งรอบเองไม่ได้) อย่างไรก็ตามไม่ถือว่ารบกวนอะไรมากมายสำหรับคนที่เล่นเกมอยู่แล้ว โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้อย่างไม่น่าเป็นห่วง ซึ่งเมื่อใช้งานทั่วไปในส่วนของเสียงพัดลมจะมีความเบามากๆ แทบไม่ได้ยินเสียงเลย

 

Conclusion / Award

MSI Bravo 17 เป็น Gaming Notebook ปี 2020 ที่น่าสนใจมากๆ อีกหนึ่งรุ่น จากการที่ได้สเปคสุดแรง AMD Ryzen 4000H รุ่นล่าสุด ซึ่งมีตัวลเลือกทั้ง Ryzen 7 4800H ส่วนการ์ดจอได้เป็น AMD Radeon RX5500M ซึ่งได้เทคโนโลยี 7 นาโนเมตร มาเหมือนกัน เรียกได้ว่าเข้าคู่กันเป็นอย่างดี ดีขึ้นทั้งประสิทธิภาพ ร้อนน้อยลง และแบตยาวนานขึ้น ในเครื่องเดียว โดยได้แรมมาเป็นขนาด 8GB – 16GB DDR4 Bus 3200MHz ตามมาตรฐานของ Ryzen รุ่นล่าสุด และได้ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ที่แรงและลื่นไหล ในราคาเริ่มต้นเพียง 35,900 บาทเท่านั้น

MSI Bravo 17 R7 RX5500M Review 52

ดีไซน์ตัวเครื่อง MSI Bravo 17 วัสดุเป็นอลูมิเนียมอัลลอยสีดำพร้อมแซมด้วยสีแดง โดยมีโลโก้นกธันเดอร์เบิร์ดสยายปีกสีเงินมันวาว ส่วนคีย์บอร์ดมีการเด้งรับทำให้พิมพ์สัมผัสได้ถนัดมือยิ่งขึ้นไปอีก และได้ไฟแบบ Per-key RGB ด้วย นั่นเองที่สำคัญเหนือกว่า Gaming Notebook ทั่วไป เพราะเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ที่เบาเพียง 1.96 กิโลกรัม แต่ได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นกว่า Gaming Notebook สเปกก่อนหน้ามากๆ เหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษาที่ต้องการโน๊ตบุ๊คไว้ใช้ทำงานหรือเล่นเกม ที่เน้นพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ 

MSI Bravo 17 R7 RX5500M Review 26

ส่วนการระบายความร้อนตัวเครื่องเป็นแบบ Cooler Boost 5 ฮีทไปป์ 6 เส้นขนาดใหญ่ ช่องระบายความร้อน 4 ช่อง พัดลม 2 ตัว ก็ต้องบอกว่าเพียงพอที่จะเอาอยู่สำหรับสเปกนี้ โดยชิปประมวลผลไม่ร้อนเลย รวมไปถึงการ์ดจอแยกก็เย็นมากๆ ซึ่งจากผลทดสอบให้ประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่ลื่นไหลน่าประทับใจ เพราะได้หน้าจอ IPS 144Hz ด้วย ให้ความลื่นไหลไม่สะดุดด้วย AMD FreeSync นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับ Windows 10 แท้พร้อมใช้งานอีกด้วย มีประกัน 2 ปี ใช้งานได้แบบสบายใจ

Award

โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 17.3 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง MSI Bravo 17 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้

Best Performance

ชิปประมวลผลเป็น AMD Ryzen 7 4800H (2.90 GHz up to 4.20 GHz, 8 MB L3 Cache) ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธร์ด ประสิทธิภาพไว้ใจได้ พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวบนอย่าง AMD Radeon RX 5500M (4GB GDDR6)  ที่ทั้ง 2 อย่างนี้ระดับ Desktop ทรงพลังด้วยเทคโนโลยี 7 นาโนเมตรที่ล้ำกว่า โดยมีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.2 NVMe และรองรับ SSD M.2 อีก 1 สล็อต โดยตามสเปกได้ติดตั้งมาแล้วที่ 512GB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 16GB แบบ DDR4 Bus 3200 MHz (8GB x 2) เพื่อความลื่นไหลที่สุด รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างสนุกสนาน

award new performance

Best Mobility

ส่วนของความสามารถในการพกพาของ MSI Bravo 17 อยู่ในระดับที่ดีกว่า Gaming Notebook ทั่วไปชัดเจน ทั้งในความบางเฉียบและน้ำหนักเบาเพียง 2.2 กิโลกรัม (รุ่นอื่นๆ ในหน้าจอ 17.3″ มักจะมีน้ำหนักที่ 2.8 กิโลกรัม) พร้อมได้ขอบหน้าจอบาง มิติตัวเครื่องเล็ก ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก ถือว่ามีการพัฒนาไปในทุกส่วน รวมแล้วหนักแค่ 2 กิโลกรัมกลาง ๆ เท่านั้น โดยสามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที พกพาสะดวก เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ แม้แบตเตอรี่อาจจะใช้งานได้น้อยไปหน่อย คาดว่าเป็นเพราะเครื่องเป็นเดโม ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีของ Gaming Notebook จอ 17.3″ แล้วล่ะ

NBS award 4 Mobility

Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

รีวิว MSI

MSI Prestige 13 AI+ EVO A2VMG ในบอดี้สุดบาง น้ำหนักสุดเบา มี Intel Core Ultra 200V ให้ทำงานใหญ่เล็กได้อย่างยอดเยี่ยม! การลงทุนเปลี่ยนอุปกรณ์ทำงานให้มีคุณภาพสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าอย่างไรก็คุ้มค่า ยิ่งเป็นยุคของ AI แล้ว จะซื้อโน๊ตบุ๊คใหม่อย่าง MSI Prestige 13 AI+...

PR-News

เตรียมตัวให้พร้อมไปกับอุปกรณ์เล่นเกมแบบพกพาที่ไม่มีใครเทียบได้ กับ MSI Claw 8 AI+ และ Claw 7 AI+ รุ่นใหม่ที่ได้รับการอัปเกรด โดยขับเคลื่อนด้วยโปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 7 Series 2 รุ่นใหม่ล่าสุด ตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัด อีกทั้งยังผสมผสานประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมเข้ากับความคุ้มค่าขั้นสุดได้อย่างลงตัว เพลิดเพลินไปกับภาพที่สวยงามบนหน้าจอที่มีสีสันสดใสมากขึ้น มีให้เลือกสองขนาด: 7...

รีวิว MSI

MSI Prestige A16 AI+ A3HMG ในบอดี้เรียบหรูมีพลังของ AMD Ryzen AI ซ่อนอยู่ แรงทรงพลังลุยได้ทุกงาน! ถ้าได้ใช้ของดีมีคุณภาพสักครั้ง ก็จะไม่อยากลดระดับลงไปใช้ของรองลงไปง่ายๆ เพราะได้รับรู้แล้วว่าสิ่งที่ดีเป็นอย่างไร อย่าง MSI Prestige A16 AI+ A3HMG ก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีของคำพูดนี้และทางบริษัทก็ยังใส่ใจคุณภาพงานประกอบและรูปลักษณ์ภายนอกให้สวยงามไม่แพ้รุ่นก่อน ทั้งบอดี้อลูมิเนียมสีเงินและโลโก้อลูมิเนียมแสนเรียบง่ายแต่ดึงดูดสายตา แม้ไม่หวือหวาแต่ก็ดูได้ไม่เบื่อ ลงรายละเอียดในแต่ละส่วนเอาไว้ได้พอเหมาะพอดีและสอดลูกเล่นเก่าผสมใหม่มาได้พอเหมาะพอดี...

รีวิว MSI

MSI Modern 15 H AI C1MG โน๊ตบุ๊คจอใหญ่ รู้ใจคนทำงาน กาง 180 องศา Intel Core Ultra ราคาเบา เพื่อคนทำงานมีไลฟ์สไตล์ MSI Modern 15 H AI C1MG โน๊ตบุ๊คทำงานจอใหญ่ ที่มาพร้อมกับขุมพลัง...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก