เกมที่ใช้แข่งขันเป็นที่แพร่หลายอย่าง VALORANT, Fortnite และ Apex Legends ต่างต้องการค่าเฟรมเรตที่สูงที่สุด พร้อมค่าความหน่วงช้าระหว่างการรับส่งข้อมูลภายในเครื่อง (Latency) ที่ต่ำที่สุด และเมื่อต้องการเข้าใครความเป็นผู้ชนะเข้าไปอีกขั้น คุณจำเป็นต้องมีความเร็วเฟรมเรตต่อวินาที (FPS) ที่ 144 ขึ้นไป ด้วยพลังจากการ์ดจอที่เร็วที่สุดในโลกจาก NVIDIA GeForce GPU ด้วย NVIDIA REFLEX
NVIDIA REFLEX ชัยชนะวัดกันในเสี้ยววินาที
หนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญที่จะช่วยให้ได้ความเร็วที่เหนือชั้น ก็คือ NVIDIA Reflex ที่เข้ามาช่วยจัดการลดค่าความหน่วงช้าต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการส่งผ่านข้อมูลภายในเครื่อง PC ให้ได้รับการตอบสนองการสั่งงานจากทั้งเมาส์และคีย์บอร์ดอย่างรวดเร็วที่สุด สั้นที่สุด โดยทำงานร่วมกันระหว่างชิปการ์ดจอ GeForce RTX 30 Series GPU และหน้าจอมอนิเตอร์ที่รองรับระบบ NVIDIA G-SYNC จนออกมาเป็นประสิทธิภาพสูงสุดให้เล็งเป้าไปที่คู่ต่อสู้ได้เร็วขึ้น, ตอบสนองการขยับจากปลายนิ้วของเราได้ไวขึ้น และเพิ่มความแม่นยำในการเล็งเป้าหมาย ด้วยเทคโนโลยีที่ถูกปรับแต่งมาอย่างดีที่สุด เพื่อการแข่งขันเกมโดยเฉพาะ
การทำงานของเทคโนโลยีนี้ก็คือการจับเอาทั้งตัว GPU และการปรับแต่งที่ตัวเกมมารวมกัน ผสมผสานให้การทำงานร่วมกันออกมาได้ต่อเนื่องมากที่สุด โดยจะมีตัวเลือกให้เปิดโหมด Reflex Low Latency ภายในเมนูการตั้งค่าตัวเกมที่มีการใช้แข่งกันเป็นที่กว้างขวาง เช่น Call of Duty: Warzone, Valorant, Apex Legends, Destiny 2 และ Fortnite จะช่วยเพิ่มค่าการตอบสนองให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ดูได้จากชาร์ตด้านล่าง เปรียบเทียบกันระหว่างประสิทธิภาพจากการ์ดจอรุ่น GTX 1660 SUPER และ GeForce RTX 3080
เพื่อให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น ความแตกต่างระหว่างค่าเฟรมเรต (FPS) ที่สูง คือตัวแสดงถึงความลื่นไหลของภาพบนหน้าจอ ส่วนการให้สัญญาณจากเมาส์ วิ่งเข้าไปที่เครื่องแล้วทำงานแสดงผลภาพกลับมาที่หน้าจออย่างเร็วที่สุด เพราะในขั้นตอนนี้ โดยปกติจะมีการหน่วง ต้องใช้เวลาในการส่งสัญญาณไปยังตัวเครื่องและชิ้นส่วนต่าง ๆ ก่อนที่จะแสดงภาพให้เราเห็น
จากปกติเมื่อเราทำการคลิกเมาส์ สัญญาณจะถูกส่งไปที่ CPU หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่คิวรอเรนเดอร์ภาพของ GPU แล้วค่อยส่งสัญญาณภาพขึ้นไปที่หน้าจอ แต่จะทำการควบ CPU และ GPU ให้ซิงก์การทำงานเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ ช่วยลดขั้นตอนและระยะเวลาการทำงานลง เพื่อให้ภาดที่ตอบการคลิกเมาส์ได้อย่างทันที
นอกจากนั้นเมื่อใช้งานหน้าจอมอนิเตอร์ที่มาพร้อมเทคโนโลยี NVIDIA G-SYNC ยังสามารถที่จะเชื่อมต่อเมาส์เข้ากับหน้าจอ เพื่อวัดความหน่วงที่เกิดขึ้นได้ ว่าต่ำที่สุดแล้วหรือยัง โดยใช้ชิปพิเศษภายในตัวหน้าจอมาช่วยวัดค่าสัณณาณ และภาพที่ถูกเรนเดอร์ขึ้นมาบนหน้าจอ ทดแทนการวัดแบบเดิม ๆ ที่ต้องใช้กล้องความเร็วสูงมูลค่าหลักแสนบาท ถึงจะดูได้ว่าภาพบนหน้าจอตอบสนองหลังจากการคลิกเมาส์ไปแล้วกี่เสี้ยววินาที
