ASUS VivoBook 14 S413 รุ่นที่เรานำมาทดสอบรีวิวบทความนี้เป็นโน๊ตบุ๊คเครื่องขายจริงแล้ว ใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 สถาปัตยกรรม “Tiger Lake” สถาปัตยกรรมขนาด 10nm SuperFin Willow Cove ที่แรงลื่นทรงพลังยิ่งกว่าชิปประมวลผลรุ่นก่อนๆ พร้อมมี AI เข้าช่วยไปอีกขั้น ทั้งทำงานและความบันเทิงดีขึ้น ดีไซน์สวยด้วยหน้าจอ 14″ IPS Full HD ปี 2020 มีความบาง 17.9 ม.ม. และเบาเพียง 1.4 ก.ก. วัสดุเป็นโลหะอลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง ให้ความพรีเมียมดูดีเกินราคา เจาะตลาดนักเรียนนักศึกษา รวมไปถึงคนวัยทำงานที่ยังหนุ่มสาวเป็นหลัก สมกับเป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่สายทำงานและไลฟ์สไตล์
สำหรับ ASUS VivoBook 14 S413 เครื่องนี้ได้รับการออกแบบที่เหมือนกับรุ่นสเปก Core i Gen 10 ซึ่งแม้จะเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานที่เน้นการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่แล้ว สเปคเน้นประสิทธิภาพที่มากว่า มาพร้อมกับความแตกต่างและสีสันไม่ซ้ำใครแน่นอน โดดเด่นด้วยสีสันหลากหลาย และได้ปุ่ม Enter key ไฮไลท์สีเหลือง โดยสเปกที่ได้รับมารีวิวในครั้งนี้เป็น Core i5-1135G7 / Core i7-1165G7 การ์ดจออนชิปเป็น Intel Iris Xe ประสิทธิภาพดีขึ้นไปอีก ได้แรมขนาด 8GB และ SSD 512GB มี Windows 10 แท้ ส่วนประกันเป็นประกัน 2 ปี + ประกันอุบัติเหตุ 1 ปีตามมาตรฐานของ ASUS
VDO Review
Coming Soon
NBS Verdict
สรุปแล้ว ASUS VivoBook 14 S413 สเปก Core i Gen 11 ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่น่าสนใจรุ่นหนึ่งก็ว่าได้ในช่วงราคานี้ เพราะมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงเหมาะกับการทำงานทั่วไป หรือหนักๆ อย่างตัดต่อวีดีโอ ที่สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก หรือถ้าจะเล่นเกมบ้างก็สามารถทำได้ดีลื่นไหล ทั้งจากรูปลักษณ์และใช้งานจริง สนนราคาเริ่มต้นที่ 15,990 บาท สเปกได้ Intel Core i3-1115G4 จบไปถึง 26,990 บาท สำหรับรุ่น Intel Core i7-1165G7 เหมาะกับคนที่ต้องการใช้งานโน๊ตบุ๊คที่ได้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีกว่ารุ่นสเปกก่อนหน้าอย่าง Intel Core i Gen 10
รองรับซอฟต์แวร์หลายตัวที่สนับสนุนงาน AI อย่าง อาทิ Microsoft Office : Word / Excel / Power Point หรือ Adobe อย่าง Photoshop / Lightroom / Premiere Pro ทำให้รวดเร็วพวก Core i Gen 10H อีกทั้งได้พอร์ต Thunderbolt เป็นมาตรฐานแล้ว คาดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คราคาคุ้มค่าไม่แพงแต่ได้สเปกที่ดีของทาง ASUS ที่ทุกคนต่างในการยอมรับว่าเป็นโน๊ตบุ๊คอีกรุ่นในช่วงท้ายปลายปี 2020 ที่น่าซื้อไปใช้งานที่หลากหลายในปัจจุบัน เรียกได้ว่าการมาของ Gen 11 นั้นเร็วกกว่าที่คาดจริงๆ
อย่างไรก็ตามทางด้านราคา ASUS VivoBook 14 S413 สเปก Core i Gen 11 เทียบกับสเปกที่ได้แล้ว คาดว่าจะไม่สูงมากเพราะอยู่ในโมเดลที่เน้นความคุ้มค่ามากกว่าอย่าง VivoBook ไม่ใช่ ZenBook ซึ่งในเรื่องดีไซน์การออกแบบก็แตกต่าง โดยมีสีสันที่โดดเด้นและแตกต่างอย่างสีดำ Indy Black, สีทอง Hearty Gold, สีเงิน Transparent Silver โดยที่เราได้รับมารีวิวเป็นสีดำ Indy Black ที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร พร้อมดีไซน์ใหม่แป้น ‘Enter’ ขอบสีเหลืองสดใส และขอบตัดตัวเครื่องแบบไดมอนด์คัทเพิ่มลูกเล่นสะดุดตา เรียกได้ว่าจะถูกใจวัยรุ่นเรื่องการสร้างสรรค์งานทีเดียว
โดยตัวเครื่องมีขนาดเล็กขอบจอบางเทียบและมีหน้าจอขนาด 13.3″ เมื่อหลายปีก่อน โดยมีมิติตัวเครื่อง น้ำหนัก มีขนาดเล็กกว่าโน๊ตบุ๊ค 14″ ทั่วไป ซึ่งมีน้ำหนักเพียง 1.4 กิโลกรัมและบางเพียง 17.9 มิลลิเมตรเท่านั้น นอกจากนี้ยังได้ชิปประมวลผล แรม ฮาร์ดดิสก์ ที่พร้อมใช้งาน ส่งผลให้ประสบการณ์ใช้งานโดยรวมดีเยี่ยมนั่นเอง เจาะตลาดนักเรียนนักศึกษา รวมไปถึงคนวัยทำงานที่ยังหนุ่มสาวเป็นหลัก สมกับเป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่สายทำงานและไลฟ์สไตล์ ใช้งานประมวลผลหนักๆ ได้ด้วย
โดยบางงานทำได้ดีกว่า Gaming Notebook เสียอีกจากการที่ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 ซึ่งมี AI ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด AIPT (ASUS Intelligent Performance Technology) ให้ประสิทธิภาพในการประมวลผลที่ดีขึ้นมากกว่า 70% เมื่อเทียบกับเจนเนอเรชั่นก่อนหน้า และกราฟิกการ์ดรุ่นใหม่ Intel Iris Xeมอบประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดสูงระดับ 8K หรือการตัดไฟล์วิดีโอที่ลื่นไหลยิ่งขึ้นพร้อมพอร์ทเชื่อมต่อที่ครบครันก็ทำได้เยี่ยมยอดด้วย
จุดเด่น
- เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ แต่มีขนาดตัวเครื่องเล็กเทียบเท่ารุ่นหน้าจอ 13.3″ พกพาสะดวก
- น้ำหนักเบา ตัวเครื่องบาง วัสดุดี มีให้เลือก 6 สีสัน ตามสไตล์การใช้งาน
- หน้าจอมีความละเอียดสูงระดับ Full HD พาเนล IPS ให้สีสันดีกว่า TN
- ขอบจอบางเฉียบด้วย เทคโนโลยี Nano Edge บางพิเศษกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป
- ใช้งานจริงลื่นไหลสุดๆ ด้วยชิปประมวลผล Intel Core Core i5-1135G7 / i7-1165G7 รุ่นใหม่
- ได้การ์ดจอออบชิปตัวใหม่ Intel Iris Xe ที่ตอบสนองได้ใกล้เคียงกับการ์ดจอเข้าไปอีก
- ประสิทธิภาพดีขึ้นทั้งการทำงาน หรือเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล จากผลการทดสอบ
- ลำโพง Harman Kardon เสียงคุณภาพดีกว่าทั่วไปแบบรู้สึกได้
- เทคโนโลยี Fast charging ที่ให้แบตเตอรี่เต็ม 60% ได้ใน 49 นาที
- ตัวเครื่องร้อนน้อย แม้ทำงานหนักๆ ต่อเนื่อง
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานสูงสุดกว่า 10 ชั่วโมง
- มี Windows 10 แท้มาให้พร้อมใช้งานทันที
- ได้โปรแกรม Office Home and Student 2019 มูลค่า 4,299 บาท
- ประกัน 2 ปีเคลมผ่าน 7-11 ได้ พร้อมประกันอุบัติเหตุ 1 ปีแรก
- ราคาคุ้มค่าต่อประสิทธิภาพและฟีเจอร์ที่ได้รับมากๆ
ข้อสังเกต
- หน้าจอพาเนล IPS อยู่ในระดับกลางๆ
- แรมเป็นแบบฝังบอร์ด อัพเกรดเองไม่ได้เลย
- SSD ที่ให้มา ความเร็วต่ำไปหน่อย
Specification
ASUS VivoBook 14 S413 สเปก Core i Gen 11 ที่ได้รับมารีวิวจะเป็นรุ่นประสิทธิภาพสูงในราคาคุ้มค่า ด้วย โดยแบ่งเป็น 2 สเปก คือ การใช้ชิปประมวลผล Intel Core i5-1135G7 และ Intel Core i7-1165G7 โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 4 คอร์ 8 เทรด ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน เป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 11 อย่าง Tiger Lake รุ่นล่าสุด
พร้อมใช้ประโยชน์จากพลังของเทคโนโลยี AI เพื่อให้ความเร็วอันเหนือชั้น ในส่วนของการ์ดจอออนชิปรุ่นใหม่ Intel Iris Xe Graphic ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดี เล่นเกมออนไลน์ได้สบายๆ รวมไปถึงการแสดงผลความละเอียดสูงมากๆ อย่าง 4K หรือ 8K ด้วย อีกทั้งมีรุ่นการ์ดจอแยก GeForce MX350 ให้เลือกด้วย
โดยมาพร้อมขนาดหน้าจอ 14″ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลคุณภาพสูงอย่าง IPS ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริง มุมมองกว้างถึง 178 องศา ส่วนแรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB DDR4 Bus 3200Hz ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานแน่นอน สำหรับที่เก็บข้อมูลหลักเป็น SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB มาตรฐานการเชื่อมต่อ Intel Wi-Fi 6 AX ที่ดีกว่ารุ่นก่อน 3 เท่า และการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.0 ใหม่ล่าสุด
นอกจากนี้ในส่วนของกล้องด้านหน้าและไมโครโฟนรองรับการใช้งาน VDO Call ตามมาตรฐาน มีพอร์ตมาตรฐานซึ่งมาให้ครบทั้ง Thunderbolt (USB 3.2 Type-C), USB 3.2 Type-A, HDMI สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก แน่นอนว่าได้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ และโปรแกรม Office Home and Student 2019 (Word / Excel / Power Point) มูลค่ากว่า 4,299 บาท ใช้งานติดเครื่องไปเลยฟรีๆ ด้วย
- Core i3–1115G4 / Iris UHD Graphic / RAM 4GB / SSD 512GB / จอ 14″ IPS / Office แท้ ราคา 15,990 บาท
- Core i5-1135G7 / Iris Xe Graphic / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 14″ IPS / Office แท้ ราคา 22,990 บาท
- Core i5-1135G7 / GeForce MX350 / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 14″ IPS / Office แท้ ราคา 24,990 บาท
- Core i7-1165G7 / Iris Xe Graphic / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 14″ IPS / Office แท้ ราคา 26,990 บาท
Hardware / Design
ASUS VivoBook 14 S413 สเปก Core i Gen 11 โดดเด่นด้วยสีสันสดใสโดดเด่นรวมถึงการออกแบบทำมาได้สวยมาก ทั้งหมดนี้อยู่ในน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 1.4 กิโลกรัม พร้อมความบางเพียง 17.9 มิลลิเมตรเท่านั้น ถือว่าเป็นมาตรฐานที่ดีมากๆ สำหรับโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ ปี 2020 ส่งผลให้การพกพาโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ไปใช้งานนอกสถานที่ก็ทำได้คล่องตัว ตัวเครื่องฝาหลังและตัวเครื่องด้านในจะเป็นอลูมิเนียมที่ให้ความพรีเมียมและแข็งแรงทนทาน ซึ่งพิเศษตรงที่ได้ดีไซน์ใหม่แป้น ‘Enter’ ขอบสีเหลืองสดใส และขอบตัดตัวเครื่องแบบไดมอนด์คัทเพิ่มลูกเล่นสะดุดตาสำหรับการทำงานไม่รู้เบื่อ ตามสไตล์ของ VivoBook Series
โดยชิ้นส่วนใต้ตัวเครื่องเป็นวัสดุพลาสติกคุณภาพสูงให้สัมผัสที่ดูดีเกินราคา ได้ดีไซน์ใหม่และสีสันใหม่ โดดเด่นด้วย 4 สี 4 สไตล์ ไม่ว่าจะเป็น สีดำ Indy Black, สีทอง Hearty Gold, สีเงิน Transparent Silver ซึ่งรุ่นที่เราได้รับมารีวิวนั้นเป็นสีดำ Indy Black ที่เป็นสีดำด้านให้ความดุดัน พร้อมดีไซน์ภายในแบบสีเดียวกัน ที่ตัวเครื่องยังมีขอบหน้าจอบางเฉียบ NanoEdge วัสดุเป็นพลาสติกสีดำที่ดูแล้วลงตัวกับงานประกอบอื่นๆ ส่งผลให้ ASUS VivoBook 14 S413 มีขนาดตัวเครื่องที่กะทัดรัดกว่า ด้วยน้ำหนักเบาตัวเครื่องที่บาง สามารถใส่ในกระเป๋า หรือกระเป๋าเป้สะพายหลังได้ง่าย
นอกจากนั้นแล้วยังโดดเด่นด้วยปุ่ม Enter key ไฮไลท์สีเหลือง ที่แสดงให้เห็นถึงความกล้าที่จะกดปุ่ม Enter เพื่อบอกโลกถึงความเป็นตัวตนของเรา เรียกได้ว่าเป็นแนวคิดที่แตกต่างจาก Notebook รุ่นอื่นๆ อย่างชัดเจน เป็นการให้ความสำคัญกับคนรุ่นใหม่สุดๆ ที่มีความคิดสร้างสรรค์ที่มากมาย นับได้ว่าเป็นดีไซน์ที่ไม่ซ้ำใครมาก่อน ซึ่งให้ความพิเศษกว่าโน๊ตบุ๊คทุกๆ รุ่น เรียกได้ว่าเน้นตั้งใจตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ อย่างนักเรียน นักศึกษา คนทำงาน โดยเฉพาะ
จัดเต็มส่วนของสติ๊กเกอร์ฟีเจอร์ต่างๆ ทั้งส่วนของ Intel และ ASUS และอย่างที่บอกไปแล้วว่าเป็นอลูมิเนียมและพลาสติกเกรดดีผสมผสานกัน โดยเฉพาะส่วนของส่วนของฝาหน้าจอที่เป็นอะลูมิเนียมอัลลอยที่ดูแข็งแรงและสวยงามพร้อมความเรียบง่าย แน่นอนว่ามีโลโก้ ASUS VivoBook อย่างโดดเด่น ซึ่งชิ้นส่วนด้านล่างก็จะเป็นอลูนิเมียม ทำให้แม้ตัวเครื่องน้ำหนักที่เบากว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปแต่ก็แข็งแรงทนทานเช่นกัน ส่วนตัวเครื่องด้านในก็เป็นอลูมิเนียมเช่นเดียวกันแต่สีสันต่างออกไป มีการนำเสนอพื้นผิวแบบเรียบเนียนสัมผัสดี
สำหรับช่องระบายความร้อนถูกซ่อนอยู่ใต้หน้าจอบริเวณบานพับ โดยเป็นการใช้งานพัดลมระบาย 1 ตัว ช่วยนำพาความร้อนชิปประมวลผลและการ์ดจอ ซึ่งการใช้งานโดยรวมถือว่าเอาอยู่ ที่มีช่องดูดลมเย็นด้านล่างตัวเครื่องทำหน้าที่ร่วมกันเป็นอย่างดี ทำให้สเปกแรงแบบนี้ก็ยังถ่ายเทความร้อนได้อย่างรวดเร็วน่าประทับใจ ทำให้ไม่รบกวนการทำงานของเราขณะใช้งาน และออกแบบให้ซ่อนตัวเอาไว้ด้านหลังติดกับกรอบอะลูมิเนียมของจอ ถึงพับจอก็แทบไม่เห็นช่องระบายความร้อนเลย นับได้ว่า ASUS VivoBook 14 S413 เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ ที่มีสเปกที่ดี แรง คุ้ม ที่คาดว่าราคาไม่แพง แต่ ASUS ใส่ใจในการออกแบบทุกรายละเอียดจริงๆ ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่จริงๆ
Keyboard / Touchpad
ในส่วนของคีย์บอร์ด ASUS VivoBook 14 S413 ติดตั้งคีย์บอร์ดเป็นปุ่มพลาสติกสีเดียวกับตัวเครื่องสกรีนตัวอักษรสีเทา มีการออกแบบมาให้ปุ่มมีขนาดใหญ่พอดีกับนิ้วมือตัดขอบมน ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น พร้อมไฟส่องสว่างสีขาวทำให้เราใช้งานในที่แสงน้อยหรือมืดๆ ได้ดีกว่าไม่มี ในส่วนการสัมผัสให้การสัมผัสที่นุ่มกำลังดี การตอบสนองทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วกันและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด ปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่มุมบนขวากลืนไปกับคีย์บอร์ด ส่วนปุ่ม Fn ที่เป็นทางลัดต่างๆ ติดตั้งอยู่ชุดคีย์บอร์ดแถวบนเป็นมาตรฐาน ใช้งานได้สะดวก
ตัวทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ดีไซน์ขอบสีเงินออกมาแบบไม่มีปุ่มแยกเป็นชิ้นเดียวทั้งคลิกซ้ายคลิกขวา ซึ่งขอบรอบๆ มีการเล่นสีสันเป็นสีมันวาวสะดุดตา พร้อมตัวทชแพดเองจะมีสีเข้มกว่าตัวเครื่องด้วย การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ตัวซอฟต์แวร์ที่ให้มาสามารถควบคุมจัดการได้ดี ใช้งานแบบมัลติทัชร่วมกับ Windows 10 ได้ลื่นไหลพอสมควร
Screen / Speaker
ASUS VivoBook 14 S413 ได้ติดตั้งหน้าจอด้านขนาด 14″ มีขอบที่บางมาก ตามสไตล์ NanoEdge โดยให้พื้นที่หน้าจอถึง 86% ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD พาเนล IPS คุณภาพดีมุมมองกว้าง สีสันสดใส ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีทีเดียว แต่ถ้ามองมุมขึ้นลงหรือซ้ายขวาก็จะเห็นถึงความต่าง ให้ประสบการณ์การใช้งานที่น่าประทับใจมากเมื่อเทียบกับราคาที่จ่าย เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คจอ 14″ ที่ให้สีจอที่ดีทีเดียว แน่นอนว่าแม้จะขอบจอบางแต่ก็ยังติดตั้ง Webcam พร้อมไมโครโฟนไว้ตำแหน่งด้านบนอยู่
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ ASUS VivoBook 14 S413 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS ทางทีมงานเลยถือโอกาสทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 60% และ AdobeRGB ที่ 45% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันอยู่ในระดับมาตรฐานในช่วงราคานี้
อาจจะไม่เหมาะกับผู้ที่ใช้งานด้านตกแต่งภาพ หรือทำ Art Work ที่ต้องการความเที่ยงตรงของสีเป็นหลัก แต่ถ้าเป็นงานที่ไม่จริงจังมากก็พอได้อยู่ ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้อยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดีเลยทีเดียว เอาไปทำงานข้างนอกสบายๆ
ตัวลำโพงเป็นแบบสเตอริโอเลือกใช้แบรนด์ Harman Kardon ให้เสียงที่ดีกว่าลำโพงทั่วไป มีทั้งเสียงเบสที่มีน้ำหนักบางๆ ไม่ใช่ใส่แต่เสียงกลาง เสียงแหลมออกมาอย่างเดียว โดยตัวลำโพงจะอยู่บริเวณใต้ตัวเครื่องซ้ายและขวาลักษณะยิงลงพื้น ทำให้เสียงที่ค่อนข้างดังพอสมควร แยกรายละเอียดได้ซ้ายขวาได้ดี โดยรวมถือในส่วนของลำโพงถือว่าทำออกได้ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป ทั้งในคุณภาพเสียงที่ได้และเสียงดังฟังชัดเพียงพอจะออกไปในนอกสถานที่ได้ ส่วนใครจะเอาไปต่อกับหูฟังหรือลำโพงเพิ่ม ก็สามารถทำได้หากว่าต้องการคุณภาพเสียงที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก
Connector / Thin And Weight
ASUS VivoBook 14 S413ในเรื่องพอร์ตเชื่อมต่อก็ถือว่ามีความครบครัน ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต USB 3.2 Type-A จำนวนหนึ่งพอร์ต (น่าจะให้มาสักสอง) ไว้สำหรับการเชื่อมต่อกับแฟลชไดร์ฟหรือฮาร์ดดิสก์ภายนอกไว้ถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็ว พอร์ต USB 2.0 Type-A อีกสองพอร์ตที่ไว้เชื่อมต่อกับเมาส์หรืออุปกรณ์อื่นๆ และมีพอร์ต USB 3.2 Type-C มาให้อีกหนึ่งพอร์ต ทางด้านพอร์ทการเชื่อมต่อหน้าจอก็จะมีพอร์ท HDMI มาให้ รูเชื่อมต่อหูฟังเป็นแบบ Combo ไมค์และหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ส่วนช่องอ่าน microSD Card จะอยู่ด้านขวามือตัวเครื่อง แต่หากใครที่ต้องการใช้พอร์ท Lan คงต้องหาซื้ออแดปเตอร์แปลง USB to Lan เอาเอง
ขนาดของโน๊ตบุ๊คตัวนี้ถือว่ามีมิติที่ค่อนข้างเล็กและบางเบา น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 1.8 กิโลกรัม และตัวอแดปเตอร์ที่ชาร์จเองก็มีขนาดเล็ก กะทัดรัดซึ่งเมื่อรวมเข้าไปด้วยกันแล้วน่าจะมีหนักราวๆ 2 กิโลกรัม ถือว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลย
Inside / Upgrade
ถ้าใครต้องการจะแกะทั้งฝาล่างทั้งหมดของ ASUS VivoBook 14 S413 เพื่ออัพเกรดหรือทำความสะอาดก็สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ไขน็อตทั้งหมด หลังจากนั้นก็ค่อยๆ แงะแกะทีละส่วนขึ้นอย่างช้าๆ เพียงเท่านี้ก็จะแกะฝาล่างได้ไม่ยากเย็น ส่วนประกอบภายในอื่นๆ ที่มีงานประกอบเรียบร้อยดี ระบบระบายความร้อนเป็นพัดลม 1 ตัว ฮีตไปป์ 1 เส้น พร้อมช่องระบายความร้อน 1 ช่อง ซึ่งดูแล้วอาจจะธรรมดา แต่คาดว่าน่าจะเป็นเพราะชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 เทคโนโลยีการผลิต 10 นาโนเมตรที่ร้อนน้อยแต่แรงลื่นอยู่แล้ว
เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นการติดตั้งแรมฝังบอร์ดมาแล้วขนาด 8GB แบบฝั่งบอร์ด มาตรฐาน DDR4 Bus 2400MHz ที่ไม่รองรับการอัพเกรดเพิ่มแต่อย่างใด รวมไปถึงเราเห็น SSD แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่นอกจากนั้นยังมีอีก 1 สล็อตเพื่อรองรับการอัพเกรดเพิ่มด้วย กรณีที่ต้องการความจุเพิ่มเพื่อเก็บข้อมูลในอนาคต สเปกทั้งหมดนี้ให้การใช้งานเป็นไปอย่างลื่นไหลไร้คอขวด ปิดท้ายด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่มีความจุ 4200mAh แน่นอนว่าเป็นส่วนให้ ASUS VivoBook 14 S413 ใช้แบตเตอรี่ได้ต่อเนื่องยาวนานด้วย
Performance / Software
เครื่องที่เรานำมารีวิวใช้ชิปประมวลผลด้วยโปรแกรม CPU-Z ก็พบว่าข้อมูลขึ้นมาครบถ้วนเลยครับ โดย ASUS VivoBook 14 S413 เลือกใช้ชิป Intel Core i5-1135G7 ที่มี 4 คอร์ 8 เธรดสำหรับการประมวลผล ความเร็วที่ 0.80 – 4.70 GHz และ Intel Core i7-1165G7 ที่มี 4 คอร์ 8 เธรดสำหรับการประมวลผล ความเร็วที่ 1.20 – 4.70 GHz
โดยมีค่า TDP ในการปลดปล่อยความร้อนสูงสุดแค่ 12W – 28W เท่านั้น ซึ่งจัดว่าต่ำมากสำหรับชิป Core i7 ในโน๊ตบุ๊ค ทำให้ตัวเครื่องโดยรวมไม่ร้อนจนเกินไป ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากการใช้สถาปัตยกรรมการผลิตที่ระดับ 10 นาโนเมตร อย่าง Tiger Lake เทคโนโลยีสุดล้ำ SuperFin Willow Cove
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel Iris Xe ติดตั้งมาในทั้ง Core i5-1135G7 และ Core i7-1165G7 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับที่ก้าวกระโดดกว่ารุ่นก่อนๆ อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นหรือระดับสูง
รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงอย่าง 4K / 8K ได้แบบไม่มีปัญหา เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มพลังการสร้างสรรค์คอนเทนต์ มองหาความบันเทิง หรือการเล่นเกมเปี่ยมอรรถรส ประสิทธิภาพที่เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับการ์ดจอแยกเลยทีเดียว ซึ่งสามารถเล่นเกม 3 มิติ พอได้บ้าง เดี๋ยวไปดูผลทดสอบกันอีกที
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ ASUS VivoBook 14 S413 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายรุ่น ที่ความจุ 4200 mAh โดยสามารถทำงานต่อเนื่องยาวนานได้เกือบๆ 10 ชั่วโมงต่อเนื่อง ในการปรับเป็น Power Saver Mode ใช้งานเล่นอินเตอร์เน็ตดู Youtube และคาดว่าจะระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่จะเปลี่ยนแปลงตามการใช้งานของแต่ละคน
โดยอาจจะขึ้นอยู่กับหลายๆ ตัวแปร ซึ่งจากผลการทดสอบนับได่ว่าทำได้ดีมากๆ เพราะไม่ใช่แค่แรง แต่ประหยัดพลังงานด้วย อย่างไรก็ตามปัจจัยในการใช้งานจริงอาจจะขึ้นอยู่กับหลายๆ กรณี อย่างเช่นสภาพแวดล้อมหรือลักษณะการใช้งานด้วย มาพร้อมเทคโนโลยี Fast charging ที่ให้แบตเตอรี่เต็ม 60% ได้ใน 49 นาที
ทางด้านอุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 40 – 50 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่ด้วยการเล่นเกมยาวๆ ทั้ง DOTA 2 / Overwatchจะเห็นว่า CPU จะร้อนที่สุดที่ระดับ 99 – 100 องศาเซลเซียส สำหรับ Core i7 และ Core i5 จะร้อนน้อยกว่าอยู่ที่ 81 – 89 องศาเซลเซียส นับว่าเรื่องระบบระบายความร้อนของ ASUS VivoBook 14 S413 เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีประมาณนึง
ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนจาก ASUS ที่ออกแบบมาค่อนข้างดีด้วยพัดลมเพียง 1 ตัว รวมไปถึงชิปประมวลผลจาก Intel ก็ควบคุมความร้อนได้ดีไม่ให้ความร้อนมีอุณหภูมิสูงจนเกินไป ทำให้การใช้งานจริงยาวนานต่อเนื่องแทบไม่ได้สัมผัสถึงความร้อนเลย
Conclusion / Award
เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจจริงๆ สำหรับโน๊ตบุ๊คอีกหนึ่งรุ่นที่ทุกๆ คนให้ความสนใจอย่าง ASUS VivoBook 14 S413 ปี 2020 ที่ต่อยอดความสำเร็จตระกูล VivoBook S รุ่นปีก่อน ที่พร้อมอัพเดทเป็นสเปก Core i Gen 11 ที่จากรุ่นก่อนเป็นสถาปัตยกรรม Ice Lake ขยับเป็น Tiger Lake ที่จะมาพร้อมกับการ์ดจอ Intel Iris Xe ออกแบบมาเพื่อ Notebook ในรุ่นบางเบา ซึ่งตอบสนองอย่างยิ่งกับการสร้างคอนเทนต์ โดยสามารถเพิ่มความเร็วในด้านการทำงานออฟฟิศได้กว่า 20% พร้อมความสามารถในการเล่นและสตรีมเกมที่ไวขึ้นกว่าเดิมถึง 2 เท่า ให้ประสบการณ์ใช้งานได้เป็นอย่างดี ซึ่งถ้ามีโอกาสเราได้ทดสอบเครื่องจริงจะมาอัพเดทกันอีกที อันนี้พอดูเป็นข้อมูลเบื้องต้นไปก่อน
อย่างไรก็ตาม ASUS VivoBook 14 S413 มาพร้อมความสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ รวมไปถึงสเปคประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งาน ที่สำคัญ ASUS VivoBook 14 S413 มีให้เลือกถึง 4 สีด้วยกัน พร้อมปุ่ม Enter key ไฮไลท์สีเหลือง ซึ่งมีความสวยงามลงตัว แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ชัดเจน ซึ่งราคาขายจริงนับว่าไม่แพงและคุ้มค่ามากๆ จากการที่โมเดลนี้เน้นการใช้งานที่ประสิทธิภาพต่อราคาคุ้มค่า สำหรับนักเรียนนักศึกษาคนทำงานอยู่แล้ว ต่างจาก ZenBook หลายๆ รุ่นที่จะติดตั้ง Intel Core i Gen 11 ซึ่งนั่นจะเน้นความบางเบาและฟีเจอร์แบบแน่นๆ ด้วย
ซึ่งเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้ ไม่ว่าจะเป็น ความเบา งานประกอบ วัสดุ สเปก และฟีเจอร์อื่นๆ สนนราคาเริ่มต้นเพียง 15,990 – 26,990 บาทเท่านั้น ในการใช้งานทั่วไปอย่างเล่นเน็ต ดูหนังฟังเพลง ทำงานเอกสาร หรือจะนำไปใช้งานระดับมืออาชีพก็รองรับแบบไร้กังวล โดยเมื่อเทียบกับหลายๆ แบรนด์โน๊ตบุ๊คในรุ่นที่ใกล้เคียงกันนับว่าคุ้มค่ามากๆ เหมาะที่สุดสำหรับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คบางเบาดีไซน์สวย ประสิทธิภาพสูง ช่วงงบประมาณ 20,000 – 30,000 บาท กับการได้ Windows 10 และโปรแกรม Microsoft Office : Word / Excel / Power Point ไปใช้ทันทีฟรีๆ อีกด้วย
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง ASUS VivoBook 14 S413 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ ASUS VivoBook 14 S413 สเปก Core i Gen 11 ในเรื่องของดีไซน์การออกแบบมที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงมีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว ด้วยการที่ตัวเครื่องมีความบางและน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ ที่เชื่อได้เลยว่าทาง ASUS ได้ใส่ใจในส่วนของรายละเอียดนี้เป็นอย่างมาก ประกอบกับวัสดุหลักในการผลิตยังใช้เป็นอลูมิเนียมที่ให้ในเรื่องของความแข็งแรงทนทาน และยังบ่องบอกได้ถึงความสวยงามหรูหราอีกด้วย ฉะนั้นในเรื่องของรางวัล Best Design ทำให้ได้ไปอย่างไม่ยากเย็น
Best Value
ถึงแม้ ASUS VivoBook 14 S413 สเปก Core i Gen 11 จะไม่ใช่โน๊ตบุ๊คที่มีสเปคที่ดีที่สุดในแง่ของการเล่นเกม แต่ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาที่คุ้มค่าที่สุดรุ่นหนึ่ง ด้วยราคาขาย 15,990 – 26,990 บาท ถูกกว่ารุ่นก่อน ที่มาพร้อมสเปกใหม่อย่าง Core i3 / Core i5 / Core i7 Gen 11 Tiger Lake รวมถึงมีแรม 4GB – 8GB DDR4 และฮาร์ดดิสก์แบบ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB พร้อมดีไซน์แบบฉบับโน๊ตบุ๊คบางเบา เหมาะกับการใช้งานทั่วไปหรือมืออาชีพ เน้นพกพาแบบสุดๆ เรียกได้ว่าหาได้ยากสำหรับโน๊ตบุ๊คแบบนี้ ที่สำคัญประกันยังมีระยะสูงสุดถึง 2 ปี พร้อมด้วย Windows 10 และ Pre-installed Office Home and Student 2019 เราจึงมอบรางวัล Best Value ไปให้เลย
Best Mobility
สำหรับ ASUS VivoBook 14 S413 สเปก Core i Gen 11 ที่มีความบางเพียง 17.9 มิลลิเมตร และมีความหนักเพียง 1.4 กิโลกรัม นั้น จัดได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีน้ำหนักเบามากๆ รวมไปถึงตัวเครื่องก็ยังแข็งแรงทนทานจากวัสดุแมกนีเซียม-อะลูมิเนียม แน่นอนว่าจะไม่เป็นภาระในการนำออกไปใช้งานนอกสถานที่ และความบางของตัวเครื่องก็ยังมีความบางเฉียบ เหนือกว่าโน๊ตบุ๊คในกลุ่มขนาดหน้าจอ 14″ ด้วยกันในหลายๆ ตัว และสำหรับระยะเวลาในการใช้งานแบตเตอรี่ก็ถือได้ว่ามีความน่าประทับใจที่สูงสุด 10 ชั่วโมง จึงได้รางวัลไปอย่างสมบูรณ์แบบ