สำหรับคอเกมที่จะเลือกจอมอนิเตอร์มาเล่นเกม ในงบประมาณที่จำกัด ก็น่าจะมีทางเลือกอยู่ 2 รูปแบบคือ จอ 2K หรือ 4K ความละเอียดสูง กับจอที่มีรีเฟรชเรตสูง 144Hz, 165Hz หรือ 240Hz เป็นต้น ซึ่งทั้ง 2 แบบให้ภาพที่ต่างกันไป เพราะถ้าจะเลือกจอที่มีทั้ง Resolution ที่สูงและ Refresh rate สูงด้วย ราคาก็จะดีดตัวสูงขึ้นไปหลายเท่าจากแบบที่ต้องการ
Philips 275E1S/67 เป็นจอเกมมิ่ง E Line ที่ให้ความสวยงามของภาพ เพื่อตอบสนองต่อเหล่าเกมเมอร์ ที่อยากเล่นเกมบนความละเอียดที่เหนือกว่า Full-HD แต่เป็น QHD บนความละเอียด 2K ด้วยพาแนล IPS ที่ไม่เพียงแค่ความบันเทิงในการเล่นเกมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการใช้งานร่วมกับบรรดาซอฟต์แวร์ต่างๆ ให้มุมมองที่กว้าง ที่มีประโยชน์ในวาระต่างๆ เช่น การดูหนัง หรือการตกแต่งภาพในแต่ละวัน กับโทนสีที่อิ่มและใกล้เคียงกับความเป็นจริง รองรับ AMD FreeSync ในการลดอาการภาพขาดหรือการแสดงผลผิดพลาด ขณะที่เล่น และอัตราตอบสนองระดับ 4ms นอกจากนี้คอเกม ยังใช้งานได้ง่ายขึ้น ด้วยโหมดเกมในแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น FPS, RTS หรือ Racing ที่มีให้ใช้งาน หรือจะเลือกปรับเองในโหมด User ก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีโหมดถนอมสายตา เอาไว้ให้คนที่ต้องอยู่หน้าจอเป็นเวลานานๆ กับ LowBlue ตัดแสงสีฟ้า ที่ช่วยให้ใช้งานได้นานขึ้น กับพอร์ตต่อพ่วงที่มีให้ใช้อย่างครบครัน ไม่ว่าคุณจะมีการ์ดจอที่มี Output แบบไหน ก็ใช้งานได้ พร้อมประกันแบบสบายใจ 3 ปี แบบ On Site Service
Specification: Philips 275E1S/67 จอ 2K
- LCD panel type: IPS technology
- AMD FreeSync™ technology: Yes
- Backlight type: W-LED system
- Panel Size: 27 inch/68.6 cm
- Display Screen Coating: Anti-Glare, 3H, Haze 25%
- Effective viewing area: 596.7 (H) x 335.7 (V)
- Aspect ratio: 16:9
- Maximum resolution: 2560 x 1440 @ 75 Hz*
- Pixel Density: 109 PPI
- Response time (typical): 4 ms (Grey to Grey)*
- Brightness: 250 cd/m²
- Contrast ratio (typical): 1000:1
- SmartContrast: Mega Infinity DCR
- Pixel pitch: 0.233 x 0.233 mm
- Viewing angle: 178º (H)/178º (V) @ C/R > 10
- Flicker-free: Yes
- Picture enhancement: SmartImage game
- Colour gamut (typical): NTSC 93%, sRGB 104%
- Display colours: 16.7 M
- Scanning Frequency: 54 – 84 kHz (H) / 49 – 75 Hz (V)
- LowBlue Mode: Yes
- sRGBL: Yes
- Signal Input: VGA (Analogue), HDMI (digital, HDCP), DisplayPort x 1
- Sync Input: Separate Sync, Sync on Green
- Audio (In/Out): Audio out
- Tilt: -5/20 degree
- Dimension: Product with stand (mm) 613 x 461 x 195 mm, 3.99 kg
ดีไซน์และฟังก์ชั่น
แพ็คเกจมาในสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Philips monitor กับโทนสีขาว ตัดกับตัวอักษรสีฟ้า พร้อมรายละเอียดพื้นฐาน ระบุว่าเป็น E line จอ 2K ความละเอียด QHD 2560 x 1440 pixels และมุมมองกว้าง มีฟีเจอร์ SmartImage Game และเหมาะสำหรับการเล่นเกม
ในการประกอบติดตั้งค่อนข้างง่าย เพราะมีชิ้นส่วนไม่มาก แค่นำส่วนที่เป็นขา มาต่อเข้ากับฐานสี่เหลี่ยม จากนั้นหมุนตัวล็อคให้แน่น ก็พร้อมใช้งานแล้ว เรื่องของขนาด ว่ากันที่ความยาวของหน้าจอ อยู่ที่ประมาณ 61cm เรียกว่าใช้พื้นที่โต๊ะทำงานทั่วไปประมาณครึ่งหนึ่ง (ความยาวโต๊ะ 120cm)
มุมด้านขวาล่าง จะเป็นจุดสำหรับปรับแต่ง OSD settings ซึ่งเชื่อว่าหลายคนน่าจะชอบ เพราะสามารถมองเห็นสัญลักษณ์ในการปรับแต่งได้ง่ายขึ้น ซึ่งทาง Philips นำรูปแบบนี้มาใช้ในเกือบทุกรุ่น ส่วนตัวมองว่าค่อนข้างเป็นกันเอง เข้าใจง่าย ส่วนในการปรับแต่งสามารถเลื่อนลงไปดูในรายละเอียดด้านล่างในส่วนของ OSD settings กันได้เลย
ขอบจอนั้นบางจนแทบจะเรียกว่าไร้ขอบ ซึ่งจะให้พื้นที่ในการใช้งานแบบเต็มที่ และใครที่ชื่นชอบการใช้งานมัลติมอนิเตอร์ หลายๆ จอต่อกัน น่าจะได้ประโยชน์จากจุดนี้เพิ่มขึ้น รอยต่อน้อยลง
ขอบจอด้านล่างความหนาประมาณ 2cm เท่านั้น พร้อมโลโก้ Philips อยู่ตรงกลาง ในเรื่องของดีไซน์นั้นอาจบอกได้ว่า ถูกใจคนที่ชอบความเรียบง่าย ไม่เน้นเส้นสายนำสายตาหรือสีสันที่หวือหวา ซึ่งจะไม่แย่งซีนคอมเกมมิ่งของคุณอย่างแน่นอน
พื้นที่ของฐานจอ กว้าง x ยาว ประมาณ 22cm x 20cm จุดสังเกตคือความแน่นหนา แม้ว่าจะเป็นขาตั้งเดี่ยวบนฐาน แต่ด้วยความกว้างของฐาน ก็ทำให้เกาะยึดกับโต๊ะได้ดี อาจจะมีแกว่างนิดหน่อย หากกระแทกโต๊ะแรงๆ แต่ก็เป็นเรื่องปกติที่เจอกันทั่วไป
ด้านหลังจอมาในโทนสีดำเช่นกัน พร้อมลายปัดเสี้ยน เป็นพลาสติกหนาแข็งแรง ตรงกลางมี VESA Mount 100 x 100mm มาด้วย
ขาตั้งวางค่อนมาทางด้านหลัง เพื่อให้สมดุลในการใช้งาน เมื่อต้องปรับมุม Tilt ของหน้าจอ อย่างไรก็ดีด้วยน้ำหนักที่ค่อนข้างน้อย และบอดี้ที่บางเฉียบ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดวางมากนัก
พอร์ตแสดงผลของจอ Philips รุ่นนี้ ประกอบด้วย HDMI, DisplayPort และ D-Sub (VGA) รวมถึง Audio-out ในการต่อสัญญาณเสียงออกไปยังลำโพงแยกได้
บอดี้ด้านหลังที่ดูเงางามและกลมกลืนไปด้วยกัน ทำให้น่าใช้มากขึ้น ซึ่งเข้ากันได้ทั้งการใช้งานในบ้านและสำนักงาน
มุม Tilt ที่เป็นเพียงสิ่งเดียวในการปรับใช้ของจอรุ่นนี้ โดยก้มได้เล็กน้อย และผลักหน้าจอให้เงยขึ้นได้ประมาณ 20 องศา ซึ่งเหมาะกับการใช้งานบนโต๊ะมาตรฐานที่ใช้กันอยู่ทั่วไป แต่ถ้าใครใช้โต๊ะสัดส่วนที่เปลี่ยนไปจากนี้ อาจจะต้องลองขยับดูให้เหมาะสม
ด้านใต้เป็นจุดสำหรับการปรับแต่ง OSD ในการเลือกใช้โหมดต่างๆ บนหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ แสง ความสว่าง โหมดการเล่นเกม Gamma หรือฟีเจอร์อื่นๆ ที่ช่วยให้เหมาะกับการเล่นเกม แม้ว่าจะเป็นปุ่มด้านใต้ แต่ Philips ก็ใส่สัญลักษณ์มาบนเป็นสกรีนบนตัวจอ ทำให้ใช้ง่ายขึ้น
OSD settings
ในส่วนของ OSD ปุ่มชุดแรกที่เป็นตัวหลักในการปรับแต่งสำหรับเกมเมอร์ก็คือ SmartImage ที่มีโพรไฟล์ให้กับการเล่นเกมแต่ละแบบ เช่น FPS, Racing, RTS และเลือกปรับตามใจชอบ Gamer 1, Gamer 2 ซึ่งในโหมดเหล่านี้ จะให้ค่าการทำงานที่ต่างไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสี White Balance, Gamma และอื่นๆ
ส่วนในการตั้งค่าพื้นฐานจะมีให้เลือกใช้ตั้งแต่โหมดถนอมสายตา LowBlue ที่ลดแสงสีฟ้า สำหรับคนที่ท่องเน็ตหรือใช้งานเอกสารนานๆ จะลดความเมื่อยล้าสายตาได้ดี
ส่วนของ Input มีให้เลือก 3 แบบคือ VGA, HDMI และ DisplayPort
โหมด Picture จะทำงาคล้ายกับ SmartImage เพียงแต่เป็นแบบ Manual คือผู้ใช้สามารถกำหนดเอง โดยอาจจะใช้ค่าจากโพรไฟล์หลักที่มีให้ แล้วเอามาปรับแต่งให้ได้ตามชอบได้เช่นกัน
ฟังก์ชั่นเสียงบนลำโพงของตัวจอ ปรับเพิ่ม-ลดเสียง และ Mute ปิดเสียงได้ด้วย
หัวข้อ Color จะเป็นการปรับอุณหภูมิสี ในการใช้งานแต่ละประเภท มีด้วยกัน 6 ระดับและตั้งแบบ Native ตามการใช้งาน
นอกจากนี้ใครที่ขี้รำคาญเพราะ OSD settings ปิดบังหน้าจอเยอะไป ก็ทำให้จางลงได้ เวลาที่ปรับ จะได้มองเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ง่ายขึ้น เลือกที่ Transparency จะให้จางแค่ไหน ก็ตามสะดวก ซึ่งรวมถึงช่วงเวลาที่จะให้ OSD ค้างบนหน้าจอ
มุมมอง ซ้าย-ขวา
แทบไม่ต้องแปลกใจกับความคมชัดในมุมมองด้านข้างของจอ Philips รุ่นนี้ ด้วยความเป็นพาแนล IPS ก็ให้มิติการมองที่กว้างดีแล้ว และยังมี Coating ลดแสงสะท้อน จากภาพลองใช้แสงไฟจากสตูดิโอ หันมาทางหน้าจอ ก็มีเพียงแสงจางๆ แทบไม่ส่งผลต่อการใช้งานเลยทีเดียว มุมมองทั้งด้านซ้ายและขวา ยังคงชัดเจน ภาพสีไม่ผิดเพี้ยนไป
ดังนั้นกับการใช้งานในที่ที่แสงรบกวนน้อย จึงสบายตา มองเห็นภาพได้อย่างชัดเจน ที่เหลือก็เป็นการปรับค่า Brightness, Contrast และ Color temp. กันต่อไปตามใจชอบ
ทดสอบการใช้งาน
ด้วยหน้าจอที่ใหญ่ระดับ 27″ และความละเอียดระดับสูง จอ 2K จึงอดไม่ได้กับการลองใช้งานในแบบมัลติทาส์กกิ้ง ด้วยการเปิดหลายๆ หน้าต่างโปรแกรม แล้ว Split หน้าจอด้วย Windows 10 จากนั้นลองเล่นแบบ 4 หน้าต่างพร้อมกัน แบ่งเป็น Web Browser และดาวน์โหลดเกมบน Steam รวมถึง Notepad แต่ละหน้าจอใช้งานได้จริง สะดวกดีทีเดียว เพราะมีพื้นที่กว้างมากขึ้น ตัวฟอนต์สามารถปรับเล็กใหญ่ให้เหมาะสมในแต่ละหน้าต่างได้ อีกทั้งนำไปประยุกต์ใช้กับการทำงานอื่นๆ ได้อีกมากมาย เช่น ดูหนังไปด้วย เช็คหุ้นไปในตัว หรือจะ Remark และแก้ไข เปรียบเทียบเอกสารบน Word, Excel ก็ได้
การเล่นเกม
ตามที่ได้กล่าวไปในตอนต้น คือโหมดการปรับแต่งใน SmartImage มีให้เลือกมากมาย โดยคุณสามารถดูตัวอย่างจากแสงและสีในการเปรียบเทียบแต่ละโหมดต่างๆ เหล่านี้ได้
ตัวอย่างการเล่นเกม PUBG บนความละเอียดระดับจอ 2K ปรับค่ารายละเอียด Ultra ด้วยการทดสอบบน Intel Core i5-10600K และ RTX 2070 SUPER
ปรับโหมดภาพเป็น FPS สีสันค่อนข้างจัดจ้านดีทีเดียว เรื่องรายละเอียด ก็ชัดเจนมากขึ้น ดูจากตัวอักษรบนป้าย มีความคมและสวยงาม แต่ในส่วนของโทนสีที่ค่อนข้างมืด อาจจะลองปรับ
ถ้าโทนของสีแสงในภาพดูขัดหูขัดตา ลองปรับในส่วนของ Gamma ก็ทำให้ดูสว่างมากขึ้น ลดโทนดำลง และเพิ่มสีเข้าไป ทำให้เกมดูน่าสนใจมากขึ้น นี่คืออีกสิ่งที่น่าสนใจบนจอ Philips รุ่นนี้
แต่ถ้าคุณปรับ Brightness มากไปจนสว่าง สิ่งที่ได้คือภาพอาจจะจาง สีสันลดลง แต่ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล ความสว่างอาจทำให้เห็นศัตรูได้ง่าย แต่บางครั้งก็ทำให้การโฟกัสลดลง เพราะมองเห็นการเคลื่อนไหวได้น้อยกว่า
ถัดมาเป็นเกม GTAV ภาพในเกมนี้ บอกได้เลยว่าจอใหญ่ยิ่งดี และได้จอคุณภาพดี ปรับแสงสีชัด ยิ่งสนุกไปใหญ่ การเคลื่อนไหวในฉากต่างๆ เพิ่มความเร้าใจได้มากยิ่งขึ้น การเลือก Image ในแบบ FPS ยังคงตอบโจทย์การใช้งานในเกมนี้ได้ดี
เกม Horizon Zero Dawn
การชมวีดีโอ น่าจะเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของจอรุ่นนี้ ที่จะเพิ่มอรรถรสในการชมให้กับคุณได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะคอนเทนต์ความละเอียดสูงระดับ Full-HD และ 4K ที่ให้ภาพได้อย่างต่อเนื่องและสีสันสดใส จากภาพที่ได้นี้ ใช้การซูมจากกล้อง ที่ยังคงคุณภาพในการรับชมได้ดี แม้ว่าจะเป็นจอระดับ 60Hz แต่ด้วยเทคโนโลยี Flicker-Free ก็มีส่วนช่วยให้ภาพที่ได้เมื่อรับชมด้วยสายตาของคุณ จะใสและเรียบเนียนยิ่งขึ้น
ในด้านของการดูภาพและปรับแต่ง สำหรับจอรุ่นนี้มาพร้อม sRGB 104% ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่น่าสนใจ โดยเฉพาะคนที่ต้องการหน้าจอสำหรับเริ่มต้นกับงานตัดต่อหรือแต่งภาพ ที่จะให้ความแม่นยำของสี เพื่อให้ได้คุณภาพงานที่ดี เรื่องของความสดใสของภาพ ก็สามารถปรับแต่งได้ ด้วยฟีเจอร์ของ SmartContrast และการปรับแต่งของคุณ ก็จะทำให้ภาพที่ได้นั้นมีความสดใสคมชัดยิ่งขึ้น
ทำงานอ่านข้อมูล Text และการท่องเน็ต
จอใหญ่สายเกมมิ่งแบบนี้ ความละเอียดระดับ จอ 2K ยิ่งเหมาะกับการใช้งานเอกสารหรือการท่องเว็บได้ดีไม่น้อย นอกจากจะได้พื้นที่ขนาดใหญ่ดูสบายตา แบ่งได้หลายหน้าต่าง ใช้งานพร้อมๆ กันได้ดีแล้ว ความคมชัดของตัวอักษรและภาพ ยิ่งช่วยให้การดูรายละเอียดสบายตามากขึ้น จากการทดสอบด้วยการอ่าน Text และ scroll mouse ดูข้อมูลจากเว็บไซต์ ทำได้ไหลลื่น ตัวอักษรมีความคมชัด ภาพไม่ขาดหายหรือสะดุดในการอ่าน ฟอนต์สวยงาม ที่สำคัญเปิดฟีเจอร์ LowBlue แก้ไขไฟล์ Word, Excel นั่งดูกันได้ยาวๆ ได้เลย
การใช้งานตัดต่อวีดีโอ
แทบไม่ต้องพูดกันเยอะ สำหรับโหมดการทำงานด้านวีดีโอในส่วนนี้ เพราะถ้าว่ากันตั้งแต่คุณภาพของพาแนล IPS ก็ถือว่าจัดเจนในเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว ยิ่งค่าสีระดับ sRGB 108% ก็ยิ่งตอกย้ำความมั่นใจให้กับคนที่เริ่มต้นกับงานตัดวีดีโอหรือแต่งภาพ ที่จะได้คุณภาพในงานนี้มากขึ้น แต่หากจะนำไปใช้อย่างจริงจัง ก็คงต้องอาศัยการ Calibrate เพื่อให้เข้ากับงานของคุณ จอ 2K ก็ให้พื้นที่ในการทำงานก็สำคัญไม่แพ้กัน ด้วยขนาดที่ใหญ่กว่า 24″ อยู่พอสมควร จึงได้พื้นที่ในการจัดวาง Tool ต่างๆ รวมถึงการพรีวิวภาพได้กว้างขึ้น ก็นับเป็นเป็นประโยชน์ต่อเนื่อง ที่ได้มากกว่าการเล่นเกม ดังนั้นจึงดูคุ้มค่ามากขึ้น สำหรับสาย VLOG, Youtuber หรือสตรีมเมอร์อีกด้วย
Conclusion
สำหรับ Philips 275E1S/67 รุ่นนี้ จะบอกว่าเป็นจอเกมมิ่งจ๋าๆ เลย ก็อาจจะได้ไม่เต็มปาก เพราะจะมีบางท่านค้านว่ารีเฟรชเรตไม่ได้สูง แต่โดยส่วนตัวมองได้ใน 2 รูปแบบคือ เหมาะกับคนที่เน้นสวย และสามารถจัดการกับระบบที่ตัวเองมีให้เล่นเกมในเฟรมเรตคงเส้นคงว่า ไม่น้อยกว่า 50-60fps ก็ทำให้ภาพที่ได้มีความลื่นไหล กับความละเอียดระดับ 2K ซึ่งบางครั้งอาจจะดูแล้วอิ่มเอมกว่า ยิ่งเมื่อมาผนวกกับความสดใสของภาพและความสว่าง ความชัดเจนของแสงสีที่ได้บนจอรุ่นนี้ ก็ยิ่งมั่นใจว่า ใครที่มองหาความสวยที่มากกว่า Full-HD แล้ว ไม่ควรพลาดจอรุ่นนี้ เพราะคุณจะได้รายละเอียดที่ชัดเจนขึ้น รวมถึงโหมดการเล่นบน SmartImage ที่ให้คุณเลือกปรับและเล่นสนุกไปกับเกมโปรด โดยไม่ต้องไปปรับเองให้วุ่นวายหรือจะเพิ่มก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจาก Philips จัดมาให้ค่อนข้างดีอยู่แล้ว
แล้วเมื่อดูให้ลึกลงไป หน้าจอ IPS และความแม่นยำของสี sRGB ที่ให้มา คงไม่ได้หยุดสำหรับคอเกมเพียงเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการทำงานด้านกราฟิก เช่น ตัดต่อวีดีโอและตกแต่งภาพ ทั้งช่างภาพมือใหม่ VLOG สตรีมเมอร์ ก็น่าจะได้ประโยชน์กับจอรุ่นนี้ด้วย กับพื้นที่หหน้าจอขนาด 27″ ไม่ว่าจะวางเครื่องมือได้มากขึ้น หรือการพรีวิวก็ดูชัดเจนขึ้นด้วยเช่นกัน ให้คุณจัดสรรพื้นที่ Timeline และ Preview ในการจัดการฟุตเทจต่างๆ ได้คล่องตัวมากกว่าเดิม ในภาพรวมสำหรับจอ Philips รุ่นนี้ ไม่ใช่แค่เกมเมอร์ แต่ช่วยคุณเพิ่มการสร้างสรรในการใช้งานรูปแบบต่างๆ ได้ตามใจชอบ สนนราคาถือว่าน่าสนใจ เพราะอยู่ที่หกพันกว่าบาท กับฟีเจอร์ระดับนี้ พร้อมประกันแบบสบายใจ 3 ปี แบบ On Site Service
จุดเด่น
- หน้าจอใหญ่ 27″ ให้พื้นที่ในการใช้งานได้มาก
- พาแนล IPS จอ 2K ความละเอียดสูง
- ขอบจอเล็กและบาง
- มี OSD SmartImage โหมดสำหรับเล่นเกมโดยเฉพาะ
- ให้ความสว่างได้ดี การปรับ Gamma ได้ภาพสวย ไม่เสียรายละเอียด
- ตัวอักษรคมชัด เหมาะกับการทำเอกสารและท่องเว็บ
- สีสันสวยสดใส ในการชมภาพยนตร์
ข้อสังเกต
- ต้องปรับตัวในการใช้ OSD settings เล็กน้อย
- ขาตั้งเป็นแบบฐานเดี่ยว ปรับได้แค่ก้ม-เงยเท่านั้น
- ความยาวจอ 61cm โดยประมาณ อาจใช้พื้นที่โต๊ะเยอะขึ้น
- ในโหมดเล่นเกมบน SmartImage อาจต้องปรับแต่งเพิ่มตามความต้องการ
ราคา: ประมาณ 6,590 บาท
สั่งซื้อได้ที่: