สำหรับ Lenovo ThinkBook Plus เป็นส่วนหนึ่งของ ThinkBook Series ที่เป็นรุ่นใหม่ล่าสุด คอมพิวเตอร์ซับแบรนด์จาก Lenovo สำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางที่มาพร้อมดีไซน์บางเฉียบ เพิ่มความคล่องตัวในทุกการใช้งานบนระบบปฏิบัติการ Windows 10 เติมเต็มศักยภาพการทำงานให้ธุรกิจสู่ยุคแห่งอนาคต โดย Lenovo ThinkBook 13s เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอขนาด 13.3″ ที่มีหน้าจอที่สองเป็น e-Ink ขนาด 10.8 นิ้วบนฝาเครื่อง เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานโดยเฉพาะมัลติทาสเกอร์ สามารถจดบันทึกข้อความหรือไอเดียด้วยปากกา Precision Pen ที่มากับเครื่อง รองรับทั้งการทำงานระดับมืออาชีพ รวมไปถึงความบันเทิงอย่างเต็มรูปแบบในเครื่องเดียวกัน
Lenovo ThinkBook Plus เน้นออกแบบให้ตรงต่อรูปแบบการใช้งานของธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางซึ่งให้ความสำคัญไม่เพียงเฉพาะดีไซน์ที่สวยงามทันสมัยในราคาที่เข้าถึงได้ เน้นพกพาสะดวก เบาเพียง 1.4 กิโลกรัม พร้อมทั้งมีบริการหลังการขายและการรับประกันที่ดีเยี่ยม สำหรับที่ได้รับมารีวิวเป็นสเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i5-10210U ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ลื่นไหล มาพร้อมกับแรมขนาด 8GB DDR4 และ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB พอร์ตสำหรับการชาร์จจะเป็น USB Type-C ที่รองรับกำลังไฟฟ้าสูงสุดอยู่ที่ 65 W สนนราคาเริ่มต้นเพียง 31,990 บาทเท่านั้น
VDO Review
NBS Verdict
เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจจริงๆ สำหรับโน๊ตบุ๊คอีกหนึ่งรุ่นที่ทุกๆ คนให้ความสนใจอย่าง Lenovo ThinkBook Plus ที่ต่อยอดความสำเร็จจากซี่รีส์ ThinkPad และ Ideapad ได้เป็นอย่างดี มาพร้อมความสมบูรณ์แบบพร้อมเปลี่ยนเป็นซีรีส์เป็น ThinkBook ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ รวมไปถึงสเปคประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งาน สมกับเป็น Ultrabook ระดับสูงของทาง Lenovo ที่ทุกคนต่างให้ความนิยม ที่สำคัญคือความเชื่อใจในระดับการทำงานมืออาชีพ โดยเพิ่มนวัตกรรมอย่างจอภาพแบบ e-Ink ติดเข้ามาด้านหลัง เพื่อให้สามารถแสดงผลการแจ้งเตือน ไปจนถึงการเขียน จดข้อความต่างๆได้เลยผ่านหน้าจอ e-Ink โดยไม่ต้องเปิดหน้าจอหลัก เรียกได้ว่าเป็นฟีเจอร์ที่ไม่เหมือนใครเลยทีเดียว
Lenovo ThinkBook Plus เป็นโน๊ตบุ๊คสายพกพาบางเบาอีกรุ่นที่ทำออกมาได้อย่างลงตัว ทั้งในด้านของความกะทัดรัดของตัวเครื่อง ที่มีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คยุคก่อนๆ น้ำหนักเพียง 1 กิโลกรัมนิด ๆ ขอบจอบางเฉียบที่ให้ประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งการใช้งานคีย์บอร์ดก็ยังคงยอดเยี่ยม นับได้ว่าเป็นจุดเด่นของ Lenovo ที่ทำมาได้ดีโดยตลอด ถอดแบบมาจาก ThinkPad เลยก็ว่าได้ ส่วนเรื่องดีไซน์การออกแบบที่ทันสมัยสวยงามเหมาะกับคนรุ่นใหม่ๆ ที่ถอดแบบมานาก IdeaPad ก็ทำมาได้อย่างยอดเยี่ยม สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 ที่แรงลื่นเพียงพอกับการใช้งานแน่นอน ซึ่ง Lenovo ThinkBook Plus อาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคน แต่เหมาะกับคนที่ต้องการจดบันทึกบ่อยๆ หรือดูไฟล์ PDF บ่อยๆ นั่นเอง กับราคาค่าตัวที่ไม่สูงจนเกินไป
จุดเด่น
- มีดีไซน์ที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ตามสไตล์ ThinkBook มีความหรูหรา พรีเมียม
- วัสดุทำจากอลูมิเนียมอัลลอยด์ตลอดทั้งตัวเครื่องที่มีความแข็งแรง งานประกอบดูแน่นหนา
- น้ำหนักเบา ขอบจอบาง พกพาสะดวกเหมาะสำหรับคนที่ชอบนำไปใช้งานนอกสถานที่บ่อยๆ
- ตัวเครื่องทนทานต่ออุณหภูมิสูงและการสั่นสะเทือน คีย์บอร์ดทนน้ำ
- สเปกโดยรวม ประสิทธิภาพแรง ใช้งานลื่นไหล ทั้งทำงานและบันเทิง
- หน้าจอความละเอียด Full HD พาเนล IPS สีสันสวยงามเนียนตา
- มีจอที่สองเป็น e-Ink ขนาด 10.8 นิ้วบนฝาเครื่อง ช่วยการจดหรือเขีย รวมถึงอ่าน PDF
- ที่เก็บปากกา Precision Pen เป็นแบบแม่เหล็ก แนบไม่กับขอบจอได้
- มาพร้อมสแกนลายนิ้วมือ ใช้งานผ่านทาง Windows Hello ที่เป็นปุ่ม Power ในตัว
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 16 ชั่วโมง
- รองรับ Rapid Charge ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ถึง 80% ภายใน 1 ชั่วโมง
- ที่ชาร์จอแดปเตอร์เป็นมาตรฐาน USB-C ใช้ร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้
- ลำโพง Harmon Kardon ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Dolby Audio ให้เสียงที่ดีมาก
- มีระบบปฏิบัติการ Windows 10 ติดตั้งมาให้ทันที
- ซอฟต์แวร์ Lenovo Vantage ใช้งานได้จริง
- ประกัน 1 ปีตามมาตรฐานของ Lenovo
ข้อสังเกต
- จอ e-Ink จะติดตลอดเวลา ไม่สามารถปิดได้
- แจ้งเตือนอีเมล์จำเป็นต้องลง Outlook
Specification
โดย Lenovo ThinkBook Plus ที่เราได้รับมารีวิวในครั้งนี้ จะเป็นรุ่นเริ่มต้นคือ 31,990 บาท มาพร้อมชิปประมวลผล Intel Core i5-10210U รองรับการทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 1.6 GHz สามารถเร่งความเร็วสูงสุดได้เป็น 4.2 GHz ทำงานร่วมกับแรมขนาด 8GB การ์ดจอออนบอร์ด Intel UHD Graphics 620 สำหรับใช้งานพื้นฐานทั่วไป รวมไปถึงงาน 3 มิติที่ไม่ซับซ้อนมาก พร้อมแรมขนาด 8GB DDR4 ส่วนพื้นที่เก็บข้อมูลก็ใช้เป็น SSD M.2 แบบ PCIe ความจุ 512GB ทำให้สเปคโดยรวมนั้นลงตัวมาก ๆ สำหรับการใช้งานทั่วไป เล่นเว็บ ทำเอกสาร ดูหนัง ฟังเพลง เน้นพกพาไปใช้งานนอกสถานที่
อีกส่วนที่น่าสนใจก็คือหน้าจอ โดย Lenovo ThinkBook Plus ใช้หน้าจอขนาด 13.3″ ความละเอียดระดับ Full HD (1920 x 1080) อัตราส่วน 16:9 ขอบจอบางเฉียบ พาเนลจอแบบ IPS ที่ให้มุมมองกว้างถึง 178 องศา ซึ่งจัดว่าเป็นสเปคจอที่เหมาะสำหรับการใช้งานแทบทุกรูปแบบ ที่สำคัญและไม่เหมือนใครเลยก็คือได้มีการติดตั้งจอขนาด 10.8″ แบบโมโนโครม e-Ink รองรับทั้งนิ้วสัมผัสและปากกา ไว้เน้นเลยของการจดบันทึกและอ่านไฟล์ PDF มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home Single Language และซอฟต์แวร์จากทาง Lenovo Vantage ที่ช่วยในการจัดการปรับแต่ง
พอร์ตเชื่อมต่อก็มาพร้อมพอร์ตจำเป็นค่อนข้างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-A ที่เป็นมาตรฐาน จำนวน 2 พอร์ต ส่วนอีกพอร์ตจะเป็น USB Type-C 3.2 ที่เป็นพอร์ตชาร์จในตัว ส่วนช่องเสียบหูฟัง 3.5 ม.ม. และ HDMI ยังมีมาให้ นอกจากนี้ยังมี Finger Print สำหรับใช้งานร่วมกับฟังก์ชัน Windows Hello ของ Windows 10 เพื่อล็อกอินโดยใช้การสแกนนิ้วอีกด้วย สำหรับประกันเป็น 1 ปี ตามมาตรฐาน Lenovo โดยในบันเดิลก็ยังมาพร้อมกับซอฟต์เคสแบบทรงเหลี่ยมอย่างดีของทาง Lenovo ด้วย
Hardware / Design
ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ Lenovo ThinkBook Plus นั้นจะดูเทียบเคียงกับโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 13.3″ แบบปกติ แม้จะมีหน้าจอที่สอง e-Ink ที่ฝาหลังของตัวเครื่อง (แต่ตัวฝากก็มีความดูหนาหน่อย) สืบเนื่องด้วยขอบจอที่บางกว่าปกติ ทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา ส่งผลให้ Lenovo ThinkBook Plus เป็นอีกหนึ่ง Ultrabook ปี 2020 ที่ดูเล็กกระทัดที่สุด ด้วยน้ำหนักเพียง 1.4 กิโลกรัม กับความบางของตัวเครื่องเพียง 15.9 มิลลิเมตรเท่านั้น พร้อมด้วยดีไซน์ออกมาได้ขอบหน้าจอบางทั้ง 3 ด้าน
ส่วนของตัวเครื่องทั้งหมดจะใช้เป็นอะลูมิเนียมเป็นส่วนประกอบ ทำให้ได้ข้อดีมาก็คือทั้งความแข็งแรงและน้ำหนักที่เบา พร้อมสีสันสีเงิน Mineral Grey ส่งผลให้ภาพลักษณ์โดยรวมของตัวเครื่องดูหรูหราให้อารมณ์พรีเมียมสุดๆ พร้อมให้ลุคทันสมัยแต่แฝงไว้ด้วยความเรียบหรูเป็นทางการ ภายในติดตั้งด้วยวัสดุและเทคโนโลยีที่ให้ความปลอดภัยและประสิทธิภาพการใช้งานระดับองค์กรตามแบบฉบับเครื่องคอมพิวเตอร์ตระกูล Think สำหรับหน้าจอสามารถกางได้ถึง 180 องศาเลยทีเดียว
ตัวเครื่องมีการออกแบบโดยรวมให้ดูทันสมัยและเรียบง่าย โลโก้ Lenovo จะมีอยู่ 2 จุดเท่านั้น คือ มุมบนฝาหลังด้านซ้าย ส่วนมุมซ้ายล่างของฝาหลังจะโดดเด่นด้วยโลโก้ ThinkBook ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน แต่ว่าไม่ได้มนมากจนเกินไป ตามมาด้วยการใส่รายละเอียดในการทำให้ตัวเครื่องมีลักษณะงานประกอบทั้งหมดแทบจะเป็นชิ้นเดียวกัน แบบ Unibody ส่งให้เวลาที่เราจับถือหรือใช้งานจะรู้สึกว่าแน่นหนา ซึ่งจากการใช้งานจริงพื้นผิวบางนี้เป็บรอยนิ้วมือค่อนข้างยาก ฉะนั้นหายห่วงเรื่องความสะอาดได้เลย หรือถ้าจะเช็ดก็ง่ายดาย
อีกหนึ่งจุดเด่นของ Lenovo ThinkBook Plus เป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาที่ทรงประสิทธิภาพในการทำงานทั่วไปเน้นการพกพา แบบที่หารุ่นเปรียบเทียบได้ยาก ที่สำคัญ Lenovo ThinkBook Plus นั้นผ่านการทดสอบคุณภาพและความน่าเชื่อถือหลายอย่าง อาทิ การป้องกันน้ำหกเข้าสู่เครื่อง 60 มิลลิลิตร การทนต่ออุณหภูมิสูงและการสั่นสะเทือน และทดสอบบานพับโลหะผสมที่ใช้เทคโนโลยี Powdere-Metal ด้วยการเปิด-ปิดกว่า 25,000 รอบ ทั้งยังและเคลือบด้วยโลหะอินเดียมและสแตนเนียมเพื่อเพิ่มความทนทานต่อการกัดกร่อน และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรับสัญญาณ Wi-Fi
นอกเหนือจากนี้ Lenovo ThinkBook Plus ยังส่ใจเป็นพิเศษ ด้วยการออกแบบภายในโดยใช้พัดลมระบายความร้อนแบบ 2 ตัว ในการท่ายเทความร้อนออกไปจากช่องทางใต้หน้าจอ โดยดูดลมเย็นจากใต้ตัวเครื่องพร้อมทั้งช่องคีย์บอร์ด ทำให้การทำงานแบบเต็มประสิทธิภาพก็ยังถ่ายเทความร้อนได้อย่างรวดเร็วน่าประทับใจ ในการใช้งานไปแทบจะไม่รู้สึกถึงความร้อนภายใน ส่วนใต้ตัวเครื่องก็มาพร้อมงานประกอบเรียบร้อยมาตรฐานโน๊ตบุ๊ค Lenovo ระดับสูง
แม้หน้าตาโดยรวมจะเหมือนกับโน๊ตบุ๊คปกติทั่วไป แต่แตกต่างด้วยฟังก์ชั่น Windows Modern Standby ที่มากับ Lenovo ThinkBook Plus ช่วยให้เครื่องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อเช็คอีเมล์, รับสายผ่าน Skype และอัพเดทแอพพลิเคชั่น Windows ทำได้ง่ายแม้ในขณะที่หน้าจอเครื่องปิดพับปิดอยู่ ฟังก์ชั่น Smart Power On ช่วยให้เครื่องพร้อมใช้งานจากโหมดแสตนบายได้อย่างรวดเร็วเพียงแค่กดปุ่มหรือสั่งงานผ่านเสียง พร้อมเพิ่มเฟิร์มแวร์ TPM 2.0 เพื่อใช้การใช้งาน Windows 10 security และ User Data Encryption ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ Lenovo ThinkBook Plus นั้นตัวปุ่มเป็นสีเดียวกับตัวเครื่องพร้อมตัวอักษรโปร่งแสง มีการออกแบบมาให้ปุ่มมีความโค้งรับกับนิ้วมือได้พอดีสไตล์ Lenovo ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น กับมาตรฐานคีย์บอร์ด 4 แถวขนาด Full Size อีกทั้งด้านการใช้งานในการพิมพ์ ก็ยังเด้งตอบสนองได้เป็นอย่างดีทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกดในส่วนของไฟ LED Backlit ก็สามารถใช้งานได้ดีทีเดียว ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่มุมขวาบนพร้อมไฟส่องสว่างแสดงสถานะ
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบไม่มีปุ่มแยกออกมาเช่นเดียวกับโน๊ตบุ๊คปัจจุบันหลายๆ รุ่น การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ที่สำคัญการเข้าใช้งานผ่านทาง Windows Hello ของ Windows 10 ยังสามารถทำได้ด้วยระบบสแกนลายนิ้วมือจากปุ่ม Power (มีไฟ LED สีขาว) ที่เป็นปุ่มเดียวกับ Finger Print แน่นอนว่าทำให้เราไม่ต้องกรอกรหัสแบบเดิมๆ อีกต่อไป แถมยังปลอดภัยและรวดเร็วด้วย ซึ่งจากการใช้งานจริงแล้ว ถือว่าทำได้ดีได้ไวมากๆ ไม่ต่างจากสมาร์ทโฟนในตลาดปัจจุบันเลย
Screen / Speaker
หน้าจอของ Lenovo ThinkBook Plus เป็นแบบด้าน พาเนล IPS ที่ให้มุมมองกว้างถึง 178 องศา ที่ให้ภาพคมชัด สวยงามทุกมุมมอง เมื่อประกอบกับขอบจอที่บางเฉียบ กว่า 97% เป็นหน้าจอแสดงผล ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีที่สมจริงอย่าง Dolby Vision และเทคโนโลยีภาพไดนามิกสูง (HDR) ที่เข้ามาช่วยเพิ่มความคมชัดและแสดงเม็ดสีแม่นยำ พร้อมรายละเอียดที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
ทำให้การทำงานต่างๆ เปิดหน้าเว็บ การชมภาพยนตร์ ซีรีส์ รวมถึงการเล่นเกมดูเต็มอารมณ์มากยิ่งขึ้น ส่วนขอบจอด้านบนจะเป็นตำแหน่งของกล้องหน้าและไมโครโฟน 2 ตัวที่ซอนเอาไว้อย่างเรียบเนียน อีกทั้งใส่ยางขอบจอมาตลอดแนวของจอเลย ต่างจากโน๊ตบุ๊คอื่นๆ ที่มักจะติดตั้งมาเป็นจุดๆ ในบางตำแหน่งเท่านั้น ซึ่งยางนี้จะมีประโยชน์ก็ในการซับแรงกระแทกที่เกิดในเวลาที่จอพับอยู่ได้
ให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 97% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีแดง เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันอยู่ในระดับที่น่าประทับใจ ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คทั่วไป คือ พอสู้แสงกลางแจ้งได้ รวมไปถึงการทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็ทำได้ดีเช่นกัน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางของจอเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ที่สุด แต่สำหรับช่องแถวล่างมุมซ้ายเหมือนจะมีแสงสว่างที่ลดลงแค่ระดับ 8% เท่านั้น ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ด้านของลำโพงสเตอรีโอของ Lenovo ThinkBook Plus ใช้เป็นแบรนด์คุณภาพอย่าง HARMAN พร้อมมีเทคโนโลยี Dolby Audio ให้เสียงที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป โดยถูกติดตั้งบริเวณด้านล่างซ้ายขวาขอบตัวเครื่อง ในเรื่องของความดังของเสียงเรียกว่าทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจทีเดียว ส่วนในเรื่องคุณภาพเสียงนั้น ถือว่าดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปแบบรู้สึกได้ ซึ่งเพียงพอกับการใช้งานดูหนังฟังเพลงแบบสบายๆ แล้ว ส่วนใครจะเอาไปต่อกับหูฟังหรือลำโพงเพิ่ม ก็สามารถทำได้หากว่าต้องการคุณภาพเสียงที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก
Screen e-Ink
Lenovo ThinkBook Plus เป็นการสานต่อความสำหเร็จจาก ThinkBook ที่เน้นออกแบบเรียบหรู แต่การปรับครั้งนี้ไม่ได้แค่ปรับสเปกฮาร์แวร์ใในส่วนของชิปประมวลผลเป็น Intel Core i Gen 10 เท่านั้น แต่ยังเพิ่มนวัตกรรมอย่างจอภาพแบบ e-Ink ติดเข้ามาด้านหลังของฝาตัวเครื่องด้วย เพื่อให้สามารถแสดงผลการแจ้งเตือน ไปจนถึงการเขียน จดข้อความต่างๆ ได้เลยผ่านหน้าจอ e-Ink โดยไม่ต้องเปิดหน้าจอหลัก โดยจากที่ทีมงานได้ลองเล่น ก็พบว่ามีข้อดีข้อสังเกต ที่ประกอบไปด้วย
ข้อดี
- จอ e-Ink จะติดตลอดเวลาตั้งแต่เปิดเครื่องใช้งานครั้งแรกเลย
- สามารถจด เขียนได้เลย รองรับแรงกดได้ใกล้เคียงปากกาจริงๆ
- อ่านไฟล์ PDF พร้อมเขียนข้อความได้เลย ทำให้ง่ายและสะดวกในการทำงาน
- เปลี่ยนรูปแสดงผลได้ ซึ่งภาพที่ออกมามีความคล้ายดินสอที่เขียนบนกระดาษมากๆ
- แสดงการแจ้งเตือนอีเมล์ ปฏิทินได้
- ข้อความที่เขียนสามารถบันทึกป็นรูปได้ หรือเอารูปมาแก้ไขต่อก็ได้
ข้อสังเกต
- จอ e-Ink ไม่สามารถปิดได้
- แจ้งเตือนอีเมล์จำเป็นต้องลง Outlook
- ไม่สามารถใช้งานร่วมกับหน้าจอหลักได้ เพราะไม่รองรับทัชสกรีน
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง Lenovo ThinkBook Plus นี้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาที่มีการกระชับพื้นที่มากๆ แต่ยังมีพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครบครันอยู่ ไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-A จำนวน 2 พอร์ต (รองรับการชาร์จไฟไปยังอุปกรณ์อื่นๆ ที่รองรับ) ที่ติดตั้งอยู่ทางด้านขวาของตัวเครื่อง พร้อมด้านซ้ายจะเป็นการติดตั้งพอร์ต USB 3.1 Type-C จำนวน 1 พอร์ต และ HDMI ไว้เชื่อมต่อแสดงผลหน้าจอภายนอกอยู่ทางด้านขวา พร้อมช่องต่อหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร การเชื่อมต่อไร้สายเป็น Wi-Fi 6 AX และ Bluetooth 5.0
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 13.3 นิ้วทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่เล็กกว่าพอสมควร ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น อยู่ที่ 1.4 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับตัวอแดปเตอร์เข้าไปด้วย ก็จะมีหนักราวๆ 1.7 กิโลกรัมเท่านั้น ก็จัดว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลย แน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คเน้นประสิทธิภาพในยุคปัจจุบันทีเดียว และที่ชอบมากๆ เลยก็คือการที่อแดปเตอร์เป็น USB-C จ่ายไฟที่ 65 Watt ทำให้สามารถชาร์จไฟไปยังอุปกรณ์อื่นๆ อย่างสมาร์ทโฟนได้ด้วย
Inside / Upgrade
การแกะเครื่องเพื่ออัพเกรด Lenovo ThinkBook Plus สเปก Intel Core i Gen 10 นั้นสามารถทำได้ง่าย เพียงแค่ไขน็อตทุกตัวรอบฝาล่างออก จากนั้นใช้บัตรแข็งค่อยๆ รูดถอดออกที่ละส่วน จากด้านหลังมาด้านหน้าทีละข้าง งานประกอบการจัดวางตำแหน่งดูแล้วเรียบง่าย โดยอาศัยพัดลม 2 ตัว ช่วยดูดลมเย็นจากใต้ตัวเครื่องจากนั้นถ่ายเทความร้อนออกไปให้โดนฮีทไปป์แบบ 2 เส้น พร้อมฟินสีดำทางด้านหลังของตัวเครื่อง ที่ซ่อนช่องระบายความร้อนไว้อย่างเรียบเนียน เรียกได้ว่าให้การถ่ายเทความร้อนที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คที่สเปกใกล้เคียงกัน
ซึ่งหน่วยความจำแรมเป็นแบบแรมแบบปกติที่มีฝาโลหะครอบเพื่อป้องกันตามสไตล์ของ Lenovo ในหลายๆ รุ่น ติดตั้งขนาด 8GB DDR4 ตามสเปกจำนวน 1 แถว ซึ่งเราไม่สามารถอัพเกรดเพิ่มได้ ส่วน SSD M.2 NVMe ติดมาแล้วที่ 512GB มีการติดตั้งเหนือแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ส่วนอื่นๆ ก็ประกอบฮาร์ดแวร์ อาทิ การ์ด Wi-Fi ที่เป็นมาตรฐาน 6 AX ถือว่ามีงานประกอบที่เรียบร้อยเป็นอย่างดี อีกทั้งยังดูแล้วในอนาคตยังทำความสะอาดได้ง่ายด้วย โดยรวมแล้วการแกะตัวเครื่อง Lenovo ThinkBook Plus เพื่ออัพเกรด SSD ได้เท่านั้น
Performance / Software
Lenovo ThinkBook Plus ที่ได้รับมารีวิวเป็นสเปกขายจริง ได้ชิปประมวลผลรุ่นล่าสุดระดับกลางอย่าง Intel Core i5-10210U สถาปัตยกรรม Comet Lakeใหม่ล่าสุด ทำงานแบบ 4 Core / 8 Thread ความเร็ว 1.60 – 4.20 GHz เทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร มีค่า TDP ที่ 10 – 15 – 25Watt ที่รองรับการใช้งานทั่วไปได้สบายๆ ส่วนแรมก็ให้มาเป็นแบบ 8GB DDR4 จำนวน 1 แถว ที่เพียงพอต่อการใช้งานทันที อีกทั้งได้ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ที่ได้ทั้งขนาดที่ใหญ่ใส่ไฟล์ได้เยอะและได้ความรวดเร็วในการใช้งานในทุกๆ โปรแกรม
มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home Single Language มาตั้งแต่แกะกล่อง ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงเรื่องลิขสิทธิ์ Windows เลย ส่วนถ้าต้องการเคลียร์เครื่อง ก็สามารถใช้งานฟังก์ชัน Reset this PC ที่อยู่ใน Settings ของ Windows 10 ได้เลยโดยไม่ต้องฟอร์แมต SSD เพื่อลง Windows ใหม่ กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 620 ไม่ต่างจาก Core i Gen 8 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH 15 / 20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานพื้นฐานทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นพิมพ์งาน งานเอกสาร ดูหนังฟังเพลง หรือใช้งานอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก แต่ก็ไม่เหมาะที่จะนำไปใช้งานหนักๆ เป็นหลักตลอดเวลา
ด้านของ Storage เป็น SSD M.2 มาตรฐาน NVMe PCIe ระดับบน ความจุ 512GB ที่ทำการทดสอบด้วยโปรแกรม CrystalDiskMark ก็พบว่าความเร็วในการอ่านอยู่ที่ 3306 MB/s ส่วนความเร็วในการเขียนก็อยู่ที่ 2905 MB/s ด้านของความเร็วในการอ่านเขียนไฟล์ก็จัดว่าอยู่ในระดับที่ดีมากๆ สามารถใช้งานทั่วไปได้เหลือเฟือ ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ เร็วกว่ามาตรฐาน SATA 3 หลายเท่าตัว
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 3644 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คมีการ์ดจอแยก ทำให้มีคะแนนพุ่งใกล้เคียงโน๊ตบุ๊คบางเบาในระดับเดียวกัน
ที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ Lenovo Vantage ก็เรียกได้ว่าเป็นซอฟแวร์ที่มีประโยชน์มาก ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการและควบคุมในหลายๆ ส่วนของเครื่องได้ เรียกได้ว่าค่อนข้างละเอียดมากทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นอัพเดทไดร์เวอร์ล่าสุด การเปิดปิดอุปกรณ์ต่างๆ ภายในเครื่อง ตั้งค่าทัชแพด การเชื่อมต่อไร้สาย แบตเตอรี่ กล้องเว็บแคม ระบบเสียง และ Fingerprint ที่ต้องบอกว่าซอฟต์แวร์ต่างๆ นั้นไม่ได้ติดตั้งมาให้หนักเครื่องเปล่าๆ แต่สามารถใช้งานได้จริง และใช้งานได้ดีอีกด้วย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ Lenovo ThinkBook Plus เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายรุ่น ที่ความจุประมาณ 4000 mAh โดยสามารถใช้งานจริงต่อเนื่องยาวนานได้กว่า 16 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และคาดว่าจะระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่จะเปลี่ยนแปลงตามการใช้งานของแต่ละคน โดยอาจจะขึ้นอยู่กับหลายๆ ตัวแปร แน่นนอว่าในการทดสอบครั้งนี้ก็ได้ปรับเป็น Power Saver Mode พร้อมกับลดแสงลงมาเหลือ 10% และลดเสียงลงมาเหลือ 10% คาดว่าจะทำได้สั้นกว่านั้นถ้าปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคนจริงๆ แต่อย่างไรก็ตาม ก็สามารถชาร์จกลับได้ไว้จาก Rapid Charge ที่ชาร์จเพียง 1 ชั่วโมง แบตเตอรี่จาก 0% จะเพิ่มเป็น 80% ทีเดียว
อุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 40 – 60 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าชิปประมวลผลจะร้อนที่สุดที่ 85 – 93 องศาเซลเซียสเท่านั้น นับว่าระบบระบายความร้อนของ Lenovo ThinkBook Plus เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีแล้วล่ะ จากการที่ใช้พัดลมระบายความร้อน 2 ตัว ที่ให้มากกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปในสเปกใกล้เคียงกัน ซึ่งสามารถจัดการระบบระบายความร้อนออกมาอย่างน่าประทับใจไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อการใช้งาน ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 Comet Lake ที่ 14 นาโนเมตร ซึ่งเน้นความแรง ไม่เหมือนกับ Ice Lake ที่ 10 นาโนเมตร อีกทั้งรุ่นนี้เน้นความบางเบาเลยไม่มีการติดตั้งการ์ดจอแยก ก็เลยทำให้ความโดยรวมของตัวเครื่องมีความเย็นประมาณนึงอยู่แล้ว
Conclusion / Award
ประสิทธิภาพการทำงานของ Lenovo ThinkBook Plus ครบครันทั้งแง่ของชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10U รุ่นล่าสุด รวมถึงแรม 8GB และ SSD M.2 NVMe ในเครื่องความจุ 512GB หน้าจอ 13.3″ คุณภาพสูงพาเนล IPS ความละเอียด Full HD พร้อมด้วยหน้าจอที่สอง e-Ink ที่ทำให้โน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ตอบโจทย์ทั้งการทำงานจริงจัง หรือการใช้งานเพื่อความบันเทิง ตอบโจทย์ได้หมด โดดเด่นด้วยการเขียนจดบันทึก หรืออ่าน e-Book และไฟล์ PDF ได้ตลอดเวลา อีกทั้งยังมี Finger Print ระบบแสกนลายนิ้วมือเป็นอุปกรณ์ที่จะผนวกรวมเข้ากับปุ่มเปิดปิด ไว้ใช้งาน Windows Hello ผ่านทางระบบปฏิบัติการ Windows 10 ที่ใช้งานได้ทันที ไม่ต้องกรอกรหัสผ่านเพื่อความปลอดภัยทุกครั้ง
รวมถึงตัวเครื่อง Lenovo ThinkBook Plus ยังผ่านการทดสอบคุณภาพและความน่าเชื่อถือหลายอย่าง อาทิ การป้องกันน้ำหกเข้าสู่เครื่อง 60 มิลลิลิตร การทนต่ออุณหภูมิสูงและการสั่นสะเทือน และทดสอบบานพับโลหะผสมที่ใช้เทคโนโลยี Powdere-Metal ด้วยการเปิด-ปิดกว่า 25,000 รอบ ทั้งยังและเคลือบด้วยโลหะอินเดียมและสแตนเนียมเพื่อเพิ่มความทนทานต่อการกัดกร่อน และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรับสัญญาณ Wi-Fi 6 AX กับราคาเริ่มต้นที่ 31,990 บาท ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ชูเรื่องของนวัตกรรมของทาง Lenovo ที่คุ้มค่าอีกหนึ่งรุ่น ส่วนตัวเองก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างได้สัมผัสและรีวิวโน๊ตบุ๊คแบบนี้เหมือนกัน
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับโน๊ตบุ๊คในกลุ่มเครื่องบางเบา ขนาดหน้าจอ 13.3″ ซึ่ง Lenovo ThinkBook Plus ได้รับรางวัลต่างๆ ดังนี้
ดีไซน์โดยรวมของ Lenovo ThinkBook Plus มีความโดดเด่นเรื่องสีสัน รวมถึงหน้าจอขอบบางแบบบางพิเศษ ที่ทำให้สามารถใช้งานจอขนาด 13.3 นิ้วภายในตัวเครื่องที่มีขนาดเล็กกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปที่ใช้จอขนาดเดียวกัน อีกทั้งความบางเบาคือจุดเด่น ด้วยตัวเครื่องที่มีขนาดเล็กกระทัดรัดมากๆ บางแค่ 15.9 มิลลิเมตร เบาเพียง 1.4 กิโลกรัม ทำให้เป็นโน๊ตบุ๊คที่เหมาะมาก ๆ สำหรับการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ และนอกจากความบางเบา ยังมีความแข็งแกร่งอีกด้วย จากการใช้วัสดุอลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง
ปัจจัยสำคัญของด้าน Mobility ก็คือขนาดที่กะทัดรัด แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นาน และการเชื่อมต่อแบบไร้สายที่ครอบคลุม ซึ่ง Lenovo ThinkBook Plus ตอบโจทย์ทั้งสามด้านได้อย่างครบถ้วนครับ กับตัวเครื่องบางเบา และการเชื่อมต่อแบบไร้สายที่รองรับทั้ง WiFi 6 AX (2×2) ทั้ง 2.4 และ 5 GHz รวมถึง Bluetooth 5.0 ส่วนแบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนานประมาณ 16 ชั่วโมง แทบไม่ต้องพกอแดปเตอร์กันเลยทีเดียว
ถ้านับในแง่ของ Ultrabook หรือโน๊ตบุ๊คบางเบา ต้องบอกว่า Lenovo ThinkBook Plus ตอบโจทย์ได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะในแง่ของความบางเบาและประสิทธิภาพ แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน วัสดุสวยงามทนทานบางเบา ประกอบกับราคาในช่วงราคาเริ่มต้น 29,990 บาท ทำให้เป็น Ultrabook ที่ลงตัวมาก ๆ สำหรับผู้ที่มองหาโน๊ตบุ๊คบางเบาซักเครื่องมาใช้งานในระดับจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการทำงานแบบมืออาชีพหรือความบันเทิงอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งระบบภาพและเสียง และการเขียนหรือดูด้วยหน้าจอ e-Ink