Huawei ปี 2020 กระโดดเข้ามาในตลาด Notebook อย่างเต็มตัวแล้ว บทความนี้จะเป็นการรีวิว Huawei MateBook D14 ใส่เต็มเรื่องของสเปกและราคาพร้อมของแถม กับการที่เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอขนาด 15.6″ ที่เหมาะสมกับการใช้งานที่หลากหลาย มาพร้อมชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10U ที่คุ้มค่าเรื่องของประสิทธิภาพต่อราคา การ์ดจอแยกเป็น NVIDIA GeForce MX250 แรมติดตั้งมาให้ขนาด 16GB พร้อมด้วย SSD M.2 PCIe NVMe ความจุ 512GB ที่เพียงพอต่อการใช้งานพื้นฐานแน่นอน ที่สำคัญมีระบบปฏิบัติการ Windows 10 สนนราคาเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ 29,990 บาท พร้อมการรับประกัน 2 ปีตามมาตรฐานของ Huawei
การดีไซน์ Huawei MateBook D14 ก็เน้นความเรียบง่าย ด้วยวัสดุอลูมิเนียมที่ดูดีเกินราคากับสีสันเป็นสีเงินดูสวยงามลงตัว โดยมีความบางเฉียบของตัวเครื่องที่ 15.9 มม. น้ำหนัก 1.38 กิโลกรัม เน้นพกพาใช้งานสะดวก อีกทั้งได้เรื่องของขอบหน้าจอแบบเฉียบ FullView screen ทั้งให้เล็กกระทัดรัดมากที่สุด กล้องเว็บแคมจึงไปยังติดตั้งแบบ Pop Up ที่ชุดคีย์บอร์ด และยังมีระบบ Fingerprint สแกนลายนิ้วมือเพื่อใช้งานได้ปลอดภัย ที่สำคัญสำหรับคนที่ใช้มือถือ Huawei ยังมีฟีเจอร์ Huawei Share ไว้ใช้งานโอนไฟล์ไปมา และขึ้นหน้าจอมือถือบน Huawei MateBook D14 ก็ยังได้อีกด้วย
NBS Verdict
Huawei MateBook D14 อีกหนึ่ง Notebook ใช้สเปก Intel Core i7-10510U สถาปัตยกรรม Comet Lake ได้การ์ดจอแยก NVIDIA GeForce MX250 ที่ Huawei ลงมาเล่นในตลาดโน๊ตบุ๊คประเทศไทย กับการมาต่อเนื่องเพื่อเป็นตัวเลือกที่หลากหลาย เรียกได้ว่าเป็นการทำตลาด Notebook ที่จริงจังในไทย หลังจากที่เน้นขาย Smartphone มายาวนานหลายปี ซึ่งเอาจริงๆ ก็เป็นการต่อยอด Eecosystem ของ Huawei อยู่แล้ว โดย Huawei MateBook D14 เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ สายทำงานพกพา เหมาะสำหรับการทำงานที่เกี่ยวข้องกับงานพื้นฐาน เช่นเอกสาร เล่นอินเตอร์เน็ต ดูหนังฟังเพลง โดดเด่นได้แรม 16GB DDR4 ทันที มี SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB สมกับเป็นโน้ตบุ๊คบางเบาแต่ประสิทธิภาพ
เชื่อว่าแฟนๆ Huawei น่าจะสนใจกันอยู่ไม่น้อย หรือคนที่ไม่ยึดติดกับแบรนด์โน๊ตบุ๊คเดิมๆ และจะเหมาะกับคนที่ใช้งานมือถือ Huawei อยู่แล้วที่สุด จากตัวฟีเจอร์ Huawei Share ที่ใช้งานต่อเนื่องได้เยี่ยมยอด หาคู่เปรียบเทียบได้ยาก โดยการใช้งานทั่วไปร่วมกันผ่านทาง Huawei Share ช่วยเรื่องของแชร์ไฟล์และแชร์หน้าจอได้อย่างเต็มรูปแบบ ส่งผลให้เราทำงานได้แบบไร้รอยต่อ อีกทั้งเรื่องของดีไซน์การออกแบบก็มีความสวยงามลงตัว ยิ่งเมื่อใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนของ Huawei ก็ดูลงตัวเข้าไปอีก เพิ่มความเป็น Huawei Fan ไปอีกขั้น อย่างไรก็ตามมีข้อสังเกตเล็กน้อยก็คือ ยังให้พอร์ต USB 2.0 Type-A มา 2 พอร์ตอยู่เลย ควรจะเป็น USB 3.1 ทุกๆ พอร์ตแล้ว
ข้อดี
- ตัวเครื่องออกแบบใหม่ ให้ความสวยงามและหรูหรา พื้นผิวเป็นรอยนิ้วมือยาก
- แรงทนทานสวยงาม ด้วยงานประกอบอลูมิเนียมแบบ Unibody
- ขอบจอบางเฉียบ ตัวเครื่องบางเบา เพียง 1.38 กิโลกรัม บาง 15.89มิลลิเมตร
- ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-10510U ประสิทธิภาพดี ราคาคุ้มค่า
- ได้แรมขนาด 16GB ที่ใช้งานได้ทันที ไม่ต้องหาอัพเกรดเพิ่ม
- มาพร้อมหน่วยความจำ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB
- หน้าจอมีความละเอียดสูงระดับ Full HD พาเนล IPS ให้สีสันที่สวยงาม
- กล้องเว็บแคมแบบ Pop Up ซ่อนเอาไว้ระหว่างปุ่ม F6 – F7 ดูแปลกตา
- การจัดการระบายความร้อนทำออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- มีพอร์ต USB 3.0 Type-A พร้อม USB 3.1 Type-C ที่รองรับการชาร์จไฟด้วย
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน 12 ชั่วโมง รองรับการชาร์จไฟด้วย USB PD
- อแดปเตอร์ 65W ชาร์จทาง USB-C มีขนาดเล็ก นำไปใช้กับมือถือหรืออุปกรณ์อื่นๆ ได้หมด
- ติดตั้งระบบสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint ที่สแกนทันทีขณะเปิดเครื่อง
- ซอฟต์แวร์ PC Manager / Huawei Share ใช้งานได้ดี ทั้งแชร์ไฟล์และหน้าจอ
ข้อสังเกตุ
- ไม่สามารถอัพเกรดแรมได้ เพราะของเดิมเป็นแบบฝังบอร์ดมา
- ส่วนเชื่อมต่อกับมือถือรองรับเฉพาะแบรนด์ Huawei เท่านั้น
- ยังให้ในส่วนของพอร์ต USB 2.0 Type-A มา 2 พอร์ต
Specification
สเปกของ Huawei MateBook D14 มีอยู่สเปกเดียว คือใช้ชิปประมวลผล Intel Core i7-10510U ความเร็ว 1.80 GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 4.80 GHz โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 4 คอร์ 8 เทรด ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน เป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 10 (Comet Lake) รุ่นล่าสุด ที่เป็นเทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร ในส่วนของกราฟิกการ์ดก็เป็น NVIDIA GeForce MX250 (2GB GDDR5) ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดี เล่นเกมออนไลน์พอได้ แรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 16GB DDR4 ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานแน่นอน สำหรับที่เก็บข้อมูลเป็นแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB
ได้หน้าจอแสดงผลขนาด 14″ ความละเอียด Full HD หรือ 1920×1080 พิกเซล แบบด้าน พาเนล IPS คุณภาพดี ขอบหน้าจอบางเฉียบ ส่งผลให้ต้องติดตั้งกล้องเว็บแคมไว้ระหว่างปุ่ม F6 – F7 ลักษณะการใช้งานเป็นแบบ Pop-up และมีไมค์ดิจิตอลติดตั้งอยู่ขอบตัวเครื่องด้านหน้า ส่วนพอร์ตที่ติดตั้งมีมาให้จะใช้ถือว่าครบครันเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 2.0 Type-A จำนวน 2 ช่อง, USB 3.0 Type-A จำนวน 1 ช่อง, HDMI สำหรับต่อหน้าจอเสริม และรูหูฟังกับไมค์แบบคอมโบ
และยังมี USB-C ที่ชาร์จไฟผ่านทางอแดปเตอร์มาให้ด้วย พร้อมอแดปเตอร์ 65W ชาร์จทาง USB-C ซึ่งมีน้ำหนักเพียง 160 กรัมเท่านั้น แน่นอนว่ารองรับการชาร์จไฟไปยังอุปกรณ์อื่นๆ ด้วย นับว่าเป็นจุดเด่นที่เหนือกว่าโน๊ตบุ๊คช่วงราคาเดียวกัน พร้อมกันนั้นยังมี Windows Hello ที่ใช้งานผ่าน Fingerprint ซึ่งแน่นอนว่ารองรับการเชื่อมต่อไร้สายด้วย Wi-Fi 5 AC กับ Bluetooth 4.2 พร้อมการรับประกัน 2 ปีตามมาตรฐานของ Huawei สนนราคาที่ 29,990 บาท
Hardware / Design
แน่นอนว่าวัสดุตัวเครื่องของ Huawei MateBook D14 เลือกใช้เป็นอลูมิเมียมอัลลอยด์ตลอดทั้งตัวเครื่อง ซึ่งมีงานประกอบที่ยอดเยี่ยม ทนทานแน่นหนา ที่สำคัญยังเป็นแบบ Unibody นั่นก็คือแทบจะไร้รอยต่อ ประกอบด้วยกันเพียง 3 ชิ้นเท่านั้น ก็คือ ฝาหลัง ตัวเครื่องด้านใน และฝาล่างเท่านั้น (ตรงนี้เป็นพลาสติก) ทั้งจากที่ดูด้วยตาเปล่าและการสัมผัส พร้อมพื้นผิวเป็นแบบทรายทำให้เป็นรอยนิ้วมือได้ยากกว่าปกติ ตรงนี้ถือว่าเป็นความใส่ใจเพราะเราไม่ต้องค่อยมาเช็ดหรือทำความสะอาดบ่อยๆ เรื่องการออกแบบดีไซน์ของ Huawei MateBook D14
โดดเด่นด้วยหน้าจอมีขอบบางสุดๆ ที่ 5.3 มิลลิเมตร คิดเป็นพื้นที่ 87% ของสัดส่วนหน้าจอทั้งหมด ที่เป็นขนาดหน้าจอขนาด 14″ ได้ขอบหน้าจอบางเฉียบ FullView screen สัดส่วนแบบ 16:9 ที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD ตัวเครื่องถูกออกแบบมาให้พกพาสะดวก มีความบางเพียง 15.9 มิลลิเมตรเท่านั้น น้ำหนักก็เบามากๆ เพียง 1.38 กิโลกรัม ทำให้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอพอดีที่พกพาสะดวกรุ่นนึงทีเดียว
ทำให้มิติโดยรวมของตัวเครื่องมีความเล็กกระทัดรัดพอๆ กับโน๊ตบุ๊คที่มีหน้าจอ 14″ รุ่นอื่นๆ เรียกได้ว่าตอบสนองในการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ มีความโดดเด่นกว่าโน๊ตบุ๊คเจ้าตลาดหลายๆ รุ่น โดยสามารถกางหน้าจอได้กว้างสุดที่ประมาณ 145 องศา สำหรับช่องระบายความร้อนถูกซ่อนอยู่ใต้หน้าจอบริเวณบานพับ โดยเป็นการใช้งานพัดลมระบาย 1 ตัว ที่ออกแบบมาใหม่ ช่วยนำพาความร้อนชิปประมวลผลให้เย็นลงได้อย่างรวดเร็วและเงียบกว่า ซึ่งการใช้งานโดยรวมถือว่าเอาอยู่ ที่มีช่องดูดลมเย็นด้านล่างตัวเครื่องทำหน้าที่ร่วมกันเป็นอย่างดี
แน่นอนว่าจากการที่เป็น FullView screen ด้วยเหตุนี้ทำให้ไม่มีพื้นที่ติดตั้งกล้องเว็บแคมแบบเดิมๆ ส่งผลให้ต้องย้ายไปไว้ที่ระหว่างปุ่ม F6 – F7 แทน แบบ Pop Up เก๋ๆ ที่ความละเอียด 1 ล้านพิกเซล มุมมองใช้จริงๆ ถือว่าใช้ได้อยู่ ไม่ได้เสยจนใช้งานลำบาก ส่วนการใช้งาน Windows Hello จะเป็นการสแกนนิ้วมือ Fingerprint ซึ่งเป็นปุ่ม Power ในปุ่มเดียว ส่งผลให้เราไม่ต้องกรอกรหัสแบบเดิมๆ อีกต่อไปกรณีที่เปิดเครื่องใช้งาน
เรียกได้ว่าช่วยในเรื่องของการใช้งานด้วยความสะดวกและปลอดภัยเป็นอย่างดี เหนือกว่าโน๊ตบุ๊คในช่วงราคาเดียวกันที่ส่วนมากจะไม่ค่อยมีมาให้ สำหรับฝาหลังก็มีแต่โลโก้ Huawei ส่วนภายในใต้หน้าจอด้านก็จะพบกับโลโก้ Huawei ที่เป็นตัวอักษรเท่านั้นเอง เรียกได้ว่ามีความเรียบหรูตามสไตล์ของ Huawei ไม่ต่างจากมือถือเรือธงเน้นความคุ้มค่าสเปกต่อราคาระดับอย่าง Huawei P40 Pro เลยล่ะ ยิ่งใช้คู่กันยิ่งดูลงตัวเข้าไปอีก (ที่นำมาประกอบรีวิวนี้)
Huawei MateBook D14 แม้จะเป็นถูกวางเป็นโน๊ตบุ๊คเน้นความคุ้มค่าจากทาง Huawei แต่ก็ได้รับงานเรียบเนียบระดับโน๊ตบุ๊คพรีเมียม ถอดแบบมาจากรุ่นพี่อย่าง Huawei MateBook 13 หรือ Huawei MateBook X Pro ก็ว่าได้ ที่ปกติแล้วจะมีแต่โน๊ตบุ๊คระดับบนเท่านั้น สำหรับสีสันเลือกใช้เป็น Mystic Sliver ที่ส่งผลให้เพิ่มความหรูหราเกินราคาเข้าไปอีก
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดที่ติดตั้งมาให้เป็นแบบ Chiclet Keyboard สีดำตัดกับตัวเครื่อง พร้อมไฟส่องสว่างสีขาวซึ่งช่วยใช้งานในที่มืดหรือแสงน้อยได้ดี ซึ่งแต่ละปุ่มระยะเว้นระหว่างปุ่มพิมพ์ทำออกมาได้พอดีไม่ชิดกันมากเกินไปและระยะยุบตัวของปุ่มพิมพ์นั้นค่อนข้างดี ผิวสัมผัสของปุ่มแต่ละปุ่มนั้นให้ความรู้สึกที่ติดนิ้ว โดยขนาดของคีย์บอร์ดเป็นไซต์แบบปกติของโน๊ตบุ๊คจอ 14″ ที่สำคัญคือมาพร้อมแป้นคีย์บอร์ดภาษาไทย เรียกได้ว่าแม้ Huawei MateBook D14 จะเป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นที่ 4 ที่ขายในไทยอย่างเป็นทางการ แต่ก็ทำตลาดอย่างจริงจัง
ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะอยู่มุมขวาบน พร้อมปุ่มสแกนลายนิ้วมือในตัวเดียว ส่งผลให้ทั้งใช้ง่ายและรวดเร็วสะดวก พร้อมความปลอดภัย เพราะปกติต้องเปิดเครื่อง รอ Login แล้วจึงสแกน ทัชแพดมีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับตัวเครื่อง ตัวปุ่มคลิกเป็นแบบชิ้นเดียวกับทัชแพด ผิวมีลักษณะเป็นกระจก ส่วนปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็อาจจะมีความแข็งพอดีๆ การใช้งานโดยจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดี ให้สัมผัสที่ลื่นไหล ตอบสนองการทำงานได้ทันใจ
Screen / Speaker
ในส่วนของหน้าจอ Huawei MateBook D14 เป็นแบบจอด้านลดแสงสะท้อนขนาด 14″ บนความละเอียดในระดับ Full HD หรือ 1920 x 1080 พิกเซล ถือว่าเป็นไปตามมาตรฐานของโน๊ตบุ๊คในปี 2020โดยใช้พาเนล IPS ซึ่งให้สีสันที่ดีในระดับธรรมดาทั่วไป ซึ่งไม่ว่าจะนำมาเล่นเกม ดูหนังฟังเพลง หรือชมวีดีโอจาก YouTube ก็ได้สบายๆ ภาพที่เห็นก็คมชัดดี ให้ความเรียบเนียนกว่าความละเอียด HD เดิมๆ ตัวงานประกอบขอบหน้าจอก็ทำได้ดีเป็นพลาสติกสีดำด้าน และมียางรองหน้าจอตลอดทั้งตัวขอบ ช่วยเรื่องลดแรงการกดทับได้อย่างดี
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Huawei MateBook D14 ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 61% และ AdobeRGB ที่ 45% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับพอใช้ทั่วไป เช่นเอาไปทำงานเอกสารหรือดูหนังฟังเพลง ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ คือเพียงพอต่อการใช้งานพื้นฐาน แต่ถ้าจะเอาไปทำภาพกราฟิกระดับมืออาชีพหรือตกแต่งภาพที่เน้นความเที่ยงตรงแล้ว อันนี้ไม่แนะนำ
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางหน้าจอเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับช่องแถวบนตรงกลาง รวมไปถึงสามช่องแถวล่างทั้งหมดจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปที่ระดับ 8% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 3.5 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ทางด้านลำโพงจะเป็นแบบสเตอริโอที่ขนาด 2W x 2 ซึ่งถูกติดตั้งอยู่ขอบตัวเครื่องด้านล่างทั้งซ้ายและขวา คุณภาพถือว่าเพียงพอที่จะใช้งานในด้านของความบันเทิงทั่วๆ ไป เช่นดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกมต่างๆ ได้ตามมาตรฐาน ซึ่งตัวลำโพงจะวางอยู่ด้านบนคีย์บอร์ด ทั้งในด้านคุณภาพของเสียงและระดับความดังของเสียงอยู่ในเกณฑ์กลางๆ ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดี ลักษณะเด่นต่างจากโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ก็คือเสียงค่อนข้างมีความกังวาลใช้ได้เลย
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง Huawei MateBook D14 นี้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีความครบครับอย่างมากเมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง แม้ว่าจะเป็นเครื่องที่มีการออกแบบมาให้เป็นเครื่องที่มีขนาดความบางและน้ำหนักเบาแต่เรื่องพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ นั้น ก็มีมาให้มากพอทีเดียวไม่ว่าจะเป็นทางด้านขวา อาทิ USB 2.0 Type-A จำนวน 2 พอร์ต และช่องต่อหูฟังกับไมค์ขนาดแบบคอมโบขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร ส่วนด้านซ้ายจะเป็น USB 3.1 Type-C อีก 1 พอร์ต ที่รองรับการชาร์จไฟผ่านทางอแดปเตอร์ในตัวเดียว รวมไปถึงมี USB 3.0 Type-A อีก 1 ช่องและปิดท้ายด้วย HDMI
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จที่เป็น USB-C เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 15.6″ นิ้วทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่เล็กกว่าพอสมควร ขนาด 322.5 x 214.8 x 15.9 มิลลิเมตร ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น อยู่ที่ 1.38 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับตัวอแด็ปเตอร์เข้าไปด้วย ก็จะมีน้ำหนักราวๆ 1.5 กิโลกรัมเท่านั้น ก็จัดว่ามีน้ำหนักเบามาก ซึ่งแน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ รวมไปถึงโดดเด่นด้วยสายชาร์จเป็น USB-C to USB-C ทำให้เรานำไปชาร์จมือถือหรือ Gadget ที่เป็น USB-C ทั้งหมดในอแดปเตอร์เดียว
Inside / Upgrade
การแกะเครื่อง Huawei MateBook D14 เพื่ออัพเกรดหรือทำความสะอาดนั้น สามารถทำได้ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่ายเสียทีเดียว เพราะงานประกอบค่อนข้างแน่นหนา ต้องใช้ฝีมือและทักษะประมาณนึง ซึ่งหลังจากถอดน็อตทุกตัวเสร็จหมดแล้ว (น๊อตหัวแบบดาว) ต้องใช้บัตรแข็งค่อยๆ รูดถอดออกที่ละส่วน จากหลังมาหน้า ควรทำอย่างใจเย็น และขอบฝาด้านล่างตรงแกนฝาพับค่อนข้างคมระวังบาดนิ้วมือกันด้วยโดยเมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ อย่างชัดเจนตามรูปเลย เห็นได้ว่ามีความเรียบร้อยเป็นอย่างดี การวางรูปแบบของฮาร์ดแวร์เครื่องนี้ทำได้ดูดีเลยที
ซึ่งในส่วนที่สามารถทำการอัพเกรดได้จะมีเพียง SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ที่ติดตั้งมาให้แล้วเท่านั้น ถ้าอยากจะอัพเกรดเพื่อความจุ ก็ต้องถอดของเดิมก่อน ส่วนแรมดูจากภาพแล้วคาดว่าเป็นแบบฝังบอร์ดมาเลย ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนหรืออัพเกรดใดๆ ได้ สำหรับเรื่องการจัดการความร้อนตัวเครื่องมี Heat Pipe จำนวน 1 เส้น วางพาดยาวไล่ผ่านชิปประมวลผล ส่วนพัดลมเครื่องนี้ก็มีมาให้ 1 ตัว ตามแบบฉบับ Notebook หน้าจอ 14″ บางเบา ที่เพียงพอต่อการระบายความร้อน
Performance / Software
Huawei MateBook D14 ที่ได้รับมารีวิวเป็นสเปกขายจริง ได้ชิปประมวลผลรุ่นล่าสุดระดับกลางอย่าง Intel Core i7-10510U สถาปัตยกรรม Comet Lakeใหม่ล่าสุด ทำงานแบบ 4 Core / 8 Thread ความเร็ว 1.80 – 4.90 GHz เทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร มีค่า TDP ที่ 10 – 15 – 25Watt ที่รองรับการใช้งานทั่วไปได้สบายๆ ส่วนแรมก็ให้มาเป็นแบบ 16GB DDR4 Bus 2400MHz ที่เหลือเฟือต่อการใช้งานทันที
อีกทั้งได้ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่ได้ทั้งขนาดที่ใหญ่ใส่ไฟล์ได้เยอะ โดยมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home Single Language มาตั้งแต่แกะกล่อง ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงเรื่องลิขสิทธิ์ Windows เลยครับ ส่วนถ้าต้องการเคลียร์เครื่อง ก็สามารถใช้งานฟังก์ชัน Reset this PC ที่อยู่ใน Settings ของ Windows 10 ได้เลยโดยไม่ต้องฟอร์แมต SSD เพื่อลง Windows ใหม่
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 620 ไม่ต่างจาก Core i Gen 8 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา และนอกจากนี้ยังมาพร้อมกับการ์ดจอน้องเล็กรุ่นล่าสุดอย่าง NVIDIA GeForce MX250 (2GB GDDR5) ที่ประสิทธิภาพที่เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับ GTX 950m แต่ก็พอเล่นเกมออนไลน์ได้บ้าง ซึ่งเดี๋ยวไปดูผลทดสอบกันอีกที
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH 15 / 20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจตามมาตรฐานของ Intel Core i7-10510U เปรียบเทียบกับชิปประมวลผล Intel Core i5 / Core i7 รหัส U ที่เป็น Gen 8 ก็ทำได้ดีกว่าด้วย ในส่วนของตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพตอบโจทย์ในส่วนของงานทั่วไปเท่านั้น หรือเล่นเกมออนไลน์ 3 มิตินิดหน่อยก็พอได้
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้เป็น SSD ความเร็วสูงแบบ NVMe M.2 ที่ความจุ 512GB ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าประทับใจมากๆ กับความเร็วระดับ Read: 3388 MB/s – Write: 2710 MB/s ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดไดร์ฟแบบจานหมุนหรือแบบลูกผสมอย่าง SSHD แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด การใช้งานโดยรวมก็ลื่นไหลน่าประทับใจมากๆ ทั้งเปิดเครื่อง ปิดเครื่อง โอนไฟล์ไปมา รวมไปถึงการเปิดโปรแกรมหลายๆ อย่างพร้อมกัน
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4377 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ ส่วนถ้าเอาไปใช้งานหนักๆ เช่นงานประมวลผล ตัดต่อวีดีโอ โปรเซสไฟล์ภาพความละเอียดสูง รวมไปถึงเล่นเกมแบบออนไลน์ก็พอได้ลื่นไหลได้อยู่ แต่ถ้าเอาไปเล่นเกมจริงจังหนักๆ อันนี้ไม่แนะนำเท่าไร เพราะสเปกไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้งานแบบนั้นแต่อย่างใด
ทดสอบเกมสำหรับ Huawei MateBook D14 คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 3 เกมออนไลน์ เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยค่อนข้างลื่นไหล น่าประทับใจทีเดียว เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คที่ไม่ได้เน้นเล่นเกมมาก ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10510U ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce MX250 ประกอบกับยังใช้แรม 16GB DDR4 รวมไปถึง SSD ก็ส่งผลช่วยด้วย
สำหรับเกมออนไลน์อย่าง DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมด ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่เฉลี่ยที่ 72 แต่ฉากตะลุมบอนกันก็เฟรมเรทลดลงไปที่ 51 (อยากลื่นกว่านี้ก็ปรับกลางๆ ได้) ในส่วนของเกมอื่นๆ อย่าง Overwatch / PUBG ที่ปรับ Low ทดสอบแล้วจะมีเฟรมเรทเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 101 / 77 ซึ่งช่วงต่ำสุดจะอยู่ที่ 38/20 นั่นก็เป็นเพราะเป็นเกมออนไลน์ที่กินทรัพยากรพอตัวเหมือนกัน จากการที่เครื่องมีอุณหภูมิสูงเกินปกติเวลาใช้งานหนักๆ ตัวชิปประมวลผลก็จะลดความเร็วลงมาเพื่อความปลอดภัยนั่นเอง อย่างไรก็ตามถือว่าทำได้ดีกว่าหลายๆ รุ่นที่สเปกใกล้เคียงกันแล้วล่ะ
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ Huawei MateBook D14 ก็คือมาพร้อมซอฟต์แวร์บันเดิลอย่าง PC Manager โดยเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราดูแลคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสม ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โปรแกรมนี้ยังระบุข้อมูลที่สำคัญสำหรับแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นหมายรวมไปถึงการอัพเดทไดร์เวอร์ต่างๆ และ Windows ด้วย จัดได้ว่าดีและใช้งานได้จริง รวมไปถึงการเชื่อมต่อกับมือถือเพื่อนโอนไฟล์ไปมาก็อยู่ในส่วนนี้ด้วย แต่ก็รองรับเฉพาะมือถือ Huawei นะ
การแชร์ไฟล์แบบอัจฉริยะด้วย Huawei Share ส่งวิดีโอและรูปภาพจากสมาร์ทโฟนเข้า PC รวมไปถึง Screen Mirror โดยเชื่อมต่อผ่าน NFC / Wi-Fi Direct ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าง่ายมากๆ มาพร้อมความสามารถในกาอัพโหลดรูปภาพ 500 รูป ใน 1 นาที และวิดีโอขนาด 1 GB ใน 35 วินาที ถ้ารูปของเรามีข้อความ Huawei MateBook D14 จะแยกข้อความออกมาจากรูปเพื่อให้คุณแก้ไขได้ง่ายๆ ส่วนการ Screen Mirror ก็ช่วยให้เราไม่ต้องจับมือถือไปมา แต่สามารถสั่งการผ่านทางโน๊ตบุ๊คได้เลย เช่นตอบ Line หรือเปิดแอปพลิเคชั่นในมือถือเป็นต้น
ซึ่งคุณสมบัตินี้รองรับเฉพาะสมาร์ทโฟน Huawei ที่มีคุณสมบัติ NFC ร่วมกับระบบปฏิบัติการ EMUI 10.0 หรือใหม่กว่า ในการีวิวครั้งนี้เราใช้ Huawei P40 Pro ทำงานร่วมกับ Huawei MateBook D14 ถือได้ว่าน่าประทับใจทีเดียว เรียกได้ว่าคนที่ใช้มือถือ Huawei อยู่แล้ว จะซื้อโน๊ตบุ๊คใหม่ซักเครื่องไว้เน้นใช้งานทั่วไป ก็ต้องโดนใจกับฟีเจอร์นี้แบบจังๆ ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นเยอะทีเดียว ส่วนการใช้งานก็ไม่ต้องเป็นห่วง ทาง Huawei ได้เตรียมคู่มือแบบวีดีโอไว้แล้ว
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ Huawei MateBook D14 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายรุ่น ที่ความจุ 330mAh โดยสามารถใช้งานจริงต่อเนื่องยาวนานได้ 13 ชั่วโมงกว่าๆ ต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และคาดว่าจะระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่จะเปลี่ยนแปลงตามการใช้งานของแต่ละคน โดยอาจจะขึ้นอยู่กับหลายๆ ตัวแปร แน่นนอว่าในการทดสอบครั้งนี้ก็ได้ปรับเป็น Power Saver Mode เพื่อการประหยัดพลังงานสูงสุด สำหรับโน๊ตบุ๊คสเปกประมาณนี้จัดว่าทำได้ยอดเยี่ยม
อุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 40 – 60 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าชิปประมวลผลจะร้อนที่สุดที่ 96 องศาเซลเซียส และการ์ดจอแยกร้อนสุดที่ 69 องศาเซลเซียส นับว่าระบบระบายความร้อนของ Huawei MateBook D14 เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีแล้วล่ะ แม้ชิปประมวลผลจะดูว่าร้อน แต่ก็สามารถจัดการระบบระบายความร้อนออกมาอย่างน่าประทับใจไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อการใช้งาน ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 Comet Lake ที่ 14 นาโนเมตร ซึ่งเน้นความแรง ไม่เหมือนกับ Ice Lake ที่ 10 นาโนเมตร ส่วนการ์ดจออันนี้ถือว่าเย็นสบายๆ เลย
Conclusion / Award
Huawei MateBook D14 เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ ที่เน้นเรื่องประสิทธิภาพต่อความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา หลังจากที่ปีก่อนได้ทำการนำเสนอ Huawei MateBook หลากหลายรุ่นที่เน้นฟีเจอร์ล้ำๆ และความบางเบาที่ได้สเปกเป็น Intel Core i Gen 8 รวมไปถึง AMD Ryzen 3000U โดย Huawei MateBook D14 เอาจริงๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะนอกจากสเปก Intel Core i Gen 10U พร้อมการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce MX250 ที่ดีให้ความแรงคุ้มค่าต่อราคาแล้ว สเปกอื่นๆ อย่างแรม 16GB และที่เก็บข้อมูล SSD M.2 NVMe PCIe 512GB หน้าจอก็ถือว่าใช้ได้เลยในค่าตัวที่ 29,990 บาท จัดว่าน่าสนใจไม่น้อย
รวมไปถึงมีช่องเชื่อมต่อครบครันทั้ง USB 2.0, USB 3.0 ช่องต่อหูฟัง 3.5 มม. พอร์ต HDMI และยังมี USB-C ที่ชาร์จไฟผ่านทางอแดปเตอร์มาให้ด้วย พร้อมอแดปเตอร์ 65W ชาร์จทาง USB-C ซึ่งมีน้ำหนักเพียง 160 กรัมเท่านั้น แน่นอนว่ารองรับการชาร์จไฟไปยังอุปกรณ์อื่นๆ อย่างมือถือ Huawei เองได้ด้วย ที่สำคัญยังได้ การใช้งาน Windows Hello จะเป็นการสแกนนิ้วมือ Fingerprint ซึ่งเป็นปุ่ม Power ในปุ่มเดียว ที่เปิดปุ๊มสแกนปั๊บในครั้งเดียว โดดเด่นกว่าโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นทีเดียว
โดยให้ประสิทธิภาพการทำงานที่พอใช้งานทั่วๆ ไป หรือใช้งานประมวลผลหนักๆ และเล่นเกมออนไลน์ก็ยังพอได้ กับความบางและน้ำหนักที่เหมาะแก่การพกพาไปใช้งานนอกสถานที่มากๆ รวมไปถึงยังประหยัดพลังงาน ส่งผลให้ปล่อยความร้อนออกมาน้อยมาก แบตเตอรี่ก็ยาวนานที่ประมาณ 13 ชั่วโมงกว่า ที่ต้องขอบอกว่าคุ้มค่ามากๆ เหมาะมากๆ สำหรับคนที่ต้องการมองหาโน๊ตบุ๊คราคาไม่แพงจนเกินไป ได้ความบางๆ เบาๆ ไว้ใช้งานนอกบ้าน โดดเด่นที่สุดคือใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน Huawei ด้วย นี่จะได้ฟีเจอร์ลงตัวที่สุด รวมถึงฟีเจอร์อื่นๆ อีกมากมาย
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน้ต บุ๊คขนาดหน้าจอ 14″ ด้วยกัน ซึ่ง Huawei MateBook D14 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
ในกลุ่มโน๊ตบุ๊คที่รองรับการทำงานรอบด้านและมาพร้อมหน้าจอ 14″ ขอบบางเฉียบ ที่ให้วัสดุอลูมิเนียมอัลลอยด์ อีกทั้งมีดีไซน์ที่ทันสมัยสุดๆ แน่นอนว่าทำได้น่าประทับใจเสมอมาสำหรับ Huawei MateBook จากวัสดุที่ดีอย่างพลาสติกเกรดสูง สีสันเป็นสีเงินเทาด้วยวัสดุโลหะตลอดทั้งตัวเครื่อง พร้อมพื้นผิวแบบเรียบเนียน งานประกอบก็มีความเรียบร้อยแบบสุดๆ แถมยังบางเบาพกพาง่ายกว่าเดิมมาก ด้วยน้ำหนักเพียง 1.38 กิโลกรัม และด้วยความบางของตัวเครื่องเพียงที่ 15.9 ม.ม. จากแบตเตอรี่ที่นำไปไว้ในตัวเครื่องตามสไตล์ของโน๊ตบุ๊คที่เน้นความบางเบา อีกทั้งกล้องเว็บแคมไปยังติดตั้งแบบ Pop Up ที่ชุดคีย์บอร์ด
Best Value
Huawei MateBook D14 รุ่นนี้มีความโดดเด่นสุดๆ จากการที่ใช้ชิปประมวลผล Intel Core i7-10510U และการ์ดจอ MX250 ให้ประสิทธิภาพการใช้งานพื้นฐานที่ดี เป็นตัวประหยัดพลังงานรุ่นล่าสุด ที่สำคัญยังมีความแรงพอจะเล่นเกมออนไลน์ได้ลื่นไหล โดยรวมที่ดีด้วยแรมขนาด 16GB ที่เหลือเฟือในการใช้งานด้วยการเปิดโปรแกรมที่หลากหลาย และ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่เร็วพอตัวอีกด้วย สนนราคาที่ 29,990 บาท แม้จะดูว่ามีราคาสูงกว่าแบรนด์อื่นๆ แต่ก็ได้อะไรที่มากกว่าด้วย เช่นหน้าจอ IPS ระบบสแกนลายนิ้วมือ และฟีเจอร์ Huawei Share รวมไปถึงงานประกอบวัสดุที่ดูแล้วมีความพรีเมียมมากกว่า