โน๊ตบุ๊คบางเบาน่าซื้อประจำปี 2020 ได้หน่วยความจำแรม 16GB นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญ ในการเลือกซื้อมาเพื่อใช้งานหนักๆ หรือเปิดโปรแกรมเยอะๆ โดย Notebook ที่มาพร้อมกับสเปกชิปประมวลผล Intel Core i / AMD Ryzen ถือได้ว่ามีประสิทธิภาพที่ดี ในดีไซน์ที่บางเบาพกพาสะดวก เหลือเฟือในการใช้งานระดับพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานทั่วไปอย่างงานเอกสาร Word, Excel, Power Point, เล่นอินเตอร์เน็ต, Social, Online, ดูหนัง, Youtube, Netflix โดยรวมแล้วมีความลื่นไหลไม่สะดุด
สเปกอื่นๆ โน๊ตบุ๊คบางเบารุ่นที่นำมาแนะนำก็จะมาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 14″ ที่สนับสนุนการใช้งานทุกรูปแบบ บนความละเอียด Full HD ที่ให้ภาพคมชัดเรียบเนียน โดยหลักๆ แล้วจะได้เป็นพาเนล IPS คุณภาพกี ที่ให้ภาพสดสวยสมจริงสุดๆ ได้ที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB และบางรุ่นได้โปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,299 บาท) มาด้วย ในส่วนของการพกพาก็ทำได้เยี่ยมยอด โดยมีน้ำหนักเบาสุดแค่ 990 กรัมเท่านั้น พร้อมแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานสุดที่ 8 – 10 ชั่วโมงด้วยกัน
ในบทความนี้เราจะมาแนะนำโน๊ตบุ๊คบางเบาทั้ง 5 รุ่น ที่ได้เป็นสเปก Core i Gen 10 / Ryzen 4000 รุ่นใหม่ คุ้มที่สุด ทำงาน เล่นเน็ต ดูหนังลื่นๆ ส่วนจะมีรุ่นไหนบ้าง ไปติดตามชมกันต่อได้เลย
MSI Modern 14 ราคา 25,900 บาท
MSI Modern 14 เป็นโน๊ตบุ๊คบางเบารุ่นใหม่หน้าจอ 14″ ตัวแรงลื่น สีดำ Onyx Black หรือฟ้า Blue Stone เคลือบพื้นผิวด้วยเทคโนโลยี Sandblasting พ่นเนื้อทรายละเอียด ให้สัมผัสที่เรียบเนียน โดยมาพร้อมกับประสิทธิภาพจากชิปประมวลผล AMD Ryzen 4000U รุ่นล่าสุดอย่าง Ryzen 7 4700U ให้ความแรงลื่น ผสานการทำงานร่วมกับการ์ดจอออนชิป Radeon 7 ในส่วนของสเปกแรมได้มาขนาด 16GB DDR4 Bus 3200MHz และ SSD M.2 NVMe PCIe ที่ 512GB จัดเต็ม ส่งให้มีประสิทธิภาพในการทำงานที่ทรงพลังอย่างที่สุด สนับสนุนทั้งทำงานและเล่นเกมที่เหนือชั้นกว่าโน๊ตบุ๊คบางเบารุ่นอื่นๆ
สำหรับ MSI Modern 14 ได้หน้าจอแสดงผลพาเนล IPS มาตรฐานความละเอียด Full HD ที่จะช่วยให้เหล่าครีเอเตอร์ได้เติมเต็มประสบการณ์ในด้านการสร้างสรรค์ผลงานได้มากยิ่งขึ้น บางเฉียบโดยมีพื้นที่แสดงผลกว่า 90% จอเป็นแบบด้านที่ให้เรื่องสีสันสดใส รองรับใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกมก็ทำได้อย่างเป็นอย่างดี ส่วนบานพับก็แข็งแรงกว่ารุ่นก่อนๆ พร้อมกางได้ 180 องศา ทำให้นำเสนองานได้อย่างเต็มที่และง่ายขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งได้ฟีเจอร์อื่นๆ ที่ครบครันตามสไตล์ของ MSI ที่จัดเต็ม ไม่เกรงใจใคร ในราคาเพียง 25,900 บาทเท่านั้น จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คแรม 16GB หน้าจอขนาด 14″ ที่น่าสนใจมากๆ ทีเดียว
สเปกที่จัดเต็มตอบโจทย์การใช้งานแบบสุดๆ ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายก็ครบครันด้วย Wi-Fi 5 AC และ Bluetooth 5.0 เป็นมาตรฐานอีกด้วยพร้อมซอฟต์แวร์ Creator Center ช่วยปรับแต่งการทำงาน พร้อมการรับประกัน 2 ปี ตามมาตรฐานของ MSI มิติตัวเครื่องมีความเล็กกระชับกับขอบหน้าจอที่บางลงอย่างเห็นได้ชัดที่ 5.6 มิลลิเมตร ทั้งด้านซ้ายขวาและขอบบน รวมถึงยังได้มาตรฐาน Military Grade มีความทนทานในการใช้งานเป็นพิเศษมากกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วๆไป ในเรื่องของการทน ฝุ่น ละอองน้ำ และการกระแทก ในส่วนของแบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนานกว่า 10 ชั่วโมง
ส่วนความบางตัวเครื่องอยู่ที่ 15.9 มิลลิเมตรเท่านั้น ถือว่า MSI นำเสนอโน๊ตบุ๊คที่ทั้งเบามากๆ แถมยังบางสุดๆ ท้าชนกับแบรนด์อื่นๆ ได้อย่างสบายๆ เลยครับ สำหรับการเปิดปิดฝาของหน้าจอก็ทำได้ง่ายเพราะขอบตัวเครื่องด้านหน้าได้มีการเว้นร่องเว้าเอาไว้สวยงาม พร้อม Ergonomics View Design ช่วยยกตัวเครื่องให้สูงขึ้น ส่งมวลลมเย็นถูกดูดเข้าช่องลมขนาดใหญ่ได้มากขึ้นส่งผลให้มีประสิทธิภาพในการระบายความร้อนที่ดี ที่ช่วยยกตัวให้สูงขึ้นจากพื้นที่ 5 องศา ส่งผลให้พัดลมสามารถดูดลมเย็นเข้าไปได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งการเอียงของตัวเครื่องเล็กน้อยนั้น ก็ทำให้พิมพ์สัมผัสได้ถนัดมือยิ่งขึ้นไปอีกนั่นเอง
การออกแบบให้ความรู้สึกที่ดุดันพรีเมียมด้วยวัสดุอลูมิเนียม ตลอดทั้งตัวเครื่อง ที่สำคัญคือตัวเครื่องมีความพรีเมียมและบางเบาอย่างที่สุด มีน้ำหนักเพียง 1.3 กิโลกรัมเท่านั้น พร้อมตัดขอบเพชรเพิ่มความหรูหรา พร้อมความทนทานระดับ Military Standard ด้วยการผ่านการทดสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด ทั้งทนร้อนทนเย็น ความดันอากาษ ความชื้นและฝุ่นต่างๆ ในระดับหนึ่ง มิติตัวเครื่องมีความเล็กกระชับกับขอบหน้าจอที่บางลงอย่างเห็นได้ชัดที่ 5.6 มิลลิเมตร ทั้งด้านซ้ายขวาและขอบบน ถือว่า MSI นำเสนอโน๊ตบุ๊คที่ทั้งเบามากๆ แถมยังบางสุดๆ ท้าชนกับแบรนด์อื่นๆ ได้อย่างสบายๆ เลย
Huawei MateBook D14 ราคา 29,900 บาท
Huawei MateBook D14 โน๊ตบุ๊คบางเบาใส่เต็มเรื่องของสเปกและราคาจากแบรนด์น้องใหม่ กับการที่เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอขนาด 14″ ที่เหมาะสมกับการใช้งานที่หลากหลาย รวมไปถึงการพกพาที่สะดวก มาพร้อมชิปประมวลผล Intel Core i7-10510U (1.80 GHz, 8 MB L3 Cache up to 4.80 Ghz) ที่แรงลื่นประสิทธิภาพดีเยี่ยม การ์ดจอแยกเป็น NVIDIA GeForce MX250 (2GB GDDR5) แรมติดตั้งมาให้ขนาด 16GB พร้อมด้วย SSD M.2 ความจุ 512GB ที่เหลือเฟือต่อการใช้งานพื้นฐานแน่นอน ที่สำคัญมีระบบปฏิบัติการ Windows 10 สนนราคาที่ 29,900 บาท พร้อมการรับประกัน 2 ปีตามมาตรฐานของ Huawei
การดีไซน์ Huawei MateBook D14 ก็เน้นความเรียบง่าย ด้วยวัสดุอลูมิเนียมที่ดูดีเกินราคากับสีสันเป็นสีเงินดูสวยงามลงตัว โดยมีความบางเฉียบของตัวเครื่องที่ 13.8 มม. น้ำหนัก 1.38 กิโลกรัม เน้นพกพาใช้งานสะดวก ได้หน้าจอแสดงผลขนาด 14″ ความละเอียด Full HD หรือ 1920×1080 พิกเซล แบบด้าน พาเนล IPS คุณภาพดี ขอบหน้าจอบางเฉียบ FullView screen ทั้งให้เล็กกระทัดรัด ซึ่งมีสัดส่วนจออยู่ที่ 86% กล้องเว็บแคมไปยังติดตั้งแบบ Pop Up ที่ชุดคีย์บอร์ด และยังมีระบบ Fingerprint สแกนลายนิ้วมือเพื่อใช้งานได้ปลอดภัย ที่สำคัญสำหรับคนที่ใช้มือถือ Huawei ยังมีฟีเจอร์ Huawei Share ไว้ใช้งานโอนไฟล์ไปมา และขึ้นหน้าจอมือถือบน Huawei MateBook D14 ก็ยังได้อีกด้วย
แน่นอนว่าวัสดุตัวเครื่องของ Huawei MateBook D14 เลือกใช้เป็นอลูมิเมียมอัลลอยด์ตลอดทั้งตัวเครื่อง สีสัน Mystic Sliver ซึ่งมีงานประกอบที่ยอดเยี่ยม ทนทานแน่นหนา ที่สำคัญยังเป็นแบบ Unibody นั่นก็คือแทบจะไร้รอยต่อ ประกอบด้วยกันเพียง 3 ชิ้นเท่านั้น ก็คือ ฝาหลัง ตัวเครื่องด้านใน และฝาล่างเท่านั้น พร้อมพื้นผิวเป็นแบบทรายทำให้เป็นรอยนิ้วมือได้ยากกว่าปกติ ตรงนี้ถือว่าเป็นความใส่ใจเพราะเราไม่ต้องค่อยมาเช็ดหรือทำความสะอาดบ่อยๆ สามารถกางหน้าจอได้กว้างสุดที่ประมาณ 180 องศา สำหรับช่องระบายความร้อนถูกซ่อนอยู่ใต้หน้าจอบริเวณบานพับ โดยเป็นการใช้งานพัดลมระบาย 1 ตัว ที่ออกแบบมาใหม่ ช่วยนำพาความร้อนชิปประมวลผลให้เย็นลงได้อย่างรวดเร็วและเงียบกว่า
ส่วนพอร์ตที่ติดตั้งมีมาให้จะใช้ถือว่าครบครันเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 2.0 Type-A จำนวน 2 ช่อง, USB 3.0 Type-A จำนวน 1 ช่อง USB 3.0 Type-C, HDMI สำหรับต่อหน้าจอเสริม และรูหูฟังกับไมค์แบบคอมโบ และยังมี USB-C ที่ชาร์จไฟผ่านทางอแดปเตอร์มาให้ด้วย พร้อมอแดปเตอร์ 65W ชาร์จทาง USB-C ซึ่งมีน้ำหนักเพียง 160 กรัมเท่านั้น แน่นอนว่ารองรับการชาร์จไฟไปยังอุปกรณ์อื่นๆ ด้วย นับว่าเป็นจุดเด่นที่เหนือกว่าโน๊ตบุ๊คช่วงราคาเดียวกัน ซึ่งแน่นอนว่ารองรับการเชื่อมต่อไร้สายด้วย Wi-Fi 5 AC กับ Bluetooth 5.0
ASUS ZenBook 14 UM425IA ราคา 29,900 บาท
ASUS ZenBook 14 UM425IA เป็นโน๊ตบุ๊คบางเบารุ่นใหม่ล่าสุด สเปก AMD Ryzen 4000U มาพร้อมขนาดหน้าจอ 14 นิ้ว โดดเด่นด้วยความบางเฉียบสุดๆ เพียง 14 มม. และเบามากๆ ที่น้ำหนัก 1.22กก. เท่านั้น เรียกได้ว่ามีการปรับปรุงจากรุ่นก่อนทั้งหมด แต่ยังมาพร้อมพอร์ทเชื่อมต่อครบครัน ได้แก่ HDMI, USB Type A, USB Type-C และ microSD card reader นำเสนอนวัตกรรมขอบจอบาง4 ด้าน ให้อัตราส่วนขนาดจอต่อตัวเครื่องที่ 90% พร้อมอายุการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด 22 ชม. พร้อมดีไซน์ใหม่ในสีเทา (Pine Grey) ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร
ชิปประมวลผลรุ่นล่าสุดอย่าง AMD 4000U series ซึ่งได้ Ryzen 7 4700U เป็นตัวเลือกที่แรงลื่น ได้หน่วยความจำแรมสูงสุดที่ 16GB DDR4 Bus 3200 MHz ส่วนที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB รองรับการเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 6 (802.11ax) ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home แท้ใช้งานได้ทันที และโปรแกรม Microsoft Office Home and Student 2019 ทำให้เราใช้งานเอกสาร Word / Excel / Power Point ได้ฟรีๆ ด้วย
โดย ASUS ZenBook 14 UM425IA วัสดุหลักเป็นอะลูมิเมียมเกรดสูงแบบ Unibody ที่ไร้รอยต่อ ผสานกับลวดลายการออกแบบอันเป็นแบบฉบับของ ZenBook ปี 2020 เพิ่มสีสันให้กับรายละเอียดแบบเนี๊ยบเฉียบตลอดทั้งตัวเครื่อง ที่สำคัญตัวเครื่องก็ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน MIL-STD-810G ระดับกองทัพสหรัฐฯ ที่มีการทดสอบในหลากหลายด้าน เช่น ทดสอบการตกหล่น ทดสอบการสั่นสะเทือน ทดสอบการทำงานในสภาวะอุณหภูมิต่าง ๆ ทำให้มั่นใจได้เลยว่าจะสามารถใช้งานว่าเครื่องนี้ได้ในแทบทุกสภาพแวดล้อมอย่างแน่นอน
อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เข้ามาเสริมให้การทำงานเป็นไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพของ ASUS ZenBook 14 UM425IA ก็คือ บานพับ ErgoLift Hinge นั้นเวลาที่กางออกมาใช้งานในรูปแบบโน๊ตบุ๊คจะทำให้คีย์บอร์ดทำมุม 3 องศากับฐานตั้ง พร้อมกางจอได้สูงสุดที่ 140 องศา จากการที่มีบานพับแบบพิเศษช่วยยกตัวเครื่องสูงขึ้นจากพื้น โดยขอบตัวเครื่องด้านหลังจะมียางรองพร้อมทำหน้าที่เป็นฐานรองด้านหลัง รวมไปถึงในการเข้าใช้งานก็สามรถทำได้ง่ายและปลอดภัยด้วยการสแกนใบหน้าผ่านทาง 3D IR Camera ที่ใช้งานร่วมกับ Windows Hello นั่นเอง
Lenovo Yoga Slim 7 14 ราคา 32,900 บาท
ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ Lenovo Yoga Slim 7 14 นั้นจะดูเล็กกว่าโน๊ตบุ๊คบางเบาหน้าจอ 14″ แบบสมัยก่อนอยู่พอสมควร เนื่องด้วยขอบจอที่บางกว่าปกติ ทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา แต่ทั้งนี้ถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะเล็กพอๆ กับโน๊ตบุ๊คจอ 13.3″ ส่งผลให้ Lenovo Yoga Slim 7 14 เป็นอีกหนึ่ง Ultrabook ปี 2020 ที่ดูเล็กกระทัดที่สุด โดยมีน้ำหนักอยู่ที่ 1.4 ด้วยดีไซน์ออกมาได้ขอบหน้าจอบาง ส่วนของตัวเครื่องทั้งหมดจะใช้เป็นอะลูมิเนียมเป็นส่วนประกอบ ทำให้ได้ข้อดีมาก็คือทั้งความแข็งแรงและน้ำหนักที่เบา ส่งผลให้ภาพลักษณ์โดยรวมของตัวเครื่องดูหรูหราให้อารมณ์พรีเมียมสุดๆ
ตัวเครื่องมีการออกแบบโดยรวมให้ดูทันสมัยและเรียบง่าย โลโก้ Lenovo จะมีอยู่ 2 จุดเท่านั้น คือ มุมบนฝาหลังด้านซ้าย และมุมใต้หน้าจอด้านซ้ายเท่านั้น ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน แต่ว่าไม่ได้มนมากจนเกินไป ตามมาด้วยการใส่รายละเอียดในการทำให้ตัวเครื่องมีลักษณะงานประกอบทั้งหมดแทบจะเป็นชิ้นเดียวกัน แบบ Unibody ส่งให้เวลาที่เราจับถือหรือใช้งานจะรู้สึกว่าแน่นหนา ซึ่งจากการใช้งานจริงพื้นผิวบางนี้เป็บรอยนิ้วมือค่อนข้างยาก ฉะนั้นหายห่วงเรื่องความสะอาดได้เลย หรือถ้าจะเช็ดก็ง่ายดาย โดดเด่นด้วยสีสันใหม่ไม่ซ้ำใครอย่าง Slate Grey
สเปกของ Lenovo Yoga Slim 7 14 ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i5-1035G1 สถาปัตยกรรม Ice Lake ที่เทคโนโลยีการผลิตที่ 10 นาโนเมตร มีค่า TDP ที่ 25Watt ส่วนการ์ดจอติดตั้งเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง NVIDIA GeForce MX350(2GB GDDR5) ด้านแรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 16GB LPDDR4X Bus 3200MHz และที่เก็บข้มูลแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB – 1TB ที่ทั้งมีพื้นที่เยอะและลื่นไหล เพียงพอกับการใช้งาน มาพร้อม Windows 10 และซอฟต์แวร์จากทาง Lenovo Vantage ที่ช่วยในการจัดการปรับแต่ง
อีกส่วนที่น่าสนใจก็คือหน้าจอ โดย Lenovo Yoga Slim 7 14 ใช้หน้าจอขนาด 14″ ความละเอียดระดับ Full HD อัตราส่วน 16:9 ขอบจอบางเฉียบ พาเนลจอแบบ IPS เกรดสูง ที่ให้มุมมองกว้างถึง 178 องศา พอร์ตเชื่อมต่อมี Thunderbolt 3 เป็นมาตรฐาน พร้อม Wi-Fi 6 AX (2 x 2) นอกจากนี้ยังมี 3D IR Camera สำหรับใช้งานร่วมกับฟังก์ชัน Windows Hello ของ Windows 10 เพื่อล็อกอินโดยใช้การสแกนใบหน้า สำหรับประกันเป็น 2 ปี ตามมาตรฐาน Lenovo ที่ทุกคนมั่นใจ ปิดท้ายเรื่องความคุ้มค่าพร้อมใช้งานทันทีด้วยโปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,299 บาท) ด้วย
Acer Swift 5 SF514-54 ราคา 36,900 บาท
Acer Swift 5 โน๊ตบุ๊คบางเบาสเปกใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 อย่าง Core i7-1065G7 ใช้การ์ดจอออนชิปอย่าง Iris Graphics G7 หรือมีรุ่นการ์ดจอแยกเป็น NVIDIA GeForce MX350 มาพร้อมหน้าจอ 14″ Full HD พาเนล IPS เกรดสูง sRGB 97% โดยมีน้ำหนักเพียง 990 กรัมเท่านั้น ส่วนสเปกอื่นๆ ก็ครบครันทั้งแรมขนาด 16GB LPDDR4X แบบออนบอร์ด และที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB รองรับการทำงานที่เต็มที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นงานเอกสาร ความบันเทิง หรืองานประมวลผลหนักๆ ก็พอได้เลย เหมาะกับคนทำงาน นักเรียน นักศึกษา ที่ต้องการโน๊ตบุ๊คที่เบาที่สุด แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน 10 ชั่วโมง
ได้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ทันที ทำงานพื้นฐานได้แบบสบายๆ สนับสนุนการทำงานร่วมกับโปรแกรมต่างๆ ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ ส่วนความบันเทิงดูหนังฟังเพลง ชม Netflix ก็สบายๆ ไปอีก และพอที่จะใช้งานหนักๆ อย่างตัดต่อวีดีโอก็พอได้บ้าง รวมไปถึงเล่นเกม 3 มิติก็ลื่นไหล จากการที่มีการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce MX350 (2GB GDDR5) ที่แรงพอๆ กับ GTX 960M เลยทีเดียว
ส่วนเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อนั้นก็ยังมีพอร์ตมาตรฐานซึ่งมาให้ค่อนข้างครบ เช่น Thunderbolt 3 (เป็น USB 3.1 Type-C + DisplayPort + Power Delivery), USB 3.1 Type-A, USB 2.0 Type-A, HDMI สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก ที่สำคัญยังมาพร้อม Dual-Band Intel Wi-Fi 6 (GIG+) 802.11ax ที่แรงขึ้น 3 เท่า และการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.0 ใหม่ล่าสุด ได้ประกันจะเป็นแบบ 3 ปี โดยปีแรกเป็นแบบ On-site Serive ซ่อมฟรีถึงบ้าน และกรณีส่งซ่อมตามศูนย์ก็จะซ่อมอย่างรวดเร็วภายใน 3 ชั่วโมงอีกด้วย ที่สำคัญได้โปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,299 บาท) มาใช้งานทันที นับว่าคุ้มค่าจริงๆ ที่เหนือกว่าหลายๆ แบรนด์
เรียกได้ว่าถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คโน๊ตบุ๊คบางเบาขนาดหน้าจอ 14″ ที่เบาที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดก็ว่าได้ ส่วนความบางอาจจะไม่มาก โดยอยู่ที่ 14.95 มิลลิเมตร แต่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่ามาตรฐานโน๊ตบุ๊คพกพามาตรฐานระดับสูงอยู่ดี อีกทั้งในรุ่นใหม่นี้ได้ดีไซน์พิเศษโดยมียางรองขอบเครื่องด้านหลังช่วยยกตัวเครื่องให้เอียงสูงขึ้นเมือเรากางหน้าจอ ส่งผลให้พิมพ์ง่ายขึ้นและมุมมองดีขึ้นด้วย วัสดุจากอลูมิเมียนผสมแม็กนีเซียมอัลลอยด์ให้น้ำหนักเบาเป็นพิเศษแต่ก็ยังแข็งแรงและทนทาน กับสีสัน Charcoal Blue พร้อมแซมด้วยสีทองตามจุดต่างๆ เหมาะทั้งหนุ่มๆ หรือสาวๆ ยุคใหม่ที่ดูทันสมัยสวยงามลงตัว ส่วนสี Moonstone White นับว่าเป็นอีกสีที่ดูหรูหราไม่แพ้กัน เน้นขาวๆ สะอาดๆ