ถ้าพูดถึงการ์ดดจอที่แรงที่สุด ในงบประมาณที่เหมาะสมที่สุดตอนนี้ก็คงไม่พ้น NVIDIA GeForce RTX 3080 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ด้วยประสิทธิภาพที่ทดสอบมาแล้วว่าแรงกว่า RTX 2080 Ti ถึง 90% (จริงเป่า) และตอนนี้ทีมงาน NBS ก็ได้เจ้า NVIDIA GeForce RTX 3080 ไว้ในมือแล้ว ผลทดสอบจะเป็นอย่างไรไปชมกัน
เป็นโอกาสอันดีที่ทีมงาน NBS ได้มีโอกาสสัมผัสเจ้า NVIDIA GeForce RTX 3080 ก่อนใครกับเขาบ้างโดยทีมงานมีเวลาคลุกคลีกับมันราว 1 สัปดาห์ก่อนเปิดตัว และด้วยความเป็นการ์ดจอรุ่นใหม่ทีมงานเลยขอพาทุกท่านไปรู้จักเทคโนโลยีของตัว RTX 30 Series กันก่อน
NVIDIA GeForce RTX 30 Series ถือเป็นการพัฒนาต่อยอดมาจาก RTX 20 Series เดิมซึ่งเปิดตัวมาเมื่อราว 2 ปีก่อน โดยใช้รหัสพัฒนาว่า Ampere (GA102) ที่ลดเทคโนโลยีการผลิตเหลือ 8 นาโนเมตร ต่อยอดมาจากรหัสเดิมคือ Turing (TU102) ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิต 12 นาโนเมตร โดย Ampere จะมีทรานซิสเตอร์ 44.6MT / mm2 (GA102) เทียบกับ 24.7 MT / mm2 สำหรับ Turing (TU102) Ampere RTX GPU ที่ใหญ่ที่สุด – GA102 มีทรานซิสเตอร์ 28 พันล้านตัวและขนาดแม่พิมพ์ 628.4 mm2 GPU นี้จะใช้สำหรับ GeForce RTX 3090 และ RTX 3080 รุ่นเรือธงมี Multiprocessor 82 ตัวพร้อม 328 Tensor cores และ 82 RT cores (ray tracing cores) นอกจากนี้ยังมีบัสหน่วยความจำ 384 บิตและแคช L2 6MB
ส่วนรุ่นเล็ก GA104 RTX 3070 มีทรานซิสเตอร์ 17.4 พันล้านตัวและขนาดแม่พิมพ์ 392 มม. , 46 SM ที่เปิดใช้งานดังนั้นจำนวน Tensors คือ 184 และ RT cores คือ 46 GPU นี้มีบัสหน่วยความจำ 256 บิตและ 4MB ของแคช L2
เมื่อลองเทียบสเปคทั้ง 3 รุ่น กับ RTX 2080 Ti จะเห็นถึงความต่างที่เห็นได้ชัดมาก แม้จะเป็นรุ่นเล็กอย่าง RTX 3070 ก็ยังมี CUDA Core มากกว่า RTX 2080 Ti แบบ 5888 / 4352 และยังมีอีกหลายส่วนที่สเปคดีกว่า ในราคาที่ถูกกว่าราวเท่าตัว (RTX 2080Ti จะยังเหนือกว่าบ้างในส่วนของความจ / บัสของตัวแรม และแบนวิธที่สูงกว่า)
โดยรุ่นพี่ใหญ่อย่าง NVIDIA GeForce RTX 3090 พี่ใหญ่ที่สุดรองรับ 8K ได้ด้วยการ์ดใบเดียว (ขณะที่ RTX 2080Ti 2 ตัวทำ SLI ยังไม่ค่อยจะไหวเลย) รวมไปถึง NVIDIA GeForce RTX 3070 น้องเล็ก แต่แรงระดับเดียวกับ RTX 2080 Ti เลยทีเดียว
นอกจากสเปคแล้วทาง NVIDIA ยังได้พัฒนา RT Core รุ่นที่สองซึ่งช่วยเพิ่มการเร่งความเร็ว ray tracing อีกทั้ง RT Core ยังช่วยจัดลำดับชั้นของข้อมูลใหม่ (BVH) ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้ดีกว่าวิธีการแบบดั้งเดิมและเรียบง่ายด้วยโปรเซสเซอร์สตรีม SIMD นอกจากนั้นยังลดเอฟเฟกต์ภาพเบลอจากการเคลื่อนไหวใน real-time ray tracing อีกด้วย เอาเป็นว่าช่วยให้การทำงานของ real-time ray tracing สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นละครับ
Tensor Cores รุ่นที่สามส่วนใหญ่คัดลอกการออกแบบมาจาก A100 Accelerator แกนนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในระหว่างการลดอัตราการสุ่มสัญญาณ DLSS AI-super resolution ในการเล่นเกม หรือคือการใช้ AI เข้ามาเพิ่มความคมชัด และเฟรมเรทในการเล่นเกมนั่นเองละครับ
ในส่วนของแผงวงจร NVIDIA GA102 PCB ของ GeForce RTX 3080 Founders Edition เองเอาจริงก็เล็กกว่าเดิมมาก ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่เล็กลง เน้นที่ระบบระบายความร้อนมากขึ้น ปรับไปใช้คอนเน็กเตอร์ PCI-Express 4.0 ซึ่งแตกต่างจาก RTX 3090 ตรงที่การออกแบบบอร์ดนี้มีโมดูลหน่วยความจำสองโมดูลที่ขาดหายไปและไม่มีขั้วต่อ NVLink (ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ของรุ่น RTX 3090) สามารถติดตั้งโมดูล GDDR6X ได้ทั้งหมด 12 โมดูลบนบอร์ดนี้ แต่ RTX 3080 มีเพียง 10 โมดูลเท่านั้น หรือง่ายๆว่า RTX 3080 กับ RTX 3090 จะใช้พอร์ตแบบเดียวกัน (แต่ไหง RTX 3090 มันใหญ่จังหว่า น่าจะเพื่อการระบายความร้อนล้วนๆ)
โดยภาคจ่ายไฟของ RTX 3080 จะมีทั้งหมด 18 เฟส (มีเว้นไว้ 2 เฟส สำหรับ RTX 3090) อีกหนึ่งจุดสำคัญของ RTX 30 Series คือขั้วต่อสายไฟ 12 พิน Molex Microfit ใหม่ที่สามารถจ่ายพลังงานได้ถึง 300W ซึ่งจะวางตำแหน่งแนวเฉียง 45 องศา อยู่ทางด้านบน เพื่อให้เขากับแนวของฟินระบายความร้อน ใช้ขั้วต่อที่เล็กลงกว่าเดิม แต่จ่ายไฟได้มากขึ้น และน่าจะเป็นอนาคตของสายไฟเชื่อมต่อ (ซึ่ง NVIDIA แถมสายแปลงมาให้แล้ว)
โดย PCB ลักษณะนี้จะเป็นเฉพาะการ์ดของ Founders Edition ที่ทาง NVIDIA ผลิตเอง ส่วนการ์ด custom ของค่ายอื่นๆก็จะแตกต่างกันออกไป ไม่เหมือนแบบนี้เสียทีเดียว เพราะแต่ละแบรนด์ก็จะปรับแต่งตัวการ์ดแตกต่างกันไป เช่นเพิ่มไฟ RGB มีการโอเวอร์คล๊อคจากโรงงาน หรือชุดระบายความร้อนที่จัดเต็มมากยิ่งขึ้น
HDMI 2.1 และ 8k GAMING RTX 3090 เป็นกราฟิกการ์ดตัวแรกที่โฆษณาโดย NVIDIA สำหรับการเล่นเกม 8K สิ่งนี้เป็นไปได้ด้วยเทคโนโลยี DLSS2 ของ NVIDIA ซึ่งเพิ่มสเกลความละเอียดเป็น 8k โดยใช้แกน Tensor รุ่นที่ 3
ความละเอียด 8K มีพิกเซลมากกว่า FullHD 16 เท่า ความละเอียดนี้ยังไม่ได้รับความนิยมเพราะการ์ดจอส่วนใหญ่ในตลาดขับไม่ไหวนี่ละครับ อย่างไรก็ตามการเพิ่มขั้วต่อ HDMI 2.1 เข้ากับ RTX 30 series (รวมไปถึง Xbox Series X และ Playstation 5 ที่กำลังจะมาถึงนี้) ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการนำเทคโนโลยีมาใช้ในอนาคตอันใกล้นี้
อีกหนึ่งเทคโนโลยีใหม่คือแรมแบบ GDDR6X ที่สามารถออกแบบชั้นเลเยอร์เพิ่มความจุได้ถึง 4 ชั้น ในขนาดเท่าเดิม ทำให้เพิ่มความจุและประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ใช้พื้นที่น้อยลง รวมไปถึงความเร็วที่สูงขึ้น โดยที่ประหยัดพลังงานยิ่งกว่าเดิม ซึ่งจะนำไปใช้ใน GeForce RTX 3080 และ RTX 3090 (ส่วน GeForce RTX 3070 และรุ่นเล็กกว่าจะยังคงเป็น GDDR6 ธรรมดาอยู่)
Graphics Memory | GDDR5 | GDDR6 | GDDR6X |
---|---|---|---|
Memory Comparison | Graphics | AI Inference Accelerator | AI Inference Accelerator |
Application Type (Example) | TitanX | Titan RTX RX5700 XT |
GeForce® RTX™ 3090 GeForce® RTX™ 3080 |
# of Placements | 12 | 12 | 12 |
Gb/s/pin | 11.4 | 14-16 | 19-21 |
GB/s/placement | 45 | 56-64 | 76-84 |
GB/s/system | 547 | 672-768 | 912-1008 |
Configuration (Example) | 384 IO (12pcs x 32 IO package) |
384 IO (12pcs x 32 IO package) |
384 IO (12pcs x 32 IO package) |
Frame Buffer of Typical System | 12GB | 12GB | 12GB |
Average Device Power (pJ/bit) | 8.0 | 7.5 | 7.25 |
Typical IO Channel | PCB (P2P SM) |
PCB (P2P SM) |
PCB (P2P SM) |
สเปคของ GDDR6X เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ
ที่ทีมงานได้มานี้เป็นรุ่น Founders Edition หรือเวอร์ชั่นที่ทาง NVIDIA ผลิตเองสำหรับขายในหลายประเทศ (ยกเว้นประเทศไทย) ด้วยราคา $699 หรือราคาไทย 24,600 บาท โดยจุดเด่นของกา์ดแบบ Founders Edition คือการที่ทาง NVIDIA ปรับชุดระบายความร้อนใหม่
ด้วยพัดลมระบายความร้อนแบบ 2 ทางที่จำช่วยดึงอากาศเย็นจากทั้งด้านล่าง และด้านบนของตัวเคสช่วยในการระบายความร้อนตัวการ์ดจอได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ส่วนหนึ่งด้วยตัวแผงวงจร PCB ที่เล็กลง ช่วยให้ด้านท้ายการ์ดออกแบบตัวพัดลมระบายความร้อนที่ไม่มีอะไรมาบดบัง สามารถระบายความร้อนจากฟินอลูมิเนียมที่ดึงความร้อนจาก GPU รวมถึงแรมจากท่อฮีทไปป์ ช่วยให้ระบายความร้อนได้เร็ว และอากาศถ่ายเทได้ดีกว่า แม้ไม่มีพัดลมเคสมาช่วย ส่วนของผู้ผลิตอื่นๆ เทคโนโลยีการออกแบบแผงวงจร รวมไปถึงการระบายความร้อนก็จะต่างออกไป
รู้จัก NVIDIA GeForce RTX 3080 ให้มากขึ้นกับวีดีโอนี้ครับ
GPU Engine Specs: | NVIDIA CUDA® Cores | 8704 |
Boost Clock (GHz) | 1.71 | |
Base Clock (GHz) | 1.44 | |
Memory Specs: | Standard Memory Config | 10 GB GDDR6X |
Memory Interface Width | 320-bit | |
Technology Support: | Ray Tracing Cores | 2nd Generation |
Tensor Cores | 3rd Generation | |
NVIDIA Architecture | Ampere | |
Microsoft DirectX® 12 Ultimate | Yes | |
NVIDIA DLSS | Yes | |
PCI Express Gen 4 | Yes | |
NVIDIA® GeForce Experience™ | Yes | |
NVIDIA Ansel | Yes | |
NVIDIA FreeStyle | Yes | |
NVIDIA ShadowPlay | Yes | |
NVIDIA Highlights | Yes | |
NVIDIA G-SYNC® | Yes | |
Game Ready Drivers | Yes | |
NVIDIA Studio Drivers | Yes | |
NVIDIA GPU Boost™ | Yes | |
NVIDIA NVLink™ (SLI-Ready) | – | |
Vulkan RT API, OpenGL 4.6 | Yes | |
HDMI 2.1 | Yes | |
DisplayPort 1.4a | Yes | |
NVIDIA Encoder | 7th Generation | |
NVIDIA Decoder | 5th Generation | |
VR Ready | Yes | |
Display Support: | Maximum Digital Resolution (1) | 7680×4320 |
Standard Display Connectors | HDMI 2.1, 3x DisplayPort 1.4a | |
Multi Monitor | 4 | |
HDCP | 2.3 | |
Founders Edition Card Dimensions: | Length | 11.2″ (285 mm) |
Width | 4.4″ (112 mm) | |
Height | 2-Slot | |
Founders Edition Thermal Power Specs: | Maximum GPU Temperature (in C) | 93 |
Graphics Card Power (W) | 320 | |
Recommended System Power (W) (2) | 750 | |
Supplementary Power Connectors | 2x PCIe 8-pin |
สเปคโดยละเอียดของเจ้า NVIDIA GeForce RTX 3080
เกริ่นกันมาเยอะแล้ว มาพบกับ NVIDIA GeForce RTX 3080 กันเลยดีกว่า เริ่มต้นด้วยกล่องเรียบๆ แต่มีรายละเอียดครบครัน ของแบบนี้ไม่ต้องโชว์หน้าตากันเยอะ
Unbox กันในแบบวีดีโอ
เปิดกล่องมาก็จะพบตัวการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3080 Founders Edition เรียบหรู สวยงามตามท้องเรื่อง พร้อมข้อความ INSPIRED BY GAMERS. BUILT BY NVIDIA. (ได้รับแรงบันดาลใจจากนักเล่นเกม สร้างโดย NVIDIA) การ์ดจอที่สร้างโดยเกมเมอร์ เพื่อเกมเมอร์จาก NVIDIA
ภายในกล่องจะมี คู่มือ พร้อมกับสายแปลง 8 pin x2 to 12 pin แบบใหม่ที่เล็กกว่าเดิม แต่จ่ายไฟได้มากขึ้น พร้อมคู่มือแนะนำการใช้งานต่างๆ
สายแปลงแบบใหม่ 16 PIN To 12 PIN แบบใหม่ ผมว่าสายมันสั้นไปหน่อย น่าจะยาวกว่านี้ ดูเป็นเหมือนท่อ จรวดอะไรสักอย่างไม่รู้
NVIDIA GeForce RTX 3080 Founders Edition มาในโทนสีดำเทา พร้อมลายเส้นอลูมิเนียมรมดำ ดูเรียบหรู ไม่เงาวิบวับเหมือน RTX 20 Series วัสดุเป็นโลหะทั้งหมด โดยมีพัดลมระบายความร้อน 2 ฝั่ง จากเดิมมีแค่ฝั่งเดียว ตัวนึงเป่า อีกตัวนึงดูด ระบายความร้อนผ่านฟินอลูมิเนียมสีดำที่ติดตั้งโดยรอบของตัวการ์ด ซึ่งมีพื้นที่สัมผัสอากาศเยอะกว่ารุ่นก่อนอย่างชัดเจน และมีโครงอลูมิเนียม CNC ทรงรูปเลข 8 เป็นกรอบของตัวการ์ด
โดยด้านหนึ่งจะเป็นแผง PCB ที่มีฝาพลาสติกสีดำปิดพร้อมชื่อรุ่น RTX 3080 ชัดเจน ซึ่งแผ่น PCB หรือตัว GPU จะมีแค่นี้ เป็นผลมาจากการออกแบบแผงวงจรใหม่ที่เล็กลงเพิ่มพื้นที่ของชุดระบายความร้อน โดยจะเป็นฝั่งที่หันเข้าซีพียูสำหรับเคสปรกติ แต่ถ้าใครตั้งการ์ดแนวตั้งอาจจะไม่เห็นโลโก้ RTX 3080 โดยด้านท้ายจะเป็นพัดลมระบายความร้อนแบบดูดดึงความร้อนจากฟินอลูมิเนียมเป่าไปทางซีพียู ดันอากาศร้อนไปทางด้านบน
อีกฝั่งของ NVIDIA GeForce RTX 3080 Founders Edition จะเต็มไปด้วยฟินอลูมิเนียมระบายความร้อนจำนวนมาก โดยมีขอบอลูมิเนียมเป็นตัวค้ำเพิ่มความแข็งแรง แม้จะเป็นฟินอลูมิเนียมเปลือยที่บางส่วนไม่มีกรอบมาปิด แต่ก็มีความแข็งแรงฟินอลูมิเนียมไม่ล้มง่ายๆ โดยจะมีพัดลมอยู่ด้านสล๊อต IO เป็นพัดลมแบบเป่าตรงไประบายความร้อนตรง GPU และระบายอากาศร้อนออกไปทางด้านสล๊อต PCI ด้านหลังเคส
ซึ่งการดีไซน์ฟินอลูมิเนียมแบบเปลือยทำให้ตัวการ์ดโปร่งระบายความร้อนดี มีพื้นที่ตักอากาศมากกว่า อีกทั้งยังสวยงามไปอีกแบบโดนที่ไม่มีกรอบมาบดบังเหมือนรุ่นก่อน แต่ก็มีข้อติตรงที่อาจจะบิดเบียว หรือเป็นรอยได้ง่ายถ้าไม่ระวัง
อย่าที่บอกครับว่าตัวแผงวงจรของ NVIDIA GeForce RTX 3080 Founders Edition จะมีอยู่เพียงแค่ราว 70% ของตัวการ์ดโดยพัดลมท้ายการ์ดจะเป็นฟินอลูมิเนียมที่นำควาร้อนจาก GPU ไประบายออกผ่านพัดลม โดยไม่มีอะไรมาบดบังเหมือนในการ์ดรุ่นก่อน เพราะฉะนั้นจะทำให้อากาศถ่ายเทได้ดีกว่ารุ่นก่อน
ด้านบนจะเห็นถึงกรอบอลูมิเนียม หรือกรอบโลหะสีเทารมดำ ทำให้ดูไม่เงาจนเกินไป โดยขอบด้านบนจะมีฟินอลูมิเนียม รวมถึงพอร์ต Power แบบใหม่ 12 PIN ซ่อนอยู่ และโลโก้ GEFORCE RTX ที่จะมีแสงไฟเป็นสีขาวเมื่อการ์ดจอทำงาน และไม่มีพอร์ต NVLink ให้มาแล้ว
พอร์ตสำหรับต่อกับพาวเวอร์ซับพลายจะเป็นพอร์ต 12 PIN แบบใหม่ที่เล็กลง แต่จ่ายไฟได้มากขึ้น ซ่อนอยู่ตรงฟินอลูมิเนียม แม้จะดูขัดใจเวลาติดตั้ง แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าตัวแผงวงจรมันสิ้นสุดแค่ตรงนี้ และให้ดูกลืนกับตัวฟินอลูมิเนียมระบายความร้อน และทาง NVIDIA มีสายแปลงแถมมาให้เลย ไม่ต้องไปหาซื้อให้วุ่นวาย
บริเวณสล๊อต PCI หรือพอร์ต IO จะปรับรุปแบบใหม่ โดยจะเรียงพอร์ตใหม่เป็นแนวนอน เพิ่มพื้นที่ระบายอากาศมากขึ้น และตัด USB Type-C ออกไป เน้น Display Port แบบ 1.4a จำนวน 3 พอร์ต และ HDMI 2.1 จำนวน 1 พอร์ต รองรับความละเอียดสูงสุดถึง 8K (7680×4320)
ท้ายการ์ดจะมีรูน๊อต 2 รู สำหรับยึดตัวค้ำกับบางเคสที่รองรับ เพื่อช่วยรับน้ำหนักของตัวการ์ด ดีกว่าใช้ตัวค่ำการ์ดจอเยอะ โดยเฉพาะ NVIDIA GeForce RTX 3080 Founders Edition ที่มีพัดลมอยู่ท้ายการ์ดทำให้ใช้ที่ตัวค้ำการ์ดจอได้ยาก
สล๊อต PCI Express x16 ที่อัพเกรทเป็น PCIe Gen4 แล้ว
ลองเชื่อมต่อสายแปลงพาเวอร์ 12 PIN ดูประหลาดจริงๆอย่างเขาว่าละ เหมือนท่อไอพ่นสักอย่าง ให้สายยาวกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้
NVIDIA GeForce RTX 3080 Founders Edition ดูยาว แต่ก็ไม่ได้ใหญ่มากเกินไป ขนาดกำลังเหมาะมือเลยทีเดียว
เทียบกับ Galax Geforce RTX 2060 Super ยาวไม่ต่างกัน แต่น้ำหนักต่างกันเยอะ
และเมื่อเทียบ NVIDIA Geforce RTX 3080 VS GeForce RTX 2080 Ti ชมการเทียบเต็มๆได้ที่ พรีวิวเทียบความหล่อ NVIDIA Geforce RTX 3080 VS GeForce RTX 2080 Ti
เทียบขนาดกับบอร์ด Full ATX และฮีทซิงค์ Cooler Master Hyper 212 led Turbo
ใน RTX 20 Series ตรงโลโก้จะเป็นไฟสีเขียว ส่วน RTX 30 Series จะเป็นไฟสีขาว
และยังมีไฟ สีขาวที่มุมเลข 8 เป็นรุปตัว V ตะแคงอีกด้วย โดยฝั่ง Logo RTX 3080 จะมีแค่ฝั่งพัดลมระบายความร้อนเส้นเดียว ส่วนอีกฝั่งจะมี 2 เส้น ทั้งซ้ายและขวา
อย่างที่บอกละครับว่าสายแปลงพาวเวอร์ค่อนข้างขัดใจ เพราะมันสั้นไป และค่อนข้างเกะกะ จัดสายยากหน่อย อาจจะต้องรอผู้ผลิตอื่นทำสายที่ยาวกว่านี้มา
โดยมีข้อสังเกตคือสายที่ต่อจากพาวเวอร์ซัพพลาย ทั้ง 2 เส้น ควรจะเป็นสายตรงที่ต่าจากพาวเวอร์ซัพพลาย อย่าใส่สาย Y ที่พ่วงมาเส้นเดียว เพราะอาจจะทำให้การ์ดจอทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ หรือค้างดับได้
สเปคเครื่องทดสอบ
- VGA : NVIDIA GeForce RTX 3080 Founders Edition 10 GB GDDR6X
- VGA : NVIDIA GeForce RTX 2080 Ti Founders Edition 11 GB GDDR6
- RAM : Transcend JM3200HLE-32GK – 32GB (2x16GB)
- CPU : Intel® Core™ i9-10900K Processor (20M Cache, up to 5.30 GHz)
- CPU Cooling : Cooler Master Hyper 212 Turbo
- RAM : Transcend JM3200HLE-32GK – 32GB (2x16GB)
- M/B : Asrock H470 Steel Legend
- PSU : THERMALTAKE 850W TOUGHPOWER GRAND RGB (80+ GOLD)
สเปครีวิว
คู่หูทดสอบขอทีมงานวันนี้คือ core i9-10900K กับเมนบอร์ด Asrock H470 Steel Legend แรม 32 GB
สเปคของ NVIDIA GeForce RTX 3080 Founders Edition มาพร้อมแรมความจุ 10 GB แบบ GDDR6X สเปคต่างๆอัดแน่นเลยทีเดียว
โดยทีมงานมีคู่เทียบทดสอบเป็นอดีตตัวท๊อปอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2080 Ti Founders Edition 11 GB GDDR6
CINEBENCH R15 ที่เน้นทดสอบซีพียู RTX 3080 เหนือกว่า RTX 2080 Ti อยู่เล็กน้อย
CINEBENCH R20 RTX 3080 กับ RTX 2080 Ti แทบไม่ต่างกัน
Geekbench 4 เน้นที่การทดสอบกราฟิก OpenCL คะแนของ RTX 3080 สามารถทำได้สูงกว่า RTX 2080 Ti เป็นแสน 469,890 คะแนน ต่อ 349,755 คะแนนเลยทีเดียว
PCMark10 RTX3080 คะแนนมากกว่าเล็กน้อย
3DMark TimeSpy ทีนี้ละ RTX 3080 สามารถทำคะแนนได้เหมือนกว่า RTX 2080 Ti อย่างเห็นได้ชัด แม้จะไม่มากกว่าเป็นเท่าตัว แต่ก็เหนือกว่าราว 10 – 15% เลยทีเดียว
ลิสท์ทดสอบเกมทั้ง 7 เกม ทีมงานสรุปเฟรมเรทตามนี้เลยครับ ใครอยากดูเฟรมในเกิมจริงสามารถชมได้ในวีดีโอรีวิวได้เลยครับ
สรุปผลทดสอบในแบบวีดีโอ
ความร้อน
ทีมงานทดสอบในห้องปรับอากาศที่อุณหภูมิห้องราว 28-30 องศาเซลเซียส
ด้วยชุดระบายความร้อนใหม่ของ NVIDIA GeForce RTX 3080 Founders Edition สามารถจัดการอุณหภูมิได้ดีทีเดียวเลย สูงสุดราว 77 องศาเซลเซียส โดยทีมงานทดสอบแบบเปิดโล่งไม่ได้ปิดเคส แต่การใช้งานจริงในเคสปิดที่จัดระบบระบายความร้อนดีๆ ก็อาจจะสูงขึ้นอีกเล็กน้อย
แต่เมื่อเทียบกับ NVIDIA GeForce RTX 2080 Ti Founders Edition กลับระบายความร้อนได้ดีกว่าเล็กน้อย สูงสุดที่ราว 75 องศาเซลเซียส ซึ่งผมดูแล้วแทบไม่ต่างกัน
ในส่วนของการระบายความร้อนแม้จะ NVIDIA GeForce RTX 2080 Ti Founders Edition ดูร้อนกว่า RTX 2080Ti เล็กน้อยแต่ด้วยสเปคที่เหนือกว่า ตัวการ์ดออกแบบใหม่เน้นการระบายความร้อน ก็ยังถือว่าสามารถจัดการระบบระบายความร้อนได้ดี และถ้ามีพัดลมช่วยเป่าตัวการ์ดด้วย จะยิ่งระบายความร้อนได้ดีขึ้นอีกด้วยฟินระบายความร้อนจำนวนมาก
NVIDIA GeForce RTX 2080 Ti Founders Edition สวยจริงๆ เรียบหรู
NVIDIA GeForce RTX 3080 Founders Edition ในรีวิวนี้คงตอบคำถามของหลายท่านได้ว่าประสิทธิภาพของ NVIDIA GeForce RTX 3080 นั้นดีกว่ารุ่นเก่าแบบที่ NVIDIA พูดไว้จริง (แม้จะไม่ได้ดูแรงเวอร์วังอลังการเหมือนตอนเปิดตัว) แรงกว่าอดีตตัวท๊อปอย่าง RTX 2080 Ti กว่าราว 30 – 40% หรือแรงกว่า RTX 2080 ราว 50 – 60% เลยทีเดียว โดยเฉพาะการเล่นเกมที่สามารถมองข้าม Full HD ไปเล่นที่ความละเอียดระดับ 4K ได้อย่างสบาย พร้อมปรับออปชั่นในเกมทุกอย่างได้สุด หรือถ้ามีจองรองรับ 8K ผมว่า NVIDIA GeForce RTX 3080 ก็สามารถจะขับได้ไหว ในส่วนของซีพียูเท่าที่ทดสอบร่วมกับ Intel Core i9-10900K การ์ดจอทำงาน 100% ซีพียูยังคงทำงานแค่ราว 40% เท่านั้น เพระาฉะนั้นผมว่าจับคู่กับ Core i7 หรือ Ryzen 7 ก็สามารถทำงานร่วมกันสบายๆ แต่ถ้าเป็น Core i5 หรือ Ryzen 5 คงต้องเป็นตัวท๊อป หรือพวกรหัส K รหัส X ก็น่าจะยังพอไหว
ในส่วนของชุดระบายความร้อนที่ออกแบบมาใหม่ของ NVIDIA GeForce RTX 3080 Founders Edition ถือว่าทำมาได้ดี จัดการความร้อนได้ แม้อาจจะไม่ได้ดีกว่ารุ่นเดิมมากมาย แต่อย่าลืมว่าเทคโนโลยีภายในนั้นอัพเกรทขึ้นมาร่วมเท่าตัว บอร์ด PCB ที่เล็กลง เพิ่มชุดระบายความร้อนให้ดีขึ้น อีกทั้งการออกแบบชุดระบายความร้อนใหม่ ยังทำให้ตัวการ์ดดูเรียบหรูสวยงาม อาจจะไม่ได้มีไฟจัดจ้านเหมือน custom บางค่าย แต่ผมเชื่อว่าหลายท่านชอบดีไซน์แบบ Founders Edition นี่ละ แต่ในความสวยก็ย่อมมีจุดขัดใจก็คือพอร์ตจ่ายไฟ 12 PIN แบบใหม่ ที่อยู่เข้าไปเกือบกลางตัวการ์ด คือเข้าใจละว่าเพราะบอร์ดมันเล็กลง เลยต้องยกภายจ่ายไฟไว้ตรงนั้น แต่ก็ทำให้การติดตั้งสายไฟยุ่งยาก และไม่สวยงามเท่าไร
NVIDIA GeForce RTX 3080 Founders Edition มาในราคา $699 หรือราคาไทย 24,600 บาท ราคาดีสเปคได้ หน้าตาสวย บอกเลยราคานี้คุ้มโคตร แต่ติดตรงที่ Founders Edition ไม่ได้วางจำหน่ายในบ้านเรา ด้วยเหตุผลทั้งกำลังการผลิตของ NVIDIA เอง และไม่อย่างชนกับหลายๆแบรนด์ที่ขายในบ้านเรา ทำให้การ์ด custom ของแต่ละแบรนด์มีราคาที่สูกว่าถึงราว 30,000 บาท แต่ก็ได้เพิ่มความสวยงามเช่นพัดลมไฟ RGB ชุดระบายความร้อนที่ดีขึ้น และรูปแบบของการ์ดที่หลากหลายขึ้นด้วย
จุดเด่น
- แรงกว่ารุ่นเดิมราว 30 – 40% (เทียบกับ 2080Ti)
- การ์ดดีไซน์เรยบหรู
- วัสดุดี แข็งแรงมาก
- ตัวการ์ดดูเรียบหรู
- ราคาสมเหตุสมผลกับประสิทธิภาพที่ได้มา
ข้อสังเกต
- ช่องต่อและสายต่อ 12 PIN ที่ดูขัดใจ และบังโลโก้ไปหน่อย
- ไม่มีแสงสีไฟ RGB
- ตัวการ์ด Founders Edition ไม่มีวางจำหน่ายในบ้านเรา
- ตัวการ์ดค่อนข้างยาวและหนัก