เตรียมขนทัพผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้การพัฒนากว่า 150 ดีไซน์ รวมถึงผลิตภัณฑ์อีก 20 รุ่นภายใต้แพลตฟอร์มใหม่ในชื่อIntel® Evo™
ข้อมูลสำคัญ
- อินเทลเปิดตัวโปรเซสเซอร์ใหม่ตระกูล Intel® Core™เจนเนอเรชั่น 11 ที่มาพร้อมการ์ดจอกราฟิก Intel® Iris® Xeโดยโปรเซสเซอร์ที่ดีที่สุดในโลกนี้เหมาะสำหรับแล็ปท็อปรูปลักษณ์บางเบา[1] มอบความเร็วในการสร้างสรรค์คอนเทนต์เพิ่มสูงสุดถึง 7 เท่า[2] ความเร็วในการทำงานด้านออฟฟิศเพิ่มขึ้นกว่า 20%[3]พร้อมเล่นและสตรีมเกมไวขึ้นกว่าเดิม2 เท่า[4]เหนือกว่าผลิตภัณฑ์คู่แข่งในสภาพแวดล้อมการใช้งานจริง
- เปิดตัวแพลตฟอร์มแบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อIntel® Evo™ เพื่อรองรับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ดีไซน์จากโปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 11 พร้อมด้วยชิปกราฟิก Intel Iris Xeและผ่านการรับรองตามโปรแกรมนวัตกรรม Project Athena ตรงตามสเปคในรุ่นที่สองและตามตัวบ่งชี้หลักของประสบการณ์การใช้งาน (Key experience indicators หรือ KEIs)
- เตรียมพบกับผลิตภัณฑ์ที่ขับเคลื่อนด้วยโปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 11 มากกว่า 150 รุ่นที่กำลังเข้าสู่ตลาด ทั้งจาก Acer, Asus, Dell, Dynabook, HP, Lenovo, LG, MSI, Razer, Samsung และผู้ผลิตรายอื่นๆ
ซานตา คลารา, แคลิฟอร์เนีย 2 กันยายน 2563 – อินเทลปลดปล่อยประสิทธิภาพแล็ปท็อปยุคใหม่ด้วยการเปิดตัวโปรเซสเซอร์เจนเนอเรชั่นถัดไปสำหรับคอมพิวเตอร์พกพา พร้อมวิวัฒนาการด้านความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ต่างๆ ในระบบนิเวศที่ยิ่งใหญ่ของอินเทล เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมพีซีคอมพิวเตอร์แบบพกพาให้รุดหน้า โปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 11 ใหม่ มาพร้อมชิปกราฟิก Intel Iris Xe(ชื่อรหัส “Tiger Lake”)เป็นโปรเซสเซอร์ที่ดีที่สุดในโลกสำหรับแล็ปท็อปรูปลักษณ์บางเบา พร้อมสมรรถนะเหนือกว่าใครด้านผลิตภาพเพื่อการใช้งานจริง ทั้งการทำงานร่วมกัน การสร้างสรรค์ การเล่นเกม และความบันเทิง บนแล็ปท็อปที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows และ ChromeOS
ด้วยการใช้เทคโนโลยีการประมวลผลSuperFinใหม่ของอินเทล ทำให้โปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 11 เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานพร้อมมอบสมรรถนะและการตอบสนองอันเป็นเลิศในขณะที่ประมวลผลด้วยความถี่ที่สูงขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ อย่างมีนัยสำคัญ โดยคาดว่าจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่จะใช้โปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 11 อีกกว่า 150 ดีไซน์จากพันธมิตรหลายรายเช่น Acer, Asus, Dell, Dynabook, HP, Lenovo, LG, MSI, Razer, Samsung และผู้ผลิตรายอื่นๆ
นอกจากนี้ อินเทลยังเปิดตัวแพลตฟอร์มแบรนด์ใหม่ ภายใต้ชื่อIntel Evo สำหรับแล็ปท็อปที่ออกแบบและได้รับการรับรองตามสเปครุ่นที่สองและตามตัวบ่งชี้หลักของประสบการณ์การใช้งาน (KEIs) ของโปรแกรมนวัตกรรม Project Athena เพียงมองหาเครื่องหมาย Intel Evo ผู้ใช้งานก็สามารถมั่นใจได้ว่าอุปกรณ์ดังกล่าวใช้ขุมพลังจากโปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 11 พร้อมชิปกราฟิก Intel Iris Xeและผ่านการรับรองแล้วว่าเป็นแล็ปท็อปที่จะมอบประสิทธิภาพการทำงานที่ดีที่สุด[5] โดยจะมีผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมสัญลักษณ์ Intel Evo กว่า 20 รุ่นวางจำหน่ายในท้องตลาดก่อนสิ้นปีนี้
เกรกอรี ไบรอันท์ รองประธานบริหารอินเทลและผู้จัดการทั่วไปกลุ่มผลิตภัณฑ์ประมวลผลคอมพิวเตอร์ลูกข่าย กล่าวว่า “โปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 11 ที่มาพร้อมกราฟิก Intel Iris Xeเป็นการก้าวกระโดดครั้งยิ่งใหญ่ด้านประสิทธิภาพโปรเซสเซอร์ในโลกการใช้งานจริง และถือเป็นโปรเซสเซอร์ที่ดีที่สุดที่เราเคยสร้างมา ไม่ว่าคุณต้องการเพิ่มพลังการสร้างสรรค์คอนเทนต์ มองหาความบันเทิง หรือการเล่นเกมเปี่ยมอรรถรส พลังของ Intel Core เจนเนอเรชั่น 11 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบทางวิศวกรรมร่วมกันและผ่านการรับรอง Intel Evo จะมอบประสบการณ์แล็ปท็อปที่ดีที่สุดให้กับคุณ”
เปิดตัวIntel Evo
อินเทลยังคงเป็นผู้นำในระบบนิเวศคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมในทุกแพลตฟอร์มและมอบประสบการณ์การใช้งานคอมพิวเตอร์ที่ดีที่สุด แบรนด์แพลตฟอร์มใหม่ Intel Evo เป็นสัญลักษณ์ของแล็ปท็อปที่ดีที่สุดที่ออกแบบมาให้คุณได้โฟกัสกับทุกงานจนสำเร็จลุล่วงในทุกสถานการณ์ ด้วยโปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 11 พร้อมชิปกราฟิก Intel Iris Xeที่ผ่านวิธีการทดสอบที่เข้มข้นตามข้อกำหนดรุ่นที่สองและตัวบ่งชี้หลักประสบการณ์ (KEIs) ของ Project Athena ทำให้อินเทลและเหล่าพันธมิตรด้านวิศวกรรมได้ร่วมกันยกระดับมาตรฐานใหม่ของประสบการณ์การใช้งานแล็ปท็อปอีกครั้งหนึ่ง
ด้วยการวัดผลการใช้งานภายใต้สภาวะของโลกการใช้งานจริงเพื่อมุ่งสร้างประสิทธิภาพและอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่มั่นคงสม่ำเสมอ ทำให้วิธีการทดสอบและวัดผลที่เป็นเอกลักษณ์ของอินเทลเป็นเครื่องบ่งชี้ที่แม่นยำถึงประสิทธิภาพการทำงานจริงของแล็ปท็อป แล็ปท็อปที่ได้รับการยืนยันด้วยเครื่องหมาย Intel Evo จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบตรงตามหรือเหนือกว่าข้อกำหนดและตัวบ่งชี้หลักประสบการณ์ (KEIs) เท่านั้น โดยข้อกำหนดขั้นพื้นฐานตามเป้าหมายของ KEI ได้แก่:
- แบตเตอรี่ให้การตอบสนองอย่างคงเส้นคงวา[6]
- เปิดใช้งานระบบจากโหมด Sleep ภายในไม่ถึง 1 วินาที
- อายุการใช้งานแบตเตอรี่ในสภาพแวดล้อมจริงเท่ากับหรือมากกว่า 9 ชั่วโมง สำหรับระบบที่ใช้จอแสดงผลความละเอียดระดับFHD[7]
- ชาร์จเร็วในเวลาน้อยกว่า 30 นาที เพื่ออายุการใช้งานนานสูงสุดถึง 4 ชั่วโมง สำหรับระบบที่ใช้จอแสดงผลความละเอียดระดับFHD[8]
แพลตฟอร์ม Intel Evo ยังมาพร้อมคุณสมบัติการเชื่อมต่อแบบมีสายและไร้สายที่ดีที่สุดในบรรดาคู่แข่ง[9] และรองรับการเชื่อมต่อเคเบิลมาตรฐานสากล Thunderbolt™ 4 และ Intel® Wi-Fi 6 (Gig+) ในตัว รวมถึงระบบเสียง กล้อง และจอแสดงผลคุณภาพสูง ทั้งหมดนี้ในอยู่ในรุปลักษณ์ที่สวยงามและบางเบาเพื่อประสบการณ์ใช้งานระดับพรีเมียม สำหรับข้อกำหนดเป้าหมายของรุ่นที่สองและขั้นตอนในการรับรอง โปรดดูจากเอกสารข้อมูล Intel Evo
โปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 11 พร้อมกราฟิก Intel Iris Xe
โปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 11 พร้อมชิปกราฟิก Intel Iris Xeเป็นโปรเซสเซอร์ที่ดีที่สุดในโลกสำหรับแล็ปท็อปรูปลักษณ์บางเบา ทั้งบนระบบปฏิบัติการ Windows และ ChromeOSโดยโปรเซสเซอร์ในเจนเนอเรชั่นนี้เป็นตัวแทนของความมุ่งมั่นครั้งสำคัญที่สุดของอินเทลในการสรรค์สร้างระบบบนชิปประมวลผล (System-on-chip หรือ SoC) ที่จะก้าวกระโดดไปไกลกว่าการผลัดเปลี่ยนเจอเนอเรชั่น ทั้งในด้านประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีที่สุดของการใช้งานแล็ปท็อป U-series ไม่ว่าจะเป็นเพื่อผลิตภาพ งานสร้างสรรค์ การเล่นเกม ความบันเทิง หรือการทำงานร่วมกัน คุณสมบัติในตัวอันหลากหลายจะช่วยขับเคลื่อนแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์รูปลักษณ์บางเบาที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) การเร่งความเร็วปัญญาประดิษฐ์ (AI acceleration) การเพิ่มประสิทธิภาพซอฟต์แวร์ และสมรรถนะของแพลตฟอร์ม ที่จะมามอบประสิทธิผลสูงสุดในการใช้งานจริง บนแอปพลิเคชันและฟีเจอร์ต่างๆ ที่ผู้คนนิยมเรียกใช้งานบ่อยที่สุด
- การทำงานร่วมกันอย่างหลากหลาย–โปรเซสเซอร์เจนเนอเรชั่น 11 เพื่อการทำงานร่วมกันที่ดีที่สุด พร้อมยกระดับประสบการณ์เฉพาะบุคคลอย่างสมจริงด้วย AI ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มคุณภาพเสียงด้วยการออฟโหลด CPU และลดเสียงรบกวนเบื้องหลังด้วย Intel Gaussian และ Neural Accelerator 2.0 (Intel GNA) การเบลอภาพพื้นหลังและประมวลวิดีโอความละเอียดสูงมากที่เร่งด้วย AI หรือการถอดรหัสสัญญาณวิดีโอล่าสุด พร้อมด้วย Intel® Wi-Fi 6 (Gig+) ในตัว ซึ่งเป็นเทคโนโลยี Wi-Fi ที่ดีที่สุดเพื่อการประชุมทางวิดีโอ[10] โดยทั้งหมดนี้อยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์พกพาสุดบางเบา
- ผู้นำประสิทธิภาพด้านผลิตภาพ– ด้วยประสิทธิภาพของโปรแกรมผลิตภาพสำหรับการทำงานออฟฟิศที่เร็วขึ้นกว่าเดิมกว่า 20% เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ของคู่แข่ง ในขั้นตอนการใช้งานจริงบนแล็ปท็อปของผู้คนในแต่ละวัน และรองรับ Thunderbolt 4ในตัวพร้อมกันสูงสุดถึงสี่พอร์ต ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์นานาประเภท และยังสามารถชาร์จเร็ว ต่อจอภาพภายนอก หรือต่อพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเพิ่มเติมได้ผ่านสายเคเบิลเพียงเส้นเดียว
- การสร้างสรรค์คอนเทนต์ขั้นสูง – ตกแต่งรูปภาพเร็วขึ้นสูงสุด 7 เท่าในการใช้งานจริง ตัดต่อวิดีโอได้เร็วกว่าสูงสุด 2 เท่า[11]เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์คู่แข่ง รองรับจอภาพ 8K HDR หรือจะต่อจอภาพ 4K HDR พร้อมกันสูงสุดสี่จอก็ได้
- ความบันเทิงสมจริงเต็มอิ่ม – โปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 11 จะรองรับ Dolby Vision ด้วยฮาร์ดแวร์เป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรม มอบประสบการณ์รับชมที่สมจริงกว่าและปรับปรุงระดับพลังงานของระบบ 20% โดยประมาณเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ช่วยให้รับชมการสตรีมวิดีโอได้นานขึ้นหนึ่งชั่วโมงเมื่อใช้งานบนแบตเตอรี่[12]
- ประสบการณ์การเล่นเกมรูปแบบใหม่ – เพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมสูงสุดถึง 2 เท่าจากเจนเนอเรชั่นก่อน[13] และเป็นครั้งแรกที่จะเล่นเกมชื่อดังอย่าง Borderlands 3, Far Cry New Dawn, Hitman 2 และเกมอื่นๆ ได้ทันทีที่ความละเอียด 1080p ปลดล็อกและแชร์ความสำเร็จกับเพื่อนๆ ด้วยคุณสมบัติการเล่นเกมพร้อมกับสตรีมเกมที่เร็วกว่าผลิตภัณฑ์ของคู่แข่งเกินกว่า 2 เท่า สัมผัสประสบการณ์ทั้งหมดนี้ได้จากระบบกราฟิก Intel Iris Xeในตัว อยู่ในดีไซน์ที่บางเบา
พานอส พาเนย์ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ไมโครซอฟท์ กล่าวว่า “โปรเซสเซอร์Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 11 ใหม่พร้อมกราฟิกIris® Xeจะมอบประสิทธิภาพและการตอบสนองที่น่าทึ่งแก่ผู้ใช้Windows ทั่วโลกให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและรับประสบการณ์บันเทิงได้มากขึ้นในทุกๆ วันไปอีกยาวนาน”
จอห์น โซโลมอน รองประธาน ChromeOSกล่าวว่า “จากความร่วมมือกันอย่างยาวนานและแน่นแฟ้นระหว่างอินเทลกับกูเกิลทำให้เราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพด้านประสบการณ์ผู้ใช้งาน เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะนำเสนอ Chromebook รุ่นถัดไปที่ขับเคลื่อนโดย Intel Core เจนเนอเรชั่น 11 ออกสู่ตลาด”
คุณสมบัติที่ปรับแต่งมาในตัวเพื่อแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์บางเบาที่ดีที่สุด
ตามรายละเอียดที่กล่าวไว้ในงาน Architecture Day 2020ว่าสถาปัตยกรรม CPU ใหม่รุ่น Willow Cove และกราฟิก Intel® Xeที่ผลิตบนเทคโนโลยีการประมวลผลSuperFinใหม่ของอินเทลจะมาสร้างปรากฏการณ์ความถี่สูงสุดถึง 4.8 Ghzและพัฒนาประสิทธิภาพการใช้พลังงานพร้อมกับเปิดใช้งานอุปกรณ์ประมวลผลพิเศษ ตัวเร่งความเร็ว และการปรับแต่งประสิทธิภาพซอฟต์แวร์ ซึ่งทั้งหมดอยู่บน SoC ในตัว โปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 11 จะมอบการผสมผสานที่ดีที่สุดของนวัตกรรมอุปกรณ์การประมวลผล พร้อมสำหรับทุกเวิร์กโหลดในสภาพการใช้งานจริง ได้แก่:
- กราฟิก Intel Iris Xeใหม่มีประสิทธิภาพเหนือกว่าร้อยละ 90 ของบรรดาการ์ดจอแยกที่นำมาจับคู่เพื่อใช้งานในเซ็กเมนต์นี้[14] และมอบประสิทธิภาพสูงสุด 96 EUs และสูงสุด16MB ของ L3 cache
- ชุดคำสั่งแรกสำหรับการอนุมานบนนิวรัลเน็ตเวิร์ก (neural network)อยู่ในกราฟิกในตัว มาพร้อม Intel® DL Boost: DP4a และเป็นครั้งแรกที่รองรับประเภทข้อมูล INT8 แบบเนทีฟ มอบประสิทธิภาพ AI ที่ดีขึ้นสูงสุด 5 เท่า[15]
- การเพิ่มความปลอดภัยด้วยฮาร์ดแวร์พร้อมเทคโนโลยีในตัว Intel® Control Flow Enforcement Technology (CET) และ Intel® Total Memory Encryption
- รองรับ AV1 CODEC ประสิทธิภาพสูง ที่สามารถใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับความละเอียดระดับ 4K แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีแบนด์วิธจำกัด
- ครั้งแรกสุดที่มีโซลูชันการประมวลผลรูปภาพเพื่อเปิดใช้งานการรับรู้ทัศนวิสัยและปรับลดแสงได้อัตโนมัติ
- การเชื่อมต่อ Thunderbolt 4 ที่ดีที่สุด รองรับสูงสุดถึงสี่พอร์ต พร้อมเชื่อมต่อเคเบิลมาตรฐานสากลที่ใช้ชาร์จไฟ ถ่ายโอนข้อมูล และวิดีโอ
- ครั้งแรกของ SoC สำหรับเครื่องลูกข่ายพกพาที่มีอินเทอร์เฟซ PCIe Gen 4 ต่อกับ CPU สูงสุดสี่เลน
ด้วยประสิทธิภาพที่ปรับสเกลได้ ในรูปแบบดีไซน์การระบายความร้อนตั้งแต่ขนาด 7 ถึง 28 วัตต์ และการกำหนดค่าโปรเซสเซอร์แตกต่างกันเก้าสเปคบนการออกแบบแพ็คเกจสองดีไซน์ เพื่อความยืดหยุ่นด้านฟอร์มแฟคเตอร์ และให้ความถี่เทอร์โบสูงสุด 4.8 GHz ทำให้โปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 11 สามารถมอบความเร็วคอร์เดี่ยวที่เพียงพอสำหรับเวิร์กโหลดขั้นสูง ในแล็ปท็อปรูปลักษณ์สุดบางเบา
ซอฟต์แวร์และปริมาณงานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพอาจได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพสูงสุดบนไมโครโปรเซสเซอร์ของอินเทลเท่านั้น
การทดสอบประสิทธิภาพต่างๆ เช่น SYSmarkและ MobileMarkจะวัดโดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ส่วนประกอบ ซอฟต์แวร์ การดำเนินงาน และฟังก์ชั่นเฉพาะ การเปลี่ยนแปลงของปัจจัยเหล่านี้อาจทำให้ผลลัพธ์แตกต่างกัน ควรศึกษาข้อมูลและการทดสอบประสิทธิภาพอื่นๆ เพื่อช่วยประเมินการซื้อที่ผ่านการไตร่ตรองอย่างสมบูรณ์ รวมถึงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์นั้นเมื่อใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ สามารถศึกษาข้อมูลที่สมบูรณ์ได้ที่ http://www.intel.com/benchmarks
ผลการวัดประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับการทดสอบและการกำหนดค่า ณ วันที่แสดงไว้ ซึ่งอาจไม่มีการเปิดเผยการปรับปรุงต่างๆ ต่อสาธารณะทั้งหมด สามารถดูรายละเอียดการเปิดเผยข้อมูลการกำหนดค่าสำหรับรายละเอียดต่างๆ ได้ที่ www.intel.com/11thgenและ www.intel.com/Evo และไม่มีผลิตภัณฑ์หรือส่วนประกอบใดที่ให้ผลการทดสอบอย่างแน่นอน
- ค่าใช้จ่ายและผลลัพธ์ของผลิตภัณฑ์อาจแตกต่างกัน
- เทคโนโลยีของอินเทลอาจต้องเปิดใช้งานฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรือการเปิดใช้งานบริการอื่นๆ เสริม
- อินเทลไม่ได้ควบคุมหรือตรวจสอบข้อมูลของบุคคลที่สาม ควรปรึกษาแหล่งข้อมูลอื่นเพื่อประเมินความถูกต้อง
- แผนผลิตภัณฑ์และแผนงานทั้งหมดอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
เกี่ยวกับ อินเทล
อินเทล (Intel) (Nasdaq: INTC) คือผู้นำในอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่โลก เพื่อสร้างความก้าวหน้าในระดับโลกและสร้างสรรค์คุณภาพชีวิต ด้วยแรงบันดาลใจจากกฎของมัวร์ เรามุ่งมั่นพัฒนาดีไซน์และการผลิตเซมิคอนดักเตอร์เพื่อช่วยแก้ปัญหาและความท้าทายที่สำคัญที่สุดของลูกค้า ด้วยการฝังอัจฉริยภาพลงไปในระบบคลาวด์ เน็ตเวิร์ก Edge และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทุกประเภท อีกทั้งปลดปล่อยศักยภาพด้านข้อมูลเพื่อเปลี่ยนแปลงธุรกิจและสังคมให้ดียิ่งขึ้น หากท่านต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนวัตกรรมของอินเทล กรุณาเยี่ยมชมศูนย์ข่าวและเว็บไซต์อินเทลได้ที่ newsroom.intel.comและ intel.com
© Intel Corporation. Intel, อินเทล สัญลักษณ์อินเทล และเครื่องหมายอื่นๆ ของอินเทล เป็นเครื่องหมายการค้าของอินเทล คอร์ปอเรชั่น หรือบริษัทในเครือ ชื่อและแบรนด์อื่นๆ อาจเป็นทรัพย์สินของผู้อื่น
##
[1]วัดโดยเกณฑ์มาตรฐานอุตสาหกรรม การทดสอบ Representative Usage Guide และคุณลักษณะเฉพาะของโปรเซสเซอร์ Intel® Core™ i7-1185G7 รวมถึงเปรียบเทียบกับ AMD Ryzen 7 4800U ในห้าลักษณะการใช้งานหลัก ได้แก่ ผลิตภาพ การสร้างสรรค์ การเล่นเกม การทำงานร่วมกัน และความบันเทิง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประสิทธิภาพและผลการวัดประสิทธิภาพ โปรดดู www.intel.com/11thgen
[2]วัดผลการใช้งานด้านการสร้างสรรคคอนเทนต์โดย Photo Editing
[3]วัดผลการใช้งานด้านผลิตภาพโดยMicrosoft Office 365
[4]วัดผลการใช้งานด้านการเล่นเกมโดย การเล่นและสตรีมเกม
[5]วัดโดยโปรแกรมนวัตกรรม Project Athena เพื่อแล็ปท็อป ตัวบ่งชี้หลักประสบการณ์ และ Representative Usage Guides ของโปรเซสเซอร์ Intel® Core™เจนเนอเรชั่น 11 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประสิทธิภาพและผลการวัดประสิทธิภาพ โปรดดู www.intel.com/Evo และ www.intel.com/11thGen
[6]ความเร็วที่วัดได้ของดีไซน์ระดับพรีเมียมที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows ในขณะที่ดำเนินการ 25 ขั้นตอนเพื่อการคาดการณ์ประสิทธิภาพภายใต้สภาพแวดล้อมการใช้งานทั่วไป ซึ่งประกอบด้วยแอปฯบนคลาวด์ แอปฯบนเครื่อง และเปิดหน้าเว็บ ได้แก่ Google Chrome, Google G-Suite, Microsoft Office 365, YouTube และ Zoom การทดสอบ ณ เดือนสิงหาคม 2563 บนแล็ปท็อปที่ใช้แบตเตอรี่ DC ≥30% เชื่อมต่อกับ 802.11 ไร้สายและการกำหนดค่าฮาร์ดแวร์มาตรฐานบน Windows 10 และใช้ความสว่างหน้าจอ 250 nit
[7]ใช้เวลาในการลดระดับแบตเตอรี่จาก 100% ถึงระดับวิกฤติในขณะใช้งานตามขั้นตอนการทำงานภายใต้สภาพแวดล้อมการใช้งานทั่วไป ซึ่งประกอบด้วยแอปฯบนคลาวด์ แอปฯบนเครื่อง และเปิดหน้าเว็บ ได้แก่ Google Chrome, Google G-Suite, Microsoft Office 365, YouTube และ Zoom การทดสอบ ณ เดือนสิงหาคม 2563 บนแล็ปท็อปที่เชื่อมต่อกับ 802.11 ไร้สายและการกำหนดค่าฮาร์ดแวร์มาตรฐานบน Windows 10 และใช้ความสว่างหน้าจอ 250 nit
[8]การชาร์จขั้นต่ำภายในเวลา 30 นาทีขณะที่ปิดเครื่อง จากระดับการปิดระบบตามค่าเริ่มต้นของ OEM ประสิทธิภาพแตกต่างกันไปตามการใช้งาน การกำหนดค่า และปัจจัยอื่นๆ ผลนี้มาจากการทดสอบ ณ เดือนสิงหาคม 2563
[9]ผลิตภัณฑ์Intel® Wi-Fi 6 (Gig +) เปิดใช้งานความเร็วสูงสุดที่เป็นไปได้สำหรับผลิตภัณฑ์ Wi-Fi ของแล็ปท็อปทั่วไป Thunderbolt™ 4 เป็นพอร์ตที่เร็วที่สุดในแล็ปท็อปที่ความเร็ว 40 Gb/s เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ I/O ของแล็ปท็อปอื่นๆ เช่น eSATA, USB และ IEEE 1394 Firewire ประสิทธิภาพจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เฉพาะที่ใช้ ต้องใช้อุปกรณ์ที่รองรับ Thunderbolt
[10]ตามที่วัดโดย OTA (Over the Air) Wi-Fi 6 (802.11ax) เทียบกับ Wi-Fi 5 (802.11ac) ไคลเอ็นต์ NB ข้อมูลการทดสอบการประชุมทางวิดีโอ Skype ในสถานการณ์การใช้งานเครือข่าย IT มาตรฐานในองค์กร 20 MHz และ 40 MHz ดูที่ www.intel.com/11thgenสำหรับรายละเอียดการกำหนดค่า
[11]วัดผลการใช้งานด้านการสร้างสรรค์คอนเทนต์โดย : Video Editing
[12]อินเทลประมาณการของการประหยัดพลังงานระดับระบบ 20% โดยประมาณเมื่อเทียบกับ VEBoxที่เปิดใช้งานการเล่น Dolby Vision 4K24fps บนการออกแบบอ้างอิง TGL Core™ i7-1185G7 เทียบกับการออกแบบอ้างอิง ICL Core™ i7-1065G7 ที่กำหนดค่าไว้คล้ายคลึงกัน ซึ่งแปลเป็นการเล่น Dolby Vision นานขึ้นมากกว่าหนึ่งชั่วโมง ระยะเวลาการรับชมเนื้อหาบนดีไซน์ TGL Core™ i7-1185G7 พร้อมแบตเตอรี่ 40WHrการทดสอบ ณ เดือนสิงหาคม 2563
[13]วัดโดย Gears Tactics (1080p Medium ที่เปิดใช้งานการแรเงาในอัตราตัวแปร) บนโปรเซสเซอร์ Intel® Core™ i7-1185G7 เจนเนอเรชั่น 11 เทียบกับโปรเซสเซอร์ Intel® Core™ i7-1065G7U เจนเนอเรชั่น 10
[14]จากการวิเคราะห์ตลาดของระบบกราฟิกแยกที่จับคู่กับ U-series ที่วางขายในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
[15]ตามที่วัดโดย MLPerf v0.5 Inference with Offline Scenario โดยใช้ เฟรมเวิร์ก OpenVINO2020.2 Closed ResNet50-v1.5 offline int8 GPU (Batch = 32) บนโปรเซสเซอร์ Intel® Core™ i7-1185G7 เจนเนอเรชั่น 11 เทียบกับเฟรมเวิร์ก OpenVINO2020.2 Closed ResNet50-v1.5 offlineFP32 GPU (Batch = 32)