งาน Commart 2020 ที่จัดขึ้น ไบเทค บางนา ในวันที่ 20 – 23 สิงหาคม มี MSI Notebook น่าซื้อให้เลือกหลากหลายรุ่นมากมาย ซึ่มีทั้งรุ่นที่เน้นทำงานบางเบา เล่นเกมคุ้มค่า หรือเล่นเกมระดับโปร รวมถึงทำงานระดับโปรด้วย โดยมีราคาเริ่มต้นไม่ถึง 20,000 บาท จนไปถึงหลายหมื่นบาท ซึ่งแบ่งออกเป็นซีรีส์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Bravo 15 / Bravo 17 / Modern 14 / Modern 15 / GL65 / GP65 / GE66 / GS66 และรุ่นพิเศษสุดๆ อย่าง MSI GE66 Dragonshield
จัดเต็มเรื่องของสเปกแบบสุดทาง ได้สเปกเป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 หรือ AMD Ryzen 4000 ตอบสนองประสิทธิภาพที่สูงยิ่งขึ้นไปอีก ส่วนฟีเจอร์และดีไซน์ก็ล้ำหน้าไม่แพ้กัน รวมไปถึงมีลูกเล่นที่ไม่เคยมีมาก่อน ส่งเสริมให้เรามีประสบการณ์ใช้งานที่ยอดเยี่ยมสมกับเป็น Notebook เพื่อการทำงานหรือเล่นเกม สมกับที่เป็น MSI ที่ตั้งใจนำเสนอ Notebook ที่เหนือชั้นกว่า เชื่อว่าต้องถูกใจกันซักรุ่นอย่างแน่นอน
สำหรับบทความนี้เราจะมาแนะนำ MSI Notebook รุ่นใหม่ๆ ในงาน Commart 2020 ที่มีความน่าสนใจ ซึ่งประกอบไปรุ่นที่เน้นพกพา ดีไซน์บางเบา แบตเตอรี่ยาวนาน หรือเล่นแบบสเปกจัดเต็ม รวมไปถึงเทคโนโลยีล้ำๆ ทำงานร่วมกับการ์ดจอ Radeon RX 5500M / GeForce GTX 1650 / GTX 1650 Ti / 1660 Ti / RTX 2060 / RTX 2070 / RTX 2080 ในส่วนของแรมที่ 8GB / 16GB / 32GB และ SSD 512GB / 1TB ก็ใส่เต็มพร้อมใช้งานทันที ในราคาที่ถูกสุดแค่ 19,900 บาทเท่านั้น !!! แน่นอนว่าในงานนี้ก็ต้องลดราคา ต่อรองได้ พร้อมมีของแถมมากมายอีกด้วย จะมีรุ่นอะไรบ้างไปชมกันต่อเลย
*** ในงาน Commart 2020 สามารถต่อลดราคาจากป้ายได้อีก บางรุ่นลด 1,000 บาท / 2,000 บาท หรือซื้อผ่าน Shopee ลดไป 1,500 บาท / ซื้อผ่าน Lazada ลดไปอีก 1,000 บาท***
ดู MSI Promotion Brochure ของแถมในงาน Commart 2020 <<<
MSI Bravo 15 ราคา 29,990 – 32,990 บาท
MSI Bravo 15 นับว่าเป็น Gaming Notebook ปี 2020 จอ 15.6″ น้ำหนักเบาสุดๆ ที่ 1.96 กิโลกรัม สเปกชิปประมวลผล AMD Ryzen 4000H อีกหนึ่งรุ่นในตลาด จากทาง MSI ที่น่าสนใจจริงๆ ได้สเปกเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 4600H /Ryzen 7 4800H ที่เป็นรุ่นใหม่ล่าสุด ล้ำด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 นาโนเมตร สถาปัตยกรรม Zen 2 (Renoir) จับคู่มากับการ์ดจอ AMD Radeon RX5500M ซึ่งได้เทคโนโลยี 7 นาโนเมตร สถาปัตยกรรม RDNA แน่นอนว่าสเปกนี้ทำให้เราเล่นเกมได้แรงลื่น กว่าสเปกก่อนๆ อย่าง Ryzen 3000H + Radeon RX5500M ใน MSI Apha 15 รุ่นพี่ที่ออกมาก่อน
ในส่วนของสเปกอื่นๆ MSI Bravo 15 เป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ ขอบจอบางเฉียบ พาเนลเลือกใช้เป็น IPS ที่รองรับ Refresh Rate 120Hz / 144Hz ที่ให้ทั้งสีสันที่สวยงามและความลื่นไหลไปพร้อมๆ กัน โดยติดตั้งหน่วยความแรมเป็นขนาด 8GB / 16GB มาตรฐาน DDR4 Bus 3200Hz และใส่ที่เก็บข้อมูลมาเป็นแบบ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ซึ่งได้ทั้งความลื่นไหลและความจุสูงไปในตัวเดียว โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 29,990 บาทกับรุ่น Ryzen 5 4600H และ 32,990 บาทกับรุ่น Ryzen 7 4800H ซึ่งมีราคาต่างกันที 3,000 บาท และ 34,990 บาท ที่แรมเป็น 16GB และจอ 144Hz เพิ่มเข้ามา
โดย MSI Bravo 15 เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอขนาด 15.6″ Full HD พาเนล IPS มี Refesh Rate ที่ 120Hz / 144Hz แน่นอนว่ารองรับเทคโนโลยี AMD FreeSync Premium ให้ภาพลื่นไหลและไม่ฉีกขาด ลำโพงทำงานร่วมกับซอฟแวร์ของ Nahimic เวอร์ชั่น 3 ทำให้สามารถขับเสียงได้ดียิ่งกว่าเดิม พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอล 2 ตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, 2 x USB 3.2 Type-A Gen 1, 2 x USB 3.2 Type-C Gen 1, Kensington lock slot, LAN RJ-45, HDMI, รูหูฟังกับไมค์ 3.5 มิลลิเมตร พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Wi-Fi 6 AX + Bluetooth 5.1 แน่นอนว่ามี Windows 10 แท้ใช้งานได้ทันที ประกันเป็นแบบ 2 ปี ตามมาตรฐานของ MSI
วัสดุอลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง อีกทั้งตัวเครื่องก็มีความบางสุดที่ 21.7 มิลลิเมตรด้วย ส่งผลให้การพกพาไม่เป็นปัญหาแน่นอน พร้อมใช้ลวดลายเป็นลักษณะเงาบรัชปัดเสี้ยนเป็นเส้นๆ ทั้งภายนอกและภายใน แนวตั้งดูโดดเด่นแบบเรียบง่ายตามสไตล์ของ Gaming Notebook แบรนด์ MSI หลายๆ รุ่น นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีระบบระบายความร้อนแบบพิเศษ Cooler Boost 5 ที่มาพร้อม 2 พัดลมขนาดใหญ่ ฮีทไปป์ 6 เส้น เย็นเฉียบหายห่วงไปเลย พร้อมกับทำการเซาะร่องระบายอากาศหลายตำแหน่งด้วยกัน ลำโพงก็อยู่ที่ด้านล่าง 2 ตัวทำให้ตัวเครื่องสามารถกระจายเสียงได้ดี
- Ryzen 5 4600H /RX 5500M / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 120Hz ราคา 29,900 บาท
- Ryzen 7 4800H /RX 5500M / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 120Hz ราคา 32,900 บาท
- Ryzen 7 4800H /RX 5500M / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 144Hz ราคา 34,900 บาท
MSI Bravo 17 ราคา 35,900 – 37,900 บาท
MSI Bravo 17 ถือว่าเป็น Gaming Notebook รุ่นถัดมาจาก MSI Bravo 15 ที่เป็น AMD Notebook รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ใช้ทั้งชิปประมวลผล Ryzen 4000H และการ์ดจอเป็น AMD Radeon RX5500M โดยมีขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่าที่ 17.3″ แตกต่างจาก MSI Bravo 15 ที่เป็น 15.6″ ให้ความคุ้มค่าไม่แพ้กัน ความละเอียดเป็น Full HD พาเนล IPS มี Refesh Rate ที่ 144Hz แน่นอนว่ารองรับ FreeSync ให้ภาพไม่ฉีกขาด โดดเด่นด้วยน้ำหนักเพียง 2.2 กิโลกรัม ขอบจอบางเฉียบ มิติตัวเครื่องเล็กกระทัดรัด นับได้ว่าเป็นหนึ่งใน Gaming Notebook 17.3″ ที่น่าสนใจที่สุดในตลาด
สเปกใช้ชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 4800H เป็น CPU ที่ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธรด มีความเร็วอยู่ที่ 2.90 – 4.20GHz โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 นาโนเมตร เช่นเดียวกับการ์ดจอ Radeon RX5500M ส่งผลให้ได้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดียิ่ง พร้อมด้วยความร้อนที่น้อยลงไปอีก และประหยัดแบตเตอรี่มากกว่าเดิมด้วย มีที่เก็บข้อมูลเป็นมาตรฐาน SSD แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่ทั้งแรงและลื่นไหล ในส่วนของแรมมีมาให้ 8GB / 16GB แบบ DDR4 Bus 3200MHz อัปเกรดได้สูงสุด 32 GB (ใส่ Ram ได้ 2 แถว) นับได้ว่าเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว
ลำโพงทำงานร่วมกับซอฟแวร์ของ Nahimic เวอร์ชั่น 3 ทำให้สามารถขับเสียงได้ดียิ่งกว่าเดิม พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอล 2 ตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง 1 x HDMI, 3 x USB 3.1 Type-A, 1 x USB 3.1 Type C, Kensington lock slot, Lan RJ-45 , รูหูฟังกับไมค์แบบแยกออกจากกัน พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Wi-Fi 6 AX + Bluetooth 5.0 พร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ ซึ่งดูจากราคาก็นับว่ามีความคุ้มค่ามากๆ เริ่มต้นเพียง 35,900 บาท สำหรับรุ่นแรม 8GB และ 37,900 บาทกับรุ่นแรม 16GB รายละเอียดอื่นๆ เหมือนกันหมด
หน้าตาการออกแบบเอง MSI Bravo 17 โดดเด่นทั้งในส่วนของดีไซน์ภายนอกภายใน ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าทำได้แตกต่างชัดเจนคือส่วนของโลโก้ฝาหลังด้วยนกธันเดอร์เบิร์ดสยายปีกสีเงินมันวาว สวยดุดันตามสไตล์ของ Gaming Notebook ที่บรรดาเกมเมอร์ชื่นชอบกัน โดยเป็นโทนสีดำตลอดทั้งตัวเครื่องตัดกับสีแดงเช่นเดิม มีความบางที่ 22~23.1 มิลลิเมตร ทำให้พกพาได้สะดวกกว่า Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ ทั่วไป ลวดลาย Brushed Aluminum ที่เขียนลงไปบนฝาพับ ให้สัมผัสที่เรียบหรู แต่ดูมีมิติมากยิ่งขึ้น รวมถึงยังมีการยกตัวเครื่องให้สูงขึ้นเมื่อกางฝาพับออก ทำให้การระบายความร้อนทำได้อย่างเต็มที่ และยังทำให้ได้องศาในการวางมือบนคีย์บอร์ดที่ยอดเยี่ยมกว่าเดิม
คีย์บอร์ดของ MSI Bravo 17 เป็น Gaming Notebook โดดเด่นมากๆ จากการที่ใช้ Gaming Keyboard ที่ร่วมพัฒนากับแบรนด์ SteelSeries โดยพัฒนาและออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมบน Gaming Notebook จาก MSI โดยเฉพาะ ทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมๆ กัน ที่สำคัญได้ไฟ LED ที่เป็น Per Key RGB พร้อมเทคโนโลยีใหม่อย่าง Silver Lining Print ขอบโปร่งแสงสวยงาม และในส่วนของช่องระบายความร้อน มีด้วยกัน 4 ช่องคือด้านหลัง 2 ช่อง และซ้ายขวาอย่างละ 1 ช่อง โดยใช้พัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 6 – 7 เส้น ตามมาตรฐานของ Cooler Boots
- Ryzen 7 4800H / RX5500M / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 17.3″ IPS 144Hz ราคา 35,900 บาท
- Ryzen 7 4800H / RX5500M / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 17.3″ IPS 144Hz ราคา 37,900 บาท
MSI Modern 14 ราคา 19,900 – 23,500 บาท
MSI Modern 14 เป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่หน้าจอ 14″ ตัวแรงลื่น สีดำ Onyx Black เคลือบพื้นผิวด้วยเทคโนโลยี Sandblasting พ่นเนื้อทรายละเอียด ให้สัมผัสที่เรียบเนียน โดยมาพร้อมกับประสิทธิภาพจากชิปประมวลผล AMD Ryzen 4000U รุ่นล่าสุดอย่าง Ryzen 5 4500U / Ryzen 7 4700U ผสานการทำงานร่วมกับการ์ดจอออนชิป Radeon 6 / 7 ในส่วนของสเปกแรมได้มาขนาด 8GB DDR4 Bus 3200MHz และ SSD M.2 NVMe PCIe ที่ 512GB จัดเต็ม ส่งให้มีประสิทธิภาพในการทำงานที่ทรงพลังอย่างที่สุด สนับสนุนทั้งทำงานและเล่นเกมที่เหนือชั้นกว่าโน๊ตบุ๊คบางเบารุ่นอื่นๆ
สำหรับ MSI Modern 14 ได้หน้าจอแสดงผลพาเนล IPS มาตรฐานความละเอียด Full HD ที่จะช่วยให้เหล่าครีเอเตอร์ได้เติมเต็มประสบการณ์ในด้านการสร้างสรรค์ผลงานได้มากยิ่งขึ้น บางเฉียบโดยมีพื้นที่แสดงผลกว่า 90% จอเป็นแบบด้านที่ให้เรื่องสีสันสดใส รองรับใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกมก็ทำได้อย่างเป็นอย่างดี ส่วนบานพับก็แข็งแรงกว่ารุ่นก่อนๆ พร้อมกางได้ 180 องศา ทำให้นำเสนองานได้อย่างเต็มที่และง่ายขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งได้ฟีเจอร์อื่นๆ ที่ครบครันตามสไตล์ของ MSI ที่จัดเต็ม ไม่เกรงใจใคร ในราคาเพียง19,900 บาทเท่านั้น จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊ค Ryzen 4000U หน้าจอขนาด 14″ ที่น่าสนใจมากๆ ทีเดียว
สเปกที่จัดเต็มตอบโจทย์การใช้งานแบบสุดๆ ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายก็ครบครันด้วย Wi-Fi 5 AC และ Bluetooth 5.0 เป็นมาตรฐานอีกด้วยพร้อมซอฟต์แวร์ Creator Center ช่วยปรับแต่งการทำงาน พร้อมการรับประกัน 2 ปี ตามมาตรฐานของ MSI มิติตัวเครื่องมีความเล็กกระชับกับขอบหน้าจอที่บางลงอย่างเห็นได้ชัดที่ 5.6 มิลลิเมตร ทั้งด้านซ้ายขวาและขอบบน รวมถึงยังได้มาตรฐาน Military Grade มีความทนทานในการใช้งานเป็นพิเศษมากกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วๆไป ในเรื่องของการทน ฝุ่น ละอองน้ำ และการกระแทก ในส่วนของแบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนานกว่า 10 ชั่วโมง
ส่วนความบางตัวเครื่องอยู่ที่ 15.9 มิลลิเมตรเท่านั้น ถือว่า MSI นำเสนอโน๊ตบุ๊คที่ทั้งเบามากๆ แถมยังบางสุดๆ ท้าชนกับแบรนด์อื่นๆ ได้อย่างสบายๆ เลยครับ สำหรับการเปิดปิดฝาของหน้าจอก็ทำได้ง่ายเพราะขอบตัวเครื่องด้านหน้าได้มีการเว้นร่องเว้าเอาไว้สวยงาม พร้อม Ergonomics View Design ช่วยยกตัวเครื่องให้สูงขึ้น ส่งมวลลมเย็นถูกดูดเข้าช่องลมขนาดใหญ่ได้มากขึ้นส่งผลให้มีประสิทธิภาพในการระบายความร้อนที่ดี ที่ช่วยยกตัวให้สูงขึ้นจากพื้นที่ 5 องศา ส่งผลให้พัดลมสามารถดูดลมเย็นเข้าไปได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งการเอียงของตัวเครื่องเล็กน้อยนั้น ก็ทำให้พิมพ์สัมผัสได้ถนัดมือยิ่งขึ้นไปอีกนั่นเอง
การออกแบบให้ความรู้สึกที่ดุดันพรีเมียมด้วยวัสดุอลูมิเนียม ตลอดทั้งตัวเครื่อง ที่สำคัญคือตัวเครื่องมีความพรีเมียมและบางเบาอย่างที่สุด มีน้ำหนักเพียง 1.3 กิโลกรัมเท่านั้น พร้อมตัดขอบเพชรเพิ่มความหรูหรา พร้อมความทนทานระดับ Military Standard ด้วยการผ่านการทดสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด ทั้งทนร้อนทนเย็น ความดันอากาษ ความชื้นและฝุ่นต่างๆ ในระดับหนึ่ง มิติตัวเครื่องมีความเล็กกระชับกับขอบหน้าจอที่บางลงอย่างเห็นได้ชัดที่ 5.6 มิลลิเมตร ทั้งด้านซ้ายขวาและขอบบน ถือว่า MSI นำเสนอโน๊ตบุ๊คที่ทั้งเบามากๆ แถมยังบางสุดๆ ท้าชนกับแบรนด์อื่นๆ ได้อย่างสบายๆ เลย
- Ryzen 5 4500U / Radeon 6 / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 14″ IPS 60Hz ราคา 19,900 บาท
- Ryzen 7 4700U / Radeon 7 / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 14″ IPS 60Hz ราคา 23,500 บาท
MSI GF75 Thin ราคา 42,900 – 44,900 บาท
MSI GF75 Thin เป็น Gaming Notebook รุ่นใหม่ที่มีหน้าจอขนาด 17.3″ ดีไซน์ขอบบางพิเศษ ทำให้มิติตัวเครื่องเทียบกับรุ่นหน้าจอ 15.6″ เท่านั้น ใช้สเปก Intel Core i Gen 10 ตระกูล H ตัวแรงลื่นเน้นประสิทธิภาพ สถาปัตยกรรม Comet Lake เทคโนโลยีการผลิต 14 นาโนเมตร ด้วยสเปกเป็นชิปประมวลผล Core i7-10750H ทำงานแบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด ที่ความเร็ว 2.60 – 5.00 GHz ทำงานเต็มที่ร่วมกับการ์ดจอ NVIDIA GeForce ประสิทธิภาพดีเยี่ยมอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti (6GB GDDR6) / RTX 2060 (6GB GDDR6)
หน้าจอขนาด 17.3 นิ้ว แบบด้าน ความละเอียด Full HD พาเนล IPS รองรับ Refresh Rate ที่ 120Hz แถมตัวเครื่องยังมีลำโพง 2.0 ชาแนลบนซอฟแวร์เสียง Nahimic 3 ทำให้การขับเสียงเวลาเล่นเกม หรือดูหนังฟังเพลงทำได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย ส่วนของแรมมีขนาด 16GB DDR4 Bus 2666MHz แบบ 8GB x 2 (Dual Channel) มีที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB พร้อมรองรับการอัพเกรดด้วย HDD 2.5″ อีก 1 ตัวด้วย
ทางด้านพอร์ทเชื่อมต่อเองมีมาให้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type A Gen 1 จำนวนสามช่อง, USB 3.2 Type-C Gen 1 หนึ่งช่อง, HDMI, SD(XC/HC) card reader, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5, ช่องเสียบไมค์ขนาด 3.5 และช่องสาย Lan RJ45 การเชื่อมต่อไร้สายอย่างก็รองรับตัวที่เป็น Bluetooth 5.1 และ Wireless มาตรฐาน 6 AX ที่ดีกว่าเดิม 3 เท่า มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 2.3 กิโลกรัม ประกัน 2 ปี มี Windows 10 แท้ โดยสนนราคาอยู่ที่ 42,900 – 44,900 บาท
แม้ดีไซน์และแนวทางการออกแบบคล้ายกับ MSI GF75 รุ่นก่อนหน้าที่เป็นสเปกชิปประมวลผล Intel Core i Gen 9H ซึ่งเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ ที่เน้นความบางเบาเช่นเดียวกัน ด้วยน้ำหนัก 2.2 กิโลกรัม และมีความบางที่ 22~23.1 มิลลิเมตร ทำให้เป็น Gaming Notebook หน้าจอใหญ่ ที่เล็ก บางเบา กระทัดรัด ที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดตอนนี้เลยแม้เป็น Gaming Notebook หน้าจอขนาด 17.3″ ที่จอใหญ่กว่ารุ่น 15.6″ แต่ในเรื่องการพกพาก็สามารถทำได้ยอดเยี่ยมทีเดียว
ได้แกนฝาพับแข็งแรงทนทาน พร้อม Ergonomics View Design ที่ช่วยยกตัวให้สูงขึ้นจากพื้น ส่งผลให้พัดลมสามารถดูดลมเย็นเข้าไปได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งการเอียงของตัวเครื่องเล็กน้อยนั้น ก็ทำให้พิมพ์สัมผัสได้ถนัดมือยิ่งขึ้นไปอีกนั่นเอง ส่วนคีย์บอร์ดจะเป็นไซต์มาตรฐานมี Numpad ไว้ใชงานแป้นตัวเลขตามปกติ วัสดุอลูมิเนียมขัดเงาบรัชเป็นเส้นๆ แนวตั้งดูโดดเด่นแบบเรียบง่าย พร้อม ด้วยโลโก้มังกรแดง Dragon Army มินิมอลสุดๆ ในส่วนของขอบด้านหน้าเป็นพลาสติกมีการเว้นพื้นที่เว้าเอาไว้ให้เปิดฝาหน้าจอได้ง่าย
ในส่วนของด้านหลังยังมีช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่อีก 4 ช่อง แบบหลัง 2 (แต่จะเป่าลมร้อนไปผ่านทางหน้าจอขณะใช้งาน) และด้านข้างอีก 2 ช่องทั่งซ้ายและขวา ช่วยให้สามารถระบายอากาศได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งใช้ระบบ Cooler Boost 5 ฮีทไปป์ 7 เส้น ด้านฐานล่างใช้วัสดุพลาสติก ABS งานประกอบแน่นหนาแข็งแรง มียางรอง 4 มุม ยกตัวเครื่องให้สูงขึ้น ในจุดนี้สามารถถอดอัพเกรดได้ไม่ยาก รวมถึงซ่อมบำรุงรักษาทำความสะอาดเครื่องในระยะยาวได้สะดวกสมเป็น Gaming Notebook ตัวแรงใช้งานยาวๆ อย่างที่เราไม่ต้องกังวลเรื่องความทนทาน
- Core i7-10750H / GTX 1660 Ti / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 17.3″ IPS 144Hz ราคา 42,900 บาท
- Core i7-10750H / RTX 2060 / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 17.3″ IPS 144Hz ราคา 44,900 บาท
MSI GP65 45,900 – 59,900 บาท
MSI GP65 Leopard จัดว่าเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ที่จัดเต็มไม่แพ้รุ่นท็อป แต่ได้ราคาที่คุ้มค่าต่อสเปกสุดๆ โดยจัดเต็มจากชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10H และการ์ดจอ Gaming จากทาง NVIDIA ได้แรมมาขนาด 16GB DDR4 Bus 2666MHz เป็นมาตรฐาน ติดตั้งแหล่งเก็บข้อมูล SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB / 1TB (อัปเกรด SSD M.2 / HDD 2.5″ SATA 3 ได้อีก) หน้าจอ 15.6″ ความละเอียด Full HD พาเนล IPS เกรดสูง รองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 และซอฟต์แวร์ Dragon Center เวอร์ชันใหม่
ที่สำคัญ MSI GP65 Leopard ได้ดีไซน์ดุดันตามสไตล์ของ G Series จาก MSI ยังมีฟีเจอร์ Gaming มากมาย อาทิ ระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 คีย์บอร์ด SteelSeries พร้อมไฟ Per-key RGB แบบปรับแต่งแยกปุ่มอิสระ มีพอร์ตการเชื่อมต่อครบครันทั้ง USB-C / A 3.2 และอื่นๆ พร้อมการเชื่อม Wi-Fi 6 AX โดยมีน้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 2.3 กิโลกรัมเท่านั้น ประกอบกับการใช้หน้าจอที่ขอบบาง ทำให้ตัวเครื่องเล็กกระทัดรัด สะดวกต่อการพกพามากยิ่งขึ้น
MSI GP65 Leopard รุ่นใหม่ล่าสุดด้วยชิปประมวลผลตัวแรง ที่ถือได้ว่าเป็นรุ่นที่มีประสิทธิภาพสูง โดยมีราคาตั้งแต่ 45,900 – 59,900 บาท สเปกเป็น Core i7-10875H (2.30 GHz, 16 MB L3 Cache, up to 5.10 GHz) ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธร์ด หรือ Core i7-10750H (2.60 GHz, 12 MB L3 Cache, up to 5.00 GHz) ทำงานแบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด ส่วนการ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti (6GB GDDR6) / RTX 2060 (6GB GDDR6) / RTX 2070 (8GB GDDR6) เรียกได้ว่าตอบสนองการเล่นเกมได้เต็มที่เต็มอารมณ์กว่าสเปก Gaming Notebook ทั่วไปที่เน้นความคุ้มค่าอย่างเดียว
ตัวเครื่องยังมีลำโพง 2 ชาแนลแบบ Giant Speaker บนซอฟแวร์เสียง Nahimic 3 ทำให้การขับเสียงเวลาเล่นเกม หรือดูหนังฟังเพลงทำได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย ทางด้านพอร์ทเชื่อมต่อเองมีมาให้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-A จำนวน 3 ช่อง, USB 3.2 Type-C หนึ่งช่อง, HDMI, mini-DisplayPort, SD(XC/HC) card reader, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5, ช่องเสียบไมค์ขนาด 3.5 และช่องสาย Lan RJ45
การเชื่อมต่อไร้สายอย่างก็รองรับตัวที่เป็น Bluetooth 5.1 และ Wi-Fi 6 AX น้ำหนักตัวอยู่ที่ 2.3 กิโลกรัม ได้ประกัน 2 ปี มี Windows 10 แท้ โดยสนนราคาอยู่ที่ 49,900 บาท ส่วนอีกสเปกจะแตกต่างตรงที่เป็นชิปประมวลผล Core i7-10750H จับคู่มากับการ์ดจอ RTX 2070 กับราคา 51,900 บาท ถือว่าเป็น Gaming Notebook ในช่วงราคานี้ที่น่าสนใจมากๆ เพราะได้ทั้งสเปกและฟีเจอร์ที่จัดเต็มเหมือนตระกูล GE ในราคาถูกลงกว่าเดิมเยอะ
มาพร้อมกับการดีไซน์สีสันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์สีโทนดำและเทาแบบทูโทนจากวัสดุบอดี้ตัวเครื่องฝาหลังจะเป็นอลูมิเนียมสัมผัสผิวเรียบหรูสวยงาม ผสานกับโลโก้มังกร MSI มีไฟสว่างสีขาวเมื่อเปิดเครื่อง ดูโดยรวมแล้วเรียบง่ายกว่า ดุดันสไตล์เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คระดับ Hi-End ในราคาคุ้มค่า มีความบางของตัวเครื่องเพียง 27.5 มิลลิเมตร รอบๆ ตัวเครื่องยังถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้งานต่าง ๆได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมถูกจัดวางในส่วนฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของตัวเครื่องในส่วนของด้านหน้ายังคงเป็นที่อยู่ของไฟ LED แสดงสถานะของตัวเครื่อง 3 จุด
คีย์บอร์ดของ MSI GP65 Leopard โดดเด่นมากๆ จากการที่ใช้ Per-Key RGB Gaming Keyboard ที่ร่วมพัฒนากับแบรนด์ SteelSeries โดยพัฒนาและออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมบน Gaming Notebook จาก MSI โดยเฉพาะ ทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมๆ กัน ที่สำคัญในคราวนี้ไฟ LED ที่เป็น RGB สามารถเปลี่ยนสีทีละปุ่ม ตามใจของผู้ใช้หลากหลายรูปแบบ สามารถตั้งค่าต่างๆ ได้ผ่าน Steelseries Engine 3 โดดเด่นด้วยการกด Fn แล้ว จะมีไฟสีแดงไฮไลท์ขึ้นมา พร้อม Silver Lining Print ขอบโปร่งแสงสวยงาม นอกจากนี้ยังมี Hotkey ตรงมุมขวาบนของชุดแป้นคีย์บอร์ด ไม่ว่าจะเป็นปุ่มเร่งรอบพัดลมและปุ่มเปิด Steelseries Engine 3
- Core i7-10750H / GTX 1660 Ti / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 144Hz ราคา 45,900 บา
- Core i7-10875H / RTX 2060 / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 144Hz ราคา 49,900 บาท
- Core i7-10750H / RTX 2070 / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 144Hz ราคา 51,900 บาท
- Core i7-10875H / RTX 2070 / RAM 16GB / SSD 1TB / จอ 15.6″ IPS 144Hz ราคา 55,900 บาท
MSI GS66 Stealth ราคา 52,900 – 114,900 บาท
MSI GS66 Stealth มีรายละเอียดต่างจากรุ่นก่อนมากมาย ทั้งสเปกและดีไซน์พรีเมียม โดยเป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ ที่เน้นความบางเบาหรูหรา ด้วยสีสันตัวเครื่องที่ดำด้านสนิทตลอดทุกส่วน โดดเด่นด้วยโลโก้ MSI ฝาหลังเป็นแบบการยิงเลเซอร์ฝังลงไป ให้ความพรีเมียมเรียบเนียนอย่างที่สุด ได้ความแรงไม่เป็นรอง Gaming Notebook เครื่องหนักๆ หนาๆ โดดเด่นในเรื่องของการดีไซน์ที่พกพาได้สะดวก ที่รักษาความเป็นเกมเมอร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยน้ำหนักเพียง 2.1 กิโลกรัม บางที่ 19.8 มิลลิเมตร
ใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 รหัส H ทั้ง i7 / i9 ส่วนการ์ดจอก็เป็น NVIDIA GeForce RTX 2060 ขึ้นไป ได้แรมขนาด 16GB / 32GB และ SSD ต้องจัดเต็มที่ 512GB – 2TB มาพร้อมการเชื่อมต่อที่ครบครันด้วย Wi-Fi 6 AX และ Thunderbolt 3 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในขณะนี้ ที่สำคัญคือได้หน้าจอเป็นพาเนล IPS เกรดสูง ความละเอียด Full HD ที่รองรับ Refresh Rate ที่สูงถึง 240Hz / 300Hz ทีเดียว เรียกได้ว่าส่วนสเปกฮาร์ดแวร์จัดเต็มแบบสุดๆ ไปเลย ได้คีย์บอร์ด SteelSeries ที่การันตีว่าของดีแน่นอน ด้วย Per-Key RGB Gaming Keyboard พร้อมแป้นแบบใหม่สวยงามเข้ากับตัวเครื่อง
ตัวเครื่องยังมีลำโพงจากแบรนด์ Dynaudio พร้อมซอฟแวร์เสียง Nahimic เวอร์ชั่น 3 ขับเสียงได้ดียิ่งกว่า มาพร้อม Windows 10 แท้ใช้งานได้ทันที ส่วนพอร์ตการเชื่อมต่อก็ครบครันด้วย ไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-C Gen2 และ Thunderbolt 3 (รองรับ DisplayPort / PD charging) อย่างละ 1 ช่อง, 3 x Type-A USB3.1, 1x RJ45, 1x (4K @ 60Hz) HDMI บอกเลยว่าจัดเต็มมากๆ ส่วนช่องหูฟัง Hi-Res Audio และไมค์แบบแจ็คทอง 3.5 มิลลิเมตรเป็นแบบแยกออกจากกัน เอาใจ Gaming Headset ทีเดียว การเชื่อมต่อไร้สายก็จะมีมาตรฐาน Wi-Fi 6 AX + Bluetooth 5.1 รวมไปถึงมี Killer Doubleshot Pro ทำให้เล่นเกมได้ไม่สะดุดทั้ง LAN และ Wi-Fi
MSI GS66 Stealth ใช้เทคโนโลยีการระบายความร้อน MSI Cooler Boost Trinity+ ขจัดความร้อนได้ดีกว่าเดิม เพิ่มเติมด้วยการระบายอากาศที่ดีขึ้นถึง 10% เน้นความบางด้วยการนำใบพัดขนาด 0.1 มม. มาใส่ไว้ ทำให้ได้อุณหภูมิที่ดีที่สุดในขณะเล่นเกม ด้วยพัดลม 3 ตัวที่แตกต่างกัน เป่าไล่ลมร้อนผ่านชุดระบายที่แยกการระบายความร้อนระหว่างชิปประมวลผลและการ์ดจอ หายห่วงได้เลยในเรื่องของอุณหภูมิ และความทนทานในการใช้งานฮาร์ดแวร์ในระยาวไม่ว่าจะเล่นเกมหนักแค่ไหนก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความร้อนสะสม แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานราวๆ 9 ชั่วโมง ถือว่ายาวนานมากสำหรับ Gaming Notebook แรงลื่นขนาดนี้
- Core i7-10750H / GTX 1660 Ti / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 240Hz ราคา 52,900 บาท
- Core i7-10750H / RTX 2060 / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 240Hz ราคา 59,900 บาท
- Core i7-10875H / RTX 2060 / RAM 16GB / SSD 1TB / จอ 15.6″ IPS 240Hz ราคา 62,900 บาท
- Core i7-10875H / RTX 2070 Max-Q / RAM 16GB / SSD 1TB / จอ 15.6″ IPS 300Hz ราคา 72,900 บาท
- Core i9-10980HK / RTX 2070 Super Max-Q / RAM 16GB / SSD 1TB / จอ 15.6″ IPS 300Hz ราคา 89,900 บาท
- Core i9-10980HK / RTX 2080 Super Max-Q / RAM 32GB / SSD 2TB / จอ 15.6″ IPS 300Hz ราคา 114,900 บาท
MSI GE66 Raider ราคา 65,900 – 104,900 บาท
ที่สุดของ Gaming Notebook ประจำปี 2020 ขนาดหน้าจอ 15.6″ รุ่นล่าสุด Refresh Rate 240Hz / 300Hz อย่าง MSI GE66 Raider ที่เปิดตัวครั้งแรกในงาน CES 2020 จัดว่าเป็น Gaming Notebook สุดล้ำ ออกแบบมาสำหรับยุคอนาคต โดยเป็นการผสมผสานการออกแบบระหว่างคอนเซปต์ Sci-Fi รูปทรงภายนอกนั้นมีการนำความเป็นยานอวกาศในโลกอนาคตมาปรากฏอยู่บนรูปทรงของตัวเครื่อง สื่อถึงเรื่องของประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการใช้งานที่เหนือกว่าใคร สเปกภายในเป็น Intel Core i Gen 10H ที่ดีที่สุด ผสานการทำงานกับ NVIDIA GeForce RTX Series สเปกอื่นๆ ก็จัดเต็มทั้งแรมและ SSD M.2 เกรดสูง
วัสดุหลักรวมถึงส่วนของฝาพับทำมาจากอลูมิเนียมคุณภาพสูง สีสันโทนไทเทเนียมเงินแบบด้านที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ รูปทรงโดยรวมมีความคล้ายกับ MSI GT76 Titan รุ่นพี่ และในส่วนหลักของแสงที่ส่องสว่างออกมาจากบริเวณด้านหน้าของที่วางมือ ก็คือ Mystic Light แสดงแสงไฟแบบ Panoramic Aurora วัสดุเป็นอะคริลิคที่รมดำเข้ากับตัวเครื่อง ประกอบกับไฟ Per-Key RGB Gaming Keyboard ที่ร่วมพัฒนากับแบรนด์ SteelSeries หน้าจอเป็น IPS ระดับ 240Hz พร้อมลำโพง Duo Wave Speaker ระบบเสียง Dynaudio ทั้งหมดนี้ช่วยให้เพิ่มประสบการณ์การเล่นเกมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
MSI GE66 Raider ใช้ชิปประมวลผลตัวท็อปสุดเป็น Intel Core i7-10750H / i7-10875H / i9-10980HK ที่สุดแสนจะทรงพลังในการทำงาน พร้อมการ์ดจอรุ่นใหม่ที่แรงลื่นและร้อนน้อยสุดๆ อย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 / RTX 2070 Super / RTX 2080 Super ที่ทั้ง 2 อย่างนี้ระดับ Gaming Desktop ตัวระดับบน รองรับการเล่นเกมได้ดีที่เยี่ยมสุดๆ มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.2 NVMe จำนวน 2 สล็อต โดยตามสเปกได้ติดตั้งมาแล้วที่ความจุ 1TB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 16GB / 32GB แบบ DDR4 Bus 3200 MHz พร้อมรองรับ Dual Channel จัดเต็มไม่เป็นรองใคร
สำหรับ MSI GE66 Raider จัดว่าเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ที่มีพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครบครันที่สุดรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งมีทั้ง 3 x USB 3.2 Type-A, 2 x USB 3.2 Type-C, HDMI, Mini DisplayPort, LAN, SD Card Reader, รูหูฟังและไมค์โครโฟน 3.5 mm และช่องเสียบอแดปเตอร์เหมือน MSI GT76 Titan การเชื่อมต่อแบบไร้สายแบบ Killer ac Wi-Fi 6 (AX)+ Bluetooth 5.0 ซึ่งตัวเครื่องมาพร้อมฟีเจอร์ Killer Doubleshot Pro จัดลำดับความสำคัญให้กับการเชื่อมต่อของเกมมาเป็นอันดับแรก ทำให้มีความเสถียรของอินเตอร์เน็ตมากกว่า Gaming Notebook รุ่นอื่นพอสมควร
- Core i7-10750H / RTX 2070 / RAM 16GB / SSD 1TB / จอ 15.6″ IPS 240Hz ราคา 65,900 บาท
- Core i7-10875H / RTX 2070 / RAM 16GB / SSD 1TB / จอ 15.6″ IPS 300Hz ราคา 72,900 บาท
- Core i9-10980HK / RTX 2070 Super / RAM 32GB / SSD 1TB / จอ 15.6″ IPS 240Hz ราคา 82,900 บาท
- Core i9-10980HK / RTX 2070 Super / RAM 32GB / SSD 1TB / จอ 15.6″ IPS 300Hz ราคา 89,900 บาท
- Core i9-10980HK / RTX 2080 Super / RAM 32GB / SSD 1TB / จอ 15.6″ IPS 300Hz ราคา 104,900 บาท
MSI GE66 Dragonshield ราคา 80,900 บาท
MSI GE66 Dragonshield ยังมีรุ่น Limited Edition ซึ่งเป็นอีกขั้นของการออกแบบ โดยได้รับความร่วมมือจาก Collie Wertz ศิลปินผู้ออกแบบยานอวกาศและพาหนะต่างๆใน Star Wars (Prequels), Transformer, Iron Man, Captain America: Civil War และอื่นๆอีกมากมาย โดยภายในงานมีแค่ 15 เครื่องเท่านั้น พร้อมด้วยของแถมมูลค่ากว่า 10,000 บาทอีกด้วย ใครสนใจสามารถไปจับตัวจริงในงาน Commart 2020 นี้ได้เลย