Dell G5 15 SE เป็น Gaming Notebook เป็นรุ่นแรก ที่ใช้ชิปประมวลผล AMD Ryzen ของ G Series ดีไซน์ดู Gaming และแตกต่าง ซึ่งมีความบางตัวเครื่องเพียง 21.6 มิลลิเมตร ส่วนน้ำหนักอยู่ที่ 2.5 กิโลกรัม ขนาดหน้าจอ ตัวเครื่องสีเงินมันวาให้ความพรีเมียมหรูหรา ซึ่งสเปกหลักๆ แล้วเน้นประสิทธิภาพต่อความคุ้มค่า สำหรับการ์ดจอเป็น AMD Radeon RX5600M ที่แรงกว่า RX5500M ประกบคู่กับชิปประมวลผลรุ่นใหม่อย่าง Ryzen 7 4800H / Ryzen 9 4900H รุ่นล่าสุด ได้แรมขนาด 8GB / 16GB Bus 3200MHz และ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB รองรับการเล่นเกมได้อย่างลื่นไหลกว่ารุ่นก่อนๆ พอสมควร
Dell G5 15 SE ดีไซน์การมีการปรับใหม่ให้ดูสวยงามเฉียบเรียบยิ่งขึ้น มาพร้อมสีเงินสว่างๆ สลับกับดำ ที่ดูหรูหราหน่อยสไตล์แบบทูโทน อย่าง Super Nova Silver ที่บอกได้เลยว่าดูดีมากๆ ตามมาตรฐานของ Dell ที่หลายๆ คนชื่นชอบกันอยู่แล้ว วัสดุหลักๆ เป็นพลาสติกคุณภาพดี ที่มีงานประกอบที่แน่นหนา รวมไปถึงระบบระบายความร้อนก็ได้มีการปรับปรุงใหม่ เน้นความเป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมที่คุ้มค่าตามสไตล์ของ Dell ได้ รับประกัน 2 ปี แบบ Dell Premium Support และ On-Site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน ตามมาตรฐานของ Dell ที่เราทุกคนในเรื่องของการบริการที่ประทับใจ
VDO Review
NBS Verdict
เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจจริงๆ สำหรับการมาของ Dell G5 15SE Gaming Notebook ที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมสเปก AMD สายพันธ์แท้ เพราะได้ทั้งชิปประมวลผล Ryzen 4000H การ์ดจอ Radeon RX5600M ที่แรงกว่า RX5500M ในราคาที่ไม่สูงเกินไป โดยมีเป็นครั้งแรกของ Dell แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน กับการที่ AMD Notebook เป็นตัวเลือก ต่อยอดความสำเร็จจาก G Series รุ่นก่อนหน้าได้เป็นอย่างดีด้วยประสิทธิภาพที่แรงเหนือชั้นยิ่งกว่า เล่นเกมลื่นไหลทำงานได้ดี ส่วนดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ ยังคงสมบูรณ์เหมือนเดิม อีกทั้งแบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ยาวนาน 7:15 ชั่วโมง และมีระบบปฏิบัติการที่ให้มาเป็น Windows 10 และซอฟต์แวร์ Utility ต่างๆ ที่พร้อมใช้งานทันที ส่งผลได้ประสบการณ์ใช้งานที่เยี่ยมยอด ไม่แพ้รุ่นพี่อย่าง Alienware เลย แต่ได้ราคาที่ถูกกว่ามาก
ที่แม้ว่าอาจจะข้อสังเกตในเรื่องการระบายความร้อนที่อุณหภูมิที่ค่อนข้างสูงสำหรับชิปประมวลผล (ไม่มีผลอะไรต่อการใช้งาน แต่ในระยะยาวไม่แน่ใจ) อีกทั้งในส่วนของความร้อนการ์ดจอยังไม่สามารถวัดค่อได้ รวมไปถึงหน้าจอก็มีขอบเขตสีที่น้อยไปหน่อย จากการที่เป็นพาเนล WVA เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆในรุ่นสเปกใกล้เคียงกัน รวมถึงยังมี USB 2.0 Type-A จำนวน 2 พอร์ต แทนที่จะเป็น USB 3.1 ให้หมด มาให้เหมือน Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ มาให้ก็ดูว่าน่าเสียดายไปหน่อย เพราะใครๆ เค้าก็มีกันหมดแล้ว อย่างไรก็ตามถ้ามองข้าม 3 อย่างนี้ได้ ก็ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่น่าซื้อช่วงหลังกลางปี 2020 รุ่นนึงก็ว่าได้ เชื่อได้เลยว่าถ้าใครเป็นแฟน Dell อยู่แล้ว ต้องชื่นชอบแน่นอน
จุดเด่น
- เป็น Gaming Notebook ดีไซน์ใหม่ แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ชัดเจน
- งานประกอบแน่นๆ วัสดุเกรดดี ตามมาตราฐาน Dell ที่ทุกคนไว้ใจ
- สเปคประสิทธิภาพสูงจาก AMD Ryzen 4000H อย่าง Ryzen 7 4800H / Ryzen 9 4900H
- ติดตั้งการ์ดจอ AMD Radeon RX5600M รุ่นใหม่ตัวแรง ประสิทธิภาพสูงกว่า RX5500M
- ได้แรมขนาด 8GB / 16GB DDR4 Bus 3200MHz และ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB มาเลย
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นานกว่า 7 ชั่วโมง
- ซอฟต์แวร์ติดเครื่องมีมาให้อย่างจัดเต็ม ใช้ได้จริง
- มี Windows 10 แท้ ใช้งานได้ทันที
- ประกันถึง 2 ปี มาพร้อม Dell Premium Support (On-site Sevice)
ข้อสังเกต
- หน้าจอไม่ใช่ IPS ขอบเขตสีน้อย จัดว่าอยู่ในระดับกลางๆ
- การระบายความร้อนมีอุณหภูมิค่อนข้างสูง
- ยังให้ USB 2.0 Type-A จำนวน 2 พอร์ต
- รุ่นทดสอบได้แรมติดตั้งให้มาเป็น 4GB x 2 แถว
- ตัวเครื่องน้ำหนักเยอะ ที่ 2.5 กิโลกรัม
Specification
สเปกฮาร์ดแวร์ของตัว Dell G5 15 SE มาพร้อมขนาดหน้าจอ 15.6″ ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลคุณภาพสูงอย่าง WVA รองรับ Refresh Rate ที่ 120Hz ซึ่งให้สีสันที่สวยงามมุมมองกว้าง และลื่นไหลกว่า 60Hz เดิมๆ ด้านประสิทธิภาพด้วยอย่างการใช้ชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 4800H ความเร็ว 2.90 GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 4.20 GHz โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน เป็นสถาปัตยกรรม Ryzen 4000H รุ่นล่าสุด ได้เทคโนโลยีการผลิต 7 นาโนเมตร สถาปัตยกรรมโค้ดเนม Renoir (เรอนัวร์) สุดล้ำหน้า
ส่วนแรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB DDR4 Bus 3200MHz แบบ 4GB x 2 แถว ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานแน่นอน (แต่ก็แนะนำให้อัพเกรดแรมเป็น 16GB ก็จะดีมากๆ)ในส่วนของการ์ดจอก็เป็นรุ่นใหม่ให้ประสิทธิภาพสูงอย่าง AMD Radeon RX5600M (6GB GDDR6) ซึ่งแรงเทียบเท่า GTX 1660 Ti ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดี เล่นเกมออนไลน์ได้สบายๆ สำหรับฮาร์ดดิสก์รองรับการอัพเกรดในอนาคต พร้อมด้วย SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB (รองรับการอัพเกรด SSD / HDD 2.5″ SATA 3)
ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 6 AX และ Bluetooth 5.1 ส่วนการเชื่อมต่อพอร์ตต่างๆ ก็ครบถ้วน นอกจากนี้ในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call สนนราคา Dell G5 15 SE Gaming Notebook รุ่นที่ทางทีมงานนำมารีวิวอยู่ที่ 38,990 บาท อีกทั้มีรุ่นแรงกว่าอย่าง Ryzen 9 4900H ได้แรม 16GB พร้อมการรับประกัน 2 ปี แบบ Dell Premium Support และ On-Site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน ตามมาตรฐานของ Dell ที่เราทุกคนในเรื่องของการบริการที่ประทับใจ
- Ryzen 7 4800H / RX5600M / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ WVA 120Hz ราคา 38,990 บาท
- Ryzen 9 4900H / RX5600M / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ WVA 120Hz ราคา 42,990 บาท
Hardware / Design
ดีไซน์ของ Dell G5 15SE สเปก Ryzen 4000H เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้ว ที่มีความเป็น Dell อย่างชัดเจน เรียกได้ว่าแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ในราคาใกล้เคียงกันมาก ทำให้มีความโดดเด่นมากๆ สี Super Nova Silver ที่ดูหรูหราเกินราคา ที่บอกได้เลยว่าดูดีมากๆ ตามมาตรฐานของ Dell ที่หลายๆ คนชื่นชอบกันอยู่แล้ว รวมไปถึงแตกต่างจากสเปก Core i Gen 10 ด้วย ซึ่งมีความบางตัวเครื่องเพียง 21.6 มิลลิเมตรเท่านั้น หรือไม่เกิน 1 นิ้ว ส่วนน้ำหนักอยู่ที่ 2.5 กิโลกรัม ซึ่งต้องยอมรับว่าค่อนข้างหนักกว่า Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ รุ่นอื่นๆ
แนวคิดการออกแบบโดยรวมว่ากันตามตรงถือมีลักษณะภายนอกมิติโดยรวมเหมือนกัน Dell G3 15 สเปก Core i Gen 10 ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมนลงตัว ตามมาด้วยการใส่รายละเอียดในการทำให้ตัวเครื่องทั้งด้านในและด้านนอกให้ดูเป็น Gaming Notebook ที่ความพิเศษ ไม่ใช้สีแดงฉุดฉาด แตกต่างจากหลายๆ แบรนด์ โดยดูเป็นโน๊ตบุ๊คที่เน้นการทำงานมากกว่า ตามมาด้วยสีนสีสันทูโทนตลอดทั้งตัวเครื่องดูแล้วเย็นสบายตากว่าสีแดง Gaming แบบเดิมๆ ที่หลายๆ แบรนด์ใช้กันอยู่แล้ว
ตัวเครื่องหลักๆ แล้วจะใช้เป็นพลาสติกคุณภาพสูงเป็นส่วนประกอบ ทำให้ได้ข้อดีมาก็คือทั้งความแข็งแรงและน้ำหนักที่เบา โดยตัวเครื่องภายนอกทั้งฝาหลังและด้านล่างตัวเครื่องจะเป็นพลาสติก ส่งผลให้ตัวเครื่องดีไซน์ออกแบบมาได้สวยงาม ซึ่งส่วนของฝาหลังเป็นสีสันแบบเงินสว่างเป็นประกายเล่นเกมแสงและเงา พร้อมใส่โลโก้ Dell ไว้ตรงกลางสีเป็นสีไทเทเนียมมันวาว เปลี่ยนไปตามทิศทางของแสงที่ดูแล้วไม่ซ้ำใคร
สำหรับตัวเครื่องด้านในก็ยังคงในโทนสีดำส่งผลให้ตัวเครื่องเป็นลักษณะทูโทน โดยโลโก้ใต้หน้าจอจะเป็น Dell สีไทเทเนียม โดยสะท้อนแสงเช่นเดียวกับโลโก้ฝาหลัง ส่วนชิ้นส่วนชุดแป้นคีย์บอร์ดจมีลักษณะแยกชิ้นตามสไตล์ของ Dell ที่ใช้กันในหลายๆ รุ่น ที่ดูแล้วก็ดูสวยงามเข้ากันเป็นดี มุมซ้ายบนจะเป็นชื่อซีรีส์ ก็คือ G5s แบบเรียบๆ และตรงกลางแป้นคีย์บอร์ดจะเป็นปุ่ม Power ตามาตรฐาน รวมไปถึงที่วางมือก็มีฟีเจอร์ต่างๆ ระบุเอาไว้อยู่ด้วย
ด้านฐานของตัวเครื่องมียางรองกันลื่นยกตัวเครื่องให้สูงขึ้น พร้อมยกตัวเครื่องให้อากาศเย็นผ่าน โดยมีช่องดูดลมเย็นอีก 2 ช่องด้านล่างด้วย พร้อม โดยช่องเป่าลมร้อนระบายอากาศจะถูกซ่อนอยู่ใต้หน้าจอซ้ายและขวามีบานพับเป็นแกนกลางที่เว้นช่องลมไว้เรียบร้อยแล้ว ในส่วนของฝาล่างนี้ถ้าใครจะอัพเกรดก็ทำได้ง่ายๆ เพียงขันน็อตไม่กี่ตัว แล้วดึงขึ้นตรงๆ รวมๆ แล้วต้องยอมรับว่าทาง Dell นั้นใส่ใจในการออกแบบมาจริงๆ นอกจากที่อัพเกรดได้ไม่ยากแล้ว ยังทำความสะอาดได้สะดวกสบายอีกด้วย
สรุปโดยรวมการออกแบบดีไซน์ภายนอกและวัสดุนั้น Dell G5 15SE โน๊ตบุ๊คเล่นเกมราคาถูกที่สุดของ Dell ทำได้ดีตามมาตรฐานที่ทุกคนไว้ใจและมั่นใจจริงๆ ตอบโจทย์ของคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพสูงในดีไซน์เรียบๆ แต่แอบแฝงความแรงและเรียบหรูเอาไว้ อย่างไรก็ตามแม้ Dell G5 15SE จะอยู่บนพื้นฐานการออกแบบของ Dell ที่เน้นสายเกมเมอร์เป็นหลัก แต่ใครจะเอาไปทำงานเบาๆ หรือทำงานหนักๆ ก็ดูลงตัวไม่แพ้กัน
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ Dell G5 15SE นั้นตัวปุ่มเป็นพลาสติกสีดำสกรีนตัวอักษรสีขาว มีการออกแบบคล้ายกับโน๊ตบุ๊ค Dell รุ่นปกติทั่วไป ทำให้สามารถพิมพ์ได้สะดวกตามาตรฐาน ถือว่าทำไว้ดีอยู่แล้วเช่นกันตามสไตล์ของ Dell กับคีย์บอร์ด 4 แถวขนาด Full Size พร้อม Numpad อีกทั้งด้านการใช้งานในการพิมพ์ ก็ยังตอบสนองได้เป็นอย่างดีทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด รวมทั้งแป้นก็เด้งกับนิ้วเมื่อกดลงไปอย่างพอดี พร้อมกันนั้นยังได้ติดตั้งไฟ LED Backlit เพื่อใช้งานที่มืดหรือแสงน้อยด้วย ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่เหนือแป้นคีย์บอร์ดตรงกลาง
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบไม่มีปุ่มแยกออกมาเช่นเดียวกับโน๊ตบุ๊คปัจจุบันหลายๆ รุ่น มีความเรียบเนียนตลอดทั้งทัชแพด การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี โดยมีการจับความเคลื่อนไหวว่าผู้ใช้กำลังพิมพ์ข้อความอยู่หรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้เคอร์เซอร์ไม่เลื่อนไปจากตำแหน่งเก่า ถ้าผู้ใช้เผลอนำมือไปโดนทัชแพดเข้า
Screen / Speaker
Dell G5 15 SE Gaming Notebook ได้ติดตั้งหน้าจอขนาด 15.6″ ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD พาเนลเป็น WVA ได้มุมมองที่กว้างและสีสันที่สดใสกว่า TN (แต่คุณภาพยังไม่เทียบเท่า IPS เกรดสูง) โดยรวมให้ประสบการณ์การใช้งานที่ค่อนข้างน่าประทับใจ โดยการใช้หน้า Desktop ปกติที่ตัวหนังสือหรือปุ่มต่างๆ มีความเรียบเนียนตาทำให้ใช้งานได้สะดวก เรียกได้ว่ากำลังพอดีทีเดียว และด้วยความที่จอเป็นแบบด้านลดแสงสะท้อน พร้อมกันนั้นก็ได้ติดตั้งกล้องเว็บแคมและไมค์อยู่ขอบหน้าจอด้านบน เหมือนกันกับโน๊ตบุ๊คทั่วไป ซึ่งไว้รองรับการทำงาน VDO Call ได้เป็นอย่างดี
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Dell G5 15 SE ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS ทางทีมงานเลยถือโอกาสทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 57% และ Adobe RGB ที่ 43% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันธรรมดาในเกณฑ์กลางๆ ของพาเนล WVA ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 200 cd/m2 ซึ่งจัดได้อยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดีกับงานทั่วไป เอาไปทำงานข้างนอกสบายๆ แต่ทำอาจจะไม่เหมาะกับผู้ที่ใช้งานจริงจังด้านตกแต่งภาพที่ต้องการความเที่ยงตรงของสีเป็นหลักมากนัก
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าตรงช่องกลางของหน้าจอมีค่า 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับมุมซ้ายล่างที่ลดลงไปที่ระดับ 14% ทำให้ต้องใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนนรวม 3.5 คะแนนถือว่าอยู่ในเกณฑ์กลางๆ มาตราฐานทั่วไป เหมาะสำหรับคนเอามาดูหนังฟังเพลง เล่นเกม ที่ใช้ได้แบบไม่ต้องกังวลอะไรมาก
ลำโพงสเตอริโอพร้อมฟีเจอร์ Nahimic Sound Center ที่อยู่บริเวณด้านหน้าขอบซ้ายและขวาของตัวเครื่องลักษณะยิงลงพื้น ให้เสียงที่ค่อนข้างดี แยกรายละเอียดได้ในระดับที่ดีน่าประทับใจ ถือได้ว่ามีเสียงดังชัดเจนออกแนวใสๆ เน้นไปโทนกลางเป็นหลักตามสไตล์ลำโพงจากโน๊ตบุ๊คทั่วไป คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีเพียงพอแบบสบายๆ แล้ว ส่วนใครจะเอาไปต่อกับหูฟังหรือลำโพงเพิ่ม ก็สามารถทำได้หากว่าต้องการคุณภาพเสียงที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก
Connector / Thin And Weight
มาดูในส่วนของการเชื่อมต่อกัน Dell G5 15SE หลักๆ แล้วถือว่ามีความครบครันทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต USB 3.1 Type-A จำนวน 1 พอร์ต ไว้สำหรับการเชื่อมต่อกับแฟลชไดร์ฟหรือฮาร์ดดิสก์ภายนอกไว้ถ่ายโอนข้อมูล และพอร์ต USB 2.0 Type-A อีก 2 พอร์ตที่ไว้เชื่อมต่อกับเมาส์หรืออุปกรณ์อื่นๆ รวมไปถึงสามารถเชื่อมต่อออกหน้าจอภายนอกได้ง่ายๆ (น่าจะเป็น USB 3.1 ได้แล้ว) ผ่านทาง HDMI ขนาดมาตรฐาน รวมไปถึงยังมี USB 3.1 Type-C ที่เป็น DisplayPort ได้ในตัว นอกจากนั้นก็มีช่องเชื่อมต่อไมค์และหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ช่องอ่าน SD Card และ LAN RJ45 อีกด้วย
เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 15.6 นิ้วทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่ใกล้เคียง ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 2.5 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับอแดปเตอร์ที่ชาร์จเข้าไปด้วยซึ่งมีขนาดค่อนข้างใหญ่ จ่ายไฟที่ 240W ก็จะมีหนักราวๆ เกือบ 3 กิโลกรัมเท่านั้น ก็จัดว่ามีน้ำหนักเบากว่ามาตรฐานของ Gaming Notebook เล็กน้อย ตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้ตามความสะดวก เช่น อออฟฟิศ ร้านกาแฟ และมหาวิทยาลัย ตามสไตล์ของ Gaming Notebook ของปี 2020 ได้เป็นอย่างดี
Inside / Upgrade
การแกะทั้งฝาล่างทั้งหมดของ Dell G5 15 SE สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ไขน็อตทั้งหมดหลังจากนั้นก็ค่อยๆ มีงานประกอบเรียบร้อยดี การแกะตัวเครื่องเพื่ออัพเกรดหรือทำความสะอาดก็สามารถทำได้ง่ายและก็สะดวกทีเดียว เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะพบกับแรมที่ติดตั้งมาแล้ว 8GB จำนวน 2 แถว (4GB x 2) รวมไปการติดตั้ง SSD มาตรฐาน M.2 NVMe ความจุ 512GB มาทันที 1 ตัว นอกจากนั้นเรายังสามารถอัพเกรดเพิ่ม HDD / SSD แบบ SATA 3 ขนาด 2.5″ ได้ภายหลัง กรณีที่ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่ม
ระบบระบายความร้อนของ Dell G5 15 SE นั้นมีทิศทางการไหลของลมที่ดีพอตัว ส่วนที่ใช้ในการพัดลมเข้าออกนั้นจะอยู่ที่บริเวณด้านหลังของตัวเครื่อง 2 ช่อง ซ่อนอยู่ซ้ายและขวาของบานพับของหน้าจอ โดยมีฟินระบายความร้อนเป็นสีดำซึ่งดูกลืนเข้าไปกับตัวเครื่อง โดยมีการเชื่อมต่อระหว่างส่วนของพัดลมนี้กับชิปกราฟิกและชิปกราฟิกจะทำผ่าน Heat Pipe จำนวน 3 เส้น ที่วางตัวยาวตั้งแต่ส่วนของชิปประมวลเรื่อยมาจนถึงส่วนที่เป็นฟินระบายความร้อนทางด้านหลังของตัวเครื่อง
Performance / Software
. 
Dell G5 15SE รุ่นที่นำมาทดสอบ ได้สเปกเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 4800H ที่แรงกว่า AMD Ryzen 7 3750H รุ่นก่อนหน้าแบบก้าวกระโดด ด้วยสถาปัตยกรรม Zen 2 โค้ดเนม Renoir (เรนัวร์) มาพร้อมกับเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 nm ความเร็ว 2.90 – 4.20 GHz แบบ 8 Core/ 16 Thread ร้อนน้อยกว่า ได้ L3 Cache ที่ 12MB มีค่าอัตราการใช้พลังงานสูงสุด (TDP) ที่ 45W ที่ต้องบอกว่าสร้างมาตรฐานประสิทธิภาพที่มากกว่าชิปประมวลผลรุ่นก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็น AMD Ryzen 3000 H หรือ Intel Core i Gen 9H เลยทีเดียว ที่สามารถดูได้จากผลการทดสอบเล่นเกมที่ลื่นไหลกว่า Gaming Notebook สเปกเดิมๆ มาก
สำหรับ AMD Ryzen 7 4800H แรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังรวมไปถึงเล่นเกมเป็นหลัก ก็รองรับได้อย่างสบายๆ เรียกได้ว่าแรงกว่าชิปประมวลผลที่เป็น AMD Ryzen 3000 H Series เป็นเท่าตัว ส่วนแรมได้ขนาด 4GB จำนวน 2 แถว (Dual Channel) รวมเป็น 8GB มาตรฐาน DDR4 Bus 3200 MHz โดยถ้าจะอัพเกรดเพิ่มต้องถอดของเดิมออกก่อน พร้อมให้ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ซึ่งมีช่องว่างใส่ไว้อัพเกรดภายหลังได้ อย่าง SSD / HDD 2.5″ SATA 3 อีก 1 ช่อง ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
. 
ผสานกับการ์ดจอออนบอร์ดรุ่นใหม่อย่าง AMD Radeon 7 มีความเร็วในการทำงานที่ 1600MHz มาตรฐานแรม DDR4 ขนาด 512MB ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ซึ่งโดดเด่นจริงๆ จะเป็นเรื่องของการประหยัดพลังงานเมื่อใช้งานเบาๆ
ที่สำคัญคือมีการติดตั้งการ์ดจอแยกประสิทธิภาพสูงเป็น AMD Radeon RX 5600M (6GB GDDR6) ซึ่งเป็นตัวระดับบนกว่า RX5500M ที่เราเคยสัมผัสมา ให้ประสิทธิภาพความแรงเทียบเท่ากับระหว่างการ์ดจอคู่แข่งอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti / RTX 2060 รองระบการเล่นเกม 3 มิติที่ลื่นไหลในทุกๆ บนโลก ซึ่งจุดเด่นของ AMD นอกจากความแรงและความร้อนที่น้อยกว่าเพราะใช้สถาปัตยกรรม RDNA ที่ 7 nm จัดว่าเป็น Gaming Notebook รุ่นที่แรกของ Dell และของ Gaming Notebook ในไทยที่ใช้การ์ดจอรุ่นนี้ด้วย
. 
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH 15 / 20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 4800H คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจสมกับเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เปรียบเทียบกับชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 3750H / Intel Core i7-9750H ก็ทำได้ดีกว่าแบบชัดเจนทีเดียว รวมไปถึงตัวการ์ดจอเองก็มีประสิทธิภาพสูงเช่นเดิม เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ที่กลายเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook ไปแล้ว ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe PCIe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 2314 MB/s และเขียนที่ 1506 MB/s ที่เร็วกว่ารุ่นก่อนๆ แต่ก็ถือว่าดีกว่ามาตรฐาน SATA 3 แบบเดิมๆ แล้ว
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 5523 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็น Gaming Notebook สเปกใหม่ล่าสุดจากชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 4800H มีการ์ดจอแยกระดับ Gaming รุ่นใหม่ตัวแรงจาก AMD อย่าง Radeon RX5600M ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คปีก่อนๆ มากพอตัว แม้จะใช้แรมเพียง 8GB ก็ตาม
สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 – 100 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ประกอบไปด้วย Resident Evil 3 Remake / Battlefield V / FarCry 5 ที่เป็นเกมออฟไลน์ที่กินทรัพยกร รวมไปถึงเกมออนไลน์ยอดนิยมอย่าง PUBG / DOTA 2 / Overwatch ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง RE 3 / BF V/ FarCry 5 ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด !!! จากกราฟตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าเฟรมเรทที่ออกมานั้นมีความลื่นไหลสุดๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ซึ่งถ้าอยากให้เฟรมเรทลื่นไหลกว่านี้ก็สามารถเลือกปรับกราฟิกระดับกลางๆ ก็ได้ โดยในส่วนของ RE 3 ซึ่งเป็นเกมออกใหม่ล่าสุด เราปรับกราฟิกในเกมเป็น MAX ที่ใช้แรมการ์ดจอไปกว่า 12GB ซึ่งเกินกว่าตัวการ์ดจอที่ 4GB แต่ก็ยังทำเฟรมเรทได้ลื่นไหลน่าประทับใจอยู่
ต่อกันที่เกมออนไลน์อย่าง PUBG / Overwatch / DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็ไม่มีอาการช้าหรือหน่วงเลย ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ อยู่ ทั้ง 6 เกมที่เราได้ทำการทดสอบไป ยิ่งถ้าเทียบกับ Gaming Notebook สเปกก่อนหน้าทั้งส่วนของ AMD Ryzen 3000H หรือ Intel Core i Gen 9H จะเห็นว่าแรงกว่าเดิมมากๆ
และด้วยพาเนล WVA รองรับ Refresh Rate ที่ 120Hz ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล หรือเอาจริงๆ สำหรับเกมสไตล์ MOBA แค่ 60 FPS นิ่งๆ ก็เอาอยู่ หรือถ้าอยากให้วิ่ง 120Hz ก็จะปรับกราฟิกของเกมลงมาต่ำๆ หน่อย
Dell G5 15SE มีซอฟต์แวร์ Utility อย่าง Alienware Command Center ที่ยกมาจาก Alienware ที่เป็น Gaming Notebook ระดับบนกว่า โดยเป็นลักษณะของแอพพลิเคชั่นต่างๆ มากมาย ที่ช่วยเอื้ออำนวยในการปรับแต่งเพื่อการเล่นหรือทำงานโดยเฉพาะ อาทิเช่น โหมดการใช้งานต่างๆ โปรไฟล์เกมที่มีอยู่ อีกทั้งไว้จัดการเกี่ยวประประสิทธิภาพ รวมไปถึงหน้าตาโปรแกรมว่าเป็นโทนสว่างโทนมืด หรือกราฟิกต่างๆ เรียกได้ว่าเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ Gaming Notebook ระดับสูงของทาง Dell ที่มีการพัฒนาต่อยอดมาจาก Alienware รุ่นก่อนหน้านี้
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ Dell G5 15SE Gaming Notebook ก็คือมาพร้อมซอฟต์แวร์บันเดิลอย่าง Dell SupportAssistant โดยเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราดูแลคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสม ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โปรแกรมนี้ยังระบุข้อมูลที่สำคัญสำหรับแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นหมายรวมไปถึงการอัพเดทไดร์เวอร์ต่างๆ และ Windows ด้วย จัดได้ว่าดีและใช้งานได้จริง
ปิดท้ายด้วย Dell Mobile Connect ซอฟต์แวร์ที่คอยเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องแยกการใช้งานระหว่างพีซีและสมาร์ทโฟน โดยเชื่อมต่อกันผ่านสัญญาณ Bluetooth ซึ่งทำให้การแจ้งเตือนต่างๆ ข้อมความ เบอร์โทร รวมไปถึงการโทรศัพท์ติดต่อ สามารถทำผ่านโน๊ตบุ๊คของ Dell ได้เลย สำหรับ Dell G5 15SE ก็มีซอฟต์แวร์ตัวนี้ติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน เรียกได้ให้ประสบการณ์การใช้งานที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปากทีเดียว
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ Dell G5 15SE เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่มีขนาด 3,900 mAh ทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ราว 7:15 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) ผ่านทาง Microsoft Edge พร้อมปรับเป็น Power Saver Mode แน่นอนว่าปรับแสงและเสียงลงเหลือ 10% และคาดว่าจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน ดูแล้วอาจให้ระยะเวลาการทำงานที่ค่อนข้างสั้นกว่าเครื่องอื่นเล็กน้อย ส่วนช่องระบายความร้อนของ Dell G5 15SE จะอยู่ด้านบนบริเวณข้อพับจอ โดยออกแบบให้ซ่อนตัวเอาไว้ด้านหลังติดกับฝาหลังของจอ แต่ก็เห็นช่องระบายความร้อนได้ง่ายๆ อยู่
ส่วนเรื่องอุณหภูมิในการใช้งานนั้น Dell G5 15SE รุ่นนี้ จากการที่เป็นสเปกใหม่ Ryzen 4000H ทำให้ Hardware Monitor ไม่สามารถตรวจสอบได้ถึงข้อมูลของ CPU ต้องดูจาก Core Temp แทน เมื่อใช้งานแบบปกติชิปประมวลผลจะอยู่ที่ประมาณ 33 องศาเซลเซียสต่ำสุด ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 27 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัดสุด ด้วยการเปิดโหมดพัดลมแบบอัตโนมัติ เพื่อให้พัดลมทำงาน 100%
ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของชิปประมวลผล CPU อยู่ที่ประมาณ 105 องศาเซลเซียส นับว่าอยู่ในเกณฑ์ร้อนกว่าที่คาดเอาไว้ เมื่อเทียบกับ Gaming Notebook สเปกใกล้เคียงนี้ (แม้ว่าจะชิปประมวลผลเทคโนโลยี 7nm ก็ตาม) ส่วนการ์ดจอยังไม่สามารถดูจากโปรแกรม Hardware Monitor ได้ โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้เป็นอย่างดีประมาณหนึ่ง ซึ่งเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้กลับมา สำหรับเสียงรบกวนในเวลาทำงานนั้นถือว่าดังขึ้นเมื่อทำงานหนักๆ หรือเล่นเกม 3 มิติ
Conclusion / Award
Dell G5 15SE เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมสเปก AMD ทั้งชิปประมวลผลและการ์ดจอ ที่จัดได้ว่ามีความครบครันในการใช้งานหลายๆ ด้าน ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานทั้งในกลุ่มที่เป็นผู้ใช้งานทั่วๆ ไปหรือผู้ที่รักความบันเทิงทั้งในส่วนของเกมและมัลติมีเดีย ด้วยสเปคภายในที่แรงเหลือๆ แถมยังให้การรับประกันถึง 2 ปีอีกด้วย ที่สำคัญคือ Dell Premium Support คือมารับมาส่งถึงบ้านเลย อันนี้เจ๋งกว่าแบบเหนือชั้นจริงๆ ยังไงก็จัดได้ว่ามีความน่าซื้ออยู่ไม่น้อยเช่นกัน สำหรับการโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมจาก Dell
เอาเป็นว่าใครกำลังมองหาโน๊ตบุ๊คที่เน้นความแรง งานประกอบ ดีไซน์ที่แตกต่าง และการรับประกันเทพๆ ที่สำคัญเป็นแฟน Dell อยู่แล้วล่ะก็ Dell G5 15SE น่าจะตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดีทีเดียว ในช่วงงบประมาณสามหมื่นบาทไม่เกิน ซึ่งถ้าใครเน้นเล่นเกมและต้องการประสบการณ์ใช้งานที่เยี่ยมยอดแบบสุดๆ ล่ะก็ (แต่ระบบระบายความร้อนก็ไม่ได้เย็นอย่างที่ควรจะเป็นนะ) แนะนำให้ดูเป็น Dell G3 15 สเปก Core i Gen 10H ที่ราคาถูกกว่า ซึ่งสามารถซื้อได้ง่ายกว่า หรือ Alienware m15 R3 ไปเลยก็ได้ครับ แต่ก็ต้องยอมจ่ายที่มีราคาสูงกว่าเช่นกัน
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Dell G5 15SE ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Dell Gaming โน๊ตบุ๊คสายคเล่นเกม ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Dell G5 15SE ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบเล่นเกม แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ในราคาใกล้เคียงกันมาก ทำให้มีความโดดเด่นมากๆ สี Super Nova Silver ที่ดูหรูหราเกินราคา ที่บอกได้เลยว่าดูดีมากๆ ตามมาตรฐานของ Dell ที่หลายๆ คนชื่นชอบกันอยู่แล้ว ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนยอมรับกัน
Best Performance
ด้วยสเปกชิปประมวลผล AMD Ryzen 4000H อย่าง Ryzen 7 4800H / Ryzen 9 4900H ที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพความแรงจากการที่ได้เทคโนโลยีการผลิต 7 นาโนเมตร สถาปัตยกรรมโค้ดเนม Renoir (เรนัวร์) สุดล้ำหน้า ที่ส่งผลให้มีความแรงที่มากกว่าขึ้น ความร้อนที่น้อยลง แบตเตอรี่ยาวนานกว่า พร้อมการ์ดจอ Radeon RX5600M (6GB DDR6) ตัวล่าสุด แรงเทียบเท่า GTX 1660 Ti ที่มาพร้อมกับแรมขนาด 8GB แบบ DDR4 3200MHz รวมไปถึง SSD M.2 ความเร็วสูงก็ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของตัวเครื่องนี้มีความน่าประทับใจ ทั้งจากในการใช้ทำงานจริงๆ รวมไปถึงการทดสอบด้วยโปรแกรมต่างๆ รวมไปถึงการเล่นเกมในปัจจุบัน แรงลื่นรองรับทุกๆ การทำงานหรือเล่นเกม
VDO Review
NBS Verdict
เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจจริงๆ สำหรับการมาของ Dell G5 15SE Gaming Notebook ที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมสเปก AMD สายพันธ์แท้ เพราะได้ทั้งชิปประมวลผล Ryzen 4000H การ์ดจอ Radeon RX5600M ที่แรงกว่า RX5500M ในราคาที่ไม่สูงเกินไป โดยมีเป็นครั้งแรกของ Dell แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน กับการที่ AMD Notebook เป็นตัวเลือก ต่อยอดความสำเร็จจาก G Series รุ่นก่อนหน้าได้เป็นอย่างดีด้วยประสิทธิภาพที่แรงเหนือชั้นยิ่งกว่า เล่นเกมลื่นไหลทำงานได้ดี ส่วนดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ ยังคงสมบูรณ์เหมือนเดิม อีกทั้งแบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ยาวนาน 7:15 ชั่วโมง และมีระบบปฏิบัติการที่ให้มาเป็น Windows 10 และซอฟต์แวร์ Utility ต่างๆ ที่พร้อมใช้งานทันที ส่งผลได้ประสบการณ์ใช้งานที่เยี่ยมยอด ไม่แพ้รุ่นพี่อย่าง Alienware เลย แต่ได้ราคาที่ถูกกว่ามาก
ที่แม้ว่าอาจจะข้อสังเกตในเรื่องการระบายความร้อนที่อุณหภูมิที่ค่อนข้างสูงสำหรับชิปประมวลผล (ไม่มีผลอะไรต่อการใช้งาน แต่ในระยะยาวไม่แน่ใจ) อีกทั้งในส่วนของความร้อนการ์ดจอยังไม่สามารถวัดค่อได้ รวมไปถึงหน้าจอก็มีขอบเขตสีที่น้อยไปหน่อย จากการที่เป็นพาเนล WVA เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆในรุ่นสเปกใกล้เคียงกัน รวมถึงยังมี USB 2.0 Type-A จำนวน 2 พอร์ต แทนที่จะเป็น USB 3.1 ให้หมด มาให้เหมือน Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ มาให้ก็ดูว่าน่าเสียดายไปหน่อย เพราะใครๆ เค้าก็มีกันหมดแล้ว อย่างไรก็ตามถ้ามองข้าม 3 อย่างนี้ได้ ก็ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่น่าซื้อช่วงหลังกลางปี 2020 รุ่นนึงก็ว่าได้ เชื่อได้เลยว่าถ้าใครเป็นแฟน Dell อยู่แล้ว ต้องชื่นชอบแน่นอน
จุดเด่น
- เป็น Gaming Notebook ดีไซน์ใหม่ แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ชัดเจน
- งานประกอบแน่นๆ วัสดุเกรดดี ตามมาตราฐาน Dell ที่ทุกคนไว้ใจ
- สเปคประสิทธิภาพสูงจาก AMD Ryzen 4000H อย่าง Ryzen 7 4800H / Ryzen 9 4900H
- ติดตั้งการ์ดจอ AMD Radeon RX5600M รุ่นใหม่ตัวแรง ประสิทธิภาพสูงกว่า RX5500M
- ได้แรมขนาด 8GB / 16GB DDR4 Bus 3200MHz และ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB มาเลย
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นานกว่า 7 ชั่วโมง
- ซอฟต์แวร์ติดเครื่องมีมาให้อย่างจัดเต็ม ใช้ได้จริง
- มี Windows 10 แท้ ใช้งานได้ทันที
- ประกันถึง 2 ปี มาพร้อม Dell Premium Support (On-site Sevice)
ข้อสังเกต
- หน้าจอไม่ใช่ IPS ขอบเขตสีน้อย จัดว่าอยู่ในระดับกลางๆ
- การระบายความร้อนมีอุณหภูมิค่อนข้างสูง
- ยังให้ USB 2.0 Type-A จำนวน 2 พอร์ต
- รุ่นทดสอบได้แรมติดตั้งให้มาเป็น 4GB x 2 แถว
- ตัวเครื่องน้ำหนักเยอะ ที่ 2.5 กิโลกรัม
Specification
สเปกฮาร์ดแวร์ของตัว Dell G5 15 SE มาพร้อมขนาดหน้าจอ 15.6″ ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลคุณภาพสูงอย่าง WVA รองรับ Refresh Rate ที่ 120Hz ซึ่งให้สีสันที่สวยงามมุมมองกว้าง และลื่นไหลกว่า 60Hz เดิมๆ ด้านประสิทธิภาพด้วยอย่างการใช้ชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 4800H ความเร็ว 2.90 GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 4.20 GHz โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน เป็นสถาปัตยกรรม Ryzen 4000H รุ่นล่าสุด ได้เทคโนโลยีการผลิต 7 นาโนเมตร สถาปัตยกรรมโค้ดเนม Renoir (เรอนัวร์) สุดล้ำหน้า
ส่วนแรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB DDR4 Bus 3200MHz แบบ 4GB x 2 แถว ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานแน่นอน (แต่ก็แนะนำให้อัพเกรดแรมเป็น 16GB ก็จะดีมากๆ)ในส่วนของการ์ดจอก็เป็นรุ่นใหม่ให้ประสิทธิภาพสูงอย่าง AMD Radeon RX5600M (6GB GDDR6) ซึ่งแรงเทียบเท่า GTX 1660 Ti ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดี เล่นเกมออนไลน์ได้สบายๆ สำหรับฮาร์ดดิสก์รองรับการอัพเกรดในอนาคต พร้อมด้วย SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB (รองรับการอัพเกรด SSD / HDD 2.5″ SATA 3)
ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 6 AX และ Bluetooth 5.1 ส่วนการเชื่อมต่อพอร์ตต่างๆ ก็ครบถ้วน นอกจากนี้ในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call สนนราคา Dell G5 15 SE Gaming Notebook รุ่นที่ทางทีมงานนำมารีวิวอยู่ที่ 38,990 บาท อีกทั้มีรุ่นแรงกว่าอย่าง Ryzen 9 4900H ได้แรม 16GB พร้อมการรับประกัน 2 ปี แบบ Dell Premium Support และ On-Site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน ตามมาตรฐานของ Dell ที่เราทุกคนในเรื่องของการบริการที่ประทับใจ
- Ryzen 7 4800H / RX5600M / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ WVA 120Hz ราคา 38,990 บาท
- Ryzen 9 4900H / RX5600M / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ WVA 120Hz ราคา 42,990 บาท
Hardware / Design
ดีไซน์ของ Dell G5 15SE สเปก Ryzen 4000H เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้ว ที่มีความเป็น Dell อย่างชัดเจน เรียกได้ว่าแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ในราคาใกล้เคียงกันมาก ทำให้มีความโดดเด่นมากๆ สี Super Nova Silver ที่ดูหรูหราเกินราคา ที่บอกได้เลยว่าดูดีมากๆ ตามมาตรฐานของ Dell ที่หลายๆ คนชื่นชอบกันอยู่แล้ว รวมไปถึงแตกต่างจากสเปก Core i Gen 10 ด้วย ซึ่งมีความบางตัวเครื่องเพียง 21.6 มิลลิเมตรเท่านั้น หรือไม่เกิน 1 นิ้ว ส่วนน้ำหนักอยู่ที่ 2.5 กิโลกรัม ซึ่งต้องยอมรับว่าค่อนข้างหนักกว่า Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ รุ่นอื่นๆ
แนวคิดการออกแบบโดยรวมว่ากันตามตรงถือมีลักษณะภายนอกมิติโดยรวมเหมือนกัน Dell G3 15 สเปก Core i Gen 10 ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมนลงตัว ตามมาด้วยการใส่รายละเอียดในการทำให้ตัวเครื่องทั้งด้านในและด้านนอกให้ดูเป็น Gaming Notebook ที่ความพิเศษ ไม่ใช้สีแดงฉุดฉาด แตกต่างจากหลายๆ แบรนด์ โดยดูเป็นโน๊ตบุ๊คที่เน้นการทำงานมากกว่า ตามมาด้วยสีนสีสันทูโทนตลอดทั้งตัวเครื่องดูแล้วเย็นสบายตากว่าสีแดง Gaming แบบเดิมๆ ที่หลายๆ แบรนด์ใช้กันอยู่แล้ว
ตัวเครื่องหลักๆ แล้วจะใช้เป็นพลาสติกคุณภาพสูงเป็นส่วนประกอบ ทำให้ได้ข้อดีมาก็คือทั้งความแข็งแรงและน้ำหนักที่เบา โดยตัวเครื่องภายนอกทั้งฝาหลังและด้านล่างตัวเครื่องจะเป็นพลาสติก ส่งผลให้ตัวเครื่องดีไซน์ออกแบบมาได้สวยงาม ซึ่งส่วนของฝาหลังเป็นสีสันแบบเงินสว่างเป็นประกายเล่นเกมแสงและเงา พร้อมใส่โลโก้ Dell ไว้ตรงกลางสีเป็นสีไทเทเนียมมันวาว เปลี่ยนไปตามทิศทางของแสงที่ดูแล้วไม่ซ้ำใคร
สำหรับตัวเครื่องด้านในก็ยังคงในโทนสีดำส่งผลให้ตัวเครื่องเป็นลักษณะทูโทน โดยโลโก้ใต้หน้าจอจะเป็น Dell สีไทเทเนียม โดยสะท้อนแสงเช่นเดียวกับโลโก้ฝาหลัง ส่วนชิ้นส่วนชุดแป้นคีย์บอร์ดจมีลักษณะแยกชิ้นตามสไตล์ของ Dell ที่ใช้กันในหลายๆ รุ่น ที่ดูแล้วก็ดูสวยงามเข้ากันเป็นดี มุมซ้ายบนจะเป็นชื่อซีรีส์ ก็คือ G5s แบบเรียบๆ และตรงกลางแป้นคีย์บอร์ดจะเป็นปุ่ม Power ตามาตรฐาน รวมไปถึงที่วางมือก็มีฟีเจอร์ต่างๆ ระบุเอาไว้อยู่ด้วย
ด้านฐานของตัวเครื่องมียางรองกันลื่นยกตัวเครื่องให้สูงขึ้น พร้อมยกตัวเครื่องให้อากาศเย็นผ่าน โดยมีช่องดูดลมเย็นอีก 2 ช่องด้านล่างด้วย พร้อม โดยช่องเป่าลมร้อนระบายอากาศจะถูกซ่อนอยู่ใต้หน้าจอซ้ายและขวามีบานพับเป็นแกนกลางที่เว้นช่องลมไว้เรียบร้อยแล้ว ในส่วนของฝาล่างนี้ถ้าใครจะอัพเกรดก็ทำได้ง่ายๆ เพียงขันน็อตไม่กี่ตัว แล้วดึงขึ้นตรงๆ รวมๆ แล้วต้องยอมรับว่าทาง Dell นั้นใส่ใจในการออกแบบมาจริงๆ นอกจากที่อัพเกรดได้ไม่ยากแล้ว ยังทำความสะอาดได้สะดวกสบายอีกด้วย
สรุปโดยรวมการออกแบบดีไซน์ภายนอกและวัสดุนั้น Dell G5 15SE โน๊ตบุ๊คเล่นเกมราคาถูกที่สุดของ Dell ทำได้ดีตามมาตรฐานที่ทุกคนไว้ใจและมั่นใจจริงๆ ตอบโจทย์ของคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพสูงในดีไซน์เรียบๆ แต่แอบแฝงความแรงและเรียบหรูเอาไว้ อย่างไรก็ตามแม้ Dell G5 15SE จะอยู่บนพื้นฐานการออกแบบของ Dell ที่เน้นสายเกมเมอร์เป็นหลัก แต่ใครจะเอาไปทำงานเบาๆ หรือทำงานหนักๆ ก็ดูลงตัวไม่แพ้กัน
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ Dell G5 15SE นั้นตัวปุ่มเป็นพลาสติกสีดำสกรีนตัวอักษรสีขาว มีการออกแบบคล้ายกับโน๊ตบุ๊ค Dell รุ่นปกติทั่วไป ทำให้สามารถพิมพ์ได้สะดวกตามาตรฐาน ถือว่าทำไว้ดีอยู่แล้วเช่นกันตามสไตล์ของ Dell กับคีย์บอร์ด 4 แถวขนาด Full Size พร้อม Numpad อีกทั้งด้านการใช้งานในการพิมพ์ ก็ยังตอบสนองได้เป็นอย่างดีทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด รวมทั้งแป้นก็เด้งกับนิ้วเมื่อกดลงไปอย่างพอดี พร้อมกันนั้นยังได้ติดตั้งไฟ LED Backlit เพื่อใช้งานที่มืดหรือแสงน้อยด้วย ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่เหนือแป้นคีย์บอร์ดตรงกลาง
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบไม่มีปุ่มแยกออกมาเช่นเดียวกับโน๊ตบุ๊คปัจจุบันหลายๆ รุ่น มีความเรียบเนียนตลอดทั้งทัชแพด การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี โดยมีการจับความเคลื่อนไหวว่าผู้ใช้กำลังพิมพ์ข้อความอยู่หรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้เคอร์เซอร์ไม่เลื่อนไปจากตำแหน่งเก่า ถ้าผู้ใช้เผลอนำมือไปโดนทัชแพดเข้า
Screen / Speaker
Dell G5 15 SE Gaming Notebook ได้ติดตั้งหน้าจอขนาด 15.6″ ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD พาเนลเป็น WVA ได้มุมมองที่กว้างและสีสันที่สดใสกว่า TN (แต่คุณภาพยังไม่เทียบเท่า IPS เกรดสูง) โดยรวมให้ประสบการณ์การใช้งานที่ค่อนข้างน่าประทับใจ โดยการใช้หน้า Desktop ปกติที่ตัวหนังสือหรือปุ่มต่างๆ มีความเรียบเนียนตาทำให้ใช้งานได้สะดวก เรียกได้ว่ากำลังพอดีทีเดียว และด้วยความที่จอเป็นแบบด้านลดแสงสะท้อน พร้อมกันนั้นก็ได้ติดตั้งกล้องเว็บแคมและไมค์อยู่ขอบหน้าจอด้านบน เหมือนกันกับโน๊ตบุ๊คทั่วไป ซึ่งไว้รองรับการทำงาน VDO Call ได้เป็นอย่างดี
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Dell G5 15 SE ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS ทางทีมงานเลยถือโอกาสทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 57% และ Adobe RGB ที่ 43% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันธรรมดาในเกณฑ์กลางๆ ของพาเนล WVA ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 200 cd/m2 ซึ่งจัดได้อยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดีกับงานทั่วไป เอาไปทำงานข้างนอกสบายๆ แต่ทำอาจจะไม่เหมาะกับผู้ที่ใช้งานจริงจังด้านตกแต่งภาพที่ต้องการความเที่ยงตรงของสีเป็นหลักมากนัก
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าตรงช่องกลางของหน้าจอมีค่า 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับมุมซ้ายล่างที่ลดลงไปที่ระดับ 14% ทำให้ต้องใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนนรวม 3.5 คะแนนถือว่าอยู่ในเกณฑ์กลางๆ มาตราฐานทั่วไป เหมาะสำหรับคนเอามาดูหนังฟังเพลง เล่นเกม ที่ใช้ได้แบบไม่ต้องกังวลอะไรมาก
ลำโพงสเตอริโอพร้อมฟีเจอร์ Nahimic Sound Center ที่อยู่บริเวณด้านหน้าขอบซ้ายและขวาของตัวเครื่องลักษณะยิงลงพื้น ให้เสียงที่ค่อนข้างดี แยกรายละเอียดได้ในระดับที่ดีน่าประทับใจ ถือได้ว่ามีเสียงดังชัดเจนออกแนวใสๆ เน้นไปโทนกลางเป็นหลักตามสไตล์ลำโพงจากโน๊ตบุ๊คทั่วไป คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีเพียงพอแบบสบายๆ แล้ว ส่วนใครจะเอาไปต่อกับหูฟังหรือลำโพงเพิ่ม ก็สามารถทำได้หากว่าต้องการคุณภาพเสียงที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก
Connector / Thin And Weight
มาดูในส่วนของการเชื่อมต่อกัน Dell G5 15SE หลักๆ แล้วถือว่ามีความครบครันทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต USB 3.1 Type-A จำนวน 1 พอร์ต ไว้สำหรับการเชื่อมต่อกับแฟลชไดร์ฟหรือฮาร์ดดิสก์ภายนอกไว้ถ่ายโอนข้อมูล และพอร์ต USB 2.0 Type-A อีก 2 พอร์ตที่ไว้เชื่อมต่อกับเมาส์หรืออุปกรณ์อื่นๆ รวมไปถึงสามารถเชื่อมต่อออกหน้าจอภายนอกได้ง่ายๆ (น่าจะเป็น USB 3.1 ได้แล้ว) ผ่านทาง HDMI ขนาดมาตรฐาน รวมไปถึงยังมี USB 3.1 Type-C ที่เป็น DisplayPort ได้ในตัว นอกจากนั้นก็มีช่องเชื่อมต่อไมค์และหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ช่องอ่าน SD Card และ LAN RJ45 อีกด้วย
เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 15.6 นิ้วทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่ใกล้เคียง ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 2.5 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับอแดปเตอร์ที่ชาร์จเข้าไปด้วยซึ่งมีขนาดค่อนข้างใหญ่ จ่ายไฟที่ 240W ก็จะมีหนักราวๆ เกือบ 3 กิโลกรัมเท่านั้น ก็จัดว่ามีน้ำหนักเบากว่ามาตรฐานของ Gaming Notebook เล็กน้อย ตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้ตามความสะดวก เช่น อออฟฟิศ ร้านกาแฟ และมหาวิทยาลัย ตามสไตล์ของ Gaming Notebook ของปี 2020 ได้เป็นอย่างดี
Inside / Upgrade
การแกะทั้งฝาล่างทั้งหมดของ Dell G5 15 SE สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ไขน็อตทั้งหมดหลังจากนั้นก็ค่อยๆ มีงานประกอบเรียบร้อยดี การแกะตัวเครื่องเพื่ออัพเกรดหรือทำความสะอาดก็สามารถทำได้ง่ายและก็สะดวกทีเดียว เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะพบกับแรมที่ติดตั้งมาแล้ว 8GB จำนวน 2 แถว (4GB x 2) รวมไปการติดตั้ง SSD มาตรฐาน M.2 NVMe ความจุ 512GB มาทันที 1 ตัว นอกจากนั้นเรายังสามารถอัพเกรดเพิ่ม HDD / SSD แบบ SATA 3 ขนาด 2.5″ ได้ภายหลัง กรณีที่ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่ม
ระบบระบายความร้อนของ Dell G5 15 SE นั้นมีทิศทางการไหลของลมที่ดีพอตัว ส่วนที่ใช้ในการพัดลมเข้าออกนั้นจะอยู่ที่บริเวณด้านหลังของตัวเครื่อง 2 ช่อง ซ่อนอยู่ซ้ายและขวาของบานพับของหน้าจอ โดยมีฟินระบายความร้อนเป็นสีดำซึ่งดูกลืนเข้าไปกับตัวเครื่อง โดยมีการเชื่อมต่อระหว่างส่วนของพัดลมนี้กับชิปกราฟิกและชิปกราฟิกจะทำผ่าน Heat Pipe จำนวน 3 เส้น ที่วางตัวยาวตั้งแต่ส่วนของชิปประมวลเรื่อยมาจนถึงส่วนที่เป็นฟินระบายความร้อนทางด้านหลังของตัวเครื่อง
Performance / Software
Dell G5 15SE รุ่นที่นำมาทดสอบ ได้สเปกเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 4800H ที่แรงกว่า AMD Ryzen 7 3750H รุ่นก่อนหน้าแบบก้าวกระโดด ด้วยสถาปัตยกรรม Zen 2 โค้ดเนม Renoir (เรนัวร์) มาพร้อมกับเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 nm ความเร็ว 2.90 – 4.20 GHz แบบ 8 Core/ 16 Thread ร้อนน้อยกว่า ได้ L3 Cache ที่ 12MB มีค่าอัตราการใช้พลังงานสูงสุด (TDP) ที่ 45W ที่ต้องบอกว่าสร้างมาตรฐานประสิทธิภาพที่มากกว่าชิปประมวลผลรุ่นก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็น AMD Ryzen 3000 H หรือ Intel Core i Gen 9H เลยทีเดียว ที่สามารถดูได้จากผลการทดสอบเล่นเกมที่ลื่นไหลกว่า Gaming Notebook สเปกเดิมๆ มาก
สำหรับ AMD Ryzen 7 4800H แรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังรวมไปถึงเล่นเกมเป็นหลัก ก็รองรับได้อย่างสบายๆ เรียกได้ว่าแรงกว่าชิปประมวลผลที่เป็น AMD Ryzen 3000 H Series เป็นเท่าตัว ส่วนแรมได้ขนาด 4GB จำนวน 2 แถว (Dual Channel) รวมเป็น 8GB มาตรฐาน DDR4 Bus 3200 MHz โดยถ้าจะอัพเกรดเพิ่มต้องถอดของเดิมออกก่อน พร้อมให้ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ซึ่งมีช่องว่างใส่ไว้อัพเกรดภายหลังได้ อย่าง SSD / HDD 2.5″ SATA 3 อีก 1 ช่อง ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
ผสานกับการ์ดจอออนบอร์ดรุ่นใหม่อย่าง AMD Radeon 7 มีความเร็วในการทำงานที่ 1600MHz มาตรฐานแรม DDR4 ขนาด 512MB ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ซึ่งโดดเด่นจริงๆ จะเป็นเรื่องของการประหยัดพลังงานเมื่อใช้งานเบาๆ
ที่สำคัญคือมีการติดตั้งการ์ดจอแยกประสิทธิภาพสูงเป็น AMD Radeon RX 5600M (6GB GDDR6) ซึ่งเป็นตัวระดับบนกว่า RX5500M ที่เราเคยสัมผัสมา ให้ประสิทธิภาพความแรงเทียบเท่ากับระหว่างการ์ดจอคู่แข่งอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti / RTX 2060 รองระบการเล่นเกม 3 มิติที่ลื่นไหลในทุกๆ บนโลก ซึ่งจุดเด่นของ AMD นอกจากความแรงและความร้อนที่น้อยกว่าเพราะใช้สถาปัตยกรรม RDNA ที่ 7 nm จัดว่าเป็น Gaming Notebook รุ่นที่แรกของ Dell และของ Gaming Notebook ในไทยที่ใช้การ์ดจอรุ่นนี้ด้วย
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH 15 / 20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 4800H คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจสมกับเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เปรียบเทียบกับชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 3750H / Intel Core i7-9750H ก็ทำได้ดีกว่าแบบชัดเจนทีเดียว รวมไปถึงตัวการ์ดจอเองก็มีประสิทธิภาพสูงเช่นเดิม เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ที่กลายเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook ไปแล้ว ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe PCIe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 2314 MB/s และเขียนที่ 1506 MB/s ที่เร็วกว่ารุ่นก่อนๆ แต่ก็ถือว่าดีกว่ามาตรฐาน SATA 3 แบบเดิมๆ แล้ว
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 5523 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็น Gaming Notebook สเปกใหม่ล่าสุดจากชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 4800H มีการ์ดจอแยกระดับ Gaming รุ่นใหม่ตัวแรงจาก AMD อย่าง Radeon RX5600M ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คปีก่อนๆ มากพอตัว แม้จะใช้แรมเพียง 8GB ก็ตาม
สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 – 100 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ประกอบไปด้วย Resident Evil 3 Remake / Battlefield V / FarCry 5 ที่เป็นเกมออฟไลน์ที่กินทรัพยกร รวมไปถึงเกมออนไลน์ยอดนิยมอย่าง PUBG / DOTA 2 / Overwatch ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง RE 3 / BF V/ FarCry 5 ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด !!! จากกราฟตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าเฟรมเรทที่ออกมานั้นมีความลื่นไหลสุดๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ซึ่งถ้าอยากให้เฟรมเรทลื่นไหลกว่านี้ก็สามารถเลือกปรับกราฟิกระดับกลางๆ ก็ได้ โดยในส่วนของ RE 3 ซึ่งเป็นเกมออกใหม่ล่าสุด เราปรับกราฟิกในเกมเป็น MAX ที่ใช้แรมการ์ดจอไปกว่า 12GB ซึ่งเกินกว่าตัวการ์ดจอที่ 4GB แต่ก็ยังทำเฟรมเรทได้ลื่นไหลน่าประทับใจอยู่
ต่อกันที่เกมออนไลน์อย่าง PUBG / Overwatch / DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็ไม่มีอาการช้าหรือหน่วงเลย ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ อยู่ ทั้ง 6 เกมที่เราได้ทำการทดสอบไป ยิ่งถ้าเทียบกับ Gaming Notebook สเปกก่อนหน้าทั้งส่วนของ AMD Ryzen 3000H หรือ Intel Core i Gen 9H จะเห็นว่าแรงกว่าเดิมมากๆ
และด้วยพาเนล WVA รองรับ Refresh Rate ที่ 120Hz ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล หรือเอาจริงๆ สำหรับเกมสไตล์ MOBA แค่ 60 FPS นิ่งๆ ก็เอาอยู่ หรือถ้าอยากให้วิ่ง 120Hz ก็จะปรับกราฟิกของเกมลงมาต่ำๆ หน่อย
Dell G5 15SE มีซอฟต์แวร์ Utility อย่าง Alienware Command Center ที่ยกมาจาก Alienware ที่เป็น Gaming Notebook ระดับบนกว่า โดยเป็นลักษณะของแอพพลิเคชั่นต่างๆ มากมาย ที่ช่วยเอื้ออำนวยในการปรับแต่งเพื่อการเล่นหรือทำงานโดยเฉพาะ อาทิเช่น โหมดการใช้งานต่างๆ โปรไฟล์เกมที่มีอยู่ อีกทั้งไว้จัดการเกี่ยวประประสิทธิภาพ รวมไปถึงหน้าตาโปรแกรมว่าเป็นโทนสว่างโทนมืด หรือกราฟิกต่างๆ เรียกได้ว่าเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ Gaming Notebook ระดับสูงของทาง Dell ที่มีการพัฒนาต่อยอดมาจาก Alienware รุ่นก่อนหน้านี้
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ Dell G5 15SE Gaming Notebook ก็คือมาพร้อมซอฟต์แวร์บันเดิลอย่าง Dell SupportAssistant โดยเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราดูแลคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสม ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โปรแกรมนี้ยังระบุข้อมูลที่สำคัญสำหรับแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นหมายรวมไปถึงการอัพเดทไดร์เวอร์ต่างๆ และ Windows ด้วย จัดได้ว่าดีและใช้งานได้จริง
ปิดท้ายด้วย Dell Mobile Connect ซอฟต์แวร์ที่คอยเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องแยกการใช้งานระหว่างพีซีและสมาร์ทโฟน โดยเชื่อมต่อกันผ่านสัญญาณ Bluetooth ซึ่งทำให้การแจ้งเตือนต่างๆ ข้อมความ เบอร์โทร รวมไปถึงการโทรศัพท์ติดต่อ สามารถทำผ่านโน๊ตบุ๊คของ Dell ได้เลย สำหรับ Dell G5 15SE ก็มีซอฟต์แวร์ตัวนี้ติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน เรียกได้ให้ประสบการณ์การใช้งานที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปากทีเดียว
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ Dell G5 15SE เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่มีขนาด 3,900 mAh ทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ราว 7:15 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) ผ่านทาง Microsoft Edge พร้อมปรับเป็น Power Saver Mode แน่นอนว่าปรับแสงและเสียงลงเหลือ 10% และคาดว่าจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน ดูแล้วอาจให้ระยะเวลาการทำงานที่ค่อนข้างสั้นกว่าเครื่องอื่นเล็กน้อย ส่วนช่องระบายความร้อนของ Dell G5 15SE จะอยู่ด้านบนบริเวณข้อพับจอ โดยออกแบบให้ซ่อนตัวเอาไว้ด้านหลังติดกับฝาหลังของจอ แต่ก็เห็นช่องระบายความร้อนได้ง่ายๆ อยู่
ส่วนเรื่องอุณหภูมิในการใช้งานนั้น Dell G5 15SE รุ่นนี้ จากการที่เป็นสเปกใหม่ Ryzen 4000H ทำให้ Hardware Monitor ไม่สามารถตรวจสอบได้ถึงข้อมูลของ CPU ต้องดูจาก Core Temp แทน เมื่อใช้งานแบบปกติชิปประมวลผลจะอยู่ที่ประมาณ 33 องศาเซลเซียสต่ำสุด ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 27 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัดสุด ด้วยการเปิดโหมดพัดลมแบบอัตโนมัติ เพื่อให้พัดลมทำงาน 100%
ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของชิปประมวลผล CPU อยู่ที่ประมาณ 105 องศาเซลเซียส นับว่าอยู่ในเกณฑ์ร้อนกว่าที่คาดเอาไว้ เมื่อเทียบกับ Gaming Notebook สเปกใกล้เคียงนี้ (แม้ว่าจะชิปประมวลผลเทคโนโลยี 7nm ก็ตาม) ส่วนการ์ดจอยังไม่สามารถดูจากโปรแกรม Hardware Monitor ได้ โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้เป็นอย่างดีประมาณหนึ่ง ซึ่งเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้กลับมา สำหรับเสียงรบกวนในเวลาทำงานนั้นถือว่าดังขึ้นเมื่อทำงานหนักๆ หรือเล่นเกม 3 มิติ
Conclusion / Award
Dell G5 15SE เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมสเปก AMD ทั้งชิปประมวลผลและการ์ดจอ ที่จัดได้ว่ามีความครบครันในการใช้งานหลายๆ ด้าน ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานทั้งในกลุ่มที่เป็นผู้ใช้งานทั่วๆ ไปหรือผู้ที่รักความบันเทิงทั้งในส่วนของเกมและมัลติมีเดีย ด้วยสเปคภายในที่แรงเหลือๆ แถมยังให้การรับประกันถึง 2 ปีอีกด้วย ที่สำคัญคือ Dell Premium Support คือมารับมาส่งถึงบ้านเลย อันนี้เจ๋งกว่าแบบเหนือชั้นจริงๆ ยังไงก็จัดได้ว่ามีความน่าซื้ออยู่ไม่น้อยเช่นกัน สำหรับการโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมจาก Dell
เอาเป็นว่าใครกำลังมองหาโน๊ตบุ๊คที่เน้นความแรง งานประกอบ ดีไซน์ที่แตกต่าง และการรับประกันเทพๆ ที่สำคัญเป็นแฟน Dell อยู่แล้วล่ะก็ Dell G5 15SE น่าจะตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดีทีเดียว ในช่วงงบประมาณสามหมื่นบาทไม่เกิน ซึ่งถ้าใครเน้นเล่นเกมและต้องการประสบการณ์ใช้งานที่เยี่ยมยอดแบบสุดๆ ล่ะก็ (แต่ระบบระบายความร้อนก็ไม่ได้เย็นอย่างที่ควรจะเป็นนะ) แนะนำให้ดูเป็น Dell G3 15 สเปก Core i Gen 10H ที่ราคาถูกกว่า ซึ่งสามารถซื้อได้ง่ายกว่า หรือ Alienware m15 R3 ไปเลยก็ได้ครับ แต่ก็ต้องยอมจ่ายที่มีราคาสูงกว่าเช่นกัน
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Dell G5 15SE ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Dell Gaming โน๊ตบุ๊คสายคเล่นเกม ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Dell G5 15SE ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบเล่นเกม แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ในราคาใกล้เคียงกันมาก ทำให้มีความโดดเด่นมากๆ สี Super Nova Silver ที่ดูหรูหราเกินราคา ที่บอกได้เลยว่าดูดีมากๆ ตามมาตรฐานของ Dell ที่หลายๆ คนชื่นชอบกันอยู่แล้ว ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนยอมรับกัน
Best Performance
ด้วยสเปกชิปประมวลผล AMD Ryzen 4000H อย่าง Ryzen 7 4800H / Ryzen 9 4900H ที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพความแรงจากการที่ได้เทคโนโลยีการผลิต 7 นาโนเมตร สถาปัตยกรรมโค้ดเนม Renoir (เรนัวร์) สุดล้ำหน้า ที่ส่งผลให้มีความแรงที่มากกว่าขึ้น ความร้อนที่น้อยลง แบตเตอรี่ยาวนานกว่า พร้อมการ์ดจอ Radeon RX5600M (6GB DDR6) ตัวล่าสุด แรงเทียบเท่า GTX 1660 Ti ที่มาพร้อมกับแรมขนาด 8GB แบบ DDR4 3200MHz รวมไปถึง SSD M.2 ความเร็วสูงก็ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของตัวเครื่องนี้มีความน่าประทับใจ ทั้งจากในการใช้ทำงานจริงๆ รวมไปถึงการทดสอบด้วยโปรแกรมต่างๆ รวมไปถึงการเล่นเกมในปัจจุบัน แรงลื่นรองรับทุกๆ การทำงานหรือเล่นเกม
