Gigabyte AERO 15 ที่สุดของโน๊ตบุ๊ค Content Creator ประสิทธิภาพสูง จากทาง Gigabyte รุ่นใหม่ล่าสุดปี 2020 สเปกสุดแรงดีไซน์สุดล้ำ หน้าจอขนาด 15.6″ AMOLED 4K UHD กับสเปกที่จัดเต็มด้วยชิปประมวลผล Intel Core i7-10875H ซึ่งเป็น Core i Gen 10H ตัวแรงกว่ารุ่น Core i7-10750H ส่วนการ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce RTX 2070 Super Max-Q โดยมีน้ำหนักแค่ 2.2 กิโลกรัมเท่านั้น ได้ระบบระบายความร้อน WINDFORCE infinity พัดลม 12V 2 ตัว 5 Heatpipes ,4 ช่องระบายความร้อน เทคโนโลยีจากทาง Gigabyte ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านฮาร์ดแวร์ในฝั่งของ PC Desktop อยู่แล้ว
สเปกและฟีเจอร์อื่นๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน มาพร้อมกับแรมขนาด 16GB Bus 2933MHz และ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB โดดเด่นจากการที่ได้รับการรับรองว่าเป็น Microsoft Modern PC ที่สมบูรณ์บแบบรอบด้าน และการทำงาน Microsoft Azure ที่เป็น AI คอยจัดการการทำงานของระบบโดยรวม รวมถึง Gigabyte Control Center ที่ปรับแต่งได้หลากหลาย ส่วนการเชื่อมต่อก็จัดเต็มด้วย Killer Ethernet E2600 + Killer Wi-Fi 6 AX1650 โดดเด่นด้วยระบบปฏิบัติการ Windows 10 สนนราคาขายจริงที่มีอยู่หลากหลายสเปก เริ่ม 54,900 – 139,900 บาท
VDO Unbox
NBS Verdict
Gigabyte AERO 15 เป็น Notebook สาย Content Creator ระดับบน เครื่องเดียวจบครบในตัวเดียว ประสิทธิภาพแรงลื่นไหล ด้วยสเปกชิปประมวลผลที่เหนือชั้นกว่าด้วย Intel Core i7-10875H ซึ่งให้ประสิทธิภาพสูงกว่า Core i7-10750H ที่นิยมใช้งานกันทั่วไป ส่วนการ์ดจอก็เป็น NVIDIA GeForce RTX 2070 Super Max-Q รุ่นใหม่ที่แรงและร้อนน้อยกว่า ได้แรมขนาด 16GB DDR4 Bus 2933 MHz และ SSD M.2 ความจุ 512GB จอสวยเทพ AMOLED 4K UHD
รองรับการเชื่อมต่อที่ครบครันทั้งแบบมีสายไร้สาย ได้คีย์บอร์ดไฟ Per-key RGB รองรับการทำงานหนักๆ และเล่นเกมตอบโจทย์ได้ลงตัวที่สุด ถ้าให้ซื้อ Gaming Notebook บางเบา แบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนาน 6 ชั่วโมง เน้นความเป็นไฮเอนด์และความต่าง ซึ่งได้ฟีเจอร์ครบครับ Gigabyte AERO 15 คือคำตอบ ในราคาที่ต้องยอมรับว่าอยู่มีเกณฑ์ที่สูงกว่า Notebook ทั่วไปพอสมควร แต่ถ้าเทียบกับรุ่นที่ใกล้เคียงกันแล้วเรื่อง สเปก ฟีเจอร์ ดีไซน์ ก็ถือว่าสมราคา
แน่นอนว่า Gigabyte AERO 15 ได้ดีไซน์งานประกอบที่เยี่ยมยอด เปรียบเทียบกับสเปค ฟีเจอร์ และการออกแบบสไตล์ Notebook สายงานสร้างสรรค์ระดับมืออาชีพ หรือคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คแรงที่สุด และได้ฟีเจอร์พิเศษรอบด้านซักเครื่อง สำหรับหลายๆ คนที่มีงบประมาณในการซื้อที่สูงซักหน่อย เพราะเอาเข้าจริงในประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกันอาจจะมีตัวเลือกที่ถูกกว่านี้ แต่ด้วยฟีเจอร์หรือคุณสมบัติต่างๆ ก็คงไม่ครบครันขนาดนี้ ด้วยระบบระบายความร้อน WINDFORCE พัดลม 12V จำนวน 2 ตัว ใช้ 5 Heatpipes พร้อม 4 ช่องระบายความร้อน ที่สามารถจัดการอุณหภูมิได้เย็นมากๆ เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้ 100% จากชิปประมวลผลและการ์ดจอตัวแรง
และฟีเจอร์รองรับการอัพเกรด SSD M.2 2 ช่อง ความจุรวมถึง 6TB ระบบเสียง Nahimic 3 รวมถึงได้รับการรับรองว่าเป็น Microsoft Modern PC ที่สมบูรณ์บแบบรอบด้าน และการทำงาน Microsoft Azure ที่เป็น AI คอยจัดการการทำงานของระบบโดยรวม อย่างที่หาไม่ได้ในโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ อีกด้วย อย่างไรก็ตามต้องรับว่าในเรื่องของคนซีเรียสกับคีย์บอร์ดภาษาไทย ก็ต้องบอกว่า Gigabyte AERO 15 มีแต่อังกฤษล้วนเท่านั้น และการรับประกันก็จะเป็นการฝากส่งเคลมอีกที โดยมีระยะเวลารับประกัน 2 ปี ซึ่งยังไม่รวมถึงการซื้อแบบสั่งจองเป็นหลักอีกทีด้วย (คือสั่งซื้อไปแล้วต้องรอเวลาซักระยะ)
ข้อดี
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจคนทำงานมืออาชีพ งานประกอบแน่นวัสดุดี แนวเรียบหรู
- ตัวเครื่องบางเฉียบ เล็กกระชับกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป โดยมีน้ำหนักเพียง 2.2 กิโลกรัม
- ได้ Red Dot Design Award 2020 และงานประกอบ Made in Taiwan ที่ดีเยี่ยม
- สเปคสูงมากทั้ง Core i7-10875H และการ์ดจอ GeForce RTX 2070 Super Max-Q
- หน้าจอแสดงผลขนาด 15.6″ ดีที่สุด AMOLED / 4K UHD / sRGB 100% / Delta E < 1 / รองรับ HDR
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครันทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 3.2, HDMI และ Mini DisplayPort 1.4
- พร้อมพอร์ตความเร็วสูง Thunderbolt 3 ที่เป็นฟอร์ม USB-C ใช้งานเป็น DisplayPort / PD ได้
- มาพร้อมลำโพงคุณภาพสูง 2W x 2 พร้อมระบบเสียง Nahimic 3 ให้เสียงที่ดีเยี่ยม
- รองรับไดร์ฟ SSD แบบ NVMe M.2 ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูง ความจุ 512GB
- ระบบระบายความร้อน WINDFORCE มีประสิทธิภาพดีเยี่ยม
- มีซอฟต์แวร์มากมาย ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง ให้สนุกยิ่งขึ้น
- คีย์บอร์ดไฟ RGB Fusion 2.0 ตั้งค่าสีไฟแยกอิสระทุกปุ่ม
- ซอฟต์แวร์ Gigabyte Control CENTER ที่ปรับแต่งได้หลากหลาย ใช้งานได้จริง
- มีระบบใช้งาน Windows Hello ผ่านทางการสแกนลายนิ้ว Fingerprint
- ระบบอินเตอร์เน็ต Killer Ethernet E2600 + Killer Wi-Fi 6 AX1650
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานสูงสุดราวๆ 6 ชั่วโมง
ข้อสังเกต
- ประกัน 1 ปี ฝากส่งเคลมผ่านทางตัวแทนจำหน่ายในไทย
- แป้นคีย์บอร์ดไม่มีภาษาไทย
- มีรุ่นราคาถูกกว่า ใช้หน้าจอเป็น IPS ความละเอียด Full HD 144Hz
Specification
Gigabyte AERO 15 รุ่นแอดมินโป้งที่ได้รับมารีวิวเป็นรุ่นหน้าจอ AMOLED ใช้ชิประมวลผลรุ่นล่าสุดอย่าง Intel Core i Gen 10H ในรุ่น Core i7-10875H ทำงานที่ความเร็ว 2.3 – 5.1 GHz แบบ 8 คอร์ 16 เธร์ด ทำงานร่วมกับการ์ดจอระดับสูงรุ่นใหม่อย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Super (8GB GDDR6) แรมมาตรฐานเป็น DDR4 Bus 2933MHz ขนาด 16GB พร้อม SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB มีหน้าจอความละเอียดสูงระดับ 3840 x 2160 พิกเซล 4K Ultra HD พาเนล AMOLED ที่ดีที่สุด แสดงผล HDR ได้ ส่งผลให้เราได้พบประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยม ใครจะเอาไปทำงานหรือเล่นเกมอันนี้ไม่ว่ากัน ได้ระบบปฏิบัติการ Windows 10
ซึ่งจากสเปกนี้ทำให้รองรับการเล่นเกมในปัจจุบันลื่นๆ ได้ทุกเกมแน่นอน พร้อมด้วยกล้องเว็บแคมแบบพิเศษที่ติดตั้งเหนือคีย์บอร์ดที่สามารถเลื่อนปิดได้ และมีไมค์ดิจิตอลแบบคู่ในตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง Thunderbolt 3, USB 3.1 Type-A และ LAN RJ45 Killer Ethernet E2600, Headset พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth V5.0 + LE และ Wi-Fi มาตรฐาน Killer Wi-Fi 6 AX1650 (Powered by Intel) ที่สำคัญยังโดดเด่นกว่ารุ่นอื่นด้วยการติดตั้งระบบความปลอดภัย Firmware-based TPM และร้องรับ Intel Platform Trust Technology ด้วย
ดูสเปกและราคาเต็มๆ ของ Gigabyte AERO 15 / Gigabyte AERO 17 ได้ที่นี่ Gigabyte Facebook
Hardware / Design
ดีไซน์การออกแบบจะเห็นว่า Gigabyte AERO 15 มีสไตล์การออกแบบโน๊ตบุ๊คสาย Contenr Creator อีกทั้งได้รับการรับรองว่าเป็น Microsoft Modern PC ที่สมบูรณ์บแบบรอบด้าน โดยเป็นกลุ่มสินค้าระดับ Hi End ที่ตอบโจทย์คนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คทำงานระดับมือาชีพ เช่นระบบระบายความร้อนที่ดีกว่า ไฟ RGB ที่สวยงามกว่า รวมถึงการออกแบบที่โฉบเฉี่ยวโดดเด่นมากกว่า ซึ่งเราคุ้นเคยกันดีในการ์ดจอ เมนบอร์ด และวันนี้ก็ได้มาเป็นซับแบรนด์ให้ตลาดโน๊ตบุ๊คอีกด้วย และแน่นอนว่าทุกรุ่นยังคงผลิตในไต้หวัน จึงมั่นใจในคุณภาพของสินค้าได้ เชื่อว่าโดนใจใครหลายๆ คนแน่นอน ในเรื่องของความพรีเมียมแตกต่างจากโน๊ตบุ๊คแบรนด์อื่นๆ แบบชัดเจน
เรียกได้ว่าเอาไปใช้งานที่ไหนก็โดดเด่นสุดๆ สำหรับฝาหลังมีโลโก้ AERO พร้อมไฟ LED สีขาวส่องสว่างเมื่อเปิดใช้งาน รวมไปถึงขอบตัวเครื่องด้านหลังที่มีคำว่า AERO ก็มีไฟ LED ส่องสว่างเช่นกัน ให้ความเป็นโน๊ตบุ๊คระดับสูงอย่างที่สุด ซึ่งได้วัสดุหลักๆ ก็จะเป็นอลูมิเนียม CNC ขึ้นรูปแบบชิ้นเดียวในแต่ละส่วน ซึ่งให้ทั้งความแข็งแรงทนทาน และความสวยงาม แน่นอนว่ามีมิติตัวเครื่องที่เล็กลงจากการที่ขอบจอบางเฉียบ เล็กกว่ารุ่นก่อนๆ โดยมีน้ำหนักแค่ 2.2 กิโลกรัมเท่านั้น และมีความบางสุดๆ ของตัวเครื่องเพียง 25 มิลลิเมตร เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสาย Content Creator สเปกแรง หน้าจอ 15.6″ อีกรุ่นในตลาดที่ทั้งบางและเบาไปด้วยพร้อมๆ กัน
ตัวเครื่องโดยรวมให้ดูทันสมัยและเรียบง่าย ตามมาด้วยการใส่รายละเอียดต่างๆ ที่สวยงามตามสไตล์ AERO ที่สำคัญด้วยเทคโนโลยี ระบบระบายความร้อน WINDFORCE พัดลม 12V 2 ตัว 5 Heatpipes ,4 ช่องระบายความร้อน ดูดอากาศเย็นจากใต้ตัวเครื่องพร้อมเปล่าออกผ่านทางฮีทไปป์และฟินขนาดใหญ่ไปทางด้านหลังและด้านข้างออกตัวเครื่อง เชื่อได้เลยว่า Gigabyte AERO 15 ตัวนี้ต้องจัดการอุณหภูมิได้ดีอย่างแน่นอน มาพร้อมกับไฟคีบ์บอร์ด RGB 16.8 ล้านสี และ RGB Fusion 2.0 ตั้งค่าสีไฟแยกอิสระทุกปุ่ม ที่เราสามารถปรับแต่งได้ดั่งใจ ทั้งส่วนของคีย์บอร์ดที่ดูแล้วสวยงาม
ส่วนด้านฐานของตัวเครื่องมียางรองกันลื่นขนาดใหญ่ ช่วยยกตัวเครื่องให้สูงขึ้นให้อากาศเย็นผ่าน โดยมีช่องดูดลมเย็นขนาดใหญ่ ซึ่งมีการเล่นดีไซน์แบบพิเศษ ติดตั้งเอาไว้ที่เราสามารถมองเห็นกันได้อย่างชัดเจนทั้งสวยงามลงตัวและใช้ได้จริง ส่วนถ้าจะอัพเกรดก็ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ขันน็อตไม่กี่ตัว รวมๆ แล้วต้องยอมรับว่าทาง Gigabyte AERO 15 นั้นใส่ใจในการออกแบบมาจริงๆ ซึ่งนอกจากที่อัพเกรดได้ไม่ยากแล้ว ยังทำความสะอาดได้สะดวกสบายอีกด้วย
เป็นข้อดีที่หาได้ยากในหลายๆ แบรนด์ สรุปโดยรวมการออกแบบดีไซน์ภายนอกและวัสดุนั้น ทำได้ดีตามมาตรฐานของ Gigabyte ซึ่ง Gigabyte AERO 15 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คทำงาน Content Creator ระดับสูง อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าราคาสูงกว่าแบรนด์คู่แข่ง จากการที่ Made in Taiwan ด้วนส่วนหนึ่ง แต่ก็ให้มากกว่าเช่นกัน ทั้งในส่วนของดีไซน์และฟีเจอร์ ที่เชื่อได้ว่าคนที่ประกอบ PC มาต้องมั่นใจในแบรนด์ Gigabyte แน่นอน เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีของคนที่ต้องโน๊ตบุ๊คที่แตกต่าง การันตีเรื่องของดีไซน์ได้จากการได้รางวัล Red Dot Design Award 2020 ปีนี้ด้วย
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ Gigabyte AERO 15 มีการออกแบบมาให้มีขนาดใหญ่โดยโค้งรับกับนิ้วมือได้พอดี ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น ก็ถือว่าทำไว้ดี ด้านการใช้งานในการพิมพ์ด้วยเทคโนโลยี Anti-Ghosting N-Key Rolloverให้ความรู้สึกที่ดีเยี่ยมและทนทาน ตอบสนองได้เป็นอย่างดีทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างทำให้มีความแม่นยำในการกด เด้งกับนิ้วได้ยอดเยี่ยม ในส่วนของไฟ RGB 16.8 ล้านสี แบบ RGB Fusion 2.0 ตั้งค่าสีไฟแยกอิสระทุกปุ่ม ก็สามารถใช้งานได้ดีทีเดียว ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่บริเวณเหนือคีย์บอร์ดตรงกลาง (เครื่องขายจริงไม่มีการสกรีนภาษาไทย)
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ในระดับนึง พื้นผิวแบบกระจกสัมผัสแล้วติดนิ้ว ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบซ่อนปุ่มคลิกซ้ายขวา โดยการควบคุมสามารถทำได้เป็นอย่างดีรวมไปถึงปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็มีความนุ่มและเด้งรับได้น่าประทับใจ การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือแบบใหม่ที่เพียงแตะเท่านั้น คล้ายๆ ใช้งานพวกสมาร์ทโฟน ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่ใช้งานได้ง่ายและสะดวกมากๆ
Screen / Speaker
หน้าจอของ Gigabyte AERO 15 มีขนาดที่ 15.6″ ขอบหน้าจอบางสุดๆ ที่ 3 มิลลิเมตร แบบจอกระจก โดยมีความละเอียด 4K UHD (3840 x 2160 พิกเซล) พาเนล AMOLED ของ Samsung คุณภาพสูงสุดในตลาด สำหรับการแสดงสีสันมาตรฐาน DCI-P3 รองรับ VESA Display HDR 400 พร้อมมาตรฐาน Delta E < 1 และผ่านการ X-Rite™ Pantone® Certified มาแล้ว เทียบกับโน๊ตบุ๊คหน้าจอพาเนลทั่วไปแล้วล่ะก็ ต้องบอกว่า Gigabyte AERO 15 มีความเหนือชั้นไปมากจริงๆ เรียกได้ว่ารองรับทุกการทำงานหรือความบันเทิง รวมไปถึงการเล่นเกมแบบเต็มประสบการณ์อย่างสุดๆ ทั้งความลื่นไหลและสีสัน
อีกทั้งใส่ยางขอบจอมาตลอดแนวของจอเลย ต่างจากโน๊ตบุ๊คอื่นๆ ที่มักจะติดตั้งมาเป็นจุดๆ ในบางตำแหน่งเท่านั้น ซึ่งยางนี้จะมีประโยชน์ก็ในการซับแรงกระแทกที่เกิดในเวลาที่จอพับอยู่ได้ และที่ถึงแม้ขอบจอจะบางแต่ก็ยังติดตั้งกล้องเว็บแคมไปอยู่บริเวณเหนือชุดคีย์บอร์ด ที่สำคัญยังมาพร้อมฟีเจอร์ม่านชัตเตอร์ปิดเลนส์กล้องที่ทำให้เรามั่นใจว่ากล้องจะเห็นในเวลาที่เราต้องการใช้งานเท่านั้น การใช้งานก็ง่ายมากๆ ด้วยการใช้นิ้วเลื่อนเปิดหรือปิดการใช้งานเท่านั้น
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Gigabyte AERO 15 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล AMOLED ทางทีมงานเลยถือโอกาสทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด โดยทดสอบออกมาแล้วเผยให้เห็นขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 100% และ AbodeRGB ที่ 97%
เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันอยู่ในระดับที่ดีน่าประทับใจ ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ คือเพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆ ไปแน่นอน หรือถ้าเอาไปทำภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็เหมาะสมเป็นอย่างดี ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ
โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องซ้ายกลางแถวกลางเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับช่องบนมุมขวา มีแสงสว่างที่ลดลงไประดับ 15% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.5 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว นับได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่ให้หน้าจอที่ดีที่สุดในตลาดเลยก็ว่าได้
ตัวเครื่องมีช่องลำโพงอยู่ใต้ตัวเครื่องด้านล่าง 2 x 2W ระบบเสียง Nahimic 3 เพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมหรือทำงาน ด้วยความที่เป็น 2 ชาแนล อยู่ข้างใต้ตัวเครื่องทางซ้ายและขวา ในเรื่องของความดังของเสียงเรียกว่าทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจทีเดียว ส่วนในเรื่องคุณภาพเสียงนั้น อาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างสักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากว่าคุณเป็นผู้ใช้งานทั่วไป คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีเพียงพอแบบสบายๆ แล้ว ส่วนใครจะเอาไปต่อกับหูฟังหรือลำโพงเพิ่ม ก็สามารถจำลองเสียง 3. มิติ รวมไปถึงรองรับระบบเสียง 7.1 ได้อีกด้วย
Connector / Thin And Weight
ส่วน Gigabyte AERO 15 ติดตั้งพอร์ตการเชื่อมต่อประกอบไปด้วย ช่องชาร์จไฟ Power/DC-in Port 1 / RJ-45 Killer Ethernet E2600 / 3 x Type-A USB 3.2 Gen 1 Port / 1 x Type-A USB 3.1 Gen 1 Port with PowerShare technology / 1 x Thunderbolt 3 Port (USB Type-C with support for USB 3.1 Gen 2 10Gbps, 40Gbps Thunderbolt, and DisplayPort 1.4) / 1x mini DP 1.4 Output Port / 1 x HDMI 2.0 Output Port / 1 x Audio Out (Compatible with inline mic headset) / Wedge-shaped lock slot (cable and lock sold separately) ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายเป็น Killer Wi-Fi 6 AX1650 (Powered by Intel) + Bluetooth V5.0 + LE จัดเต็มกันไปเลย
สำหรับ Gigabyte AERO 15 นับได้ว่าเหนือชั้นกว่า Notebook หน้าจอ 15.6″ หลายรุ่น ในส่วนของความบางเบาของตัวเครื่อง ตอบสนองการพกพาได้เป็นอย่างดี มีน้ำหนักตัวค่อนข้างมากถึง 2.2 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับ Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ จัดว่าเบากว่า แถมมิติตัวเครื่องยังเล็กกระทัดรัด ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่พัฒนาดียิ่งขึ้น ซึ่งถ้ารวมอแดปเตอร์แล้วจะมีน้ำหนักประมาณ 2.5 + กิโลกรัม ไม่ลำบากในการพกพามากนัก แม้ตัวอแดปเตอร์เองจะมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่อยู่ทีเดียว
Performance / Software
.
สำหรับ Gigabyte AERO 15 มาพร้อมกับชิปประมวลผลรุ่นยอดนิยมของ Gaming Notebook อย่าง Intel Core i Gen 10 H อย่าง Core i7-10875H เน้นนำไปใช้งานหนักๆ มากกว่ารุ่นยอดนิยมอย่าง Core i7-10750H ที่ใช้กันในหลายแบรนด์ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม 3 มิติ ที่กินทรัพยากรสูง โดยมีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.30 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 5.10 GHz เป็นซีพียูแบบ 8 Core 16 Threads มาพร้อมแรมภายในขนาด 16GB DDR4 Bus 2933 MHz แบบ 8GB x 2 แถว ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10
การ์ดจอเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น โดยมีกราฟิกการ์ดจอแยกตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Super Max-Q ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ แรงกว่า RTX 2070 แบบรู้สึกได้ อีกทั้งได้เรื่องของความร้อนที่ปลดปล่อยออกมาน้อยกว่า เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เรียกว่าสำหรับเกมออนไลน์สามารถทำได้ลื่นไหลแน่นอน แต่ยังไงไปดูผลทดสอบอีกทีดีกว่าด้านล่าง
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูง เป็นที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าพอตัว รวมไปถึงตัวการ์ดจอแยกเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น (แต่ออนชิปคือตัวเดิมนะ) เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก สมกับเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10875H จริงๆ
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ที่กลายเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook ไปแล้ว โดยใชเป็นแบรนด์ Intel ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe PCIe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 2169 MB/s และเขียนที่ 1506 MB/s ที่เร็วกว่ารุ่นก่อนๆ แต่ก็ถือว่าดีกว่ามาตรฐาน SATA 3 แบบเดิมๆ แล้ว
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4993 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมชิปประมวลผล Core i7-10875H มีการ์ดจอแยกอย่าง RTX 2070 Super Max-Q แต่ถ้าเทียบจริงๆ จะเห็นถึงคะแนนที่สูงกว่า Notebook ในสเปกที่ใกล้เคียงกัน
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10875H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce RTX 2070 Super Max-Q ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 16GB DDR4 Bus 2933 MHz รวมไปถึง SSD NVMe PCIe ก็ส่งผลช่วยด้วย อย่างไรก็ตามในการทดสอบเราเลือกใช้ความละเอียด Full HD แทนที่ 4K UHD Native เพื่อดูถึงเฟรมเรทว่าขับได้แค่ไหน
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Resident Evil 3 / Battlefield V/ FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว โดย Battlefield V เปิด DX12 แต่เลือกปิด DLSS / Ray Tracing ที่แม้จะทำให้ภาพสวยแต่ก็กินทรัพยากรเครื่องพอตัวอยู่ เฟรมเรทเฉลี่ยของทั้ง 4 เกม อยู่ที่ระดับลื่นไหล 70 – 90 – 120 เฟรมเรท ซึ่งนับว่าเกินสเปกหน้าจอที่เป็น 60 Hz ไปแล้ว
เกมออนไลน์กินสเปกเบาๆ หน่อยอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 120 ขึ้นไปตลอด (PUBG ได้ 133) ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แต่ถ้าเทียบกับ Notebook รุ่นอื่นที่สเปกใกล้เคียงกัน เรียกได้ว่าทรงประสิทธิภาพมากกว่าด้วยซ้ำ ทำให้บางเกมเราอาจจะเล่นที่ความละเอียด 4K UHD ได้เลยทีเดียว
นอกเหนือจากนี้ทาง Gigabyte ยังมีซอฟต์แวร์ Utility อย่าง Gigabyte Control Center โดยเป็นลักษณะของแอพพลิเคชั่นต่างๆ มากมาย ที่ช่วยเอื้ออำนวยในการปรับแต่งเพื่อการเล่นหรือทำงานโดยเฉพาะ อาทิเช่น โหมดการใช้งานต่างๆ โปรไฟล์การตั้งค่า ไว้จัดการเกี่ยวประประสิทธิภาพ รอบพัดลมแบบละเอียด รวมไปถึงหน้าตาก็ใช้งานได้ง่ายและสะดวกเรียกได้ว่าเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ Notebook ระดับสูงของทาง Gigabyte ที่มีการพัฒนาต่อยอดมาจาก AORUS ที่เป็นฝั่ง Gaming เชื่อได้ว่าต้องถูกอกถูกใจคนทำงานแน่นอน แบ่งออกเป็น Smart Dashboard / App Shortcus / Manager / Fusion / Device Setting / Smart Ultility
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน Gigabyte AERO 15 เครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ความจุ 5800 mAh ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับต่ำ พร้อมปรับเป็น Power Saver Mode แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ววัดผลจากการเปิดโปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราวๆ 6:20 ชั่วโมงโดยประมาณ เรียกได้ว่าน่าประทับใจทีเดียวกับการที่ Gaming Notebook จอ 15.6″ สเปกแรงขนาดนี้ ใช้งานแบตเตอรี่ได้นานระดับที่เหนือชั้นกว่า
ครื่องนี้ที่ให้ฮีทไปป์มาทั้งหมด 5 เส้น ระบบระบายความร้อน แบบพัดลม 2 ตัวขนาดใหญ่ ช่องระบายความร้อน 4 ช่อง เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คอีกรุ่นที่มีการระบายความร้อนได้ดี เมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 50 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 27 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% โดยทางทีมงานได้ทำการเล่นเกมหนักๆ เป็นเวลานานๆ อย่างไรก็ตามต้องบอกก่อนว่าเราจำเป็นต้องดูอุณหภูมิชิปประมวลผลผ่านทาง Core Temp ไปก่อน เพราะซอฟต์แวร์ Hardware Monitor ยังไม่รองรับนั่นเอง
เห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของชิปประมวลผลอยู่ที่ไม่เกิน 83 – 92 องศาเซลเซียส และการ์ดจออยู่ที่ 40 – 72 องศาเซลเซียส ที่สามารถควบคุมได้เป็นอย่างดีตามมาตรฐาน ในการทำงานก็ปกติดีทุกอย่าง ส่วนเสียงพัดลมก็ดังขึ้นมาประมาณนึงแต่ก็อยู่ในเกณฑ์รับได้ จากการที่เปิดโหมด Performance ทำให้พัดลมหมุนรอบเร็วสุดเมื่อทำงานหนักๆ (สามารถปรับบังคับเร่งรอบเองได้ด้วย) อย่างไรก็ตามไม่ถือว่ารบกวนอะไรมากมายสำหรับคนที่ทำงานโปรเซสหนักๆ อยู่แล้ว โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้อย่างไม่น่าเป็นห่วง ซึ่งเมื่อใช้งานทั่วไปในส่วนของเสียงพัดลมจะมีความเบามากๆ แทบไม่ได้ยินเสียงเลย
Conclusion / Award
สรุปรีวิวจากการทดสอบใช้งานจริงของ Gigabyte AERO 15 สำหรับการดีไซน์และออกแบบตัวเครื่องนับว่ามีความก้าวล้ำกว่ารุ่นก่อนๆ ไปมาก ด้วยแนวคิดใหม่ๆ พร้อมวัสดุคุณภาพสูง งานประกอบที่แน่นๆ และสวยงามน่าประทับใจ ประกอบกับการดีไซน์ที่ตอบสนองความต้องการของเกมเมอร์ที่ต้องการ Gaming Notebook ที่แตกต่างและโดดเด่นสะดุดตา พรีเมียมแบบสุดๆ อย่างที่หาไม่ได้ในแบรนด์อื่นๆ
ที่สำคัญด้วยสเปกใหม่ล่าสุดอย่าง Intel Core i Gen 10H + NVIDIA GeForce RTX 20 Suer Series รวมไปถึงเป็นโน๊ตบุ๊ค 15″ เครื่องแรกที่มาพร้อม Microsoft Azure ระบบ AI สุดล้ำ และการรับรองว่าเป็น Microsoft Modern PC ที่สมบูรณ์บแบบรอบด้าน อีกทั้งได้คีย์บอร์ด RGB Fusion 2.0 ตั้งค่าสีไฟแยกอิสระทุกปุ่ม ส่งผลให้เสริมประสบการณ์ใช้งานยิ่งขึ้นไปอีก
ดีไซน์ตัวเครื่องออกแบบมาใหม่หมด บอดี้เป็นอลูมิเนียมอัลลอยด์ที่แทบจะไร้รอยต่อ เน้นความเรียบง่ายที่เชื่อว่าหลายคนต้องชื่นชอบ สไตล์ของ Gigabyte ซึ่งแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ แบบชัดเจน โดย Gigabyte AERO 15 จะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 15.6″ ที่ดีที่สุด AMOLED / 4K UHD / Delta E < 1 / รองรับ HDR โดยทดสอบแล้วขอบเขตสี 100% sRGB แบบขอบหน้าจอบางเฉียบ
โดยยังเลือกติดตั้งกล้องเว็บแคมไว้อยู่ ไม่ตัดทิ้งเหมือนบางรุ่น ลำโพงเลือกใช้ระบบเสียง Nahimic 3 รองรับระบบเสียงแบบ Hi-Res จัดเต็ม รวมไปถึงแบตเตอรี่เองก็ใช้งานได้ยาวกว่า 6:20 ชั่วโมง เรียกได้ว่าเป็น Notebook สายงานสร้างสรรค์ระดับท็อปที่สมบูรณ์รอบด้านจริงๆ อีก 1 รุ่นตลาดประเทศไทย ที่คนที่งบประมาณสูงหน่อยต้องให้ความสนใจ
การระบายความร้อนตัวเครื่องเป็นแบบ WINDFORCE พัดลม 12V 2 ตัว 5 Heatpipes ,4 ช่องระบายความร้อน หมดห่วงเรื่องตัวเครื่องร้อน เพราะจากการทดสอบเย็นมากๆ แม้ทำงานหนักๆ ส่วนแรมตัวเครื่องให้มาจัดเต็มที่ขนาด 16GB DDR4 ความจุ SSD M.2 NVMe ตัวแรง ความจุ 512GB แถมตัวเครื่องยังสามารถใส่ SSD M.2 NVMe ได้เพิ่มอีกหนึ่งช่อง (มี M.2 2 ช่องนั่นเอง)
นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับ Windows 10 แท้พร้อมใช้งานอีกด้วย ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อก็มีมาให้ครบครันหายห่วงทั้ง Thunderbolt 3, USB 3.2 Type-A x3, RJ45 Killer Ethernet E2600, HDMI, Mini-DisplayPort รูหูฟังกับไมค์แบบแยกออกจากกัน อีกทั้งยังมีช่อง SD Card Reader ครบๆ อีกด้วย ทำให้เป็น Gaming Notebook อีกรุ่นที่พอร์ตการเชื่อมต่อครบเครื่องจริงๆ
โดยราคาของ Gigabyte AERO 15 มีความหลากหลายมากๆ สนนราคาอยู่ที่ 54,900 – 139,900 บาท ขึ้นอยู่กับสเปกตามที่แจ้งเอาไว้แล้ว รวมถึงมีรุ่น 17.3″ ด้วย สังเกตได้มีรุ่นราคาถูกกว่าที่เป็น DOS พร้อมทุกรุ่นได้รับการประกัน 1 ปีแบบฝากส่งเคลม ปิดท้ายข้อสังเกตอีกเล็กน้อยก็คือไม่มีแป้นคีย์บอร์ดภาษาไทยมาให้ ตรงนี้อาจจะไม่ถูกใจหลายๆ คนก็เป็นไปได้ (การทำแป้นไทยจะทำให้ตัวเครื่องมีราคาสูงขึ้น)
- AERO 15 OLED YB / win 10 pro / 139,900 บาท
- AERO 17 HDR WB / DOS / 91,900 บาท
- AERO 17 HDR WB / Win 10 pro / 94,900 บาท
- AERO 15 YB / Win 10 Home / 89,900 บาท
- AERO 15 XB / Win 10 Home / 72,900 บาท
- AERO 15 OLED KB / DOS / 63,900 บาท
- AERO 15 KB / DOS / 54,900 บาท
- AERO 15 KB / Win 10 Home / 56,900 บาท
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Gigabyte AERO 15 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Performance
Gigabyte AERO 15 รุ่นที่รีวิวเป็นสเปกชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-10875H ความเร็ว 2.30 – 5.10 GHz ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธร์ด ประสิทธิภาพไว้ใจได้ พร้อมการ์ดจอตัวบนอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Super Max-Q (8GB GDDR6) รุ่นใหม่ล่าสุด มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 16GB แบบ DDR4 แน่นอนทั้งตัวเครื่องนั้นแทบไม่ต้องอัพเกรดอะไร ลื่นไหลที่สุดอย่างไร้กังวล รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน อีกทั้งได้หน้าจอดีที่สุด AMOLED 4K UHD
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ AERO Series อยู่แล้ว การันตรีจากรางวัล Red Dot Design Award 2020 ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Gigabyte AERO 15 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวในมิติที่เล็กกระชับลงกว่า Gaming Notebook ทั่วไป ขอบจอบางเฉียบ แต่มีการออกแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ออกแนวดุดันและเรียบหรูมากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้การตัดสีดำสนิทตลอดทั้งตัวเครื่อง รวมไปถึงได้การรับรองว่าเป็น Microsoft Modern PC ที่ยืนยันว่าของดีแน่นอน ไฟคีย์บอร์ด RGB Fusion 2.0 ตั้งค่าสีแยกอิสระทุกปุ่ม เชื่อได้ว่าหลายๆ คนที่เป็นเกมเมอร์ต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน
Best Mobility
ปัจจัยสำคัญของด้านการพกพาคือน้ำหนักที่เบาโดยอยู่ที่ 2.2 กิโลกรัม จัดเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ที่งานประกอบแน่นๆ วัสดุดีๆ ที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่าปกติเล็กน้อย อย่างไรก็ตามแลกมากับแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานกว่า 6:20 ชั่วโมงถือว่าเยี่ยมยอด รวมถึงได้การเชื่อมต่อแบบไร้สายที่ครอบคลุม ซึ่ง การรับรองว่าเป็น Gigabyte AERO 15 ตอบโจทย์ทั้งสามด้านได้อย่างครบถ้วนครับ กับตัวเครื่องบางเบา และการเชื่อมต่อแบบไร้สายที่รองรับทั้ง Killer Ethernet E2600 + Killer Wi-Fi 6 AX1650 รวมถึง Bluetooth V5.0 + LE หรือหากต้องการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริม ตัวเครื่องก็ยังมีพอร์ตที่ครบครันสำหรับทุกๆ การใช้งานอย่าง Thunderbolt 3 และอื่นๆ อีกมากมาย
VDO Unbox
NBS Verdict
Gigabyte AERO 15 เป็น Notebook สาย Content Creator ระดับบน เครื่องเดียวจบครบในตัวเดียว ประสิทธิภาพแรงลื่นไหล ด้วยสเปกชิปประมวลผลที่เหนือชั้นกว่าด้วย Intel Core i7-10875H ซึ่งให้ประสิทธิภาพสูงกว่า Core i7-10750H ที่นิยมใช้งานกันทั่วไป ส่วนการ์ดจอก็เป็น NVIDIA GeForce RTX 2070 Super Max-Q รุ่นใหม่ที่แรงและร้อนน้อยกว่า ได้แรมขนาด 16GB DDR4 Bus 2933 MHz และ SSD M.2 ความจุ 512GB จอสวยเทพ AMOLED 4K UHD
รองรับการเชื่อมต่อที่ครบครันทั้งแบบมีสายไร้สาย ได้คีย์บอร์ดไฟ Per-key RGB รองรับการทำงานหนักๆ และเล่นเกมตอบโจทย์ได้ลงตัวที่สุด ถ้าให้ซื้อ Gaming Notebook บางเบา แบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนาน 6 ชั่วโมง เน้นความเป็นไฮเอนด์และความต่าง ซึ่งได้ฟีเจอร์ครบครับ Gigabyte AERO 15 คือคำตอบ ในราคาที่ต้องยอมรับว่าอยู่มีเกณฑ์ที่สูงกว่า Notebook ทั่วไปพอสมควร แต่ถ้าเทียบกับรุ่นที่ใกล้เคียงกันแล้วเรื่อง สเปก ฟีเจอร์ ดีไซน์ ก็ถือว่าสมราคา
แน่นอนว่า Gigabyte AERO 15 ได้ดีไซน์งานประกอบที่เยี่ยมยอด เปรียบเทียบกับสเปค ฟีเจอร์ และการออกแบบสไตล์ Notebook สายงานสร้างสรรค์ระดับมืออาชีพ หรือคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คแรงที่สุด และได้ฟีเจอร์พิเศษรอบด้านซักเครื่อง สำหรับหลายๆ คนที่มีงบประมาณในการซื้อที่สูงซักหน่อย เพราะเอาเข้าจริงในประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกันอาจจะมีตัวเลือกที่ถูกกว่านี้ แต่ด้วยฟีเจอร์หรือคุณสมบัติต่างๆ ก็คงไม่ครบครันขนาดนี้ ด้วยระบบระบายความร้อน WINDFORCE พัดลม 12V จำนวน 2 ตัว ใช้ 5 Heatpipes พร้อม 4 ช่องระบายความร้อน ที่สามารถจัดการอุณหภูมิได้เย็นมากๆ เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้ 100% จากชิปประมวลผลและการ์ดจอตัวแรง
และฟีเจอร์รองรับการอัพเกรด SSD M.2 2 ช่อง ความจุรวมถึง 6TB ระบบเสียง Nahimic 3 รวมถึงได้รับการรับรองว่าเป็น Microsoft Modern PC ที่สมบูรณ์บแบบรอบด้าน และการทำงาน Microsoft Azure ที่เป็น AI คอยจัดการการทำงานของระบบโดยรวม อย่างที่หาไม่ได้ในโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ อีกด้วย อย่างไรก็ตามต้องรับว่าในเรื่องของคนซีเรียสกับคีย์บอร์ดภาษาไทย ก็ต้องบอกว่า Gigabyte AERO 15 มีแต่อังกฤษล้วนเท่านั้น และการรับประกันก็จะเป็นการฝากส่งเคลมอีกที โดยมีระยะเวลารับประกัน 2 ปี ซึ่งยังไม่รวมถึงการซื้อแบบสั่งจองเป็นหลักอีกทีด้วย (คือสั่งซื้อไปแล้วต้องรอเวลาซักระยะ)
ข้อดี
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจคนทำงานมืออาชีพ งานประกอบแน่นวัสดุดี แนวเรียบหรู
- ตัวเครื่องบางเฉียบ เล็กกระชับกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป โดยมีน้ำหนักเพียง 2.2 กิโลกรัม
- ได้ Red Dot Design Award 2020 และงานประกอบ Made in Taiwan ที่ดีเยี่ยม
- สเปคสูงมากทั้ง Core i7-10875H และการ์ดจอ GeForce RTX 2070 Super Max-Q
- หน้าจอแสดงผลขนาด 15.6″ ดีที่สุด AMOLED / 4K UHD / sRGB 100% / Delta E < 1 / รองรับ HDR
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครันทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 3.2, HDMI และ Mini DisplayPort 1.4
- พร้อมพอร์ตความเร็วสูง Thunderbolt 3 ที่เป็นฟอร์ม USB-C ใช้งานเป็น DisplayPort / PD ได้
- มาพร้อมลำโพงคุณภาพสูง 2W x 2 พร้อมระบบเสียง Nahimic 3 ให้เสียงที่ดีเยี่ยม
- รองรับไดร์ฟ SSD แบบ NVMe M.2 ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูง ความจุ 512GB
- ระบบระบายความร้อน WINDFORCE มีประสิทธิภาพดีเยี่ยม
- มีซอฟต์แวร์มากมาย ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง ให้สนุกยิ่งขึ้น
- คีย์บอร์ดไฟ RGB Fusion 2.0 ตั้งค่าสีไฟแยกอิสระทุกปุ่ม
- ซอฟต์แวร์ Gigabyte Control CENTER ที่ปรับแต่งได้หลากหลาย ใช้งานได้จริง
- มีระบบใช้งาน Windows Hello ผ่านทางการสแกนลายนิ้ว Fingerprint
- ระบบอินเตอร์เน็ต Killer Ethernet E2600 + Killer Wi-Fi 6 AX1650
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานสูงสุดราวๆ 6 ชั่วโมง
ข้อสังเกต
- ประกัน 1 ปี ฝากส่งเคลมผ่านทางตัวแทนจำหน่ายในไทย
- แป้นคีย์บอร์ดไม่มีภาษาไทย
- มีรุ่นราคาถูกกว่า ใช้หน้าจอเป็น IPS ความละเอียด Full HD 144Hz
Specification
Gigabyte AERO 15 รุ่นแอดมินโป้งที่ได้รับมารีวิวเป็นรุ่นหน้าจอ AMOLED ใช้ชิประมวลผลรุ่นล่าสุดอย่าง Intel Core i Gen 10H ในรุ่น Core i7-10875H ทำงานที่ความเร็ว 2.3 – 5.1 GHz แบบ 8 คอร์ 16 เธร์ด ทำงานร่วมกับการ์ดจอระดับสูงรุ่นใหม่อย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Super (8GB GDDR6) แรมมาตรฐานเป็น DDR4 Bus 2933MHz ขนาด 16GB พร้อม SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB มีหน้าจอความละเอียดสูงระดับ 3840 x 2160 พิกเซล 4K Ultra HD พาเนล AMOLED ที่ดีที่สุด แสดงผล HDR ได้ ส่งผลให้เราได้พบประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยม ใครจะเอาไปทำงานหรือเล่นเกมอันนี้ไม่ว่ากัน ได้ระบบปฏิบัติการ Windows 10
ซึ่งจากสเปกนี้ทำให้รองรับการเล่นเกมในปัจจุบันลื่นๆ ได้ทุกเกมแน่นอน พร้อมด้วยกล้องเว็บแคมแบบพิเศษที่ติดตั้งเหนือคีย์บอร์ดที่สามารถเลื่อนปิดได้ และมีไมค์ดิจิตอลแบบคู่ในตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง Thunderbolt 3, USB 3.1 Type-A และ LAN RJ45 Killer Ethernet E2600, Headset พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth V5.0 + LE และ Wi-Fi มาตรฐาน Killer Wi-Fi 6 AX1650 (Powered by Intel) ที่สำคัญยังโดดเด่นกว่ารุ่นอื่นด้วยการติดตั้งระบบความปลอดภัย Firmware-based TPM และร้องรับ Intel Platform Trust Technology ด้วย
ดูสเปกและราคาเต็มๆ ของ Gigabyte AERO 15 / Gigabyte AERO 17 ได้ที่นี่ Gigabyte Facebook
Hardware / Design
ดีไซน์การออกแบบจะเห็นว่า Gigabyte AERO 15 มีสไตล์การออกแบบโน๊ตบุ๊คสาย Contenr Creator อีกทั้งได้รับการรับรองว่าเป็น Microsoft Modern PC ที่สมบูรณ์บแบบรอบด้าน โดยเป็นกลุ่มสินค้าระดับ Hi End ที่ตอบโจทย์คนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คทำงานระดับมือาชีพ เช่นระบบระบายความร้อนที่ดีกว่า ไฟ RGB ที่สวยงามกว่า รวมถึงการออกแบบที่โฉบเฉี่ยวโดดเด่นมากกว่า ซึ่งเราคุ้นเคยกันดีในการ์ดจอ เมนบอร์ด และวันนี้ก็ได้มาเป็นซับแบรนด์ให้ตลาดโน๊ตบุ๊คอีกด้วย และแน่นอนว่าทุกรุ่นยังคงผลิตในไต้หวัน จึงมั่นใจในคุณภาพของสินค้าได้ เชื่อว่าโดนใจใครหลายๆ คนแน่นอน ในเรื่องของความพรีเมียมแตกต่างจากโน๊ตบุ๊คแบรนด์อื่นๆ แบบชัดเจน
เรียกได้ว่าเอาไปใช้งานที่ไหนก็โดดเด่นสุดๆ สำหรับฝาหลังมีโลโก้ AERO พร้อมไฟ LED สีขาวส่องสว่างเมื่อเปิดใช้งาน รวมไปถึงขอบตัวเครื่องด้านหลังที่มีคำว่า AERO ก็มีไฟ LED ส่องสว่างเช่นกัน ให้ความเป็นโน๊ตบุ๊คระดับสูงอย่างที่สุด ซึ่งได้วัสดุหลักๆ ก็จะเป็นอลูมิเนียม CNC ขึ้นรูปแบบชิ้นเดียวในแต่ละส่วน ซึ่งให้ทั้งความแข็งแรงทนทาน และความสวยงาม แน่นอนว่ามีมิติตัวเครื่องที่เล็กลงจากการที่ขอบจอบางเฉียบ เล็กกว่ารุ่นก่อนๆ โดยมีน้ำหนักแค่ 2.2 กิโลกรัมเท่านั้น และมีความบางสุดๆ ของตัวเครื่องเพียง 25 มิลลิเมตร เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสาย Content Creator สเปกแรง หน้าจอ 15.6″ อีกรุ่นในตลาดที่ทั้งบางและเบาไปด้วยพร้อมๆ กัน
ตัวเครื่องโดยรวมให้ดูทันสมัยและเรียบง่าย ตามมาด้วยการใส่รายละเอียดต่างๆ ที่สวยงามตามสไตล์ AERO ที่สำคัญด้วยเทคโนโลยี ระบบระบายความร้อน WINDFORCE พัดลม 12V 2 ตัว 5 Heatpipes ,4 ช่องระบายความร้อน ดูดอากาศเย็นจากใต้ตัวเครื่องพร้อมเปล่าออกผ่านทางฮีทไปป์และฟินขนาดใหญ่ไปทางด้านหลังและด้านข้างออกตัวเครื่อง เชื่อได้เลยว่า Gigabyte AERO 15 ตัวนี้ต้องจัดการอุณหภูมิได้ดีอย่างแน่นอน มาพร้อมกับไฟคีบ์บอร์ด RGB 16.8 ล้านสี และ RGB Fusion 2.0 ตั้งค่าสีไฟแยกอิสระทุกปุ่ม ที่เราสามารถปรับแต่งได้ดั่งใจ ทั้งส่วนของคีย์บอร์ดที่ดูแล้วสวยงาม
ส่วนด้านฐานของตัวเครื่องมียางรองกันลื่นขนาดใหญ่ ช่วยยกตัวเครื่องให้สูงขึ้นให้อากาศเย็นผ่าน โดยมีช่องดูดลมเย็นขนาดใหญ่ ซึ่งมีการเล่นดีไซน์แบบพิเศษ ติดตั้งเอาไว้ที่เราสามารถมองเห็นกันได้อย่างชัดเจนทั้งสวยงามลงตัวและใช้ได้จริง ส่วนถ้าจะอัพเกรดก็ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ขันน็อตไม่กี่ตัว รวมๆ แล้วต้องยอมรับว่าทาง Gigabyte AERO 15 นั้นใส่ใจในการออกแบบมาจริงๆ ซึ่งนอกจากที่อัพเกรดได้ไม่ยากแล้ว ยังทำความสะอาดได้สะดวกสบายอีกด้วย
เป็นข้อดีที่หาได้ยากในหลายๆ แบรนด์ สรุปโดยรวมการออกแบบดีไซน์ภายนอกและวัสดุนั้น ทำได้ดีตามมาตรฐานของ Gigabyte ซึ่ง Gigabyte AERO 15 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คทำงาน Content Creator ระดับสูง อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าราคาสูงกว่าแบรนด์คู่แข่ง จากการที่ Made in Taiwan ด้วนส่วนหนึ่ง แต่ก็ให้มากกว่าเช่นกัน ทั้งในส่วนของดีไซน์และฟีเจอร์ ที่เชื่อได้ว่าคนที่ประกอบ PC มาต้องมั่นใจในแบรนด์ Gigabyte แน่นอน เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีของคนที่ต้องโน๊ตบุ๊คที่แตกต่าง การันตีเรื่องของดีไซน์ได้จากการได้รางวัล Red Dot Design Award 2020 ปีนี้ด้วย
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ Gigabyte AERO 15 มีการออกแบบมาให้มีขนาดใหญ่โดยโค้งรับกับนิ้วมือได้พอดี ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น ก็ถือว่าทำไว้ดี ด้านการใช้งานในการพิมพ์ด้วยเทคโนโลยี Anti-Ghosting N-Key Rolloverให้ความรู้สึกที่ดีเยี่ยมและทนทาน ตอบสนองได้เป็นอย่างดีทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างทำให้มีความแม่นยำในการกด เด้งกับนิ้วได้ยอดเยี่ยม ในส่วนของไฟ RGB 16.8 ล้านสี แบบ RGB Fusion 2.0 ตั้งค่าสีไฟแยกอิสระทุกปุ่ม ก็สามารถใช้งานได้ดีทีเดียว ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่บริเวณเหนือคีย์บอร์ดตรงกลาง (เครื่องขายจริงไม่มีการสกรีนภาษาไทย)
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ในระดับนึง พื้นผิวแบบกระจกสัมผัสแล้วติดนิ้ว ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบซ่อนปุ่มคลิกซ้ายขวา โดยการควบคุมสามารถทำได้เป็นอย่างดีรวมไปถึงปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็มีความนุ่มและเด้งรับได้น่าประทับใจ การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือแบบใหม่ที่เพียงแตะเท่านั้น คล้ายๆ ใช้งานพวกสมาร์ทโฟน ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่ใช้งานได้ง่ายและสะดวกมากๆ
Screen / Speaker
หน้าจอของ Gigabyte AERO 15 มีขนาดที่ 15.6″ ขอบหน้าจอบางสุดๆ ที่ 3 มิลลิเมตร แบบจอกระจก โดยมีความละเอียด 4K UHD (3840 x 2160 พิกเซล) พาเนล AMOLED ของ Samsung คุณภาพสูงสุดในตลาด สำหรับการแสดงสีสันมาตรฐาน DCI-P3 รองรับ VESA Display HDR 400 พร้อมมาตรฐาน Delta E < 1 และผ่านการ X-Rite™ Pantone® Certified มาแล้ว เทียบกับโน๊ตบุ๊คหน้าจอพาเนลทั่วไปแล้วล่ะก็ ต้องบอกว่า Gigabyte AERO 15 มีความเหนือชั้นไปมากจริงๆ เรียกได้ว่ารองรับทุกการทำงานหรือความบันเทิง รวมไปถึงการเล่นเกมแบบเต็มประสบการณ์อย่างสุดๆ ทั้งความลื่นไหลและสีสัน
อีกทั้งใส่ยางขอบจอมาตลอดแนวของจอเลย ต่างจากโน๊ตบุ๊คอื่นๆ ที่มักจะติดตั้งมาเป็นจุดๆ ในบางตำแหน่งเท่านั้น ซึ่งยางนี้จะมีประโยชน์ก็ในการซับแรงกระแทกที่เกิดในเวลาที่จอพับอยู่ได้ และที่ถึงแม้ขอบจอจะบางแต่ก็ยังติดตั้งกล้องเว็บแคมไปอยู่บริเวณเหนือชุดคีย์บอร์ด ที่สำคัญยังมาพร้อมฟีเจอร์ม่านชัตเตอร์ปิดเลนส์กล้องที่ทำให้เรามั่นใจว่ากล้องจะเห็นในเวลาที่เราต้องการใช้งานเท่านั้น การใช้งานก็ง่ายมากๆ ด้วยการใช้นิ้วเลื่อนเปิดหรือปิดการใช้งานเท่านั้น
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Gigabyte AERO 15 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล AMOLED ทางทีมงานเลยถือโอกาสทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด โดยทดสอบออกมาแล้วเผยให้เห็นขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 100% และ AbodeRGB ที่ 97%
เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันอยู่ในระดับที่ดีน่าประทับใจ ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ คือเพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆ ไปแน่นอน หรือถ้าเอาไปทำภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็เหมาะสมเป็นอย่างดี ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ
โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องซ้ายกลางแถวกลางเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับช่องบนมุมขวา มีแสงสว่างที่ลดลงไประดับ 15% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.5 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว นับได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่ให้หน้าจอที่ดีที่สุดในตลาดเลยก็ว่าได้
ตัวเครื่องมีช่องลำโพงอยู่ใต้ตัวเครื่องด้านล่าง 2 x 2W ระบบเสียง Nahimic 3 เพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมหรือทำงาน ด้วยความที่เป็น 2 ชาแนล อยู่ข้างใต้ตัวเครื่องทางซ้ายและขวา ในเรื่องของความดังของเสียงเรียกว่าทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจทีเดียว ส่วนในเรื่องคุณภาพเสียงนั้น อาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างสักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากว่าคุณเป็นผู้ใช้งานทั่วไป คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีเพียงพอแบบสบายๆ แล้ว ส่วนใครจะเอาไปต่อกับหูฟังหรือลำโพงเพิ่ม ก็สามารถจำลองเสียง 3. มิติ รวมไปถึงรองรับระบบเสียง 7.1 ได้อีกด้วย
Connector / Thin And Weight
ส่วน Gigabyte AERO 15 ติดตั้งพอร์ตการเชื่อมต่อประกอบไปด้วย ช่องชาร์จไฟ Power/DC-in Port 1 / RJ-45 Killer Ethernet E2600 / 3 x Type-A USB 3.2 Gen 1 Port / 1 x Type-A USB 3.1 Gen 1 Port with PowerShare technology / 1 x Thunderbolt 3 Port (USB Type-C with support for USB 3.1 Gen 2 10Gbps, 40Gbps Thunderbolt, and DisplayPort 1.4) / 1x mini DP 1.4 Output Port / 1 x HDMI 2.0 Output Port / 1 x Audio Out (Compatible with inline mic headset) / Wedge-shaped lock slot (cable and lock sold separately) ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายเป็น Killer Wi-Fi 6 AX1650 (Powered by Intel) + Bluetooth V5.0 + LE จัดเต็มกันไปเลย
สำหรับ Gigabyte AERO 15 นับได้ว่าเหนือชั้นกว่า Notebook หน้าจอ 15.6″ หลายรุ่น ในส่วนของความบางเบาของตัวเครื่อง ตอบสนองการพกพาได้เป็นอย่างดี มีน้ำหนักตัวค่อนข้างมากถึง 2.2 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับ Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ จัดว่าเบากว่า แถมมิติตัวเครื่องยังเล็กกระทัดรัด ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่พัฒนาดียิ่งขึ้น ซึ่งถ้ารวมอแดปเตอร์แล้วจะมีน้ำหนักประมาณ 2.5 + กิโลกรัม ไม่ลำบากในการพกพามากนัก แม้ตัวอแดปเตอร์เองจะมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่อยู่ทีเดียว
Performance / Software
.
สำหรับ Gigabyte AERO 15 มาพร้อมกับชิปประมวลผลรุ่นยอดนิยมของ Gaming Notebook อย่าง Intel Core i Gen 10 H อย่าง Core i7-10875H เน้นนำไปใช้งานหนักๆ มากกว่ารุ่นยอดนิยมอย่าง Core i7-10750H ที่ใช้กันในหลายแบรนด์ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม 3 มิติ ที่กินทรัพยากรสูง โดยมีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.30 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 5.10 GHz เป็นซีพียูแบบ 8 Core 16 Threads มาพร้อมแรมภายในขนาด 16GB DDR4 Bus 2933 MHz แบบ 8GB x 2 แถว ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10
การ์ดจอเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น โดยมีกราฟิกการ์ดจอแยกตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Super Max-Q ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ แรงกว่า RTX 2070 แบบรู้สึกได้ อีกทั้งได้เรื่องของความร้อนที่ปลดปล่อยออกมาน้อยกว่า เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เรียกว่าสำหรับเกมออนไลน์สามารถทำได้ลื่นไหลแน่นอน แต่ยังไงไปดูผลทดสอบอีกทีดีกว่าด้านล่าง
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูง เป็นที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าพอตัว รวมไปถึงตัวการ์ดจอแยกเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น (แต่ออนชิปคือตัวเดิมนะ) เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก สมกับเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10875H จริงๆ
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ที่กลายเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook ไปแล้ว โดยใชเป็นแบรนด์ Intel ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe PCIe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 2169 MB/s และเขียนที่ 1506 MB/s ที่เร็วกว่ารุ่นก่อนๆ แต่ก็ถือว่าดีกว่ามาตรฐาน SATA 3 แบบเดิมๆ แล้ว
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4993 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมชิปประมวลผล Core i7-10875H มีการ์ดจอแยกอย่าง RTX 2070 Super Max-Q แต่ถ้าเทียบจริงๆ จะเห็นถึงคะแนนที่สูงกว่า Notebook ในสเปกที่ใกล้เคียงกัน
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10875H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce RTX 2070 Super Max-Q ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 16GB DDR4 Bus 2933 MHz รวมไปถึง SSD NVMe PCIe ก็ส่งผลช่วยด้วย อย่างไรก็ตามในการทดสอบเราเลือกใช้ความละเอียด Full HD แทนที่ 4K UHD Native เพื่อดูถึงเฟรมเรทว่าขับได้แค่ไหน
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Resident Evil 3 / Battlefield V/ FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว โดย Battlefield V เปิด DX12 แต่เลือกปิด DLSS / Ray Tracing ที่แม้จะทำให้ภาพสวยแต่ก็กินทรัพยากรเครื่องพอตัวอยู่ เฟรมเรทเฉลี่ยของทั้ง 4 เกม อยู่ที่ระดับลื่นไหล 70 – 90 – 120 เฟรมเรท ซึ่งนับว่าเกินสเปกหน้าจอที่เป็น 60 Hz ไปแล้ว
เกมออนไลน์กินสเปกเบาๆ หน่อยอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 120 ขึ้นไปตลอด (PUBG ได้ 133) ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แต่ถ้าเทียบกับ Notebook รุ่นอื่นที่สเปกใกล้เคียงกัน เรียกได้ว่าทรงประสิทธิภาพมากกว่าด้วยซ้ำ ทำให้บางเกมเราอาจจะเล่นที่ความละเอียด 4K UHD ได้เลยทีเดียว
นอกเหนือจากนี้ทาง Gigabyte ยังมีซอฟต์แวร์ Utility อย่าง Gigabyte Control Center โดยเป็นลักษณะของแอพพลิเคชั่นต่างๆ มากมาย ที่ช่วยเอื้ออำนวยในการปรับแต่งเพื่อการเล่นหรือทำงานโดยเฉพาะ อาทิเช่น โหมดการใช้งานต่างๆ โปรไฟล์การตั้งค่า ไว้จัดการเกี่ยวประประสิทธิภาพ รอบพัดลมแบบละเอียด รวมไปถึงหน้าตาก็ใช้งานได้ง่ายและสะดวกเรียกได้ว่าเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ Notebook ระดับสูงของทาง Gigabyte ที่มีการพัฒนาต่อยอดมาจาก AORUS ที่เป็นฝั่ง Gaming เชื่อได้ว่าต้องถูกอกถูกใจคนทำงานแน่นอน แบ่งออกเป็น Smart Dashboard / App Shortcus / Manager / Fusion / Device Setting / Smart Ultility
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน Gigabyte AERO 15 เครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ความจุ 5800 mAh ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับต่ำ พร้อมปรับเป็น Power Saver Mode แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ววัดผลจากการเปิดโปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราวๆ 6:20 ชั่วโมงโดยประมาณ เรียกได้ว่าน่าประทับใจทีเดียวกับการที่ Gaming Notebook จอ 15.6″ สเปกแรงขนาดนี้ ใช้งานแบตเตอรี่ได้นานระดับที่เหนือชั้นกว่า
ครื่องนี้ที่ให้ฮีทไปป์มาทั้งหมด 5 เส้น ระบบระบายความร้อน แบบพัดลม 2 ตัวขนาดใหญ่ ช่องระบายความร้อน 4 ช่อง เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คอีกรุ่นที่มีการระบายความร้อนได้ดี เมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 50 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 27 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% โดยทางทีมงานได้ทำการเล่นเกมหนักๆ เป็นเวลานานๆ อย่างไรก็ตามต้องบอกก่อนว่าเราจำเป็นต้องดูอุณหภูมิชิปประมวลผลผ่านทาง Core Temp ไปก่อน เพราะซอฟต์แวร์ Hardware Monitor ยังไม่รองรับนั่นเอง
เห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของชิปประมวลผลอยู่ที่ไม่เกิน 83 – 92 องศาเซลเซียส และการ์ดจออยู่ที่ 40 – 72 องศาเซลเซียส ที่สามารถควบคุมได้เป็นอย่างดีตามมาตรฐาน ในการทำงานก็ปกติดีทุกอย่าง ส่วนเสียงพัดลมก็ดังขึ้นมาประมาณนึงแต่ก็อยู่ในเกณฑ์รับได้ จากการที่เปิดโหมด Performance ทำให้พัดลมหมุนรอบเร็วสุดเมื่อทำงานหนักๆ (สามารถปรับบังคับเร่งรอบเองได้ด้วย) อย่างไรก็ตามไม่ถือว่ารบกวนอะไรมากมายสำหรับคนที่ทำงานโปรเซสหนักๆ อยู่แล้ว โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้อย่างไม่น่าเป็นห่วง ซึ่งเมื่อใช้งานทั่วไปในส่วนของเสียงพัดลมจะมีความเบามากๆ แทบไม่ได้ยินเสียงเลย
Conclusion / Award
สรุปรีวิวจากการทดสอบใช้งานจริงของ Gigabyte AERO 15 สำหรับการดีไซน์และออกแบบตัวเครื่องนับว่ามีความก้าวล้ำกว่ารุ่นก่อนๆ ไปมาก ด้วยแนวคิดใหม่ๆ พร้อมวัสดุคุณภาพสูง งานประกอบที่แน่นๆ และสวยงามน่าประทับใจ ประกอบกับการดีไซน์ที่ตอบสนองความต้องการของเกมเมอร์ที่ต้องการ Gaming Notebook ที่แตกต่างและโดดเด่นสะดุดตา พรีเมียมแบบสุดๆ อย่างที่หาไม่ได้ในแบรนด์อื่นๆ
ที่สำคัญด้วยสเปกใหม่ล่าสุดอย่าง Intel Core i Gen 10H + NVIDIA GeForce RTX 20 Suer Series รวมไปถึงเป็นโน๊ตบุ๊ค 15″ เครื่องแรกที่มาพร้อม Microsoft Azure ระบบ AI สุดล้ำ และการรับรองว่าเป็น Microsoft Modern PC ที่สมบูรณ์บแบบรอบด้าน อีกทั้งได้คีย์บอร์ด RGB Fusion 2.0 ตั้งค่าสีไฟแยกอิสระทุกปุ่ม ส่งผลให้เสริมประสบการณ์ใช้งานยิ่งขึ้นไปอีก
ดีไซน์ตัวเครื่องออกแบบมาใหม่หมด บอดี้เป็นอลูมิเนียมอัลลอยด์ที่แทบจะไร้รอยต่อ เน้นความเรียบง่ายที่เชื่อว่าหลายคนต้องชื่นชอบ สไตล์ของ Gigabyte ซึ่งแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ แบบชัดเจน โดย Gigabyte AERO 15 จะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 15.6″ ที่ดีที่สุด AMOLED / 4K UHD / Delta E < 1 / รองรับ HDR โดยทดสอบแล้วขอบเขตสี 100% sRGB แบบขอบหน้าจอบางเฉียบ
โดยยังเลือกติดตั้งกล้องเว็บแคมไว้อยู่ ไม่ตัดทิ้งเหมือนบางรุ่น ลำโพงเลือกใช้ระบบเสียง Nahimic 3 รองรับระบบเสียงแบบ Hi-Res จัดเต็ม รวมไปถึงแบตเตอรี่เองก็ใช้งานได้ยาวกว่า 6:20 ชั่วโมง เรียกได้ว่าเป็น Notebook สายงานสร้างสรรค์ระดับท็อปที่สมบูรณ์รอบด้านจริงๆ อีก 1 รุ่นตลาดประเทศไทย ที่คนที่งบประมาณสูงหน่อยต้องให้ความสนใจ
การระบายความร้อนตัวเครื่องเป็นแบบ WINDFORCE พัดลม 12V 2 ตัว 5 Heatpipes ,4 ช่องระบายความร้อน หมดห่วงเรื่องตัวเครื่องร้อน เพราะจากการทดสอบเย็นมากๆ แม้ทำงานหนักๆ ส่วนแรมตัวเครื่องให้มาจัดเต็มที่ขนาด 16GB DDR4 ความจุ SSD M.2 NVMe ตัวแรง ความจุ 512GB แถมตัวเครื่องยังสามารถใส่ SSD M.2 NVMe ได้เพิ่มอีกหนึ่งช่อง (มี M.2 2 ช่องนั่นเอง)
นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับ Windows 10 แท้พร้อมใช้งานอีกด้วย ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อก็มีมาให้ครบครันหายห่วงทั้ง Thunderbolt 3, USB 3.2 Type-A x3, RJ45 Killer Ethernet E2600, HDMI, Mini-DisplayPort รูหูฟังกับไมค์แบบแยกออกจากกัน อีกทั้งยังมีช่อง SD Card Reader ครบๆ อีกด้วย ทำให้เป็น Gaming Notebook อีกรุ่นที่พอร์ตการเชื่อมต่อครบเครื่องจริงๆ
โดยราคาของ Gigabyte AERO 15 มีความหลากหลายมากๆ สนนราคาอยู่ที่ 54,900 – 139,900 บาท ขึ้นอยู่กับสเปกตามที่แจ้งเอาไว้แล้ว รวมถึงมีรุ่น 17.3″ ด้วย สังเกตได้มีรุ่นราคาถูกกว่าที่เป็น DOS พร้อมทุกรุ่นได้รับการประกัน 1 ปีแบบฝากส่งเคลม ปิดท้ายข้อสังเกตอีกเล็กน้อยก็คือไม่มีแป้นคีย์บอร์ดภาษาไทยมาให้ ตรงนี้อาจจะไม่ถูกใจหลายๆ คนก็เป็นไปได้ (การทำแป้นไทยจะทำให้ตัวเครื่องมีราคาสูงขึ้น)
- AERO 15 OLED YB / win 10 pro / 139,900 บาท
- AERO 17 HDR WB / DOS / 91,900 บาท
- AERO 17 HDR WB / Win 10 pro / 94,900 บาท
- AERO 15 YB / Win 10 Home / 89,900 บาท
- AERO 15 XB / Win 10 Home / 72,900 บาท
- AERO 15 OLED KB / DOS / 63,900 บาท
- AERO 15 KB / DOS / 54,900 บาท
- AERO 15 KB / Win 10 Home / 56,900 บาท
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Gigabyte AERO 15 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Performance
Gigabyte AERO 15 รุ่นที่รีวิวเป็นสเปกชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-10875H ความเร็ว 2.30 – 5.10 GHz ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธร์ด ประสิทธิภาพไว้ใจได้ พร้อมการ์ดจอตัวบนอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Super Max-Q (8GB GDDR6) รุ่นใหม่ล่าสุด มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 16GB แบบ DDR4 แน่นอนทั้งตัวเครื่องนั้นแทบไม่ต้องอัพเกรดอะไร ลื่นไหลที่สุดอย่างไร้กังวล รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน อีกทั้งได้หน้าจอดีที่สุด AMOLED 4K UHD
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ AERO Series อยู่แล้ว การันตรีจากรางวัล Red Dot Design Award 2020 ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Gigabyte AERO 15 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวในมิติที่เล็กกระชับลงกว่า Gaming Notebook ทั่วไป ขอบจอบางเฉียบ แต่มีการออกแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ออกแนวดุดันและเรียบหรูมากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้การตัดสีดำสนิทตลอดทั้งตัวเครื่อง รวมไปถึงได้การรับรองว่าเป็น Microsoft Modern PC ที่ยืนยันว่าของดีแน่นอน ไฟคีย์บอร์ด RGB Fusion 2.0 ตั้งค่าสีแยกอิสระทุกปุ่ม เชื่อได้ว่าหลายๆ คนที่เป็นเกมเมอร์ต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน
Best Mobility
ปัจจัยสำคัญของด้านการพกพาคือน้ำหนักที่เบาโดยอยู่ที่ 2.2 กิโลกรัม จัดเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ที่งานประกอบแน่นๆ วัสดุดีๆ ที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่าปกติเล็กน้อย อย่างไรก็ตามแลกมากับแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานกว่า 6:20 ชั่วโมงถือว่าเยี่ยมยอด รวมถึงได้การเชื่อมต่อแบบไร้สายที่ครอบคลุม ซึ่ง การรับรองว่าเป็น Gigabyte AERO 15 ตอบโจทย์ทั้งสามด้านได้อย่างครบถ้วนครับ กับตัวเครื่องบางเบา และการเชื่อมต่อแบบไร้สายที่รองรับทั้ง Killer Ethernet E2600 + Killer Wi-Fi 6 AX1650 รวมถึง Bluetooth V5.0 + LE หรือหากต้องการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริม ตัวเครื่องก็ยังมีพอร์ตที่ครบครันสำหรับทุกๆ การใช้งานอย่าง Thunderbolt 3 และอื่นๆ อีกมากมาย