Commart 2020 จัดขึ้นอีกครั้งในวันที่ 20 – 23 สิงหาคมนี้ ซึ่งเราจะมาพูดถึงการเลือกซื้อ Gaming Notebook 17.3″ กัน แม้ที่ผ่านมาในตลาดโน๊ตบุ๊คเล่นเกม รุ่นที่เน้นความคุ้มค่าจะเป็นขนาดหน้าจอ 15.6″ เป็นหลัก เพราะขนาดและน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน แต่ Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ ก็เชื่อว่ามีหลายคนต้องหาซื้อมาใช้งานเช่นเดียวกัน
เพราะว่ารับได้ขนาดและน้ำหนักที่มากกว่า Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ได้ รวมไปถึงราคาที่สูงกว่าเล็กน้อย แต่ก็ได้สเปกที่แรงกว่าเช่นกัน ที่ต้องบอกเลยว่าความแตกต่างของ Gaming Notebook สองขนาดหน้าจอนี้ มีผลต่อการเล่นเกมจริงๆ หรือทำงานที่ต้องการหน้าจอที่ใหญ่กว่ามาตรฐานทั่วไป เทียบแล้วถือว่าคุ้มค่า กับน้ำหนักที่แลกมา
ที่ต้องบอกเลยว่าถ้าคิดว่าเราสามารถพกพา Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ ได้ ให้เลือกไว้ก่อน เพราะได้ประสบการณ์ใช้งานเล่นเกมได้สนุกกว่า ในราคาที่เอาจริงๆ ก็ไม่ต่างกับรุ่นหน้าจอ 15.6″ ในสเปกเท่ากันหรือใกล้เคียงกัน ดีไม่ดีบางรุ่น มีราคาเท่ากันด้วยซ้ำ ซึ่งต้องยอมรับว่าปัจจุบันมีตัวเลือกให้เลือกซื้อมากมายในราคาที่ถูกลง จากเมื่อก่อน Gaming Notebook 17.3″ จะอยู่ในเฉพาะรุ่นราคาตัวท็อปๆ เท่านั้น
ซึ่งในบทความนี้เราจะมาจัดอันดับ Gaming Notebook 17.3″ IPS 120 – 144Hz น่าซื้อ ในงาน Commart 2020 (หรือใครจะซื้อนอกงาน อันนี้ก็ไม่ว่ากัน) สเปก Core i Gen 10H / Ryzen 4000H การ์ดจอเล่นเกมตัวแรง เริ่ม 35,900 – 54,900 บาท ซึ่งได้ RAM 8 – 16GB และ SSD 512GB ราคาไม่แพง แรงคุ้ม เล่นเกมสะใจ ในราคาที่ถูกสุดๆ เมื่อเทียบกับสเปกและฟีเจอร์ที่ได้ โดยจะมีรุ่นอะไรบ้างนั้น ไปชมกันต่อเลย
MSI Bravo 17 ราคา 35,900 – 37,900 บาท
MSI Bravo 17 ถือว่าเป็น Gaming Notebook รุ่นถัดมาจาก MSI Bravo 15 ที่เป็น AMD Notebook รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ใช้ทั้งชิปประมวลผล Ryzen 4000H และการ์ดจอเป็น AMD Radeon RX5500M โดยมีขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่าที่ 17.3″ แตกต่างจาก MSI Bravo 15 ที่เป็น 15.6″ ให้ความคุ้มค่าไม่แพ้กัน ความละเอียดเป็น Full HD พาเนล IPS มี Refesh Rate ที่ 144Hz แน่นอนว่ารองรับ FreeSync ให้ภาพไม่ฉีกขาด โดดเด่นด้วยน้ำหนักเพียง 2.2 กิโลกรัม ขอบจอบางเฉียบ มิติตัวเครื่องเล็กกระทัดรัด นับได้ว่าเป็นหนึ่งใน Gaming Notebook 17.3″ ที่น่าสนใจที่สุดในตลาด
สเปกใช้ชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 4800H เป็น CPU ที่ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธรด มีความเร็วอยู่ที่ 2.90 – 4.20GHz โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 นาโนเมตร เช่นเดียวกับการ์ดจอ Radeon RX5500M ส่งผลให้ได้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดียิ่ง พร้อมด้วยความร้อนที่น้อยลงไปอีก และประหยัดแบตเตอรี่มากกว่าเดิมด้วย มีที่เก็บข้อมูลเป็นมาตรฐาน SSD แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่ทั้งแรงและลื่นไหล ในส่วนของแรมมีมาให้ 8GB / 16GB แบบ DDR4 Bus 3200MHz อัปเกรดได้สูงสุด 32 GB (ใส่ Ram ได้ 2 แถว) นับได้ว่าเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว
ลำโพงทำงานร่วมกับซอฟแวร์ของ Nahimic เวอร์ชั่น 3 ทำให้สามารถขับเสียงได้ดียิ่งกว่าเดิม พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอล 2 ตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง 1 x HDMI, 3 x USB 3.1 Type-A, 1 x USB 3.1 Type C, Kensington lock slot, Lan RJ-45 , รูหูฟังกับไมค์แบบแยกออกจากกัน พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Wi-Fi 6 AX + Bluetooth 5.0 พร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ ซึ่งดูจากราคาก็นับว่ามีความคุ้มค่ามากๆ เริ่มต้นเพียง 35,900 บาท สำหรับรุ่นแรม 8GB และ 37,900 บาทกับรุ่นแรม 16GB รายละเอียดอื่นๆ เหมือนกันหมด
หน้าตาการออกแบบเอง MSI Bravo 17 โดดเด่นทั้งในส่วนของดีไซน์ภายนอกภายใน ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าทำได้แตกต่างชัดเจนคือส่วนของโลโก้ฝาหลังด้วยนกธันเดอร์เบิร์ดสยายปีกสีเงินมันวาว สวยดุดันตามสไตล์ของ Gaming Notebook ที่บรรดาเกมเมอร์ชื่นชอบกัน โดยเป็นโทนสีดำตลอดทั้งตัวเครื่องตัดกับสีแดงเช่นเดิม มีความบางที่ 22~23.1 มิลลิเมตร ทำให้พกพาได้สะดวกกว่า Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ ทั่วไป ลวดลาย Brushed Aluminum ที่เขียนลงไปบนฝาพับ ให้สัมผัสที่เรียบหรู แต่ดูมีมิติมากยิ่งขึ้น รวมถึงยังมีการยกตัวเครื่องให้สูงขึ้นเมื่อกางฝาพับออก ทำให้การระบายความร้อนทำได้อย่างเต็มที่ และยังทำให้ได้องศาในการวางมือบนคีย์บอร์ดที่ยอดเยี่ยมกว่าเดิม
คีย์บอร์ดของ MSI Bravo 17 เป็น Gaming Notebook โดดเด่นมากๆ จากการที่ใช้ Gaming Keyboard ที่ร่วมพัฒนากับแบรนด์ SteelSeries โดยพัฒนาและออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมบน Gaming Notebook จาก MSI โดยเฉพาะ ทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมๆ กัน ที่สำคัญได้ไฟ LED ที่เป็น Per Key RGB พร้อมเทคโนโลยีใหม่อย่าง Silver Lining Print ขอบโปร่งแสงสวยงาม และในส่วนของช่องระบายความร้อน มีด้วยกัน 4 ช่องคือด้านหลัง 2 ช่อง และซ้ายขวาอย่างละ 1 ช่อง โดยใช้พัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 6 – 7 เส้น ตามมาตรฐานของ Cooler Boots
- Ryzen 7 4800H / RX5500M / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 17.3″ IPS 144Hz ราคา 35,900 บาท
- Ryzen 7 4800H / RX5500M / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 17.3″ IPS 144Hz ราคา 37,900 บาท
MSI GL75 Leopard ราคา 35,900 – 38,900 บาท
MSI GL75 จัดว่าเป็น Gaming Notebook จากทาง MSI ที่ได้หน้าจอ 17.3″ 144Hz ที่น่าซื้อที่สุดรุ่นนึงในตลาด เพราะตลอดที่ผ่านมาทาง MSI จริงจังกับการพัฒนาโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โดยการแบ่งซีรีส์ออกอย่างชัดเจนและหลากหลาย อย่างล่าสุดอย่าง MSI GL75 ที่เป็น Gaming Notebook ขอบจอบางมาพร้อมประสิทธิภาพสูง ราคาคุ้มค่าไม่แพงเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้ โดย MSI GL75 มาพร้อมกับระบบ Cooler Boost 5 ที่มีฮีทท์ไปป์ 7 เส้น พัดลมระบายความร้อน 2 ตัว ช่องเป่าลมร้อน 4 ช่อง บอกเลยว่าหมดห่วงเรื่องระบายความร้อน
สเปกหลักๆเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10750H (2.60 GHz, 12 MB L3 Cache, up to 5.00 GHz) ทำงานแบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด นับว่าเป็นตัวแรงยอดนิยม มาพร้อมกับการ์ดจอให้เลือก 2 รุ่นด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น NVIDIA GeForce GTX 1650/1660Ti ที่สำคัญได้แรมมาจัดเต็มที่ 16GB และ SSD M.2 NVMe ที่ 512GB หน้าจอใหญ่ 17.3″ Full HD พาเนล IPS แบบ Refresh Rate ที่ 144Hz คุณภาพเยี่ยม ตอบสนองทุกการใช้งานได้อย่างราบรื่น รวดเร็ว ออกแบบโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ให้มีความสวย ทันสมัยให้ความแข็งแรง ทนทาน เพิ่มความโดดเด่น ใช้งานง่ายและสะดวก ดีไซน์ใหม่ สวยล้ำกว่าเดิม
ตัวเครื่องยังมีลำโพง 2.0 ชาแนลขนาดใหญ่ Giant Speaker ทำงานผ่านทางซอฟแวร์เสียง Nahimic 3 ทำให้การขับเสียงเวลาเล่นเกม หรือดูหนังฟังเพลงทำได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย ทางด้านพอร์ทเชื่อมต่อเองมีมาให้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-A จำนวน 3 ช่อง, USB 3.1 Type-C หนึ่งช่อง, HDMI, SD(XC/HC) card reader, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5, ช่องเสียบไมค์ขนาด 3.5 และช่องสาย Lan RJ45 การเชื่อมต่อไร้สายอย่างก็รองรับตัวที่เป็น Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 6 AX มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 2.5 กิโลกรัม ประกัน 2 ปี มี Windows 10 แท้ โดยสนนราคาอยู่ที่ 35,900 / 38,900 บาทเท่านั้น
แม้เป็น Gaming Notebook หน้าจอขนาด 17.3″ แต่ได้มิติตัวเครื่องเทียบเท่ากับโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 15.6″ แบบเดิมๆ ใช้งานเต็มตาสุดๆ แกนฝาพับแข็งแรงพัฒนาขึ้นกว่าเดิมจากรุ่นก่อน ส่วนคีย์บอร์ดจะเป็นไซต์มาตรฐานพร้อมมี Numpad มาให้ปกติ ทำให้พิมพ์สัมผัสได้ถนัดมือขึ้น ซึ่ง MSI GL75 ทุกรุ่นเหนือชั้นกว่า Gaming Notebook ทั่วไป โดยคีย์บอร์ดเป็นของ SteeSeries พร้อมมีไฟ RGB Per-key ด้วย ทำให้ตอบสนองและปรับแต่งได้ตามใจ Gamer ได้อย่างลงตัวสุดๆ เรียกได้ว่าเป็นฟีเจอร์ที่ยกมาจากรุ่นพี่อย่าง GS / GE / GT เลยก็ว่าได้
- Core i7-10750H / GTX 1650 / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 17.3″ IPS 144Hz ราคา 35,900 บาท
- Core i7-10750H / GTX 1650 Ti / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 17.3″ IPS 144Hz ราคา 38,900 บาท
Lenovo Legion 5i ราคา 39,900 – 46,900 บาท
Lenovo Legion 5i จัดว่าเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ ประจำปี 2020 ที่ได้รับความสนใจพอตัว ด้วยความแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ในตลาด อย่างดีไซน์ภายนอกที่เป็นเอกลักษณ์ มี DNA ที่เป็น Legion Series ชัดเจน รวมถึงมีสเปกชิปประมวผล Intel Core i Gen 10H อย่าง Core i7-10750H ที่ทรงประสิทธิภาพ ในราคาที่คุ้มค่า แน่นอนว่าเลือกใช้การ์ดจอแยกเป็น NVIDIA GeForce GTX 1650 Ti ที่มีพลังแรงไว้ใจได้ หรือแรงลื่นกว่าด้วย RTX 2060 ติดตั้งแรมเป็น 16GB DDR4 ผสานกับ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB มี Windows 10 แท้ใช้งานได้ทันที
สำหรับ Lenovo Legion 5i นั้นเรียกได้ว่ามาครบเครื่องเป็นโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมขนาดหน้าจอ 17.3″ พาเนล IPS คุณภาพดีเยี่ยม ได้เป็น Refresh Rate ที่ 144Hz ให้ความลื่นไหล แสดงผลสีสันสวยงามและมุมมองที่กว้าง เหมาะกับการทำงานหรือเล่นเกม ได้ขอบจอบางเฉียบ มิติตัวเครื่องเล็กกระชับ ลงตัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนรับรองได้ว่ามันสามารถที่จะสร้างประสบการณ์ในการเล่นเกมแบบใหม่ให้กับผู้ใช้งานได้อย่างสบายๆ นอกจากเล่นเกมได้ดีแล้ว ยังรองรับทั้งการทำงานที่ต้องการประสิทธิภาพที่สูง อย่างตัดต่อวีดีโอ หรือเรนเดอร์ 3 มิติ ก็เอาอยู่
พร้อมด้วยการติดตั้งกล้องเว็บแคม HD (720p) พร้อมฟีเจอร์ TrueBlock Privacy Shutter ม่านชัตเตอร์ปิดเลนส์กล้องที่ทำให้เรามั่นใจว่ากล้องจะเห็นในเวลาที่เราต้องการใช้งานเท่านั้น และมีไมค์ดิจิตอลในตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง 1 x USB 3.1 Type-C, HDMI, 4 x USB 3.1 Type-A, Kensington lock slot, RJ-45 , Headset พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 6 AX สนนราคาเพียง 37,900 – 44,900 บาท ได้ประกัน 2 ปี On-site ซ่อมฟรีถึงบ้าน และบริการอื่นๆ อย่างประกันอุบัติเหตุ หรือเครื่องสำรองระหว่างซ่อมด้วย
Lenovo Legion 5i ขนาดหน้าจอ 17.3″ ต้องบอกเลยว่ามีความคล้ายกับรุ่น 15.6″ (แต่หนักกว่า) ที่มาพร้อมความแตกต่างจากดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย แนวทำงานที่พกพาไปใช้งานได้ทุกที หรือเล่นเกมที่บ้านก็มีความลงตัว ให้ดีไซน์รวมๆ ของตัวเครื่องมีมิติที่เล็กกระชับ ด้วยความบางเพียง 26.3 มิลลิเมตร น้ำหนัก 2.98 กิโลกรัม ซึ่งเป็นจุดที่สมดุลทั้งในแง่ของประสิทธิภาพในการเล่นเกม และความสามารถในการพกพาได้อย่างลงตัว กับ Gaming Notebook ราคาระดับกลางๆ ที่ไม่ได้เน้นแต่ความคุ้มค่าอย่างเดียว แต่อยากได้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีด้วย จากหน้าจอคุณภาพสูง ซึ่งเชื่อได้เลยว่าน่าจะถูกใจหลายๆ คน
- Core i7-10750H / GTX 1650 Ti / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 17.3″ IPS 144Hz ราคา 39,900 บาท
- Core i7-10750H / RTX 2060 / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 17.3″ IPS 144Hz ราคา 46,900 บาท
Acer Nitro 5 17 AN517 ราคา 41,900 บาท
Acer Nitro 5 17 AN517 จัดว่ามีความคล้ายกับ Acer Nitro 5 AN515 แต่เป็น Gaming Notebook ขนาดจอ 17.3″ ได้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10H ตอนนี้พร้อมขายอย่างเป็นทางการหลากหลายรุ่นแล้ว โดยผสานความแรงร่วมกับการ์ดจอ GeForce รุ่นล่าสุด ซึ่ง Acer Nitro 5 17 AN517 เป็นหนึ่งใน Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ ราคาคุ้มค่า ได้รับความนิยมไม่แพ้รุ่นอื่นๆ ทั้งจากสเปกที่แรงลื่นหลากหลาย อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ที่จัดเต็ม และประกัน 3 ปี On-site Serive ที่ดีเยี่ยม หรือส่งศูนย์ซ่อมด่วน 3 ชั่วโมง
สำหรับ Acer Nitro 5 17 AN517 ใช้ชิปประมวลผล Core i7-10750H เป็นขุมพลังหลัก ทำงานร่วมกับการ์ดจอระดับ Gaming อย่าง NVIDIA GeForceRTX 2060 (6GB GDDR6) ที่แรงลื่นกว่าเดิมแน่นอน ในส่วนของแรมจัดเต็มมาให้เลยที่ 16GB DDR4 Bus 2933MHz แบบ 1 แถว ส่วนที่เก็บข้อมูลให้มามาตรฐาน SSD M.2 NCMe PCIe ความจุ 512GB หน้าจอเป็นพาเนล IPS เกรดสูง รองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz ให้ความลื่นไหลทั้งการเล่นเกมหรือทำงาน แน่นอนว่าได้ Windows 10 ใช้งานได้ทันที
Acer Nitro 5 17 AN517 จัดว่าเป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 17.3″ ดีไซน์มีการปรับปรุงใหม่ให้มีความโฉบเฉี่ยวมากกว่าเดิม ด้วยเส้นสายลวดลายที่ดูดุดันกว่าที่เคย โดยมีน้ำหนักอยู่ที่ 2.7 กิโลกรัม และที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครันอีกรุ่นเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น 3 x USB 3.2 Type-A (1 พอร์ตเป็นแบบชาร์จเจอร์ด้วย), 1 x USB 3.2 Type-C, 1, HDMI 2.0, RJ45 (Gigabit Ethernet) พร้อมด้วยความสามารถ Killer Ethernet E2600 เพื่อการเล่นเกมออนไลน์ที่ลื่นไหล และ Mic-in/Headphone-out แบบ Combo
ติดตั้งคีย์บอร์ดแบบ Full Size มาให้ผู้ใช้งานได้ใช้กันได้อย่างสบายๆ พร้อมกับการตอบสนองของปุ่มแบบทันทีด้วยระยะการกด 1.6 มม. ติดตั้งปุ่มแป้นคีย์ตัวเลข (Numpad) โดยตัวปุ่มจะเป็นสีดำ มีฟอนต์เป็นสีแดง รวมไปถึงแป้นปุ่มตรงตัวอักษร WASD และปุ่มทิศทาง รวมถึงปุ่ม NitroSense จะมีขอบเป็นไฮไลน์เด่นออกมา นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับไฟ RGB แบบ 4 โซน ดูแล้วเป็น Gaming Notebook สวยงาม เอามาเล่นตอนกลางคืนสบายๆ อีกทั้งเรื่องการกดการสัมผัสบนคีย์บอร์ดที่ปุ่มมีความติดมือ ดีกว่าโน๊ตบุ๊คธรรมดาทั่วไปแน่นอน จะเอาไปเล่นเกมหรือทำงานก็ตอบสนองได้ดีเยี่ยม
Asus ROG Strix G17 GL742 ราคา 49,900 – 54,900 บาท
ASUS ROG Strix G17 GL742 เป็น Gaming Notebook ที่มีสเปกอัพเดทเป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10H เน้นความคุ้มค่าและฟีเจอร์ที่มากกว่า โดดเด่นด้วยไฟคีย์บอร์ด RGB พร้อม Surrounded Light Bar รอบตัวเครื่อง ที่เราสามารถปรับแต่ได้ นอกจากนี้ยังมาพร้อมความสดใหม่ด้วยระบบระบายความร้อนอัจฉริยะ ROG Intelligent Cooling ที่ทำงานร่วมกับสารโลหะเหลว (liquid metal) จากทาง Thermal Grizzly เพื่อเป็นตัวช่วยในการระบายความร้อนให้กับชิปประมวลผล แทนการใช้ซิลิโคนนำความร้อนแบบปกติ
สำหรับ ASUS ROG Strix G17 GL742 โน๊ตบุ๊คเล่นเกมจอ 17.3″ สเปกระดับบนในราคาคุ้มค่า ได้ชิปประมวลผลตัวแรง Intel Core i7-10750H ที่ทำงานแบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด พร้อมด้วยการ์ดจอประสิทธิภาพสูงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2060 (6GB GDDR6) / RTX 2070 (8GB GDDR6) ได้แรมขนาด 16GB DDR4 Bus 2933MHz และ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB อีกทั้งได้หน้าจอเป็น 17.3″ Full HD พาเนล IPS รองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz แบบผิวด้าน ให้สีสันการแสดงผลในเกณฑ์ดีน่าประทับใจอย่างที่สุดทั้งเล่นเกมหรือทำงาน
ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง USB 3.1 Type-C, HDMI, 3 x USB 3.0, Kensington lock slot , SD Card Reader, RJ-45, Headset พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 6 AX (2×2) แน่นอนว่าได้ Windows 10 แท้ ใช้งานได้ทันทีตั้งแต่เปิดเครื่องในครั้งแรก กับราคาเพียง 39,900 – 54,900 บาท ที่บอกได้เลยไม่แพงเลย ถ้าดูจากสเปกและฟีเจอรที่ติดตั้งมาให้แล้ว โดยได้ประกัน 2 ปี ที่สามารถเคลมผ่าน 7-11 ได้ ปีแรกมีประกันอุบัติเหตุด้วย
ดีไซน์โดยรวมของ ASUS ROG Strix G17 GL742 เป็น Gaming Notebook ขอบจอบางตัวเครื่องมิติเล็กกระชับทั้ง 3 ด้าน คือ บน ซ้ายและขวา พร้อมตัดกล้องเว็บแคมออกไป มีน้ำหนักอยู่ที่ 2.85 กิโลกรัม มีความบางสุดที่ 21~25.8 มิลลิเมตร เรียกได้ว่าโดยรวมมาพร้อมกับดีไซน์การออกแบบ ได้รับ DNA เต็มๆ มาจาก ASUS ROG Strix รุ่นก่อน ซึ่งมีความพิเศษสุดๆ คือได้ทาง BMW Designworks Group มาร่วมออกแบบด้วย เห็นได้ชัดจากชุดระบายความร้อนด้านหลังที่เป็นครีบคล้ายกับเสื้อสูมมอเตอร์ไซต์จาก BMW เรียกได้ว่ายกระดับขึ้นไปอีกขั้น