MSI GP65 Leopard 10SEK จัดเป็น Gaming Notebook ที่จัดเต็มไม่แพ้รุ่นท็อป แต่ได้ราคาที่คุ้มค่าต่อสเปกสุดๆ โดยรุ่นที่เรานำมารีวิวมาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i7-10875H การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 2060 (6GB GDDR6) ได้แรมมาขนาด 16GB DDR4 Bus 2666MHzโดยได้แหล่งเก็บข้อมูล SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB (อัปเกรด SSD M.2 / HDD 2.5″ SATA 3 ได้อีก) หน้าจอ 15.6″ Full HD พาเนล IPS เกรดสูง รองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 และซอฟต์แวร์ Dragon Center เวอร์ชันใหม่
ที่สำคัญ MSI GP65 Leopard 10SEK ได้ดีไซน์ดุดันตามสไตล์ของ G Series จาก MSI ยังมีฟีเจอร์ Gaming มากมาย อาทิ ระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 คีย์บอร์ด SteelSeries พร้อมไฟ Per-key RGB แบบปรับแต่งแยกปุ่มอิสระ มีพอร์ตการเชื่อมต่อครบครันทั้ง USB-C / A 3.2 และอื่นๆ พร้อมการเชื่อม Wi-Fi 6 AX โดยมีน้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 2.3 กิโลกรัมเท่านั้น ประกอบกับการใช้หน้าจอที่ขอบบาง ทำให้ตัวเครื่องเล็กกระทัดรัด สะดวกต่อการพกพามากยิ่งขึ้น มีราคาเริ่มต้นที่ 49,900 บาทเท่านั้น
VDO Review
NBS Verdict
สรุปรีวิว MSI GP65 Leopard 10SEK รุ่นที่ได้รับมารีวิวเป็น Gaming Notebook หน้าจอขนาด 15.6″ IPS 144Hz ที่มีฟีเจอร์ที่คล้ายกับ MSI GE65 Raider เกือบทุกด้าน โดยเป็นรองในส่วนของรายละเอียดบางอย่างเท่านั้น พร้อมติดตั้งชิปประมวลผล Intel Core i7-10875H ที่เป็น Core i Gen 10H รุ่นที่แรงกว่า i7-10750H และการ์ดจอตัวแรงระดับกลางอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2060 ด้วยความสมบูรณ์แบบในความเป็นโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมจากประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่ทำได้ดี ให้ความร้อนที่น้อยลงแต่ความแรงเพิ่มขึ้น กับราคาเพียง 49,900 บาทถือว่าคุ้มค่าน่าซื้อ สำหรับในช่วงราคา Gaming Notebook ระดับนี้
รายละเอียดสเปกอื่นๆ ได้แรม DDR4 Bus 2666MHz ขนาด 16GB (8GB x 2) ที่อัพเกรดได้ถึง 64GB (แนะนำให้อัพเกรดเป็น 16GB – 32GB ก็พอ) เรียกได้ว่าเล่นเกม 3 มิติได้ลื่นๆโดยจุดเด่นที่เหนือชั้นกว่ารุ่นเดิมๆ ก็คือได้ไฟคีย์บอร์ดหลากสีแบบ Per-Key RGB เหมือนกันรุ่นพี่ GE Series อีกด้วย ลำโพงทำงานร่วมกับระบบเสียง Nahimic 3 ให้เสียงคุณภาพดี พร้อม CoolerBoost 5 มีพัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 7 เส้น ช่องระบายความร้อน 3 ช่อง ที่ทาง MSI จัดหนักจัดเต็มที่สำคัญไม่กล่าวถึงไม่ได้เลย ก็คือดีไซน์สวยงามขอบจอบาง เครื่องเล็กกระชับ เบาที่ 2.3 กิโลกรัมเท่านั้น แม้ว่าจะใช้ดีไซน์แบบรุ่นปีก่อนก็ตาม
สำหรับ MSI GP65 Leopard 10SEK อีกรุ่นที่จำหน่ายอยู่ ราคา 51,900 บาท ก็จะมีสเปกโดยรวมกันใกล้เคียงกันเกือบทั้งหมด แต่ในส่วนของชิปประมวลผลจะแรงน้อยกว่า เพราะเลือกใช้เป็น Intel Core i7-10750H แต่การ์ดจอจะแรงกว่าอีกระดับเพราะเป็น NVIDIA GeForce RTX 2070 โดยมีราคาที่ต่างกัน 2,000 บาท อันนี้ก็ต้องบอกว่าแล้วแต่ลักษณะการใช้งาน ซึ่งถ้าเราเผื่อเน้นใช้ทำงานประมวลผลหนักๆ ด้วย จะเลือกเป็นรุ่น 49,900 บาทก็ได้ เพราะได้ชิปประมวลผลที่แรงกว่า คอร์เธร์ดมากกว่า รองรับกับงานที่หลากหลายมากกว่า แต่ถ้าเน้นเล่นเกมเป็นหลักรุ่น 51,900 บาท ก็จัดว่าคุ้มค่าต่อความแรงสุดๆ ของการ์ดจอเช่นเดียว กรณีที่เทียบกับ Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ ในราคาใกล้เคียงกัน
ข้อดี
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจเกมเมอร์ งานประกอบแน่นวัสดุดีเยี่ยม ประทับใจมาก
- หน้าจอขนาด 15.6″ขอบจอบาง พาเนล IPS แบบ 144Hz เล่นเกมได้ลื่นไหล
- สเปคสูงและใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกับ i7-10875H + RTX 2060
- แรมให้มา 16GB และ SSD M.2 NVMe ที่ 512GB แรงลื่น แทบไม่ต้องอัพเกรด
- ประสิทธิภาพในการทำงานและเล่นเกมลื่นไหล สมบูรณ์แบบที่สุดรุ่นนึง
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครันที่ให้ทั้ง USB 2.1 Type C, mini DisplayPort
- รองรับการอัปเกรด SSD M.2 / HDD 2.5″ SATA ได้อีก
- ระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 พัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 7 เส้น ช่องระบายความร้อน 3 ช่อง
- คีย์บอร์ด SteelSeries ให้สัมผัสที่นุ่มลื่นมือ พร้อมไฟ Per-Key RGB
- มี Windows 10 แท้ใช้งานได้ทันที และซอฟต์แวร์ติดเครื่องมาให้ที่ดี
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานประมาณ 5 ชั่วโมง
- เทียบสเปกต่อราคาแล้ว ถือว่าเป็น i7-10875H + RTX 2060 ที่ถูกที่สุด
ข้อสังเกต
- ดีไซน์ยังคงรูปแบบของรุ่นปี 2019
- แรมได้มาตรฐาน Bus ที่ 2666MHz ถ้าเป็น 2933 / 3200 น่าจะดีกว่านี้
Specification
MSI GP65 Leopard 10SEK ใหม่ล่าสุดด้วยสเปกเป็นชิปประมวลผลตัวแรง Intel Core i Gen 10H ที่ถือได้ว่าเป็นรุ่นที่มีประสิทธิภาพสูง โดยรุ่นราคา 49,900 บาท ที่ได้มารีวิวเป็น Core i7-10875H (2.30 GHz, 16 MB L3 Cache, up to 5.10 GHz) ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธร์ด รองรับหลากหลายการใช้งานแบบเหนือชั้นกว่ารุ่นอื่นๆ ส่วนการ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce RTX 2060 (6GB GDDR6) เรียกได้ว่าตอบสนองการเล่นเกมได้เต็มที่เต็มอารมณ์กว่าสเปกเดิมๆ ที่เป็น Core i Gen 9H และ GTX 10 Series รุ่นก่อนๆ แน่นอน
โดยการ์ดจอ GeForce RTX 2060 6GB GDDR6 กราฟิกการ์ดตัวใหม่ที่มาพร้อมกับสถาปัตยกรรม Turing ที่ออกมาสานต่อความสำเร็จของกราฟิกการ์ดรุ่นก่อนหน้ากับสถาปัตยกรรม Pascal เหนือชั้นกว่า GTX 1660 Ti โดยมาพร้อมกับ Tensor cores หรือรองรับกับเทคโนโลยี Ray-Tracing โดยตรงแต่ก็มาพร้อมกับความแรงที่เพิ่มมากขึ้นจากก่อน โดยประสิทธิภาพแรงเทียบเท่ากับ GTX 1070 แต่ร้อนน้อยกว่า
หน้าจอขนาด 15.6″ แบบด้าน ความละเอียด Full HD พาเนล IPS เกรดสูง รองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz ได้หน่วยความจำแรมมาขนาด 16GB DDR4 Bus 2666 MHz ที่เพียงพอในการใช้งาน ซึ่งสามารถอัปเกรดเพิ่มได้อีก 1 แถวทันที โดยรองรับสูงสุดที่ 64GB และในส่วนของที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe ที่เร็วแรงลื่น และรองรับการอัปเกรดเพิ่ม SSD M.2 / HDD 2.5″ SATA 3 อีกอย่างละตัวได้เลย
ตัวเครื่องยังมีลำโพง 2 ชาแนลแบบ Giant Speaker บนซอฟแวร์เสียง Nahimic 3 ทำให้การขับเสียงเวลาเล่นเกม หรือดูหนังฟังเพลงทำได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย ทางด้านพอร์ทเชื่อมต่อเองมีมาให้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-A จำนวน 3 ช่อง, USB 3.2 Type-C หนึ่งช่อง, HDMI, mini-DisplayPort, SD(XC/HC) card reader, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5, ช่องเสียบไมค์ขนาด 3.5 และช่องสาย Lan RJ45
การเชื่อมต่อไร้สายอย่างก็รองรับตัวที่เป็น Bluetooth 5.1 และ Wi-Fi 6 AX น้ำหนักตัวอยู่ที่ 2.3 กิโลกรัม ได้ประกัน 2 ปี มี Windows 10 แท้ โดยสนนราคาอยู่ที่ 49,900 บาท ส่วนอีกสเปกจะแตกต่างตรงที่เป็นชิปประมวลผล Core i7-10750H จับคู่มากับการ์ดจอ RTX 2070 กับราคา 51,900 บาท ถือว่าเป็น Gaming Notebook ในช่วงราคานี้ที่น่าสนใจมากๆ เพราะได้ทั้งสเปกและฟีเจอร์ที่จัดเต็มเหมือนตระกูล GE ในราคาถูกลงกว่าเดิมเยอะ
- Core i7-10875H / RTX 2060 / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 144Hz ราคา 49,900 บาท
- Core i7-10750H / RTX 2070 / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 144Hz ราคา 51,900 บาท
Hardware / Design
สำหรับ MSI GP65 Leopard 10SEKเป็น Gaming Notebook หน้าจอขนาด 15.6″ จัดว่าเป็นซีรีส์รองมาจากตระกูล GE / GT โดยรุ่นล่าสุดนี้เน้นความคุ้มค่า โดยมาพร้อมกับการดีไซน์ที่เน้นเรื่องจอใหญ่บางเบาพร้อมกับพกพาได้สะดวกเป็นหลัก สีสันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์สีโทนดำและเทาแบบทูโทนเริ่มจากวัสดุบอดี้ตัวเครื่องฝาหลังจะเป็นอลูมิเนียมสีดำด้าน สัมผัสผิวเรียบหรูสวยงาม ผสานกับโลโก้มังกร MSI มีไฟสว่างสีขาวเมื่อเปิดเครื่อง ดูโดยรวมแล้วเรียบง่ายกว่า ดุดันสไตล์เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คระดับ Hi-End ในราคาคุ้มค่า
ในส่วนของบานพับเป็นแบบ 2 แกนที่ขนาดใหญ่ สามารถกางหน้าจอได้มากถึง 145 องศา ความหนืดของบานพับกำลังพอเหมาะอีกทั้งยังแข็งแรงทนทาน ในส่วนของงานดีไซน์ภายในจะเป็นสีเทา ได้งานประกอบก็ยังทำออกมาเรียบร้อย ด้วยวัสดุอลูมิเนียมและขั้นตอนในการผลิตทำให้ตัวเครื่องมีความมั่นคงแข็งแรง ไม่รู้สึกไม่มั่นคงในขณะหยิบจับใช้งานแต่อย่างใด เรียกได้ว่าเป็น Gaming Notebook ที่ต้องยอมรับในเรื่องของงานประกอบที่แน่นหนาอย่างน่าประทับใจจริงๆ
ด้านฐานล่างออกแบบมาใหม่ดีไซน์วัสดุเป็นพลาสติก ABS สีดำเกรดดี พร้อมลวดลายกราฟิคเป็นเอกลักษณ์ และการเซาะร่องระบายอากาศที่หลากหลายตำแหน่ง ลำโพงก็อยู่ที่ด้านล่าง 2 ตัว ทำให้ตัวเครื่องสามารถกระจายเสียงได้ดี การแกะอัปเกรดบอกเลยว่าไม่ยากอย่างที่คิด เพราะแค่แกะน็อตออกหมดทุกตัวออก แล้วค่อยใช้บัตรแข็งๆ แงะที่ละส่วนออกเท่านั้นเอง กรณีที่อยากจะอัปเกรดแรมเพิ่มเป็น 32GB หรือใส่ SSD M.2 / HDD 2.5″ เพื่อเพิ่มความจุนั่นเอง
ทางด้านช่องระบายความร้อนของ MSI GP65 Leopard 10SEK จะมีมาให้ด้วยกันถึง 3 ช่อง ด้านหลังสอง และด้านซ้ายอีกหนึ่ง โดยใช้พัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 7 เส้นดีกว่าเดิม ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Cooler Boost 5 ที่ช่วยนำพาความร้อนออกไปอย่างรวดเร็ว ดีไซน์ด้านในตัวเครื่องเป็นอลูมิเนียมสีดำเรียบเนียนไม่ต่างจากภายนอกให้สัมผัสที่ดี พร้อมคีย์บอร์ด Full Size ไฟ RGB Pre-Key
สำหรับ MSI GP65 Leopard 10SEK เป็น Gaming Notebook มาตรฐานปี 2020 ด้วยหน้าจอขนาด 15.6″ ดีไซน์ขอบบางพิเศษ ทำให้มิติตัวเครื่องเทียบกับรุ่นหน้าจอ 14″ เท่านั้น ด้วยน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 2.3 กิโลกรัม และมีความบางของตัวเครื่องเพียง 27.5 มิลลิเมตร ทำให้พกพาได้สะดวกอยู่ รอบๆ ตัวเครื่องยังถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้งานต่าง ๆได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมถูกจัดวางในส่วนฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของตัวเครื่องในส่วนของด้านหน้ายังคงเป็นที่อยู่ของไฟ LED แสดงสถานะของตัวเครื่อง 3 จุด
สรุปแล้วในเรื่องของงานประกอบการดีไซน์ MSI GP65 Leopard 10SEK มีความคล้ายกับ MSI GE65 Raider ทำได้ดีสมกับเป็นตระกูล GP รุ่นใหม่ล่าสุด เห็นได้ชัดว่าโดดเด่นไม่แพ้ซีรีส์ท๊อปเลย ทั้งเรื่องความสวยงาม พร้อมทั้งแข็งแรงมีความเป็นตัวตนที่ไม่เหมือนใคร และเชื่อว่าถ้าหากเอาไปใช้ที่ไหนมีแต่คนมองแน่นอน อีกทั้งจากสเปกโดยรวมทั้งหมดสมเป็น Gaming Notebook ตัวแรงใช้งานยาวๆ ทำให้ประสบการณ์ใช้งานเรื่องของการเล่นเกมในโดดเด่นและสะใจเข้าไปอีก ในราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่าเดิมเยอะ
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ MSI GP65 Leopard 10SEK โดดเด่นมากๆ จากการที่ใช้ Per-Key RGB Gaming Keyboard ที่ร่วมพัฒนากับแบรนด์ SteelSeries โดยพัฒนาและออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมบน Gaming Notebook จาก MSI โดยเฉพาะ ทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมๆ กัน ที่สำคัญในคราวนี้ไฟ LED ที่เป็น RGB สามารถเปลี่ยนสีทีละปุ่ม ตามใจของผู้ใช้หลากหลายรูปแบบ สามารถตั้งค่าต่างๆ ได้ผ่าน Steelseries Engine 3 โดดเด่นด้วยการกด Fn แล้ว จะมีไฟสีแดงไฮไลท์ขึ้นมา พร้อม Silver Lining Print ขอบโปร่งแสงสวยงาม
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ในระดับนึง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบปุ่มแยกออกมา โดยการควบคุมสามารถทำได้เป็นอย่างดีรวมไปถึงปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็มีความนุ่มและเด้งรับได้น่าประทับใจ การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก สัมผัสแบบผิวสากๆ เล็กๆ ทำให้ไม่เป็นรอยนิ้วมือได้ง่าย และควบคุมได้ง่ายมากขึ้นกว่าปกติ นอกจากนี้ยังมี Hotkey ตรงมุมขวาบนของชุดแป้นคีย์บอร์ด ไม่ว่าจะเป็นปุ่มเร่งรอบพัดลมและปุ่มเปิด Steelseries Engine 3
Screen / Speaker
MSI GP65 Leopard 10SEK มีหน้าจอจอแสดงผลขนาด 15.6″ ขอบบางเฉียบเพียง 5.7 มิลลิเมตร ได้ความละเอียด Full HD ที่ 1920×1080 พิกเซล พาเนล IPS คุณภาพสูง มีมุมมองด้านซ้าย ด้านขวาและด้านบนล่างที่กว้าง พร้อมมีค่า Refresh Rate อยู่ที่ 144Hz ทำให้ภาพปรากฏออกมามีความลื่นไหลแบบสุดๆ ดีกว่าพวกจอ IPS 60 แบบรู้สึกได้ ทั้งการดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกม สบายตาสมจริงกว่าอย่างเห็นได้ชัด
โดยมีโปรไฟล์สีผ่านซอฟแวร์ MSI True Color ได้อีก 6 แบบ ไม่ว่าจะเป็น ANTI-BLUE, sRGB, DESIGNER, OFFICE, MOVIE, GAMER ซึ่งทุกโปรไฟล์สามารถใช้งานได้จริงเห็นความแตกต่างชัดเจนส่วนบานพับก็แข็งแรงกว่ารุ่นพร้อมกางได้ถึง 145 องศา พร้อมขอบหน้าจอที่บางเฉียบ แต่ก็ยังสามารถติดตั้งกล้องเว็บแคมและไมโครโฟนแบบคู่ไว้ด้านบนได้ ที่สำคัญบริเวณมุมขอบหน้าจอซ้ายและขวายังมีการตัดมุมให้ดูสวยงามลงตัวแตกต่างจาก Gaming Notebook ทั่วไป
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ MSI GP65 Leopard 10SEK ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS คุณภาพสูง เราใช้เครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 95% Adobe RGB 70% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับที่ดีมากๆ สูงเกือบ 100% ทีเดียว ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คทั่วไป คือ พอสู้แสงกลางแจ้งได้ รวมไปถึงการทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็ทำได้ดีเช่นกัน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องล่างแถวกลางเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ไม่มีผิดเพี้ยน แต่สำหรับช่องกลางแถวบนและช่องซ้ายแถวกลางจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปที่ 14% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 3.5 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite คาดว่าคะแนนรวมน้อยกว่าปกติ เพราะว่าความคลาดเคลื่อนของแสงจอภาพนั่นเอง
ระบบเสียงก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน ด้วยลำโพง Giant Speakers แบบ 2 ชาแนล รูปแบบลำโพงปกติก็ใหญ่ขึ้น ซึ่งถูกติดตั้งไว้อยู่ขอบตัวเครื่องด้านหน้า ทำหน้าแบบยิงลงพื้นแล้วกระจายเสียงให้มีความกว้างกว่าการยิงเสียงตรงๆ โดยมีซอฟแวร์ปรับแต่งเสียง Nahimic 3 จำลองการเสียงได้สมบูรณ์แบบ ทำให้มีการปรับแต่งเสียงที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป ทั้งความดังและคุณภาพเสียงอย่างชัดเจน ใช้เล่นเกมและบันเทิงได้เต็มอารมณ์
Connector / Thin And Weight
ทางด้านพอร์ตการเชื่อมต่อก็จัดได้ว่า MSI GP65 Leopard 10SEK จัดว่าเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ที่มิติเล็กกว่าปกติ แต่ก็มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ให้มาอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น HDMI, mini Display Port ไว้เชื่อมต่อหน้าจอภายนอก ซึ่งเราสามารถเชื่อมต่อได้พร้อมกัน จัดเต็มด้วย 1 x USB 3.2 Gen2 Type-C, 3 x USB 3.2 Gen1 Type-A รองรับกับอุปกรณ์ที่หลากหลาย อีกทั้งยังมี 2-in-1 SD Card Reader, Lan RJ-45, รูหูฟังกับไมค์แบบแยกออกจากกัน และ Kensington lock slot ไว้ตัวเครื่องกับโต๊ะทำงานอีกด้วย
ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายนั้นรองรับทั้ง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 5 (AC) ตามมาตรฐานของโน๊ตบุ๊คปี 2020 โดยมีขนาดตัวเครื่องของ MSI GP65 Leopard 10SEK จะอยู่ที่ 357.7 x 248 x 27.5 มิลลิเมตร โดยมีน้ำหนัก 2.3 กิโลกรัม เรียกได้ว่าเบากว่า Gaming Notebook จอ 15.6″ รุ่นอื่นพอสมควร ถ้าเทียบกับฟีเจอร์ที่จัดเต็มก็พอพกพาได้สบายๆ อยู่ และเมื่อรวมกับที่สำคัญอะแดปเตอร์จ่ายแล้วก็จะมีน้ำหนักเราไม่เกิน 3.0 กิโลกรัม พร้อมใส่กระเป๋าไปข้างนอกได้ทันที
Inside / Upgrade
การแกะทั้งฝาล่างทั้งหมดของ MSI GP65 Leopard 10SEK สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ไขน็อตทั้งหมดประมาณ 10 ตัว หลังจากนั้นก็ค่อยๆ แงะแกะทีละส่วนขึ้นอย่างช้าๆ เพียงเท่านี้ก็จะแกะฝาล่างได้ไม่ยากเย็น ส่วนประกอบภายในอื่นๆ ที่มีงานประกอบเรียบร้อยดี โดดเด่นด้วยฮีท์ไปป์จัดเต็ม การแกะตัวเครื่องเพื่ออัปเกรดหรือทำความสะอาดของ MSI GP65 Leopard 10SEK ก็สามารถทำได้ง่ายและก็สะดวกทีเดียว ซึ่งการแกะฝาล่างของ MSI สามารถทำได้แล้ว โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าประกันจะหลุดแต่อย่างใด ขอแค่ว่าอย่าแกะจนเกิดความเสียหายก็พอแล้ว
เมื่อแกะออกมาแล้วจะเห็นว่าติดตั้งแรมมาแล้วขนาด 8GB จำนวน 2 แถว รวมเป็นขนาด 16GB เพียงพอต่อการใช้งานทันที โดยเราสามารถอัปเกรดเพิ่มได้สูงสุดถึง 64GB ทีเดียว ส่วน SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ติดตั้งมาให้แล้ว รวมไปถึงมีช่องว่างทางด้านซ้ายที่สามารถเพิ่มการอัป SSD M.2 อีก 1 ช่อง และ HDD ขนาด 2.5″ ได้ทันทีเช่นกัน ที่จะเป็นแบบปกติจานหมุนหรือ SSD SATA 3 ก็ทำได้ ที่ต้องบอกว่าสำหรับการใช้งานทั่วไปที่อยากได้ความจุเพิ่ม ก็นับว่าน่าสนใจไม่น้อยเลย ปิดท้ายที่ตัวลำโพงก็มีขนาดใหญ่สมกับเป็น Giant Speakers จริงๆ
Performance / Software
สำหรับ MSI GP65 Leopard 10SEK มาพร้อมกับชิปประมวลผลรุ่นยอดนิยมของ Gaming Notebook อย่าง Intel Core i Gen 10H อย่าง Core i7-10875H เน้นนำไปใช้งานหนักๆ มากกว่ารุ่นยอดนิยมอย่าง Core i7-10750H ที่ใช้กันในหลายแบรนด์ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม 3 มิติ ที่กินทรัพยากรสูง โดยมีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.30 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 5.10 GHz เป็นซีพียูแบบ 8 Core 16 Threads มาพร้อมแรมภายในขนาด 16GB DDR4 Bus 2666 MHz แบบ 8GB x 2 แถว ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้ใช้งานลื่นไหลทันทีแบบสบายๆ
การ์ดจอเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น โดยมีการ์ดจอแยกตัวแรงระดับบนอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2060 ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ และแรงกว่า GTX 1070 แบบรู้สึกได้จากการที่สามารถขับเฟรมเรทได้ลื่นไหล โดยเป็นรอง RTX 2070 พร้อมมีฟีเจอร์อย่างที่ใน RTX Series มี ตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว
พร้อมกันนั้นยังมาเทคโนโลยี“ Ray Tracing” ที่สามารถแสดงผลการติดตามแสงของวัตถุ และสภาพแวดล้อมในแบบเรียลไทม์ ระหว่างกระบวนการเรนเดอร์กราฟิกสามารถคำนวณการสะท้อน และหักเหแสงได้อย่างถูกต้อง ครอบคลุมทั้งแสง และเงาทางกายภาพ ทำให้เกมนั้นสมจริงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เหนือชั้นกว่าการ์ดจอ GTX Series ก่อนหน้านี้ทีเดียว ที่ไม่ใช่แค่ลื่นไหลแต่สวยสมจริงยิ่งกว่าด้วย
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe PCIe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 2392MB/s และเขียนที่ 1475MB/s ซึ่งถ้าใครอยากเพิ่มความจุของที่เก็บข้อมูลก็สามารถอัปเกรดใส่ SSD M.2 / ฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5″ ได้อีกตัวด้วย
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 5,662 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีการ์ดจอแยกอย่าง RTX 2060 ร่วมกับชิปประมวลผลตัวแรงจัดกับ Core i7-10875H ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปมากพอสมควร ระดับเทียบเท่า Desktop ไปแล้ว ฉะนั้นการใช้งานพื้นฐานหรือทำงานหนักๆ สอบผ่านได้สบายๆ
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 80 – 150 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10875H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce RTX 2060 ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 16GB DDR4 Bus 2666 MHz รวมไปถึง SSD NVMe PCIe ความจุ 512GB ก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Resident Evil 3 Remake / GTA V / Battlefield V/ FarCry 5 ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว แม้การทดสอบจะไม่ได้เปิด DLSS / Ray Tracing ที่ RTX Series รองรับ ก็ให้ภาพสวยงามไม่แพ้กัน แถมไม่กินทรัพยากรเครื่องเพิ่มเติมด้วย ส่งผลให้ค่าเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 80 – 90 ขึ้นไป
เกมออนไลน์กินสเปกน้อยลงมาอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 100 ขึ้นไปตลอด ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แบบไร้กังวล
และด้วยพาเนล IPS แบบ 144Hz ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล หรือเอาจริงๆ สำหรับเกมสไตล์ MOBA แค่ 60 FPS นิ่งๆ ก็เอาอยู่ หรือถ้าอยากให้วิ่ง 144Hz ก็จะปรับกราฟิกของเกมลงมาต่ำๆ กลางๆ หน่อย
MSI DRAGON CENTER เวอร์ชั่นล่าสุด เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ออกแบบและพัฒนาโดย MSI ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ต่อยอดมาจากรุ่นก่อนหน้าอย่างเวอร์ชั่น 2 จุดเด่นคือใช้งานสะดวกและสามารถช่วยเหลือ และ จัดการการปรับแต่งตั้งค่า MSI Gaming Notebook ได้อย่างลงตัว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลน์ของทาง MSI ก็ว่าได้ ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยหน้าเมนูต่างๆ แบ่งตามลักษณะการใช้งานที่ชัดเจน รวมไปถึงการอัพเดทซอฟต์แวร์ต่างๆ ก็สามารถจัดการได้ง่ายยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย
นอกเหนือจากนี้ MSI GP65 Leopard 10SEK ยังมีในส่วน SteelSeries Engine 3 ที่ช่วยในการปรับแต่งการใช้งานของอุปกรณ์ต่อพ่วง Gaming Gear ต่างๆ ของ SteelSeries แน่นอนว่าในส่วนของคีย์บอร์ด SteelSeries Per-Key RGB ตัวเครื่องก็สามารถปรับแต่งได้ผ่านทางโปรแกรมนี้ เรียกได้ว่าจะปรับไฟให้ตะมุตะมิแค่ไหนก็สามารถทำได้เลย หรือจะได้พรีเซ็ทต่างๆ ที่มีมาแล้วก็สามารถทำได้เช่นกัน
Battery / Heat / Noise
MSI GP65 Leopard 10SEK นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4730 mAh ถือให้มาในระดับกลางๆ ซึงเมื่อมาดูประสิทธิภาพโดยรวมของอายุการใช้งานของแบตเตอรี่แล้วถือว่าใช้ได้ยาวนานพอสมควร โดยสามารถใช้งานผ่าน Wi-Fi เล่นอินเตอร์เน็ตดู Youtube ปรับแสงต่ำสุด เลือกใช้งานเป็น Super Battery ใช้ได้ยาวนานประมาณ 5:14 ชั่วโมง ก็ถือได้ว่าเพียงพอพกพาไปใช้งานข้างนอกได้บ้าง ทำได้ดีตามมาตรฐานของ Gaming Notebook ทั่วไป ดังนั้นเวลาใช้งานจริงโดยปรับความสว่างหน้าจอและเสียงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจะทำให้แบตเตอรี่มีระยะเวลาใช้งานยาวนานน้อยกว่านี้ แต่ก็ถือว่าใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานกว่าโน๊ตบุ๊คในสเปกที่ใกล้เคียงกัน
ทางด้านอุณหภูมิสำหรับเจ้าเครื่องนี้ที่ให้ฮีทไปป์มาทั้งหมด 7 เส้น Cooler Boost 5 พัดลม 2 ตัว ช่องระบายความร้อน 3 ช่อง เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คอีกรุ่นที่มีการระบายความร้อนได้ดีมากเมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 30 – 40 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 27 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% โดยทางทีมงานได้ทำการเล่นเกมหนักๆ เป็นเวลานานๆ ซึ่งได้เปิดโหมดเร่งรอบพัดลมสูงสุดไว้
ซึ่งผลทดสอบนี้ดูผ่านทางซอฟต์แวร์ Core Temp เพื่อดูว่าชิปประมวลผล CPU ว่าจะร้อนที่สุดเย็นที่สุดเท่าไรในการใช้งานจริงๆ เพราะ Hardware Monitor ยังไม่รองรับ Core i Gen 10H ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของตัวเครื่องสำหรับซีพียู อยู่ที่ไม่เกิน 97 องศาเซลเซียส ที่ต้องบอกว่าแม้ตัวเลขจะดูสูงหน่อย แต่ใช้งานจริงๆ ค่อนข้างเย็นทีเดียว ตัวเครื่องเองยังสามารถทำได้ปกติทุกอย่าง ไม่มีมีปัญหาหน่วงหรือประตุกแต่อย่างใด
ส่วนที่เป็นการ์ดจอร้อนที่สุดจะอยู่ที่ 77 องศาเซลเซียสเท่านั้น โดยดูผ่านทาง Hardware Monitor นับว่ามีความเย็นพอตัว จากกที่เป็นการ์ดจอยุคใหม่ ส่วนเสียงพัดลมก็ดังพอสมควร จากการที่เปิดฟีเจอร์ Cooler Boost พร้อมเพิ่มรอบพัดลมเป็น 6,000 รอบต่อวินาที จากการที่มีพัดลม 2 ตัว แต่ก็ไม่ถือว่ารบกวนอะไรมากมายสำหรับคนที่เล่นเกมอยู่แล้ว โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้อย่างไม่น่าเป็นห่วง ส่วนตัวเครื่องภายนอกนั้นรับรู้สัมผัสได้ถึงความร้อนเล็กน้อย ในส่วนนี้ถือว่าให้ประสบการณ์ที่น่าพอใจทีเดียว สมกับเป็น MSI จริงๆ
Conclusion / Award
MSI GP65 Leopard 10SEK เป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ประจำปี 2020 ที่ครบเครื่องที่สุด ในราคาถูกที่สุดรุ่นนึงกับช่วงราคา 50,000 บาท ซึ่งปกติแล้วโน๊ตบุ๊คเล่นเกมแรงๆ สเปกประมาณนี้จะมีราคาสูงกว่านี้หลายพันบาท หรือเป็นหมื่นบาท แต่ในส่วนของ MSI GP65 Leopard 10SEK ออกมาตอบโจทย์โดยเฉพาะ กับสเปคล่าสุดชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10H และการ์ดจอตัวแรง NVIDIA GeForce RTX Series อย่าง Core i7-10875H + GeForce RTX 2060 บอกเลยว่าลื่นไหลทุกๆ เกม ที่ได้ทั้งตัวเครื่องบางเบา ประสิทธิภาพสูง และความสวยงามในเครื่องเดียว รวมถึงฟีเจอร์อื่นๆ ก็จัดเต็ม อาทิ Per-Key RGB Gaming Keyboard ที่ร่วมพัฒนากับแบรนด์ SteelSeries ที่ไม่ซ้ำใคร
ได้การระบายความร้อนตัวเครื่องเป็นแบบ Cooler Boost 5 ฮีทไปป์ 7 เส้น ขนาดใหญ่ ช่องระบายความร้อน 3 ช่องหมดห่วงเรื่องตัวเครื่องร้อน ส่วนแรมตัวเครื่องให้มา 16GB DDR4 Bus 2666MHz พร้อมใส่เพิ่มได้อีกแถว อีกทั้งให้หน่วยความจำความจุ SSD M.2 NVMe ตัวแรง ความจุ 512GB แถมตัวเครื่องยังสามารถใส่ฮาร์ดดิสก์ 2.5″ ได้เพิ่มอีกหนึ่ง นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับ Windows 10 แท้พร้อมใช้งานอีกด้วย ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อก็มีมาให้ครบครันหายห่วงทั้ง USB 3.2 Type-C, USB 3.2 Type-A, RJ45, HDMI, รูหูฟังกับไมค์แบบแยกออกจากกันสำหรับการเชื่อมต่อไร้สายที่เลือกใช้ Wi-Fi 6 AX ดีที่สุดใหม่ที่สุด พร้อม Bluetooth 5.0 ที่พร้อมเชื่อมต่อกับทุกอุปกรณ์
ถ้าว่ากันตามจริงแล้ว MSI GP65 Leopard 10SEK ถือว่าเป็นรุ่นน้องร่างแยกของ MSI GE65 Raider รุ่นปีก่อนก็ว่าได้ โดยรุ่นใหม่อย่าง MSI GE66 Raider ก็ได้ขยับปรับตัวไปอีกขั้นแทน แต่ก็มีหลายจุดเป็นรอง อาทิ เรื่องของลำโพงไม่ใช่แบบ Giant Speakers แบรนด์ DYNAUDIO 2.2 และแรม Bus เป็น 2666 MHz (เชื่อว่าได้เป็น 2933 / 3200 น่าจะดีกว่า) รวมไปถึงงานดีไซน์ก็ยังไม่ได้โดดเด่นออกจากรุ่นปี 2019 แต่อย่างใด แต่ด้วยราคาที่คุ้มค่ามากๆ เพียง 49,900 บาท ทำให้ MSI GP65 Leopard 10SEK เป็นอีกหนึ่ง Gaming Notebook ที่ครบเครื่องที่สุด ในราคาที่ไม่สูงจนเกินไป ถือว่ามีความคุ้มค่ากว่าพอสมควร ใครตั้งใจจะซื้อ สามารถสอบถามไปที่ MSI Gaming Shop หรือร้านจำหน่ายโน๊ตบุ๊คชั้นนำทั่วประเทศกันได้เลย
AWARDS
ในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับโน๊ตบุ๊คในกลุ่ม Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้ว ซึ่ง MSI GP65 Leopard 10SEK ก็ได้รับรางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Performance
MSI GP65 Leopard 10SEK มีสเปคที่ครบครัน ทั้งชิบประมวลผล Core i7-10875H และการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 2060 (6GB GDDR6) พร้อมแรมตัวเครื่องที่อัพเกรดได้มากถึง 64GB มาตรฐานใหม่แบบ DDR4 ที่ใส่มาแล้ว 8GB ที่ 2 แถว และ SSD M.2 NVMe PCIe ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูง รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล ใส่มาแล้วทันทีที่ 512GB พร้อมใส่เพิ่มได้อีก จากการใส่อัพเกรด SSD M.2 / HDD 2.5″ SATA 3 ประสิทธิภาพการใช้งานโดยรวมประทับใจมากๆ
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ MSI Gaming มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน MSI GP65 Leopard 10SEK ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงาม วัสดุเป็นโลหะอลูมิเนียมแทบทั้งหมด ออกแนวดุดันและเรียบหรูมากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้การตัดสีดำกับเทา รวมไปถึงไฟคีย์บอร์ด RGB ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาเชื่อได้ว่าหลายๆ คนที่เป็นเกมเมอร์ต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน พกพาสะดวกด้วยน้ำหนักเพียง 2.3 กิโลกรัม
Best Gaming
MSI GP65 Leopard 10SEK เป็น Gaming Notebook ที่มีความสดใหม่และเทคโนโลยีล้ำๆ มากมาย อาทิเช่น หน้าจอ IPS ที่ 144Hz ระบบ Cooler Boost 5, ระบบเสียง Nahimic, Steelseries Keyboard Per-Key RGB, USB 3.2 Type-C รวมไปถึงซอฟต์แวร์ MSI Dragon Center ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง ถือได้ว่าเป็นผู้นำในตลาด Gaming Notebook ยิ่งเทียบในระดับเดียวกันยิ่งหาตัวจับยาก สนนราคาค่าตัวก็คุ้มค่าที่สุดด้วย หากเทียบกับสเปกต่อฟีเจอร์ทั้งหมดแล้วในตลาด
VDO Review
NBS Verdict
สรุปรีวิว MSI GP65 Leopard 10SEK รุ่นที่ได้รับมารีวิวเป็น Gaming Notebook หน้าจอขนาด 15.6″ IPS 144Hz ที่มีฟีเจอร์ที่คล้ายกับ MSI GE65 Raider เกือบทุกด้าน โดยเป็นรองในส่วนของรายละเอียดบางอย่างเท่านั้น พร้อมติดตั้งชิปประมวลผล Intel Core i7-10875H ที่เป็น Core i Gen 10H รุ่นที่แรงกว่า i7-10750H และการ์ดจอตัวแรงระดับกลางอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2060 ด้วยความสมบูรณ์แบบในความเป็นโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมจากประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่ทำได้ดี ให้ความร้อนที่น้อยลงแต่ความแรงเพิ่มขึ้น กับราคาเพียง 49,900 บาทถือว่าคุ้มค่าน่าซื้อ สำหรับในช่วงราคา Gaming Notebook ระดับนี้
รายละเอียดสเปกอื่นๆ ได้แรม DDR4 Bus 2666MHz ขนาด 16GB (8GB x 2) ที่อัพเกรดได้ถึง 64GB (แนะนำให้อัพเกรดเป็น 16GB – 32GB ก็พอ) เรียกได้ว่าเล่นเกม 3 มิติได้ลื่นๆโดยจุดเด่นที่เหนือชั้นกว่ารุ่นเดิมๆ ก็คือได้ไฟคีย์บอร์ดหลากสีแบบ Per-Key RGB เหมือนกันรุ่นพี่ GE Series อีกด้วย ลำโพงทำงานร่วมกับระบบเสียง Nahimic 3 ให้เสียงคุณภาพดี พร้อม CoolerBoost 5 มีพัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 7 เส้น ช่องระบายความร้อน 3 ช่อง ที่ทาง MSI จัดหนักจัดเต็มที่สำคัญไม่กล่าวถึงไม่ได้เลย ก็คือดีไซน์สวยงามขอบจอบาง เครื่องเล็กกระชับ เบาที่ 2.3 กิโลกรัมเท่านั้น แม้ว่าจะใช้ดีไซน์แบบรุ่นปีก่อนก็ตาม
สำหรับ MSI GP65 Leopard 10SEK อีกรุ่นที่จำหน่ายอยู่ ราคา 51,900 บาท ก็จะมีสเปกโดยรวมกันใกล้เคียงกันเกือบทั้งหมด แต่ในส่วนของชิปประมวลผลจะแรงน้อยกว่า เพราะเลือกใช้เป็น Intel Core i7-10750H แต่การ์ดจอจะแรงกว่าอีกระดับเพราะเป็น NVIDIA GeForce RTX 2070 โดยมีราคาที่ต่างกัน 2,000 บาท อันนี้ก็ต้องบอกว่าแล้วแต่ลักษณะการใช้งาน ซึ่งถ้าเราเผื่อเน้นใช้ทำงานประมวลผลหนักๆ ด้วย จะเลือกเป็นรุ่น 49,900 บาทก็ได้ เพราะได้ชิปประมวลผลที่แรงกว่า คอร์เธร์ดมากกว่า รองรับกับงานที่หลากหลายมากกว่า แต่ถ้าเน้นเล่นเกมเป็นหลักรุ่น 51,900 บาท ก็จัดว่าคุ้มค่าต่อความแรงสุดๆ ของการ์ดจอเช่นเดียว กรณีที่เทียบกับ Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ ในราคาใกล้เคียงกัน
ข้อดี
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจเกมเมอร์ งานประกอบแน่นวัสดุดีเยี่ยม ประทับใจมาก
- หน้าจอขนาด 15.6″ขอบจอบาง พาเนล IPS แบบ 144Hz เล่นเกมได้ลื่นไหล
- สเปคสูงและใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกับ i7-10875H + RTX 2060
- แรมให้มา 16GB และ SSD M.2 NVMe ที่ 512GB แรงลื่น แทบไม่ต้องอัพเกรด
- ประสิทธิภาพในการทำงานและเล่นเกมลื่นไหล สมบูรณ์แบบที่สุดรุ่นนึง
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครันที่ให้ทั้ง USB 2.1 Type C, mini DisplayPort
- รองรับการอัปเกรด SSD M.2 / HDD 2.5″ SATA ได้อีก
- ระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 พัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 7 เส้น ช่องระบายความร้อน 3 ช่อง
- คีย์บอร์ด SteelSeries ให้สัมผัสที่นุ่มลื่นมือ พร้อมไฟ Per-Key RGB
- มี Windows 10 แท้ใช้งานได้ทันที และซอฟต์แวร์ติดเครื่องมาให้ที่ดี
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานประมาณ 5 ชั่วโมง
- เทียบสเปกต่อราคาแล้ว ถือว่าเป็น i7-10875H + RTX 2060 ที่ถูกที่สุด
ข้อสังเกต
- ดีไซน์ยังคงรูปแบบของรุ่นปี 2019
- แรมได้มาตรฐาน Bus ที่ 2666MHz ถ้าเป็น 2933 / 3200 น่าจะดีกว่านี้
Specification
MSI GP65 Leopard 10SEK ใหม่ล่าสุดด้วยสเปกเป็นชิปประมวลผลตัวแรง Intel Core i Gen 10H ที่ถือได้ว่าเป็นรุ่นที่มีประสิทธิภาพสูง โดยรุ่นราคา 49,900 บาท ที่ได้มารีวิวเป็น Core i7-10875H (2.30 GHz, 16 MB L3 Cache, up to 5.10 GHz) ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธร์ด รองรับหลากหลายการใช้งานแบบเหนือชั้นกว่ารุ่นอื่นๆ ส่วนการ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce RTX 2060 (6GB GDDR6) เรียกได้ว่าตอบสนองการเล่นเกมได้เต็มที่เต็มอารมณ์กว่าสเปกเดิมๆ ที่เป็น Core i Gen 9H และ GTX 10 Series รุ่นก่อนๆ แน่นอน
โดยการ์ดจอ GeForce RTX 2060 6GB GDDR6 กราฟิกการ์ดตัวใหม่ที่มาพร้อมกับสถาปัตยกรรม Turing ที่ออกมาสานต่อความสำเร็จของกราฟิกการ์ดรุ่นก่อนหน้ากับสถาปัตยกรรม Pascal เหนือชั้นกว่า GTX 1660 Ti โดยมาพร้อมกับ Tensor cores หรือรองรับกับเทคโนโลยี Ray-Tracing โดยตรงแต่ก็มาพร้อมกับความแรงที่เพิ่มมากขึ้นจากก่อน โดยประสิทธิภาพแรงเทียบเท่ากับ GTX 1070 แต่ร้อนน้อยกว่า
หน้าจอขนาด 15.6″ แบบด้าน ความละเอียด Full HD พาเนล IPS เกรดสูง รองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz ได้หน่วยความจำแรมมาขนาด 16GB DDR4 Bus 2666 MHz ที่เพียงพอในการใช้งาน ซึ่งสามารถอัปเกรดเพิ่มได้อีก 1 แถวทันที โดยรองรับสูงสุดที่ 64GB และในส่วนของที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe ที่เร็วแรงลื่น และรองรับการอัปเกรดเพิ่ม SSD M.2 / HDD 2.5″ SATA 3 อีกอย่างละตัวได้เลย
ตัวเครื่องยังมีลำโพง 2 ชาแนลแบบ Giant Speaker บนซอฟแวร์เสียง Nahimic 3 ทำให้การขับเสียงเวลาเล่นเกม หรือดูหนังฟังเพลงทำได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย ทางด้านพอร์ทเชื่อมต่อเองมีมาให้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-A จำนวน 3 ช่อง, USB 3.2 Type-C หนึ่งช่อง, HDMI, mini-DisplayPort, SD(XC/HC) card reader, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5, ช่องเสียบไมค์ขนาด 3.5 และช่องสาย Lan RJ45
การเชื่อมต่อไร้สายอย่างก็รองรับตัวที่เป็น Bluetooth 5.1 และ Wi-Fi 6 AX น้ำหนักตัวอยู่ที่ 2.3 กิโลกรัม ได้ประกัน 2 ปี มี Windows 10 แท้ โดยสนนราคาอยู่ที่ 49,900 บาท ส่วนอีกสเปกจะแตกต่างตรงที่เป็นชิปประมวลผล Core i7-10750H จับคู่มากับการ์ดจอ RTX 2070 กับราคา 51,900 บาท ถือว่าเป็น Gaming Notebook ในช่วงราคานี้ที่น่าสนใจมากๆ เพราะได้ทั้งสเปกและฟีเจอร์ที่จัดเต็มเหมือนตระกูล GE ในราคาถูกลงกว่าเดิมเยอะ
- Core i7-10875H / RTX 2060 / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 144Hz ราคา 49,900 บาท
- Core i7-10750H / RTX 2070 / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 144Hz ราคา 51,900 บาท
Hardware / Design
สำหรับ MSI GP65 Leopard 10SEKเป็น Gaming Notebook หน้าจอขนาด 15.6″ จัดว่าเป็นซีรีส์รองมาจากตระกูล GE / GT โดยรุ่นล่าสุดนี้เน้นความคุ้มค่า โดยมาพร้อมกับการดีไซน์ที่เน้นเรื่องจอใหญ่บางเบาพร้อมกับพกพาได้สะดวกเป็นหลัก สีสันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์สีโทนดำและเทาแบบทูโทนเริ่มจากวัสดุบอดี้ตัวเครื่องฝาหลังจะเป็นอลูมิเนียมสีดำด้าน สัมผัสผิวเรียบหรูสวยงาม ผสานกับโลโก้มังกร MSI มีไฟสว่างสีขาวเมื่อเปิดเครื่อง ดูโดยรวมแล้วเรียบง่ายกว่า ดุดันสไตล์เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คระดับ Hi-End ในราคาคุ้มค่า
ในส่วนของบานพับเป็นแบบ 2 แกนที่ขนาดใหญ่ สามารถกางหน้าจอได้มากถึง 145 องศา ความหนืดของบานพับกำลังพอเหมาะอีกทั้งยังแข็งแรงทนทาน ในส่วนของงานดีไซน์ภายในจะเป็นสีเทา ได้งานประกอบก็ยังทำออกมาเรียบร้อย ด้วยวัสดุอลูมิเนียมและขั้นตอนในการผลิตทำให้ตัวเครื่องมีความมั่นคงแข็งแรง ไม่รู้สึกไม่มั่นคงในขณะหยิบจับใช้งานแต่อย่างใด เรียกได้ว่าเป็น Gaming Notebook ที่ต้องยอมรับในเรื่องของงานประกอบที่แน่นหนาอย่างน่าประทับใจจริงๆ
ด้านฐานล่างออกแบบมาใหม่ดีไซน์วัสดุเป็นพลาสติก ABS สีดำเกรดดี พร้อมลวดลายกราฟิคเป็นเอกลักษณ์ และการเซาะร่องระบายอากาศที่หลากหลายตำแหน่ง ลำโพงก็อยู่ที่ด้านล่าง 2 ตัว ทำให้ตัวเครื่องสามารถกระจายเสียงได้ดี การแกะอัปเกรดบอกเลยว่าไม่ยากอย่างที่คิด เพราะแค่แกะน็อตออกหมดทุกตัวออก แล้วค่อยใช้บัตรแข็งๆ แงะที่ละส่วนออกเท่านั้นเอง กรณีที่อยากจะอัปเกรดแรมเพิ่มเป็น 32GB หรือใส่ SSD M.2 / HDD 2.5″ เพื่อเพิ่มความจุนั่นเอง
ทางด้านช่องระบายความร้อนของ MSI GP65 Leopard 10SEK จะมีมาให้ด้วยกันถึง 3 ช่อง ด้านหลังสอง และด้านซ้ายอีกหนึ่ง โดยใช้พัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 7 เส้นดีกว่าเดิม ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Cooler Boost 5 ที่ช่วยนำพาความร้อนออกไปอย่างรวดเร็ว ดีไซน์ด้านในตัวเครื่องเป็นอลูมิเนียมสีดำเรียบเนียนไม่ต่างจากภายนอกให้สัมผัสที่ดี พร้อมคีย์บอร์ด Full Size ไฟ RGB Pre-Key
สำหรับ MSI GP65 Leopard 10SEK เป็น Gaming Notebook มาตรฐานปี 2020 ด้วยหน้าจอขนาด 15.6″ ดีไซน์ขอบบางพิเศษ ทำให้มิติตัวเครื่องเทียบกับรุ่นหน้าจอ 14″ เท่านั้น ด้วยน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 2.3 กิโลกรัม และมีความบางของตัวเครื่องเพียง 27.5 มิลลิเมตร ทำให้พกพาได้สะดวกอยู่ รอบๆ ตัวเครื่องยังถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้งานต่าง ๆได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมถูกจัดวางในส่วนฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของตัวเครื่องในส่วนของด้านหน้ายังคงเป็นที่อยู่ของไฟ LED แสดงสถานะของตัวเครื่อง 3 จุด
สรุปแล้วในเรื่องของงานประกอบการดีไซน์ MSI GP65 Leopard 10SEK มีความคล้ายกับ MSI GE65 Raider ทำได้ดีสมกับเป็นตระกูล GP รุ่นใหม่ล่าสุด เห็นได้ชัดว่าโดดเด่นไม่แพ้ซีรีส์ท๊อปเลย ทั้งเรื่องความสวยงาม พร้อมทั้งแข็งแรงมีความเป็นตัวตนที่ไม่เหมือนใคร และเชื่อว่าถ้าหากเอาไปใช้ที่ไหนมีแต่คนมองแน่นอน อีกทั้งจากสเปกโดยรวมทั้งหมดสมเป็น Gaming Notebook ตัวแรงใช้งานยาวๆ ทำให้ประสบการณ์ใช้งานเรื่องของการเล่นเกมในโดดเด่นและสะใจเข้าไปอีก ในราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่าเดิมเยอะ
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ MSI GP65 Leopard 10SEK โดดเด่นมากๆ จากการที่ใช้ Per-Key RGB Gaming Keyboard ที่ร่วมพัฒนากับแบรนด์ SteelSeries โดยพัฒนาและออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมบน Gaming Notebook จาก MSI โดยเฉพาะ ทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมๆ กัน ที่สำคัญในคราวนี้ไฟ LED ที่เป็น RGB สามารถเปลี่ยนสีทีละปุ่ม ตามใจของผู้ใช้หลากหลายรูปแบบ สามารถตั้งค่าต่างๆ ได้ผ่าน Steelseries Engine 3 โดดเด่นด้วยการกด Fn แล้ว จะมีไฟสีแดงไฮไลท์ขึ้นมา พร้อม Silver Lining Print ขอบโปร่งแสงสวยงาม
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ในระดับนึง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบปุ่มแยกออกมา โดยการควบคุมสามารถทำได้เป็นอย่างดีรวมไปถึงปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็มีความนุ่มและเด้งรับได้น่าประทับใจ การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก สัมผัสแบบผิวสากๆ เล็กๆ ทำให้ไม่เป็นรอยนิ้วมือได้ง่าย และควบคุมได้ง่ายมากขึ้นกว่าปกติ นอกจากนี้ยังมี Hotkey ตรงมุมขวาบนของชุดแป้นคีย์บอร์ด ไม่ว่าจะเป็นปุ่มเร่งรอบพัดลมและปุ่มเปิด Steelseries Engine 3
Screen / Speaker
MSI GP65 Leopard 10SEK มีหน้าจอจอแสดงผลขนาด 15.6″ ขอบบางเฉียบเพียง 5.7 มิลลิเมตร ได้ความละเอียด Full HD ที่ 1920×1080 พิกเซล พาเนล IPS คุณภาพสูง มีมุมมองด้านซ้าย ด้านขวาและด้านบนล่างที่กว้าง พร้อมมีค่า Refresh Rate อยู่ที่ 144Hz ทำให้ภาพปรากฏออกมามีความลื่นไหลแบบสุดๆ ดีกว่าพวกจอ IPS 60 แบบรู้สึกได้ ทั้งการดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกม สบายตาสมจริงกว่าอย่างเห็นได้ชัด
โดยมีโปรไฟล์สีผ่านซอฟแวร์ MSI True Color ได้อีก 6 แบบ ไม่ว่าจะเป็น ANTI-BLUE, sRGB, DESIGNER, OFFICE, MOVIE, GAMER ซึ่งทุกโปรไฟล์สามารถใช้งานได้จริงเห็นความแตกต่างชัดเจนส่วนบานพับก็แข็งแรงกว่ารุ่นพร้อมกางได้ถึง 145 องศา พร้อมขอบหน้าจอที่บางเฉียบ แต่ก็ยังสามารถติดตั้งกล้องเว็บแคมและไมโครโฟนแบบคู่ไว้ด้านบนได้ ที่สำคัญบริเวณมุมขอบหน้าจอซ้ายและขวายังมีการตัดมุมให้ดูสวยงามลงตัวแตกต่างจาก Gaming Notebook ทั่วไป
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ MSI GP65 Leopard 10SEK ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS คุณภาพสูง เราใช้เครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 95% Adobe RGB 70% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับที่ดีมากๆ สูงเกือบ 100% ทีเดียว ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คทั่วไป คือ พอสู้แสงกลางแจ้งได้ รวมไปถึงการทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็ทำได้ดีเช่นกัน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องล่างแถวกลางเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ไม่มีผิดเพี้ยน แต่สำหรับช่องกลางแถวบนและช่องซ้ายแถวกลางจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปที่ 14% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 3.5 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite คาดว่าคะแนนรวมน้อยกว่าปกติ เพราะว่าความคลาดเคลื่อนของแสงจอภาพนั่นเอง
ระบบเสียงก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน ด้วยลำโพง Giant Speakers แบบ 2 ชาแนล รูปแบบลำโพงปกติก็ใหญ่ขึ้น ซึ่งถูกติดตั้งไว้อยู่ขอบตัวเครื่องด้านหน้า ทำหน้าแบบยิงลงพื้นแล้วกระจายเสียงให้มีความกว้างกว่าการยิงเสียงตรงๆ โดยมีซอฟแวร์ปรับแต่งเสียง Nahimic 3 จำลองการเสียงได้สมบูรณ์แบบ ทำให้มีการปรับแต่งเสียงที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป ทั้งความดังและคุณภาพเสียงอย่างชัดเจน ใช้เล่นเกมและบันเทิงได้เต็มอารมณ์
Connector / Thin And Weight
ทางด้านพอร์ตการเชื่อมต่อก็จัดได้ว่า MSI GP65 Leopard 10SEK จัดว่าเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ที่มิติเล็กกว่าปกติ แต่ก็มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ให้มาอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น HDMI, mini Display Port ไว้เชื่อมต่อหน้าจอภายนอก ซึ่งเราสามารถเชื่อมต่อได้พร้อมกัน จัดเต็มด้วย 1 x USB 3.2 Gen2 Type-C, 3 x USB 3.2 Gen1 Type-A รองรับกับอุปกรณ์ที่หลากหลาย อีกทั้งยังมี 2-in-1 SD Card Reader, Lan RJ-45, รูหูฟังกับไมค์แบบแยกออกจากกัน และ Kensington lock slot ไว้ตัวเครื่องกับโต๊ะทำงานอีกด้วย
ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายนั้นรองรับทั้ง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 5 (AC) ตามมาตรฐานของโน๊ตบุ๊คปี 2020 โดยมีขนาดตัวเครื่องของ MSI GP65 Leopard 10SEK จะอยู่ที่ 357.7 x 248 x 27.5 มิลลิเมตร โดยมีน้ำหนัก 2.3 กิโลกรัม เรียกได้ว่าเบากว่า Gaming Notebook จอ 15.6″ รุ่นอื่นพอสมควร ถ้าเทียบกับฟีเจอร์ที่จัดเต็มก็พอพกพาได้สบายๆ อยู่ และเมื่อรวมกับที่สำคัญอะแดปเตอร์จ่ายแล้วก็จะมีน้ำหนักเราไม่เกิน 3.0 กิโลกรัม พร้อมใส่กระเป๋าไปข้างนอกได้ทันที
Inside / Upgrade
การแกะทั้งฝาล่างทั้งหมดของ MSI GP65 Leopard 10SEK สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ไขน็อตทั้งหมดประมาณ 10 ตัว หลังจากนั้นก็ค่อยๆ แงะแกะทีละส่วนขึ้นอย่างช้าๆ เพียงเท่านี้ก็จะแกะฝาล่างได้ไม่ยากเย็น ส่วนประกอบภายในอื่นๆ ที่มีงานประกอบเรียบร้อยดี โดดเด่นด้วยฮีท์ไปป์จัดเต็ม การแกะตัวเครื่องเพื่ออัปเกรดหรือทำความสะอาดของ MSI GP65 Leopard 10SEK ก็สามารถทำได้ง่ายและก็สะดวกทีเดียว ซึ่งการแกะฝาล่างของ MSI สามารถทำได้แล้ว โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าประกันจะหลุดแต่อย่างใด ขอแค่ว่าอย่าแกะจนเกิดความเสียหายก็พอแล้ว
เมื่อแกะออกมาแล้วจะเห็นว่าติดตั้งแรมมาแล้วขนาด 8GB จำนวน 2 แถว รวมเป็นขนาด 16GB เพียงพอต่อการใช้งานทันที โดยเราสามารถอัปเกรดเพิ่มได้สูงสุดถึง 64GB ทีเดียว ส่วน SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ติดตั้งมาให้แล้ว รวมไปถึงมีช่องว่างทางด้านซ้ายที่สามารถเพิ่มการอัป SSD M.2 อีก 1 ช่อง และ HDD ขนาด 2.5″ ได้ทันทีเช่นกัน ที่จะเป็นแบบปกติจานหมุนหรือ SSD SATA 3 ก็ทำได้ ที่ต้องบอกว่าสำหรับการใช้งานทั่วไปที่อยากได้ความจุเพิ่ม ก็นับว่าน่าสนใจไม่น้อยเลย ปิดท้ายที่ตัวลำโพงก็มีขนาดใหญ่สมกับเป็น Giant Speakers จริงๆ
Performance / Software
สำหรับ MSI GP65 Leopard 10SEK มาพร้อมกับชิปประมวลผลรุ่นยอดนิยมของ Gaming Notebook อย่าง Intel Core i Gen 10H อย่าง Core i7-10875H เน้นนำไปใช้งานหนักๆ มากกว่ารุ่นยอดนิยมอย่าง Core i7-10750H ที่ใช้กันในหลายแบรนด์ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม 3 มิติ ที่กินทรัพยากรสูง โดยมีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.30 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 5.10 GHz เป็นซีพียูแบบ 8 Core 16 Threads มาพร้อมแรมภายในขนาด 16GB DDR4 Bus 2666 MHz แบบ 8GB x 2 แถว ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้ใช้งานลื่นไหลทันทีแบบสบายๆ
การ์ดจอเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น โดยมีการ์ดจอแยกตัวแรงระดับบนอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2060 ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ และแรงกว่า GTX 1070 แบบรู้สึกได้จากการที่สามารถขับเฟรมเรทได้ลื่นไหล โดยเป็นรอง RTX 2070 พร้อมมีฟีเจอร์อย่างที่ใน RTX Series มี ตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว
พร้อมกันนั้นยังมาเทคโนโลยี“ Ray Tracing” ที่สามารถแสดงผลการติดตามแสงของวัตถุ และสภาพแวดล้อมในแบบเรียลไทม์ ระหว่างกระบวนการเรนเดอร์กราฟิกสามารถคำนวณการสะท้อน และหักเหแสงได้อย่างถูกต้อง ครอบคลุมทั้งแสง และเงาทางกายภาพ ทำให้เกมนั้นสมจริงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เหนือชั้นกว่าการ์ดจอ GTX Series ก่อนหน้านี้ทีเดียว ที่ไม่ใช่แค่ลื่นไหลแต่สวยสมจริงยิ่งกว่าด้วย
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe PCIe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 2392MB/s และเขียนที่ 1475MB/s ซึ่งถ้าใครอยากเพิ่มความจุของที่เก็บข้อมูลก็สามารถอัปเกรดใส่ SSD M.2 / ฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5″ ได้อีกตัวด้วย
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 5,662 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีการ์ดจอแยกอย่าง RTX 2060 ร่วมกับชิปประมวลผลตัวแรงจัดกับ Core i7-10875H ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปมากพอสมควร ระดับเทียบเท่า Desktop ไปแล้ว ฉะนั้นการใช้งานพื้นฐานหรือทำงานหนักๆ สอบผ่านได้สบายๆ
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 80 – 150 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10875H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce RTX 2060 ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 16GB DDR4 Bus 2666 MHz รวมไปถึง SSD NVMe PCIe ความจุ 512GB ก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Resident Evil 3 Remake / GTA V / Battlefield V/ FarCry 5 ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว แม้การทดสอบจะไม่ได้เปิด DLSS / Ray Tracing ที่ RTX Series รองรับ ก็ให้ภาพสวยงามไม่แพ้กัน แถมไม่กินทรัพยากรเครื่องเพิ่มเติมด้วย ส่งผลให้ค่าเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 80 – 90 ขึ้นไป
เกมออนไลน์กินสเปกน้อยลงมาอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 100 ขึ้นไปตลอด ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แบบไร้กังวล
และด้วยพาเนล IPS แบบ 144Hz ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล หรือเอาจริงๆ สำหรับเกมสไตล์ MOBA แค่ 60 FPS นิ่งๆ ก็เอาอยู่ หรือถ้าอยากให้วิ่ง 144Hz ก็จะปรับกราฟิกของเกมลงมาต่ำๆ กลางๆ หน่อย
MSI DRAGON CENTER เวอร์ชั่นล่าสุด เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ออกแบบและพัฒนาโดย MSI ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ต่อยอดมาจากรุ่นก่อนหน้าอย่างเวอร์ชั่น 2 จุดเด่นคือใช้งานสะดวกและสามารถช่วยเหลือ และ จัดการการปรับแต่งตั้งค่า MSI Gaming Notebook ได้อย่างลงตัว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลน์ของทาง MSI ก็ว่าได้ ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยหน้าเมนูต่างๆ แบ่งตามลักษณะการใช้งานที่ชัดเจน รวมไปถึงการอัพเดทซอฟต์แวร์ต่างๆ ก็สามารถจัดการได้ง่ายยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย
นอกเหนือจากนี้ MSI GP65 Leopard 10SEK ยังมีในส่วน SteelSeries Engine 3 ที่ช่วยในการปรับแต่งการใช้งานของอุปกรณ์ต่อพ่วง Gaming Gear ต่างๆ ของ SteelSeries แน่นอนว่าในส่วนของคีย์บอร์ด SteelSeries Per-Key RGB ตัวเครื่องก็สามารถปรับแต่งได้ผ่านทางโปรแกรมนี้ เรียกได้ว่าจะปรับไฟให้ตะมุตะมิแค่ไหนก็สามารถทำได้เลย หรือจะได้พรีเซ็ทต่างๆ ที่มีมาแล้วก็สามารถทำได้เช่นกัน
Battery / Heat / Noise
MSI GP65 Leopard 10SEK นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4730 mAh ถือให้มาในระดับกลางๆ ซึงเมื่อมาดูประสิทธิภาพโดยรวมของอายุการใช้งานของแบตเตอรี่แล้วถือว่าใช้ได้ยาวนานพอสมควร โดยสามารถใช้งานผ่าน Wi-Fi เล่นอินเตอร์เน็ตดู Youtube ปรับแสงต่ำสุด เลือกใช้งานเป็น Super Battery ใช้ได้ยาวนานประมาณ 5:14 ชั่วโมง ก็ถือได้ว่าเพียงพอพกพาไปใช้งานข้างนอกได้บ้าง ทำได้ดีตามมาตรฐานของ Gaming Notebook ทั่วไป ดังนั้นเวลาใช้งานจริงโดยปรับความสว่างหน้าจอและเสียงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจะทำให้แบตเตอรี่มีระยะเวลาใช้งานยาวนานน้อยกว่านี้ แต่ก็ถือว่าใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานกว่าโน๊ตบุ๊คในสเปกที่ใกล้เคียงกัน
ทางด้านอุณหภูมิสำหรับเจ้าเครื่องนี้ที่ให้ฮีทไปป์มาทั้งหมด 7 เส้น Cooler Boost 5 พัดลม 2 ตัว ช่องระบายความร้อน 3 ช่อง เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คอีกรุ่นที่มีการระบายความร้อนได้ดีมากเมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 30 – 40 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 27 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% โดยทางทีมงานได้ทำการเล่นเกมหนักๆ เป็นเวลานานๆ ซึ่งได้เปิดโหมดเร่งรอบพัดลมสูงสุดไว้
ซึ่งผลทดสอบนี้ดูผ่านทางซอฟต์แวร์ Core Temp เพื่อดูว่าชิปประมวลผล CPU ว่าจะร้อนที่สุดเย็นที่สุดเท่าไรในการใช้งานจริงๆ เพราะ Hardware Monitor ยังไม่รองรับ Core i Gen 10H ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของตัวเครื่องสำหรับซีพียู อยู่ที่ไม่เกิน 97 องศาเซลเซียส ที่ต้องบอกว่าแม้ตัวเลขจะดูสูงหน่อย แต่ใช้งานจริงๆ ค่อนข้างเย็นทีเดียว ตัวเครื่องเองยังสามารถทำได้ปกติทุกอย่าง ไม่มีมีปัญหาหน่วงหรือประตุกแต่อย่างใด
ส่วนที่เป็นการ์ดจอร้อนที่สุดจะอยู่ที่ 77 องศาเซลเซียสเท่านั้น โดยดูผ่านทาง Hardware Monitor นับว่ามีความเย็นพอตัว จากกที่เป็นการ์ดจอยุคใหม่ ส่วนเสียงพัดลมก็ดังพอสมควร จากการที่เปิดฟีเจอร์ Cooler Boost พร้อมเพิ่มรอบพัดลมเป็น 6,000 รอบต่อวินาที จากการที่มีพัดลม 2 ตัว แต่ก็ไม่ถือว่ารบกวนอะไรมากมายสำหรับคนที่เล่นเกมอยู่แล้ว โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้อย่างไม่น่าเป็นห่วง ส่วนตัวเครื่องภายนอกนั้นรับรู้สัมผัสได้ถึงความร้อนเล็กน้อย ในส่วนนี้ถือว่าให้ประสบการณ์ที่น่าพอใจทีเดียว สมกับเป็น MSI จริงๆ
Conclusion / Award
MSI GP65 Leopard 10SEK เป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ประจำปี 2020 ที่ครบเครื่องที่สุด ในราคาถูกที่สุดรุ่นนึงกับช่วงราคา 50,000 บาท ซึ่งปกติแล้วโน๊ตบุ๊คเล่นเกมแรงๆ สเปกประมาณนี้จะมีราคาสูงกว่านี้หลายพันบาท หรือเป็นหมื่นบาท แต่ในส่วนของ MSI GP65 Leopard 10SEK ออกมาตอบโจทย์โดยเฉพาะ กับสเปคล่าสุดชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10H และการ์ดจอตัวแรง NVIDIA GeForce RTX Series อย่าง Core i7-10875H + GeForce RTX 2060 บอกเลยว่าลื่นไหลทุกๆ เกม ที่ได้ทั้งตัวเครื่องบางเบา ประสิทธิภาพสูง และความสวยงามในเครื่องเดียว รวมถึงฟีเจอร์อื่นๆ ก็จัดเต็ม อาทิ Per-Key RGB Gaming Keyboard ที่ร่วมพัฒนากับแบรนด์ SteelSeries ที่ไม่ซ้ำใคร
ได้การระบายความร้อนตัวเครื่องเป็นแบบ Cooler Boost 5 ฮีทไปป์ 7 เส้น ขนาดใหญ่ ช่องระบายความร้อน 3 ช่องหมดห่วงเรื่องตัวเครื่องร้อน ส่วนแรมตัวเครื่องให้มา 16GB DDR4 Bus 2666MHz พร้อมใส่เพิ่มได้อีกแถว อีกทั้งให้หน่วยความจำความจุ SSD M.2 NVMe ตัวแรง ความจุ 512GB แถมตัวเครื่องยังสามารถใส่ฮาร์ดดิสก์ 2.5″ ได้เพิ่มอีกหนึ่ง นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับ Windows 10 แท้พร้อมใช้งานอีกด้วย ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อก็มีมาให้ครบครันหายห่วงทั้ง USB 3.2 Type-C, USB 3.2 Type-A, RJ45, HDMI, รูหูฟังกับไมค์แบบแยกออกจากกันสำหรับการเชื่อมต่อไร้สายที่เลือกใช้ Wi-Fi 6 AX ดีที่สุดใหม่ที่สุด พร้อม Bluetooth 5.0 ที่พร้อมเชื่อมต่อกับทุกอุปกรณ์
ถ้าว่ากันตามจริงแล้ว MSI GP65 Leopard 10SEK ถือว่าเป็นรุ่นน้องร่างแยกของ MSI GE65 Raider รุ่นปีก่อนก็ว่าได้ โดยรุ่นใหม่อย่าง MSI GE66 Raider ก็ได้ขยับปรับตัวไปอีกขั้นแทน แต่ก็มีหลายจุดเป็นรอง อาทิ เรื่องของลำโพงไม่ใช่แบบ Giant Speakers แบรนด์ DYNAUDIO 2.2 และแรม Bus เป็น 2666 MHz (เชื่อว่าได้เป็น 2933 / 3200 น่าจะดีกว่า) รวมไปถึงงานดีไซน์ก็ยังไม่ได้โดดเด่นออกจากรุ่นปี 2019 แต่อย่างใด แต่ด้วยราคาที่คุ้มค่ามากๆ เพียง 49,900 บาท ทำให้ MSI GP65 Leopard 10SEK เป็นอีกหนึ่ง Gaming Notebook ที่ครบเครื่องที่สุด ในราคาที่ไม่สูงจนเกินไป ถือว่ามีความคุ้มค่ากว่าพอสมควร ใครตั้งใจจะซื้อ สามารถสอบถามไปที่ MSI Gaming Shop หรือร้านจำหน่ายโน๊ตบุ๊คชั้นนำทั่วประเทศกันได้เลย
AWARDS
ในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับโน๊ตบุ๊คในกลุ่ม Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้ว ซึ่ง MSI GP65 Leopard 10SEK ก็ได้รับรางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Performance
MSI GP65 Leopard 10SEK มีสเปคที่ครบครัน ทั้งชิบประมวลผล Core i7-10875H และการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 2060 (6GB GDDR6) พร้อมแรมตัวเครื่องที่อัพเกรดได้มากถึง 64GB มาตรฐานใหม่แบบ DDR4 ที่ใส่มาแล้ว 8GB ที่ 2 แถว และ SSD M.2 NVMe PCIe ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูง รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล ใส่มาแล้วทันทีที่ 512GB พร้อมใส่เพิ่มได้อีก จากการใส่อัพเกรด SSD M.2 / HDD 2.5″ SATA 3 ประสิทธิภาพการใช้งานโดยรวมประทับใจมากๆ
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ MSI Gaming มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน MSI GP65 Leopard 10SEK ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงาม วัสดุเป็นโลหะอลูมิเนียมแทบทั้งหมด ออกแนวดุดันและเรียบหรูมากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้การตัดสีดำกับเทา รวมไปถึงไฟคีย์บอร์ด RGB ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาเชื่อได้ว่าหลายๆ คนที่เป็นเกมเมอร์ต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน พกพาสะดวกด้วยน้ำหนักเพียง 2.3 กิโลกรัม
Best Gaming
MSI GP65 Leopard 10SEK เป็น Gaming Notebook ที่มีความสดใหม่และเทคโนโลยีล้ำๆ มากมาย อาทิเช่น หน้าจอ IPS ที่ 144Hz ระบบ Cooler Boost 5, ระบบเสียง Nahimic, Steelseries Keyboard Per-Key RGB, USB 3.2 Type-C รวมไปถึงซอฟต์แวร์ MSI Dragon Center ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง ถือได้ว่าเป็นผู้นำในตลาด Gaming Notebook ยิ่งเทียบในระดับเดียวกันยิ่งหาตัวจับยาก สนนราคาค่าตัวก็คุ้มค่าที่สุดด้วย หากเทียบกับสเปกต่อฟีเจอร์ทั้งหมดแล้วในตลาด