Philips Brilliance 271B จอภาพขนาด 27 นิ้ว อีกหนึ่งรุ่นจาก Philips ที่มีความน่าสนใจไม่น้อย สำหรับคนที่กำลังมองหาจอภาพขนาดใหญ่ และมีความคมชัดสูง โดยจุดเด่นอยู่ที่การใช้พาแนล IPS คุณภาพดี ทำให้มีมุมมองกว้าง และสิ่งสำคัญคือ การให้ความยืดหยุ่นในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการปรับเลื่อน ก้มเงย และการหมุนจอ (Pivot) ล้วนแต่อำนวยความสะดวกต่อการใช้งานได้เป็นอย่างดี มาพร้อมสนนราคาที่ดูคุ้มค่า เมื่อเทียบกับจอภาพขนาดเดียวกันในท้องตลาด สำหรับคนที่มองหาจอภาพในการเล่นเกมหรือทำงาน รวมถึงคนที่อยากได้จอที่นำมาใช้งาน Multi-monitor ไม่วา่จะเป็นสายเกมเมอร์ สตรีมเมอร์หรือกลุ่มคนทำงานก็ตาม มาดูกันว่า จอ Philips รุ่นนี้ น่าสนใจเพียงใด
จอมอนิเตอร์ Philips รุ่นนี้เหมาะกับใคร?
ถ้ามองจากฟังก์ชั่นที่มากับ จอ Philips Brilliance 271B รวมถึงเทคโนโลยีพาแนล ค่อนข้างเน้นไปที่กลุ่มคนทำงาน ร่วมกับซอฟต์แวร์พื้นฐาน รวมถึงคนที่ต้องการจอภาพ ที่รองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ แต่ที่สำคัญ ต้องเป็นจอภาพขนาดใหญ่ โดยที่ Philips รุ่นนี้ ให้พื้นที่ระดับ 27 นิ้ว แต่ความละเอียด Full-HD จึงใช้งานได้แบบไม่ต้องปรับแต่งอื่นใดมากนัก รวมถึงระยะการนั่ง ที่แทบไม่ต่างไปจากจอ 22-24″ ที่ใช้กันทั่วไป เพียงแค่กวาดสายตามากขึ้นอีกนิดหน่อย แต่ท่านที่เล่นเกม แนะนำว่าขยับออกมาอีกนิดเดียว เพราะฉากมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว จะลดภาระของสายตาลง แต่จะให้ความแม่นยำมากขึ้น เพราะว่าจะเห็นศัตรูได้ชัดกว่า รวมถึงสีสันที่สดใส ทำให้คนที่เล่นเกมแล้วชอบปรับค่า White Balance เพื่อความสะใจ น่าจะชื่นชอบจอรุ่นนี้ แม้ว่าจะไม่ได้มีลูกเล่นในสไตล์ของเกมมิ่งมอนิเตอร์ แต่การปรับแต่งเกี่ยวกับการแสดงผลได้ ก็ทำให้การเล่นเกมสนุก ส่วนคนที่ใช้งานทั่วไป ก็สามารถเลือกปรับความสว่าง สี อุณหภูมิสี ตามความต้องการได้เช่นกัน
Specification: Philips Brilliance 271B
- ประเภทจอ LCD: เทคโนโลยี IPS
- ชนิดแสงพื้นหลัง: ระบบ W-LED
- ขนาดจอภาพ: 27 นิ้ว / 68.6 ซม.
- การเคลือบจอแสดงผล: ลดแสงสะท้อน 3H ความทึบแสง 25%
- พื้นที่แสดงภาพจริง: 597.89 (แนวนอน) x 336.31(แนวตั้ง)
- อัตราการจัดมุมมอง: 16:9
- ความละเอียดที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุด: 1920 x 1080 @ 60Hz
- ความละเอียดพิกเซล: 82 PPI
- เวลาตอบสนอง (ทั่วไป): 5 มิลลิวินาที (Gray to Gray)*
- ความสว่าง: 250 cd/m²
- อัตราความคมชัด (ทั่วไป): 1000:1
- SmartContrast: 50,000,000:1
- ระยะห่างระหว่างพิกเซล: 0.311 x 0.311 มม.
- มุมมองภาพ: 178º (H) / 178º (V) @ C/R > 10
- ปราศจากการสั่นไหว: ใช่
- การเพิ่มประสิทธิภาพของภาพ: SmartImage
- สีในการแสดงผล: 16.7 ล้าน
- ความถี่ในการสแกน: 30 – 83 kHz (H) / 50 – 76 Hz (V)
- สัญญาณอินพุต: VGA (อะนาล็อก), DVI-D (ดิจิตอล, HDCP), DisplayPort x 1.2, HDMI 1.4
- USB: USB 3.0×2 (สำหรับชาร์จแบบรวดเร็ว 1 อัน)*, USB 2.0 x 2
- สัญญาณเสียง (เข้า/ออก): Audio In PC
- ช่องสัญญาณออกของหูฟัง
- ระยะการปรับความสูง: 130 มม.
- การหมุน: -/+ 90 องศา
- แท่นหมุน/ บิดได้: -175/175 องศา
- เอียง: -5/30 องศา
การออกแบบและฟังก์ชั่น
จอ Philips Brilliance 271B มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 27 นิ้ว กับการออกแบบที่เรียบง่ายอันเป็นเอกลักษณ์ หน้าตา สไตล์และรูปทรง แทบไม่ต่างไปจากที่เราได้รีวิวไปก่อนหน้านี้
ฐานด้านล่าง เป็นทรงกลม แต่เติมช่องเล็กๆ สำหรับการวางสิ่งของ เช่น โทรศัพท์มือถือ แฟลชไดรฟ์หรือของใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ได้เป็นฐานเล็กๆ ตามที่เราเห็นกันทั่วไป
ขอบจอบางทั้ง 4 ด้าน กับความหนาไม่ถึง 10mm. ทำให้มีพื้นที่แสดงผลขนาดใหญ่ เมื่อเทียบกับสัดส่วนของขนาดจอ ซึ่งถือว่าเป็นข้อดีอย่างหนึ่งของจอภาพจาก Philips รุ่นนี้
มุมบนด้านซ้าย ระบุรุ่น Brilliance 271B กับขอบจอที่บางเป็นพิเศษ เอาใจคนที่อยากได้จอ ที่มีพื้นที่แสดงผลแบบเต็มๆ แต่ไซส์บอดี้ไม่ใหญ่เกินไป
จุดที่เป็นลำโพงอยู่บริเวณขอบด้านล่างของหน้าจอทั้ง 2 ด้าน ให้เสียงสะใจเลยทีเดียว ใครเบื่อ ไม่อยากต่อลำโพงให้สายพันกันวุ่นวาย ก็ใช้ลำโพงบนจอได้เลย
ขาตั้งด้านหลังดูบึกบึน ซึ่งถือเป็นคุณลักษณะที่ดี เพราะทาง Philips ออกแบบให้จอรุ่นนี้ สามารถปรับเลื่อนขึ้น-ลงได้ รวมถึงตัวจอยังหมุนเป็นแบบ Pivot เอาใจคนท่องเว็บ และเปิดไฟล์งานเอกสาร รวมถึงคนที่ชอบการอ่านข้อมูลแบบเพลินๆ
ลำโพงด้านล่างของหน้าจอ ที่พุ่งออกทางด้านหลัง คล้ายกับจอทีวี ดังนั้นยิ่งใกล้ผนัง เสียงก็ยิ่งดังก้องขึ้น เล่นเกม ดูหนังสนุกมากขึ้น
ด้านบนของฐานจอ มาพร้อมโลโก้ Philips ซ่อนมาด้วย เป็นอีกจุดหนึ่งที่สร้างสมดุลให้จอไม่เคลื่อนไหวได้ง่าย เมื่อปรับเลื่อน หรือหมุนหน้าจอนั่นเอง
ด้านข้างที่เห็นเป็นช่องสำหรับต่อ USB port และเป็น Hub ในตัว สำหรับการต่อพ่วง เมาส์ คีย์บอร์ด และแฟลชไดรฟ์ USB เป็นต้น
หน้าตาเมื่อปรับหมุน 90 องศา โดยโหมดนี้ มาพร้อมกับฟีเจอร์ EasyRead ที่ให้คุณสามารถอ่านหน้าเว็บได้สะดวกยิ่งขึ้น อารมณ์เหมือนอ่านบนแท็ปเล็ต
พอร์ตด้านข้าง ถูกซ่อนเอาไว้อย่างดี เพื่อให้สามารถต่อสายได้แบบไม่เกะกะ หรือคนที่จะใช้แฟลชไดรฟ์ก็สะดวก นอกจากนี้ยังมี USB แบบ Fast charge เอาไว้ให้ชาร์จมือถืออีกด้วย
ด้านใต้ของ จอ Philips ประกอบด้วยพอร์ตแสดงผล D-Sub, DVI, HDMI 1.4 และ DisplayPort 1.2 รวมถึง Audio In และหูฟัง
OSD ปรับแต่งอะไรได้บ้าง?
Low Blue Mode โหมดถนอมสายตา ที่เรียกว่าจอภาพในปัจจุบันควรจะต้องมี ในการลดแสงสีฟ้า ที่เป็นแสงคลื่นสั้น ที่อาจทำร้ายดวงตาได้ในระยะยาว ยิ่งเป็นคนที่ต้องใช้สายตานานๆ มีความสำคัญไม่น้อยเลย
Picture Mode: ในส่วนนี้จะเป็นส่วนหลักในการปรับแต่ง ไม่ว่าจะเป็นการปรับค่าความสว่าง Contrast, Sharpness รวมถึง Gamma และอื่นๆ
Color: ปรับค่าโทนสี ที่มีให้เลือก 6 ระดับ 5000K, 6500K, 7500K, 8200K, 9300K และ 11500K เรียกว่าชอบโทนสีอุ่นหรือเย็น ปรับเลือกได้ หรือจะใช้เป็นแบบ Native ก็ได้เช่นกัน
มาดูมุมต่างๆ ของหน้าจอ เมื่อเล่นเกมกันบ้าง ด้วยการเป็นพาแนลแบบ IPS และยังเป็นแบบ Anti-Glare สามารถกันสะท้อนได้ดี จึงให้มุมมองที่ดูคมชัด แม้ว่าจะดูในมุมแบบเอียงๆ สิ่งนี้ถือว่าเป็นจุดเด่นของจอภาพจาก Philips รุ่นนี้ได้ เพราะไม่มีแสงมารบกวนสายตา
ภาพที่ได้ในเกม จะเห็นได้ว่ามีความคมชัดสดใส โดยในครั้งนี้เราลองปรับค่า Gamma ในแบบโทนเย็น ซึ่งทำให้สีสันดูน่าสนใจ ยิ่งใครที่ชอบเล่นเกม แล้วต้องการ Nature ให้มีโทนสีฟ้าสบายๆ ก็สามารถปรับได้ตามสะดวก
อีกตัวอย่างหนึ่งคือ เกม COD:Warfare จะเห็นว่าภาพที่ได้นั้น สีสันสดใสคมชัด สร้างอารมณ์ในการเล่นเกมได้ดีทีเดียว แม้ว่าจะไม่ได้เป็นจอเกมมิ่ง ที่เน้นรีเฟรชเรตบน Hz สูงๆ แต่หากปรับ Resolution ในเกม เพื่อให้เฟรมเรตออกมาสอดคล้องกัน ก็สามารถทำให้ภาพนั้นดูลื่นไหลสบายตาได้
ฉากที่มีการโจมตีภายในเกม ไม่ว่าจะเป็นเอฟเฟกต์ ควันหรือแสงสะท้อนต่างๆ เช่น ผืนน้ำ อาวุธปืนหรือความเงางามของรถ ต่างเด่นขึ้นด้วยความคมชัด แม้จะเล่นบนความละเอียด Full-HD ก็ทำให้สนุกไปกับการเล่นได้ไม่น้อย
และเราก็ไม่ลืมกับการใช้งานเอาใจคนที่ชอบท่องเว็บ กับการปรับหมุนหน้าจอ 90 องศา แค่ก้มจอลงมานิดๆ คุณก็สามารถเอนหลังและนั่งอ่านข้อมูลหรือเว็บที่คุณต้องการได้อย่างสบายตา หรือจะใช้การขยาย Scale เพื่อให้มอง Text ได้ใหญ่ขึ้น กับฟีเจอร์ EasyRead แต่ถ้าใครที่เป็นแฟนนิยาย แนะนำปรับ Background ให้เป็นสีดำ หรือใช้ Dark mode ขยายฟอนต์ให้ใหญ่ขึ้น เท่านี้คุณก็สามารถอ่านได้แบบเพลินๆ แล้ว
Conclusion
แม้ว่าจะไม่ได้ออกตัวว่าเป็นเกมมิ่งมอนิเตอร์แบบเต็มตัว เพราะด้วยฟังก์ชั่นหลายอย่างที่ไม่ได้ออกแบบมาเฉพาะ แต่ถ้ามองถึงขนาดหน้าจอที่ใหญ่ 27 นิ้ว และมีลูกเล่นการปรับแต่งในส่วนของภาพ แสงสี ก็ถือว่ามีส่วนต่อการเล่นเกมได้ดี ดังที่ปรากฏในตัวอย่าง กับการเล่นเกมในแนว FPS ภาพมีความนุ่มนวลต่อเนื่อง สีสันสดใสตามสไตล์ของ IPS รวมถึงได้มุมมองที่กว้างขึ้น ซึ่ง จอ Philips รุ่นนี้น่าจะครอบคลุมการใช้งานในแบบต่างๆ ในชีวิตประจำวันมากกว่าการเฉพาะเจาะจง ด้วยฟีเจอร์ที่น่าสนใจ เช่น หน้าจอปรับเลื่อนและหมุนได้ จึงน่าจะเหมาะกับการใช้ในสำนักงานหรือที่บ้าน รวมถึงพอร์ตแสดงผล ที่มีให้เกือบครบแบบที่มีในบนคอมพิวเตอร์ทั่วไปในเวลานี้ และที่สำคัญให้ลำโพงเสียงดีมาอีกด้วย การดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ก็ครบจบได้ในตัว กับสนนราคาแค่ 6,990 บาท ต้องถือว่าคุ้มค่าน่าสนใจ เมื่อเทียบกับจอภาพในระดับ IPS 27″ ด้วยกัน หากใครที่สนใจ ไปช้อปกันได้ที่ Topvalue กำลังมีโปรโมชั่นพิเศษ ถึงช่วงปลายเดือน กรกฏาคมนี้
จุดเด่น
- หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ พาแนล IPS ความคมชัดสูง
- ปรับหมุนหน้าจอได้ เพิ่มมุมมองให้กว้างขึ้น
- มีลำโพงคุณภาพดีมาในตัว
- ขอบจอค่อนข้างบาง ให้พื้นที่กว้างขวาง
- OSD มีให้ปรับแต่งได้พอควร
ข้อสังเกต
- ความละเอียด Full-HD เท่านั้น
ราคา: ประมาณ 6,990 บาท
ช้อปได้ที่:
ข้อมูลเพิ่มเติม: Philips monitor