ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i7-10875H ติดตั้งการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 2060 ให้ความแรงเหลือเฟือในการเล่นเกมทุกเกมบนโลกแบบลื่นไหล ส่วนของแรมมีขนาด 16GB DDR4 Bus 3200MHz มีที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 1TB หน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว 4K UHD พาเนลคุณภาพสูง IPS ขอบเขตสีระดับทำงานมืออาชีพ เล่นเกมตอบสนอง โดยพอร์ตการเชื่อมต่อก็ครบครันด้วย Thunderbolt 3, USB 3.2 Type-A, HDMI, LAN พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.1 และ Wi-Fi 6 AX ที่ดีที่สุด
โดยล่าสุดทาง ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) เป็นหนึ่งใน Gaming Notebook ซีรีส์ ROG ที่ใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 H ที่มาพร้อมกับการนำเสนอการระบายความร้อนรูปแบบใหม่ที่ดีกว่า เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้ โดยเฉพาะการใช้ Liquid Metal อย่าง Thermal Grizzly Conductonaut รวมถึงการใช้สารประกอบที่ช่วยลดความร้อน ที่ได้รับการปรับปรุง จึงช่วยในการลดอุณหภูมิได้รวดเร็ว แน่นอนว่ามีการรับประกันตามมาตรฐาน ASUS คือ 2 ปี เลือกส่งศูนย์โดยตรงหรือส่งเคลมผ่านทางร้าน 7-11 ได้ พร้อมประกัน Perfect Warranty ในปีแรกด้วย สนนราคาที่ 69,990 บาท
Unbox Preview
NBS Verdict
ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) นับได้ว่าเป็น Gaming Notebook ที่ติดตั้งที่สุดของคุณภาพหน้าจอ 4K UHD มาตรฐานค่าขอบเขตสีใกล้เคียง 100% Adobe RGB พร้อม Pantone Validated สเปกภายในเป็น Core i7-108750H + GeForce RTX 2060 ที่ติดตั้ง Liquid Metal (Thermal Grizzly Conductonaut) ที่สุดแห่งการระบายความร้อนสำหรับชิปประมวลผล ทำงานร่วมกับ ROG Intelligent Cooling เทคโนโลยีการระบายความร้อนสุดชาญฉลาด อีกทั้งจัดเต็มด้วยของบันเดิลมากมาย ทั้งกล้องเว็บแคมทำให้ข้อสังเกตส่วนนี้หายไป และได้อแดปเตอร์ PD (65W) มาให้ฟรีๆ ด้วย
ดีไซน์ภายนอกบางเบาตามสไตล์ Zephyrus ด้วยความหนาเพียง 18.9 มม. โครงสร้างหลักผลิตด้วยแมกนีเซียมผสมให้ความแข็งแกร่งแต่น้ำหนักเบาไม่ถึง 2 กก. สี Prism black ดีไซน์สะกดทุกสายตา ผสานความดุดันเข้ากับลวดลายปริซึมสุดเท่ โดดเด่นเมื่อมีแสงตกกระทบ เรียบหรูแต่พิเศษไม่เหมือนใคร การเชื่อมต่อครบครัน โดดเด่นด้วย Thunderbolt 3 ในรูปแบบ USB-C รองรับการชาร์จแบบ PD (65W) Audio output ระดับ Hi-Res ติดตั้งมาพร้อมด้วย ESS Sabre HiFi DAC ที่สำคัญได้ความพรีเมียมทั้งตัวคียบอร์ด Per-Key RGB ที่สามารถเปลี่ยนสีแต่ละปุ่มผ่านทาง Armory Crate
จุดเด่นของ ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) ที่เหนือกว่า Gaming Notebook กลุ่มคุ้มค่าก็คือ ได้ความเป็น ROG ที่พรีเมียม เน้นทำงานเป็นหลักเล่นเกมเป็นรอง พร้อมตัวเครื่องบางเบา แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน ประสิทธิภาพดีลื่นไหล พอร์ตการเชื่อมต่อครบครัน อย่างที่หาใน Gaming Notebook ราคาถูกอย่าง TUF Gaming ไม่ได้ ในส่วนของประสิทธิภาพการเล่นเกมก็ดีเยี่ยม (บนความละเอียด Full HD) เมื่อเทียบกับประสบการณ์การใช้งานที่พกพาไปไหนมาไหนได้ง่ายและสะดวกกว่าโน๊ตบุ๊คเครื่องหนาๆ แบบสมัยก่อน อย่างไรก็ตามในส่วนของข้อสังเกตุก็มีอยู่ คือในส่วนของ SSD M.2 NVMe มีความเร็วที่น้อยไปหน่อย น่าจะได้ความเร็วระดับ 2xxx MB/s แล้ว รวมไปถึงไม่มีช่อง SD Card Reader เผื่อกรณีคนที่ต้องการใช้งานก็ต้องรับให้ได้ด้วย
จุดเด่น
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจตามสไตล์ ROG รุ่นใหม่ปี 2020 พร้อมงานประกอบแน่นวัสดุดี
- ขอบหน้าจอบางพิเศษ มิติเทียบเท่ารุ่น 14″ ตัวเครื่องบางเฉียบ เบาแค่ 1.9 กิโลกรัม
- ประสิทธิภาพสูงด้วยชิปประมวลผล Intel Core i7-10875H ที่แรงกว่า Core i7-10750H
- การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 2060 ขับเคลื่อนหน้าจอความละเอียดสูงได้ดีเยี่ยม
- แรมขนาด 16GB DDR4 Bus 3200MHz (8GB x2) เพียงพอต่อการใช้งาน อัพได้สูงสุด 24 GB
- ติดตั้ง SSD M.2 NVMe ความจุ 1TB รองรับการเพิ่มอีก 1 ตัวทันที
- ได้หน้าจอพาเนล IPS คุณภาพดีเยี่ยม ความละเอียด 4K UHD
- อุณหภูมิในการใช้งานถือว่าเย็น ไม่ร้อนจนเกินไป
- พอร์ตการเชื่อมต่อครบครันทั้ง Thunderbolt 3 ที่รองรับทั้งต่อจอและชาร์จไฟผ่าน USB-PD
- การเชื่อมต่อไร้สายดีที่สุดด้วย Wi-Fi 6 AX และ Bluetooth 5.1
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 7 ชั่วโมง
- มีซอฟต์แวร์ Armory Crate มาช่วยปรับแต่งการใช้งาน
- มาพร้อม Windows 10 ใช้งานได้ทันที
- ประสบการณ์ใช้งานดีเยี่ยม ประทับใจมาก ทั้งเล่นเกมหรือทำงาน
- ประกัน 2 ปี ส่งศูนย์ พร้อมฝากส่งเคลม 7-11 และมีประกันอุบติเหตุ 1 ปี
ข้อสังเกต
- SSD M.2 NVMe ที่ติดตั้งมาให้ ความเร็วน้อยไปหน่อย
- ไม่มี SD Card Reader ไว้เชื่อมต่อกับการ์ดกล้องดิจิตอล
- แรม 8GB ที่ให้มาเป็นแบบฝังบอร์ด อัพเกรดได้แค่ 1 แถว
- ในการเล่นเกมควรปรับเป็นความละเอียด Full HD ก็เพียงพอ
- ไม่มีรุ่นหน้าจอ Full HD ทีได้ Refresh Rate สูงๆ ให้เลือก
Specification
ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) ที่ได้รับมารีวิวนั้นเป็นสเปกขายจริงและขณะนี้มีจำหน่ายเพียงรุ่นเดียว โดยใช้ชิประมวลผลรุ่นล่าสุดอย่าง Intel Core i Gen 10H ในรุ่น Core i7-10875H ทำงานที่ความเร็ว 2.30 – 5.10 GHz แบบ 8 คอร์ 16 เธร์ด ซึ่งให้ความแรงและ Core การทำงานที่มากกว่า i7-10750H ทำงานร่วมกับการ์ดจอระดับสูงรุ่นใหม่อย่าง NVIDIA GeForce RTX 2060 (6GB GDDR6) เป็นตัวแรงเริ่มต้นของ RTX Series สนับสนุนประสิทธิภาพในการทำงานหนักๆ หรือเล่นเกมได้ดีเยีย่มแรมมาตรฐานเป็น DDR4 Bus 3200MHz ขนาด 16GB พร้อม SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB ที่เหลือเฟือกับทุกๆ การใช้งาน
มีหน้าจอขนาด 15.6″ มาตรฐาน 4K Ultra HD ความละเอียดสูงระดับ 3840 x 2160 พิกเซล พาเนล IPS คุณภาพสูง ค่าขอบเขตสี 100% Adobe RGB พร้อมได้ Pantone Validated ส่งผลให้เราได้พบประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยม ใครจะเอาไปทำงานหรือเล่นเกมอันนี้ไม่ว่ากัน ลำโพงของตัวเครื่องใช้เป็นแบบสเตอริโอ โดยมีระบบเสียง Hi-Res ติดตั้งมาพร้อมด้วย ESS Sabre HiFi DAC พร้อมด้วยกล้องเว็บแคมแบบแยกและมีไมค์ดิจิตอลแบบคู่ที่ตัวเครื่อง
ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง Thunderbolt 3, USB 3.1 Type-A และ LAN RJ45, Headset พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth V5.1 และ Wi-Fi 6 AX ได้ Windows 10 สนนราคา 69,990 บาท สำหรับการรับประกันเป็นระยะเวลา 2 ปี สามารถเคลมฝากผ่านร้าน 7-11 ได้ และประกันอุบัติเหตุ 1 ปีแรก เพียงแค่ลงทะเบียนในเว็บไซต์เท่านั้น
Hardware / Design
ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) เป็นซีรีส์ ROG ซึ่งเป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมที่เน้นความบางพร้อมความพรีเมียม โดยตัวเครื่องบางแค่ 18.9 มิลลิเมตร มาพร้อมน้ำหนักเบาที่ 1.9 กิโลกรัม รวมไปถึงแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า Gaming Notebook ทั่วไปกับขนาดหน้าจอขอบบางที่ 6.2 มิลลิเมตร ขนาด 15.6″ สัดส่วนเป็น 81% ของพื้นที่หน้าจอทั้งหมด ซึ่งที่ขอบจอด้านล่างมีการติดสติ๊กเกอร์บ่งบอกถึงฟีเจอร์ต่างๆ อาทิ AdobeRGB 100% UHD / Pantone validated / Hi-Res Audio / Thumderbolt / USB-PD / Wi-Fi 6 AX / Liquid Metal
ที่ความละเอียด 4K Ultra HD พาเนล IPS เกรดสูงเน้นงานระดับมืออาชีพ สีสัน Prism black ดีไซน์สะกดทุกสายตา ผสานความดุดันเข้ากับลวดลายปริซึมสุดเท่อย่าง Rainbow-like dots โดดเด่นเมื่อมีแสงตกกระทบ เรียบหรูแต่พิเศษไม่เหมือนใครแข็งแกร่งสไตล์ ROG ด้วยวัสดุเป็นโลหะ ส่วนภายในที่วางมือเป็นแบบซอฟต์ทัชให้ความพรีเมียมที่มากกว่า เรียกได้ว่าดูเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานสร้างสรรค์มากกว่า เป็น Gaming Notebook สายดุดันจริงจัง แตกต่างจาก ROG รุ่นอื่นๆ
ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) เลือกใช้วัสดุตัวเครื่องโดยรวมทั้งหมดด้วยแม็กนีเซียมอัลลอยด์ลักษณะโครงสร้างรังผึ้งที่มีคุณภาพสูง มีความแข็งแรงทนทานประมาณนึง โดยยังคงไว้ซึ่งการออกแบบที่สวยงาม ด้วยเส้นสายที่ทันสมัยและการตกแต่งเสริมความพรีเมียม ระบบระบายความร้อนที่มีความล้ำหน้าทำให้มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยมของทุกชิ้นส่วน พร้อมแผ่นโลหะสีเงินมันวาวที่มุมซ้ายล่างบ่งบอกความเป็น ROG สุดๆ สมกับเป็นการออกแบบและวิศวกรรมที่เป็นสัญลักษณ์แห่งคุณภาพของ Zephyrus Series ที่แตกต่างไม่ซ้ำใคร
ส่วนด้านฐานของตัวเครื่องวัสดุพลาสติกที่แข็งแรงงานประกอบเรียบร้อย พร้อมอากาศเย็นไหลผ่าน โดยมีระบบระบายความร้อน ROG Intelligent Cooling ที่ทำงานร่วมกับ Liquid Metal อย่าง Thermal Grizzly Conductonaut ช่วยนำพาความร้อน พร้อมช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่ 4 ช่อง 2 สองพัดลมขนาดใหญ่ พร้อมช่องไล่ฝุ่น Anti-Dust Cooling ส่งผลให้ไม่มีความร้อนสะสมขึ้นในอนาคต
กับช่องดูดลมเย็นอีก 3 ช่องด้านล่างใต้เครื่อง อีกทั้งยังมีช่องด้านบนเหนือคีย์บอร์ดมีช่องดูดลมอีกช่องช่วยนำพาอากาศเย็นเข้าไปอีก ส่วนถ้าจะอัพเกรดก็ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ขันน็อตไม่กี่ตัวจากนั้นค่อยๆ ดึงขึ้น รวมๆ แล้วต้องยอมรับว่าทาง ASUS นั้นใส่ใจในการออกแบบมาจริงๆ นอกจากที่อัพเกรดได้ไม่ยากแล้ว ยังทำความสะอาดได้สะดวกสบายอีกด้วย
โดยการใช้ Liquid Metal หรือโลหะเหลวในการเป็น Thermal Compound นี้ ค่อนข้างมีกระบวนการที่ยาก ซึ่งส่วนใหญ่มักจะต้องทำด้วยมือ ดังนั้น ASUS จึงต้องออกแบบระบบการทำงานแบบอัตโนมัติ เพื่อให้ทันกับปริมาณการผลิต Gaming Notebook แต่มีการควบคุมเป็นพิเศษ ด้วยการใช้แขนกลอัตโนมัติ ในการจุ่มแปรงลงไปใน Liquid Metal
และแปรงลงบนชิปประมวลผลทับไปมาถึง 17 ครั้ง เพื่อเคลือบหน้าสัมผัสของชุดระบายความร้อนและชิปประมวลผลให้ดียิ่งขึ้น สามารถชมจากวีดีโอขั้นตอนการติดตั้งตามด้านบนนี้ได้เลย เรียกได้ว่าตรงจุดนี้ทำให้ ASUS ROG ล้ำหน้ากว่า Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ อย่างชัดเจนทีเดียว (ชมวีดีโอ)
อย่างไรก็ตามแม้ ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) จะอยู่บนพื้นฐานการออกแบบของตระกูล ROG ที่เน้นสายเกมเมอร์ที่ต้องการประสบการณ์ใช้งานสูงเป็นหลัก ด้วยการ์ดจอ GeForce RTX 20 Series ที่ทรงประสิทธิภาพ แต่ใครจะเอาไปทำงานเบาๆ หรือทำงานหนักๆ รวมไปถึงพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ ก็สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ทั้งหมด ทั้งจากฟีเจอร์ ดีไซน์และสเปกแรงล้ำกว่าที่เคยมีมาทั้งหมด
รวมไปถึงหน้าจอก็ใหญ่ที่ 15.6″ แต่ตัวเครื่องเทียบเท่า 14″ ทำให้ใช้งานได้เต็มตามากขึ้น ที่สำคัญอีกหนึ่งอย่างก็คือ มีสติ๊กเกอร์ในส่วนของ Intel Core i Gen 10H และ NVIDIA GeForce RTX ติดมาคู่กันในตำแหน่งใต้คีย์บอร์ดด้านขวาด้วย นับว่าเป็น CPU / GPU ที่จับคู่กันได้ดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการรับประกับอุบัติเหตุ 1 ปีแรก อย่าง Perfect Warranty เพียงแค่ลงทะเบียนในเว็บไซต์เท่านั้น
สรุปปิดท้ายสำหรับการดีไซน์และออกแบบตัวเครื่องของ ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) ต้องบอกว่า ASUS ทำการบ้านมาเป็นอย่างดีในปี 2020 ต่อยอดด้วยวัสดุคุณภาพสูงและสวยงามน่าประทับใจ ประกอบกับการดีไซน์ที่ตอบสนองความต้องการของเกมเมอร์ที่ต้องการ Gaming Notebook บางเบาได้อย่างลงตัว ส่งผลให้เสริมประสบการณ์ใช้งานยิ่งขึ้นไปอีก จากแต่ก่อนแทบเป็นไปไม่ได้ที่ความแรงระดับนี้ จะอยู่บนโน๊ตบุ๊คเล่นเกมตัวเครื่องที่บางและเบาแบบนี้ พร้อมตอบโจทย์คนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คที่เล่นเกมได้เยี่ยมและทำงานได้ดี ฟีเจอร์ครบครัน จบในเครื่องเดียว
Keyboard / Touchpad
ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) ใช้ Per-Key RGB Gaming Keyboard สามารถเปลี่ยนสีแต่ละปุ่ม ตามใจของผู้ใช้หลากหลายรูปแบบ และยังปรับแต่ง Macrokeys บนคีย์บอร์ดเพื่อใช้ในเกมหรือซอฟแวร์ต่างๆ พร้อมแป้นที่ใหญ่พิเศษ โดยพัฒนาและออกแบบมาให้ ASUS ROG โดยเฉพาะ ทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมๆ กันแต่ละปุ่มมีมุมโค้งขนาด 0.25 มิลลิเมตร เข้ากับนิ้วมือเวลากดลงไปสุดๆ โดยระยะของปุ่มที่เลื่อนลงไปเพียง 1.8 มิลลิเมตร พร้อมเทคโนโลยี OverStroke เพื่อการกดรัวที่ดียิ่งขึ้นด้วยปุ่ม N-key rollover & anti-ghosting และอายุคีย์บอร์ดที่สามารถกดได้ 20 ล้านครั้ง
ทัชแพดเองขนาดใหญ่แบบซ่อนปุ่ม ซึ่งการใช้งานสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นสะดวกสบาย ปุ่มนุ่มกดง่าย การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจมาก ที่สำคัญมีในส่วนของปุ่มลัดบนคีย์บอร์ดอย่าง F5 ทำให้ผู้ใช้สามารถสลับเปลี่ยนโหมดการใช้งานระหว่าง Turbo สำหรับประสิทธิภาพในการเล่นเกมระดับสูงสุด, Silent mode สำหรับเสียงรบกวนที่น้อยที่สุด, และ Balanced mode / Windows เพื่อความสมดุลในการใช้งาน
Screen / Speaker
ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) มีหน้าจอขอบจอบางเฉียบเพียง 6.2 มิลลิเมตรทั้งขอบด้านข้างและด้านบนทำให้ไม่มีกล้องเว็บแคม แต่ในบันเดิลก็ให้กล้องเว็บแคมแบบแยกมาให้ด้วย (ส่วนไมคโครโฟนแบบคู่ติดตั้วขอบจอด้านล่าง) ขนาด 15.6″ ความละเอียด 4K Ultra HD (3340 x 2160 พิกเซล) พาเนลเป็น IPS คุณภาพดีที่สุด มุมมองกว้าง พื้นผิวจอแบบด้าน Anti-Glare รวมๆ ทั้งสีสันความคมชัดแล้วจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม พร้อมได้รับการรับรองความเที่ยงตรงของสีจาก PANTONE ให้ช่วงสี AdobeRGB ใกล้เคียง 100% และค่าความผิดเพี้ยนของสี (Delta-E) น้อยกว่า 1.5 ซึ่งให้ความแม่นยำของสีที่ยอดเยี่ยมสำหรับภาพที่มีความละเอียดสูง ถือว่าในการเน้นทำงานจริงๆ จังๆ ดีกว่ามาตรฐานของโน๊ตบุ๊คทั่วไปหรือ Gaming Notebook มากทีเดียว
ทดสอบหน้าจอของ ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite ซึ่งผลการทดสอบให้ขอบเขตความกว้างของสีสัน Gamut เทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB 98% และ AdobeRGB 93% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับที่ดีเยี่ยมเหนือชั้นกว่าโน๊ตบุ๊คทั้งหมดในตลาด โดยให้ความแม่นยำและเที่ยงตรงใกล้เคียงกับ sRGB 100% ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คทั่วไป คือ สู้แสงกลางแจ้งได้แบบชัดเจน รวมไปถึงการทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพก็สามารถทำได้ดีเช่นกัน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องล่างมุมซ้ายเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ 300 cd/m2 แต่สำหรับช่องมุมบนขวาและช่องกลางจะมีแสงสว่างที่ลดลงระดับ 11% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ตัวเครื่องมีช่องลำโพงคู่อยู่ขอบตัวเครื่องข้างๆ ซ้ายขวา คุณภาพสูง พร้อม Smart Amp เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ระบบเสียงชั้นยอดอีกด้วย ให้เสียงคมชัด เพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมให้ถึงใจยิ่งขึ้น ให้ขอบเขตเสียงที่กว้าง จากการที่เสียงกลางแหลมออกชัดเจนดี ส่วนทุ้มมีออกมาหน่อยๆ แม้จะมีลำโพงซัฟวูฟเฟอร์ก็ตาม ที่สำคัญยังได้ชิป DAC แบบ Hi-Fi จาก ESS Sabre ช่วยขับเสียงให้มีรายละเอียดที่ดียิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นเสียงย่านสูงหรือต่ำสำหรับผู้ที่จริงจังกับคุณภาพ พร้อมเปิดประสบการณ์การใช้หูฟังที่ให้เสียงโอบล้อมแบบ 7.1 ch ด้วยซอฟต์แวร์ Sonic Studio III อีกด้วย
Connector / Thin And Weight
มาดูทางด้านพอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) กันบ้าง ซึ่งเครื่องนี้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6″ ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อมาให้ครบครับใช้ได้เลยทีเดียว สมกับการเป็น Gaming Notebook ระดับพรีเมียม โดยตัวพอร์ตจะอยู่ด้านซ้ายมือตัวเครื่องทั้งหมด มีทั้ง USB 3.2 Type-A จำนวน 3 พอร์ต, Thunderbolt 3 (USB 3.1 Gen2 Type-C / DisplayPort 1.4 / USB-PD 3.0 up to 65W) พร้อมช่องต่อหูฟังกับไมค์แบบแยกออกจากกันขนาด 3.5 มิลลิเมตร 2 ช่อง, LAN RJ45 และ HDMI ส่วน Kensington จะอยู่ที่ด้านขวา
ในส่วนของการเชื่อมต่อไร้สายจะใช้ Bluetooth 5.1 และ Wi-Fi 6 AX (with Gig+ performance) ซึ่งจะช่วยให้การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตให้มีความสเถียรมากยิ่งขึ้น ส่วนขนาดของตัวเครื่อง 360 x 252 x 18.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1.9 กิโลกรัม ถือว่าค่อนข้างเบาเลยทีเดียว เมื่อเทียบกับ Gaming Notebook อื่นๆ และเมื่อรวมกับอแดปเตอร์ชาร์จไฟขนาด 230 W เข้าไปด้วยจะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 2.4 กิโลกรัมเท่านั้น หรืออแดปเตอร์ USB-C ที่บันเดิลมาพร้อมกับตัวเครื่อง พอแบกพกพาไปไหนมาไหนได้อยู่ไม่หนักมาก
Inside / Upgrade
การแกะเครื่อง ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) เพื่อทำการอัพเกรดนั้นทำง่ายมากเพียงแกะน็อตออกทุกตัว โดยจะมีมุมอยู่ 1 ตัวเด้งขึ้นมา ทำให้ช่วยเราแกะง่ายยิ่งขึ้น เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ ถูกออกแบบจัดระเบียบได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว โดยภายในตัวเครื่อง ติดตั้งซิลิโคนแบบโลหะเหลวซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดทำให้อุณหภูมิของชิปประมวลผล CPU ลดลง ขณะเดียวกัน พัดลมคู่ที่มีใบพัด n-Blade มากถึง 83 ใบ เพิ่มอัตราการไหลเวียนของอากาศ พร้อมทั้งยังมีโมดูลระบายอากาศที่ขับฝุ่นออกจากระบบและทำความสะอาดตัวเอง และจุดสังเกตที่เปลี่ยนไปคือตัวเครื่องเลือกใช้ฮีทไปป์ 6 เส้น เรียกได้ว่าเอาอยู่กับสเปกแบบนี้แล้ว
ซึ่งหลังจากที่แกะออกมาแล้วนั้นจะเห็นแผ่นสีดำ สีเทาแปะติดไว้อยู่ในหลายๆ ส่วนเพื่อกันไฟฟ้าสถิต และในส่วนของฮาร์ดแวร์ที่สามารถทำการอัพเกรดคือมีช่องใส่ SSD M.2 NVMe มาให้อีก 1 ช่อง โดยเดิมๆ ให้มาแล้ว 1 สล็อตอยู่แล้ว ที่ความจุ 1TB (รวมเป็น 2) ส่วนแรมจากสเปกคือขนาด 16GB โดยมีเพียงสล็อตเดียว ซึ่งใส่มาแล้ว 8GB เพราะแรม 8GB ติดเครื่องมาเป็นแบบฝั่งบอร์ดจากที่เป็น Gaming Notebook บางเบานั่นเอง (ได้ใส่ได้รวมกันสูงสุด 24 GB) อีกทั้งไม่รองรับการใส่ฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5″ เหมือนกับตัว TUF Gaming A15 อีกด้วย ซึ่งก็เป็นปกติและเป็นอะไรที่รับได้
Performance / Software
สำหรับ ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) มาพร้อมกับชิปประมวลผลรุ่นยอดนิยมของ Gaming Notebook อย่าง Intel Core i Gen 10H อย่าง Core i7-10875H เน้นนำไปใช้งานหนักๆ มากกว่ารุ่นยอดนิยมอย่าง Core i7-10750H ที่ใช้กันในหลายแบรนด์ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม 3 มิติ ที่กินทรัพยากรสูง โดยมีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.30 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 5.10 GHz เป็นซีพียูแบบ 8 Core 16 Threads มาพร้อมแรมภายในขนาด 16GB DDR4 Bus 3200 MHz แบบ 8GB x 2 แถว ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้ใช้งานลื่นไหลทันทีแบบสบายๆ
การ์ดจอเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น โดยมีการ์ดจอแยกตัวแรงระดับบนอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2060 ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ และแรงกว่า GTX 1070 แบบรู้สึกได้จากการที่สามารถขับเฟรมเรทได้ลื่นไหล โดยเป็นรอง RTX 2070 พร้อมมีฟีเจอร์อย่างที่ใน RTX Series มี ตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว
พร้อมกันนั้นยังมาเทคโนโลยี“ Ray Tracing” ที่สามารถแสดงผลการติดตามแสงของวัตถุ และสภาพแวดล้อมในแบบเรียลไทม์ ระหว่างกระบวนการเรนเดอร์กราฟิกสามารถคำนวณการสะท้อน และหักเหแสงได้อย่างถูกต้อง ครอบคลุมทั้งแสง และเงาทางกายภาพ ทำให้เกมนั้นสมจริงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เหนือชั้นกว่าการ์ดจอ GTX Series ก่อนหน้านี้ทีเดียว ที่ไม่ใช่แค่ลื่นไหลแต่สวยสมจริงยิ่งกว่าด้วย
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูง เป็นที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าพอตัว รวมไปถึงตัวการ์ดจอแยกเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น (แต่ออนชิปคือตัวเดิมนะ) เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก สมกับเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10875H จริงๆ
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 1TB แบบ M.2 NVMe PCIe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 1896MB/s และเขียนที่ 1746MB/s ซึ่งถ้าใครอยากเพิ่มความจุของที่เก็บข้อมูลก็สามารถอัพเกรดใส่ SSD M.2 ได้อีกตัวด้วย
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ของ ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 5,092 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีการ์ดจอแยกอย่าง RTX 2060 ร่วมกับชิปประมวลผลตัวแรงจัดกับ Core i7-10875H ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปมากพอสมควร ระดับเทียบเท่า Desktop ไปแล้ว ฉะนั้นการใช้งานพื้นฐานหรือทำงานหนักๆ สอบผ่านได้สบายๆ
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ สำหรับ ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) บทความละเอียด Full HD จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 80 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10875H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce RTX 2060 ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 16GB DDR4 Bus 3200MHz รวมไปถึง SSD NVMe PCIe ความจุ 1TB ก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Resident Evil 3 Remake / GTA V / Battlefield V/ FarCry 5 ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล (แน่นอนว่าถ้าเล่นที่ความละเอียด 3840 x 2160 พิกเซล จะไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร) โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว แม้การทดสอบจะไม่ได้เปิด DLSS / Ray Tracing ที่ RTX Series รองรับ ก็ให้ภาพสวยงามไม่แพ้กัน แถมไม่กินทรัพยากรเครื่องเพิ่มเติมด้วย ส่งผลให้ค่าเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 80 – 90 ขึ้นไป
เกมออนไลน์กินสเปกน้อยลงมาอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซลเช่นกัน ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 100 ขึ้นไปตลอด ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แบบไร้กังวล
นอกเหนือจากนี้ ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) ยังมี Armory Crate ซอฟต์แวร์ Utility ที่ยกมาจาก ROG รุ่นอื่นๆ ซึ่งรวบรวมเอาฮาร์ดแวร์ต่างๆของ ROG มาไว้บนยูทิลิตี้เดียว ทำให้สามารถเข้าถึงฟังค์ชั่นต่างๆได้อย่างง่ายดาย การตั้งค่าต่างๆ ของระบบร อาทิ ผู้ใช้สามารถบันทึกการตั้งค่าต่างๆตามความชอบเป็นรูปแบบได้หลายโปรไฟล์ ซึ่งการตั้งค่าต่างๆ จะถูกเรียกใช้งานโดยอัตโนมัติเมื่อมีการเปิดเกมที่ได้เลือกไว้ Armoury Crate ยังมาพร้อมกับโปรแกรมเสริม Mobile Dashboard สำหรับ Android และ iOS รวมไปถึงความสามารถอื่นๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้นจากการอัพเดทในอนาคต
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) เครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวประมาณ 7 ชั่วโมงกว่าทีเดียว ดังนั้นเวลาใช้งานจริงโดยปรับความสว่างหน้าจอและเสียงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจะทำให้แบตเตอรี่มีระยะเวลาใช้งานยาวนานน้อยกว่านี้ ถือว่าใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานกว่าโน๊ตบุ๊คในสเปกที่ใกล้เคียงกัน
ที่สำคัญยังเป็น Gaming Notebook ที่รองรับ USB Power Delivery (พอร์ตทางขวาของตัวเครื่อง ฟอร์มคือ USB-C) ทำให้ ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) สามาถชาร์จไฟจากอุปกรณ์สำรองไฟภายนอกได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องปลั๊กไฟอีกต่อไป รองรับระบบชาร์จเร็วที่สามารถชาร์จไฟกลับให้กับสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อื่นได้โดยมีกำลังไฟสูงสุดถึง 3A และยังสามารถพกพาไปทำงานได้ทุกวันด้วยอแดปเตอร์ 65W ขนาดเล็กซึ่งบันเดิลมาแล้ว ได้ความเบาและสะดวกสบายยิ่งกว่า หรือแม้แต่ใช้ Power Bank ที่รองรับในการใช้ USB Power Delivery ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน
สำหรับอุณหภูมิของ ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) เมื่อใช้งานแบบปกติชิปประมวลผลจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 50 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 30 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัด ซึ่งทั้งหมดนี้ดูผ่านทางซอฟต์แวร์ Core Temp เพื่อดูว่าชิปประมวลผล CPU ว่าจะร้อนที่สุดเย็นที่สุดเท่าไรในการใช้งานจริงๆ
ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของตัวเครื่องสำหรับซีพียู อยู่ที่ไม่เกิน 95 องศาเซลเซียส ที่ต้องบอกว่าค่อนข้างเย็นทีเดียวถ้าเทียบความแรงที่ได้จากรุ่นก่อนๆ ส่วนที่เป็นการ์ดจอจะอยู่ที่ 86 องศาเซลเซียสเท่านั้น โดยดูผ่านทาง Hardware Monitor นับว่ามีความเย็นพอตัว จากกที่เป็นการ์ดจอรุ่นใหม่ ส่วนเสียงพัดลมก็ดังพอสมควร จากการที่เปิดฟีเจอร์ Turbo พร้อมเพิ่มรอบพัดลมเป็น 6,000 รอบต่อวินาที จากการที่มีพัดลม 2 ตัว แต่ก็ไม่ถือว่ารบกวนอะไรมากมายสำหรับคนที่เล่นเกมอยู่แล้ว โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้อย่างไม่น่าเป็นห่วง
Conclusion / Award
ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) นั้นถือว่าเป็น Gaming Notebook สำหรับการเล่นเกมเน้นความบางเบา พร้อมรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ด้วยการพกพาที่สะดวกสบาย ต่อยอดมาจากรุ่นปีก่อนๆ ซึ่งยังมีกลิ่นอายที่คล้ายเดิม แต่ก็ได้มีการปรับรูปลักษณ์ภายนอกในหลายๆ ส่วน พร้อมอัพเกรดหน้าจอเป็น 4K UHD คุณภาพสูงสุด โดยมีน้ำหนักแค่ 1.9 กิโลกรัมเท่านั้น อีกทั้งยังมีความบางตัวเครื่องเพียง 18.9 มิลลิเมตร ที่มีประสิทธิภาพซึ่งสามารถที่จะใช้งานได้ในระยะยาวโดยน่าจะรองรับกับเกมใหม่ๆ 2 – 3 ปีนี้ได้อย่างสบาย โดยเรื่องดีไซน์ก็มีข้อสังเกตุเล็กๆ น้อยๆ จากการที่ขอบหน้าจอบางมากๆ ทำให้ทาง ASUS เลือกตัดกล้องเว็บแคมออกไป แต่ก็ได้แก้ไขด้วยการบันเดิลอุปกรณ์กล้องเว็บแคมแบบแยก ที่ตั้ง สาย USB มาให้เลย รวมไปถึงยังมีอแดปเตอร์ USB-PD 65W มาให้ พร้อมใช้งานพกพาด้วยเลย
แน่นอนว่า ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) เป็นการมาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ที่เป็น Core i Gen 10H บนแรม DDR4 Bus 3200MHz ที่ขนาด 16GB และการ์ดจอตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2060 สำคัญคือควบคุมความร้อนได้แบบมีเสถียรภาพผ่านชุดระบายความร้อน ROG Intelligent Cooling ที่ร่วมกับการติดตั้ง Liquid Metal (Thermal Grizzly Conductonaut) ทำให้แม้สเปกจะจัดเต็มเหมือน Gaming Notebook เครื่องหนาๆ หนักๆ ก็สามารถจัดการควบคุมอุณหภูมิได้เป็นอย่างดี พร้อมใช้งานแบตเตอรี่ได้อย่างน่าประทับใจ ที่ยาวนานกว่า 7 ชั่วโมงในการใช้งานทั่วไป เรียกได้ว่าเล่นเกมก็ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยม ส่วนเอาไปใช้งานพกพานอกสถานที่ก็ตอบสนองเป็นอย่างดี
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ ROG โน๊ตบุ๊คสายคุ้มค่ามาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบเล่นเกม ฝาหลังลวดลาย Rainbow-like dots สีสัน Prism black ที่สำคัญคือขอบจอบาง ทำให้มิติตัวเครื่องใกล้เคียงพวกจอ 14″ แถมน้ำหนักเบาแค่ 1.9 กิโลกรัมเท่านั้น โดยตัวเครื่องบางเพียง 18.9 มิลลิเมตรเท่านั้น พกพาได้สะดวกมากๆ
Best Performance
ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) สเปคเป็น Intel Core i7-10875H + NVIDIA GeForce RTX 2060 + จอ IPS 4K UHD ขอบหน้าจอบาง + แรม 16GB + SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB + มี Windows 10 แท้ แถมได้การรับประกันอุบัติเหตุฟรี 1 ปีแรกอีกด้วย ในราคา 69,900 บาท ที่สำคัญได้ความเป็น ROG Zephyrus ที่พรีเมียม บางเบา เรียกได้ว่าคุ้มค่าจนหาตัวจับได้อยากทีเดียว สำหรับ Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ แบบนี้ปกติแล้วจะได้ Full HD เท่านั้น แต่รุ่นนี้เน้นการแสดงผลภาพดีมาก ทั้งทำงานหรือเล่นเกมก็สมบูรณ์แบบ
Best Mobility
ปัจจัยสำคัญของด้าน Mobility ก็คือขนาดที่กะทัดรัดที่ได้ตัวเครื่องบางเบาเหนือชั้นกว่า Gaming Notebook ทั่วไป อีกทั้งได้แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานกว่ากว่า 7 ชั่วโมง อีกทั้งรองรับการชาร์จไฟผ่านทาง USB-PD ที่ทั้งง่ายและสะดวก และการเชื่อมต่อแบบไร้สายที่ครอบคลุม ซึ่ง ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) ตอบโจทย์ได้อย่างครบถ้วนครับ กับตัวเครื่องบางเบา และการเชื่อมต่อแบบไร้สายที่รองรับทั้ง Wi-Fi 6 AX รวมถึง Bluetooth 5.1 หรือหากต้องการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริม ตัวเครื่องก็ยังมีพอร์ตที่ครบครันสำหรับการใช้งานทั่วไปด้วยเช่นกัน
Unbox Preview
NBS Verdict
ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) นับได้ว่าเป็น Gaming Notebook ที่ติดตั้งที่สุดของคุณภาพหน้าจอ 4K UHD มาตรฐานค่าขอบเขตสีใกล้เคียง 100% Adobe RGB พร้อม Pantone Validated สเปกภายในเป็น Core i7-108750H + GeForce RTX 2060 ที่ติดตั้ง Liquid Metal (Thermal Grizzly Conductonaut) ที่สุดแห่งการระบายความร้อนสำหรับชิปประมวลผล ทำงานร่วมกับ ROG Intelligent Cooling เทคโนโลยีการระบายความร้อนสุดชาญฉลาด อีกทั้งจัดเต็มด้วยของบันเดิลมากมาย ทั้งกล้องเว็บแคมทำให้ข้อสังเกตส่วนนี้หายไป และได้อแดปเตอร์ PD (65W) มาให้ฟรีๆ ด้วย
ดีไซน์ภายนอกบางเบาตามสไตล์ Zephyrus ด้วยความหนาเพียง 18.9 มม. โครงสร้างหลักผลิตด้วยแมกนีเซียมผสมให้ความแข็งแกร่งแต่น้ำหนักเบาไม่ถึง 2 กก. สี Prism black ดีไซน์สะกดทุกสายตา ผสานความดุดันเข้ากับลวดลายปริซึมสุดเท่ โดดเด่นเมื่อมีแสงตกกระทบ เรียบหรูแต่พิเศษไม่เหมือนใคร การเชื่อมต่อครบครัน โดดเด่นด้วย Thunderbolt 3 ในรูปแบบ USB-C รองรับการชาร์จแบบ PD (65W) Audio output ระดับ Hi-Res ติดตั้งมาพร้อมด้วย ESS Sabre HiFi DAC ที่สำคัญได้ความพรีเมียมทั้งตัวคียบอร์ด Per-Key RGB ที่สามารถเปลี่ยนสีแต่ละปุ่มผ่านทาง Armory Crate
จุดเด่นของ ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) ที่เหนือกว่า Gaming Notebook กลุ่มคุ้มค่าก็คือ ได้ความเป็น ROG ที่พรีเมียม เน้นทำงานเป็นหลักเล่นเกมเป็นรอง พร้อมตัวเครื่องบางเบา แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน ประสิทธิภาพดีลื่นไหล พอร์ตการเชื่อมต่อครบครัน อย่างที่หาใน Gaming Notebook ราคาถูกอย่าง TUF Gaming ไม่ได้ ในส่วนของประสิทธิภาพการเล่นเกมก็ดีเยี่ยม (บนความละเอียด Full HD) เมื่อเทียบกับประสบการณ์การใช้งานที่พกพาไปไหนมาไหนได้ง่ายและสะดวกกว่าโน๊ตบุ๊คเครื่องหนาๆ แบบสมัยก่อน อย่างไรก็ตามในส่วนของข้อสังเกตุก็มีอยู่ คือในส่วนของ SSD M.2 NVMe มีความเร็วที่น้อยไปหน่อย น่าจะได้ความเร็วระดับ 2xxx MB/s แล้ว รวมไปถึงไม่มีช่อง SD Card Reader เผื่อกรณีคนที่ต้องการใช้งานก็ต้องรับให้ได้ด้วย
จุดเด่น
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจตามสไตล์ ROG รุ่นใหม่ปี 2020 พร้อมงานประกอบแน่นวัสดุดี
- ขอบหน้าจอบางพิเศษ มิติเทียบเท่ารุ่น 14″ ตัวเครื่องบางเฉียบ เบาแค่ 1.9 กิโลกรัม
- ประสิทธิภาพสูงด้วยชิปประมวลผล Intel Core i7-10875H ที่แรงกว่า Core i7-10750H
- การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 2060 ขับเคลื่อนหน้าจอความละเอียดสูงได้ดีเยี่ยม
- แรมขนาด 16GB DDR4 Bus 3200MHz (8GB x2) เพียงพอต่อการใช้งาน อัพได้สูงสุด 24 GB
- ติดตั้ง SSD M.2 NVMe ความจุ 1TB รองรับการเพิ่มอีก 1 ตัวทันที
- ได้หน้าจอพาเนล IPS คุณภาพดีเยี่ยม ความละเอียด 4K UHD
- อุณหภูมิในการใช้งานถือว่าเย็น ไม่ร้อนจนเกินไป
- พอร์ตการเชื่อมต่อครบครันทั้ง Thunderbolt 3 ที่รองรับทั้งต่อจอและชาร์จไฟผ่าน USB-PD
- การเชื่อมต่อไร้สายดีที่สุดด้วย Wi-Fi 6 AX และ Bluetooth 5.1
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 7 ชั่วโมง
- มีซอฟต์แวร์ Armory Crate มาช่วยปรับแต่งการใช้งาน
- มาพร้อม Windows 10 ใช้งานได้ทันที
- ประสบการณ์ใช้งานดีเยี่ยม ประทับใจมาก ทั้งเล่นเกมหรือทำงาน
- ประกัน 2 ปี ส่งศูนย์ พร้อมฝากส่งเคลม 7-11 และมีประกันอุบติเหตุ 1 ปี
ข้อสังเกต
- SSD M.2 NVMe ที่ติดตั้งมาให้ ความเร็วน้อยไปหน่อย
- ไม่มี SD Card Reader ไว้เชื่อมต่อกับการ์ดกล้องดิจิตอล
- แรม 8GB ที่ให้มาเป็นแบบฝังบอร์ด อัพเกรดได้แค่ 1 แถว
- ในการเล่นเกมควรปรับเป็นความละเอียด Full HD ก็เพียงพอ
- ไม่มีรุ่นหน้าจอ Full HD ทีได้ Refresh Rate สูงๆ ให้เลือก
Specification
ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) ที่ได้รับมารีวิวนั้นเป็นสเปกขายจริงและขณะนี้มีจำหน่ายเพียงรุ่นเดียว โดยใช้ชิประมวลผลรุ่นล่าสุดอย่าง Intel Core i Gen 10H ในรุ่น Core i7-10875H ทำงานที่ความเร็ว 2.30 – 5.10 GHz แบบ 8 คอร์ 16 เธร์ด ซึ่งให้ความแรงและ Core การทำงานที่มากกว่า i7-10750H ทำงานร่วมกับการ์ดจอระดับสูงรุ่นใหม่อย่าง NVIDIA GeForce RTX 2060 (6GB GDDR6) เป็นตัวแรงเริ่มต้นของ RTX Series สนับสนุนประสิทธิภาพในการทำงานหนักๆ หรือเล่นเกมได้ดีเยีย่มแรมมาตรฐานเป็น DDR4 Bus 3200MHz ขนาด 16GB พร้อม SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB ที่เหลือเฟือกับทุกๆ การใช้งาน
มีหน้าจอขนาด 15.6″ มาตรฐาน 4K Ultra HD ความละเอียดสูงระดับ 3840 x 2160 พิกเซล พาเนล IPS คุณภาพสูง ค่าขอบเขตสี 100% Adobe RGB พร้อมได้ Pantone Validated ส่งผลให้เราได้พบประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยม ใครจะเอาไปทำงานหรือเล่นเกมอันนี้ไม่ว่ากัน ลำโพงของตัวเครื่องใช้เป็นแบบสเตอริโอ โดยมีระบบเสียง Hi-Res ติดตั้งมาพร้อมด้วย ESS Sabre HiFi DAC พร้อมด้วยกล้องเว็บแคมแบบแยกและมีไมค์ดิจิตอลแบบคู่ที่ตัวเครื่อง
ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง Thunderbolt 3, USB 3.1 Type-A และ LAN RJ45, Headset พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth V5.1 และ Wi-Fi 6 AX ได้ Windows 10 สนนราคา 69,990 บาท สำหรับการรับประกันเป็นระยะเวลา 2 ปี สามารถเคลมฝากผ่านร้าน 7-11 ได้ และประกันอุบัติเหตุ 1 ปีแรก เพียงแค่ลงทะเบียนในเว็บไซต์เท่านั้น
Hardware / Design
ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) เป็นซีรีส์ ROG ซึ่งเป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมที่เน้นความบางพร้อมความพรีเมียม โดยตัวเครื่องบางแค่ 18.9 มิลลิเมตร มาพร้อมน้ำหนักเบาที่ 1.9 กิโลกรัม รวมไปถึงแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า Gaming Notebook ทั่วไปกับขนาดหน้าจอขอบบางที่ 6.2 มิลลิเมตร ขนาด 15.6″ สัดส่วนเป็น 81% ของพื้นที่หน้าจอทั้งหมด ซึ่งที่ขอบจอด้านล่างมีการติดสติ๊กเกอร์บ่งบอกถึงฟีเจอร์ต่างๆ อาทิ AdobeRGB 100% UHD / Pantone validated / Hi-Res Audio / Thumderbolt / USB-PD / Wi-Fi 6 AX / Liquid Metal
ที่ความละเอียด 4K Ultra HD พาเนล IPS เกรดสูงเน้นงานระดับมืออาชีพ สีสัน Prism black ดีไซน์สะกดทุกสายตา ผสานความดุดันเข้ากับลวดลายปริซึมสุดเท่อย่าง Rainbow-like dots โดดเด่นเมื่อมีแสงตกกระทบ เรียบหรูแต่พิเศษไม่เหมือนใครแข็งแกร่งสไตล์ ROG ด้วยวัสดุเป็นโลหะ ส่วนภายในที่วางมือเป็นแบบซอฟต์ทัชให้ความพรีเมียมที่มากกว่า เรียกได้ว่าดูเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานสร้างสรรค์มากกว่า เป็น Gaming Notebook สายดุดันจริงจัง แตกต่างจาก ROG รุ่นอื่นๆ
ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) เลือกใช้วัสดุตัวเครื่องโดยรวมทั้งหมดด้วยแม็กนีเซียมอัลลอยด์ลักษณะโครงสร้างรังผึ้งที่มีคุณภาพสูง มีความแข็งแรงทนทานประมาณนึง โดยยังคงไว้ซึ่งการออกแบบที่สวยงาม ด้วยเส้นสายที่ทันสมัยและการตกแต่งเสริมความพรีเมียม ระบบระบายความร้อนที่มีความล้ำหน้าทำให้มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยมของทุกชิ้นส่วน พร้อมแผ่นโลหะสีเงินมันวาวที่มุมซ้ายล่างบ่งบอกความเป็น ROG สุดๆ สมกับเป็นการออกแบบและวิศวกรรมที่เป็นสัญลักษณ์แห่งคุณภาพของ Zephyrus Series ที่แตกต่างไม่ซ้ำใคร
ส่วนด้านฐานของตัวเครื่องวัสดุพลาสติกที่แข็งแรงงานประกอบเรียบร้อย พร้อมอากาศเย็นไหลผ่าน โดยมีระบบระบายความร้อน ROG Intelligent Cooling ที่ทำงานร่วมกับ Liquid Metal อย่าง Thermal Grizzly Conductonaut ช่วยนำพาความร้อน พร้อมช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่ 4 ช่อง 2 สองพัดลมขนาดใหญ่ พร้อมช่องไล่ฝุ่น Anti-Dust Cooling ส่งผลให้ไม่มีความร้อนสะสมขึ้นในอนาคต
กับช่องดูดลมเย็นอีก 3 ช่องด้านล่างใต้เครื่อง อีกทั้งยังมีช่องด้านบนเหนือคีย์บอร์ดมีช่องดูดลมอีกช่องช่วยนำพาอากาศเย็นเข้าไปอีก ส่วนถ้าจะอัพเกรดก็ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ขันน็อตไม่กี่ตัวจากนั้นค่อยๆ ดึงขึ้น รวมๆ แล้วต้องยอมรับว่าทาง ASUS นั้นใส่ใจในการออกแบบมาจริงๆ นอกจากที่อัพเกรดได้ไม่ยากแล้ว ยังทำความสะอาดได้สะดวกสบายอีกด้วย
โดยการใช้ Liquid Metal หรือโลหะเหลวในการเป็น Thermal Compound นี้ ค่อนข้างมีกระบวนการที่ยาก ซึ่งส่วนใหญ่มักจะต้องทำด้วยมือ ดังนั้น ASUS จึงต้องออกแบบระบบการทำงานแบบอัตโนมัติ เพื่อให้ทันกับปริมาณการผลิต Gaming Notebook แต่มีการควบคุมเป็นพิเศษ ด้วยการใช้แขนกลอัตโนมัติ ในการจุ่มแปรงลงไปใน Liquid Metal
และแปรงลงบนชิปประมวลผลทับไปมาถึง 17 ครั้ง เพื่อเคลือบหน้าสัมผัสของชุดระบายความร้อนและชิปประมวลผลให้ดียิ่งขึ้น สามารถชมจากวีดีโอขั้นตอนการติดตั้งตามด้านบนนี้ได้เลย เรียกได้ว่าตรงจุดนี้ทำให้ ASUS ROG ล้ำหน้ากว่า Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ อย่างชัดเจนทีเดียว (ชมวีดีโอ)
อย่างไรก็ตามแม้ ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) จะอยู่บนพื้นฐานการออกแบบของตระกูล ROG ที่เน้นสายเกมเมอร์ที่ต้องการประสบการณ์ใช้งานสูงเป็นหลัก ด้วยการ์ดจอ GeForce RTX 20 Series ที่ทรงประสิทธิภาพ แต่ใครจะเอาไปทำงานเบาๆ หรือทำงานหนักๆ รวมไปถึงพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ ก็สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ทั้งหมด ทั้งจากฟีเจอร์ ดีไซน์และสเปกแรงล้ำกว่าที่เคยมีมาทั้งหมด
รวมไปถึงหน้าจอก็ใหญ่ที่ 15.6″ แต่ตัวเครื่องเทียบเท่า 14″ ทำให้ใช้งานได้เต็มตามากขึ้น ที่สำคัญอีกหนึ่งอย่างก็คือ มีสติ๊กเกอร์ในส่วนของ Intel Core i Gen 10H และ NVIDIA GeForce RTX ติดมาคู่กันในตำแหน่งใต้คีย์บอร์ดด้านขวาด้วย นับว่าเป็น CPU / GPU ที่จับคู่กันได้ดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการรับประกับอุบัติเหตุ 1 ปีแรก อย่าง Perfect Warranty เพียงแค่ลงทะเบียนในเว็บไซต์เท่านั้น
สรุปปิดท้ายสำหรับการดีไซน์และออกแบบตัวเครื่องของ ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) ต้องบอกว่า ASUS ทำการบ้านมาเป็นอย่างดีในปี 2020 ต่อยอดด้วยวัสดุคุณภาพสูงและสวยงามน่าประทับใจ ประกอบกับการดีไซน์ที่ตอบสนองความต้องการของเกมเมอร์ที่ต้องการ Gaming Notebook บางเบาได้อย่างลงตัว ส่งผลให้เสริมประสบการณ์ใช้งานยิ่งขึ้นไปอีก จากแต่ก่อนแทบเป็นไปไม่ได้ที่ความแรงระดับนี้ จะอยู่บนโน๊ตบุ๊คเล่นเกมตัวเครื่องที่บางและเบาแบบนี้ พร้อมตอบโจทย์คนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คที่เล่นเกมได้เยี่ยมและทำงานได้ดี ฟีเจอร์ครบครัน จบในเครื่องเดียว
Keyboard / Touchpad
ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) ใช้ Per-Key RGB Gaming Keyboard สามารถเปลี่ยนสีแต่ละปุ่ม ตามใจของผู้ใช้หลากหลายรูปแบบ และยังปรับแต่ง Macrokeys บนคีย์บอร์ดเพื่อใช้ในเกมหรือซอฟแวร์ต่างๆ พร้อมแป้นที่ใหญ่พิเศษ โดยพัฒนาและออกแบบมาให้ ASUS ROG โดยเฉพาะ ทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมๆ กันแต่ละปุ่มมีมุมโค้งขนาด 0.25 มิลลิเมตร เข้ากับนิ้วมือเวลากดลงไปสุดๆ โดยระยะของปุ่มที่เลื่อนลงไปเพียง 1.8 มิลลิเมตร พร้อมเทคโนโลยี OverStroke เพื่อการกดรัวที่ดียิ่งขึ้นด้วยปุ่ม N-key rollover & anti-ghosting และอายุคีย์บอร์ดที่สามารถกดได้ 20 ล้านครั้ง
ทัชแพดเองขนาดใหญ่แบบซ่อนปุ่ม ซึ่งการใช้งานสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นสะดวกสบาย ปุ่มนุ่มกดง่าย การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจมาก ที่สำคัญมีในส่วนของปุ่มลัดบนคีย์บอร์ดอย่าง F5 ทำให้ผู้ใช้สามารถสลับเปลี่ยนโหมดการใช้งานระหว่าง Turbo สำหรับประสิทธิภาพในการเล่นเกมระดับสูงสุด, Silent mode สำหรับเสียงรบกวนที่น้อยที่สุด, และ Balanced mode / Windows เพื่อความสมดุลในการใช้งาน
Screen / Speaker
ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) มีหน้าจอขอบจอบางเฉียบเพียง 6.2 มิลลิเมตรทั้งขอบด้านข้างและด้านบนทำให้ไม่มีกล้องเว็บแคม แต่ในบันเดิลก็ให้กล้องเว็บแคมแบบแยกมาให้ด้วย (ส่วนไมคโครโฟนแบบคู่ติดตั้วขอบจอด้านล่าง) ขนาด 15.6″ ความละเอียด 4K Ultra HD (3340 x 2160 พิกเซล) พาเนลเป็น IPS คุณภาพดีที่สุด มุมมองกว้าง พื้นผิวจอแบบด้าน Anti-Glare รวมๆ ทั้งสีสันความคมชัดแล้วจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม พร้อมได้รับการรับรองความเที่ยงตรงของสีจาก PANTONE ให้ช่วงสี AdobeRGB ใกล้เคียง 100% และค่าความผิดเพี้ยนของสี (Delta-E) น้อยกว่า 1.5 ซึ่งให้ความแม่นยำของสีที่ยอดเยี่ยมสำหรับภาพที่มีความละเอียดสูง ถือว่าในการเน้นทำงานจริงๆ จังๆ ดีกว่ามาตรฐานของโน๊ตบุ๊คทั่วไปหรือ Gaming Notebook มากทีเดียว
ทดสอบหน้าจอของ ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite ซึ่งผลการทดสอบให้ขอบเขตความกว้างของสีสัน Gamut เทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB 98% และ AdobeRGB 93% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับที่ดีเยี่ยมเหนือชั้นกว่าโน๊ตบุ๊คทั้งหมดในตลาด โดยให้ความแม่นยำและเที่ยงตรงใกล้เคียงกับ sRGB 100% ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คทั่วไป คือ สู้แสงกลางแจ้งได้แบบชัดเจน รวมไปถึงการทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพก็สามารถทำได้ดีเช่นกัน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องล่างมุมซ้ายเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ 300 cd/m2 แต่สำหรับช่องมุมบนขวาและช่องกลางจะมีแสงสว่างที่ลดลงระดับ 11% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ตัวเครื่องมีช่องลำโพงคู่อยู่ขอบตัวเครื่องข้างๆ ซ้ายขวา คุณภาพสูง พร้อม Smart Amp เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ระบบเสียงชั้นยอดอีกด้วย ให้เสียงคมชัด เพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมให้ถึงใจยิ่งขึ้น ให้ขอบเขตเสียงที่กว้าง จากการที่เสียงกลางแหลมออกชัดเจนดี ส่วนทุ้มมีออกมาหน่อยๆ แม้จะมีลำโพงซัฟวูฟเฟอร์ก็ตาม ที่สำคัญยังได้ชิป DAC แบบ Hi-Fi จาก ESS Sabre ช่วยขับเสียงให้มีรายละเอียดที่ดียิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นเสียงย่านสูงหรือต่ำสำหรับผู้ที่จริงจังกับคุณภาพ พร้อมเปิดประสบการณ์การใช้หูฟังที่ให้เสียงโอบล้อมแบบ 7.1 ch ด้วยซอฟต์แวร์ Sonic Studio III อีกด้วย
Connector / Thin And Weight
มาดูทางด้านพอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) กันบ้าง ซึ่งเครื่องนี้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6″ ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อมาให้ครบครับใช้ได้เลยทีเดียว สมกับการเป็น Gaming Notebook ระดับพรีเมียม โดยตัวพอร์ตจะอยู่ด้านซ้ายมือตัวเครื่องทั้งหมด มีทั้ง USB 3.2 Type-A จำนวน 3 พอร์ต, Thunderbolt 3 (USB 3.1 Gen2 Type-C / DisplayPort 1.4 / USB-PD 3.0 up to 65W) พร้อมช่องต่อหูฟังกับไมค์แบบแยกออกจากกันขนาด 3.5 มิลลิเมตร 2 ช่อง, LAN RJ45 และ HDMI ส่วน Kensington จะอยู่ที่ด้านขวา
ในส่วนของการเชื่อมต่อไร้สายจะใช้ Bluetooth 5.1 และ Wi-Fi 6 AX (with Gig+ performance) ซึ่งจะช่วยให้การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตให้มีความสเถียรมากยิ่งขึ้น ส่วนขนาดของตัวเครื่อง 360 x 252 x 18.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1.9 กิโลกรัม ถือว่าค่อนข้างเบาเลยทีเดียว เมื่อเทียบกับ Gaming Notebook อื่นๆ และเมื่อรวมกับอแดปเตอร์ชาร์จไฟขนาด 230 W เข้าไปด้วยจะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 2.4 กิโลกรัมเท่านั้น หรืออแดปเตอร์ USB-C ที่บันเดิลมาพร้อมกับตัวเครื่อง พอแบกพกพาไปไหนมาไหนได้อยู่ไม่หนักมาก
Inside / Upgrade
การแกะเครื่อง ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) เพื่อทำการอัพเกรดนั้นทำง่ายมากเพียงแกะน็อตออกทุกตัว โดยจะมีมุมอยู่ 1 ตัวเด้งขึ้นมา ทำให้ช่วยเราแกะง่ายยิ่งขึ้น เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ ถูกออกแบบจัดระเบียบได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว โดยภายในตัวเครื่อง ติดตั้งซิลิโคนแบบโลหะเหลวซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดทำให้อุณหภูมิของชิปประมวลผล CPU ลดลง ขณะเดียวกัน พัดลมคู่ที่มีใบพัด n-Blade มากถึง 83 ใบ เพิ่มอัตราการไหลเวียนของอากาศ พร้อมทั้งยังมีโมดูลระบายอากาศที่ขับฝุ่นออกจากระบบและทำความสะอาดตัวเอง และจุดสังเกตที่เปลี่ยนไปคือตัวเครื่องเลือกใช้ฮีทไปป์ 6 เส้น เรียกได้ว่าเอาอยู่กับสเปกแบบนี้แล้ว
ซึ่งหลังจากที่แกะออกมาแล้วนั้นจะเห็นแผ่นสีดำ สีเทาแปะติดไว้อยู่ในหลายๆ ส่วนเพื่อกันไฟฟ้าสถิต และในส่วนของฮาร์ดแวร์ที่สามารถทำการอัพเกรดคือมีช่องใส่ SSD M.2 NVMe มาให้อีก 1 ช่อง โดยเดิมๆ ให้มาแล้ว 1 สล็อตอยู่แล้ว ที่ความจุ 1TB (รวมเป็น 2) ส่วนแรมจากสเปกคือขนาด 16GB โดยมีเพียงสล็อตเดียว ซึ่งใส่มาแล้ว 8GB เพราะแรม 8GB ติดเครื่องมาเป็นแบบฝั่งบอร์ดจากที่เป็น Gaming Notebook บางเบานั่นเอง (ได้ใส่ได้รวมกันสูงสุด 24 GB) อีกทั้งไม่รองรับการใส่ฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5″ เหมือนกับตัว TUF Gaming A15 อีกด้วย ซึ่งก็เป็นปกติและเป็นอะไรที่รับได้
Performance / Software
สำหรับ ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) มาพร้อมกับชิปประมวลผลรุ่นยอดนิยมของ Gaming Notebook อย่าง Intel Core i Gen 10H อย่าง Core i7-10875H เน้นนำไปใช้งานหนักๆ มากกว่ารุ่นยอดนิยมอย่าง Core i7-10750H ที่ใช้กันในหลายแบรนด์ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม 3 มิติ ที่กินทรัพยากรสูง โดยมีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.30 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 5.10 GHz เป็นซีพียูแบบ 8 Core 16 Threads มาพร้อมแรมภายในขนาด 16GB DDR4 Bus 3200 MHz แบบ 8GB x 2 แถว ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้ใช้งานลื่นไหลทันทีแบบสบายๆ
การ์ดจอเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น โดยมีการ์ดจอแยกตัวแรงระดับบนอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2060 ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ และแรงกว่า GTX 1070 แบบรู้สึกได้จากการที่สามารถขับเฟรมเรทได้ลื่นไหล โดยเป็นรอง RTX 2070 พร้อมมีฟีเจอร์อย่างที่ใน RTX Series มี ตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว
พร้อมกันนั้นยังมาเทคโนโลยี“ Ray Tracing” ที่สามารถแสดงผลการติดตามแสงของวัตถุ และสภาพแวดล้อมในแบบเรียลไทม์ ระหว่างกระบวนการเรนเดอร์กราฟิกสามารถคำนวณการสะท้อน และหักเหแสงได้อย่างถูกต้อง ครอบคลุมทั้งแสง และเงาทางกายภาพ ทำให้เกมนั้นสมจริงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เหนือชั้นกว่าการ์ดจอ GTX Series ก่อนหน้านี้ทีเดียว ที่ไม่ใช่แค่ลื่นไหลแต่สวยสมจริงยิ่งกว่าด้วย
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูง เป็นที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าพอตัว รวมไปถึงตัวการ์ดจอแยกเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น (แต่ออนชิปคือตัวเดิมนะ) เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก สมกับเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10875H จริงๆ
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 1TB แบบ M.2 NVMe PCIe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 1896MB/s และเขียนที่ 1746MB/s ซึ่งถ้าใครอยากเพิ่มความจุของที่เก็บข้อมูลก็สามารถอัพเกรดใส่ SSD M.2 ได้อีกตัวด้วย
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ของ ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 5,092 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีการ์ดจอแยกอย่าง RTX 2060 ร่วมกับชิปประมวลผลตัวแรงจัดกับ Core i7-10875H ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปมากพอสมควร ระดับเทียบเท่า Desktop ไปแล้ว ฉะนั้นการใช้งานพื้นฐานหรือทำงานหนักๆ สอบผ่านได้สบายๆ
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ สำหรับ ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) บทความละเอียด Full HD จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 80 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10875H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce RTX 2060 ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 16GB DDR4 Bus 3200MHz รวมไปถึง SSD NVMe PCIe ความจุ 1TB ก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Resident Evil 3 Remake / GTA V / Battlefield V/ FarCry 5 ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล (แน่นอนว่าถ้าเล่นที่ความละเอียด 3840 x 2160 พิกเซล จะไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร) โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว แม้การทดสอบจะไม่ได้เปิด DLSS / Ray Tracing ที่ RTX Series รองรับ ก็ให้ภาพสวยงามไม่แพ้กัน แถมไม่กินทรัพยากรเครื่องเพิ่มเติมด้วย ส่งผลให้ค่าเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 80 – 90 ขึ้นไป
เกมออนไลน์กินสเปกน้อยลงมาอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซลเช่นกัน ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 100 ขึ้นไปตลอด ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แบบไร้กังวล
นอกเหนือจากนี้ ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) ยังมี Armory Crate ซอฟต์แวร์ Utility ที่ยกมาจาก ROG รุ่นอื่นๆ ซึ่งรวบรวมเอาฮาร์ดแวร์ต่างๆของ ROG มาไว้บนยูทิลิตี้เดียว ทำให้สามารถเข้าถึงฟังค์ชั่นต่างๆได้อย่างง่ายดาย การตั้งค่าต่างๆ ของระบบร อาทิ ผู้ใช้สามารถบันทึกการตั้งค่าต่างๆตามความชอบเป็นรูปแบบได้หลายโปรไฟล์ ซึ่งการตั้งค่าต่างๆ จะถูกเรียกใช้งานโดยอัตโนมัติเมื่อมีการเปิดเกมที่ได้เลือกไว้ Armoury Crate ยังมาพร้อมกับโปรแกรมเสริม Mobile Dashboard สำหรับ Android และ iOS รวมไปถึงความสามารถอื่นๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้นจากการอัพเดทในอนาคต
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) เครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวประมาณ 7 ชั่วโมงกว่าทีเดียว ดังนั้นเวลาใช้งานจริงโดยปรับความสว่างหน้าจอและเสียงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจะทำให้แบตเตอรี่มีระยะเวลาใช้งานยาวนานน้อยกว่านี้ ถือว่าใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานกว่าโน๊ตบุ๊คในสเปกที่ใกล้เคียงกัน
ที่สำคัญยังเป็น Gaming Notebook ที่รองรับ USB Power Delivery (พอร์ตทางขวาของตัวเครื่อง ฟอร์มคือ USB-C) ทำให้ ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) สามาถชาร์จไฟจากอุปกรณ์สำรองไฟภายนอกได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องปลั๊กไฟอีกต่อไป รองรับระบบชาร์จเร็วที่สามารถชาร์จไฟกลับให้กับสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อื่นได้โดยมีกำลังไฟสูงสุดถึง 3A และยังสามารถพกพาไปทำงานได้ทุกวันด้วยอแดปเตอร์ 65W ขนาดเล็กซึ่งบันเดิลมาแล้ว ได้ความเบาและสะดวกสบายยิ่งกว่า หรือแม้แต่ใช้ Power Bank ที่รองรับในการใช้ USB Power Delivery ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน
สำหรับอุณหภูมิของ ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) เมื่อใช้งานแบบปกติชิปประมวลผลจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 50 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 30 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัด ซึ่งทั้งหมดนี้ดูผ่านทางซอฟต์แวร์ Core Temp เพื่อดูว่าชิปประมวลผล CPU ว่าจะร้อนที่สุดเย็นที่สุดเท่าไรในการใช้งานจริงๆ
ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของตัวเครื่องสำหรับซีพียู อยู่ที่ไม่เกิน 95 องศาเซลเซียส ที่ต้องบอกว่าค่อนข้างเย็นทีเดียวถ้าเทียบความแรงที่ได้จากรุ่นก่อนๆ ส่วนที่เป็นการ์ดจอจะอยู่ที่ 86 องศาเซลเซียสเท่านั้น โดยดูผ่านทาง Hardware Monitor นับว่ามีความเย็นพอตัว จากกที่เป็นการ์ดจอรุ่นใหม่ ส่วนเสียงพัดลมก็ดังพอสมควร จากการที่เปิดฟีเจอร์ Turbo พร้อมเพิ่มรอบพัดลมเป็น 6,000 รอบต่อวินาที จากการที่มีพัดลม 2 ตัว แต่ก็ไม่ถือว่ารบกวนอะไรมากมายสำหรับคนที่เล่นเกมอยู่แล้ว โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้อย่างไม่น่าเป็นห่วง
Conclusion / Award
ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) นั้นถือว่าเป็น Gaming Notebook สำหรับการเล่นเกมเน้นความบางเบา พร้อมรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ด้วยการพกพาที่สะดวกสบาย ต่อยอดมาจากรุ่นปีก่อนๆ ซึ่งยังมีกลิ่นอายที่คล้ายเดิม แต่ก็ได้มีการปรับรูปลักษณ์ภายนอกในหลายๆ ส่วน พร้อมอัพเกรดหน้าจอเป็น 4K UHD คุณภาพสูงสุด โดยมีน้ำหนักแค่ 1.9 กิโลกรัมเท่านั้น อีกทั้งยังมีความบางตัวเครื่องเพียง 18.9 มิลลิเมตร ที่มีประสิทธิภาพซึ่งสามารถที่จะใช้งานได้ในระยะยาวโดยน่าจะรองรับกับเกมใหม่ๆ 2 – 3 ปีนี้ได้อย่างสบาย โดยเรื่องดีไซน์ก็มีข้อสังเกตุเล็กๆ น้อยๆ จากการที่ขอบหน้าจอบางมากๆ ทำให้ทาง ASUS เลือกตัดกล้องเว็บแคมออกไป แต่ก็ได้แก้ไขด้วยการบันเดิลอุปกรณ์กล้องเว็บแคมแบบแยก ที่ตั้ง สาย USB มาให้เลย รวมไปถึงยังมีอแดปเตอร์ USB-PD 65W มาให้ พร้อมใช้งานพกพาด้วยเลย
แน่นอนว่า ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) เป็นการมาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ที่เป็น Core i Gen 10H บนแรม DDR4 Bus 3200MHz ที่ขนาด 16GB และการ์ดจอตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2060 สำคัญคือควบคุมความร้อนได้แบบมีเสถียรภาพผ่านชุดระบายความร้อน ROG Intelligent Cooling ที่ร่วมกับการติดตั้ง Liquid Metal (Thermal Grizzly Conductonaut) ทำให้แม้สเปกจะจัดเต็มเหมือน Gaming Notebook เครื่องหนาๆ หนักๆ ก็สามารถจัดการควบคุมอุณหภูมิได้เป็นอย่างดี พร้อมใช้งานแบตเตอรี่ได้อย่างน่าประทับใจ ที่ยาวนานกว่า 7 ชั่วโมงในการใช้งานทั่วไป เรียกได้ว่าเล่นเกมก็ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยม ส่วนเอาไปใช้งานพกพานอกสถานที่ก็ตอบสนองเป็นอย่างดี
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ ROG โน๊ตบุ๊คสายคุ้มค่ามาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบเล่นเกม ฝาหลังลวดลาย Rainbow-like dots สีสัน Prism black ที่สำคัญคือขอบจอบาง ทำให้มิติตัวเครื่องใกล้เคียงพวกจอ 14″ แถมน้ำหนักเบาแค่ 1.9 กิโลกรัมเท่านั้น โดยตัวเครื่องบางเพียง 18.9 มิลลิเมตรเท่านั้น พกพาได้สะดวกมากๆ
Best Performance
ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) สเปคเป็น Intel Core i7-10875H + NVIDIA GeForce RTX 2060 + จอ IPS 4K UHD ขอบหน้าจอบาง + แรม 16GB + SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB + มี Windows 10 แท้ แถมได้การรับประกันอุบัติเหตุฟรี 1 ปีแรกอีกด้วย ในราคา 69,900 บาท ที่สำคัญได้ความเป็น ROG Zephyrus ที่พรีเมียม บางเบา เรียกได้ว่าคุ้มค่าจนหาตัวจับได้อยากทีเดียว สำหรับ Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ แบบนี้ปกติแล้วจะได้ Full HD เท่านั้น แต่รุ่นนี้เน้นการแสดงผลภาพดีมาก ทั้งทำงานหรือเล่นเกมก็สมบูรณ์แบบ
Best Mobility
ปัจจัยสำคัญของด้าน Mobility ก็คือขนาดที่กะทัดรัดที่ได้ตัวเครื่องบางเบาเหนือชั้นกว่า Gaming Notebook ทั่วไป อีกทั้งได้แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานกว่ากว่า 7 ชั่วโมง อีกทั้งรองรับการชาร์จไฟผ่านทาง USB-PD ที่ทั้งง่ายและสะดวก และการเชื่อมต่อแบบไร้สายที่ครอบคลุม ซึ่ง ASUS ROG Zephyrus M15 (GU502LV) ตอบโจทย์ได้อย่างครบถ้วนครับ กับตัวเครื่องบางเบา และการเชื่อมต่อแบบไร้สายที่รองรับทั้ง Wi-Fi 6 AX รวมถึง Bluetooth 5.1 หรือหากต้องการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริม ตัวเครื่องก็ยังมีพอร์ตที่ครบครันสำหรับการใช้งานทั่วไปด้วยเช่นกัน