HP Pavilion Gaming 16 ปี 2020 ที่แนะนำเลยว่าควรอัพเกรดแรมจาก 8GB เป็น 16GB พร้อมรองรับ Dual Channel (มีผลดีกว่าแบบ Single Channel เสมอ) เพื่อการใช้งานและการเล่นเกมที่ลื่นไหล โดยเป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมขนาดหน้าจอ 16.1″ รุ่นแรกของโลก ต่อยอดมาจาก HP Pavilion Gaming 15 พร้อมอัพเดทสเปกใหม่ได้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10H อย่าง i7-10750H หรือ Core i5-10300H กับการที่เป็น Gaming Notebook คุ้มค่า
จับคู่มากับการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1650 Ti ตอบสนองทุกการใช้งานได้อย่างลงตัว เล่นเกมลื่นไหล ในดีไซน์ที่แตกต่างไปจาก Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ มีความสวย ทันสมัยให้ความดุดัน เนี๊ยบเฉียบ พร้อมเลือกใช้สีสันเป็นโทนดำแซมด้วยเขียว กับน้ำหนักที่ 2.35 กิโลกรัมความโดดเด่นยังเป็นเรื่องหน้าจอที่ได้เป็นพาเนล IPS ความละเอียด Full HD รองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz ได้ที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ใช้งานทันที (พร้อมรองรับการอัพเกรด HDD 2.5″ SATA 3 ได้ภายหลัง)
ที่เดิมๆ จากโรงงานจะมาพร้อมแรมขนาด 8GB DDR4 Bus 2933MHz (บอร์ดวิ่งแค่นี้ แต่จริงๆ แรมที่ใส่มาเป็น 3200MHz นะ) โดยพื้นฐานก็เพียงพอต่อการใช้งาน แต่จะดีกว่าถ้ามีการอัพเกรดแรมเพิ่ม โดยมีระบบปฏิบัตการ Windows 10 แท้ใช้งานได้ทันที สนนราคาขายจริงสเปกนี้อยู่ที่ 30,900 – 34,900 บาท (ต่างกันที่สเปกชิปประมวลผลเท่านั้น) การรับประกันที่เป็นแบบ On-site Service ระยะเวลา 2 ปี พร้อมบริการหลังการขายอื่นๆ
อย่างไรก็ตามด้วยแรมขนาด 8GB ในการใช้งานเล่นเกมจริงๆ อาจจะทำให้เครื่องยังลื่นไหลได้ไม่สุด แม้ในการใช้งานทั่วไปอย่างใช้งานเอกสาร เล่นอินเตอร์เน็ต ดูหนังฟังเพลง จะดูเหมือนว่าแรม 8GB จะพอเพียงแล้ว ในการเล่นเกมหรือประมวลผลหนักๆ เชื่อได้ว่าถ้าอัพเกรดแรมเป็น 16GB จะได้ต้องเฟรมเรทเพิ่มขึ้นแน่นอน
แต่จะเพิ่มขึ้นลื่นขึ้นมากน้อยแค่ไหน เดี๋ยวเราต้องไปติดตามกัน บทความนี้จะมาแนะนำกันตั้งแต่การแกะฝาล่างของเครื่อง HP Pavilion Gaming 16 กันด้วย บอกเลยว่าไม่ยากๆ ส่วนแรมที่เรานำมาอัพเกรดนั้นเป็นของ Kingston ขนาด 8GB DDR4 Bus 3200 MHz ซึ่งเป็นการซื้อตามร้าน JIB ราคา 1,290 บาท (เมื่อใส่กับเครื่องจะปรับลด Bus เหลือ 2933MHz เอง)
เป็นจุดเด่นที่สุดของ HP Pavilion Gaming 16 เลยก็ว่าได้ ด้วยการปรับหน้าจอให้ใหญ่กว่า Gaming Notebook รุ่นมาตรฐานทั่วไป ที่ปกติแล้วเป็นขนาด 15.6″ แต่ HP Pavilion Gaming 16 เป็นขนาด 16.1″ เรียกได้ว่าใหญ่ที่ 0.5″ ซึ่งดูแล้วเป็นทิศทางของ Gaming Notebook ในตลาดหลังจากนี้ด้วย คาดว่าในอนาคตหลายๆ แบรนด์น่าจะทยอยขยับหน้าจอเป็น 16.1″ กันหมดก็เป็นไปได้ (เป็นเรื่องเทคนิคทางการผลิตที่อาจจะคุ้มค่ากว่า 15.6″) แต่ที่แน่ๆ HP Pavilion Gaming 16 เป็นรุ่นแรกในตลาด
ในส่วนรายละเอียดอื่นๆ ก็ครบถ้วนด้วยกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอลในตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง 1 x USB 3.1 Type-C, HDMI, 2 x USB 3.1 Type-A, Kensington lock slot, RJ-45 , Headset พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 6 AX สนนราคาขายจริงสเปกนี้อยู่ที่ 30,900 – 34,900 บาท (ต่างกันที่สเปกชิปประมวลผลเท่านั้น) การรับประกันที่เป็นแบบ On-site Service ระยะเวลา 2 ปี
- Core i5-10300H / GTX 1650 Ti / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 16.1″ IPS 144Hz ราคา 30,900 บาท
- Core i7-10750H / GTX 1650 Ti / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 16.1″ IPS 144Hz ราคา 34,900 บาท
อย่างไรก็ตาม HP Pavilion Gaming 16 มีข้อสังเกตอยู่ในบ้าง ในเรื่องของการเชื่อมต่อก็ครบครันก็จริง แต่ยังมีการติดตั้ง USB 3.1 Type-A มาให้เพียง 2 พอร์ตเท่านั้น (บางแบรนด์ให้มา 3 – 4 พอร์ต) อีกทั้งตัวทัชแพดเองก็ไม่มีปุ่ม Hotkey หรือฟังก์ชั่นไว้ปิด และไฟคีย์บอร์ดก็ดับอัตโนมัติ 30 วินาทีเท่านั้น ที่ไม่สามารถตั้งค่าใดๆ ได้ รวมไปถึงดีไซน์มันเหมือนกับ HP Pavilion Gaming 15 เลย เรียกได้ว่าแทบแยกกันไม่ออก ทั้งหมดนี้สำหรับบางคนถือว่าพอมองข้ามได้อยู่ เมื่อเทียบกับข้อดีหลายๆ ส่วนและราคาที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้กลับมา
การแกะเครื่อง HP Pavilion Gaming 16 นั้นสามารถทำได้ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่ายเสียทีเดียว เพราะงานประกอบค่อนข้างแน่นหนา ต้องใช้ฝีมือและทักษะพอสมควร ซึ่งหลังจากถอดน็อตทุกตัวเสร็จหมดแล้ว ต้องใช้บัตรแข็งค่อยๆ รูดถอดออกที่ละส่วน จากขอบด้านหน้า ควรทำอย่างใจเย็น และขอบฝาด้านหลังตรงแกนฝาพับค่อนข้างคมระวังบาดนิ้วมือกันด้วย ส่วนหลายคนที่สงสัยว่ามีน็อตตรงแกนยางรองไหมบอกเลยว่ารุ่นนี้ไม่มี มีน็อตแค่เท่าที่เห็นคือ 7 ตัว ยาว 4 (ด้านหลัง) สั้น 3 (ด้านหน้า) โดยเมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ อย่างตามรูปเลย ซึ่งเรียกได้ว่าถอดแบบมาจาก HP Pavilion Gaming 15 เลยก็ว่าได้
การวางรูปแบบของฮาร์ดแวร์เครื่องนี้ทำได้ดูดีเลยที ซึ่งในส่วนที่สามารถทำการอัพเกรดเพิ่ม HDD SATA ขนาด 2.5″ ธรรมดาเป็น SSD ได้ทันที (ถอดกล่องเปล่าสีดำออกมาก่อน) โดยเครื่องนี้ได้ติดตั้ง SSD M.2 NVMe ความเร็วสูงมาแล้วที่ความจุ 512GB พร้อมใส่แรมขนาด 8GB DDR4 Bus 2933MHz จำนวน 1 แถวทันที (สามารถใส่ได้สูงสุด 2 แถว ที่ 16GB x 2) ส่วนเรื่องระบายความร้อนตัวเครื่องมี Heat Pipe จำนวน 2 เส้น วางพาดยาวไล่ไปทั้งชิปการ์ดจอและตัวซีพียูเอง ส่วนพัดลมเครื่องนี้ก็มีมาให้ 2 ตัว ตามแบบฉบับ Gaming Notebook ปกติทั่วไป
โดยเมื่อเราอัพเกรดแรม 8GB ไปอีก 1 แถว DDR4 Bus 3200 MHz จากการใส่เข้าไปในช่องที่ว่างแล้ว จากนั้นก็ปิดฝาให้เรียบร้อย อย่างไรก็ตามควรทำอย่างระมัดระวังไม่ได้ส่วนอื่นๆ เสียหาย อย่างการใส่น็อตสั้นยาวในตำแหน่งเดิม พร้อมเปิดเครื่องเข้า Windows 10 อีกครั้ง ตัวเครื่องก็จะพร้อมใช้งานเป็นแรม 16GB ได้ทันที (ตัวบอร์ดจะลดความเร็วลงมาเองที่ 2933 MHz) โดยที่เราไม่ต้องตั้งค่าใดๆ
ดูได้จากส่วนของ Setting > About ของ Windows ได้เลย หรือในส่วนของ Task Manager > Memory เราก็จะเห็นถึงขนาดของแรมที่เพิ่มขึ้นจาก 8GB เดิมๆ เป็น 16GB เช่นกัน ซึ่งแสดงถึงการใช้งานของแรมที่มีพื้นที่เหลืออยู่พอประมาณทีเดียว แน่นอนว่าย่อมดีกว่าการที่เราใช้แรมขนาด 8GB เดิมๆ ที่ดูแล้วจะแน่นไปหน่อย สำหรับการที่เราจะเปิดเกมเล่น เพราะเมื่อเปิดเครื่องพร้อมกับเปิดโปรแกรมต่างๆ อย่างเว็บบราวเซอร์ก็มีโอกาสกินแรมไปกว่า 5 – 6GB แล้ว ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเล่นเกมจริงๆ ก็มีโอกาสที่จะใช้แรม 8GB ทั้งหมดได้เลย
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ทั้ง 15 / 20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงขึ้น เป็นที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับการใช้แรมเดิมๆ 8GB และเมื่อเพิ่มเป็น 16GB ก็ทำได้ดีกว่าพอตัว เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับหน่วยความจำที่เพิ่มเข้ามา ร่วมการทำงานกับชิปประมวลผลตัวบน Intel Core i7-10750H อย่างเต็มกำลัง และการ์ดจอ Gaming อย่าง GTX 1650 Ti ด้วย
การทดสอบประสิทธิภาพ HP Pavilion Gaming 16 กับโปรแกรม PCMark 10 Advance ด้วยแรมขนาด 8GB เดิมๆ สามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4492 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีการ์ดจอแยก ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปอยู่แล้ว
แต่เมื่ออัพเกรดแรมเป็นขนาด 16GB จะเห็นถึงคะแนนว่ามีการขยับขึ้นมาในแต่ละส่วนการทดสอบ รวมเป็น 4989 คะแนน ซึ่งดูแล้วต่างกันพอสมควรทีเดียว สรุปก็คือ ถ้าเป็นงานที่ไม่เน้นพื้นที่การจองแรมที่มากอย่างการเล่นเกมหรือตัดต่อวีดีโอ การอัพเกรดจากแรม 8GB เป็น 16GB มีผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถ้าเน้นใช้งานหนักหน่วงโดยรวมจริงๆ การอัพเกรดแรมที่เพิ่มขึ้นมีผลแน่นอน
เฟรมเรมในการเล่นเกมของ HP Pavilion Gaming 16 สเปกก่อนอัพเกรดแรม ทำออกมาน่าสนใจประมาณนึง โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 30 – 60 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Core i7-10750H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce GTX 1650 Ti ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับใช้แรมขนาด 8GB DDR4 Bus 2933 MHz แบบ 1 แถว Single Channel และ SSD M.2 NVMe ความเร็วสูงอีกด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง GTA V / FarCry 5 / BF V รวมไปถึงเกมใหม่ล่าสุดอย่าง Resident Evil 3 Remake ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ซึ่งถ้าอยากให้เฟรมเรทลื่นไหลกว่านี้ก็สามารถเลือกปรับกราฟิกระดับกลางๆ ก็ได้ ไม่มีปัญหากระตุกในเกมแต่อย่างใด แตกต่างจากรุ่นที่เป็นฮาร์ดดิสก์ที่มักจะโหลดข้อมูลไม่ทัน
เกมออนไลน์อย่าง PUBG / Overwatch / DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 40 – 60 – 80 ขึ้นไปตลอด ซึ่งสรุปโดยรวมแล้วก็ถือว่าเล่นพอได้ทีเดียวในกรณีที่ปรับกราฟิกสุด
แต่เมื่อเราทดสอบ HP Pavilion Gaming 16 ที่เมื่อเพิ่มแรมเป็น 16GB DDR4 แบบ 8GB x 2 แถว Dual Channel แล้ว ในลักษณะการทดสอบพื้นฐานเดียวกันทั้งหมด เห็นได้ชัดถึงเฟรมเรทความลื่นไหลที่มากขึ้นในเกือบทุกๆ เกม ทั้งเกมออฟไลน์หรือออนไลน์อย่าง Resident Evil 3 Remake / BFV / FarCry 5 / GTA V / PUBG / DOTA 2 / Overwatch เป็นทั้งในส่วนของเฟรมเรทเฉลี่ย ต่ำสุด และสูงสุดด้วย เรียกได้ว่าการอัพเกรดแรมจาก 8GB เป็น 16GB มีผลมากๆ สำหรับ HP Pavilion Gaming 16 ซึ่งเราลองมาเทียบกันตามข้อมูลด้านล่างให้เห็นว่าเฟรมเรทเฉลี่ยแต่ละเกมเพิ่มขึ้นมาแตกต่างเท่าไรกันบ้าง
- RE 3 : 52 > 56 = เพิ่มมา 4 เฟรม
- GTA V : 73 > 83 = เพิ่มมา 10 เฟรม
- BF V : 42 > 55 = เพิ่มมา 13 เฟรม
- FarCry 5 : 56 > 58 = เพิ่มมา 2 เฟรม
- PUBG : 58 > 59 = เพิ่มมา 1 เฟรม
- DOTA 2 : 98 > 145 = เพิ่มมา 47 เฟรม
- Overwatch : 74 > 97 = เพิ่มมา 8 เฟรม
*** การทดสอบในแต่ละครั้งอาจจะไม่เท่ากัน แต่เฟรมเรทที่ได้เพิ่มขึ้นมาแน่นอน ***
จากข้อมูลตรงนี้แสดงให้เห็นว่าในการเพิ่มแรมอัพเกรดแรมเข้าไป มีผลกับเฟรมเรทที่เพิ่มขึ้นแน่นอน แต่ว่าในแต่เกมก็จะมีเฟรมเรทความลื่นไหลที่เพิ่มขึ้นไม่เท่ากันทั้งหมด ขึ้นอยู่กับว่าเกมนั้นใช้พื้นที่แรมไปมากหรือน้อย รวมไปถึงขึ้นอยู่หลายๆ ปัจจัยของเกมขณะทดสอบนั้นด้วย อย่างเกมที่มีผลกับการเพิ่มแรมเป็น 16GB มากที่สุดก็จะเป็น DOTA 2 ที่เพิ่มขึ้นมาถึง 47 เฟรม ที่จัดได้ว่าเป็นเกมที่มีพื้นที่ฉากในเกมขนาดใหญ่และมีความซับซ้อน ส่วนเกมที่มีเฟรมเรทไม่ต่างกันมากก็จริง แต่จริงๆ แล้วลดอาการกระตุกหรือหน่วงลงไปพอตัวทีเดียว
สรุปปิดท้ายกันแบบง่ายๆ ก็คือ ในส่วนของ HP Pavilion Gaming 16 สเปก Core i7-10750H + GTX 1650 Ti ที่ให้แรมมาจากโรงงานขนาด 8GB พร้อมกับมี SSD มาให้เลยเช่นกัน เมื่อเราทำการอัพเกรดแรมเป็น 16GB ด้วยการใส่เพิ่ม 8GB อีก 1 แถวเป็น Dual Channel มีผลให้ประสิทธิภาพในการเล่นเกมเพิ่มขึ้นแน่นอน (แต่ละเกมไม่เท่ากัน) ด้วยราคาแรมขนาด 8GB DDR4 Bus 3200 MHz มีราคา 1,290 บาท
จัดว่ามีความคุ้มค่าที่จะซื้อเพื่อทำการอัพเกรดมากๆ (แม้ว่าพอใส่ไปแล้ว Bus จะลดเหลือ 2933 MHz) ซึ่งจะซื้อเครื่องแล้วอัพเกรดทันทีที่ร้านก็ได้ หรือจะค่อยมาอัพเกรดด้วยตนเองทีหลังก็ได้ เพราะเครื่องนี้ก็แกะได้ไม่ยากเกินความสามารถแต่อย่างใด แลกกับประสบการณ์ใช้งานโดยรวมที่ดีขึ้นมากๆ นอกเหนือจากการเล่นเกมด้วย
หรือในกรณี Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน ว่าจริงๆ แล้วถ้าอยากให้เฟรมเรมเกมสูงขึ้น เล่นเกมได้ลื่นไหลยิ่งขึ้น รวมไปถึงทำงานที่ประมวลผลหนักหรือมีการจองพื้นที่แรมไปใช้งานได้เยอะ รุ่นที่ให้แรมมาขนาด 8GB กับแรมขนาด 16GB มีผลต่อการใช้งานจริงๆ ไม่มากก็น้อย อย่างการใช้งานทั่วไปอาจจะไม่เห็นผลที่ชัดเจนมากนักว่ารุ่นแรม 16GB ดีกว่า
แต่ถ้าเมื่อไรเราเอาไปเล่นเกมหรือทำงานหนักๆ แล้วเทียบกับรุ่นแรม 8GB จะเห็นว่าลื่นกว่าพอสมควร ฉะนั้นสำหรับคนที่ใช้งาน Gaming Notebook รุ่นใหม่ๆ ที่ให้แรมมาขนาด 8GB ควรอัพเกรดเป็นแรมขนาด 16GB แบบไม่ต้องสงสัยเลยครับ คุ้มค่ากับราคาแรมพันบาทต้นๆ มากๆ อย่างไรก็ตามอย่างลืมเผื่อเงินไว้อัพเกรดนอกจากค่าเครื่องด้วยนะครับ