Acer Predator Triton 300 (2020) เป็น Gaming Notebook ให้ความพรีเมียมคุ้มค่ากว่ารุ่นก่อนๆ กับราคาเริ่ม 43,900 บาท พร้อมแนวทางการออกแบบคล้ายรุ่นพี่อย่าง Acer Predator Triton 500 (2020) แต่มีความหนาและหนักกว่าเล็กน้อย สเปกชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10H อย่าง Core i5-10300H หรือ Core i7-10750H โดยทำงานประสานด้วยการ์ดจอตัวแรงอย่าง GeForce RTX 2060 หรือ RTX 2070 Max-Q ส่วนแรมมีขนาด 16 – 32GB และ SSD 512GB – 1TB ที่แรงเข้ากันลงตัว แน่นอนว่าจัดเต็มกว่ารุ่นที่ราคา 3x,xxx บาท
มาพร้อมกับประสิทธิภาพกับความสมจริงกว่าที่เคยมีมา เพราะสามารถ Overclock เพิ่มได้ด้วยเพียงกดแค่ปุ่ม Turbo ปุ่มเดียว ทำให้สิทธิภาพแรงลื่นล้ำกว่า Gaming Notebook สเปกใกล้ๆ กัน มาพร้อมขนาดหน้าจอทั้ง 15.6″ ความละเอียด Full HD พาเนล IPS รองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz โดยเน้นความแรงประสิทธิภาพในการเล่นเกมเป็นหลัก และประสบการณ์ใช้งานที่เหนือชั้น แต่มีตัวเครื่องที่ไม่หนาและหนักเกินไป ที่ความบาง 19.9 มิลลิเมตร และเบา 2.3 กิโลกรัม แน่นอนว่าได้ประกันเทพ 3 ปี On-site ซ่อมฟรีถึงบ้าน หรือส่งศูนย์ซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมง
VDO Review
NBS Verdict
สรุปคือ เครื่องเดียวจบครบในตัวเดียว ประสิทธิภาพแรงลื่น ด้วยชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10H ทั้ง Core i5-10300H / Core i7-10750H และการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX ได้จอสวย IPS สีเทพ 1ลื่นไหล 44Hz บางเบา ตัวเครื่องดีไซน์วัสดุพรีเมียม ทั้งทำงานและเล่นเกมตอบโจทย์ได้ลงตัว ถ้าให้ซื้อ Gaming Notebook ที่ได้มากกว่าความคุ้มค่าเรื่องสเปก ก็ต้องบอกว่า Acer Predator Triton 300 (2020) คือคำตอบที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่ง ได้ประสบการณ์ที่ดีเทียบเท่า Desktop PC ที่สามารถพกพาไปใช้งานที่ไหนก็ได้
ซึ่งก็ได้การ์ดจอ GeForce RTX 2070 Max-Q (หรือ RTX 2060) ที่สามารถ Overclock ด้วยปุ่ม Turbo ปุ่มเดียว แต่ก็อย่าลืมว่ากดแล้วพัดลมก็จะดังที่สุดเช่นเดียวกัน และต้องต่ออแปดเตอร์ด้วยนะ คงเป็นเรื่องที่ต้องยอมรับกันได้ (แต่ถ้าใช้งานทั่วไปก็จะมีความเงียบมากๆ แทบไม่ได้ยินเสียงว่าพัดลมทำงานรอบต่ำเลยทีเดียว) พร้อมแรมขนาด 32GB และ SSD สูงสุด 1TB เทียบราคาต่อสเปกอาจจะดูสูงกว่าพวก Acer Nitro 5 ก็จริง แต่ก็ได้หลายสิ่งที่เหนือกว่าพอตัว
สำหรับ Acer Predator Triton 300 (2020) รุ่นหน้าจอ 15.6″ ถือว่าเป็น Gaming Notebook มาตรฐานใหม่ที่การเชื่อมต่อที่ครบเครื่องด้วย Killer DoubleShot Pro ได้ความแรงไม่แพ้ Gaming Notebook เครื่องหนักๆ หนาๆ แบบแต่ก่อน โดดเด่นในเรื่องของการดีไซน์ที่พกพาได้สะดวกประมาณนึง คีย์บอร์ดใช้งานได้เยี่ยม พร้อมไฟ RGB แบบ 4 โซน รักษาความเป็น Gaming ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ การออกแบบให้ความรู้สึกที่ดุดันมีพลังด้วยวัสดุอะลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่องเรียกได้ในการเล่นเกมเพื่อให้ลื่นไหลที่สุด ในการจัดการความร้อนที่ดีที่สุด
เปรียบเทียบกับสเปค ฟีเจอร์ และการออกแบบสไตล์ Gaming Notebook โดนใจเกมเมอร์ หรือคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คแรงๆ ของครบ สำหรับหลายๆ คนที่มีงบประมาณในการซื้อที่งบ 4x,xxx – 5x,xxx บาท ซึ่งได้คุณสมบัติต่างๆ ที่ครบครันมากกว่า Gaming Notebook ที่เน้นความคุ้มค่าอย่างเดียว ซึ่งเอาจริงๆ สำหรับการทดสอบทั้งประสิทธิภาพความแรงถือว่าแรงลื่นสมกับ Gaming Notebook ระดับสูง แต่ก็มีข้อสังเกตในส่วนของ แบตเตอรี่ใช้งานได้น้อยไปหน่อยเพียง 1:30 ชั่วโมง และตัวเครื่องพื้นผิวนั้นเป็นรอยนิ้วมือง่ายไปหน่อย แต่ก็พอเช็ดออกได้ไม่ยาก รวมถึงพอร์ตการเชื่อมต่อชิดกันไปนิด และไม่มี SD Card Reader ให้ใช้งาน
ข้อดี
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจเกมเมอร์ งานประกอบแน่นวัสดุดี แนวเรียบหรู
- ตัวเครื่องไม่หนาและหนักเกินไป เล็กกระชับกว่าเดิม โดยมีน้ำหนักเพียง 2.3 กิโลกรัม บาง 19.9 มิลลิเมตร
- สเปคสูงด้วย Core i7-10750H และการ์ดจอ GeForce RTX 2070 Max-Q
- สเปกอื่นๆ ได้แรมมาขนาด 32GB DDR4 Bus 2933MHz และ SSD M.2 1TB ความเร็วสูง
- สามารถเร่งความแรง Overclock ด้วยปุ่ม Turbo เพียงปุ่มเดียว ใช้งานง่ายมาก
- หน้าจอแสดงผลขนาด 15.6″ คุณภาพสูง พาเนล IPS รองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz/3ms
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครันทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Gen 2 และ Mini DisplayPort
- รองรับไดร์ฟ SSD แบบ NVMe M.2 ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูง
- ระบบเสียง DTS:X Ultra ใช้งานได้ดีเยียม จำลองเสียง 3D ได้
- ได้ LAN RJ45 รองรับ E2600 Ethernet Controller ช่วยลด Ping เวลาเล่นเกมออนไลน์
- มี Wi-Fi 6 AX อย่าง AX1650i มีเทคโนโลยี 2×2 MU-MIMO ดีกว่าแบบเดิมๆ
- คีย์บอร์ดสัมผัสดี ปรับเปลี่ยนสีไฟได้แบบ 4 โซน RGB โดยมี Hotkey ใช้ได้จริง
- ความคุมความร้อนได้เป็นอย่างดีเยี่ยม เมื่อเทียบความแรงและประสิทธิภาพที่ได้
- ซอฟต์แวร์ Acer Care Center และ Predator Sense ใช้งานได้ง่ายและดีจริง
- ประกัน 3 ปี On-site Service หรือซ่อมศูนย์ด่วน 3 ชั่วโมง
ข้อสังเกต
- แบตเตอรี่ใช้งานได้เพียง 1:30 ชั่วโมง ซึ่งดูน้อยกว่าที่ควรจะเป็นไปหน่อย
- ตัวเครื่องเป็นรอยนิ้วมือง่ายไปหน่อย จากวัสดุที่เป็นโลหะแบบพิเศษ
- พอร์ตการเชื่อมต่อชิดกันไปนิด และไม่มี SD Card Reader ให้ใช้งาน
Specification
Acer Predator Triton 300 (2020) รุ่นแอดมินโป้งที่ได้รับมารีวิวเป็นรุ่นท็อปสุด ใช้ชิประมวลผลรุ่นล่าสุดอย่าง Intel Core i Gen 10H ในรุ่น Core i7-10750H ทำงานที่ความเร็ว 2.60 – 5.0 GHz แบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด ซึ่งให้ความแรงและ Core การทำงานที่มากกว่า Core i5-10300H ทำงานร่วมกับการ์ดจอระดับสูงที่ได้ทั้งความแรงและร้อนน้อยกว่าอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Max-Q (8GB GDDR6) ในฝั่งของ Gaming Notebook
แรมมาตรฐานเป็น DDR4 Bus 2933MHz ขนาด 32GB พร้อม SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB มีหน้าจอความละเอียดสูงระดับ 1920 x 1080 พิกเซล Full HD พาเนล IPS แบบด้าน รองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz / 3ms ส่งผลให้เราได้พบประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยม ใครจะเอาไปทำงานหรือเล่นเกมอันนี้ไม่ว่ากัน ได้ Windows 10 สนนราคา 59,990 บาท ซึ่งก็จะมีสเปกรองลงมาที่เป็นรุ่น Core i5-10300H การ์ดจอ RTX 2060 ได้แรม 8GB และ SSD ความจุ 512GB ด้วย
ลำโพงของตัวเครื่องใช้เป็นแบบสเตอริโอ โดยมีระบบเสียง DTS:X Ultra พร้อมด้วยกล้องเว็บแคมและมีไมค์ดิจิตอลแบบคู่ในตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง USB 3.1 Type-C, USB 3.1 Type-A และ LAN RJ45 Killer Ethernet E2600, Headset พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi มาตรฐาน Killer Wi-Fi 6 AX1650 โดยควบคุมผ่านทาง Control Center 2.0 ที่สำคัญยังโดดเด่นกว่าด้วยประกันแบบ 3 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน พร้อมบริการซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมงกีรณส่งศูนย์ รวมไปถึงมีเครื่องสำรองไปใช้งานถ้าซ่อมนานกว่า 3 ชั่วโมง
- Core i5-10300H / RTX 2060 / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 144Hz ราคา 43,990 บาท
- Core i7-10750H / RTX 2060 / RAM 16GB / SSD 1TB / จอ 15.6″ IPS 144Hz ราคา 54,990 บาท
- Core i7-10750H / RTX 2070 Max-Q / RAM 32GB / SSD 1TB / จอ 15.6″ IPS 144Hz ราคา 59,990 บาท
Hardware / Design
Acer Predator Triton 300 (2020) เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมซึ่งวางไลน์เป็นรุ่นที่เหนือกว่ารุ่น 3x,xxx บาท ที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ 15.6″ แต่กลับมีความเล็กลงจากมิติตัวเครื่องเล็กกระทัดรัดจากการที่ขอบจอบาง เรียกได้ว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นส่วนสำคัญในการมอบประสบการณ์ใหม่ๆในการเล่นเกมแบบเต็มประสิทธิภาพให้กับผู้ใช้งานได้อย่างแน่นอน ในส่วนของดีไซน์ภายนอกก็ดูเรียบหรู วัสดุเป็นอะลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่องสีดำแซมด้วยสีฟ้า Predator ที่โดดเด่น เป็น DNA ของ Gaming Notebook จากทาง Acer Predator ปี 2020 นี้ก็ว่าได้ มีความบางสุด 19.9 มิลลิเมตร และเบาที่ 2.3 กิโลกรัม
ดีไซน์การของ Acer Predator Triton 300 (2020) มาพร้อมความเป็นตัวตนชัดเจน ได้ตัวเครื่องนั้นเป็นทรงแบบเหลี่ยมมุมตลอดทั้งตัวเครื่อง ซึ่งดูแล้วมีความสมมาตรลงตัว มาพร้อมกับวัสดุผสมระหว่างโลหะอะลูมิเนียม มาในโทนสีดำสลับกับสีฟ้าบางส่วนอย่างโลโก้และฟินระบายความร้อน พร้อมกันนั้นพื้นผิวเรียบเนียน ซึ่งจะทำได้ละเอียดกว่าการขัดปกติ และช่วยให้สีติดที่เนื้อวัสดุได้อย่างดีที่สุด แถมยังมีความทนทานด้วย โดยการใช้งานจริงนับว่าให้สัมผัสที่เยี่ยมยอด แตกต่างจาก Gaming Notebook ทั่วไปอย่าง Acer Nitro 5 แบบรู้สึกได้แบบทันที
ฝาหลังจะมีโลโก้ Predator สีเงินขอบสีฟ้า พร้อมกับความสามารถเปล่งแสงสีฟ้าได้เมื่อเปิดเครื่อง (รุ่นปี 2020 ได้ตัดตัวอักษร Predator ออกไปแล้ว) ส่วนขอบด้านหน้าจะมีการว้าวเว้นเอาไว้ให้เปิดฝาได้ง่าย ตรงขอบก็จะมีการตัดมุมไว้ให้ดูสวยงามและโดดเด่นกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป สำหรับด้านฐานล่างตัวเครื่อง Acer Predator Triton 300 (2020) รุ่นนี้เป็นอะลูมิเนียมเรียบๆ พร้อมมียางรองขนาดเล็กทั้งหมด 4 จุด ช่วยยกตัวเครื่องให้สูงขึ้น ช่วยส่งมวลลมเย็นถูกดูดเข้าช่องลมขนาดใหญ่ได้มากขึ้นส่งผลให้มีประสิทธิภาพในการระบายความร้อนที่ดี ส่วนงานประกอบก็เนียบเหมือนเดิม เรื่องนี้ไว้ใจทาง Acer เค้าได้เลย
ขอบบานพับมีไฟ LED แสดงสถานะการทำงาน ส่วนตรงกลางเหนือคีย์บอร์ดมีการติดตั้งช่องลมโปร่งขนาดใหญ่เพื่อให้ช่วยดูดลมเย็นระบายความร้อนที่ดีกว่าเดิม ซึ่งตรงบริเวณนี้ตรงขอบบนมุมขวาจะเป็นโลโก้ระบบเสียง DTS:X Ultra อีกทั้ง Acer Predator Triton 300 (2020) ใช้เทคโนโลยีการระบายความร้อนด้วยพัดลมแบบพิเศษ AeroBlade Gen 4 ใช้พัดลม 2 ตัว ตัวละ 59 ใบพัดขนาด 0.1 มิลลิเมตร ออกแบบพิเศษได้รับแรงบันดาลใจจากกลไกการบินที่เงียบสนิทและทรงพลังของนกฮูก ปลายใบพัดลมของเราจึงมีรอยหยักเพื่อให้อากาศผ่านได้มากขึ้น อีกทั้งปีกเล็กๆ บนขอบใบพัดส่วนบนและล่างและครีบโค้งที่ใบพัดด้านในช่วยลดการแปรปรวนของอากาศได้มากยิ่งขึ้น
ซึ่งมีช่องระบายอากาศถึง 4 จุด อยู่ทางด้านหลังและด้านข้างของตัวเครื่อง เป่าไล่ลมร้อนผ่านชุดระบายที่แยกการระบายความร้อนระหว่างชิปประมวลผล (พัดลม 1 ตัว) และการ์ดจอ (พัดลม 1 ตัว) ด้วย Heat Pipes รวมกันถึง 4 เส้น ที่ใหญ่กว่ารุ่นก่อนๆ หายห่วงได้เลยในเรื่องของอุณหภูมิ และความทนทานในการใช้งานฮาร์ดแวร์ในระยาวไม่ว่าจะเล่นเกมหนักแค่ไหนก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความร้อนสะสม อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยปุ่มกดที่เร่งประสิทธิภาพของ Acer Predator Triton 300 (2020) อย่าง Turbo ที่เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของ Predator ทุกรุ่น
ซึ่งอยู่เหนือแป้นคีย์บอร์ดทางซ้าย เพียงการกดครั้งเดียว ตัวเครื่องจะเร่งรอบพัดลมอัตโนมัติให้แรงที่สุดทั้ง 2 ตัว เพื่อให้ชิปประมวลผลทำได้เต็มที่ 100% ส่วนการ์ดจอก็จะมีการเร่งความแรงไปอีกให้เกิน 100% ด้วยการ Overclock เรียกได้ในการเล่นเกมเพื่อให้ลื่นไหลที่สุด ในการจัดการความร้อนที่ดีที่สุด เราสามารถทำได้ง่ายมากเพียงปุ่มเดียวเท่านั้น แต่ก็อย่าลืมว่ากดแล้วพัดลมก็จะดังที่สุดเช่นเดียวกัน คงเป็นเรื่องที่ต้องยอมรับกันได้ (แต่ถ้าใช้งานทั่วไปก็จะมีความเงียบมากๆ แทบไม่ได้ยินเสียงว่าพัดลมทำงานรอบต่ำเลยทีเดียว)
โดยรวมแล้ว Acer Predator Triton 300 (2020) ไม่ใช่แค่แรงแต่ในประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยมด้วย เรียกได้ว่าเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในโน๊ตบุ๊คเล่นเกมสายบางเบาช่วงงบประมาณ 4x,xxx บาท + ก็ว่าได้เลย ที่จัดเต็มทุกฟีเจอร์จริงๆ อย่างที่ Gaming Notebook ทั่วไปไม่สามารถให้ได้ แต่มีข้อสังเกตเล็กน้อยว่าตัวเครื่องเป็นรอยนิ้วมือง่ายไปหน่อย แต่ก็เช็ดออกได้ไม่ยากนัก ปิดท้ายด้วยส่วนมุมขวาล่างจะเป็นสติ๊กเกอร์ที่เน้นย้ำเรื่องของฟีเจอร์ต่างๆ อาทิ ความบางตัวเครื่อง 19.9 มิลลิเมตร, รองรับการอัพเกรด SSD x 3, พัดลม AeroBlade Gen 4, Killer DoubleShot Pro, HDMI, ระบบเสียง DTS:X Ultra อีกด้วย
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ Acer Predator Triton 300 (2020) ถือว่าเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ที่ขอบบาง แต่ไม่ได้มีการตัดชุด Numpad ด้านขวาออกไปแต่อย่างใด เชื่อว่าหลายคนน่าจะถูกใจสิ่งนี้ โดยมีปุ่มที่ใหญ่และช่องว่างที่พอดี ทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมๆ กัน สำหรับดีไซน์ตัวปุ่มเองก็มีความพิเศษที่เป็นขอบสีขาวกึ่งโปร่งแสงให้ความสวยงามเวลาใช้งานจริง
นอกจากนี้บริเวณด้านขวายังมีการทำปุ่ม Hotkey พิเศษ เรียกซอฟต์แวร์ PredatorSense ขึ้นมาได้ รวมไปถึงมีปุ่มปรับระดับเสียง ทำให้สะดวกยิ่งขึ้นไปอีก อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยปุ่ม WASD, PredatorSense และปุ่มทิศทางที่จะมีขอบที่โปร่งแสงแบบพิเศษที่สำคัญไฟ LED ก็เป็นแบบ 4 โซน เราสามารถตามใจของผู้ใช้หลากหลายรูปแบบ ให้วิ่งไปมาตามโปรไฟล์ต่างๆ ผ่านทางซอฟต์แวร์ PredatorSense หรือจะปรับเป็นสีเดียวนิ่งๆ ก็ทำได้ เช่นตั้งไว้เป็นสีขาวหรือสีฟ้าสีเดียว
ส่วนในการใช้งาน Turbo เราก็สามารถกดปุ่มได้เลย โดยเมื่อกดแล้วเราจะเห็นว่ามีไฟสีฟ้าสว่างขึ้นที่ปุ่ม พร้อมกับรอบพัดลมที่ดังขึ้น และตัวซอฟต์แวร์เองก็จะแสดงสถานะการทำงานของการ Overclock การ์ดจอด้วย แต่มีเงื่อนไขก็คือ จำเป็นต้องต่ออแดปเตอร์ด้วย จึงจะสามารถใช้งานปุ่ม Turbo ได้ (ถ้าไม่ได้ต่อเครื่องจะแจ้งเตือน) เรียกได้ว่าเป็นฟีเจอร์ที่ใช้งานได้ง่ายและใช้ได้จริงด้วย และในส่วนของปุ่ม Power เปิดปิดเครื่องได้ถูกติดตั้งไว้ที่มุมซ้ายบนของคีย์บอร์ด ซึ่งไม่ต้องกังวลไปว่าถ้ามือเผลอไปโดนแล้วเครื่องจะปิด เพราะต้องกดค้างเอาไว้ 3 วินาที ถึงจะมีข้อความเตือนขึ้นมาว่าจะปิดเครื่องหรือไม่
ทัชแพดมีขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้นพิเศษ โดยดูเป็นเนื้อเดียวกับตัวเครื่อง ตัวปุ่มคลิกเป็นแบบชิ้นเดียวกับทัชแพด พร้อมพื้นผิวที่เรียบลื่นซึ่งช่วยเพิ่มการตอบสนองต่อการใช้งานได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น ใช้งานได้สะดวกสำหรับการวางบนตัก หรือเล่นในร้านกาแฟ โดยการควบคุมมีการตอบสนองได้ดี มีการตัดขอบเส้นสีเงินที่ขอบนอก เข้ากับตัวเครื่องโดยรวมเป็นอย่างดี
Screen / Speaker
Acer Predator Triton 300 (2020) มีหน้าจอแสดงผลขนาด 15.6″ ความละเอียดเป็น Full HD รองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz/3ms ทำให้ภาพปรากฏออกมามีความลื่นไหลแบบสุดๆ กว่าที่ตาเราเห็น พร้อมใช้พาเนลคุณภาพสูง IPS โดดเด่นในของเรื่องมุมภาพที่กว้างแบบสีสันไม่เพี้ยน เมื่อใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกมก็ทำได้อย่างเป็นอย่างดี เรียกได้ว่าเล่นเกมก็เทพทำงานก็เยี่ยม ส่วนบานพับก็แข็งแรงกว่ารุ่นพร้อมกางได้ถึง 145 องศา พร้อมขอบหน้าจอที่บางเฉียบ แต่ก็ยังสามารถติดตั้งกล้องเว็บแคมและไมโครโฟนแบบคู่ไว้ด้านบนได้ ที่สำคัญบริเวณมุมขอบหน้าจอซ้ายและขวายังมีการตัดมุมให้ดูสวยงามลงตัวแตกต่างจาก Gaming Notebook ทั่วไป
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Acer Predator Triton 300 (2020) ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS คุณภาพสูง เราใช้เครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 95% Adobe RGB 70% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับที่ดีมากๆ สูงเกือบ 100% ทีเดียว ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คทั่วไป คือ พอสู้แสงกลางแจ้งได้ รวมไปถึงการทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็ทำได้ดีเช่นกัน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ ของ Acer Predator Triton 300 (2020) โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากหลายช่องดูว่าช่องไหนจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางของจอเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ที่สุด แต่สำหรับช่องมุมซ้ายล่างของจอเหมือนจะมีแสงสว่างที่ลดลงระดับ 11% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว จากการที่ความไม่สม่ำเสมอของความสว่างหน้าจอนั่นเอง
ระบบเสียง Acer Predator Triton 300 (2020) ก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน ด้วยลำโพงแบบสเตอริโอติดตั้งอยู่มุมหน้าด้านล่างของตัวเครื่อง โดยมีซอฟแวร์ปรับแต่งเสียง DTS:X Ultra ระบบเสียงที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งเล่นเกมหรือทำงานทั่วไป ทำให้มีการปรับแต่งเสียงที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปอย่างชัดเจน พร้อมจำลองเสียง 3 มิติ สนับสนุน VR เต็มรูปแบบใช้เล่นเกมนี่บันเทิงได้เต็มอารมณ์ ยิ่งถ้าต่อหูฟังยิ่งได้อรรถรสในการเล่นเกมได้ดีขึ้นไปอีกระดับ
Connector / Thin And Weight
Acer Predator Triton 300 (2020) จัดว่าเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6 นิ้วซึ่งมีขนาดบางเบาและเล็กกว่าปกติ แต่ก็ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น 3 x USB 3.2 Type-A Gen 2, 1 x USB 3.2 Type-C Gen 2, 1 x HDMI 1.4, 1 x miniDisplayPort 1.2, RJ45 (E2600 Ethernet Controller) และ Mic-in/Headphone-out อย่างไรก็ตามพอร์ตการเชื่อมต่ออาจจะชิดกันไปหน่อย เวลาเชื่อมต่อพร้อมๆ กันอาจจะติดกันได้ ส่วนนี้ก็ต้องระวังกันเล็กน้อย ส่วนพอร์ต USB สีฟ้าก็ดูเข้ากันกับตัวเครื่องเป็นอย่างดี
มี Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 6 AX อย่าง AX1650 ระบบเน็ตเวิร์คสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะลดกาารกระตุกช่วยให้การเล่นเกมออนไลน์ได้ลื่นๆ ลดค่าปิงต่ำได้เป็นอย่างดี ทำงานผ่านทาง Killer Control Center 2.0 อีกทั้งยังมีคุณสมบัติ Matrix Display ช่วยให้ต่อจอทำงานหลากหลายจอแบบรอบทิศทาง HDMI และ miniDisplayPort ส่วนของการพกพา ก็ถือว่าทำได้ดี ด้วยน้ำหนัก 2.3 กิโลกรัม เหนือมาตรฐานของ Gaming Notebook ที่สำคัญอแดปเตอร์มีขนาดที่เล็กและเบาลงกว่าเดิมเล็กน้อย โดยรวมพอจะพกพาไปไหนมาไหนได้อยู่
Inside / Upgrade
การแกะเครื่องเพื่ออัพเกรด Acer Predator Triton (2020) นั้นสามารถทำได้ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย จากที่วัสดุเป็นโลหะแข็งแรงต้องระวังมากๆ เริ่มจากไขน็อตทุกตัวรอบฝาล่างออก จะมีน็อตแค่ตัวเดียวที่มีสติกเกอร์แปะอยู่ เราสามารถเจาะทะลุไปได้เลย จากนั้นใช้มือค่อยๆ ดึงออกมาได้เลยจากด้านหลังมาด้านหน้าทีละข้าง โดยเวลาทำห้ามใจร้อนเด็ดขาด โดยจัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่งานประกอบแน่นหนา งานประกอบการจัดวางตำแหน่งคล้ายกับ Predator หลายๆ รุ่น มีฮีท์ไปป์สองเส้นพาดผ่าน CPU และ GPU โดยมีพัดลมสองตัวแยกออกจากกันชัดเจน พร้อมช่องระบายความร้อนแบบ 4 ช่อง คือหลัง 2 และด้านข้างอีก 2 ฟินเป็นสีฟ้าสวยงาม
ซึ่งแรมกับฮาร์ดดิสก์จะแยกส่วนกันอย่างชัดเจน ที่เห็นได้ถึงแรมสามารถติดตั้งได้ 2 แถว โดยติดตั้ง 8GB จำนวน 2 แถวมาแล้ว โดยรองรับสูงสุดที่ 32GB ส่วน SSD M.2 NVMe รองรับการติดตั้ง 2 สล็อตด้วยกัน พร้อมมีน็อตมาให้ด้วย อย่างไรก็ตามการแกะฝาล่างนั้นไม่ทำให้หลุดประกันแต่บริษัทจะไม่รับผิดชอบหากแกะเองแล้วเกิดความเสียหาย สรุปแล้วถือได้ว่า Acer ทำการบ้านมาได้ดีกว่าเดิม การแกะตัวเครื่องเพื่ออัพเกรดหรือทำความสะอาดก็สามารถทำได้ง่ายและก็สะดวกทีเดียว
Performance / Software
สำหรับ Acer Predator Triton 300 (2020) มาพร้อมกับชิปประมวลผลรุ่นยอดนิยมของ Gaming Notebook อย่าง Intel Core i Gen 10 H อย่าง Core i7-10750H เน้นนำไปใช้งานหนักๆ มากกว่ารุ่นรองอย่าง Core i5-10300H ที่ใช้กันในหลายๆ รุ่น ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม 3 มิติ ที่กินทรัพยากรสูง โดยมีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.60 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 5.00 GHz เป็นซีพียูแบบ 6 Core 12 Threads มาพร้อมแรมภายในขนาด 32GB DDR4 Bus 2933 MHz แบบ 16GB x 2 แถว ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้ใช้งานลื่นไหลทันทีแบบสบายๆ
การ์ดจอเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น โดยมีกราฟิกการ์ดจอแยกตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Max-Q ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ แรงเป็นรอง RTX 2070 ไปเล็กน้อย แต่ได้เรื่องของความร้อนที่ปลดปล่อยออกมาน้อยกว่า เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เรียกว่าสำหรับเกมออนไลน์สามารถทำได้ลื่นไหลแน่นอน แต่ยังไงไปดูผลทดสอบอีกทีดีกว่าด้านล่าง
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ที่กลายเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook ไปแล้ว ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 1TB แบบ M.2 NVMe PCIe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าทำงานได้อย่างเต็มเปี่ยม โอนไฟล์ไปมาขนาดใหญ่ได้สบายๆ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3169 MB/s และเขียนที่ 2998 MB/s ที่เร็วกว่ารุ่นก่อนๆ แต่ก็ถือว่าดีกว่ามาตรฐาน SATA 3 แบบเดิมๆ แล้ว
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 5038 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมชิปประมวลผล Core i7-10750H มีการ์ดจอแยกอย่าง RTX 2070 Max-Q แต่ถ้าเทียบจริงๆ จะเห็นถึงคะแนนที่สูงกว่า Gaming Notebook ในสเปกที่ใกล้เคียงกันพอสมควรทีเดียว
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10750H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce RTX 2070 Max-Q ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 32GB DDR4 Bus 2933 MHz รวมไปถึง SSD NVMe PCIe ก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Resident Evil 3 / Battlefield V/ FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว โดย Battlefield V เปิด DX12 แต่เลือกปิด DLSS / Ray Tracing ที่แม้จะทำให้ภาพสวยแต่ก็กินทรัพยากรเครื่องพอตัวอยู่ เฟรมเรทเฉลี่ยของทั้ง 4 เกม อยู่ที่ระดับ 90 + ทั้งหมดเลย
เกมออนไลน์กินสเปกเบาๆ หน่อยอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 120 ขึ้นไปตลอด (PUBG ได้ 127) ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แต่ถ้าเทียบกับ Gaming Notebook รุ่นอื่นที่สเปกใกล้เคียงกัน
ที่สำคัญด้วยหน้าจอ พาเนล IPS แบบที่สนับสนุนการแสดงผล Refresh Rate ที่ 144Hz / 3ms ประกอบกับ G-Sync ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ โดยไม่มีอาการฉีกขาด เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ 144Hz อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล หรือเอาจริงๆ สำหรับเกมสไตล์ MOBA แค่ 60 FPS นิ่งๆ ก็เอาอยู่ หรือถ้าอยากให้วิ่ง 120 Hz ขึ้นไป ก็จะปรับกราฟิกของเกมลงมาต่ำๆ หน่อย
โดยเทคโนโลยี RTX Ray-Tracing คือเทคโนโลยีที่มาพร้อมกับความสามารถในการประมวลผลการให้แสงสำหรับเกมแบบ real-time จากที่ก่อนหน้านี้ผู้พัฒนาเกมจะต้องใช้วิธีการสร้าง geometries แบบสับซ้อนซึ่งทำให้การประมวลผลแสงในเกมให้เหมือนจริงที่ใช้กำลังของ GPU ค่อนข้างหนัก RTX Ray-Tracing นั้นจะเข้ามาช่วยทำให้ GPU นั้นทำงานน้อยลงและสามารถที่จะประมวลผลในส่วนอื่นๆ ได้มากขึ้นกว่าเดิม ทว่าการที่จะทำได้นั้นตัวเกมเองก็ต้องใช้เอนจิ้นที่รองรับเทคโนโลยี RTX Ray-Tracing นี้ด้วย
Acer Predator Triton 300 (2020) มาพร้อมกับซอฟแวร์ยูทิลิตี้ PredatorSense ที่ทำให้เราสามารถปรับค่าต่างๆ ในตัวเครื่องได้อย่างง่ายดายไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่าไฟคีย์บอร์ด RGB, ไฟพัดลม, เร่งรอบพัดลมได้เมื่อต้องใช้งานหนักๆ รวมไปถึงเรายังสามารถ Overclock การ์ดจอ เพื่อเร่งประสิทธิภาพให้แรงยิ่งขึ้นไปอีกได้ และสุดท้ายกับการดูสถานะการทำงานของตัวเครื่องก็มีทั้ง อุณหภูมิ รอบพัดลม กันแบบเวลาจริงเลยล่ะ เรียกได้ว่า Acer ใส่ใจใน Predator Sense เพื่อให้เราใช้งานได้งานและใช้งานได้จริงทีเดียว
นอกจากนี้ทาง Acer Predator Triton 300 (2020) เองก็ยังมีในส่วนของซอต์ฟแวร์ที่จะเป็นตัวช่วยในการใช้งานของเราอีกด้วยอย่าง Acer Care Center (เปิดเครื่องมาเจอเลย) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน ที่สำคัญถ้าใครต้องการ Backup หรือ Recovery ข้อมูลภายในก็จัดการได้เลย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน Acer Predator Triton 300 (2020) เครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราว 1:30 ชั่วโมงเท่านั้นโดยประมาณ ดังนั้นเวลาใช้งานจริงโดยปรับความสว่างหน้าจอและเสียงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจะทำให้แบตเตอรี่มีระยะเวลาใช้งานยาวนานน้อยหรือมากกว่านี้ ถือว่าใช้งานแบตเตอรี่ได้น้อยกว่าโน๊ตบุ๊คในสเปกที่ใกล้เคียงกันมาก
สำหรับอุณหภูมิเมื่อใช้งานแบบปกติชิปประมวลผลจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 50 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 30 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัด ซึ่งทั้งหมดนี้ดูผ่านทางซอฟต์แวร์ Core Temp เพื่อดูว่าชิปประมวลผล CPU ว่าจะร้อนที่สุดเย็นที่สุดเท่าไรในการใช้งานจริงๆ
ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของตัวเครื่องสำหรับซีพียู อยู่ที่ไม่เกิน 92 องศาเซลเซียส ที่ต้องบอกว่าค่อนข้างเย็นทีเดียว ถ้าเทียบความแรงที่ได้ ส่วนที่เป็นการ์ดจอจะอยู่ที่ 83 องศาเซลเซียสเท่านั้น โดยดูผ่านทาง Hardware Monitor นับว่ามีความเย็นพอตัว จากกที่เป็นการ์ดจอรุ่นใหม่ตระกูล Max-Q ส่วนเสียงพัดลมก็ดังพอสมควร จากการที่เปิดฟีเจอร์ Turbo + Overclock พร้อมเพิ่มรอบพัดลมเป็น 6,000 รอบต่อวินาที จากการที่มีพัดลม 2 ตัว แต่ก็ไม่ถือว่ารบกวนอะไรมากมายสำหรับคนที่เล่นเกมอยู่แล้ว โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้อย่างไม่น่าเป็นห่วง
Conclusion / Award
Gaming Notebook น้ำหนักเบาถือเป็นสิ่งหนึ่งที่เกมเมอร์หลายคนต้องการจับจองเป็นเจ้าของ ซึ่งปกติแล้วโน๊ตบุ๊คเล่นเกมแรงๆ แต่ละรุ่นมักจะมีน้ำหนักที่เยอะ พกพาลำบาก เวลาใส่กระเป๋าแบกไปไหนมาไหนปวดหลังปวดไหล่กันสุดๆ แต่ว่าสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นแน่นอน กับ Acer Predator Triton 300 (2020) เพราะเป็นโน๊ตบุ๊คระดับกลางค่อนไปทางสูงสำหรับการเล่นเกม ที่ไม่หนาและหนักเกินไป โดยมีน้ำหนักแค่ 2.3 กิโลกรัมเท่านั้น อีกทั้งยังมีความบางตัวเครื่องเพียง 19.9 มิลลิเมตร
ที่มีประสิทธิภาพที่แรงแบบเหนือชั้น คือน้ำหนักเบาเท่ากับรุ่นหน้าจอ 15.6″ เหมือนกับ Acer Nitro 5 รุ่นน้องเลยก็ว่าได้ แต่มีความเจ๋งตรงที่ได้สเปคสุดแรง Intel Core Gen 10H อย่างชิปประมวลผล i7-10750H รุ่นล่าสุด พร้อมผสานการทำงานกับ NVIDIA GeForce RTX 2070 Max-Q ซึ่งเป็นการ์ดจอตัวแรงแต่ปลดปล่อยความร้อนออกมาน้อยกว่ารุ่นปกติ ในตลาด Gaming Notebook บอกเลยสวยงามตามสไตล์ดีไซน์ Predator ที่ได้ทั้งความบางเบา ประสิทธิภาพระดับสูงสุด และความสวยงามในเครื่องเดียว
สำหรับตัวเครื่องออกแบบมาใหม่หมด บอดี้เป็นอลูมิเนียมอัลลอยสีดำแซมด้วยสีฟ้า เรียกได้ว่าดีไซน์โดยรวมต่อยอดมาจากรุ่นเดิมนั่นเอง โดย Acer Predator Triton 300 (2020) จะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว Full HD IPS รองรับ Refresh Rate ที่ 144 Hz/3ms ขอบเขตสี sRGB ใกล้เคียง 100% คีย์บอร์ดแบบใหม่ 4 Zone RGB ที่ยังมี Numpad มาให้ใช้งานใช้งานสะดวกดีเช่นเดิม ลำโพงระบบเสียงจัดเต็มด้วยเทคโนโลยีอย่าง DTS:X Ultra ที่ล้ำหน้ากว่าด้วยการจำลองเสียง 3 มิติ
การระบายความร้อนตัวเครื่องเป็นแบบพัดลมพิเศษ AeroBlade Gen 4 ที่มีพัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 3 เส้น ขนาดใหญ่ ช่องระบายความร้อน 4 พร้อมช่องดูดลมเย็นขนาดใหญ่และระบบ Turbo ช่องหมดห่วงเรื่องตัวเครื่องร้อน ขณะเครื่องทำงานหนัก 100% ส่วนแรมตัวเครื่องให้มา 32GB DDR4 Bus 2933 MHz ความจุ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB ตัวแรงระดับ 3,000 + MB/s นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับ Windows 10 แท้พร้อมใช้งานอีกด้วย
ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อก็มีมาให้ครบครันหายห่วงทั้ง USB 3.2 Type-C x 1, USB 3.2 Type-A x3, RJ45, HDMI, mini DisplayPort รูหูฟังกับไมค์แบบแยกออกจากกัน แต่น่าเสียดายที่ตัดช่อง SD Card Reader ออกไปด้วย ซึ่งเข้าใจว่าไม่เหลือที่แล้ว อีกทั้งแบตเตอรี่จากการทดสอบใช้งานอยู่ที่ 3 ชั่วโมงเท่านั้น ส่วนตัวถือว่าน้อยไปหน่อย สำหรับ Gaming Notebook ระดับนี้ โดยราคาของ Acer Predator Triton 300 (2020) สนนราคาที่ 59,990 บาท พร้อมประกัน 3 ปีเต็มแบบ On-site Service มาตรฐาน Acer ที่ทุกไว้ใจได้ หรือถ้าใครงบน้อยกว่านี้จะดูเป็นรุ่น 43,990 – 54,990 บาทก็ได้
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Acer Predator Triton 300 (2020) ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Multimedia
Acer Predator Triton 300 (2020) เป็น Gaming Notebook ที่มีความสดใหม่และเทคโนโลยีล้ำๆ มากมาย อาทิเช่น หน้าจอพาเนล IPS รองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz/3ms ที่มีค่า sRGB ใกล้เคียง 100% สุดๆ, ระบบเสียง DTS:X Ultra, ระบบอินเตอร์เน็ต Killer Network รวมไปถึงซอฟต์แวร์ PredatorSense ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง และอื่นๆ อีกมากมาย สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมสำหรับคนงบเยอะ ต้องการอะไรที่ครบที่สุด ถือได้ว่าเป็นผู้นำในตลาด Gaming Notebook ยิ่งเทียบในระดับเดียวกันยิ่งหาตัวจับยาก
Best Performance
ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-10750H ประสิทธิภาพแรงเพียงพอต่อทุกๆ การทำงาน ได้การ์ดจอแรงและร้อนน้อยกว่า อย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Max-Q ที่ทั้ง 2 อย่างนี้ระดับ Gaming Desktop ระดับท็อปแล้ว มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.2 NVMe ที่ 1TB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 32GB แบบ DDR4 แน่นอนทั้งตัวเครื่องนั้นแทบไม่ต้องอัพเกรดอะไร ลื่นไหลที่สุดอย่างไร้กังวล รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล ให้ประสบการณ์ใช้งานได้เยี่ยมยอดที่สุด ไม่ว่าจะความบันเทิงหรือทำงานก็ตาม พร้อมมีปุ่ม Turbo กดทีได้ Overclock ได้เลย
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Acer Predator Triton Series มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Acer Predator Triton 300 (2020) ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวในมิติที่เล็กกระชับลงกว่าเดิม ขอบจอบางเฉียบ แต่มีการออกแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ออกแนวดุดันและเรียบหรูมากยิ่งขึ้น เครื่องบางเพียง 19.9 มิลลิเมตร และเบาที่ 2.3 กิโลกรัม ด้วยการใช้การตัดสีดำกับฟ้า รวมไปถึงไฟคีย์บอร์ด แบบ 4 โซน RGB ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน เชื่อได้ว่าหลายๆ คนที่เป็นเกมเมอร์ต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน
VDO Review
NBS Verdict
สรุปคือ เครื่องเดียวจบครบในตัวเดียว ประสิทธิภาพแรงลื่น ด้วยชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10H ทั้ง Core i5-10300H / Core i7-10750H และการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX ได้จอสวย IPS สีเทพ 1ลื่นไหล 44Hz บางเบา ตัวเครื่องดีไซน์วัสดุพรีเมียม ทั้งทำงานและเล่นเกมตอบโจทย์ได้ลงตัว ถ้าให้ซื้อ Gaming Notebook ที่ได้มากกว่าความคุ้มค่าเรื่องสเปก ก็ต้องบอกว่า Acer Predator Triton 300 (2020) คือคำตอบที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่ง ได้ประสบการณ์ที่ดีเทียบเท่า Desktop PC ที่สามารถพกพาไปใช้งานที่ไหนก็ได้
ซึ่งก็ได้การ์ดจอ GeForce RTX 2070 Max-Q (หรือ RTX 2060) ที่สามารถ Overclock ด้วยปุ่ม Turbo ปุ่มเดียว แต่ก็อย่าลืมว่ากดแล้วพัดลมก็จะดังที่สุดเช่นเดียวกัน และต้องต่ออแปดเตอร์ด้วยนะ คงเป็นเรื่องที่ต้องยอมรับกันได้ (แต่ถ้าใช้งานทั่วไปก็จะมีความเงียบมากๆ แทบไม่ได้ยินเสียงว่าพัดลมทำงานรอบต่ำเลยทีเดียว) พร้อมแรมขนาด 32GB และ SSD สูงสุด 1TB เทียบราคาต่อสเปกอาจจะดูสูงกว่าพวก Acer Nitro 5 ก็จริง แต่ก็ได้หลายสิ่งที่เหนือกว่าพอตัว
สำหรับ Acer Predator Triton 300 (2020) รุ่นหน้าจอ 15.6″ ถือว่าเป็น Gaming Notebook มาตรฐานใหม่ที่การเชื่อมต่อที่ครบเครื่องด้วย Killer DoubleShot Pro ได้ความแรงไม่แพ้ Gaming Notebook เครื่องหนักๆ หนาๆ แบบแต่ก่อน โดดเด่นในเรื่องของการดีไซน์ที่พกพาได้สะดวกประมาณนึง คีย์บอร์ดใช้งานได้เยี่ยม พร้อมไฟ RGB แบบ 4 โซน รักษาความเป็น Gaming ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ การออกแบบให้ความรู้สึกที่ดุดันมีพลังด้วยวัสดุอะลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่องเรียกได้ในการเล่นเกมเพื่อให้ลื่นไหลที่สุด ในการจัดการความร้อนที่ดีที่สุด
เปรียบเทียบกับสเปค ฟีเจอร์ และการออกแบบสไตล์ Gaming Notebook โดนใจเกมเมอร์ หรือคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คแรงๆ ของครบ สำหรับหลายๆ คนที่มีงบประมาณในการซื้อที่งบ 4x,xxx – 5x,xxx บาท ซึ่งได้คุณสมบัติต่างๆ ที่ครบครันมากกว่า Gaming Notebook ที่เน้นความคุ้มค่าอย่างเดียว ซึ่งเอาจริงๆ สำหรับการทดสอบทั้งประสิทธิภาพความแรงถือว่าแรงลื่นสมกับ Gaming Notebook ระดับสูง แต่ก็มีข้อสังเกตในส่วนของ แบตเตอรี่ใช้งานได้น้อยไปหน่อยเพียง 1:30 ชั่วโมง และตัวเครื่องพื้นผิวนั้นเป็นรอยนิ้วมือง่ายไปหน่อย แต่ก็พอเช็ดออกได้ไม่ยาก รวมถึงพอร์ตการเชื่อมต่อชิดกันไปนิด และไม่มี SD Card Reader ให้ใช้งาน
ข้อดี
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจเกมเมอร์ งานประกอบแน่นวัสดุดี แนวเรียบหรู
- ตัวเครื่องไม่หนาและหนักเกินไป เล็กกระชับกว่าเดิม โดยมีน้ำหนักเพียง 2.3 กิโลกรัม บาง 19.9 มิลลิเมตร
- สเปคสูงด้วย Core i7-10750H และการ์ดจอ GeForce RTX 2070 Max-Q
- สเปกอื่นๆ ได้แรมมาขนาด 32GB DDR4 Bus 2933MHz และ SSD M.2 1TB ความเร็วสูง
- สามารถเร่งความแรง Overclock ด้วยปุ่ม Turbo เพียงปุ่มเดียว ใช้งานง่ายมาก
- หน้าจอแสดงผลขนาด 15.6″ คุณภาพสูง พาเนล IPS รองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz/3ms
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครันทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Gen 2 และ Mini DisplayPort
- รองรับไดร์ฟ SSD แบบ NVMe M.2 ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูง
- ระบบเสียง DTS:X Ultra ใช้งานได้ดีเยียม จำลองเสียง 3D ได้
- ได้ LAN RJ45 รองรับ E2600 Ethernet Controller ช่วยลด Ping เวลาเล่นเกมออนไลน์
- มี Wi-Fi 6 AX อย่าง AX1650i มีเทคโนโลยี 2×2 MU-MIMO ดีกว่าแบบเดิมๆ
- คีย์บอร์ดสัมผัสดี ปรับเปลี่ยนสีไฟได้แบบ 4 โซน RGB โดยมี Hotkey ใช้ได้จริง
- ความคุมความร้อนได้เป็นอย่างดีเยี่ยม เมื่อเทียบความแรงและประสิทธิภาพที่ได้
- ซอฟต์แวร์ Acer Care Center และ Predator Sense ใช้งานได้ง่ายและดีจริง
- ประกัน 3 ปี On-site Service หรือซ่อมศูนย์ด่วน 3 ชั่วโมง
ข้อสังเกต
- แบตเตอรี่ใช้งานได้เพียง 1:30 ชั่วโมง ซึ่งดูน้อยกว่าที่ควรจะเป็นไปหน่อย
- ตัวเครื่องเป็นรอยนิ้วมือง่ายไปหน่อย จากวัสดุที่เป็นโลหะแบบพิเศษ
- พอร์ตการเชื่อมต่อชิดกันไปนิด และไม่มี SD Card Reader ให้ใช้งาน
Specification
Acer Predator Triton 300 (2020) รุ่นแอดมินโป้งที่ได้รับมารีวิวเป็นรุ่นท็อปสุด ใช้ชิประมวลผลรุ่นล่าสุดอย่าง Intel Core i Gen 10H ในรุ่น Core i7-10750H ทำงานที่ความเร็ว 2.60 – 5.0 GHz แบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด ซึ่งให้ความแรงและ Core การทำงานที่มากกว่า Core i5-10300H ทำงานร่วมกับการ์ดจอระดับสูงที่ได้ทั้งความแรงและร้อนน้อยกว่าอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Max-Q (8GB GDDR6) ในฝั่งของ Gaming Notebook
แรมมาตรฐานเป็น DDR4 Bus 2933MHz ขนาด 32GB พร้อม SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB มีหน้าจอความละเอียดสูงระดับ 1920 x 1080 พิกเซล Full HD พาเนล IPS แบบด้าน รองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz / 3ms ส่งผลให้เราได้พบประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยม ใครจะเอาไปทำงานหรือเล่นเกมอันนี้ไม่ว่ากัน ได้ Windows 10 สนนราคา 59,990 บาท ซึ่งก็จะมีสเปกรองลงมาที่เป็นรุ่น Core i5-10300H การ์ดจอ RTX 2060 ได้แรม 8GB และ SSD ความจุ 512GB ด้วย
ลำโพงของตัวเครื่องใช้เป็นแบบสเตอริโอ โดยมีระบบเสียง DTS:X Ultra พร้อมด้วยกล้องเว็บแคมและมีไมค์ดิจิตอลแบบคู่ในตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง USB 3.1 Type-C, USB 3.1 Type-A และ LAN RJ45 Killer Ethernet E2600, Headset พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi มาตรฐาน Killer Wi-Fi 6 AX1650 โดยควบคุมผ่านทาง Control Center 2.0 ที่สำคัญยังโดดเด่นกว่าด้วยประกันแบบ 3 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน พร้อมบริการซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมงกีรณส่งศูนย์ รวมไปถึงมีเครื่องสำรองไปใช้งานถ้าซ่อมนานกว่า 3 ชั่วโมง
- Core i5-10300H / RTX 2060 / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 144Hz ราคา 43,990 บาท
- Core i7-10750H / RTX 2060 / RAM 16GB / SSD 1TB / จอ 15.6″ IPS 144Hz ราคา 54,990 บาท
- Core i7-10750H / RTX 2070 Max-Q / RAM 32GB / SSD 1TB / จอ 15.6″ IPS 144Hz ราคา 59,990 บาท
Hardware / Design
Acer Predator Triton 300 (2020) เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมซึ่งวางไลน์เป็นรุ่นที่เหนือกว่ารุ่น 3x,xxx บาท ที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ 15.6″ แต่กลับมีความเล็กลงจากมิติตัวเครื่องเล็กกระทัดรัดจากการที่ขอบจอบาง เรียกได้ว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นส่วนสำคัญในการมอบประสบการณ์ใหม่ๆในการเล่นเกมแบบเต็มประสิทธิภาพให้กับผู้ใช้งานได้อย่างแน่นอน ในส่วนของดีไซน์ภายนอกก็ดูเรียบหรู วัสดุเป็นอะลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่องสีดำแซมด้วยสีฟ้า Predator ที่โดดเด่น เป็น DNA ของ Gaming Notebook จากทาง Acer Predator ปี 2020 นี้ก็ว่าได้ มีความบางสุด 19.9 มิลลิเมตร และเบาที่ 2.3 กิโลกรัม
ดีไซน์การของ Acer Predator Triton 300 (2020) มาพร้อมความเป็นตัวตนชัดเจน ได้ตัวเครื่องนั้นเป็นทรงแบบเหลี่ยมมุมตลอดทั้งตัวเครื่อง ซึ่งดูแล้วมีความสมมาตรลงตัว มาพร้อมกับวัสดุผสมระหว่างโลหะอะลูมิเนียม มาในโทนสีดำสลับกับสีฟ้าบางส่วนอย่างโลโก้และฟินระบายความร้อน พร้อมกันนั้นพื้นผิวเรียบเนียน ซึ่งจะทำได้ละเอียดกว่าการขัดปกติ และช่วยให้สีติดที่เนื้อวัสดุได้อย่างดีที่สุด แถมยังมีความทนทานด้วย โดยการใช้งานจริงนับว่าให้สัมผัสที่เยี่ยมยอด แตกต่างจาก Gaming Notebook ทั่วไปอย่าง Acer Nitro 5 แบบรู้สึกได้แบบทันที
ฝาหลังจะมีโลโก้ Predator สีเงินขอบสีฟ้า พร้อมกับความสามารถเปล่งแสงสีฟ้าได้เมื่อเปิดเครื่อง (รุ่นปี 2020 ได้ตัดตัวอักษร Predator ออกไปแล้ว) ส่วนขอบด้านหน้าจะมีการว้าวเว้นเอาไว้ให้เปิดฝาได้ง่าย ตรงขอบก็จะมีการตัดมุมไว้ให้ดูสวยงามและโดดเด่นกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป สำหรับด้านฐานล่างตัวเครื่อง Acer Predator Triton 300 (2020) รุ่นนี้เป็นอะลูมิเนียมเรียบๆ พร้อมมียางรองขนาดเล็กทั้งหมด 4 จุด ช่วยยกตัวเครื่องให้สูงขึ้น ช่วยส่งมวลลมเย็นถูกดูดเข้าช่องลมขนาดใหญ่ได้มากขึ้นส่งผลให้มีประสิทธิภาพในการระบายความร้อนที่ดี ส่วนงานประกอบก็เนียบเหมือนเดิม เรื่องนี้ไว้ใจทาง Acer เค้าได้เลย
ขอบบานพับมีไฟ LED แสดงสถานะการทำงาน ส่วนตรงกลางเหนือคีย์บอร์ดมีการติดตั้งช่องลมโปร่งขนาดใหญ่เพื่อให้ช่วยดูดลมเย็นระบายความร้อนที่ดีกว่าเดิม ซึ่งตรงบริเวณนี้ตรงขอบบนมุมขวาจะเป็นโลโก้ระบบเสียง DTS:X Ultra อีกทั้ง Acer Predator Triton 300 (2020) ใช้เทคโนโลยีการระบายความร้อนด้วยพัดลมแบบพิเศษ AeroBlade Gen 4 ใช้พัดลม 2 ตัว ตัวละ 59 ใบพัดขนาด 0.1 มิลลิเมตร ออกแบบพิเศษได้รับแรงบันดาลใจจากกลไกการบินที่เงียบสนิทและทรงพลังของนกฮูก ปลายใบพัดลมของเราจึงมีรอยหยักเพื่อให้อากาศผ่านได้มากขึ้น อีกทั้งปีกเล็กๆ บนขอบใบพัดส่วนบนและล่างและครีบโค้งที่ใบพัดด้านในช่วยลดการแปรปรวนของอากาศได้มากยิ่งขึ้น
ซึ่งมีช่องระบายอากาศถึง 4 จุด อยู่ทางด้านหลังและด้านข้างของตัวเครื่อง เป่าไล่ลมร้อนผ่านชุดระบายที่แยกการระบายความร้อนระหว่างชิปประมวลผล (พัดลม 1 ตัว) และการ์ดจอ (พัดลม 1 ตัว) ด้วย Heat Pipes รวมกันถึง 4 เส้น ที่ใหญ่กว่ารุ่นก่อนๆ หายห่วงได้เลยในเรื่องของอุณหภูมิ และความทนทานในการใช้งานฮาร์ดแวร์ในระยาวไม่ว่าจะเล่นเกมหนักแค่ไหนก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความร้อนสะสม อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยปุ่มกดที่เร่งประสิทธิภาพของ Acer Predator Triton 300 (2020) อย่าง Turbo ที่เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของ Predator ทุกรุ่น
ซึ่งอยู่เหนือแป้นคีย์บอร์ดทางซ้าย เพียงการกดครั้งเดียว ตัวเครื่องจะเร่งรอบพัดลมอัตโนมัติให้แรงที่สุดทั้ง 2 ตัว เพื่อให้ชิปประมวลผลทำได้เต็มที่ 100% ส่วนการ์ดจอก็จะมีการเร่งความแรงไปอีกให้เกิน 100% ด้วยการ Overclock เรียกได้ในการเล่นเกมเพื่อให้ลื่นไหลที่สุด ในการจัดการความร้อนที่ดีที่สุด เราสามารถทำได้ง่ายมากเพียงปุ่มเดียวเท่านั้น แต่ก็อย่าลืมว่ากดแล้วพัดลมก็จะดังที่สุดเช่นเดียวกัน คงเป็นเรื่องที่ต้องยอมรับกันได้ (แต่ถ้าใช้งานทั่วไปก็จะมีความเงียบมากๆ แทบไม่ได้ยินเสียงว่าพัดลมทำงานรอบต่ำเลยทีเดียว)
โดยรวมแล้ว Acer Predator Triton 300 (2020) ไม่ใช่แค่แรงแต่ในประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยมด้วย เรียกได้ว่าเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในโน๊ตบุ๊คเล่นเกมสายบางเบาช่วงงบประมาณ 4x,xxx บาท + ก็ว่าได้เลย ที่จัดเต็มทุกฟีเจอร์จริงๆ อย่างที่ Gaming Notebook ทั่วไปไม่สามารถให้ได้ แต่มีข้อสังเกตเล็กน้อยว่าตัวเครื่องเป็นรอยนิ้วมือง่ายไปหน่อย แต่ก็เช็ดออกได้ไม่ยากนัก ปิดท้ายด้วยส่วนมุมขวาล่างจะเป็นสติ๊กเกอร์ที่เน้นย้ำเรื่องของฟีเจอร์ต่างๆ อาทิ ความบางตัวเครื่อง 19.9 มิลลิเมตร, รองรับการอัพเกรด SSD x 3, พัดลม AeroBlade Gen 4, Killer DoubleShot Pro, HDMI, ระบบเสียง DTS:X Ultra อีกด้วย
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ Acer Predator Triton 300 (2020) ถือว่าเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ที่ขอบบาง แต่ไม่ได้มีการตัดชุด Numpad ด้านขวาออกไปแต่อย่างใด เชื่อว่าหลายคนน่าจะถูกใจสิ่งนี้ โดยมีปุ่มที่ใหญ่และช่องว่างที่พอดี ทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมๆ กัน สำหรับดีไซน์ตัวปุ่มเองก็มีความพิเศษที่เป็นขอบสีขาวกึ่งโปร่งแสงให้ความสวยงามเวลาใช้งานจริง
นอกจากนี้บริเวณด้านขวายังมีการทำปุ่ม Hotkey พิเศษ เรียกซอฟต์แวร์ PredatorSense ขึ้นมาได้ รวมไปถึงมีปุ่มปรับระดับเสียง ทำให้สะดวกยิ่งขึ้นไปอีก อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยปุ่ม WASD, PredatorSense และปุ่มทิศทางที่จะมีขอบที่โปร่งแสงแบบพิเศษที่สำคัญไฟ LED ก็เป็นแบบ 4 โซน เราสามารถตามใจของผู้ใช้หลากหลายรูปแบบ ให้วิ่งไปมาตามโปรไฟล์ต่างๆ ผ่านทางซอฟต์แวร์ PredatorSense หรือจะปรับเป็นสีเดียวนิ่งๆ ก็ทำได้ เช่นตั้งไว้เป็นสีขาวหรือสีฟ้าสีเดียว
ส่วนในการใช้งาน Turbo เราก็สามารถกดปุ่มได้เลย โดยเมื่อกดแล้วเราจะเห็นว่ามีไฟสีฟ้าสว่างขึ้นที่ปุ่ม พร้อมกับรอบพัดลมที่ดังขึ้น และตัวซอฟต์แวร์เองก็จะแสดงสถานะการทำงานของการ Overclock การ์ดจอด้วย แต่มีเงื่อนไขก็คือ จำเป็นต้องต่ออแดปเตอร์ด้วย จึงจะสามารถใช้งานปุ่ม Turbo ได้ (ถ้าไม่ได้ต่อเครื่องจะแจ้งเตือน) เรียกได้ว่าเป็นฟีเจอร์ที่ใช้งานได้ง่ายและใช้ได้จริงด้วย และในส่วนของปุ่ม Power เปิดปิดเครื่องได้ถูกติดตั้งไว้ที่มุมซ้ายบนของคีย์บอร์ด ซึ่งไม่ต้องกังวลไปว่าถ้ามือเผลอไปโดนแล้วเครื่องจะปิด เพราะต้องกดค้างเอาไว้ 3 วินาที ถึงจะมีข้อความเตือนขึ้นมาว่าจะปิดเครื่องหรือไม่
ทัชแพดมีขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้นพิเศษ โดยดูเป็นเนื้อเดียวกับตัวเครื่อง ตัวปุ่มคลิกเป็นแบบชิ้นเดียวกับทัชแพด พร้อมพื้นผิวที่เรียบลื่นซึ่งช่วยเพิ่มการตอบสนองต่อการใช้งานได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น ใช้งานได้สะดวกสำหรับการวางบนตัก หรือเล่นในร้านกาแฟ โดยการควบคุมมีการตอบสนองได้ดี มีการตัดขอบเส้นสีเงินที่ขอบนอก เข้ากับตัวเครื่องโดยรวมเป็นอย่างดี
Screen / Speaker
Acer Predator Triton 300 (2020) มีหน้าจอแสดงผลขนาด 15.6″ ความละเอียดเป็น Full HD รองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz/3ms ทำให้ภาพปรากฏออกมามีความลื่นไหลแบบสุดๆ กว่าที่ตาเราเห็น พร้อมใช้พาเนลคุณภาพสูง IPS โดดเด่นในของเรื่องมุมภาพที่กว้างแบบสีสันไม่เพี้ยน เมื่อใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกมก็ทำได้อย่างเป็นอย่างดี เรียกได้ว่าเล่นเกมก็เทพทำงานก็เยี่ยม ส่วนบานพับก็แข็งแรงกว่ารุ่นพร้อมกางได้ถึง 145 องศา พร้อมขอบหน้าจอที่บางเฉียบ แต่ก็ยังสามารถติดตั้งกล้องเว็บแคมและไมโครโฟนแบบคู่ไว้ด้านบนได้ ที่สำคัญบริเวณมุมขอบหน้าจอซ้ายและขวายังมีการตัดมุมให้ดูสวยงามลงตัวแตกต่างจาก Gaming Notebook ทั่วไป
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Acer Predator Triton 300 (2020) ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS คุณภาพสูง เราใช้เครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 95% Adobe RGB 70% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับที่ดีมากๆ สูงเกือบ 100% ทีเดียว ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คทั่วไป คือ พอสู้แสงกลางแจ้งได้ รวมไปถึงการทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็ทำได้ดีเช่นกัน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ ของ Acer Predator Triton 300 (2020) โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากหลายช่องดูว่าช่องไหนจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางของจอเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ที่สุด แต่สำหรับช่องมุมซ้ายล่างของจอเหมือนจะมีแสงสว่างที่ลดลงระดับ 11% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว จากการที่ความไม่สม่ำเสมอของความสว่างหน้าจอนั่นเอง
ระบบเสียง Acer Predator Triton 300 (2020) ก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน ด้วยลำโพงแบบสเตอริโอติดตั้งอยู่มุมหน้าด้านล่างของตัวเครื่อง โดยมีซอฟแวร์ปรับแต่งเสียง DTS:X Ultra ระบบเสียงที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งเล่นเกมหรือทำงานทั่วไป ทำให้มีการปรับแต่งเสียงที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปอย่างชัดเจน พร้อมจำลองเสียง 3 มิติ สนับสนุน VR เต็มรูปแบบใช้เล่นเกมนี่บันเทิงได้เต็มอารมณ์ ยิ่งถ้าต่อหูฟังยิ่งได้อรรถรสในการเล่นเกมได้ดีขึ้นไปอีกระดับ
Connector / Thin And Weight
Acer Predator Triton 300 (2020) จัดว่าเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6 นิ้วซึ่งมีขนาดบางเบาและเล็กกว่าปกติ แต่ก็ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น 3 x USB 3.2 Type-A Gen 2, 1 x USB 3.2 Type-C Gen 2, 1 x HDMI 1.4, 1 x miniDisplayPort 1.2, RJ45 (E2600 Ethernet Controller) และ Mic-in/Headphone-out อย่างไรก็ตามพอร์ตการเชื่อมต่ออาจจะชิดกันไปหน่อย เวลาเชื่อมต่อพร้อมๆ กันอาจจะติดกันได้ ส่วนนี้ก็ต้องระวังกันเล็กน้อย ส่วนพอร์ต USB สีฟ้าก็ดูเข้ากันกับตัวเครื่องเป็นอย่างดี
มี Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 6 AX อย่าง AX1650 ระบบเน็ตเวิร์คสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะลดกาารกระตุกช่วยให้การเล่นเกมออนไลน์ได้ลื่นๆ ลดค่าปิงต่ำได้เป็นอย่างดี ทำงานผ่านทาง Killer Control Center 2.0 อีกทั้งยังมีคุณสมบัติ Matrix Display ช่วยให้ต่อจอทำงานหลากหลายจอแบบรอบทิศทาง HDMI และ miniDisplayPort ส่วนของการพกพา ก็ถือว่าทำได้ดี ด้วยน้ำหนัก 2.3 กิโลกรัม เหนือมาตรฐานของ Gaming Notebook ที่สำคัญอแดปเตอร์มีขนาดที่เล็กและเบาลงกว่าเดิมเล็กน้อย โดยรวมพอจะพกพาไปไหนมาไหนได้อยู่
Inside / Upgrade
การแกะเครื่องเพื่ออัพเกรด Acer Predator Triton (2020) นั้นสามารถทำได้ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย จากที่วัสดุเป็นโลหะแข็งแรงต้องระวังมากๆ เริ่มจากไขน็อตทุกตัวรอบฝาล่างออก จะมีน็อตแค่ตัวเดียวที่มีสติกเกอร์แปะอยู่ เราสามารถเจาะทะลุไปได้เลย จากนั้นใช้มือค่อยๆ ดึงออกมาได้เลยจากด้านหลังมาด้านหน้าทีละข้าง โดยเวลาทำห้ามใจร้อนเด็ดขาด โดยจัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่งานประกอบแน่นหนา งานประกอบการจัดวางตำแหน่งคล้ายกับ Predator หลายๆ รุ่น มีฮีท์ไปป์สองเส้นพาดผ่าน CPU และ GPU โดยมีพัดลมสองตัวแยกออกจากกันชัดเจน พร้อมช่องระบายความร้อนแบบ 4 ช่อง คือหลัง 2 และด้านข้างอีก 2 ฟินเป็นสีฟ้าสวยงาม
ซึ่งแรมกับฮาร์ดดิสก์จะแยกส่วนกันอย่างชัดเจน ที่เห็นได้ถึงแรมสามารถติดตั้งได้ 2 แถว โดยติดตั้ง 8GB จำนวน 2 แถวมาแล้ว โดยรองรับสูงสุดที่ 32GB ส่วน SSD M.2 NVMe รองรับการติดตั้ง 2 สล็อตด้วยกัน พร้อมมีน็อตมาให้ด้วย อย่างไรก็ตามการแกะฝาล่างนั้นไม่ทำให้หลุดประกันแต่บริษัทจะไม่รับผิดชอบหากแกะเองแล้วเกิดความเสียหาย สรุปแล้วถือได้ว่า Acer ทำการบ้านมาได้ดีกว่าเดิม การแกะตัวเครื่องเพื่ออัพเกรดหรือทำความสะอาดก็สามารถทำได้ง่ายและก็สะดวกทีเดียว
Performance / Software
สำหรับ Acer Predator Triton 300 (2020) มาพร้อมกับชิปประมวลผลรุ่นยอดนิยมของ Gaming Notebook อย่าง Intel Core i Gen 10 H อย่าง Core i7-10750H เน้นนำไปใช้งานหนักๆ มากกว่ารุ่นรองอย่าง Core i5-10300H ที่ใช้กันในหลายๆ รุ่น ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม 3 มิติ ที่กินทรัพยากรสูง โดยมีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.60 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 5.00 GHz เป็นซีพียูแบบ 6 Core 12 Threads มาพร้อมแรมภายในขนาด 32GB DDR4 Bus 2933 MHz แบบ 16GB x 2 แถว ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้ใช้งานลื่นไหลทันทีแบบสบายๆ
การ์ดจอเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น โดยมีกราฟิกการ์ดจอแยกตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Max-Q ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ แรงเป็นรอง RTX 2070 ไปเล็กน้อย แต่ได้เรื่องของความร้อนที่ปลดปล่อยออกมาน้อยกว่า เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เรียกว่าสำหรับเกมออนไลน์สามารถทำได้ลื่นไหลแน่นอน แต่ยังไงไปดูผลทดสอบอีกทีดีกว่าด้านล่าง
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ที่กลายเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook ไปแล้ว ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 1TB แบบ M.2 NVMe PCIe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าทำงานได้อย่างเต็มเปี่ยม โอนไฟล์ไปมาขนาดใหญ่ได้สบายๆ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3169 MB/s และเขียนที่ 2998 MB/s ที่เร็วกว่ารุ่นก่อนๆ แต่ก็ถือว่าดีกว่ามาตรฐาน SATA 3 แบบเดิมๆ แล้ว
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 5038 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมชิปประมวลผล Core i7-10750H มีการ์ดจอแยกอย่าง RTX 2070 Max-Q แต่ถ้าเทียบจริงๆ จะเห็นถึงคะแนนที่สูงกว่า Gaming Notebook ในสเปกที่ใกล้เคียงกันพอสมควรทีเดียว
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10750H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce RTX 2070 Max-Q ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 32GB DDR4 Bus 2933 MHz รวมไปถึง SSD NVMe PCIe ก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Resident Evil 3 / Battlefield V/ FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว โดย Battlefield V เปิด DX12 แต่เลือกปิด DLSS / Ray Tracing ที่แม้จะทำให้ภาพสวยแต่ก็กินทรัพยากรเครื่องพอตัวอยู่ เฟรมเรทเฉลี่ยของทั้ง 4 เกม อยู่ที่ระดับ 90 + ทั้งหมดเลย
เกมออนไลน์กินสเปกเบาๆ หน่อยอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 120 ขึ้นไปตลอด (PUBG ได้ 127) ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แต่ถ้าเทียบกับ Gaming Notebook รุ่นอื่นที่สเปกใกล้เคียงกัน
ที่สำคัญด้วยหน้าจอ พาเนล IPS แบบที่สนับสนุนการแสดงผล Refresh Rate ที่ 144Hz / 3ms ประกอบกับ G-Sync ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ โดยไม่มีอาการฉีกขาด เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ 144Hz อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล หรือเอาจริงๆ สำหรับเกมสไตล์ MOBA แค่ 60 FPS นิ่งๆ ก็เอาอยู่ หรือถ้าอยากให้วิ่ง 120 Hz ขึ้นไป ก็จะปรับกราฟิกของเกมลงมาต่ำๆ หน่อย
โดยเทคโนโลยี RTX Ray-Tracing คือเทคโนโลยีที่มาพร้อมกับความสามารถในการประมวลผลการให้แสงสำหรับเกมแบบ real-time จากที่ก่อนหน้านี้ผู้พัฒนาเกมจะต้องใช้วิธีการสร้าง geometries แบบสับซ้อนซึ่งทำให้การประมวลผลแสงในเกมให้เหมือนจริงที่ใช้กำลังของ GPU ค่อนข้างหนัก RTX Ray-Tracing นั้นจะเข้ามาช่วยทำให้ GPU นั้นทำงานน้อยลงและสามารถที่จะประมวลผลในส่วนอื่นๆ ได้มากขึ้นกว่าเดิม ทว่าการที่จะทำได้นั้นตัวเกมเองก็ต้องใช้เอนจิ้นที่รองรับเทคโนโลยี RTX Ray-Tracing นี้ด้วย
Acer Predator Triton 300 (2020) มาพร้อมกับซอฟแวร์ยูทิลิตี้ PredatorSense ที่ทำให้เราสามารถปรับค่าต่างๆ ในตัวเครื่องได้อย่างง่ายดายไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่าไฟคีย์บอร์ด RGB, ไฟพัดลม, เร่งรอบพัดลมได้เมื่อต้องใช้งานหนักๆ รวมไปถึงเรายังสามารถ Overclock การ์ดจอ เพื่อเร่งประสิทธิภาพให้แรงยิ่งขึ้นไปอีกได้ และสุดท้ายกับการดูสถานะการทำงานของตัวเครื่องก็มีทั้ง อุณหภูมิ รอบพัดลม กันแบบเวลาจริงเลยล่ะ เรียกได้ว่า Acer ใส่ใจใน Predator Sense เพื่อให้เราใช้งานได้งานและใช้งานได้จริงทีเดียว
นอกจากนี้ทาง Acer Predator Triton 300 (2020) เองก็ยังมีในส่วนของซอต์ฟแวร์ที่จะเป็นตัวช่วยในการใช้งานของเราอีกด้วยอย่าง Acer Care Center (เปิดเครื่องมาเจอเลย) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน ที่สำคัญถ้าใครต้องการ Backup หรือ Recovery ข้อมูลภายในก็จัดการได้เลย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน Acer Predator Triton 300 (2020) เครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราว 1:30 ชั่วโมงเท่านั้นโดยประมาณ ดังนั้นเวลาใช้งานจริงโดยปรับความสว่างหน้าจอและเสียงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจะทำให้แบตเตอรี่มีระยะเวลาใช้งานยาวนานน้อยหรือมากกว่านี้ ถือว่าใช้งานแบตเตอรี่ได้น้อยกว่าโน๊ตบุ๊คในสเปกที่ใกล้เคียงกันมาก
สำหรับอุณหภูมิเมื่อใช้งานแบบปกติชิปประมวลผลจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 50 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 30 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัด ซึ่งทั้งหมดนี้ดูผ่านทางซอฟต์แวร์ Core Temp เพื่อดูว่าชิปประมวลผล CPU ว่าจะร้อนที่สุดเย็นที่สุดเท่าไรในการใช้งานจริงๆ
ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของตัวเครื่องสำหรับซีพียู อยู่ที่ไม่เกิน 92 องศาเซลเซียส ที่ต้องบอกว่าค่อนข้างเย็นทีเดียว ถ้าเทียบความแรงที่ได้ ส่วนที่เป็นการ์ดจอจะอยู่ที่ 83 องศาเซลเซียสเท่านั้น โดยดูผ่านทาง Hardware Monitor นับว่ามีความเย็นพอตัว จากกที่เป็นการ์ดจอรุ่นใหม่ตระกูล Max-Q ส่วนเสียงพัดลมก็ดังพอสมควร จากการที่เปิดฟีเจอร์ Turbo + Overclock พร้อมเพิ่มรอบพัดลมเป็น 6,000 รอบต่อวินาที จากการที่มีพัดลม 2 ตัว แต่ก็ไม่ถือว่ารบกวนอะไรมากมายสำหรับคนที่เล่นเกมอยู่แล้ว โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้อย่างไม่น่าเป็นห่วง
Conclusion / Award
Gaming Notebook น้ำหนักเบาถือเป็นสิ่งหนึ่งที่เกมเมอร์หลายคนต้องการจับจองเป็นเจ้าของ ซึ่งปกติแล้วโน๊ตบุ๊คเล่นเกมแรงๆ แต่ละรุ่นมักจะมีน้ำหนักที่เยอะ พกพาลำบาก เวลาใส่กระเป๋าแบกไปไหนมาไหนปวดหลังปวดไหล่กันสุดๆ แต่ว่าสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นแน่นอน กับ Acer Predator Triton 300 (2020) เพราะเป็นโน๊ตบุ๊คระดับกลางค่อนไปทางสูงสำหรับการเล่นเกม ที่ไม่หนาและหนักเกินไป โดยมีน้ำหนักแค่ 2.3 กิโลกรัมเท่านั้น อีกทั้งยังมีความบางตัวเครื่องเพียง 19.9 มิลลิเมตร
ที่มีประสิทธิภาพที่แรงแบบเหนือชั้น คือน้ำหนักเบาเท่ากับรุ่นหน้าจอ 15.6″ เหมือนกับ Acer Nitro 5 รุ่นน้องเลยก็ว่าได้ แต่มีความเจ๋งตรงที่ได้สเปคสุดแรง Intel Core Gen 10H อย่างชิปประมวลผล i7-10750H รุ่นล่าสุด พร้อมผสานการทำงานกับ NVIDIA GeForce RTX 2070 Max-Q ซึ่งเป็นการ์ดจอตัวแรงแต่ปลดปล่อยความร้อนออกมาน้อยกว่ารุ่นปกติ ในตลาด Gaming Notebook บอกเลยสวยงามตามสไตล์ดีไซน์ Predator ที่ได้ทั้งความบางเบา ประสิทธิภาพระดับสูงสุด และความสวยงามในเครื่องเดียว
สำหรับตัวเครื่องออกแบบมาใหม่หมด บอดี้เป็นอลูมิเนียมอัลลอยสีดำแซมด้วยสีฟ้า เรียกได้ว่าดีไซน์โดยรวมต่อยอดมาจากรุ่นเดิมนั่นเอง โดย Acer Predator Triton 300 (2020) จะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว Full HD IPS รองรับ Refresh Rate ที่ 144 Hz/3ms ขอบเขตสี sRGB ใกล้เคียง 100% คีย์บอร์ดแบบใหม่ 4 Zone RGB ที่ยังมี Numpad มาให้ใช้งานใช้งานสะดวกดีเช่นเดิม ลำโพงระบบเสียงจัดเต็มด้วยเทคโนโลยีอย่าง DTS:X Ultra ที่ล้ำหน้ากว่าด้วยการจำลองเสียง 3 มิติ
การระบายความร้อนตัวเครื่องเป็นแบบพัดลมพิเศษ AeroBlade Gen 4 ที่มีพัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 3 เส้น ขนาดใหญ่ ช่องระบายความร้อน 4 พร้อมช่องดูดลมเย็นขนาดใหญ่และระบบ Turbo ช่องหมดห่วงเรื่องตัวเครื่องร้อน ขณะเครื่องทำงานหนัก 100% ส่วนแรมตัวเครื่องให้มา 32GB DDR4 Bus 2933 MHz ความจุ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB ตัวแรงระดับ 3,000 + MB/s นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับ Windows 10 แท้พร้อมใช้งานอีกด้วย
ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อก็มีมาให้ครบครันหายห่วงทั้ง USB 3.2 Type-C x 1, USB 3.2 Type-A x3, RJ45, HDMI, mini DisplayPort รูหูฟังกับไมค์แบบแยกออกจากกัน แต่น่าเสียดายที่ตัดช่อง SD Card Reader ออกไปด้วย ซึ่งเข้าใจว่าไม่เหลือที่แล้ว อีกทั้งแบตเตอรี่จากการทดสอบใช้งานอยู่ที่ 3 ชั่วโมงเท่านั้น ส่วนตัวถือว่าน้อยไปหน่อย สำหรับ Gaming Notebook ระดับนี้ โดยราคาของ Acer Predator Triton 300 (2020) สนนราคาที่ 59,990 บาท พร้อมประกัน 3 ปีเต็มแบบ On-site Service มาตรฐาน Acer ที่ทุกไว้ใจได้ หรือถ้าใครงบน้อยกว่านี้จะดูเป็นรุ่น 43,990 – 54,990 บาทก็ได้
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Acer Predator Triton 300 (2020) ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Multimedia
Acer Predator Triton 300 (2020) เป็น Gaming Notebook ที่มีความสดใหม่และเทคโนโลยีล้ำๆ มากมาย อาทิเช่น หน้าจอพาเนล IPS รองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz/3ms ที่มีค่า sRGB ใกล้เคียง 100% สุดๆ, ระบบเสียง DTS:X Ultra, ระบบอินเตอร์เน็ต Killer Network รวมไปถึงซอฟต์แวร์ PredatorSense ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง และอื่นๆ อีกมากมาย สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมสำหรับคนงบเยอะ ต้องการอะไรที่ครบที่สุด ถือได้ว่าเป็นผู้นำในตลาด Gaming Notebook ยิ่งเทียบในระดับเดียวกันยิ่งหาตัวจับยาก
Best Performance
ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-10750H ประสิทธิภาพแรงเพียงพอต่อทุกๆ การทำงาน ได้การ์ดจอแรงและร้อนน้อยกว่า อย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Max-Q ที่ทั้ง 2 อย่างนี้ระดับ Gaming Desktop ระดับท็อปแล้ว มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.2 NVMe ที่ 1TB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 32GB แบบ DDR4 แน่นอนทั้งตัวเครื่องนั้นแทบไม่ต้องอัพเกรดอะไร ลื่นไหลที่สุดอย่างไร้กังวล รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล ให้ประสบการณ์ใช้งานได้เยี่ยมยอดที่สุด ไม่ว่าจะความบันเทิงหรือทำงานก็ตาม พร้อมมีปุ่ม Turbo กดทีได้ Overclock ได้เลย
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Acer Predator Triton Series มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Acer Predator Triton 300 (2020) ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวในมิติที่เล็กกระชับลงกว่าเดิม ขอบจอบางเฉียบ แต่มีการออกแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ออกแนวดุดันและเรียบหรูมากยิ่งขึ้น เครื่องบางเพียง 19.9 มิลลิเมตร และเบาที่ 2.3 กิโลกรัม ด้วยการใช้การตัดสีดำกับฟ้า รวมไปถึงไฟคีย์บอร์ด แบบ 4 โซน RGB ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน เชื่อได้ว่าหลายๆ คนที่เป็นเกมเมอร์ต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน