Apple เปิดตัว iPhone 12 Series อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว ในงาน Apple Even ในวันที่ 13 ตุลาคม 2020 (ตรงกับเวลา 00:00 น. ตามเวลาประเทศไทย) พร้อมกับผลิตภัณฑ์อย่าง HomePod Mini ด้วย ทีมงาน Notebookspec จึงได้นำสรุปสเปคผลิตภัณฑ์ใหม่จากทาง Apple หลังเปิดตัวภายในงานนี้มานำเสนอ จะมีอะไรกันบ้าง มาดูกันเลย
สรุปสเปค iPhone 12 Series
iPhone รุ่นใหม่นั้นมีออกมา 4 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ iPhone 12 Mini (5.4 นิ้ว), iPhone 12 (6.1 นิ้ว), iPhone 12 Pro (6.1 นิ้ว) และ iPhone 12 Pro Max (6.7 นิ้ว) โดยในส่วนสเปคของ แต่ละตัวในซีรี่ส์นี้นั้น ค่อนข้างที่จะตรงตามข่าวลือที่ได้หลุดออกมาอย่างมากมายในช่วงก่อนหน้า และสเปคที่ออกมาอย่างเป็นทางการนั้นมีดังนี้
ดีไซน์
เริ่มต้นกันด้วยดีไซน์ของ iPhone ที่เปิดตัวออกมาอย่างเป็นทางการนั้น เป็นไปอย่างที่ข่าวลือที่ออกมาก่อนหน้าถึง 90% เลยทีเดียว โดยดีไซน์ของ iPhone รุ่นใหม่ทั้งซีรี่ส์นั้นให้ความรู้สึกว่าได้ Back to Basic อีกครั้ง เพราะมีความคล้ายคลึงกับ iPhone 4 เป็นอย่างมาก โดยจะมีขอบค่อนข้างเหลี่ยม ตัวเครื่องเป็นโลหะ แบนราบ ประกบด้วยแผ่นกระจกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยกระจกด้านหน้าจะเป็นแบบ Ceramic Shield เพิ่มความคงทนกว่าเดิมถึง 4 เท่า มาพร้อมจอภาพ Super Retina® XDR ที่กว้างเกือบจะเต็มขอบ มอบความสว่างและความสมจริงมากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ Notch หรือรอยบากด้านบนนั้นดูเหมือนจะยังมีขนาดเท่าเดิม
สีสัน
iPhone 12 รุ่นธรรมดาและรุ่น mini มาในดีไซน์อะลูมิเนียมที่ให้เลือกด้วยกัน 5 สี ได้แก่ Black, White, Green, Blue และ (PRODUCT)RED ส่วนในรุ่นPro และ Pro Max นั้น มีให้เลือกด้วยกัน 4 สี ได้แก่ Silver, Gold, Graphite และสีสันใหม่ที่เป็นไฮไลท์อย่าง Pacific Blue
หน้าจอแสดงผล
iPhone รุ่นใหม่ทั้ง 4 รุ่น มาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ Super Retina XDR โดย
- iPhone 12 Mini: มาพร้อมหน้าจอขนาด 5.4 นิ้ว ที่ตัวเครื่องมีความเล็กกว่า iPhone 8 แต่มีความกว้างของหน้าจอที่มากกว่า และ all‑screen OLED display 2340 x 1080 pixel ความละเอียด 458 ppi
- iPhone 12: มาพร้อมหน้าจอขนาด 6.1 นิ้ว all‑screen OLED display 2352 x 1170 pixel ความละเอียด 458 ppi
- iPhone 12 Pro: มาพร้อมหน้าจอขนาด 6.1 นิ้ว all‑screen OLED display 2352 x 1170 pixel ความละเอียด 458 ppi
- iPhone 12 Pro Max: มาพร้อมหน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว all‑screen OLED display 2778 x 1284 pixel ความละเอียด 458 ppi
ทั้งหมดนี้รองรับ
- HDR display
- True Tone
- Wide color (P3)
- Haptic Touch
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าทั้ง 4 รุ่นนี้จะยังไม่มีหน้าจอแสดงผลที่รองรับรีเฟรชเรท 120Hz ดังที่ข่าวลือออกมา
การรองรับเทคโนโลยี 5G
iPhone รุ่นใหม่ทั้ง 4 รุ่นนั้นรองรับเทคโนโลยีเครือข่าย 5G ทั้ง sub-6 GHz และ mmWave ให้ความรวดเร็วในการดาวน์โหลดและอัพโหลดที่สูงขึ้น การสตรีมวิดีโอที่มีคุณภาพสูง การเล่นเกมที่ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น การโต้ตอบภายในแอพที่รวดเร็ว ไปจนถึงการโทร FaceTime แบบความละเอียดสูง ฯลฯ
ชิปประมวลผล
สเปคของทั้ง 4 รุ่นนั้นมาพร้อมกับชิปประมวลผล Apple A14 Bionic ที่ผลิตด้วยสถาปัตยกรรมแบบ 5 นาโนเมตร ที่ทาง Apple ได้เริ่มนำมาใช้ใน iPad Air 4 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งผลทดสอบการทำงานที่ออกมานั้นถือว่าเร็วแรง และทำคะแนนได้ดีทั้ง Single-Core และ Multi-Core (เผยผลทดสอบชิป A14 Bionic ของ iPad Air 4) ให้ประสิทธิภาพของการทำงานของ CPU ที่สูงขึ้นกว่าเดิมถึง 40% และมีประสิทธิภาพของการทำงานด้าน GPU สูงขึ้นกว่า 30% เมื่อเทียบกับ ชิปประมวลผล A12 Bionic และให้ประสิทธิภาพของ CPU เพิ่มขึ้น 16% และมีประสิทธิภาพของ GPU เพิ่มขึ้น 8.3% เมื่อเทียบกับชิป A13 Bionic ที่อยู่ใน iPhone 11
กล้อง
- iPhone 12/iPhone 12 Mini
- กล้องหลังเป็นแบบ Dual Camera กระจกเลนส์ครอบทับด้วย Sapphire Crystal, เลนส์ Wide 12MP f/1.6 เลนส์ 7 ชิ้น รองรับ OIS, 100% Focus Pixel ส่วนเลนส์ Ultra-Wide 12MP f/2.4 มุมกว้าง 120 องศา
- กล้องหน้า TrueDepth 12MP f/2.2 ถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 60fps รองรับการถ่ายวิดีโอ HDR แบบ Dolby Vision
- Pro
- กล้องหลัง มี 3 ตัว ได้แก่ เลนส์ Pro Camera กระจกเลนส์ครอบทับด้วย Sapphire Crystal, เลนส์ Wide 12MP f/1.6 เลนส์ 7 ชิ้น รองรับ OIS, 100% Focus Pixel, 1.4 µm, เลนส์ Ultra-Wide 12MP f/2.4 มุมกว้าง 120 องศา และเลนส์ Telephoto 12MP f/2.0
- กล้องหน้า TrueDepth 12MP f/2.2 ถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 60fps รองรับการถ่ายวิดีโอ HDR แบบ Dolby Vision
- Pro Max
- กล้องหลัง มี 3 ตัว ได้แก่ เลนส์ Pro Camera กระจกเลนส์ครอบทับด้วย Sapphire Crystal, เลนส์ Wide 12MP f/1.6 เลนส์ 7 ชิ้น รองรับ OIS แบบ Sensor-Shift, 100% Focus Pixel, 1.7 µm, เลนส์ Ultra-Wide 12MP f/2.4 มุมกว้าง 120 องศา เลนส์ Telephoto 12MP f/2.2
- ด้านหลังมี LiDar Scanner ยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้งานในด้าน AR และเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายภาพให้สวยงามและมีมิติมากยิ่งขึ้น
- กล้องหน้า TrueDepth 12MP f/2.2 ถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 60fps รองรับการถ่ายวิดีโอ HDR แบบ Dolby Vision
ความจุ
สำหรับความจุที่ Apple ให้มาใน iPhone รุ่นใหม่ทั้ง 4 รุ่นนั้นมีดังนี้
- iPhone 12 mini จะมาพร้อมตัวเลือกด้านความจุ 3 ตัวเลือก ได้แก่ 64GB, 128GB และ 256GB
- iPhone 12 จะมาพร้อมตัวเลือกด้านความจุ 3 ตัวเลือก ได้แก่ 64GB, 128GB และ 256GB
- iPhone 12 Pro จะมาพร้อมตัวเลือกด้านความจุ 3 ตัวเลือก ได้แก่ 128GB, 256GB และ 512GB
- iPhone 12 Pro Max จะมาพร้อมตัวเลือกด้านความจุ 3 ตัวเลือก ได้แก่ 128GB, 256GB และ 512GB
พอร์ตและสายชาร์จ
iPhone รุ่นใหม่นั้นจะได้รับสายชาร์จแบบใหม่โดยจะเป็นสาย USB-Type C to Lightning และ Apple จะไม่มีการแถม Power Adapter และ EarPods มาให้แล้วในกล่อง โดยทาง Apple ให้เหตุผลว่าเป็นในด้านของสิ่งแวดล้อม (Apple ได้ยกเลิกการแถม Power Adapter ใน Apple Watch รุ่นใหม่ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนกันยายน 2020 ที่ผ่านมาแล้วเช่นกัน) ทั้งนี้ Apple ได้นำ MagSafe กลับมาใช้ใน iPhone รุ่นใหม่นี้ด้วยโดย MagSafe Charger จะเป็นอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายแบบแม่เหล็กที่สามารถชาร์จไฟได้ดีกว่าที่ชาร์จไร้สายแบบเดิม และยังรองรับการชาร์จไร้สาย 15W
ราคา
สำหรับราคาใน iPhone รุ่นใหม่ทั้ง 4 รุ่นนั้น มีดังนี้
- รุ่น mini (5.4”)
- 64GB ราคา $699 ราคาไทย 25,900 บาท
- 128GB ราคา $749 ราคาไทย 27,900 บาท
- 256GB ราคา $849 ราคาไทย 31,900 บาท
- รุ่นธรรมดา (6.1”)
- 64GB ราคา $799 ราคาไทย 29,900 บาท
- 128GB ราคา $849 ราคาไทย 31,900 บาท
- 256GB ราคา $949 ราคาไทย 35,900 บาท
- รุ่น Pro (6.1”)
- 128GB ราคา $999 ราคาไทย 36,900 บาท
- 256GB ราคา $1,099 ราคาไทย 40,900 บาท
- 512GB ราคา $1,299 ราคาไทย 48,900 บาท
- รุ่น Pro Max (6.7”)
- 128GB ราคา $1,099 ราคาไทย 39,900 บาท
- 256GB ราคา $1,199 ราคาไทย 43,900 บาท
- 512GB ราคา $1,399 ราคาไทย 51,900 บาท
Apple จะเริ่มเปิดให้จอง iPhone รุ่นใหม่อย่าง 12 ธรรมดาและ 12 Mini ในวันที่ 16 ตุลาคม 2020 ส่วนในรุ่น Pro และ Pro Max นั้นจะเริ่มเปิดให้จอง 6 พฤศจิกายน 2020 ก่อนจะวางขายรุ่นธรรมดาและรุ่น Pro ในวันที่ 23 ตุลาคม 2020 และวางขายรุ่น Mini และรุ่น Pro Max 13 พฤศจิกายน 2020
และสำหรับในประเทศไทย จะวางขายหน้าร้านพร้อมกันทุกรุ่นในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2020 นี้ (สำหรับการสั่งซื้อผ่านทางช่องทางออนไลน์นั้นยังไม่มีการยืนยันชัดเจน)
ตารางเปรียบเทียบสเปค iPhone 12 ทั้ง 4 รุ่น
iPhone 12 Mini | iPhone 12 | iPhone 12 Pro | iPhone 12 Pro Max | |
Display | OLED 5.4″ (Super Retina XDR) ความละเอียด 2340 x 1080 / 476 ppi | OLED 6.1″ (Super Retina XDR) ความละเอียด 2532 x 1170 / 460 ppi | OLED 6.1″ (Super Retina XDR) ความละเอียด 2532 x 1170 / 460 ppi | OLED 6.7″ (Super Retina XDR) ความละเอียด 2778 x 1284 / 458 ppi |
Chipset | A14 Bionic | A14 Bionic | A14 Bionic | A14 Bionic |
RAM | 4 GB (?) | 4 GB (?) | 6 GB (?) | 6 GB (?) |
Memory | 64GB / 128GB / 256GB | 64GB / 128GB / 256GB | 128GB / 256GB / 512GB | 128GB / 256GB / 512GB |
Rear Camera | Dual Camera กระจกเลนส์ครอบทับด้วย Sapphire Crystal, เลนส์ Wide 12MP f/1.6 เลนส์ 7 ชิ้น รองรับ OIS, 100% Focus Pixel เลนส์ Ultra-Wide 12MP f/2.4 มุมกว้าง 120 องศา รองรับ Deep Fusion | Dual Camera กระจกเลนส์ครอบทับด้วย Sapphire Crystal, เลนส์ Wide 12MP f/1.6 เลนส์ 7 ชิ้น รองรับ OIS, 100% Focus Pixel เลนส์ Ultra-Wide 12MP f/2.4 มุมกว้าง 120 องศา รองรับ Deep Fusion | กล้องหลัง 3 ตัว เลนส์ Pro Camera กระจกเลนส์ครอบทับด้วย Sapphire Crystal, เลนส์ Wide 12MP f/1.6 เลนส์ 7 ชิ้น รองรับ OIS, 100% Focus Pixel, 1.4 µm, เลนส์ Ultra-Wide 12MP f/2.4 มุมกว้าง 120 องศา เลนส์ Telephoto 12MP f/2.0 รองรับ Deep Fusion | เลนส์ Pro Camera กระจกเลนส์ครอบทับด้วย Sapphire Crystal, เลนส์ Wide 12MP f/1.6 เลนส์ 7 ชิ้น รองรับ OIS แบบ Sensor-Shift, 100% Focus Pixel, 1.7 µm, เลนส์ Ultra-Wide 12MP f/2.4 มุมกว้าง 120 องศา เลนส์ Telephoto: 12MP f/2.2 มี LiDar Scanner ยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้งานในด้าน AR และเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายภาพให้สวยงามและมีมิติมากยิ่งขึ้น รองรับ Deep Fusion |
Front Camera | TrueDepth 12MP f/2.2 ถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 60fps รองรับการถ่ายวิดีโอ HDR แบบ Dolby Vision | TrueDepth 12MP f/2.2 ถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 60fps รองรับการถ่ายวิดีโอ HDR แบบ Dolby Vision | TrueDepth 12MP f/2.2 ถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 60fps รองรับการถ่ายวิดีโอ HDR แบบ Dolby Vision | TrueDepth 12MP f/2.2 ถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 60fps รองรับการถ่ายวิดีโอ HDR แบบ Dolby Vision |
Video | 4K สูงสุด 60fps / HDR แบบ HDR Dolby Vision 30fps | 4K สูงสุด 60fps / HDR แบบ HDR Dolby Vision 30fps | 4K สูงสุด 60fps / HDR แบบ HDR Dolby Vision 60fps | 4K สูงสุด 60fps / HDR แบบ HDR Dolby Vision 60fps |
Network | WiFi 6 Bluetooth 5.0 3G 4G 5G Nano-SIM eSIM | WiFi 6 Bluetooth 5.0 3G 4G 5G Nano-SIM eSIM | WiFi 6 Bluetooth 5.0 3G 4G 5G Nano-SIM eSIM | WiFi 6 Bluetooth 5.0 3G 4G 5G Nano-SIM eSIM |
Battery | ไม่ระบุ [2,227mAh (?)] | ไม่ระบุ [2,775mAh (?)] | ไม่ระบุ [2,775mAh (?)] | ไม่ระบุ [3,687mAh (?)] |
64GB ราคา 25,900 128GB ราคา 27,900 256GB ราคา 31,900 | 64GB ราคา 29,900 128GB ราคา 31,900 256GB ราคา 35,900 | 128GB ราคา 36,900 256GB ราคา 40,900 512GB ราคา 48,900 | 128GB ราคา 39,900 256GB ราคา 43,900 512GB ราคา 51,900 |
สเปคดังกล่าวเป็นสเปคอย่างเป็นทางการ ยกเว้น RAM กับ Battery เป็นเพียงสเปคจากข้อมูลการคาดการณ์เท่านั้น
อ่านบทความเพิ่มเติม/เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
- โปรโมชั่นติดเน็ตบ้านสุดคุ้ม!! ในราคาไม่ถึงหลักพัน อัพเดตตุลาคม 2020
- 5 เว็บไซต์ แก้ไข PDF ง่าย ๆ ไม่ต้องง้อโปรแกรม
- 5 วิธี ลบไฟล์ขยะ Windows 10 ให้คอมฯ ลื่น หายหน่วง ไม่ต้องลงโปรแกรม
- 7 วิธี แคปหน้าจอคอม ง่าย ๆ ทำได้ฟรี ไม่ต้องลงโปรแกรม
- 7 วิธี โหลดคลิปจากยูทูป ด้วยโปรแกรมฟรี ใช้งานง่าย โหลดได้ทุกคลิป
- วิธีดู Windows 10 แท้ และตรวจสอบประเภท Windows ด้วยวิธีง่าย ๆ