คุณเคยสงสัยบ้างมั้ยว่า ทำไมหลายคนให้ความสำคัญกับการเล่นเกม หรือบางคนก็ถึงขั้นลงทุนกับอุปกรณ์เกม ยอมจ่ายเงินจำนวนมาก และต้องใส่ใจในรายละเอียดในการเลือกใช้อุปกรณ์คอม เกมมิ่งเกียร์ ส่วนหนึ่งนั้นก็เพื่อความสนุก และคำตอบจากเหล่าเกมเมอร์ทั้งมือใหม่และมือเก่า ก็คือ เพื่อความทนทาน รวมถึงการได้เปรียบในสนามแข่ง ซึ่งก็คงไม่ต่างไปจากกีฬาอื่นๆ ที่ต้องมีทีมช่วยเหลือ เช่นเดียวกับเกมเมอร์ที่จริงจัง ก็ต้องมีอุปกรณ์ที่พร้อมในการเล่น และนอกจากคอมแรง เมาส์ คีย์บอร์ด หูฟัง ที่ต้องพร้อมแล้ว จอเกมมิ่ง ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้การเล่นเกมสนุก และสร้างความได้เปรียบเหนือกว่าคู่แข่งได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ZOWIE เป็นจอเกมมิ่งจากค่ายที่เรียกว่า สร้างชื่อมาจากสนามแข่ง เพราะถ้าสังเกตให้ดี ทัวร์นาเมนต์เกือบทั่วโลก ยังใช้จอภาพจากค่าย ZOWIE ในการแข่งขัน หลายๆ รายการ ส่วนหนึ่งนั่นก็เพราะ เป็นแบรนด์ที่ได้รับการพัฒนาและผลิตขึ้นมาจากเกมเมอร์ ที่เป็นนักแข่งระดับอีสปอร์ตระดับโลก ทั้งในเรื่องรายละเอียด ฟีเจอร์และฟังก์ชั่นที่เกิดขึ้นมานั้น ล้วนออกแบบมาเพื่อนักแข่งขันเกมอีสปอร์ต จึงไม่น่าแปลกใจที่จอ ZOWIE นี้ ไม่เพียงจะอยู่ในสนามแข่งเท่านั้น แต่ยังเป็นจอฝึกซ้อมของเหล่านักแข่งอีสปอร์ตจำนวนมาก
ZOWIE XL2746S จอเกมมิ่ง ที่มีฟีเจอร์จัดเต็มมาเพื่อคอเกมโดยเฉพาะ ด้วยหน้าจอขนาด 27 นิ้ว กว้างกำลังดี มองเห็นได้ทั้งหน้าจอ โดยไม่ต้องถอยระยะร่นออกมา พาแนลแบบ TN คุณภาพสูง ให้อัตรารีเฟรชเรตสูงถึง 240Hz เป็นแบบชิ้นเดียว ไม่ได้ปรับเสริมเติมแต่ง ทำให้ได้ภาพที่คมชัด ตอบสนองไว เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ด้วยฟังก์ชั่นการปรับเลื่อนหน้าจอได้หลายระดับ ไม่ว่าจะเป็นการปรับสูง ต่ำ หรือหมุนซ้าย-ขวา รวมถึงลูกเล่นที่เป็นรายละเอียดมาให้กับผู้ใช้ได้สัมผัส เช่นเดียวกับอัตราความสว่าง 320cd/m2 ค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับจอในระดับเดียวกัน ความละเอียด 1920 x 1080 พร้อมกับลำโพงในตัว เสียงดังฟังชัด พอร์ตต่อพ่วงครบครัน เลือกปรับโหมดได้ผ่านทาง สวิทช์รีโมต เลือกรูปแบบการเล่นได้ตามต้องการ รวมถึงสร้างโพรไฟล์ของตนเองได้ และที่น่าสนใจคือ ฟีเจอร์สำคัญ ที่จะช่วยให้คุณคว้าชัยชนะในการเล่นเกมได้ง่ายขึ้น อาทิ DyAc+, Black eQualizer และ Color Vibrance เป็นต้น
Specification
- LCD size (inch): 27
- Aspect ratio: 16:9
- Max. resolution: 1920 x 1080 at 240Hz (HDMI 2.0, DP)
- Pixel pitch (mm): 0.311
- Typ. brightness (cd/㎡): 320
- Typ. contrast : 1000:1
- Typ. DCR (DyNamic Contrast Ratio): 12M:1
- Panel type: TN
- Fast liquid crystal: Yes
- Input/Output connector: DVI-DL / HDMI x2 / DP1.2 / headphone jack / mic jack
- USB: Downstream x2, Upstream x1
- Power supply (90~264 AC): Built-in
- Power consumption (On mode): 55W
- Dimensions (HxWxD mm): 558.8 (Highest) / 419.4 (Lowest) x 632.5 x 225.0
- Net weight (kg): 8.7
- Dynamic Accuracy: V (DyAc⁺)
- Shield: V
- S Switch: V (Profiles to go)
- Black eQualizer: V
- Color Vibrance: V
- Low Blue Light: V
- Flicker-free: V (DyAc⁺ off)
- K Locker: V
การออกแบบและคุณภาพการแสดงผล
ในแง่ของดีไซน์ หากใครได้รู้จักกับ ZOWIE ตั้งแต่ในช่วงแรกๆ จะเห็นว่ายังคงสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ไว้อย่างเหนียวแน่น กับโทนสีดำ ตัดเส้นสายสีแดง พร้อมกับฐานขนาดใหญ่
ด้านหลังกับฐานและขาตั้งขนาดใหญ่ บอดี้ไม่ได้เน้นเล็กบาง แต่ใส่ความหนาของขาตั้ง เพื่อให้รับน้ำหนักได้ดี นอกจากนี้ด้านบนยังทำช่องเพื่อใช้ยกหิ้ว ฐานด้านล่างยังมีลูกเล่นในการหมุนได้อีกด้วย
ปุ่มสำหรับปรับแต่งหน้าจอ ในการควบคุม OSD มีด้วยกัน 5 ปุ่ม และปุ่มเพาเวอร์อีก 1 ปุ่ม
ด้านหลังที่เป็นสีดำเงานั้น จะเป็นพาแนลลวดลายคอร์บอน เน้นความสวยงาม บนขาตั้งมีโลโก้ BenQ ส่วนที่ตัวจอ มาพร้อมโลโก้ ZOWIE สีแดงสดใส ตัดกับพื้นสีดำได้โดดเด่น
มุมมองอีกด้าน จะเห็นได้ว่าขนาดไม่ธรรมดาเลยทีเดียว แม้จะเป็นจอขนาด 27 นิ้วก็ตามที
ด้านบนเหมือนจะให้ยกหิ้วได้ ซึ่งตามจริงใช้งานได้อีกหลากหลายเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการห้อยสายต่อ หรือแขวนอุปกรณ์อื่นๆ ไว้ด้านหลัง
จุดที่เป็นความพิเศษของจอรุ่นนี้ นอกจากจะปรับเลื่อนจอขึ้นลงในได้แล้ว ยังมีแถบบอกระดับ ให้กับผู้ใช้ได้กำหนดระยะที่เหมาะสมได้อีกด้วย เช่น ความสูงหน้าจอที่คุณใช้แล้วถนัด อาจจะมาร์กจุดด้วยตัวเลื่อนสีแดงเอาไว้ มีใครมาปรับหน้าจอเรา ก็สามารถปรับกลับคืนได้ง่ายขึ้น
เช่นเดียวกับตัวมาร์กจุดระดับความสูง ในแง่ของการหมุนบนฐาน การหันซ้าย-ขวา ก็มีตัวบอกไว้เช่นกัน
ด้านข้างมาพร้อมกับพอร์ต USB มาให้ สำหรับการต่ออุปกรณ์ เช่น Flash drive หรือ Ext. Storage ด้านล่างจากเป็นแจ๊คสำหรับหูฟังและไมโครโฟน
ด้านหลังนอกจากจะมาในรูปแบบของคาร์บอนเคฟลาร์ ที่ดูเท่ๆ แล้ว ส่วนที่ชอบก็คือ มีบอกข้อมูลตรงช่องต่อพอร์ตเอาไว้เลย ไม่ต้องก้มๆ เงยๆ เมื่อเสียบสาย เป็นตัวอักษรสีแดง เห็นได้ชัดเจน
พอร์ตต่อพ่วง สำหรับนำสัญญาณเข้ามา ประกอบด้วย DVI-D, HDMI 2.0, HDMI 1.4 และ DisplayPort 1.2 หากต้องการใช้ 240Hz แนะนำ HDMI 2.0 และ DisplayPort
ในการหมุนหน้าจอนั้น สามารถหันหน้าจอได้ซ้ายและขวา ด้านละ 45 องศา ซึ่งก็มากพอ ในกรณีที่จะต้องหมุนให้คนที่อยู่ใกล้ๆ ได้มองเห็นง่ายขึ้น แต่ถ้าเป็นเกมเมอร์ อาจจะไม่ได้ใช้ในโหมดการหันหน้าจอแบบนี้มากนัก แต่มีไว้ก็ดีกว่าไม่มี
ขาตั้งหน้าจอ ZOWIE รุ่นนี้ รองรับการปรับขึ้นและกดลงได้ ราวๆ 14cm เรียกว่าขอบล่าง แทบจะแตะฐาน ส่วนปรับสูงสุด ก็เลยศีรษะไปเลยด้วยซ้ำ จุดนี้ถือว่าทำได้ดี เพราะเหมาะกับการใช้งานหลายๆ ประเภท
มาถึงอีกลูกเล่นหนึ่ง ที่มาพร้อมหน้าจอ ZOWIE รุ่นนี้ คือ Shield ที่อยู่ทั้ง 2 ข้างของหน้าจอ ซึ่งใช้สำหรับกันแสง และการรบกวนบริเวณหางตา แม้จะดูว่าเป็นของที่อาจดูแปลกๆ แต่สิ่งนี้มักปรากฏอยู่บนจอคอม ที่ใช้สำหรับทำงานหรือจอระดับไฮเอนด์ ที่ราคาค่อนข้างสูง ในการลดแสงด้านข้างมารบกวน และสิ่งที่จะตามมาคือ การมีสมาธิจดจ่อมากขึ้น รวมถึงความเป็นส่วนตัว
เมื่อปิด Shield ด้านข้างแล้ว จากแสงไฟที่สาดเข้ามา ก็ดูจะลดน้อยลงไปทีเดียว แม้จะดูเป็นลูกเล่นที่เรียบง่าย แต่ก็ใช้ได้ผลในหลายโอกาส บอกไว้ก่อนว่า จะติดไว้หรือถอดออกก็ได้ ตามความต้องการ ใช้ไขควง 4 แฉก น็อต 4 ตัว แต่แนะนำว่า ติดไว้ดีกว่าครับ
มาถึงอุปกรณ์สำคัญอีกอย่างหนึ่ง ที่เรียกว่าต้องมี และใช้งานได้ดีในหลายๆ โอกาส ZOWIE เรียกว่า S-Switch ครับ อุปกรณ์นี้เป็นสิ่งที่คล้ายกับเมาส์ ที่ใช้ปรับเมนู ฟังก์ชั่นต่างๆ ที่ปรากฏบน OSD ของจอ ให้สามารถใช้ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องไปกดปุ่มบนหน้าจอให้เสียเวลา
S-Switch จะคล้ายการทำงานของเมาส์ เพราะมีทั้งปุ่มกดและ Scroll เพื่อเลื่อนไปมา ในการเลือกเมนู โดยปุ่มซ้ายมือจะเป็นคำสั่ง ย้อนกลับ ไปเมนูก่อนหน้านี้ ปุ่มขวาจะเป็น Input เลือกสัญญาณที่เข้ามา ตัวเลข 1, 2 และ 3 ด้านล่าง จะใช้เป็นโพรไฟล์โหมด สามารถเลือกใช้โหมดที่ตั้งไว้ หรือจะกำหนดเอง ด้วยการกดค้าง เพื่อ Save Profile ได้เอง เช่น เลือก ปุ่ม 1 สำหรับ FPS, 2 สำหรับ RTS หรือ 3 สำหรับชมภาพยนตร์ เป็นต้น
โหมดการตั้งค่าใน OSD – Game Settings
DyAc+ คีย์ฟีเจอร์ที่สำคัญของจอ ZOWIE XL2746S ที่มีในรุ่นท็อปนี้เท่านั้น สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มความนิ่งของภาพ ลดอาการเบลอ ในช่วงที่มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงของการยิงปืนออกไปเป็นชุดๆ จะเห็นผลค่อนข้างมาก โดยจะทำให้ภาพมีความนิ่งขึ้น ไม่สั่นไหวไปตามแรงปืน จึงสามารถลั่นกระสุนเป็นชุด เด็ดชีพคู่ต่อสู้ได้แม่นยำกว่าเดิม มีให้เลือก 3 ระดับคือ Premium, High และ Off
Black eQualizer ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มักเจอกันบ่อยบนจอเกมมิ่งที่มีประสิทธิภาพสูง ฟีเจอร์นี้จะช่วยเพิ่มความสว่างให้ในฉากที่มืดของเกม ให้คุณสามารถมองเห็นศัตรูได้ง่ายขึ้น มีให้ปรับถึง 20 ระดับ
Color Vibrance เป็นทริกเล็กๆ ที่เกมเมอร์หลายคนชื่นชอบ เพราะบางคนไม่ได้เน้นเรื่องความละเอียดในการเล่นเกม ปรับต่ำ เพื่อลดการใช้พลังของระบบ สำหรับเฟรมเรตที่ลื่นขึ้น แต่เพิ่มในส่วนของสีสันหรือ White Balance เข้าไป เทคนิคนี้มีส่วนช่วยให้มองเห็นศัตรูรอบข้างได้ง่ายขึ้น ยิ่งศัตรูใส่ชุดสีเรียบๆ หรือเป็นสีพื้น ก็จะยิ่งทำให้เป็นจุดสังเกตได้ง่าย ไม่กลมกลืนไปกับฉากนั่นเอง
ฟีเจอร์นี้จะเป็นการลดแสงสีฟ้า เพื่อถนอมสายตาในกรณีที่เล่นนานๆ หรือเล่นในห้องที่มีแสงน้อยเป็นต้น
Picture Mode:
ในส่วนของ Picture mode มีให้เลือกถึง 8 แบบด้วยกัน คือ โหมดเกม FPS 1,2 และ RTS ส่วน Gamer 1-3 จะให้ผู้ใช้สามารถบันทึกตามความต้องการ และใช้คู่กับ S-Switch ได้ ส่วนอีก 2 โหมด คือ Movie และ Standard
จอภาพรุ่นนี้ยังสามารถ ปรับแต่งค่าสี Gamma เพิ่มเติมได้ถึง 5 รูปแบบด้วยกัน สำหรับเพิ่มเติมจาก Picture mode
การปรับค่าอุณหภูมิสี 4 ระดับ ส่วนนี้จะใช้ในการปรับร่วมกับโหมดต่างๆ เพื่อให้ได้ระดับสีที่ใกล้เคียงกับความต้องการ ในกรณีที่ใช้ในห้องที่มีแสงไฟต่างกัน
Display Mode:
Display mode: จะมีให้เลือก Source หรือสัญญาณที่จะ Input เข้ามาที่จอ ZOWIE นี้ มีให้เลือก 4 แบบ DVI, DisplayPort, HDMI 1 และ HDMI 2 กรณีที่จะใช้รีเฟรชเรต 240Hz ให้ติดตั้งที่ DisplayPort หรือ HDMI 2.0
นอกจากนี้ ยังรองรับการปรับค่า Ratio ของหน้าจอได้ในแบบต่างๆ ตั้งแต่ขนาด 17″ (4:3) หรือ 21.5″ (16:9) และรูปแบบอื่นๆ เพื่อให้เหมาะกับแอพพลิเคชั่นหรือการใช้งานที่ต่างออกไป
ในการปรับแต่งด้วยการใช้ S-Switch ปุ่ม Scroll สีแดง ค่อนข้างสะดวกทีเดียว เพราะคุณสามารถใช้ปุ่มนี้ ควบคุมการทำงานทั้งหมดได้ ทั้งกดเลือก, เลื่อนขึ้นลงในการหาเมนูคำสั่ง, และกด Ok เพื่อยืนยันได้อีกด้วย
ตัวอย่างหน้าตาของเมนูคำสั่ง สามารถปรับเปลี่ยนในช่วงที่เล่นเกมได้เลย แต่ถ้าให้ดี กำหนดเป็น Profile แล้วกดที่ปุ่ม 1, 2 หรือ 3 จะช่วยให้ใช้งานได้เร็วขึ้น
ทดสอบ จอเกมมิ่ง ZOWIE XL2746S
DyAc+ เทคโนโลยีที่ช่วยลดอาการเบลอของภาพ ในช่วงที่มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เช่น การยิงปืนออกไปเป็นชุดๆ จะเห็นผลค่อนข้างมาก โดยจะทำให้ภาพรอบๆ มีความนิ่งขึ้น ไม่สั่นไหวไปตามแรงปืน จึงสามารถลั่นกระสุนเป็นชุด เด็ดชีพคู่ต่อสู้ได้แม่นยำกว่าเดิม มีให้เลือก 3 ระดับคือ Premium, High และ Off ยิ่งถ้าคุณเป็นคนที่เล่นเกมแนว FPS หรือแอ็คชั่นชู้ตติ้ง ไม่ว่าจะเป็น PUBG, Warzone, Apex, COD, Battlefield แนวๆ นี้ จะช่วยให้คุณได้เปรียบในการจัดการศัตรูรอบตัวได้แม่นยำกว่า สังเกตได้จากตัวอย่างด้านบนนี้
ใครที่ชอบปรับความฉูดฉาดของสี เพื่อให้เห็นรายละเอียดภายในฉากได้มากยิ่งขึ้น ซึงแทนที่คุณจะไปปรับในฟังก์ชั่น เช่น Color, Color Temp หรือ Gamma ให้ยุ่งยาก ก็แค่กดปุ่มจาก S-Switch แล้วเลือก Color Vibrance แล้วปรับตามที่ชอบ แต่การปรับสุด อาจทำให้คุณตาลายได้เช่นกัน เพราะสีจะฉูดฉาดมาก ตัวอย่างจากเกม Battlefield V และ PUBG ตามภาพด้านบน ฝั่งขวาจะปรับ Low ให้ดูเป็นสีพื้นฐาน ทุกอย่างจะเห็นเป็นระนาบเดียวกัน แทบมองไม่เห็นศัตรูได้ชัด ส่วนทางด้านซ้าย คือการปรับ High จะเห็นว่าสีของวัตถุต่างๆ จะแยกกันออกอย่างชัดเจน รวมถึงพื้นที่ในห้อง จะเห็นว่าวัตถุจะเด่นออกมาอย่างน่าสนใจ แต่ถ้าเล่นเกมทั่วๆ ไป แนะนำว่าปรับกลางๆ ก็พอครับ ยกเว้นว่าคุณชอบสีจัดมากๆ
มาถึงฟีเจอร์ของ Black eQualizer กันบ้าง ต้องบอกว่าเป็นอีกสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณเล่นอย่างได้เปรียบยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฉากภายนอกหรือในอาคาร ยิ่งในมุมมืด การต่อสู้ในฉากที่มืดสุดๆ คุณก็จะยังเห็นองค์ประกอบภายในฉากได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อคุณเล่นเกมแนว Dark ที่มีฉากมืดเยอะ เช่น Dead by Day Light, Batman หรือ Home Sweet Home หรือเกมแอ็คชั่นอื่นๆ ที่อยู่ในอาคารเป็นหลัก เพราะจะทำให้คุณเห็นสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้น โอกาสที่คุณจะส่องเฮดช็อตศัตรูในจุดต่างๆ ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามยังไม่ทันเห็นคุณได้เลย
Conclusion
ในภาพรวมของ จอเกมมิ่ง ZOWIE XL2746S รุ่นนี้ ถ้าเป็นเรื่องของการออกแบบและรูปลักษณ์ อาจไม่ได้หรูหราหรือเน้นสีสัน เหมือนกันจอในท้องตลาดมากนัก เพราะดูจะไปทางจอทำงาน กับความเรียบง่าย แต่เน้นที่ฟีเจอร์และพาแนลภายในเป็นหลัก อย่างไรก็ดี ยังคงฟังก์ชั่นสำหรับการใช้งานอย่างมากมาย อาทิ หน้าจอปรับมุมก้ม-เงยได้ รวมถึงการปรับระดับให้สูง ต่ำตามความเหมาะสมกับการใช้งาน และปุ่มปรับ OSD ที่มีให้เลือกทั้งบนจอและ S-Switch ที่ควบคุมการทำงานได้ง่าย เมื่อดูโดยรวมจัดว่า ZOWIE ให้ความสำคัญในแง่ของ Functional มากกว่าดีไซน์ที่ดูล้ำๆ อีกจุดที่สำคัญคือ การวางลูกเล่นเล็กๆ เอาไว้ ให้กับผู้ใช้ เช่น ฐานที่หมุนหน้าจอซ้ายขวา ด้านละ 45 องศา มีพินกำหนดระยะการหมุน และความสูง-ต่ำของหน้าจอเอาไว้ เพื่อให้ปรับกลับค่าเดิมได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมี Shield ที่เป็นลูกเล่นบนจอสายทำงาน และลำโพงมาในตัว พลังเสียงไม่ธรรมดาเลย
ส่วนการเล่นเกมนั้น บรรดาฟีเจอร์ที่มีมาให้ ช่วยให้คนที่เล่นเกมแบบจริงจังสนุกได้มากขึ้น โดยเฉพาะสายเกมแอ็คชั่น FPS นั้น เทคโนโลยี DyAc+ ช่วยเพิ่มความแม่นยำได้น่าสนใจ ยิ่งใครที่ชอบตั้งค่ายิงเป็นชุดเอาไว้ จะได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด เช่นเดียวกับการตั้งค่า Color Vibrance และ Black eQualizer ที่แม้ว่าจะดูไม่น่ามีอะไรมากกว่า การปรับสีและความสว่าง แต่อย่าลืมว่าฝ่ายตรงข้าม ที่ไม่ได้ปรับจอเอาไว้ หรือเล่นบนหน้าจอปกติทั่วไป จะไม่ได้เห็นเหมือนกับบน ZOWIE รุ่นนี้ การซ่อนซุ่มตัว ที่คิดว่าแนบเนียนแล้ว ก็มีโอกาสโดนเราส่องหัวได้ง่ายๆ หลังจากที่ลองเล่น PUBG และ Battlefield V ยิ่งในฉากที่ดูมืดทะมึนหน่อย ก็สามารถสอยศัตรูได้อย่างสนุก แต่ตรงนี้ก็ต้องปรับให้พอเหมาะ ไม่อย่างนั้นอาจทำให้ภาพดูผิดเพี้ยนไปเกินพอดี แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องย้ำไว้คือ หากคุณต้องการเล่นให้ลื่นๆ บนจอนี้ ก็ต้องหาเครื่องสเปคแรงไว้หน่อย หรือถ้าไปได้ราวๆ 120Hz ก็ลองปรับค่าบน Display Properties เพื่อให้สอดคล้องกับการเล่น เท่านี้ภาพก็ดูลื่นขึ้นเยอะแล้วครับ สนนราคาอาจจะสูงไปบ้าง แต่นั่นก็คือ แลกมากับความสนุกและการสร้างความได้เปรียบ แต่เชื่อเถอะครับว่า ลองไปดูจอเกมมิ่งที่สเปคใกล้เคียงกัน ZOWIE รุ่นนี้ ราคาถือว่าคุ้มค่าน่าใช้เลยทีเดียว
จุดเด่น
-อัตรารีเฟรชเรต 240Hz
-มีฟีเจอร์ช่วยการเล่นเกม Black eQualizer, Color Vibrance, DyAc+
-มีสวิทช์ควบคุม OSD แยก ใช้ง่าย
-ฐานจอหมุนได้ ปรับระดับสูงต่ำและ Pivot
-ปรับสีสันการเล่น รวมถึงความสว่างได้ชัดเจน
ข้อสังเกต
-ขอบจอค่อนข้างใหญ่
-การดีไซน์ไม่เน้นความหวือหวา
ราคา: ประมาณ 23,900 บาท
ติดต่อ:
💻 ZOWIE Website: https://bit.ly/2ZXUFjt
💻 ZOWIE Facebook: https://www.facebook.com/zowiethailand/
🛒 สั่งซื้อได้แล้ววันนี้ที่: https://bit.ly/3eEsZUF
