HP Pavilion Gaming 16 รุ่นล่าสุด เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมขนาดหน้าจอ 16.1″ รุ่นแรกของโลก ต่อยอดมาจาก HP Pavilion Gaming 15 พร้อมอัพเดทสเปกใหม่ได้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10H อย่าง i7-10750H หรือ Core i5-10300H กับการที่เป็น Gaming Notebook คุ้มค่า จับคู่มากับการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1650 Ti ตอบสนองทุกการใช้งานได้อย่างลงตัว เล่นเกมลื่นไหล ในดีไซน์ที่แตกต่างไปจาก Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ มีความสวย ทันสมัยให้ความดุดัน เนี๊ยบเฉียบ พร้อมเลือกใช้สีสันเป็นโทนดำแซมด้วยเขียว กับน้ำหนักที่ 2.35 กิโลกรัม
ความโดดเด่นยังเป็นเรื่องหน้าจอที่ได้เป็นพาเนล IPS ความละเอียด Full HD รองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz ได้ที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ใช้งานทันที (พร้อมรองรับการอัพเกรด HDD 2.5″ SATA 3 ได้ภายหลัง) มาพร้อมแรมขนาด 8GB DDR4 Bus 2933MHz มี Windows 10 แท้ใช้งานได้ทันที สนนราคาขายจริงสเปกนี้อยู่ที่ 30,900 – 34,900 บาท (ต่างกันที่สเปกชิปประมวลผลเท่านั้น) การรับประกันที่เป็นแบบ On-site Service ระยะเวลา 2 ปี พร้อมบริการหลังการขายอื่นๆ
VDO Review
NBS Verdict
เป็นจุดเด่นที่สุดของ HP Pavilion Gaming 16 เลยก็ว่าได้ ด้วยการปรับหน้าจอให้ใหญ่กว่า Gaming Notebook รุ่นมาตรฐานทั่วไป ที่ปกติแล้วเป็นขนาด 15.6″ แต่ HP Pavilion Gaming 16 เป็นขนาด 16.1″ เรียกได้ว่าใหญ่ที่ 0.5″ ซึ่งดูแล้วเป็นทิศทางของ Gaming Notebook ในตลาดหลังจากนี้ด้วย คาดว่าในอนาคตหลายๆ แบรนด์น่าจะทยอยขยับหน้าจอเป็น 16.1″ กันหมดก็เป็นไปได้ (เป็นเรื่องเทคนิคทางการผลิตที่อาจจะคุ้มค่ากว่า 15.6″) แต่ที่แน่ๆ HP Pavilion Gaming 16 เป็นรุ่นแรกในตลาด ส่วนสเปกก็ทำได้เยี่ยมตามาตรฐานด้วยชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10H และการ์ดจอ GeForce GTX 1650 Ti พร้อมแรม 8GB DDR4 Bus 2933 MHz ได้ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB
จากการที่แอดมินโป้งสัมผัสและใช้งานจริงๆ ของ HP Pavilion Gaming 16 ทั้งการเล่นเกมหลากหลายเกม มีความร้อนที่เกิดขึ้นอยู่เกณฑ์ที่เย็นกว่ารุ่นก่อนๆ แม้จะใช้ชุดระบายความร้อนแบบเดิม รวมไปถึงทำงานนอกสถานที่ก็ใช้แบตได้ยาวนานกว่า 6 ชั่วโมง และความบันเทิงดูหนังฟังเพลงที่บ้าน บอกได้เลยว่าทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบนั้นมีความน่าประทับใจ กับตัวเครื่องที่เล็กกระชับ ขอบหน้าจอที่บางลง ประสบการณ์ใช้งานที่เหนือชั้น รวมไปถึงมีสเปคประสิทธิภาพสูง เหลือเฟือในการใช้งานทั่วไป รวมไปถึงการเล่นเกมก็ทำได้อยู่ในเกรดที่ดี อีกทั้งมี Windows 10 มาให้พร้อมใช้งานด้วย ประกันก็เป็นแบบ 2 ปี On-site Service ที่ใช้งานได้อย่างสบายใจ
อย่างไรก็ตาม HP Pavilion Gaming 16 มีข้อสังเกตอยู่ในบ้างในเรื่องของการที่แรมติดเครื่องมาขนาด 8GB ทำให้เพื่อประสิทธิภาพที่ดียิ่งกว่า เราต้องอัพเกรดเองเป็น 16GB ในเรื่องของการเชื่อมต่อก็ครบครันก็จริง แต่ยังมีการติดตั้ง USB 3.1 Type-A มาให้เพียง 2 พอร์ตเท่านั้น (บางแบรนด์ให้มา 3 – 4 พอร์ต) อีกทั้งตัวทัชแพดเองก็ไม่มีปุ่ม Hotkey หรือฟังก์ชั่นไว้ปิด และไฟคีย์บอร์ดก็ดับอัตโนมัติ 30 วินาทีเท่านั้น ที่ไม่สามารถตั้งค่าใดๆ ได้ รวมไปถึงดีไซน์มันเหมือนกับ HP Pavilion Gaming 15 เลย เรียกได้ว่าแทบแยกกันไม่ออก ทั้งหมดนี้สำหรับบางคนถือว่าพอมองข้ามได้อยู่ เมื่อเทียบกับข้อดีหลายๆ ส่วนและราคาที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้กลับมา
จุดเด่น
- ดีไซน์การออกแบบสวยงาม งานประกอบแน่นวัสดุดี แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ
- ตัวเครื่องเล็กกระชับ แม้จะเป็นหน้าจอ 16.1″ แต่เล็กและเบาพอๆ กับโน๊ตบุ๊คจอ 15.6″
- ตัวเครื่องมีความบาง 23.6 มิลลิเมตรและเบาที่ 2.35 กิโลกรัมเท่านั้น
- ประสิทธิภาพสูงด้วยชิปประมวลผล Core i Gen 10H และการ์ดจอ GTX 1650 Ti
- ติดตั้งแรม 8GB DDR4 Bus 2933 MHz และ SSD M.2 NVMe 512GB ความเร็วสูง
- หน้าจอพาเนล IPS เกรดสูงมาก ที่ 92% sRGB และเป็น 144Hz
- ประสิทธิภาพในการเล่นเกมดีลื่นไหลทั้ง แนวออฟไลน์และออนไลน์
- คีย์บอร์ดมีไฟเป็นสีเขียวที่ดูแล้วสวยงาม ไม่เหมือนรุ่นอื่นๆ
- มาพร้อม Windows 10 และซอฟต์แวร์ HP ใช้งานได้ทันที
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 5 – 6 ชั่วโมง
- ลำโพง B&O คุณภาพเสียงดี น่าประทับใจ
- ราคาคุ้มค่ามากๆ เมื่อเทียบกับสเปก ฟีเจอร์ และดีไซน์
- สามารถจัดการความร้อนได้เป็นอย่างดี ถือว่าเย็นกว่าที่คาดเอาไว้
- ประกัน 2 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน
ข้อสังเกต
- มีพอร์ต USB 3.1 Type-A จำนวน 2 พอร์ตเท่านั้น
- ทัชแพดไม่สามารถปิดได้ เมื่อไม่ใช้งาน
- น่าจะใส่แรมมาขนาด 16GB จากราคาค่าตัว เราจะได้ไม่ต้องอัพเกรดเอง
- ซอฟต์แวร์ HP น่าจะสามารถปรับแต่งการใช้งาน Gaming ได้มากกว่านี้
Specification
สเปกเต็มๆ ของ HP Pavilion Gaming 16 ที่แอดมินโป้งได้รับรีวิวจากทาง HP นี้เป็นเครื่องขายจริงรุ่นท็อปสุด ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-10750H (2.60 GHz, 12 MB L3 Cache, up to 5.00 GHz) สถาปัตยกรรม Comet Lake ทำงานแบบ 6 คอร์ 12 เธรด แต่มีประสิทธิภาพความแรงที่สูงขึ้น โดยมีการ์ดจอออนชิปอย่าง Intel UHD Graphics 630 ไว้สำหรับการใช้งานแสดงผลพื้นฐาน พร้อมการ์ดจอแยกระดับ Gaming อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 Ti (4GB GDDR6)
ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 8GB แบบ DDR4 Bus 2933MHz (รองรับการอัพเกรดอีก 1 แถวทันที) พร้อมที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB รองรับการอัพเกรดเพิ่ม HDD SATA 3 ได้ภายหลัง ระบบปฎิบัติการเป็น Windows 10 พร้อมใช้งานตั้งแต่เปิดเครื่องครั้งแรก ได้หน้าจอขนาด 16.1″ เป็นรุ่นแรก แบบด้านลดแสงสะท้อน ความละเอียด Full HD พาเนล IPS คุณภาพดีให้สีสันสวยงามและมุมมองที่กว้างเพียงพอกับการใช้งาน เหมาะกับการทำงานหรือเล่นเกม ด้วยการรองรับ Refresh Rate ที่ 144 Hz
พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอลในตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง 1 x USB 3.1 Type-C, HDMI, 2 x USB 3.1 Type-A, Kensington lock slot, RJ-45 , Headset พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 6 AX สนนราคาขายจริงสเปกนี้อยู่ที่ 30,900 – 34,900 บาท (ต่างกันที่สเปกชิปประมวลผลเท่านั้น) การรับประกันที่เป็นแบบ On-site Service ระยะเวลา 2 ปี
- Core i5-10300H / GTX 1650 Ti / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 16.1″ IPS 144Hz ราคา 30,900 บาท
- Core i7-10750H / GTX 1650 Ti / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 16.1″ IPS 144Hz ราคา 34,900 บาท
Hardware / Design
หน้าตาการออกแบบเอง HP Pavilion Gaming 16 สเปก Core i Gen 10H ได้รับดีไซน์แบบรุ่นก่อนหน้าอย่าง HP Pavilion Gaming 15 มาเต็มๆ ซึ่งก็ต้องบอกว่าทำได้ดีเยี่ยมไม่แพ้ Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ ด้วยความโดดเด่นที่สวยดุดันตามสไตล์ของโน๊ตบุ๊คเล่นเกมที่บรรดาเกมเมอร์ชื่นชอบกัน กันขนาดหน้าที่ใหญ่ขึ้น 0.5″ ในมุมแทยง แน่นอนว่ามีความใหญ่ขึ้น แต่ถ้าเทียบมิติหรือแค่มองด้วยตาเปล่า ก็แทบจะไม่ค่อยรู้สึกเท่าไร เรียกได้ว่าเป็นขนาดที่อยู่ระหว่างรุ่นจอ 15.6″ และ 17.3″
เมื่อเปรียบเทียบกับ Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ ในช่วงราคาเดียวกัน ได้ความแตกต่างที่ความเรียบง่ายใช้เป็นโทนสีดำตลอดทั้งตัวเครื่องตัดกับสีเขียว (อาจจะมีม่วงตามมาในอนาคต) โดยฝาหลังของตัวเครื่องมีโลโก้ HP เป็นเอกลักษณ์สีเขียว สะดุดตาด้านบน ประกอบกับพื้นผิวสีดำด้านให้ความรู้สึกเป็น Gaming ที่ดี วัสดุทั้งหมดของตัวเครื่องพลาสติกเกรดดี มองแล้วคล้ายกับโลหะ แต่ได้มีการปรับดีไซน์ใหม่ดูดลมเย็นได้ดีขึ้น ซึ่งมีข้อสังเกตุเล็กน้อยคือเป็นรอยนิ้วมือค่อนข้างง่าย
สำหรับรูปลักษณ์และทิศทาง HP Pavilion Gaming 16 มีความคล้ายคลึงกับรุ่นก่อนหน้าที่เป็นสเปก AMD Ryzen 3000H แต่ก็แตกต่างด้วยกันด้วยมิติ จากการที่มีขนาดหน้าจอ 16.1″ ซึ่งต่างจากเดิมคือ 15.6″ ถือว่าน่าประทับใจไม่เป็นรองกัน กับมิติที่ตัวเครื่องที่เล็กกระทัดรัดเมื่อเทียบ Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ รุ่นปัจจุบัน โดยบางลงเพียง 23.6 มิลลิเมตร ซึ่งเท่าๆ กับโมเดล HP Pavilion Gaming 15 พร้อมน้ำหนักตัวเครื่องที่ 2.35 กิโลกรัม เทียบแล้วคือหนักกว่าเดิมเพียง 100 กรัมถ้าเทียบกับสเปก Intel Core i Gen 9H หรือ 50 กรัมเท่านั้น ถ้าเทียบกับรุ่นสเปก AMD Ryzen 3000H พร้อมขอบหน้าจอบางเฉียบ ทำให้เป็นโน๊ตบุ๊คที่สเปกแรงอีกรุ่นที่พกพาไปใช้งานได้สะดวก
ด้านในตัวเครื่องมาพร้อมสีสันที่โดดเด่นดำเขียว เช่นเดียวกัน วัสดุจะเป็นพลาสติกเกรดดีให้ความรู้สึกที่แข็งแรง ตัดด้วยไฟสีม่วงจากแป้นคีย์บอร์ดแบบใหม่ ที่ช่วยเสริมความสวยงามได้ดี ส่วนด้านซ้ายจะเป็นปุ่ม Power มีไฟเมื่อเปิดใช้งาน รวมถึงมีการใช้บานพับแบบแกนเดียวขนาดใหญ่ ที่ดูแข็งแรงทนทานสวยงามเข้ากับเครื่องได้ดีมากๆ ที่เชื่อได้ว่าไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องบานพับในระยะยาวของการใช้งานแต่อย่างใด พร้อมยกหน้าจอให้ระดับสูงกว่าเดิม ทำให้มุมมองการใช้งานดียิ่งขึ้น กางสุดได้มุมประมาณ 145 องศา
ด้านหลังได้มีการวางตำแหน่งช่องระบายความร้อนแบบแถวยาวแถวเดียว โดยซ่อนอยู่บานพับซึ่งใช้พัดลมแบบคู่ซึ่งมีการออกแบบได้ขนาดที่ใหญ่ขึ้น ตรงแกนฝาพับจะมีสกรีนตัวอักษร Pavilion สีเขียวไว้ เพื่อบ่งบอกว่าเป็นซีรีส์ Pavilion ชัดเจนดูโดดเด่น ส่วนด้านล่างตัวเครื่องจะมียางรอง 3 จุดตาม เป็นมุมตัวเครื่องด้านหน้า 2 จุด และแถวหลังจะทำเป็นรูปแนวแนวยาวสวยงามตามลักษณะของเครื่อง พร้อมช่องดูดลมเย็นขนาดใหญ่ โดนเป่าลมร้อนออกทางยานพับของตัวเครื่อง
ลำโพงแบบสเตอริโอของ Bang & Olufsen จะอยู่ที่ด้านบนตัวเครื่องเหนือชุดคีย์บอร์ดทำเป็นลายหกเหลี่ยมพื้นผิวนูนต่ำให้เสียงที่ดีใช้ได้เลยทีเดียว โดยมีโลโก้ B&O กำกับไว้มุมซ้ายล่างของคีย์บอร์ด รวมไปถึงในส่วนนี้ก็ได้มีการติดสติ๊กเกอร์ Intel Core i Gen 10H และ NVIDIA GeForce GTX เอาไว้อยู่ ที่สำคัญและโดดเด่นกว่ารุ่นไหนในท้องตลาดตอนนี้คือเป็น Gaming Notebook ขอบจอบางที่ดูแล้วสวยงามลงตัวอีกรุ่นนึงในตลาด พร้อมสติ๊กเกอร์แปะเอาไว้ว่าเป็นรุ่นหน้าจอ 144Hz ด้วย
สรุปเรื่องการออกแบบดีไซน์ของ HP Pavilion Gaming 16 สเปก Core i Gen 10H ต้องบอกว่าสวยงามตามสไตล์ของ HP โดยมีรักษาเอกลักษณ์ดีไซน์ที่ชัดเจน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ รวมไปถึงงานหนักๆ อย่างตัดต่อวีดีโอ หรือจะเอาไปทำงานเล่นอินเตอร์เน็ตก็สามารถรองรับได้อย่างสบายๆ ที่สำคัญดีไซน์การออกแบบยังก้าวล้ำด้วยความดุดันและจริงจัง Gaming มากกว่าเดิม ซึ่งตรงนี้ก็ต้องยอมรับว่าเป็น Gaming Notebok อีกรุ่นที่น่าสนใจในตลาด ณ ตอนนี้เลย ทั้งจากดีไซน์ ความต่าง สเปก ฟีเจอร์ และราคา
Keyboard / Touchpad
ส่วนของคีย์บอร์ดของ HP Pavilion Gaming 16 นั้นตัวปุ่มเป็นพลาสติกสีดำเข้ากับตัวเครื่อง โดยสกรีนตัวอักษรเป็นสีเขียวพร้อมฟอนต์ที่ดูเข้ากับตัวเครื่อง การใช้งานก็เด้งรับกันนิ้วเป็นอย่างดี ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น แต่สำหรับคนที่นิ้วเล็กนิ้วใหญ่สามารถใช้งานได้สะดวกทั้งหมด แน่นอนว่ามาพร้อมกับปุ่มชุดตัวเลข Numpad ด้านขวา ในส่วนของไฟ LED Backlit สีเขียวก็สามารถใช้งานได้ดีทีเดียว (ดับเองอัตโนมัติ 30 วินาที) ที่สำคัญปุ่ม WASD ยังออกแบบแตกต่างด้วยไฮไลน์ขอบไว้ชัดเจน สำหรับปุ่ม Power อยู่มุมซ้ายบนเป็นสีเงินพร้อมมีไฟ LED สีเขียวแสดงสถานะการเปิดตัวเครื่อง
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง โดยมีสัมผัสที่หนืดเล็กน้อยกำลังดี ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบปุ่มซ่อนคลิกซ้ายขวา ทำให้ความรู้สึกในการกดที่ดี รองรับการใช้งานมัลติทัช สำหรับการใช้งานจริงจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ซึ่งตัวทัชแพดจะวางตัวไปทางด้านซ้ายของเครื่องเล็กน้อยไม่ได้อยู่ตรงกลางหน้าจอเป๊ะๆ โดยรวมก็สามารถใช้งานได้ดีไม่ปัญหาอะไร แต่ข้อสังเกตคือไม่มีปุ่ม Hotkey ให้ปิดทัชแพดเมื่อไม่ใช่งานแต่อย่างใด
Screen / Speaker
หน้าจอแสดงผลของ HP Pavilion Gaming 16 รุ่นนี้มีขนาด 16.1” ความละเอียด Full HD พาเนล IPS คุณภาพสูงแบบด้าน Anti-glare สำหรับการเล่นเกมที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ด้วย Refresh Rate สูงสุด 144Hz รองรับการแสดงค่าสีตามมาตรฐาน sRGB ที่ขอบเขตสีใกล้เคียง 100% ให้ทุกการใช้งาน สมจริง ไร้อาการภาพเบลอและฉีกขาด และยังแสดงสีได้อย่างแม่นยำสำหรับการทำงานเฉพาะทางอีกด้วย แน่นอนว่ามีดีไซน์หน้าจอขอบจอบางเฉียบทั้งขอบด้านข้างและด้านบน ที่ยังสามารถติดตั้งกล้องเว็บแคมได้ปกติอยู่ ถือว่าดีกว่ามาตรฐานของ Gaming Notebook ปี 2020 ทั่วไป กับขนาดที่ใหญ่ขึ้นมาในแนวทะแยงที่ 0.5″ ให้ความรู้สึกดีกว่ารุ่น 15.6″ แบบก่อนได้ชัดเจน
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ HP Pavilion Gaming 16 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS คุณภาพสูง จึงได้ทำการทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยจากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 92% และ AdobeRGB ที่ 68% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับที่ดีมากๆ ใกล้เคียง 100% sRGB ที่เคลมเอาไว้จริงๆ ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คทั่วไป คือ พอสู้แสงกลางแจ้งได้ รวมไปถึงการทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็ทำได้ดีเช่นกัน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องมุมขวาล่างของจอเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ที่ 250 cd/m2 แต่สำหรับช่องขอบมุมด้านบนขวาจะมีแสงสว่างที่ลดลงระดับ 9% เท่านั้น ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว นับว่าเป็นหน้าจอรุ่นหนึ่งที่คุณภาพสูงเกินราคาค่าตัวจริงๆ
ทางด้านลำโพงเลือกใช้ระบบเสียง Bang & Olufsen โดยตัวลำโพงจะอยู่เหนือชุดคีย์บอร์ดจำนวน 2 ตัว แยกเสียงซ้ายขวาชัดเจน เช่นเดียวกับรุ่น Pavilion รุ่นอื่น ส่วนเรื่องเสียงก็ให้เสียงที่มีคุณภาพดีและเสียงดังพอสมควร เหมาะกับการดูหนัง ฟังเพลง ได้สบายๆ อีกทั้งมีเทคโนโลยี HP Audio Boost ทำให้ได้พลังของเสียงที่มีคุณภาพ และความหนักแน่น สร้างประสบการณ์ที่ดูดีกว่าเสียงจากโน๊ตบุ๊คทั่วไป
Inside / Upgrade
การแกะเครื่อง HP Pavilion Gaming 16 นั้นสามารถทำได้ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่ายเสียทีเดียว เพราะงานประกอบค่อนข้างแน่นหนา ต้องใช้ฝีมือและทักษะพอสมควร ซึ่งหลังจากถอดน็อตทุกตัวเสร็จหมดแล้ว ต้องใช้บัตรแข็งค่อยๆ รูดถอดออกที่ละส่วน จากขอบด้านหน้า ควรทำอย่างใจเย็น และขอบฝาด้านหลังตรงแกนฝาพับค่อนข้างคมระวังบาดนิ้วมือกันด้วย ส่วนหลายคนที่สงสัยว่ามีน็อตตรงแกนยางรองไหมบอกเลยว่ารุ่นนี้ไม่มี มีน็อตแค่เท่าที่เห็นคือ 7 ตัว ยาว 4 (ด้านหลัง) สั้น 3 (ด้านหน้า) โดยเมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ อย่างตามรูปเลย ซึ่งเรียกได้ว่าถอดแบบมาจาก HP Pavilion Gaming 15 เลยก็ว่าได้
การวางรูปแบบของฮาร์ดแวร์เครื่องนี้ทำได้ดูดีเลยที ซึ่งในส่วนที่สามารถทำการอัพเกรดเพิ่ม HDD SATA ขนาด 2.5″ ธรรมดาเป็น SSD ได้ทันที (ถอดกล่องเปล่าสีดำออกมาก่อน) โดยเครื่องนี้ได้ติดตั้ง SSD M.2 NVMe ความเร็วสูงมาแล้วที่ความจุ 512GB พร้อมใส่แรมขนาด 8GB DDR4 Bus 2933MHz จำนวน 1 แถวทันที (สามารถใส่ได้สูงสุด 2 แถว ที่ 16GB x 2) ส่วนเรื่องระบายความร้อนตัวเครื่องมี Heat Pipe จำนวน 2 เส้น วางพาดยาวไล่ไปทั้งชิปการ์ดจอและตัวซีพียูเอง ส่วนพัดลมเครื่องนี้ก็มีมาให้ 2 ตัว ตามแบบฉบับ Gaming Notebook ปกติทั่วไป
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง HP Pavilion Gaming 16 นี้จัดว่าเป็น Gaming Notebook ที่มีความครบครับประมาณนึง ไม่ว่าจะเป็น 2 x USB 3.1 Type-A, 1 x USB 3.1 Type-C, HDMI ไว้เชื่อมต่อกับหน้าจอเสริมภายนอก พร้อมช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร แบบแยกไมค์หูฟังหรือไมค์อย่างเดียว แน่นอนว่ามี SD Card Reader เป็นมาตรฐาน อีกทั้งยังมี LAN RJ45 โดดเด่นกว่า Gaming Notebook ทั่วไปตรงที่ทาง HP ได้มีการเล่นสีสันเหมือนกับโทนตัวเครื่องด้วย อย่างตามรุ่นที่นำมารีวิวนี้เป็นสีเขียว สัญลักษณ์พอร์ตต่างๆ ก็จะเป็นสีเขียวไปด้วย ดูแล้วลงตัวจริงๆ
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 15.6″ ทั่วไปถือได้ว่าค่อนข้างใหญ่ คาดว่าจากสเปกที่กินไฟมากกว่าปกติ พร้อมดีไซน์ที่สวยงามมีลักษณะขอบมนๆ แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ที่เป็นเหลี่ยมๆ ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น อยู่ที่ 2.35 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับตัวอแดปเตอร์เข้าไปด้วย กำลังจ่ายไฟที่ 150W ก็จะมีน้ำหนักที่ไม่เกิน 2.8 กิโลกรัม ก็จัดว่ามีน้ำหนักที่ไม่หนักจนเกินไปนัก แน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ หนุ่มๆ ชาวเกมเมอร์พกพาได้สบายๆ ตามมหาวิทยาลัยหรือร้านกาแฟต่างๆ
Performance / Software
สำหรับ HP Pavilion Gaming 16 มาพร้อมกับชิปประมวลผลรุ่นยอดนิยมของ Gaming Notebook อย่าง Intel Core i Gen 10H อย่าง Intel Core i7-10750H เน้นนำไปใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม 3 มิติ ที่กินทรัพยากรสูง โดยมีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.60 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 5.00 GHz เป็นซีพียูแบบ 6 Core 12 Threads มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR4 Buss 2933MHz แบบ 8GB x 1 แถว ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ โดยภายในตัวเครื่องรองรับการอัพเกรดแรมอีก 1 แถวทันที เพื่ออัพเกรดเป็น 16GB เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
การ์ดจอเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น โดยมีการ์ดจอแยกรุ่นใหม่ล่าสุดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX GTX 1650 Ti ที่ต้องบอกว่าแรงกว่า GeForce GTX 1650 รุ่นก่อนหน้า จากที่สเปกภายในได้รับการอัพเกรดขึ้น เห็นได้ชัดจากแรมการ์ดจอจะเป็น 4GB GDDR6 แทนที่รุ่นก่อนที่เป็น 4GB GDDR5 เน้นใช้งานกับ Gaming Notebook บางเบา ร้อนน้อยกว่าแต่ก็แรงไม่แพ้กัน เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ทั้ง 15 / 20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูง เป็นที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าพอตัว รวมไปถึงตัวการ์ดจอแยกเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น (แต่ออนชิปคือตัวเดิมนะ) เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก สมกับเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10750H จริงๆ
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ที่กลายเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook ปี 2020 ไปแล้ว โดยทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe PCIe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3430 MB/s และเขียนที่ 2723 MB/s ที่เร็วกว่ารุ่นทั่วไปในราคาใกล้เคียงกันพอสมควร หรือถ้าพูดให้ตรงๆ เลยก็คือ ได้ความเร็วแรงของ SSD เทียบเท่า Gaming Notebook ตัวท็อปๆ เลยก็ว่าได้
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4492 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็น Gaming Notebook สเปกใหม่ล่าสุดจากชิปประมวลผล Intel Core i7-10750H มีการ์ดจอแยกระดับ Gaming อย่าง GTX 1650 Ti ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คปีก่อนๆ มากพอตัว
สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 – 100 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ประกอบไปด้วย Resident Evil 3 Remake / Battlefield V / FarCry 5 / GTA V ที่เป็นเกมออฟไลน์ที่กินทรัพยกร รวมไปถึงเกมออนไลน์ยอดนิยมอย่าง PUBG / DOTA 2 / Overwatch ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง RE 3 / BF V / GTA V / FarCry 5 ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด !!! จากกราฟตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าเฟรมเรทที่ออกมานั้นมีความลื่นไหลสุดๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ซึ่งถ้าอยากให้เฟรมเรทลื่นไหลกว่านี้ก็สามารถเลือกปรับกราฟิกระดับกลางๆ ก็ได้ โดยในส่วนของ RE 3 ซึ่งเป็นเกมออกใหม่ล่าสุด เราปรับกราฟิกในเกมเป็น MAX ที่ใช้แรมการ์ดจอไปกว่า 12GB ซึ่งเกินกว่าตัวการ์ดจอที่ 4GB แต่ก็ยังทำเฟรมเรทได้ลื่นไหลน่าประทับใจอยู่
ต่อกันที่เกมออนไลน์อย่าง PUBG / Overwatch / DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็ไม่มีอาการช้าหรือหน่วงเลย ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ อยู่ ทั้ง 7 เกมที่เราได้ทำการทดสอบไป ยิ่งถ้าเทียบกับ Gaming Notebook สเปกก่อนหน้าทั้งส่วนของ AMD Ryzen หรือ Intel Core i จะเห็นว่าแรงกว่าเดิมพอตัว
ที่สำคัญด้วยหน้าจอพาเนล IPS แบบ Refresh Rate 144Hz ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ ซึ่งการใช้งานแบบเต็มประสิทธิภาพกับหน้าจอ 144Hz อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล จำเป็นต้องปรับกราฟิกเกมลงมากลางๆ หน่อย หรือเอาจริงๆ สำหรับเกมสไตล์ MOBA แค่ 60 FPS นิ่งๆ ก็เอาอยู่
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ HP Pavilion Gaming 16 ก็คือมาพร้อมซอฟต์แวร์บันเดิลอย่าง HP Support Assistant โดยเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ประเภท Utility ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราดูแลคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสม ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โปรแกรมนี้ยังระบุข้อมูลที่สำคัญสำหรับแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นหมายรวมไปถึงการอัพเดทไดร์เวอร์ต่างๆ และ Windows ด้วย จัดได้ว่าดีและใช้งานได้จริง
อีกทั้ง HP Pavilion Gaming 16 ยังมีเทคโนโลยี HP CoolSense เป็นคุณสมบัติที่รวมเอา ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และการออกแบบกลไกเพื่อช่วยในการจัดการอุณหภูมิของโน๊ตบุ๊ค และช่วยให้เราเกิดรู้สึกสบายขณะใช้ โดยใช้เซ็นเซอร์การเคลื่อนที่ในโน๊ตบุ๊คเพื่อตรวจจับว่ากำลังใช้งานแบบตั้งอยู่กับที่หรือแบบเคลื่อนที่ และจะทำการปรับเปลี่ยนประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์และความเร็วของพัดลมเพื่อช่วยให้เย็นอยู่ตลอดเวลาโดยอัตโนมัตินั่นเอง อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าปรับแต่งอะไรมากไม่ได้
Battery / Heat / Noise
HP Pavilion Gaming 16 นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh ซึ่งจะว่าไปแล้วนั้นก็ค่อนข้างที่จะน้อยไปหน่อย แต่เมื่อมาดูประสิทธิภาพโดยรวมของอายุการใช้งานของแบตเตอรี่แล้วถือว่าโอเคเลย โดยสามารถใช้งาน Wi-Fi เพื่อท่องเว็บได้ยาวนานประมาณเกือบ 5 – 6 ชั่วโมง ซึ่งเรียกได้ว่าทำได้ดีมากๆ หากเทียบกับ Gaming Notebok ในช่วงราคากันเคียงกัน เพราะปกติแล้วการใช้งานได้ยาวนานประมาณ 3 – 4 ชั่วโมงก็ดีมากๆ แล้วสำหรับโน๊ตบุ๊คสเปกประมาณนี้
ส่วนของอุณหภูมิตัวเครื่องโดยรวม HP Pavilion Gaming 16 ถือว่าสามารถที่จะทำได้ดีขณะที่เราเล่นเกมทดสอบเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นการเล่นเกมที่เน้นชิปประมวลผลกับการ์ดจอพบว่าระดับของอุณหภูมิในจุดต่างๆ ของตัวเครื่องจะเพิ่มขึ้นมาแต่ก็ไม่ได้รบกวนการใช้งานแต่อย่างใด จุดที่มีอุณหภูมิที่หนักที่สุดจะอยู่ที่ ตรงกลางขอบเครื่องด้านหลัง แต่ก็ใช้เวลาถ่ายความร้อนออกไปได้ไม่นานมากเท่าไรนักเมื่อเราใช้งานทั่วไป จากการที่มีพัดลมสองตัว พร้อมฮีตไปป์สองเส้นเป่าออกด้านหลัง
อุณหภูมิภายในต่ำสุดของชิปประมวลผลและการ์ดจอจะอยู่ที่ 40 – 50 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าชิปประมวลผลร้อนสุดที่ 90 องศาเซลเซียส (ดูจาก After Burner) ด้วยการทดสอบให้ห้องแอร์ปรับอากาศที่ 25 องศาเซลเซียส จากการเล่นเกมยาวๆ หลายเกมต่อเนื่อง เรียกได้ว่าระบบระบายความร้อนของเครื่องนี้ทำได้ค่อยข้างดีมาก โดยการเล่นเกมใช้งานไม่ได้มีปัญหาหน่วงหรือกระตุกแต่อย่างใด เทียบกับรุ่นก่อนๆ จะเห็นว่ามีอุณหภูมิที่เย็นลงพอตัว ส่วนการ์ดจอร้อนที่สุดอยู่ที่ 73 องศาเซลเซียส (ดูจาก Hardware Monitor) ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจมากๆ
ด้วยระบบระบายความร้อน HP Pavilion Gaming 16 ตัวซอฟต์แวร์ ไม่สามารถเลือกได้ว่าจะประหยัดแบตเตอรี่หรือเร่งความแรงให้เครื่องของได้ ฉะนั้นเราต้องปรับผ่านทาง Power Option ของ Windows 10 เท่านั้น ทั้งนี้ในการใช้งานทั่วไปตามปกตินั้น (เช่นท่องเว็บ, พิมพ์งาน ฯลฯ) เราจะแทบไม่ได้ยินเสียงของระบบระบายความร้อนเลยแม้แต่น้อย งานนี้ทาง HP ทำการบ้านมาดีมาก ทำงานได้ค่อนข้างเบาและเงียบทีเดียว อย่างไรก็ตามเมื่อไรก็ตามที่เราต้องใช้การทำงานทั้งจาก CPU และ GPU (เช่นการเล่นเกม) เรื่องของเสียงพัดลมนั้นจะไม่มีเสียงดังรบกวนจนเกินไปนัก แม้ว่าจะใช้งานหนักๆ ก็ตาม
Conclusion / Award
สำหรับ HP Pavilion Gaming 16 เป็นการมาครั้งแรกของ Gaming Notebook หน้าจอ 16.1″ สเปก Intel Core i Gen 10H + GTX 1650 Ti มีราคาเริ่มเพียง 30,990 บาท ถือว่าต่อยอดความสำเร็จจริงๆ จากการนำเสนอ HP Pavilion Gaming 15 สเปกก่อนหน้าทั้งหมด ทั้งในเรื่องของฮาร์ดแวร์ภายในและฮาร์ดแวร์ภายนอก โดยรุ่นใหม่นี้มาพร้อมประสิทธิภาพสูงไม่แพ้กัน ด้วยสเปกชิปประมวลผลและการ์ดจอคุณภาพเยี่ยมแถมยังร้อนน้อยกว่า ตอบสนองทุกการใช้งานได้อย่างราบรื่น รวดเร็ว ในดีไซน์ที่แตกต่างไปจาก Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ ออกแบบโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ให้มีความสวย ทันสมัยให้ความแข็งแรง ทนทาน เพิ่มความโดดเด่น ใช้งานง่ายและสะดวก
ผลทดสอบของหน้าจอไม่ใช่มีดีแค่ Refresh Rate ที่ 144Hz แต่ได้ให้เห็นค่าขอบเขตสีขั้นเทพระดับ sRGB 92% / AdobeRGB 68% ที่เป็น Gaming Notebook ไม่กี่รุ่นในตลาดที่ได้หน้าจอระดับนี้ กับราคาเพียงเท่านี้ ซึ่งมีผลต่อการใช้งานระดับมืออาชีพ คงเป็นหนึ่งปัจจัยในการเลือกซื้อของเพื่อนๆ เหมือนกัน สำหรับคนที่เอาไปทำงานด้านสีที่จริงจัง นับได้ว่าเป็นจุดเด่นที่หาได้ใน Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ได้ยาก เพราะได้ทั้งความลื่นไหลที่ 144 Hz (อยากใช้งานเต็มที่ก็ต้องปรับกราฟิกเกมให้ต่ำลงมาด้วย) และสีสันที่แม่นยำในการทำงานประเภทให้ความสำคัญเรื่องของสีสันที่ตรงและแม่นยำ
สำหรับการระบายความร้อนก็นับว่าทำได้ดีตามมาตรฐาน Gaming Notebook อยู่ คือ ไม่ได้ร้อนเกินไปกว่า 90 องศา ส่วนการ์ดจอก็แค่ 73 องศา เข้าใจว่าทาง HP ออกแบบมาได้ดีขึ้น ด้วยรุ่นที่ทดสอบนี้เป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10750H ที่เป็นรุ่นใหม่ที่แรงขึ้น แม้ใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตรแบบเดิม ฉะนั้นถ้าดูจากผลทดสอบอุณหภูมิก็นับว่าทำได้ดีตามที่ควรจะเป็นแล้ว ส่วนการ์ดจอรุ่น NVIDIA GeForce GTX 1650 Ti ที่เป็นรุ่นใหม่ เน้นร้อนน้อยแต่มีความแรงที่ใกล้เคียงกับ GTX 1660 Ti ยิ่งขึ้นไปอีก ถือว่าน่าประทับใจอย่างมาก คือได้ทั้งประสิทธิภาพความแรงที่ขับเกมได้เฟรมเรทที่ดี ใช้งานได้แบบสบายๆ ไร้กังวลเลย
สรุปแล้ว HP Pavilion Gaming 16 รุ่นนี้ถือว่าเป็น Gaming Notebook รุ่นใหม่ล่าสุดจากทาง HP ที่น่าสนใจทีเดียว เพราะมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงทั้งด้วยชิปประมวลผลและการ์ดจอ ที่สำคัญได้ปรับหน้าจอให้ใหญ่กว่า Gaming Notebook รุ่นมาตรฐานทั่วไป ที่ปกติแล้วเป็นขนาด 15.6″ แต่ HP Pavilion Gaming 16 เป็นขนาด 16.1″ เรียกได้ว่าใหญ่ที่ 0.5″ ซึ่งดูแล้วเป็นทิศทางของ Gaming Notebook ในตลาดหลังจากนี้ด้วย คาดว่าในอนาคตหลายๆ แบรนด์น่าจะทยอยขยับหน้าจอเป็น 16.1″ กันหมดก็เป็นไปได้ (เป็นเรื่องเทคนิคทางการผลิตที่อาจจะคุ้มค่ากว่า 15.6″)
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ HP Pavilion Gaming 16 โน๊ตบุ๊คสาย Gaming มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน HP Pavilion Gaming 16 ที่เป็นซีรีส์นี้อีกครั้ง ด้วยดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามเรียบหรูดูเป็นเอกลักษณ์ โดยมีทิศทางเดียวกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง HP Pavilion Gaming 15 เลย ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบเล่นเกม อีกทั้งยังพกพาไปทำงานได้ลงตัว รวมไปถึงตัวเครื่องก็เล็กลง บางเบาเทียบเคียงกันรุ่นหน้าจอ 15.6″ ทั้งของ HP เองและแบรนด์อื่นๆ ได้ไฟเป็นสีเขียวโทนสีเขียวที่ไม่ซ้ำใคร ทำให้เป็นอีกหนึ่ง Gaming Notebook ที่หลายคนจับตามองทีเดียว
Best Value
ด้วยขนาดหน้าจอ 16.1″ ที่ใหญ่กว่า พร้อมได้สเปกชิปประมวลผล Intel Core i7-10750H ที่เป็นรุ่นประสิทธิภาพสูง ได้รับความนิยมสูง และการ์ดจอที่เน้นคุ้มค่าแต่แรงลื่นอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 Ti (4GB GDDR6) ได้แรมมารตรฐานมาเป็น 8GB Bus 2933MHz รวมไปถึงรองรับ SSD M.2 NVMe PCIe ความเร็วสูงมากๆ ที่ความจุ 512GB ก็ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของตัวเครื่องนี้มีความน่าประทับใจ ที่สำคัญหน้าจอพาเนลดีมากๆ ได้ sRGB 92% เมื่อเทียบกับราคาค่าตัวก็คุ้มค่า หาคู่เปรียบเทียบได้ยาก ทั้งจากในการใช้ทำงานจริงๆ รวมไปถึงการทดสอบด้วยโปรแกรมต่างๆ ค่าคะแนนต่างๆ ก็ทำออกมาได้ดี ส่วนการใช้งานทั่วไปนั้นก็ทำได้อย่างสบายๆ
VDO Review
NBS Verdict
เป็นจุดเด่นที่สุดของ HP Pavilion Gaming 16 เลยก็ว่าได้ ด้วยการปรับหน้าจอให้ใหญ่กว่า Gaming Notebook รุ่นมาตรฐานทั่วไป ที่ปกติแล้วเป็นขนาด 15.6″ แต่ HP Pavilion Gaming 16 เป็นขนาด 16.1″ เรียกได้ว่าใหญ่ที่ 0.5″ ซึ่งดูแล้วเป็นทิศทางของ Gaming Notebook ในตลาดหลังจากนี้ด้วย คาดว่าในอนาคตหลายๆ แบรนด์น่าจะทยอยขยับหน้าจอเป็น 16.1″ กันหมดก็เป็นไปได้ (เป็นเรื่องเทคนิคทางการผลิตที่อาจจะคุ้มค่ากว่า 15.6″) แต่ที่แน่ๆ HP Pavilion Gaming 16 เป็นรุ่นแรกในตลาด ส่วนสเปกก็ทำได้เยี่ยมตามาตรฐานด้วยชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10H และการ์ดจอ GeForce GTX 1650 Ti พร้อมแรม 8GB DDR4 Bus 2933 MHz ได้ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB
จากการที่แอดมินโป้งสัมผัสและใช้งานจริงๆ ของ HP Pavilion Gaming 16 ทั้งการเล่นเกมหลากหลายเกม มีความร้อนที่เกิดขึ้นอยู่เกณฑ์ที่เย็นกว่ารุ่นก่อนๆ แม้จะใช้ชุดระบายความร้อนแบบเดิม รวมไปถึงทำงานนอกสถานที่ก็ใช้แบตได้ยาวนานกว่า 6 ชั่วโมง และความบันเทิงดูหนังฟังเพลงที่บ้าน บอกได้เลยว่าทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบนั้นมีความน่าประทับใจ กับตัวเครื่องที่เล็กกระชับ ขอบหน้าจอที่บางลง ประสบการณ์ใช้งานที่เหนือชั้น รวมไปถึงมีสเปคประสิทธิภาพสูง เหลือเฟือในการใช้งานทั่วไป รวมไปถึงการเล่นเกมก็ทำได้อยู่ในเกรดที่ดี อีกทั้งมี Windows 10 มาให้พร้อมใช้งานด้วย ประกันก็เป็นแบบ 2 ปี On-site Service ที่ใช้งานได้อย่างสบายใจ
อย่างไรก็ตาม HP Pavilion Gaming 16 มีข้อสังเกตอยู่ในบ้างในเรื่องของการที่แรมติดเครื่องมาขนาด 8GB ทำให้เพื่อประสิทธิภาพที่ดียิ่งกว่า เราต้องอัพเกรดเองเป็น 16GB ในเรื่องของการเชื่อมต่อก็ครบครันก็จริง แต่ยังมีการติดตั้ง USB 3.1 Type-A มาให้เพียง 2 พอร์ตเท่านั้น (บางแบรนด์ให้มา 3 – 4 พอร์ต) อีกทั้งตัวทัชแพดเองก็ไม่มีปุ่ม Hotkey หรือฟังก์ชั่นไว้ปิด และไฟคีย์บอร์ดก็ดับอัตโนมัติ 30 วินาทีเท่านั้น ที่ไม่สามารถตั้งค่าใดๆ ได้ รวมไปถึงดีไซน์มันเหมือนกับ HP Pavilion Gaming 15 เลย เรียกได้ว่าแทบแยกกันไม่ออก ทั้งหมดนี้สำหรับบางคนถือว่าพอมองข้ามได้อยู่ เมื่อเทียบกับข้อดีหลายๆ ส่วนและราคาที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้กลับมา
จุดเด่น
- ดีไซน์การออกแบบสวยงาม งานประกอบแน่นวัสดุดี แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ
- ตัวเครื่องเล็กกระชับ แม้จะเป็นหน้าจอ 16.1″ แต่เล็กและเบาพอๆ กับโน๊ตบุ๊คจอ 15.6″
- ตัวเครื่องมีความบาง 23.6 มิลลิเมตรและเบาที่ 2.35 กิโลกรัมเท่านั้น
- ประสิทธิภาพสูงด้วยชิปประมวลผล Core i Gen 10H และการ์ดจอ GTX 1650 Ti
- ติดตั้งแรม 8GB DDR4 Bus 2933 MHz และ SSD M.2 NVMe 512GB ความเร็วสูง
- หน้าจอพาเนล IPS เกรดสูงมาก ที่ 92% sRGB และเป็น 144Hz
- ประสิทธิภาพในการเล่นเกมดีลื่นไหลทั้ง แนวออฟไลน์และออนไลน์
- คีย์บอร์ดมีไฟเป็นสีเขียวที่ดูแล้วสวยงาม ไม่เหมือนรุ่นอื่นๆ
- มาพร้อม Windows 10 และซอฟต์แวร์ HP ใช้งานได้ทันที
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 5 – 6 ชั่วโมง
- ลำโพง B&O คุณภาพเสียงดี น่าประทับใจ
- ราคาคุ้มค่ามากๆ เมื่อเทียบกับสเปก ฟีเจอร์ และดีไซน์
- สามารถจัดการความร้อนได้เป็นอย่างดี ถือว่าเย็นกว่าที่คาดเอาไว้
- ประกัน 2 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน
ข้อสังเกต
- มีพอร์ต USB 3.1 Type-A จำนวน 2 พอร์ตเท่านั้น
- ทัชแพดไม่สามารถปิดได้ เมื่อไม่ใช้งาน
- น่าจะใส่แรมมาขนาด 16GB จากราคาค่าตัว เราจะได้ไม่ต้องอัพเกรดเอง
- ซอฟต์แวร์ HP น่าจะสามารถปรับแต่งการใช้งาน Gaming ได้มากกว่านี้
Specification
สเปกเต็มๆ ของ HP Pavilion Gaming 16 ที่แอดมินโป้งได้รับรีวิวจากทาง HP นี้เป็นเครื่องขายจริงรุ่นท็อปสุด ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-10750H (2.60 GHz, 12 MB L3 Cache, up to 5.00 GHz) สถาปัตยกรรม Comet Lake ทำงานแบบ 6 คอร์ 12 เธรด แต่มีประสิทธิภาพความแรงที่สูงขึ้น โดยมีการ์ดจอออนชิปอย่าง Intel UHD Graphics 630 ไว้สำหรับการใช้งานแสดงผลพื้นฐาน พร้อมการ์ดจอแยกระดับ Gaming อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 Ti (4GB GDDR6)
ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 8GB แบบ DDR4 Bus 2933MHz (รองรับการอัพเกรดอีก 1 แถวทันที) พร้อมที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB รองรับการอัพเกรดเพิ่ม HDD SATA 3 ได้ภายหลัง ระบบปฎิบัติการเป็น Windows 10 พร้อมใช้งานตั้งแต่เปิดเครื่องครั้งแรก ได้หน้าจอขนาด 16.1″ เป็นรุ่นแรก แบบด้านลดแสงสะท้อน ความละเอียด Full HD พาเนล IPS คุณภาพดีให้สีสันสวยงามและมุมมองที่กว้างเพียงพอกับการใช้งาน เหมาะกับการทำงานหรือเล่นเกม ด้วยการรองรับ Refresh Rate ที่ 144 Hz
พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอลในตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง 1 x USB 3.1 Type-C, HDMI, 2 x USB 3.1 Type-A, Kensington lock slot, RJ-45 , Headset พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 6 AX สนนราคาขายจริงสเปกนี้อยู่ที่ 30,900 – 34,900 บาท (ต่างกันที่สเปกชิปประมวลผลเท่านั้น) การรับประกันที่เป็นแบบ On-site Service ระยะเวลา 2 ปี
- Core i5-10300H / GTX 1650 Ti / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 16.1″ IPS 144Hz ราคา 30,900 บาท
- Core i7-10750H / GTX 1650 Ti / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 16.1″ IPS 144Hz ราคา 34,900 บาท
Hardware / Design
หน้าตาการออกแบบเอง HP Pavilion Gaming 16 สเปก Core i Gen 10H ได้รับดีไซน์แบบรุ่นก่อนหน้าอย่าง HP Pavilion Gaming 15 มาเต็มๆ ซึ่งก็ต้องบอกว่าทำได้ดีเยี่ยมไม่แพ้ Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ ด้วยความโดดเด่นที่สวยดุดันตามสไตล์ของโน๊ตบุ๊คเล่นเกมที่บรรดาเกมเมอร์ชื่นชอบกัน กันขนาดหน้าที่ใหญ่ขึ้น 0.5″ ในมุมแทยง แน่นอนว่ามีความใหญ่ขึ้น แต่ถ้าเทียบมิติหรือแค่มองด้วยตาเปล่า ก็แทบจะไม่ค่อยรู้สึกเท่าไร เรียกได้ว่าเป็นขนาดที่อยู่ระหว่างรุ่นจอ 15.6″ และ 17.3″
เมื่อเปรียบเทียบกับ Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ ในช่วงราคาเดียวกัน ได้ความแตกต่างที่ความเรียบง่ายใช้เป็นโทนสีดำตลอดทั้งตัวเครื่องตัดกับสีเขียว (อาจจะมีม่วงตามมาในอนาคต) โดยฝาหลังของตัวเครื่องมีโลโก้ HP เป็นเอกลักษณ์สีเขียว สะดุดตาด้านบน ประกอบกับพื้นผิวสีดำด้านให้ความรู้สึกเป็น Gaming ที่ดี วัสดุทั้งหมดของตัวเครื่องพลาสติกเกรดดี มองแล้วคล้ายกับโลหะ แต่ได้มีการปรับดีไซน์ใหม่ดูดลมเย็นได้ดีขึ้น ซึ่งมีข้อสังเกตุเล็กน้อยคือเป็นรอยนิ้วมือค่อนข้างง่าย
สำหรับรูปลักษณ์และทิศทาง HP Pavilion Gaming 16 มีความคล้ายคลึงกับรุ่นก่อนหน้าที่เป็นสเปก AMD Ryzen 3000H แต่ก็แตกต่างด้วยกันด้วยมิติ จากการที่มีขนาดหน้าจอ 16.1″ ซึ่งต่างจากเดิมคือ 15.6″ ถือว่าน่าประทับใจไม่เป็นรองกัน กับมิติที่ตัวเครื่องที่เล็กกระทัดรัดเมื่อเทียบ Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ รุ่นปัจจุบัน โดยบางลงเพียง 23.6 มิลลิเมตร ซึ่งเท่าๆ กับโมเดล HP Pavilion Gaming 15 พร้อมน้ำหนักตัวเครื่องที่ 2.35 กิโลกรัม เทียบแล้วคือหนักกว่าเดิมเพียง 100 กรัมถ้าเทียบกับสเปก Intel Core i Gen 9H หรือ 50 กรัมเท่านั้น ถ้าเทียบกับรุ่นสเปก AMD Ryzen 3000H พร้อมขอบหน้าจอบางเฉียบ ทำให้เป็นโน๊ตบุ๊คที่สเปกแรงอีกรุ่นที่พกพาไปใช้งานได้สะดวก
ด้านในตัวเครื่องมาพร้อมสีสันที่โดดเด่นดำเขียว เช่นเดียวกัน วัสดุจะเป็นพลาสติกเกรดดีให้ความรู้สึกที่แข็งแรง ตัดด้วยไฟสีม่วงจากแป้นคีย์บอร์ดแบบใหม่ ที่ช่วยเสริมความสวยงามได้ดี ส่วนด้านซ้ายจะเป็นปุ่ม Power มีไฟเมื่อเปิดใช้งาน รวมถึงมีการใช้บานพับแบบแกนเดียวขนาดใหญ่ ที่ดูแข็งแรงทนทานสวยงามเข้ากับเครื่องได้ดีมากๆ ที่เชื่อได้ว่าไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องบานพับในระยะยาวของการใช้งานแต่อย่างใด พร้อมยกหน้าจอให้ระดับสูงกว่าเดิม ทำให้มุมมองการใช้งานดียิ่งขึ้น กางสุดได้มุมประมาณ 145 องศา
ด้านหลังได้มีการวางตำแหน่งช่องระบายความร้อนแบบแถวยาวแถวเดียว โดยซ่อนอยู่บานพับซึ่งใช้พัดลมแบบคู่ซึ่งมีการออกแบบได้ขนาดที่ใหญ่ขึ้น ตรงแกนฝาพับจะมีสกรีนตัวอักษร Pavilion สีเขียวไว้ เพื่อบ่งบอกว่าเป็นซีรีส์ Pavilion ชัดเจนดูโดดเด่น ส่วนด้านล่างตัวเครื่องจะมียางรอง 3 จุดตาม เป็นมุมตัวเครื่องด้านหน้า 2 จุด และแถวหลังจะทำเป็นรูปแนวแนวยาวสวยงามตามลักษณะของเครื่อง พร้อมช่องดูดลมเย็นขนาดใหญ่ โดนเป่าลมร้อนออกทางยานพับของตัวเครื่อง
ลำโพงแบบสเตอริโอของ Bang & Olufsen จะอยู่ที่ด้านบนตัวเครื่องเหนือชุดคีย์บอร์ดทำเป็นลายหกเหลี่ยมพื้นผิวนูนต่ำให้เสียงที่ดีใช้ได้เลยทีเดียว โดยมีโลโก้ B&O กำกับไว้มุมซ้ายล่างของคีย์บอร์ด รวมไปถึงในส่วนนี้ก็ได้มีการติดสติ๊กเกอร์ Intel Core i Gen 10H และ NVIDIA GeForce GTX เอาไว้อยู่ ที่สำคัญและโดดเด่นกว่ารุ่นไหนในท้องตลาดตอนนี้คือเป็น Gaming Notebook ขอบจอบางที่ดูแล้วสวยงามลงตัวอีกรุ่นนึงในตลาด พร้อมสติ๊กเกอร์แปะเอาไว้ว่าเป็นรุ่นหน้าจอ 144Hz ด้วย
สรุปเรื่องการออกแบบดีไซน์ของ HP Pavilion Gaming 16 สเปก Core i Gen 10H ต้องบอกว่าสวยงามตามสไตล์ของ HP โดยมีรักษาเอกลักษณ์ดีไซน์ที่ชัดเจน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ รวมไปถึงงานหนักๆ อย่างตัดต่อวีดีโอ หรือจะเอาไปทำงานเล่นอินเตอร์เน็ตก็สามารถรองรับได้อย่างสบายๆ ที่สำคัญดีไซน์การออกแบบยังก้าวล้ำด้วยความดุดันและจริงจัง Gaming มากกว่าเดิม ซึ่งตรงนี้ก็ต้องยอมรับว่าเป็น Gaming Notebok อีกรุ่นที่น่าสนใจในตลาด ณ ตอนนี้เลย ทั้งจากดีไซน์ ความต่าง สเปก ฟีเจอร์ และราคา
Keyboard / Touchpad
ส่วนของคีย์บอร์ดของ HP Pavilion Gaming 16 นั้นตัวปุ่มเป็นพลาสติกสีดำเข้ากับตัวเครื่อง โดยสกรีนตัวอักษรเป็นสีเขียวพร้อมฟอนต์ที่ดูเข้ากับตัวเครื่อง การใช้งานก็เด้งรับกันนิ้วเป็นอย่างดี ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น แต่สำหรับคนที่นิ้วเล็กนิ้วใหญ่สามารถใช้งานได้สะดวกทั้งหมด แน่นอนว่ามาพร้อมกับปุ่มชุดตัวเลข Numpad ด้านขวา ในส่วนของไฟ LED Backlit สีเขียวก็สามารถใช้งานได้ดีทีเดียว (ดับเองอัตโนมัติ 30 วินาที) ที่สำคัญปุ่ม WASD ยังออกแบบแตกต่างด้วยไฮไลน์ขอบไว้ชัดเจน สำหรับปุ่ม Power อยู่มุมซ้ายบนเป็นสีเงินพร้อมมีไฟ LED สีเขียวแสดงสถานะการเปิดตัวเครื่อง
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง โดยมีสัมผัสที่หนืดเล็กน้อยกำลังดี ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบปุ่มซ่อนคลิกซ้ายขวา ทำให้ความรู้สึกในการกดที่ดี รองรับการใช้งานมัลติทัช สำหรับการใช้งานจริงจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ซึ่งตัวทัชแพดจะวางตัวไปทางด้านซ้ายของเครื่องเล็กน้อยไม่ได้อยู่ตรงกลางหน้าจอเป๊ะๆ โดยรวมก็สามารถใช้งานได้ดีไม่ปัญหาอะไร แต่ข้อสังเกตคือไม่มีปุ่ม Hotkey ให้ปิดทัชแพดเมื่อไม่ใช่งานแต่อย่างใด
Screen / Speaker
หน้าจอแสดงผลของ HP Pavilion Gaming 16 รุ่นนี้มีขนาด 16.1” ความละเอียด Full HD พาเนล IPS คุณภาพสูงแบบด้าน Anti-glare สำหรับการเล่นเกมที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ด้วย Refresh Rate สูงสุด 144Hz รองรับการแสดงค่าสีตามมาตรฐาน sRGB ที่ขอบเขตสีใกล้เคียง 100% ให้ทุกการใช้งาน สมจริง ไร้อาการภาพเบลอและฉีกขาด และยังแสดงสีได้อย่างแม่นยำสำหรับการทำงานเฉพาะทางอีกด้วย แน่นอนว่ามีดีไซน์หน้าจอขอบจอบางเฉียบทั้งขอบด้านข้างและด้านบน ที่ยังสามารถติดตั้งกล้องเว็บแคมได้ปกติอยู่ ถือว่าดีกว่ามาตรฐานของ Gaming Notebook ปี 2020 ทั่วไป กับขนาดที่ใหญ่ขึ้นมาในแนวทะแยงที่ 0.5″ ให้ความรู้สึกดีกว่ารุ่น 15.6″ แบบก่อนได้ชัดเจน
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ HP Pavilion Gaming 16 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS คุณภาพสูง จึงได้ทำการทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยจากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 92% และ AdobeRGB ที่ 68% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับที่ดีมากๆ ใกล้เคียง 100% sRGB ที่เคลมเอาไว้จริงๆ ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คทั่วไป คือ พอสู้แสงกลางแจ้งได้ รวมไปถึงการทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็ทำได้ดีเช่นกัน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องมุมขวาล่างของจอเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ที่ 250 cd/m2 แต่สำหรับช่องขอบมุมด้านบนขวาจะมีแสงสว่างที่ลดลงระดับ 9% เท่านั้น ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว นับว่าเป็นหน้าจอรุ่นหนึ่งที่คุณภาพสูงเกินราคาค่าตัวจริงๆ
ทางด้านลำโพงเลือกใช้ระบบเสียง Bang & Olufsen โดยตัวลำโพงจะอยู่เหนือชุดคีย์บอร์ดจำนวน 2 ตัว แยกเสียงซ้ายขวาชัดเจน เช่นเดียวกับรุ่น Pavilion รุ่นอื่น ส่วนเรื่องเสียงก็ให้เสียงที่มีคุณภาพดีและเสียงดังพอสมควร เหมาะกับการดูหนัง ฟังเพลง ได้สบายๆ อีกทั้งมีเทคโนโลยี HP Audio Boost ทำให้ได้พลังของเสียงที่มีคุณภาพ และความหนักแน่น สร้างประสบการณ์ที่ดูดีกว่าเสียงจากโน๊ตบุ๊คทั่วไป
Inside / Upgrade
การแกะเครื่อง HP Pavilion Gaming 16 นั้นสามารถทำได้ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่ายเสียทีเดียว เพราะงานประกอบค่อนข้างแน่นหนา ต้องใช้ฝีมือและทักษะพอสมควร ซึ่งหลังจากถอดน็อตทุกตัวเสร็จหมดแล้ว ต้องใช้บัตรแข็งค่อยๆ รูดถอดออกที่ละส่วน จากขอบด้านหน้า ควรทำอย่างใจเย็น และขอบฝาด้านหลังตรงแกนฝาพับค่อนข้างคมระวังบาดนิ้วมือกันด้วย ส่วนหลายคนที่สงสัยว่ามีน็อตตรงแกนยางรองไหมบอกเลยว่ารุ่นนี้ไม่มี มีน็อตแค่เท่าที่เห็นคือ 7 ตัว ยาว 4 (ด้านหลัง) สั้น 3 (ด้านหน้า) โดยเมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ อย่างตามรูปเลย ซึ่งเรียกได้ว่าถอดแบบมาจาก HP Pavilion Gaming 15 เลยก็ว่าได้
การวางรูปแบบของฮาร์ดแวร์เครื่องนี้ทำได้ดูดีเลยที ซึ่งในส่วนที่สามารถทำการอัพเกรดเพิ่ม HDD SATA ขนาด 2.5″ ธรรมดาเป็น SSD ได้ทันที (ถอดกล่องเปล่าสีดำออกมาก่อน) โดยเครื่องนี้ได้ติดตั้ง SSD M.2 NVMe ความเร็วสูงมาแล้วที่ความจุ 512GB พร้อมใส่แรมขนาด 8GB DDR4 Bus 2933MHz จำนวน 1 แถวทันที (สามารถใส่ได้สูงสุด 2 แถว ที่ 16GB x 2) ส่วนเรื่องระบายความร้อนตัวเครื่องมี Heat Pipe จำนวน 2 เส้น วางพาดยาวไล่ไปทั้งชิปการ์ดจอและตัวซีพียูเอง ส่วนพัดลมเครื่องนี้ก็มีมาให้ 2 ตัว ตามแบบฉบับ Gaming Notebook ปกติทั่วไป
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง HP Pavilion Gaming 16 นี้จัดว่าเป็น Gaming Notebook ที่มีความครบครับประมาณนึง ไม่ว่าจะเป็น 2 x USB 3.1 Type-A, 1 x USB 3.1 Type-C, HDMI ไว้เชื่อมต่อกับหน้าจอเสริมภายนอก พร้อมช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร แบบแยกไมค์หูฟังหรือไมค์อย่างเดียว แน่นอนว่ามี SD Card Reader เป็นมาตรฐาน อีกทั้งยังมี LAN RJ45 โดดเด่นกว่า Gaming Notebook ทั่วไปตรงที่ทาง HP ได้มีการเล่นสีสันเหมือนกับโทนตัวเครื่องด้วย อย่างตามรุ่นที่นำมารีวิวนี้เป็นสีเขียว สัญลักษณ์พอร์ตต่างๆ ก็จะเป็นสีเขียวไปด้วย ดูแล้วลงตัวจริงๆ
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 15.6″ ทั่วไปถือได้ว่าค่อนข้างใหญ่ คาดว่าจากสเปกที่กินไฟมากกว่าปกติ พร้อมดีไซน์ที่สวยงามมีลักษณะขอบมนๆ แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ที่เป็นเหลี่ยมๆ ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น อยู่ที่ 2.35 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับตัวอแดปเตอร์เข้าไปด้วย กำลังจ่ายไฟที่ 150W ก็จะมีน้ำหนักที่ไม่เกิน 2.8 กิโลกรัม ก็จัดว่ามีน้ำหนักที่ไม่หนักจนเกินไปนัก แน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ หนุ่มๆ ชาวเกมเมอร์พกพาได้สบายๆ ตามมหาวิทยาลัยหรือร้านกาแฟต่างๆ
Performance / Software
สำหรับ HP Pavilion Gaming 16 มาพร้อมกับชิปประมวลผลรุ่นยอดนิยมของ Gaming Notebook อย่าง Intel Core i Gen 10H อย่าง Intel Core i7-10750H เน้นนำไปใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม 3 มิติ ที่กินทรัพยากรสูง โดยมีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.60 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 5.00 GHz เป็นซีพียูแบบ 6 Core 12 Threads มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR4 Buss 2933MHz แบบ 8GB x 1 แถว ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ โดยภายในตัวเครื่องรองรับการอัพเกรดแรมอีก 1 แถวทันที เพื่ออัพเกรดเป็น 16GB เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
การ์ดจอเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น โดยมีการ์ดจอแยกรุ่นใหม่ล่าสุดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX GTX 1650 Ti ที่ต้องบอกว่าแรงกว่า GeForce GTX 1650 รุ่นก่อนหน้า จากที่สเปกภายในได้รับการอัพเกรดขึ้น เห็นได้ชัดจากแรมการ์ดจอจะเป็น 4GB GDDR6 แทนที่รุ่นก่อนที่เป็น 4GB GDDR5 เน้นใช้งานกับ Gaming Notebook บางเบา ร้อนน้อยกว่าแต่ก็แรงไม่แพ้กัน เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ทั้ง 15 / 20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูง เป็นที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าพอตัว รวมไปถึงตัวการ์ดจอแยกเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น (แต่ออนชิปคือตัวเดิมนะ) เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก สมกับเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10750H จริงๆ
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ที่กลายเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook ปี 2020 ไปแล้ว โดยทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe PCIe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3430 MB/s และเขียนที่ 2723 MB/s ที่เร็วกว่ารุ่นทั่วไปในราคาใกล้เคียงกันพอสมควร หรือถ้าพูดให้ตรงๆ เลยก็คือ ได้ความเร็วแรงของ SSD เทียบเท่า Gaming Notebook ตัวท็อปๆ เลยก็ว่าได้
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4492 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็น Gaming Notebook สเปกใหม่ล่าสุดจากชิปประมวลผล Intel Core i7-10750H มีการ์ดจอแยกระดับ Gaming อย่าง GTX 1650 Ti ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คปีก่อนๆ มากพอตัว
สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 – 100 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ประกอบไปด้วย Resident Evil 3 Remake / Battlefield V / FarCry 5 / GTA V ที่เป็นเกมออฟไลน์ที่กินทรัพยกร รวมไปถึงเกมออนไลน์ยอดนิยมอย่าง PUBG / DOTA 2 / Overwatch ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง RE 3 / BF V / GTA V / FarCry 5 ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด !!! จากกราฟตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าเฟรมเรทที่ออกมานั้นมีความลื่นไหลสุดๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ซึ่งถ้าอยากให้เฟรมเรทลื่นไหลกว่านี้ก็สามารถเลือกปรับกราฟิกระดับกลางๆ ก็ได้ โดยในส่วนของ RE 3 ซึ่งเป็นเกมออกใหม่ล่าสุด เราปรับกราฟิกในเกมเป็น MAX ที่ใช้แรมการ์ดจอไปกว่า 12GB ซึ่งเกินกว่าตัวการ์ดจอที่ 4GB แต่ก็ยังทำเฟรมเรทได้ลื่นไหลน่าประทับใจอยู่
ต่อกันที่เกมออนไลน์อย่าง PUBG / Overwatch / DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็ไม่มีอาการช้าหรือหน่วงเลย ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ อยู่ ทั้ง 7 เกมที่เราได้ทำการทดสอบไป ยิ่งถ้าเทียบกับ Gaming Notebook สเปกก่อนหน้าทั้งส่วนของ AMD Ryzen หรือ Intel Core i จะเห็นว่าแรงกว่าเดิมพอตัว
ที่สำคัญด้วยหน้าจอพาเนล IPS แบบ Refresh Rate 144Hz ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ ซึ่งการใช้งานแบบเต็มประสิทธิภาพกับหน้าจอ 144Hz อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล จำเป็นต้องปรับกราฟิกเกมลงมากลางๆ หน่อย หรือเอาจริงๆ สำหรับเกมสไตล์ MOBA แค่ 60 FPS นิ่งๆ ก็เอาอยู่
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ HP Pavilion Gaming 16 ก็คือมาพร้อมซอฟต์แวร์บันเดิลอย่าง HP Support Assistant โดยเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ประเภท Utility ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราดูแลคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสม ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โปรแกรมนี้ยังระบุข้อมูลที่สำคัญสำหรับแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นหมายรวมไปถึงการอัพเดทไดร์เวอร์ต่างๆ และ Windows ด้วย จัดได้ว่าดีและใช้งานได้จริง
อีกทั้ง HP Pavilion Gaming 16 ยังมีเทคโนโลยี HP CoolSense เป็นคุณสมบัติที่รวมเอา ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และการออกแบบกลไกเพื่อช่วยในการจัดการอุณหภูมิของโน๊ตบุ๊ค และช่วยให้เราเกิดรู้สึกสบายขณะใช้ โดยใช้เซ็นเซอร์การเคลื่อนที่ในโน๊ตบุ๊คเพื่อตรวจจับว่ากำลังใช้งานแบบตั้งอยู่กับที่หรือแบบเคลื่อนที่ และจะทำการปรับเปลี่ยนประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์และความเร็วของพัดลมเพื่อช่วยให้เย็นอยู่ตลอดเวลาโดยอัตโนมัตินั่นเอง อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าปรับแต่งอะไรมากไม่ได้
Battery / Heat / Noise
HP Pavilion Gaming 16 นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh ซึ่งจะว่าไปแล้วนั้นก็ค่อนข้างที่จะน้อยไปหน่อย แต่เมื่อมาดูประสิทธิภาพโดยรวมของอายุการใช้งานของแบตเตอรี่แล้วถือว่าโอเคเลย โดยสามารถใช้งาน Wi-Fi เพื่อท่องเว็บได้ยาวนานประมาณเกือบ 5 – 6 ชั่วโมง ซึ่งเรียกได้ว่าทำได้ดีมากๆ หากเทียบกับ Gaming Notebok ในช่วงราคากันเคียงกัน เพราะปกติแล้วการใช้งานได้ยาวนานประมาณ 3 – 4 ชั่วโมงก็ดีมากๆ แล้วสำหรับโน๊ตบุ๊คสเปกประมาณนี้
ส่วนของอุณหภูมิตัวเครื่องโดยรวม HP Pavilion Gaming 16 ถือว่าสามารถที่จะทำได้ดีขณะที่เราเล่นเกมทดสอบเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นการเล่นเกมที่เน้นชิปประมวลผลกับการ์ดจอพบว่าระดับของอุณหภูมิในจุดต่างๆ ของตัวเครื่องจะเพิ่มขึ้นมาแต่ก็ไม่ได้รบกวนการใช้งานแต่อย่างใด จุดที่มีอุณหภูมิที่หนักที่สุดจะอยู่ที่ ตรงกลางขอบเครื่องด้านหลัง แต่ก็ใช้เวลาถ่ายความร้อนออกไปได้ไม่นานมากเท่าไรนักเมื่อเราใช้งานทั่วไป จากการที่มีพัดลมสองตัว พร้อมฮีตไปป์สองเส้นเป่าออกด้านหลัง
อุณหภูมิภายในต่ำสุดของชิปประมวลผลและการ์ดจอจะอยู่ที่ 40 – 50 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าชิปประมวลผลร้อนสุดที่ 90 องศาเซลเซียส (ดูจาก After Burner) ด้วยการทดสอบให้ห้องแอร์ปรับอากาศที่ 25 องศาเซลเซียส จากการเล่นเกมยาวๆ หลายเกมต่อเนื่อง เรียกได้ว่าระบบระบายความร้อนของเครื่องนี้ทำได้ค่อยข้างดีมาก โดยการเล่นเกมใช้งานไม่ได้มีปัญหาหน่วงหรือกระตุกแต่อย่างใด เทียบกับรุ่นก่อนๆ จะเห็นว่ามีอุณหภูมิที่เย็นลงพอตัว ส่วนการ์ดจอร้อนที่สุดอยู่ที่ 73 องศาเซลเซียส (ดูจาก Hardware Monitor) ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจมากๆ
ด้วยระบบระบายความร้อน HP Pavilion Gaming 16 ตัวซอฟต์แวร์ ไม่สามารถเลือกได้ว่าจะประหยัดแบตเตอรี่หรือเร่งความแรงให้เครื่องของได้ ฉะนั้นเราต้องปรับผ่านทาง Power Option ของ Windows 10 เท่านั้น ทั้งนี้ในการใช้งานทั่วไปตามปกตินั้น (เช่นท่องเว็บ, พิมพ์งาน ฯลฯ) เราจะแทบไม่ได้ยินเสียงของระบบระบายความร้อนเลยแม้แต่น้อย งานนี้ทาง HP ทำการบ้านมาดีมาก ทำงานได้ค่อนข้างเบาและเงียบทีเดียว อย่างไรก็ตามเมื่อไรก็ตามที่เราต้องใช้การทำงานทั้งจาก CPU และ GPU (เช่นการเล่นเกม) เรื่องของเสียงพัดลมนั้นจะไม่มีเสียงดังรบกวนจนเกินไปนัก แม้ว่าจะใช้งานหนักๆ ก็ตาม
Conclusion / Award
สำหรับ HP Pavilion Gaming 16 เป็นการมาครั้งแรกของ Gaming Notebook หน้าจอ 16.1″ สเปก Intel Core i Gen 10H + GTX 1650 Ti มีราคาเริ่มเพียง 30,990 บาท ถือว่าต่อยอดความสำเร็จจริงๆ จากการนำเสนอ HP Pavilion Gaming 15 สเปกก่อนหน้าทั้งหมด ทั้งในเรื่องของฮาร์ดแวร์ภายในและฮาร์ดแวร์ภายนอก โดยรุ่นใหม่นี้มาพร้อมประสิทธิภาพสูงไม่แพ้กัน ด้วยสเปกชิปประมวลผลและการ์ดจอคุณภาพเยี่ยมแถมยังร้อนน้อยกว่า ตอบสนองทุกการใช้งานได้อย่างราบรื่น รวดเร็ว ในดีไซน์ที่แตกต่างไปจาก Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ ออกแบบโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ให้มีความสวย ทันสมัยให้ความแข็งแรง ทนทาน เพิ่มความโดดเด่น ใช้งานง่ายและสะดวก
ผลทดสอบของหน้าจอไม่ใช่มีดีแค่ Refresh Rate ที่ 144Hz แต่ได้ให้เห็นค่าขอบเขตสีขั้นเทพระดับ sRGB 92% / AdobeRGB 68% ที่เป็น Gaming Notebook ไม่กี่รุ่นในตลาดที่ได้หน้าจอระดับนี้ กับราคาเพียงเท่านี้ ซึ่งมีผลต่อการใช้งานระดับมืออาชีพ คงเป็นหนึ่งปัจจัยในการเลือกซื้อของเพื่อนๆ เหมือนกัน สำหรับคนที่เอาไปทำงานด้านสีที่จริงจัง นับได้ว่าเป็นจุดเด่นที่หาได้ใน Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ได้ยาก เพราะได้ทั้งความลื่นไหลที่ 144 Hz (อยากใช้งานเต็มที่ก็ต้องปรับกราฟิกเกมให้ต่ำลงมาด้วย) และสีสันที่แม่นยำในการทำงานประเภทให้ความสำคัญเรื่องของสีสันที่ตรงและแม่นยำ
สำหรับการระบายความร้อนก็นับว่าทำได้ดีตามมาตรฐาน Gaming Notebook อยู่ คือ ไม่ได้ร้อนเกินไปกว่า 90 องศา ส่วนการ์ดจอก็แค่ 73 องศา เข้าใจว่าทาง HP ออกแบบมาได้ดีขึ้น ด้วยรุ่นที่ทดสอบนี้เป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10750H ที่เป็นรุ่นใหม่ที่แรงขึ้น แม้ใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตรแบบเดิม ฉะนั้นถ้าดูจากผลทดสอบอุณหภูมิก็นับว่าทำได้ดีตามที่ควรจะเป็นแล้ว ส่วนการ์ดจอรุ่น NVIDIA GeForce GTX 1650 Ti ที่เป็นรุ่นใหม่ เน้นร้อนน้อยแต่มีความแรงที่ใกล้เคียงกับ GTX 1660 Ti ยิ่งขึ้นไปอีก ถือว่าน่าประทับใจอย่างมาก คือได้ทั้งประสิทธิภาพความแรงที่ขับเกมได้เฟรมเรทที่ดี ใช้งานได้แบบสบายๆ ไร้กังวลเลย
สรุปแล้ว HP Pavilion Gaming 16 รุ่นนี้ถือว่าเป็น Gaming Notebook รุ่นใหม่ล่าสุดจากทาง HP ที่น่าสนใจทีเดียว เพราะมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงทั้งด้วยชิปประมวลผลและการ์ดจอ ที่สำคัญได้ปรับหน้าจอให้ใหญ่กว่า Gaming Notebook รุ่นมาตรฐานทั่วไป ที่ปกติแล้วเป็นขนาด 15.6″ แต่ HP Pavilion Gaming 16 เป็นขนาด 16.1″ เรียกได้ว่าใหญ่ที่ 0.5″ ซึ่งดูแล้วเป็นทิศทางของ Gaming Notebook ในตลาดหลังจากนี้ด้วย คาดว่าในอนาคตหลายๆ แบรนด์น่าจะทยอยขยับหน้าจอเป็น 16.1″ กันหมดก็เป็นไปได้ (เป็นเรื่องเทคนิคทางการผลิตที่อาจจะคุ้มค่ากว่า 15.6″)
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ HP Pavilion Gaming 16 โน๊ตบุ๊คสาย Gaming มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน HP Pavilion Gaming 16 ที่เป็นซีรีส์นี้อีกครั้ง ด้วยดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามเรียบหรูดูเป็นเอกลักษณ์ โดยมีทิศทางเดียวกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง HP Pavilion Gaming 15 เลย ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบเล่นเกม อีกทั้งยังพกพาไปทำงานได้ลงตัว รวมไปถึงตัวเครื่องก็เล็กลง บางเบาเทียบเคียงกันรุ่นหน้าจอ 15.6″ ทั้งของ HP เองและแบรนด์อื่นๆ ได้ไฟเป็นสีเขียวโทนสีเขียวที่ไม่ซ้ำใคร ทำให้เป็นอีกหนึ่ง Gaming Notebook ที่หลายคนจับตามองทีเดียว
Best Value
ด้วยขนาดหน้าจอ 16.1″ ที่ใหญ่กว่า พร้อมได้สเปกชิปประมวลผล Intel Core i7-10750H ที่เป็นรุ่นประสิทธิภาพสูง ได้รับความนิยมสูง และการ์ดจอที่เน้นคุ้มค่าแต่แรงลื่นอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 Ti (4GB GDDR6) ได้แรมมารตรฐานมาเป็น 8GB Bus 2933MHz รวมไปถึงรองรับ SSD M.2 NVMe PCIe ความเร็วสูงมากๆ ที่ความจุ 512GB ก็ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของตัวเครื่องนี้มีความน่าประทับใจ ที่สำคัญหน้าจอพาเนลดีมากๆ ได้ sRGB 92% เมื่อเทียบกับราคาค่าตัวก็คุ้มค่า หาคู่เปรียบเทียบได้ยาก ทั้งจากในการใช้ทำงานจริงๆ รวมไปถึงการทดสอบด้วยโปรแกรมต่างๆ ค่าคะแนนต่างๆ ก็ทำออกมาได้ดี ส่วนการใช้งานทั่วไปนั้นก็ทำได้อย่างสบายๆ