เป็นตัวเลือกที่ดีกับการมาของ ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T ในปี 2020 นี้ ที่เป็น Mobile Workstation ที่จัดเต็มด้วยสเปกและเทคโนโลยีจัดเต็ม แตกต่างจากโน้ตบุ๊ตทั่วไปหรือ Gaming โดยมาพร้อมชิปประมวลผล Core i7-9750H และการ์ดจอตัวเทพอย่าง NVIDIA Quadro RTX 5000 Max-Q ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยี Studio Drivers ซึ่งจะรองรับการใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์การทำงานทางด้านกราฟิกให้ผู้ทำงานด้านการตัดต่อไม่ว่าจะเป็นภาพหรือวีดีโอสามารถใช้งานซอฟต์แวร์ต่างๆ กล่าวนั้นได้ดีกว่าเดิม
สเปกอื่นๆ ของ ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T ติดตั้งแรมมาขนาด 48GB แน่นอนว่าได้ที่เก็บข้อมูล SSD M.2 NVMe ที่ 2TB พร้อมใช้งาน ได้หน้าจอ 15.6″ ความละเอียด 4K Ultra HD ที่พกพาได้สะดวก ด้วยขนาดที่บางเพียง 18.9 มิลลิเมตร และน้ำหนักรวมเพียง 1.89 กิโลกรัม ตัวเครื่องทำจากโลหะพิเศษน้ำหนักเบาแต่ให้ความทนทานสูง โดยรองรับการทำงานประมวลผลหนักๆ ไม่ว่าจะเป็น AI / VR / Data Science และอื่นๆ อีกมากมาย กับสายงานของมืออาชีพ สนนราคาที่ 149,990 บาท ได้ประกันแบบ 3 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงที่ด้วย
NBS Verdict
จุดเด่นของ ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T ก็คือ ได้ความเป็น Mobile Workstation ที่พรีเมียมเน้นสเปกระดับสูงจากชิปประมวลผล Core i7-9750H และการ์ดจอ NVIDIA Quadro RTX 5000 Max-Q สเปกอื่นๆ ก็จัดเต็ม ทั้งแรมขนาด 48GB และ SSD ความจุ 2TB ตัวเครื่องบางเบา แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานประมาณนึง ประสิทธิภาพดีลื่นไหล พอร์ตการเชื่อมต่อครบครัน อย่างที่หาในโน๊ตบุ๊คทั่วไปไม่ได้ ในส่วนของประสิทธิภาพการเล่นเกมก็ดีเยี่ยม
เมื่อเทียบกับประสบการณ์การใช้งานที่พกพาไปไหนมาไหนได้ง่ายและสะดวกกว่า Mobile Wostation เครื่องหนาๆ แบบสมัยก่อน และที่แตกต่างจาก ASUS โน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ก็คือ การรับประกัน On-site Serice ซ่อมฟรีถึงบ้าน ระยะเวลา 3 ปี ที่สำคัญเป็นแบบทั่วโลก อีกทั้งมีประกันอุบัติเหตุในปีแรก อย่าง ASUS Premium Care ด้วย อย่างไรก็ตามในส่วนของข้อสังเกตุก็มีอยู่ คือได้ชิปประมวลผล Core i Gen 10H น่าจะดูลงตัวกว่านี้อีก
สรุปสำหรับประสบการณ์ใช้งาน ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T ต้องบอกว่า ASUS ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ด้วยวัสดุคุณภาพสูงและสวยงามน่าประทับใจ ประกอบกับการดีไซน์ที่ตอบสนองความต้องการของคนทำงานระดับมืออาชีพ อาทิ โปรแกรมเมอร์ อนิเมเตอร์ วิศวกร สถาปนิก หรือคนทำงาน Content Creator สายต่างๆ ที่ต้องการ Mobile Workstation บางเบาแต่ได้ประสิทธิภาพสูงสุดอย่างลงตัว ส่งผลให้เสริมประสบการณ์ใช้งานยิ่งขึ้นไปอีกด้วยหน้าจอความละเอียด 4K UHD ที่ละเอียดกว่าความละเอียด Full HD ถึง 4 เท่า พร้อมรับรองความเที่ยงตรงของสีจาก PANTONE ให้ช่วงสีค่าความผิดเพี้ยนของสี (Delta-E) น้อยกว่า 1.5 ซึ่งให้ความแม่นยำของสีที่ยอดเยี่ยมสำหรับภาพที่มีความละเอียดสูง
นอกจากนั้น ASUS ได้ทำการทดสอบและลงทุนเพื่อให้ได้การรับรองจากผู้ผลิตซอฟต์แวร์อิสระ ซึ่งผ่านมาตรฐาน ISV-Certifications เพื่อให้เราได้มั่นใจว่า StudioBook Pro 15 จะทำงานกับแอปพลิเคชั่นมืออาชีพจากบริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำของโลกได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็น ตระกูล Adobe ต่างๆ อาทิ Phptoshop, Lightroom, Premiere Pro, After Efficts รวมไปถึงในฝั่งของ AutoDesk เช่น AutoCad, 3dsMax เป็นต้น เพื่องานประจำวันและการสร้างคอนเทนต์ เรียกได้ว่าพกพาสุดยอดเครื่องมือการสร้างสรรค์ไปได้ทุกที่ทุกเวลาเลยทีเดียว
จุดเด่น
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจตามสไตล์ ProArt StudioBookงานประกอบแน่นวัสดุดี
- ขอบหน้าจอบางพิเศษ ตัวเครื่องเบา 1.98 กิโลกรัม และบางเพียง 18.9 มิลลิเมตร
- ประสิทธิภาพสูงด้วยชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ที่รองรับในทุกๆ การทำงาน
- การ์ดจอตัวเทพ NVIDIA Quadro RTX 5000 Max-Q ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยี ในการทำงานมากมาย
- แรมขนาด 48GB และติดตั้ง SSD M.2 NVMe ความจุ 2TB
- ได้หน้าจอพาเนล IPS คุณภาพดีเยี่ยม ที่ความละเอียด 4K Ultra HD
- อุณหภูมิในการใช้งานถือว่าเย็น ไม่ร้อนจนเกินไป
- แม้ทำงานหนักๆ แต่เสียงพัดลมเบามากๆ
- มาพร้อม Windows 10 ใช้งานได้ทันที
- ประสบการณ์ใช้งานดี มีเสถียรภาพสูง ประทับใจมาก
- ประกันเป็น On-site Service ทั่วโลกระยะเวลา 3 ปี พร้อมประกันอุบัติเหตุ
ข้อสังเกต
- ไม่มี SD Card Reader
- ไม่มีกล้องเว็บแคม ถ้าใช้งานต้องหามาติดตั้งเอง
- น่าจะใช้ชิปประมวลผลเป็น Core i Gen 10H
- เป็น Mobile Station ใช้งานเฉพาะทาง ราคาจึงค่อนข้างสูง
Specification
ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H รุ่นยอดนิยม ทำงานความเร็ว 2.6 – 4.5 GHz แบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด แตกต่างกันที่การติดตั้งการ์ดจอ NVIDIA Quadro RTX 5000 Max-Q (16GB GDDR6) ให้ความแรงในการทำงานที่เน้นประสิทธิภาพการประมวลผล 3 มิติ รวมไปถึงเล่นเกมทุกเกมบนโลกแบบลื่นไหล ส่วนของแรมมีขนาด 48GB DDR4 Bus 2666MHz มีที่เก็บข้อมูลแบบ M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB x 2
หน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว พาเนลคุณภาพสูง IPS เน้นการทำงานมืออาชีพ ที่ละเอียด 4K Ultra HD (3840 x 2160) ให้ความเรียบเนียน ซึ่งมีความละเอียดมากกว่า Full HD (1920 x 1080) ถึง 4 เท่า พร้อมจอภาพได้รับการรับรองความเที่ยงตรงของสีจาก PANTONE ให้ช่วงสี Adobe RGB 100% และค่าความผิดเพี้ยนของสี (Delta-E) น้อยกว่า 1.5 ซึ่งให้ความแม่นยำของสีที่ยอดเยี่ยมสำหรับภาพที่มีความละเอียดสูง
ความหนาของตัวเครื่อง 18.9 มิลลิเมตร และหนักเพียง 1.98 กิโลกรัม ถ้าลองย้อนเวลากลับไปเมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว ใครจะเชื่อละว่าจะมี Mobile Worksation ระดับเทียบเคียง Workstation Desktop PC ที่เบาและบางขนาดนี้ออกมาให้เราได้เห็นกัน โดยพอร์ตการเชื่อมต่อก็ครบครันด้วย USB 3. Type-A, USB 3.2 Type-C, Mini DisplayPort, HDMI
พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi มาตรฐาน 802.11 ax 2×2 (Wi-Fi 6) แน่นอนว่าได้ Windows 10 แท้ใช้งานได้ทันที สนนราคา ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T อยู่ที่ 149,990 บาท การรับประกัน On-site Serice ซ่อมฟรีถึงบ้าน ระยะ 3 ปี ที่สำคัญเป็นแบบทั่วโลก อีกทั้งมีประกันอุบัติเหตุในปีแรก อย่าง ASUS Premium Care ด้วย
- Core i7-9750H + Quadro RTX 5000 Max-Q + RAM 48GB + SSD 1TB + จอ 15.6″ IPS 4K Ultra HD ราคา 149,990 บาท
Hardware / Design
ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T เป็นซีรีส์ ProArt ซึ่งเป็นโน๊ตบุ๊คเน้นทำงานระดับมืออาชีพที่เน้นการประมวลผลหนักหน่วง หรือเรียกว่าประเภท Mobile Workstation นั่นเอง ซึ่งให้ความบางเป็นพิเศษ โดยตัวเครื่องบางแค่ 18.9 มิลลิเมตร มาพร้อมน้ำหนักเบาที่ 1.98 กิโลกรัม รวมไปถึงแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า Gaming Notebook ทั่วไปกับขนาดหน้าจอขอบบางที่ 7.5 มิลลิเมตร ขนาด 15.6″ สัดส่วนเป็น 82% ของพื้นที่หน้าจอทั้งหมด
โดดเด่นความละเอียด Ultra HD พาเนล IPS ดีไซน์โดยรวมเน้นความดุดันแข็งแกร่ง ให้กลิ่นอายคล้ายกับ ROG Zephyrus Series ด้วยวัสดุเป็นโลหะ Magnesium-alloy พร้อมลวดลายแบบปัดเสี้ยนในหลายๆ รุ่น แต่ดูแล้วมีความสดใหม่กว่า เรียกได้ว่าดูเป็น Mobile Workstation สายจริงจัง มีความแข็งแรงทนทานจากภายในด้วยรูปแบบรังผึ้ง โดยยังคงไว้ซึ่งการออกแบบที่สวยงาม ด้วยเส้นสายที่ทันสมัยและการตกแต่งเสริมความพรีเมียม ระบบระบายความร้อนที่มีความล้ำหน้าทำให้มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยมของทุกชิ้นส่วน ด้วยการออกแบบและวิศวกรรมที่เป็นสัญลักษณ์แห่งคุณภาพของ ProArt StudioBook จริงๆ
ตัวเครื่อง ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T นั้นเป็นทรงแบบเหลี่ยมมุมตลอดทั้งตัวเครื่อง เรียกได้ว่าแทบไม่มีความโค้งเว้าใดๆ ซึ่งดูแล้วมีความสมมาตรลงตัว มาในโทนดำตัดกับสีเทาแบบสว่างๆ อย่าง Star Grey ขอบของตัวเครื่องรวมไปถึงขอบด้านหลังนั้นถูกออกแบบมุมมาเป็นอย่างดี ส่วนด้านฐานของตัวเครื่องวัสดุพลาสติกที่แข็งแรงงานประกอบเรียบร้อย พร้อมอากาศเย็นผ่าน โดยมีช่องดูดลมเย็นอีก 3 ช่องด้านล่างใต้เครื่อง
อีกทั้งยังมีช่องด้านบนเหนือคีย์บอร์ดมีช่องดูดลมอีกช่องช่วยนำพาอากาศเย็นเข้าไปอีก ติดตั้งด้านหลังด้วยช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่ 4 ช่อง 2 สองพัดลมขนาดใหญ่พร้อมช่องไล่ฝุ่น Anti-Dust Cooling ส่งผลให้ไม่มีความร้อนสะสมขึ้นในอนาคต ส่วนถ้าจะอัพเกรดก็ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ขันน็อตไม่กี่ตัวจากนั้นค่อยๆ ดึงขึ้น รวมๆ แล้วต้องยอมรับว่าทาง ASUS นั้นใส่ใจในการออกแบบมาจริงๆ นอกจากที่อัพเกรดได้ไม่ยากแล้ว ยังทำความสะอาดได้สะดวกสบายอีกด้วย
ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T จะอยู่บนพื้นฐานการออกแบบโน๊ตบุ๊คที่ทรงประสิทธิภาพ แต่ใครจะเอาไปทำงานเบาๆ หรือทำงานหนักๆ รวมไปถึงพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ ก็สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ทั้งหมด ทั้งจากฟีเจอร์ ดีไซน์และสเปกแรงล้ำกว่าด้วยการ์ดจอ NVIDIA Quadro RTX 5000 Max-Q ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มใหม่สำหรับผู้ที่ทำงานทางด้านกราฟิกโดยเฉพาะ
ซึ่งมีชื่อว่า Nvidia Studio ซึ่งจะมาพร้อมกับ SDKs และ APIs ที่ถูกเพิ่มเข้ามาช่วยให้ผู้ที่ทำงานทางด้านกราฟิกซึ่งใช้ฮาร์ดแวร์ของทาง NVIDIA สามารถใช้งานในการสร้างสรรค์งานได้ดีมากขึ้นกว่าเดิม โดยรองรับการใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์การทำงานทางด้านกราฟิกให้ผู้ทำงานด้านการตัดต่อไม่ว่าจะเป็นภาพหรือวีดีโอสามารถใช้งานซอฟต์แวร์ต่างๆ กล่าวนั้นได้ดีกว่าเดิม (อย่างเช่นการใช้งานทำงานกับซอฟต์แวร์ของทาง Adobe เป็นต้น)
Keyboard / Touchpad
ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T ใช้คีย์บอร์ดมาตรฐานที่คล้ายกับ ROG Zephyrus Series เพื่อใช้ในพิมพ์หรือใส่คำสั่ง โดยได้แป้นที่ใหญ่พิเศษ โดยพัฒนาและออกแบบมาให้ ASUS โดยเฉพาะ พร้อมไฟ LED ช่วยให้ความสว่างในที่มืดหรือแสงน้อย ทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมๆ กันแต่ละปุ่มมีมุมโค้งขนาด 0.25 มิลลิเมตร เข้ากับนิ้วมือเวลากดลงไปสุดๆ โดยระยะของปุ่มที่เลื่อนลงไปเพียง 1.8 มิลลิเมตร และอายุคีย์บอร์ดที่สามารถกดได้ 20 ล้านครั้ง เรียกได้ว่าเป็นคีย์บอร์ดเพื่อการใช้งานแบบมืออาชีพจริงๆ
ทัชแพดเองขนาดใหญ่แบบซ่อนปุ่มคลิกซ้ายคลิกขวา ซึ่งการใช้งานสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นสะดวกสบาย ปุ่มนุ่มกดง่าย การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจมาก เรียกได้ว่าแทบไม่ต้องมีเมาส์ก็ใช้งานได้ดีเยี่ยม ที่สำคัญมีในส่วนของปุ่มลัดเหนือคีย์บอร์ดอย่างปุ่ม ย้อนไป เล่น และไปข้างหน้า เพื่อใช้งานร่วมกับโปรแกรมต่างๆ อย่างเช่นตัดต่อวีดีโอ ส่วนปุ่ม Power ก็จะถูกติดตั้งไว้ในส่วนนี้ด้วย
Screen / Speaker
ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T มีหน้าจอขอบจอบางเฉียบเพียง 7.5 มิลลิเมตรทั้งขอบด้านข้างและด้านบนทำให้ไม่มีกล้องเว็บแคม ถ้าใช้งานต้องหามาติดตั้งเอง ขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด 4K Ultra HD (3340 x 2160 พิกเซล) พาเนลเป็น IPS คุณภาพดีที่สุด มุมมองกว้าง พื้นผิวจอแบบด้าน Anti-Glare รวมๆ ทั้งสีสันความคมชัดแล้วจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม พร้อมได้รับการรับรองความเที่ยงตรงของสีจาก PANTONE ให้ช่วงสี Adobe RGB 100% และค่าความผิดเพี้ยนของสี (Delta-E) น้อยกว่า 1.5 ซึ่งให้ความแม่นยำของสีที่ยอดเยี่ยมสำหรับภาพที่มีความละเอียดสูง ถือว่าในการเน้นทำงานจริงๆ จังๆ ดีกว่ามาตรฐานของโน๊ตบุ๊คทั่วไปหรือ Gaming Notebook มากทีเดียว
ทดสอบหน้าจอของ ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite ซึ่งผลการทดสอบให้ขอบเขตความกว้างของสีสัน Gamut เทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB 99% และ AdobeRGB 94% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับที่ดีเยี่ยมเหนือชั้นกว่าโน๊ตบุ๊คทั้งหมดในตลาด โดยให้ความแม่นยำและเที่ยงตรงใกล้เคียงกับ sRGB 100% ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 400 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คทั่วไป คือ สู้แสงกลางแจ้งได้แบบชัดเจน รวมไปถึงการทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพก็สามารถทำได้ดีเช่นกัน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางแถวบนเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ 400 cd/m2 แต่สำหรับช่องมุมซ้ายล่างจะมีแสงสว่างที่ลดลงระดับ 16% ที่ถือว่าค่อนข้างเยอะ ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ตัวเครื่องมีช่องลำโพงคู่อยู่ขอบตัวเครื่องข้างๆ ซ้ายขวา คุณภาพสูง พร้อม ASUS SonicMaster Premium เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ระบบเสียงชั้นยอดอีกด้วย ให้เสียงคมชัด เพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมให้ถึงใจยิ่งขึ้น ให้ขอบเขตเสียงที่กว้าง จากการที่เสียงกลางแหลมออกชัดเจนดี ส่วนทุ้มมีออกมาหน่อยๆ แม้จะมีลำโพงซัฟวูฟเฟอร์ก็ตาม ส่วนในเรื่องคุณภาพเสียงนั้นถือว่าดีมากๆ ทั้งเรื่องคุณภาพและความดัง ซึ่งหากว่าเพื่อนๆ เป็นผู้ใช้งานทั่วไป คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปแบบรู้สึกได้
Connector / Thin And Weight
มาดูทางด้านพอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T ซึ่งเครื่องนี้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีพอร์ตเชื่อมต่อมาให้ครบครับใช้ได้เลยทีเดียว โดยตัวพอร์ตจะอยู่ด้านซ้ายมือตัวเครื่องทั้งหมด มีทั้ง USB 3.1 Type-A จำนวน 3 พอร์ต (Gen 1 – 2, Gen 2 – 1), USB 3.1 Gen2 Type-C with DisplayPort 1.4 (แต่ไม่รองรับ USB-PD) พร้อมช่องต่อหูฟังกับไมค์แบบ Combo ขนาด 3.5 มิลลิเมตร 1 ช่อง, LAN RJ45 และ HDMI ส่วน Kensington ก็ยังมีอยู่แน่นอน ไว้ล็อคเครื่องกับโต๊ะ
ในส่วนของการเชื่อมต่อไร้สายจะใช้ Bluetooth 5.0 และ Wireless แบบ 802.11 ax (2×2) หรือเรียกว่ามาตราฐาน Wi-Fi 6 ซึ่งจะช่วยให้การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตให้มีความสเถียรมากยิ่งขึ้น ส่วนขนาดของตัวเครื่อง 360 x 252 x 18.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1.98 กิโลกรัม ถือว่าค่อนข้างเบาเลยทีเดียว เมื่อเทียบกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ และเมื่อรวมกับอแดปเตอร์ชาร์จไฟขนาด 230 W เข้าไปด้วยจะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 2.4 กิโลกรัมเท่านั้น พอแบกพกพาไปไหนมาไหนได้อยู่ไม่หนักมาก ถือมือเดียวก็สบายๆ หยิบจับไปไหนก็สะดวกทีเดียว
Inside / Upgrade
การแกะเครื่อง ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T เพื่อที่จะนำมาทำความสะอากในอนาคตนั้นทำง่ายมาก เพียงแกะน็อตออกทุกตัวแล้วใช้บัตรแข็งๆ ค่อยๆ แงะจากด้านหลังตรงแกนฝาพับตัวเครื่องแล้วค่อยๆ รูดไปตามแนวฝาหลังและแกะแผ่นออกมาทั้งหมด เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ ถูกออกแบบจัดระเบียบได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว มีพัดลมขนาดใหญ่ พร้อมระบายความร้อนที่มี Anti-Dust Tunnels ที่อยู่ในชุดฟินสีดำ หมดกังวลเรื่องฝุ่นที่ติดตรงครีบระบายความร้อนจุดสังเกตที่เปลี่ยนไปคือตัวเครื่องเลือกใช้ฮีทไปป์ 6 เส้น เรียกได้ว่าเอาอยู่กับสเปกแบบนี้แล้ว
ซึ่งหลังจากที่แกะออกมาแล้วนั้นจะเห็นแผ่นสีดำ สีเทาแปะติดไว้อยู่ในหลายๆ ส่วนเพื่อกันไฟฟ้าสถิต และในส่วนของฮาร์ดแวร์ที่ใส่ที่เก็บข้อมูลอย่าง SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 2TB แบบ 1TB x 2 ทำ Raid 0 มาให้พร้อมใช้งาน ส่วนช่องแรมใส่มาแล้วที่ขนาด 32GB โดยมีแรมขนาด 16GB ติดเครื่องมาเป็นแบบฝั่งบอร์ด รวมทั้งหมดเป็น 48GB จากที่เป็น Mobile Workstation บางเบานั่นเอง อย่างไรก็ตามไม่รองรับการใส่ฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5″ ซึ่งโดยส่วนตัวคิดว่าคงไม่ต้องอัพเกรดอะไรกันแล้วล่ะ
Performance / Software
โดย ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i Gen 9H อย่าง Intel Core i7-9750H (รุ่นยอดนิยมประจำปี 2019) ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.60 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.50 GHz เป็นซีพียูแบบ 6 Core 12 Thread มาพร้อมแรมภายในขนาด 48GB DDR4 Buss 2666MHz แบบ 16GB x 1 แถวออนบอร์ด และ 32GB x 1 แถว ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
ยกระดับประสบการณ์การเล่นเกม ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T มีการนำชิปประมวลผล หรือ CPU รุ่นล่าสุดจาก Intel Core i Gen 9H มาใส่ไว้ใน Gaming Notebook ตัวใหม่นี้ด้วย ทำให้การประมวลผลการทำงานหรือการเล่นเกมของ Gaming Notebook รุ่นใหม่นี้ ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ได้อย่างที่ไม่เคยมี Gaming Notebook รุ่นไหนเคยทำได้มาก่อน เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงขึ้นกว่าเดิมถึง 45% มีผลอย่างมากต่อการทำงานที่ต้องใช้การประมวลผลของ CPU หนักๆ เช่น การต่อต่อวีดีโอ หรือเรนเดอร์งาน 3D เป็นต้น
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน
อีกทั้งยังมีการ์ดจอแยกเพื่อการทำงานตัวแรงระดับท็อปอย่าง NVIDIA Quadro RTX 5000 Max-Q ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ และแรงกว่า GeForce เรื่องของการเน้นประมวลผล มอบประสิทธิภาพการทำงานที่หลากหลาย คุณสมบัติของ RTX ขั้นสูงเช่น Ray Tracing โดยใช้ฮาร์ดแวร์เร่งความเร็ว ช่วยให้มั่นใจได้ว่าคุณจะได้ภาพที่น่าทึ่งในขณะที่ความช่วยเหลือจาก AI พิเศษ ช่วยลดภาระงานซ้ำๆ กันอีกต่อหนึ่งเพื่อการสร้างคอนเทนต์ที่รวดเร็ว ตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ก็ทำได้ดีตามมาตรฐาน รวมไปถึงตัวการ์ดจอเองก็มีประสิทธิภาพสูง เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ของ Intel ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 2TB (1TB x 2 ทำ Raid 0) แบบ M.2 NVMe PCIe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับ SSD M.2 ทั่วไปแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 2982MB/s และเขียนที่ 2583MB/s แม้อาจจะไม่ได้เร็วมาก แต่ก็ถือว่าดีกว่ามาตรฐาน SATA 3 แบบเดิมๆ แล้ว
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance และ 3D Mark Fire Strike ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4,831 / 16397 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอหรืองาน 3 มิติ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเน้นทำงานระดับมืออาชีพอย่าง Mobile Station มีการ์ดจอแยก NVIDIA Quadro RTX 5000 Max-Q ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA Quadro RTX 5000 Max-Q ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 48GB DDR4 รวมไปถึง SSD NVMe ก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง BF V / GTA V / FarCry 5 ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 4K Ultra HD ที่ 3840 x 2160 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ซึ่งถ้าอยากให้เฟรมเรทลื่นไหลกว่านี้ก็สามารถเลือกปรับกราฟิกระดับกลางๆ ก็ได้
เกมออนไลน์อย่าง PUBG / Overwatch / DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 3840 x 2160 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 60 – 80 ขึ้นไปตลอด ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะเป็นเกมออนไลน์เมื่อปรับเป็น 4K Ultra HD ก็กินทรัพยากรพอตัวเหมือนกัน ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ อยู่
ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T เองก็ยังมีในส่วนของซอต์ฟแวร์ที่จะเป็นตัวช่วยในการใช้งานของเราอีกด้วยอย่าง MyASUS (โดยเปิดเครื่องมาเจอเลยพร้อมมี Hotkey ให้กดใช้งาน) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน รวมไปถึงโหมดพัดลมและโปรไฟล์สีการแสดงผล โดยรวมแล้วถือว่าเป็นซอฟต์แวร์ประเภท Utility ติดเครื่องที่ดีและใช้งานได้จริง
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T ครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ความจุ 4800mAh ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราวๆ 5 – 6 ชั่วโมงโดยประมาณ เรียกได้ว่าน่าประทับใจทีเดียวกับการที่ Mobile Workstation จอ 15.6″ ใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานขนาดนี้
ส่วนเรื่องอุณหภูมิในการใช้งานนั้น ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T เมื่อใช้งานแบบปกติชิปประมวลผลจะอยู่ที่ประมาณ 30 – 50 องศาเซลเซียส ส่วนการ์ดจอจะอยู่ที่ 30 – 50 องศาเซลเซียสเช่นกัน ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 28 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการประมวลผลกราฟิก 3 มิติ หรือเรนดอร์วีดีโอ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้น
ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของตัวเครื่องอยู่ที่ไม่เกิน 89 – 91 องศาเซลเซียส ส่วนกราฟิกการ์ดจะอยู่ที่ 60 – 66 องศาเซลเซียสโดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้เป็นอย่างดีมาก ซึ่งเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้กลับมา แน่นอนว่ามากกว่า Notebook ทั่วไป สำหรับเสียงรบกวนในเวลาทำงานนั้นถือว่าทำงานเงียบมากๆ จากการที่เน้นการทำงานเป็นหลัก สมกับ Mobile Workstation โดยมีเสียงรบกวนที่ระดับต่ำกว่า 39 เดซิเบล ในการทดสอบมาตรฐานแม้ว่าจะรีดประสิทธิภาพจาก CPU และ GPU ให้ทำงานเต็มกำลังก็ตาม
Conclusion / Award
ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T นั้นถือว่าเป็น Mobile Workstation สำหรับการทำงานระดับมืออาชีพเน้นความบางเบา พร้อมรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ด้วยการพกพาที่สะดวกสบาย ซึ่งพร้อมนำเสนอในปี 2020 โดยมีน้ำหนักแค่ 1.98 กิโลกรัมเท่านั้น อีกทั้งยังมีความบางตัวเครื่องเพียง 18.9 มิลลิเมตร พร้อมได้หน้าจอ 15.6″ ความละเอียด 4K Ultra HD ขอบเขตสี sRGB 99% เรียกได้ว่าใครต้องการโน๊ตบุ๊คหน้าจอที่ที่สุดในตลาดต้องรุ่นนี้เลย
การมาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ที่เป็น Core i Gen 9H แม้อาจจะไม่ใหม่สุดอย่าง Intel Core i Gen 10H แต่ก็พอจะใช้งานเน้นประสิทธิภาพได้แบบสบายๆ บนแรม DDR4 Bus 2666MHz ที่ 48GB และการ์ดจอประมวลผล 3 มิติตัวแรงสุดๆ อย่าง NVIDIA Quadro RTX 5000 Max-Q สำคัญคือควบคุมความร้อนได้แบบมีเสถียรภาพผ่านชุดระบายความร้อนที่ดีพร้อมช่องไล่ฝุ่น Anti-Dust Cooling ส่งผลให้ไม่มีความร้อนสะสมขึ้นในอนาคต
ด้วยฟีเจอร์ทั้งหมดที่มีทำให้แม้สเปกจะจัดเต็มเหมือน Gaming Notebook เครื่องหนาๆ หนักๆ ก็สามารถจัดการควบคุมอุณหภูมิได้เป็นอย่างดี พร้อมใช้งานแบตเตอรี่ได้อย่างน่าประทับใจ ที่ยาวนานกว่า 5 – 6 ชั่วโมงในการใช้งานทั่วไป เรียกได้ว่าเให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยมทั้งการทำงานหรือเล่นเกมก็ยังได้ ส่วนเอาไปใช้งานพกพานอกสถานที่ก็ตอบสนองเป็นอย่างดี อีกทั้งตัวเครื่องยังมีความแข็งแรงทนทานอีกด้วยทั้งภายนอกและภายใน ดีไซน์ก็ให้ความเป็นมืออาชีพสุดๆ ลงตัวกับคนทำงานสาย Conten Creator หรือ สถาปนิก วิศวกรสุดๆ
ที่มีประสิทธิภาพซึ่งสามารถที่จะใช้งานได้ในระยะยาวโดยน่าจะรองรับการทำงานร่วมกับโปรแกรมต่างๆ ราว 2 – 3 ปีนี้ได้อย่างสบาย สนนราคาที่ 149,990 บาท ได้ประกันแบบ 3 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงที่ด้วย โดยเรื่องดีไซน์ก็มีข้อสังเกตุเล็กๆ น้อยๆ จากการที่ขอบหน้าจอบางมากๆ ทำให้ทาง ASUS เลือกตัดกล้องเว็บแคมออกไปเลย ถ้าใครจะใช้งานต้องหาซื้อมาเชื่อมต่อเอง รวมไปถึงไม่มีช่อง SD Card Reader เผื่อกรณีคนที่ต้องการใช้งานก็ต้องรับให้ได้ด้วย
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ ProArt StudioBook โน๊ตบุ๊คสายทำงานระดับสูงเน้นงานมืออาชีพ Mobile Workstation ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบเล่นเกม ที่สำคัญคือขอบจอบาง ทำให้มิติตัวเครื่องใกล้เคียงพวกจอ 14″ แถมน้ำหนักเบาแค่ 1.98 กิโลกรัมเท่านั้น โดยตัวเครื่องบางเพียง 18.9 มิลลิเมตรเท่านั้น พกพาได้สะดวกมากๆ เทียบกับประสิทธิภาพที่ได้มาถือว่าสุดยอดมากๆ
Best Performance
ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T สเปคเป็น Intel Core i7-9750H + NVIDIA Quadro RTX 5000 Max-Q + จอ IPS 4K Ultra HD ขอบหน้าจอบาง + แรมขนาด 48GB + SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB + มี Windows 10 แท้ การรับประกัน On-site Serice ซ่อมฟรีถึงบ้าน ระยะ 3 ปี ที่สำคัญเป็นแบบทั่วโลก อีกทั้งมีประกันอุบัติเหตุในปีแรก อย่าง ASUS Premium Care ด้วย ในราคาที่ 149,900 บาท เรียกได้ว่าสมราคา กับการรองรับทั้งการทำงานประมวลผลหนักๆ ไม่ว่าจะเป็น AI / VR / Data Science และอื่นๆ อีกมากมาย หรือเล่นเกมก็สมบูรณ์แบบ
NBS Verdict
จุดเด่นของ ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T ก็คือ ได้ความเป็น Mobile Workstation ที่พรีเมียมเน้นสเปกระดับสูงจากชิปประมวลผล Core i7-9750H และการ์ดจอ NVIDIA Quadro RTX 5000 Max-Q สเปกอื่นๆ ก็จัดเต็ม ทั้งแรมขนาด 48GB และ SSD ความจุ 2TB ตัวเครื่องบางเบา แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานประมาณนึง ประสิทธิภาพดีลื่นไหล พอร์ตการเชื่อมต่อครบครัน อย่างที่หาในโน๊ตบุ๊คทั่วไปไม่ได้ ในส่วนของประสิทธิภาพการเล่นเกมก็ดีเยี่ยม
เมื่อเทียบกับประสบการณ์การใช้งานที่พกพาไปไหนมาไหนได้ง่ายและสะดวกกว่า Mobile Wostation เครื่องหนาๆ แบบสมัยก่อน และที่แตกต่างจาก ASUS โน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ก็คือ การรับประกัน On-site Serice ซ่อมฟรีถึงบ้าน ระยะเวลา 3 ปี ที่สำคัญเป็นแบบทั่วโลก อีกทั้งมีประกันอุบัติเหตุในปีแรก อย่าง ASUS Premium Care ด้วย อย่างไรก็ตามในส่วนของข้อสังเกตุก็มีอยู่ คือได้ชิปประมวลผล Core i Gen 10H น่าจะดูลงตัวกว่านี้อีก
สรุปสำหรับประสบการณ์ใช้งาน ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T ต้องบอกว่า ASUS ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ด้วยวัสดุคุณภาพสูงและสวยงามน่าประทับใจ ประกอบกับการดีไซน์ที่ตอบสนองความต้องการของคนทำงานระดับมืออาชีพ อาทิ โปรแกรมเมอร์ อนิเมเตอร์ วิศวกร สถาปนิก หรือคนทำงาน Content Creator สายต่างๆ ที่ต้องการ Mobile Workstation บางเบาแต่ได้ประสิทธิภาพสูงสุดอย่างลงตัว ส่งผลให้เสริมประสบการณ์ใช้งานยิ่งขึ้นไปอีกด้วยหน้าจอความละเอียด 4K UHD ที่ละเอียดกว่าความละเอียด Full HD ถึง 4 เท่า พร้อมรับรองความเที่ยงตรงของสีจาก PANTONE ให้ช่วงสีค่าความผิดเพี้ยนของสี (Delta-E) น้อยกว่า 1.5 ซึ่งให้ความแม่นยำของสีที่ยอดเยี่ยมสำหรับภาพที่มีความละเอียดสูง
นอกจากนั้น ASUS ได้ทำการทดสอบและลงทุนเพื่อให้ได้การรับรองจากผู้ผลิตซอฟต์แวร์อิสระ ซึ่งผ่านมาตรฐาน ISV-Certifications เพื่อให้เราได้มั่นใจว่า StudioBook Pro 15 จะทำงานกับแอปพลิเคชั่นมืออาชีพจากบริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำของโลกได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็น ตระกูล Adobe ต่างๆ อาทิ Phptoshop, Lightroom, Premiere Pro, After Efficts รวมไปถึงในฝั่งของ AutoDesk เช่น AutoCad, 3dsMax เป็นต้น เพื่องานประจำวันและการสร้างคอนเทนต์ เรียกได้ว่าพกพาสุดยอดเครื่องมือการสร้างสรรค์ไปได้ทุกที่ทุกเวลาเลยทีเดียว
จุดเด่น
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจตามสไตล์ ProArt StudioBookงานประกอบแน่นวัสดุดี
- ขอบหน้าจอบางพิเศษ ตัวเครื่องเบา 1.98 กิโลกรัม และบางเพียง 18.9 มิลลิเมตร
- ประสิทธิภาพสูงด้วยชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ที่รองรับในทุกๆ การทำงาน
- การ์ดจอตัวเทพ NVIDIA Quadro RTX 5000 Max-Q ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยี ในการทำงานมากมาย
- แรมขนาด 48GB และติดตั้ง SSD M.2 NVMe ความจุ 2TB
- ได้หน้าจอพาเนล IPS คุณภาพดีเยี่ยม ที่ความละเอียด 4K Ultra HD
- อุณหภูมิในการใช้งานถือว่าเย็น ไม่ร้อนจนเกินไป
- แม้ทำงานหนักๆ แต่เสียงพัดลมเบามากๆ
- มาพร้อม Windows 10 ใช้งานได้ทันที
- ประสบการณ์ใช้งานดี มีเสถียรภาพสูง ประทับใจมาก
- ประกันเป็น On-site Service ทั่วโลกระยะเวลา 3 ปี พร้อมประกันอุบัติเหตุ
ข้อสังเกต
- ไม่มี SD Card Reader
- ไม่มีกล้องเว็บแคม ถ้าใช้งานต้องหามาติดตั้งเอง
- น่าจะใช้ชิปประมวลผลเป็น Core i Gen 10H
- เป็น Mobile Station ใช้งานเฉพาะทาง ราคาจึงค่อนข้างสูง
Specification
ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H รุ่นยอดนิยม ทำงานความเร็ว 2.6 – 4.5 GHz แบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด แตกต่างกันที่การติดตั้งการ์ดจอ NVIDIA Quadro RTX 5000 Max-Q (16GB GDDR6) ให้ความแรงในการทำงานที่เน้นประสิทธิภาพการประมวลผล 3 มิติ รวมไปถึงเล่นเกมทุกเกมบนโลกแบบลื่นไหล ส่วนของแรมมีขนาด 48GB DDR4 Bus 2666MHz มีที่เก็บข้อมูลแบบ M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB x 2
หน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว พาเนลคุณภาพสูง IPS เน้นการทำงานมืออาชีพ ที่ละเอียด 4K Ultra HD (3840 x 2160) ให้ความเรียบเนียน ซึ่งมีความละเอียดมากกว่า Full HD (1920 x 1080) ถึง 4 เท่า พร้อมจอภาพได้รับการรับรองความเที่ยงตรงของสีจาก PANTONE ให้ช่วงสี Adobe RGB 100% และค่าความผิดเพี้ยนของสี (Delta-E) น้อยกว่า 1.5 ซึ่งให้ความแม่นยำของสีที่ยอดเยี่ยมสำหรับภาพที่มีความละเอียดสูง
ความหนาของตัวเครื่อง 18.9 มิลลิเมตร และหนักเพียง 1.98 กิโลกรัม ถ้าลองย้อนเวลากลับไปเมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว ใครจะเชื่อละว่าจะมี Mobile Worksation ระดับเทียบเคียง Workstation Desktop PC ที่เบาและบางขนาดนี้ออกมาให้เราได้เห็นกัน โดยพอร์ตการเชื่อมต่อก็ครบครันด้วย USB 3. Type-A, USB 3.2 Type-C, Mini DisplayPort, HDMI
พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi มาตรฐาน 802.11 ax 2×2 (Wi-Fi 6) แน่นอนว่าได้ Windows 10 แท้ใช้งานได้ทันที สนนราคา ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T อยู่ที่ 149,990 บาท การรับประกัน On-site Serice ซ่อมฟรีถึงบ้าน ระยะ 3 ปี ที่สำคัญเป็นแบบทั่วโลก อีกทั้งมีประกันอุบัติเหตุในปีแรก อย่าง ASUS Premium Care ด้วย
- Core i7-9750H + Quadro RTX 5000 Max-Q + RAM 48GB + SSD 1TB + จอ 15.6″ IPS 4K Ultra HD ราคา 149,990 บาท
Hardware / Design
ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T เป็นซีรีส์ ProArt ซึ่งเป็นโน๊ตบุ๊คเน้นทำงานระดับมืออาชีพที่เน้นการประมวลผลหนักหน่วง หรือเรียกว่าประเภท Mobile Workstation นั่นเอง ซึ่งให้ความบางเป็นพิเศษ โดยตัวเครื่องบางแค่ 18.9 มิลลิเมตร มาพร้อมน้ำหนักเบาที่ 1.98 กิโลกรัม รวมไปถึงแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า Gaming Notebook ทั่วไปกับขนาดหน้าจอขอบบางที่ 7.5 มิลลิเมตร ขนาด 15.6″ สัดส่วนเป็น 82% ของพื้นที่หน้าจอทั้งหมด
โดดเด่นความละเอียด Ultra HD พาเนล IPS ดีไซน์โดยรวมเน้นความดุดันแข็งแกร่ง ให้กลิ่นอายคล้ายกับ ROG Zephyrus Series ด้วยวัสดุเป็นโลหะ Magnesium-alloy พร้อมลวดลายแบบปัดเสี้ยนในหลายๆ รุ่น แต่ดูแล้วมีความสดใหม่กว่า เรียกได้ว่าดูเป็น Mobile Workstation สายจริงจัง มีความแข็งแรงทนทานจากภายในด้วยรูปแบบรังผึ้ง โดยยังคงไว้ซึ่งการออกแบบที่สวยงาม ด้วยเส้นสายที่ทันสมัยและการตกแต่งเสริมความพรีเมียม ระบบระบายความร้อนที่มีความล้ำหน้าทำให้มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยมของทุกชิ้นส่วน ด้วยการออกแบบและวิศวกรรมที่เป็นสัญลักษณ์แห่งคุณภาพของ ProArt StudioBook จริงๆ
ตัวเครื่อง ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T นั้นเป็นทรงแบบเหลี่ยมมุมตลอดทั้งตัวเครื่อง เรียกได้ว่าแทบไม่มีความโค้งเว้าใดๆ ซึ่งดูแล้วมีความสมมาตรลงตัว มาในโทนดำตัดกับสีเทาแบบสว่างๆ อย่าง Star Grey ขอบของตัวเครื่องรวมไปถึงขอบด้านหลังนั้นถูกออกแบบมุมมาเป็นอย่างดี ส่วนด้านฐานของตัวเครื่องวัสดุพลาสติกที่แข็งแรงงานประกอบเรียบร้อย พร้อมอากาศเย็นผ่าน โดยมีช่องดูดลมเย็นอีก 3 ช่องด้านล่างใต้เครื่อง
อีกทั้งยังมีช่องด้านบนเหนือคีย์บอร์ดมีช่องดูดลมอีกช่องช่วยนำพาอากาศเย็นเข้าไปอีก ติดตั้งด้านหลังด้วยช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่ 4 ช่อง 2 สองพัดลมขนาดใหญ่พร้อมช่องไล่ฝุ่น Anti-Dust Cooling ส่งผลให้ไม่มีความร้อนสะสมขึ้นในอนาคต ส่วนถ้าจะอัพเกรดก็ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ขันน็อตไม่กี่ตัวจากนั้นค่อยๆ ดึงขึ้น รวมๆ แล้วต้องยอมรับว่าทาง ASUS นั้นใส่ใจในการออกแบบมาจริงๆ นอกจากที่อัพเกรดได้ไม่ยากแล้ว ยังทำความสะอาดได้สะดวกสบายอีกด้วย
ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T จะอยู่บนพื้นฐานการออกแบบโน๊ตบุ๊คที่ทรงประสิทธิภาพ แต่ใครจะเอาไปทำงานเบาๆ หรือทำงานหนักๆ รวมไปถึงพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ ก็สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ทั้งหมด ทั้งจากฟีเจอร์ ดีไซน์และสเปกแรงล้ำกว่าด้วยการ์ดจอ NVIDIA Quadro RTX 5000 Max-Q ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มใหม่สำหรับผู้ที่ทำงานทางด้านกราฟิกโดยเฉพาะ
ซึ่งมีชื่อว่า Nvidia Studio ซึ่งจะมาพร้อมกับ SDKs และ APIs ที่ถูกเพิ่มเข้ามาช่วยให้ผู้ที่ทำงานทางด้านกราฟิกซึ่งใช้ฮาร์ดแวร์ของทาง NVIDIA สามารถใช้งานในการสร้างสรรค์งานได้ดีมากขึ้นกว่าเดิม โดยรองรับการใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์การทำงานทางด้านกราฟิกให้ผู้ทำงานด้านการตัดต่อไม่ว่าจะเป็นภาพหรือวีดีโอสามารถใช้งานซอฟต์แวร์ต่างๆ กล่าวนั้นได้ดีกว่าเดิม (อย่างเช่นการใช้งานทำงานกับซอฟต์แวร์ของทาง Adobe เป็นต้น)
Keyboard / Touchpad
ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T ใช้คีย์บอร์ดมาตรฐานที่คล้ายกับ ROG Zephyrus Series เพื่อใช้ในพิมพ์หรือใส่คำสั่ง โดยได้แป้นที่ใหญ่พิเศษ โดยพัฒนาและออกแบบมาให้ ASUS โดยเฉพาะ พร้อมไฟ LED ช่วยให้ความสว่างในที่มืดหรือแสงน้อย ทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมๆ กันแต่ละปุ่มมีมุมโค้งขนาด 0.25 มิลลิเมตร เข้ากับนิ้วมือเวลากดลงไปสุดๆ โดยระยะของปุ่มที่เลื่อนลงไปเพียง 1.8 มิลลิเมตร และอายุคีย์บอร์ดที่สามารถกดได้ 20 ล้านครั้ง เรียกได้ว่าเป็นคีย์บอร์ดเพื่อการใช้งานแบบมืออาชีพจริงๆ
ทัชแพดเองขนาดใหญ่แบบซ่อนปุ่มคลิกซ้ายคลิกขวา ซึ่งการใช้งานสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นสะดวกสบาย ปุ่มนุ่มกดง่าย การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจมาก เรียกได้ว่าแทบไม่ต้องมีเมาส์ก็ใช้งานได้ดีเยี่ยม ที่สำคัญมีในส่วนของปุ่มลัดเหนือคีย์บอร์ดอย่างปุ่ม ย้อนไป เล่น และไปข้างหน้า เพื่อใช้งานร่วมกับโปรแกรมต่างๆ อย่างเช่นตัดต่อวีดีโอ ส่วนปุ่ม Power ก็จะถูกติดตั้งไว้ในส่วนนี้ด้วย
Screen / Speaker
ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T มีหน้าจอขอบจอบางเฉียบเพียง 7.5 มิลลิเมตรทั้งขอบด้านข้างและด้านบนทำให้ไม่มีกล้องเว็บแคม ถ้าใช้งานต้องหามาติดตั้งเอง ขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด 4K Ultra HD (3340 x 2160 พิกเซล) พาเนลเป็น IPS คุณภาพดีที่สุด มุมมองกว้าง พื้นผิวจอแบบด้าน Anti-Glare รวมๆ ทั้งสีสันความคมชัดแล้วจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม พร้อมได้รับการรับรองความเที่ยงตรงของสีจาก PANTONE ให้ช่วงสี Adobe RGB 100% และค่าความผิดเพี้ยนของสี (Delta-E) น้อยกว่า 1.5 ซึ่งให้ความแม่นยำของสีที่ยอดเยี่ยมสำหรับภาพที่มีความละเอียดสูง ถือว่าในการเน้นทำงานจริงๆ จังๆ ดีกว่ามาตรฐานของโน๊ตบุ๊คทั่วไปหรือ Gaming Notebook มากทีเดียว
ทดสอบหน้าจอของ ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite ซึ่งผลการทดสอบให้ขอบเขตความกว้างของสีสัน Gamut เทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB 99% และ AdobeRGB 94% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับที่ดีเยี่ยมเหนือชั้นกว่าโน๊ตบุ๊คทั้งหมดในตลาด โดยให้ความแม่นยำและเที่ยงตรงใกล้เคียงกับ sRGB 100% ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 400 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คทั่วไป คือ สู้แสงกลางแจ้งได้แบบชัดเจน รวมไปถึงการทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพก็สามารถทำได้ดีเช่นกัน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางแถวบนเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ 400 cd/m2 แต่สำหรับช่องมุมซ้ายล่างจะมีแสงสว่างที่ลดลงระดับ 16% ที่ถือว่าค่อนข้างเยอะ ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ตัวเครื่องมีช่องลำโพงคู่อยู่ขอบตัวเครื่องข้างๆ ซ้ายขวา คุณภาพสูง พร้อม ASUS SonicMaster Premium เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ระบบเสียงชั้นยอดอีกด้วย ให้เสียงคมชัด เพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมให้ถึงใจยิ่งขึ้น ให้ขอบเขตเสียงที่กว้าง จากการที่เสียงกลางแหลมออกชัดเจนดี ส่วนทุ้มมีออกมาหน่อยๆ แม้จะมีลำโพงซัฟวูฟเฟอร์ก็ตาม ส่วนในเรื่องคุณภาพเสียงนั้นถือว่าดีมากๆ ทั้งเรื่องคุณภาพและความดัง ซึ่งหากว่าเพื่อนๆ เป็นผู้ใช้งานทั่วไป คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปแบบรู้สึกได้
Connector / Thin And Weight
มาดูทางด้านพอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T ซึ่งเครื่องนี้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีพอร์ตเชื่อมต่อมาให้ครบครับใช้ได้เลยทีเดียว โดยตัวพอร์ตจะอยู่ด้านซ้ายมือตัวเครื่องทั้งหมด มีทั้ง USB 3.1 Type-A จำนวน 3 พอร์ต (Gen 1 – 2, Gen 2 – 1), USB 3.1 Gen2 Type-C with DisplayPort 1.4 (แต่ไม่รองรับ USB-PD) พร้อมช่องต่อหูฟังกับไมค์แบบ Combo ขนาด 3.5 มิลลิเมตร 1 ช่อง, LAN RJ45 และ HDMI ส่วน Kensington ก็ยังมีอยู่แน่นอน ไว้ล็อคเครื่องกับโต๊ะ
ในส่วนของการเชื่อมต่อไร้สายจะใช้ Bluetooth 5.0 และ Wireless แบบ 802.11 ax (2×2) หรือเรียกว่ามาตราฐาน Wi-Fi 6 ซึ่งจะช่วยให้การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตให้มีความสเถียรมากยิ่งขึ้น ส่วนขนาดของตัวเครื่อง 360 x 252 x 18.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1.98 กิโลกรัม ถือว่าค่อนข้างเบาเลยทีเดียว เมื่อเทียบกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ และเมื่อรวมกับอแดปเตอร์ชาร์จไฟขนาด 230 W เข้าไปด้วยจะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 2.4 กิโลกรัมเท่านั้น พอแบกพกพาไปไหนมาไหนได้อยู่ไม่หนักมาก ถือมือเดียวก็สบายๆ หยิบจับไปไหนก็สะดวกทีเดียว
Inside / Upgrade
การแกะเครื่อง ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T เพื่อที่จะนำมาทำความสะอากในอนาคตนั้นทำง่ายมาก เพียงแกะน็อตออกทุกตัวแล้วใช้บัตรแข็งๆ ค่อยๆ แงะจากด้านหลังตรงแกนฝาพับตัวเครื่องแล้วค่อยๆ รูดไปตามแนวฝาหลังและแกะแผ่นออกมาทั้งหมด เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ ถูกออกแบบจัดระเบียบได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว มีพัดลมขนาดใหญ่ พร้อมระบายความร้อนที่มี Anti-Dust Tunnels ที่อยู่ในชุดฟินสีดำ หมดกังวลเรื่องฝุ่นที่ติดตรงครีบระบายความร้อนจุดสังเกตที่เปลี่ยนไปคือตัวเครื่องเลือกใช้ฮีทไปป์ 6 เส้น เรียกได้ว่าเอาอยู่กับสเปกแบบนี้แล้ว
ซึ่งหลังจากที่แกะออกมาแล้วนั้นจะเห็นแผ่นสีดำ สีเทาแปะติดไว้อยู่ในหลายๆ ส่วนเพื่อกันไฟฟ้าสถิต และในส่วนของฮาร์ดแวร์ที่ใส่ที่เก็บข้อมูลอย่าง SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 2TB แบบ 1TB x 2 ทำ Raid 0 มาให้พร้อมใช้งาน ส่วนช่องแรมใส่มาแล้วที่ขนาด 32GB โดยมีแรมขนาด 16GB ติดเครื่องมาเป็นแบบฝั่งบอร์ด รวมทั้งหมดเป็น 48GB จากที่เป็น Mobile Workstation บางเบานั่นเอง อย่างไรก็ตามไม่รองรับการใส่ฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5″ ซึ่งโดยส่วนตัวคิดว่าคงไม่ต้องอัพเกรดอะไรกันแล้วล่ะ
Performance / Software
โดย ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i Gen 9H อย่าง Intel Core i7-9750H (รุ่นยอดนิยมประจำปี 2019) ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.60 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.50 GHz เป็นซีพียูแบบ 6 Core 12 Thread มาพร้อมแรมภายในขนาด 48GB DDR4 Buss 2666MHz แบบ 16GB x 1 แถวออนบอร์ด และ 32GB x 1 แถว ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
ยกระดับประสบการณ์การเล่นเกม ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T มีการนำชิปประมวลผล หรือ CPU รุ่นล่าสุดจาก Intel Core i Gen 9H มาใส่ไว้ใน Gaming Notebook ตัวใหม่นี้ด้วย ทำให้การประมวลผลการทำงานหรือการเล่นเกมของ Gaming Notebook รุ่นใหม่นี้ ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ได้อย่างที่ไม่เคยมี Gaming Notebook รุ่นไหนเคยทำได้มาก่อน เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงขึ้นกว่าเดิมถึง 45% มีผลอย่างมากต่อการทำงานที่ต้องใช้การประมวลผลของ CPU หนักๆ เช่น การต่อต่อวีดีโอ หรือเรนเดอร์งาน 3D เป็นต้น
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน
อีกทั้งยังมีการ์ดจอแยกเพื่อการทำงานตัวแรงระดับท็อปอย่าง NVIDIA Quadro RTX 5000 Max-Q ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ และแรงกว่า GeForce เรื่องของการเน้นประมวลผล มอบประสิทธิภาพการทำงานที่หลากหลาย คุณสมบัติของ RTX ขั้นสูงเช่น Ray Tracing โดยใช้ฮาร์ดแวร์เร่งความเร็ว ช่วยให้มั่นใจได้ว่าคุณจะได้ภาพที่น่าทึ่งในขณะที่ความช่วยเหลือจาก AI พิเศษ ช่วยลดภาระงานซ้ำๆ กันอีกต่อหนึ่งเพื่อการสร้างคอนเทนต์ที่รวดเร็ว ตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ก็ทำได้ดีตามมาตรฐาน รวมไปถึงตัวการ์ดจอเองก็มีประสิทธิภาพสูง เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ของ Intel ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 2TB (1TB x 2 ทำ Raid 0) แบบ M.2 NVMe PCIe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับ SSD M.2 ทั่วไปแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 2982MB/s และเขียนที่ 2583MB/s แม้อาจจะไม่ได้เร็วมาก แต่ก็ถือว่าดีกว่ามาตรฐาน SATA 3 แบบเดิมๆ แล้ว
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance และ 3D Mark Fire Strike ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4,831 / 16397 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอหรืองาน 3 มิติ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเน้นทำงานระดับมืออาชีพอย่าง Mobile Station มีการ์ดจอแยก NVIDIA Quadro RTX 5000 Max-Q ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA Quadro RTX 5000 Max-Q ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 48GB DDR4 รวมไปถึง SSD NVMe ก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง BF V / GTA V / FarCry 5 ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 4K Ultra HD ที่ 3840 x 2160 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ซึ่งถ้าอยากให้เฟรมเรทลื่นไหลกว่านี้ก็สามารถเลือกปรับกราฟิกระดับกลางๆ ก็ได้
เกมออนไลน์อย่าง PUBG / Overwatch / DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 3840 x 2160 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 60 – 80 ขึ้นไปตลอด ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะเป็นเกมออนไลน์เมื่อปรับเป็น 4K Ultra HD ก็กินทรัพยากรพอตัวเหมือนกัน ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ อยู่
ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T เองก็ยังมีในส่วนของซอต์ฟแวร์ที่จะเป็นตัวช่วยในการใช้งานของเราอีกด้วยอย่าง MyASUS (โดยเปิดเครื่องมาเจอเลยพร้อมมี Hotkey ให้กดใช้งาน) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน รวมไปถึงโหมดพัดลมและโปรไฟล์สีการแสดงผล โดยรวมแล้วถือว่าเป็นซอฟต์แวร์ประเภท Utility ติดเครื่องที่ดีและใช้งานได้จริง
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T ครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ความจุ 4800mAh ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราวๆ 5 – 6 ชั่วโมงโดยประมาณ เรียกได้ว่าน่าประทับใจทีเดียวกับการที่ Mobile Workstation จอ 15.6″ ใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานขนาดนี้
ส่วนเรื่องอุณหภูมิในการใช้งานนั้น ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T เมื่อใช้งานแบบปกติชิปประมวลผลจะอยู่ที่ประมาณ 30 – 50 องศาเซลเซียส ส่วนการ์ดจอจะอยู่ที่ 30 – 50 องศาเซลเซียสเช่นกัน ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 28 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการประมวลผลกราฟิก 3 มิติ หรือเรนดอร์วีดีโอ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้น
ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของตัวเครื่องอยู่ที่ไม่เกิน 89 – 91 องศาเซลเซียส ส่วนกราฟิกการ์ดจะอยู่ที่ 60 – 66 องศาเซลเซียสโดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้เป็นอย่างดีมาก ซึ่งเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้กลับมา แน่นอนว่ามากกว่า Notebook ทั่วไป สำหรับเสียงรบกวนในเวลาทำงานนั้นถือว่าทำงานเงียบมากๆ จากการที่เน้นการทำงานเป็นหลัก สมกับ Mobile Workstation โดยมีเสียงรบกวนที่ระดับต่ำกว่า 39 เดซิเบล ในการทดสอบมาตรฐานแม้ว่าจะรีดประสิทธิภาพจาก CPU และ GPU ให้ทำงานเต็มกำลังก็ตาม
Conclusion / Award
ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T นั้นถือว่าเป็น Mobile Workstation สำหรับการทำงานระดับมืออาชีพเน้นความบางเบา พร้อมรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ด้วยการพกพาที่สะดวกสบาย ซึ่งพร้อมนำเสนอในปี 2020 โดยมีน้ำหนักแค่ 1.98 กิโลกรัมเท่านั้น อีกทั้งยังมีความบางตัวเครื่องเพียง 18.9 มิลลิเมตร พร้อมได้หน้าจอ 15.6″ ความละเอียด 4K Ultra HD ขอบเขตสี sRGB 99% เรียกได้ว่าใครต้องการโน๊ตบุ๊คหน้าจอที่ที่สุดในตลาดต้องรุ่นนี้เลย
การมาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ที่เป็น Core i Gen 9H แม้อาจจะไม่ใหม่สุดอย่าง Intel Core i Gen 10H แต่ก็พอจะใช้งานเน้นประสิทธิภาพได้แบบสบายๆ บนแรม DDR4 Bus 2666MHz ที่ 48GB และการ์ดจอประมวลผล 3 มิติตัวแรงสุดๆ อย่าง NVIDIA Quadro RTX 5000 Max-Q สำคัญคือควบคุมความร้อนได้แบบมีเสถียรภาพผ่านชุดระบายความร้อนที่ดีพร้อมช่องไล่ฝุ่น Anti-Dust Cooling ส่งผลให้ไม่มีความร้อนสะสมขึ้นในอนาคต
ด้วยฟีเจอร์ทั้งหมดที่มีทำให้แม้สเปกจะจัดเต็มเหมือน Gaming Notebook เครื่องหนาๆ หนักๆ ก็สามารถจัดการควบคุมอุณหภูมิได้เป็นอย่างดี พร้อมใช้งานแบตเตอรี่ได้อย่างน่าประทับใจ ที่ยาวนานกว่า 5 – 6 ชั่วโมงในการใช้งานทั่วไป เรียกได้ว่าเให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยมทั้งการทำงานหรือเล่นเกมก็ยังได้ ส่วนเอาไปใช้งานพกพานอกสถานที่ก็ตอบสนองเป็นอย่างดี อีกทั้งตัวเครื่องยังมีความแข็งแรงทนทานอีกด้วยทั้งภายนอกและภายใน ดีไซน์ก็ให้ความเป็นมืออาชีพสุดๆ ลงตัวกับคนทำงานสาย Conten Creator หรือ สถาปนิก วิศวกรสุดๆ
ที่มีประสิทธิภาพซึ่งสามารถที่จะใช้งานได้ในระยะยาวโดยน่าจะรองรับการทำงานร่วมกับโปรแกรมต่างๆ ราว 2 – 3 ปีนี้ได้อย่างสบาย สนนราคาที่ 149,990 บาท ได้ประกันแบบ 3 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงที่ด้วย โดยเรื่องดีไซน์ก็มีข้อสังเกตุเล็กๆ น้อยๆ จากการที่ขอบหน้าจอบางมากๆ ทำให้ทาง ASUS เลือกตัดกล้องเว็บแคมออกไปเลย ถ้าใครจะใช้งานต้องหาซื้อมาเชื่อมต่อเอง รวมไปถึงไม่มีช่อง SD Card Reader เผื่อกรณีคนที่ต้องการใช้งานก็ต้องรับให้ได้ด้วย
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ ProArt StudioBook โน๊ตบุ๊คสายทำงานระดับสูงเน้นงานมืออาชีพ Mobile Workstation ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบเล่นเกม ที่สำคัญคือขอบจอบาง ทำให้มิติตัวเครื่องใกล้เคียงพวกจอ 14″ แถมน้ำหนักเบาแค่ 1.98 กิโลกรัมเท่านั้น โดยตัวเครื่องบางเพียง 18.9 มิลลิเมตรเท่านั้น พกพาได้สะดวกมากๆ เทียบกับประสิทธิภาพที่ได้มาถือว่าสุดยอดมากๆ
Best Performance
ASUS ProArt StudioBook Pro 15 W500G5T สเปคเป็น Intel Core i7-9750H + NVIDIA Quadro RTX 5000 Max-Q + จอ IPS 4K Ultra HD ขอบหน้าจอบาง + แรมขนาด 48GB + SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB + มี Windows 10 แท้ การรับประกัน On-site Serice ซ่อมฟรีถึงบ้าน ระยะ 3 ปี ที่สำคัญเป็นแบบทั่วโลก อีกทั้งมีประกันอุบัติเหตุในปีแรก อย่าง ASUS Premium Care ด้วย ในราคาที่ 149,900 บาท เรียกได้ว่าสมราคา กับการรองรับทั้งการทำงานประมวลผลหนักๆ ไม่ว่าจะเป็น AI / VR / Data Science และอื่นๆ อีกมากมาย หรือเล่นเกมก็สมบูรณ์แบบ