Acer Predator Triton 500 (2020) นี้เป็นการต่อยอดมาจาก Gaming Notebook รูปแบบ Thin & Light มาโดยตลอดของ Predator Triton Series เสริมด้วยการ์ดจอรุ่นใหม่อย่าง NVIDIA GeForce RTX 2080 Super Max-Q ที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพกับความสมจริงกว่าที่เคยมีมา โดยทำงานกับชิปประมวลผลรุ่นล่าสุด Intel Core i7-10875H ที่แรงเหนือชั้นกว่า Core i7-10750H ทำให้สิทธิภาพตัวเครื่องแรงกว่า Gaming Desktop ไปแล้ว ภายใต้ตัวเครื่องที่เบา 2.1 กิโลกรัม และบางเฉียบเพียง 17.9 มิลลิเมตร เรียกได้ว่าแรงสุดเล็กสุดจริงๆ
โดย Acer Predator Triton 500 (2020) มีหน้าจอขนาดใหญ่ 15.6″ มีขอบจอที่บางเฉียบ ผนวกกับหน้าจอ IPS เกรดสูง และอัตรารีเฟรชเรทที่สูงถึง 300Hz/3ms/G-Sync สเปกอื่นๆ ได้แรมขนาด 32GB และ SSD ความจุ 1TB ที่จัดได้สำคัญในการมอบประสบการณ์ใหม่ๆในการเล่นเกมแบบเต็มประสิทธิภาพให้กับผู้ใช้งานได้อย่างแน่นอน ในส่วนของดีไซน์ภายนอกก็ดูเรียบหรู วัสดุเป็นอะลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่องแซมด้วยสีฟ้า Predator ที่โดดเด่น สนนราคาที่ 89,990 บาท สมกับเป็นรุ่นท็อปสุด พร้อมได้ประกัน 3 ปี แบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้านด้วย
VDO Review
NBS Verdict
สรุปคือ Acer Predator Triton 500 (2020) เป็น Gaming Notebook เครื่องเดียวจบครบในตัวเดียว ประสิทธิภาพแรงลื่น จอสวยเทพ 300Hz บางเบา ตัวเครื่องเล็กกระทัดรัด ทั้งทำงานและเล่นเกมตอบโจทย์ได้ลงตัว ถ้าให้ซื้อ Gaming Notebook บางเบาแต่แรงที่สุด Acer Predator Triton 500 คือคำตอบที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่ง ได้ประสบการณ์ใช้งานระดับ Desktop ตัวเทพ ที่สามารถพกพาไปใช้งานที่ไหนก็ได้ แม้ว่าชิปประมวลผลจะเป็น Core i7-10875H + RTX 2080 Super Max-Q (หรือ RTX 2070 Max-Q) ที่เน้นไม่ให้ความร้อนสูงเกินไป ซึ่งก็ได้การ์ดจอที่สามารถ Overclock ได้มาแทน เทียบราคาต่อสเปกอาจจะดูสูง แต่ประสิทธิภาพ ฟีเจอร์ การออกแบบนั้น ได้ประสบการณ์ที่ดีแน่นอน
เปรียบเทียบกับสเปค ฟีเจอร์ และการออกแบบสไตล์ Gaming Notebook โดนใจเกมเมอร์ หรือคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คแรงๆ เบาๆ ซักเครื่อง สำหรับหลายๆ คนที่มีงบประมาณในการซื้อที่สูงซักหน่อย เพราะเอาเข้าจริงในสเปกที่ใกล้เคียงกันบางแบรนด์สามารถทำได้ราคาได้ดีกว่า แต่ก็นั่นแหละ ฟีเจอร์หรือคุณสมบัติต่างๆ ก็คงไม่ครบครันขนาดนี้ หรือใครจะเอางบขนาดนี้ไปแยกซื้อโน๊ตบุ๊คกับคอมประกอบก็ไม่ว่ากัน ซึ่งเอาจริงๆ สำหรับการทดสอบทั้งประสิทธิภาพความแรงถือว่าแรงลื่นสมกับ Gaming Notebook ระดับสูงที่เน้นความบางเบาจริงๆ แต่เอาจริงๆ ก็มีข้อสังเกตในส่วนของ แบตเตอรี่ใช้งานได้น้อยไปหน่อย รวมถึงหน้าจอแสงไม่ค่อยสม่ำเสมอนั่นเอง
ข้อดี
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจเกมเมอร์ งานประกอบแน่นวัสดุดี แนวเรียบหรู
- ตัวเครื่องบางเฉียบ เล็กกระชับกว่าเดิม โดยมีน้ำหนักเพียง 2.1 กิโลกรัม บาง 17.9 มิลลิเมตร
- สเปคสูงด้วย Core i7-10875H และการ์ดจอ GeForce RTX 2080 Super Max-Q
- สเปกอื่นๆ ได้แรมมาขนาด 32GB DDR4 Bus 2933MHz และ SSD M.2 1TB ความเร็วสูง
- สามารถเร่งความแรง Overclock ด้วยปุ่ม Turbo เพียงปุ่มเดียว ใช้งานง่ายมาก
- หน้าจอแสดงผลขนาด 15.6″ คุณภาพสูง พาเนล IPS 300 Hz / 3ms / G-Sync
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครันทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Gen 2 และ Mini DisplayPort
- อีกทั้งยังมาพร้อมพอร์ตความเร็วสูง Thunderbolt 3 ที่เป็นฟอร์ม USB-C
- รองรับไดร์ฟ SSD แบบ NVMe M.2 ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูง
- ระบบเสียง DTS:X Ultra ใช้งานได้ดีเยียม
- ได้ LAN RJ45 รองรับ E3100 Ethernet Controller ช่วยลด Ping เวลาเล่นเกมออนไลน์
- มี Wi-Fi 6 AX อย่าง AX1650i มีเทคโนโลยี 2×2 MU-MIMO ดีกว่าแบบเดิมๆ
- คีย์บอร์ดสัมผัสดี ปรับเปลี่ยนสีไฟได้แบบ Per-Key RGB โดยมี Hotkey ใช้ได้จริง
- ความคุมความร้อนได้เป็นอย่างดีเยี่ยม เมื่อเทียบความแรงและประสิทธิภาพที่ได้
- ซอฟต์แวร์ Acer Care Center และ Predator Sense ใช้งานได้ง่ายและดีจริง
- ประกัน 3 ปี On-site Service หรือซ่อมศูนย์ด่วน 3 ชั่วโมง
ข้อสังเกต
- แบตเตอรี่ใช้งานได้เพียง 3 ชั่วโมง ซึ่งดูน้อยไปหน่อยถ้าเทียบกับฟีเจอร์
- พอร์ตการเชื่อมต่อชิดกันไปนิด และไม่มี SD Card Reader ให้ใช้งาน
- ราคาค่อนข้างสูง ตามสไตล์ Gaming Notebook ระดับสูง
- หน้าจอได้เป็น IPS 300Hz ก็จริง แต่การแสดงผลไม่ค่อยสม่ำเสมอ
Specification
Acer Predator Triton 500 (2020) รุ่นแอดมินโป้งที่ได้รับมารีวิวเป็นรุ่นท็อปสุด ใช้ชิประมวลผลรุ่นล่าสุดอย่าง Intel Core i Gen 10H ในรุ่น Core i7-10875H ทำงานที่ความเร็ว 2.3 – 5.1 GHz แบบ 8 คอร์ 16 เธร์ด ซึ่งให้ความแรงและ Core การทำงานที่มากกว่า i7-10750H ทำงานร่วมกับการ์ดจอระดับสูงรุ่นใหม่อย่าง NVIDIA GeForce RTX 2080 Super (8GB GDDR6) เป็นตัวแรงที่สุดในฝั่งของ Gaming Notebook
แรมมาตรฐานเป็น DDR4 Bus 2933MHz ขนาด 32GB พร้อม SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB มีหน้าจอความละเอียดสูงระดับ 1920 x 1080 พิกเซล Full HD พาเนล IPS แบบด้าน 300Hz / 3ms / G-Sync ส่งผลให้เราได้พบประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยม ใครจะเอาไปทำงานหรือเล่นเกมอันนี้ไม่ว่ากัน ได้ Windows 10 สนนราคา 89,990 บาท (อีกรุ่น 79,990 บาท แต่ปรับการ์ดจอเป็น RTX 2070 Super)
ซึ่งจากสเปกนี้ทำให้รองรับการเล่นเกมในปัจจุบันลื่นๆ ได้ทุกเกมแน่นอน ลำโพงของตัวเครื่องใช้เป็นแบบสเตอริโอ โดยมีระบบเสียง DTS:X Ultra พร้อมด้วยกล้องเว็บแคมและมีไมค์ดิจิตอลแบบคู่ในตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง Thunderbolt 3, USB 3.1 Type-A และ LAN RJ45 Killer Ethernet E3100, Headset พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth V5.0 และ Wi-Fi มาตรฐาน Killer Wi-Fi 6 AX1650G (Powered by Intel) โดยควบคุมผ่านทาง Control Center 2.0 ที่สำคัญยังโดดเด่นกว่าด้วยประกันแบบ 3 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน พร้อมบริการซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมงกีรณส่งศูนย์ รวมไปถึงมีเครื่องสำรองไปใช้งานถ้าซ่อมนานกว่า 3 ชั่วโมง
- Core i7-10875H / RTX 2070 Super / RAM 32GB / SSD 1TB / จอ IPS 300Hz + G-Sync ราคา 79,990 บาท
- Core i7-10875H / RTX 2080 Super / RAM 32GB / SSD 1TB / จอ IPS 300Hz + G-Sync ราคา 89,990 บาท
Hardware / Design
สำหรับ Acer Predator Triton 500 (2020) ใช้พื้นฐานเดียวกันมาจาก Acer Predator Triton 500 รุ่นก่อน โดยถือว่าเป็น Gaming Notebook มาตรฐานใหม่ที่มีความเบาบาง ขอบจอบางที่ได้ความแรงไม่แพง Gaming Notebook เครื่องหนักๆ หนาๆ แบบแต่ก่อน โดดเด่นในเรื่องของการดีไซน์ที่พกพาได้สะดวก ด้วยน้ำหนักเพียง 2.1 กิโลกรัม บางที่ 17.9 มิลลิเมตร (จัดว่าเป็น Gaming Notebook จอ 15.6″ ที่บางเบาที่สุดในโลกรุ่นนึง) ทำให้ถือมือเดียวได้ หรือหยิบใส่กระเป๋าแบบสบายๆ การออกแบบให้ความรู้สึกที่ดุดันมีพลังด้วยวัสดุอะลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง
ดีไซน์การของ Acer Predator Triton 500 (2020) มาพร้อมความสดใหม่ ตัวเครื่องนั้นเป็นทรงแบบเหลี่ยมมุมตลอดทั้งตัวเครื่อง ซึ่งดูแล้วมีความสมมาตรลงตัว มาพร้อมกับวัสดุผสมระหว่างอลูมิเนียมและแมกนีเซียม มาในโทนสีดำอย่าง Abyssal Black สลับกับสีฟ้าบางส่วนอย่างโลโก้และฟินระบายความร้อน พร้อมกันนั้นพื้นผิวเรียบจากการใช้วิธีพ่นทราย ซึ่งจะทำได้ละเอียดกว่าการขัดปกติ ผิวชิ้นงานเนียน และช่วยให้สีติดที่เนื้อวัสดุได้อย่างดีที่สุด แถมยังมีความทนทานด้วย โดยการใช้งานจริงนับว่าให้สัมผัสที่เยี่ยมยอด แตกต่างจาก Gaming Notebook ทั่วไปแบบรู้สึกได้ในครั้งแรก
ฝาหลังจะมีโลโก้ Predator พร้อมกับความสามารถเปล่งแสงสีฟ้าได้ โดยต่างจากรุ่นก่อนคือ ตัดตัวอักษร Predator ออกไป เหลือไว้แต่โลโก้ ส่วนขอบด้านหน้าจะมีการว้าวเว้นเอาไว้ให้เปิดฝาได้ง่าย ตรงขอบก็จะมีการตัดมุมไว้ให้ดูสวยงามและโดดเด่นกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป สำหรับด้านฐานล่างตัวเครื่อง Acer Predator Triton 500 (2020) รุ่นนี้เป็นอะลูมิเนียมเรียบๆ พร้อมมียางรองขนาดเล็กทั้งหมด 4 จุด ช่วยยกตัวเครื่องให้สูงขึ้น ช่วยส่งมวลลมเย็นถูกดูดเข้าช่องลมขนาดใหญ่ได้มากขึ้นส่งผลให้มีประสิทธิภาพในการระบายความร้อนที่ดี ส่วนงานประกอบก็เนียบเหมือนเดิม เรื่องนี้ไว้ใจทาง Acer เค้าได้เลย
ส่วนปุ่มเปิดปิดเครื่อง Acer Predator Triton 500 (2020) ถูกติดตั้งไว้มุมขวาบนสุดเรียบเนียนไปกับแป้นคีย์บอร์ด พร้อมไฟ LED แสดงสถานะการทำงาน ส่วนตรงกลางเหนือคีย์บอร์ดมีการติดตั้งช่องลมโปร่งขนาดใหญ่เพื่อให้ช่วยดูดลมเย็นระบายความร้อนที่ดีกว่าเดิม ซึ่งตรงบริเวณนี้ตรงขอบบนมุมขวาจะเป็นโลโก้ลำโพงของ DTS ส่วนมุมขวาล่างจะเป็นสติ๊กเกอร์ที่เน้นย้ำเรื่องของฟีเจอร์ต่างๆ อาทิ ความบางตัวเครื่อง, ขอบจอบางเฉียบ, การ์ดจอ RTX 2080 Super ที่ Overclock ได้, พัดลม AeroBlade Gen 4, Per-Key RGB และระบบ Killer DoubleShot Pro อีกด้วย
Acer Predator Triton 500 (2020) ใช้เทคโนโลยีการระบายความร้อนด้วยพัดลมแบบพิเศษ AeroBlade Gen 4 ใช้พัดลม 3 ตัว ตัวละ 59 ใบพัดขนาด 0.1 มิลลิเมตร ออกแบบพิเศษได้รับแรงบันดาลใจจากกลไกการบินที่เงียบสนิทและทรงพลังของนกฮูก ปลายใบพัดลมของเราจึงมีรอยหยักเพื่อให้อากาศผ่านได้มากขึ้น
ซึ่งมีช่องระบายอากาศถึง 4 จุด อยู่ทางด้านหลังและด้านข้างของตัวเครื่อง เป่าไล่ลมร้อนผ่านชุดระบายที่แยกการระบายความร้อนระหว่างชิปประมวลผล (พัดลม 1 ตัว) และการ์ดจอ (พัดลม 2 ตัว) ด้วย Heat Pipes รวมกันถึง 4 เส้น ที่ใหญ่กว่ารุ่นก่อนๆ หายห่วงได้เลยในเรื่องของอุณหภูมิ และความทนทานในการใช้งานฮาร์ดแวร์ในระยาวไม่ว่าจะเล่นเกมหนักแค่ไหนก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความร้อนสะสม
โดดเด่นด้วยปุ่มกดที่เร่งประสิทธิภาพของ Acer Predator Triton 500 (2020) อย่าง Turbo ซึ่งอยู่เหนือแป้นคีย์บอร์ดทางซ้าย เพียงการกดครั้งเดียว ตัวเครื่องจะเร่งรอบพัดลมอัตโนมัติให้แรงที่สุดทั้ง 3 ตัว เพื่อให้ชิปประมวลผลทำได้เต็มที่ 100% ส่วนการ์ดจอก็จะมีการเร่งความแรงไปอีกให้เกิน 100% ด้วยการ Overclock
เรียกได้ในการเล่นเกมเพื่อให้ลื่นไหลที่สุด ในการจัดการความร้อนที่ดีที่สุด เราสามารถทำได้ง่ายมากเพียงปุ่มเดียวเท่านั้น แต่ก็อย่าลืมว่ากดแล้วพัดลมก็จะดังที่สุดเช่นเดียวกัน คงเป็นเรื่องที่ต้องยอมรับกันได้ (แต่ถ้าใช้งานทั่วไปก็จะมีความเงียบมากๆ แทบไม่ได้ยินเสียงว่าพัดลมทำงานรอบต่ำเลยทีเดียว)
ที่สำคัญนอกจากตัวเครื่องที่บางเบากว่า Gaming Notebook ทั่วไปก็คือ หน้าจอมีขอบจอที่บางเฉียบมากๆ เรียกได้ว่าใช้พื้นที่กว่า 81.3% เป็นการแสดงผล ส่งผลให้ตลอดทั้งตัวเครื่องมีมิติตัวเครื่องที่เล็กลงกว่า Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ทั่วไป พกพาหยิบจับก็สะดวกสบาย
ซึ่งโดยรวมแล้ว Acer Predator Triton 500 (2020) ไม่ใช่แค่แรงแต่ในประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยมด้วย เรียกได้ว่าเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในโน๊ตบุ๊คเล่นเกมสายบางเบาช่วงงบประมาณ 7x,xxx บาท + ก็ว่าได้เลย ที่แม้ราคาดูสูงแต่จัดเต็มทุกฟีเจอร์จริงๆ อย่างที่ Gaming Notebook ทั่วไปไม่สามารถให้ได้
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ Acer Predator Triton 500 (2020) ถือว่าเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ที่ขอบบาง เพราะมีการตัดชุด Numpad ด้านขวาออกไป แม้ว่าหลายคนอาจจะไม่ถูกใจนัก ซึ่งก็ต้องทำความเข้าใจว่าถ้ามีมันจะแน่นเกินไป ดูใช้งานไม่ได้จริงแถมยังไม่สวยงาม ทำให้ทาง Acer ตัดสินใจเลือกที่จะเน้นใช้งานแป้นคีย์บอร์ดหลักด้วยการไว้ตรงกึ่งกลางตัวเครื่องแทน
โดยมีปุ่มที่ใหญ่และช่องว่างที่พอดี ทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมๆ กัน นอกจากนี้บริเวณด้านขวายังมีการทำปุ่ม Hotkey พิเศษ เรียกซอฟต์แวร์ PredatorSense ขึ้นมาได้ รวมไปถึงมีปุ่มปรับระดับเสียง ทำให้สะดวกยิ่งขึ้นไปอีก อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยปุ่ม WASD, PredatorSense และปุ่มทิศทางที่จะมีขอบที่โปร่งแสงแบบพิเศษ
ที่สำคัญไฟ LED ก็เป็นแบบ Per-Key RGB แบบเต็มรูปแบบ เราสามารถตามใจของผู้ใช้หลากหลายรูปแบบ ผ่านทางซอฟต์แวร์ PredatorSense หรือจะปรับเป็นสีเดียวนิ่งๆ ก็ทำได้ ส่วนในการใช้งาน Turbo เราก็สามารถกดปุ่มได้เลย
โดยเมื่อกดแล้วเราจะเห็นว่ามีไฟสีฟ้าสว่างขึ้นที่ปุ่ม พร้อมกับรอบพัดลมที่ดังขึ้น และตัวซอฟต์แวร์เองก็จะแสดงสถานะการทำงานของการ Overclock การ์ดจอด้วย แต่มีเงื่อนไขก็คือ จำเป็นต้องต่ออแดปเตอร์ด้วย ไม่วั้นกดปุ่ม Turbo ไปแล้ว ก็จะไม่ทำงาน Turbo แต่อย่างใด
ทัชแพดมีขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้นพิเศษ โดยดูเป็นเนื้อเดียวกับตัวเครื่อง ตัวปุ่มคลิกเป็นแบบชิ้นเดียวกับทัชแพด พร้อมพื้นผิวที่เรียบลื่นซึ่งช่วยเพิ่มการตอบสนองต่อการใช้งานได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น ใช้งานได้สะดวกสำหรับการวางบนตัก หรือเล่นในร้านกาแฟ โดยการควบคุมมีการตอบสนองได้ดี มีการตัดขอบเส้นสีเงินที่ขอบนอก เข้ากับตัวเครื่องโดยรวมเป็นอย่างดี
Screen / Speaker
Acer Predator Triton 500 (2020) มีหน้าจอแสดงผลขนาด 15.6″ ความละเอียดเป็น Full HD รองรับที่ความถี่ 300Hz / 3ms / G-Sync ทำให้ภาพปรากฏออกมามีความลื่นไหลแบบสุดๆ กว่าที่ตาเราเห็น เพราะหน้าจอปกตินั้นจะแสดงได้สูงสุด 60Hz เท่านั้น (แต่เกมเองก็ต้องสามารถทำเฟรมเรทได้ด้วย) พร้อมใช้พาเนลคุณภาพสูง IPS โดดเด่นในของเรื่องมุมภาพที่กว้างแบบสีสันไม่เพี้ยน เมื่อใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกมก็ทำได้อย่างเป็นอย่างดี เรียกได้ว่าเล่นเกมก็เทพทำงานก็เยี่ยม
ส่วนบานพับก็แข็งแรงกว่ารุ่นพร้อมกางได้ถึง 180 องศา พร้อมขอบหน้าจอที่บางเฉียบ แต่ก็ยังสามารถติดตั้งกล้องเว็บแคมและไมโครโฟนแบบคู่ไว้ด้านบนได้ ที่สำคัญบริเวณมุมขอบหน้าจอซ้ายและขวายังมีการตัดมุมให้ดูสวยงามลงตัวแตกต่างจาก Gaming Notebook ทั่วไป เรียกได้ว่าได้รับแรงบันดานใจเต็มๆ มาจาก Acer Predator Triton 700 รุ่นพี่ก็ว่าได้
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Acer Predator Triton 500 (2020) ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS คุณภาพสูง เราใช้เครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 91% Adobe RGB 71% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีแดง เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับที่ดีมากๆ สูงเกือบ 100% ทีเดียว ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คทั่วไป คือ พอสู้แสงกลางแจ้งได้ รวมไปถึงการทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็ทำได้ดีเช่นกัน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ ของ Acer Predator Triton 500 (2020) โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากหลายช่องดูว่าช่องไหนจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่ามุมล่างซ้ายของจอเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ที่สุด แต่สำหรับช่องแถวกลางบนและมุมซ้ายบนของจอเหมือนจะมีแสงสว่างที่ลดลงระดับ 13% ทีเดียว ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน3.5 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว จากการที่ความไม่สม่ำเสมอของความสว่างหน้าจอนั่นเอง
ระบบเสียง Acer Predator Triton 500 (2020) ก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน ด้วยลำโพงแบบสเตอริโอติดตั้งอยู่มุมหน้าด้านล่างของตัวเครื่อง โดยมีซอฟแวร์ปรับแต่งเสียง DTS:X Ultra ระบบเสียงที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งเล่นเกมหรือทำงานทั่วไป ทำให้มีการปรับแต่งเสียงที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปอย่างชัดเจน พร้อมจำลองเสียง 3 มิติ สนับสนุน VR เต็มรูปแบบใช้เล่นเกมนี่บันเทิงได้เต็มอารมณ์ ยิ่งถ้าต่อหูฟังยิ่งได้อรรถรสในการเล่นเกมได้ดีขึ้นไปอีกระดับ
Connector / Thin And Weight
Acer Predator Triton 500 (2020) จัดว่าเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6 นิ้วซึ่งมีขนาดบางเบาและเล็กกว่าปกติ แต่ก็ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น 3 x USB 3.2 Gen 2, 1 x USB Type-C (1 x Thunderbolt 3 รองรับการต่อจอ แต่ไม่รองรับ PD), 1 x HDMI 1.4, 1 x miniDisplayPort 1.2, RJ45 (E3100 Ethernet Controller) และ Mic-in/Headphone-out อย่างไรก็ตามพอร์ตการเชื่อมต่ออาจจะชิดกันไปหน่อย เวลาเชื่อมต่อพร้อมๆ กันอาจจะติดกันได้ ส่วนนี้ก็ต้องระวังกันเล็กน้อย ส่วนพอร์ต USB สีฟ้าก็ดูเข้ากันกับตัวเครื่องเป็นอย่างดี
มี Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 6 AX อย่าง AX1650i ระบบเน็ตเวิร์คสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะลดกาารกระตุกช่วยให้การเล่นเกมออนไลน์ได้ลื่นๆ ลดค่าปิงต่ำได้เป็นอย่างดี ทำงานผ่านทาง Killer Control Center 2.0 อีกทั้งยังมีคุณสมบัติ Matrix Display ช่วยให้ต่อจอทำงานหลากหลายจอแบบรอบทิศทาง จากทั้ง Thunderbolt 3, HDMI และ miniDisplayPort ส่วนของการพกพา ก็ถือว่าทำได้ดี ด้วยน้ำหนัก 2.1 กิโลกรัม เหนือมาตรฐานของ Gaming Notebook ที่สำคัญอแดปเตอร์มีขนาดที่เล็กและเบาลงกว่าเดิมเล็กน้อย โดยรวมพอจะพกพาไปไหนมาไหนได้อยู่
Performance / Software
สำหรับ Acer Predator Triton 500 (2020) มาพร้อมกับชิปประมวลผลรุ่นยอดนิยมของ Gaming Notebook อย่าง Intel Core i Gen 10 H อย่าง Core i7-10875H เน้นนำไปใช้งานหนักๆ มากกว่ารุ่นยอดนิยมอย่าง Core i7-10750H ที่ใช้กันในหลายแบรนด์ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม 3 มิติ ที่กินทรัพยากรสูง โดยมีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.30 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 5.10 GHz เป็นซีพียูแบบ 8 Core 16 Threads มาพร้อมแรมภายในขนาด 32GB DDR4 Bus 2933 MHz แบบ 16GB x 2 แถว ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้ใช้งานลื่นไหลทันทีแบบสบายๆ
การ์ดจอเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น โดยมีกราฟิกการ์ดจอแยกตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2080 Super Max-Q ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ แรงกว่า RTX 2080 จากผลการทดสอบ อีกทั้งได้เรื่องของความร้อนที่ปลดปล่อยออกมาน้อยกว่า เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เรียกว่าสำหรับเกมออนไลน์สามารถทำได้ลื่นไหลแน่นอน แต่ยังไงไปดูผลทดสอบอีกทีดีกว่าด้านล่าง
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูง เป็นที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าพอตัว รวมไปถึงตัวการ์ดจอแยกเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น (แต่ออนชิปคือตัวเดิมนะ) เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก สมกับเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10875H จริงๆ
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ที่กลายเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook ไปแล้ว โดยใชเป็นแบรนด์ Intel ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 1TB แบบ M.2 NVMe PCIe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3208 MB/s และเขียนที่ 3003 MB/s ที่เร็วกว่ารุ่นก่อนๆ แต่ก็ถือว่าดีกว่ามาตรฐาน SATA 3 แบบเดิมๆ แล้ว
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 6399 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมชิปประมวลผล Core i7-10875H มีการ์ดจอแยกอย่าง RTX 2080 Super Max-Q แต่ถ้าเทียบจริงๆ จะเห็นถึงคะแนนที่สูงกว่า Gaming Notebook ในสเปกที่ใกล้เคียงกันพอสมควรทีเดียว
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10875H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce RTX 2080 Super Max-Q ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม _/GB DDR4 Bus 2933 MHz รวมไปถึง SSD NVMe PCIe ก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Resident Evil 3 / Battlefield V/ FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว โดย Battlefield V เปิด DX12 แต่เลือกปิด DLSS / Ray Tracing ที่แม้จะทำให้ภาพสวยแต่ก็กินทรัพยากรเครื่องพอตัวอยู่ เฟรมเรทเฉลี่ยของทั้ง 4 เกม อยู่ที่ระดับ 90 + ทั้งหมดเลย
เกมออนไลน์กินสเปกเบาๆ หน่อยอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 120 ขึ้นไปตลอด (PUBG ได้ 127) ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แต่ถ้าเทียบกับ Gaming Notebook รุ่นอื่นที่สเปกใกล้เคียงกัน
ที่สำคัญด้วยหน้าจอ พาเนล IPS แบบที่สนับสนุนการแสดงผล Refresh Rate ที่ 300Hz / 3ms ประกอบกับ G-Sync ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ โดยไม่มีอาการฉีกขาด เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ 300Hz อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล หรือเอาจริงๆ สำหรับเกมสไตล์ MOBA แค่ 60 FPS นิ่งๆ ก็เอาอยู่ หรือถ้าอยากให้วิ่ง 120 Hz ขึ้นไป ก็จะปรับกราฟิกของเกมลงมาต่ำๆ หน่อย
โดยเทคโนโลยี RTX Ray-Tracing คือเทคโนโลยีที่มาพร้อมกับความสามารถในการประมวลผลการให้แสงสำหรับเกมแบบ real-time จากที่ก่อนหน้านี้ผู้พัฒนาเกมจะต้องใช้วิธีการสร้าง geometries แบบสับซ้อนซึ่งทำให้การประมวลผลแสงในเกมให้เหมือนจริงที่ใช้กำลังของ GPU ค่อนข้างหนัก RTX Ray-Tracing นั้นจะเข้ามาช่วยทำให้ GPU นั้นทำงานน้อยลงและสามารถที่จะประมวลผลในส่วนอื่นๆ ได้มากขึ้นกว่าเดิม ทว่าการที่จะทำได้นั้นตัวเกมเองก็ต้องใช้เอนจิ้นที่รองรับเทคโนโลยี RTX Ray-Tracing นี้ด้วย
Acer Predator Triton 500 (2020) มาพร้อมกับซอฟแวร์ยูทิลิตี้ PredatorSense ที่ทำให้เราสามารถปรับค่าต่างๆ ในตัวเครื่องได้อย่างง่ายดายไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่าไฟคีย์บอร์ด RGB, ไฟพัดลม, เร่งรอบพัดลมได้เมื่อต้องใช้งานหนักๆ รวมไปถึงเรายังสามารถ Overclock การ์ดจอ เพื่อเร่งประสิทธิภาพให้แรงยิ่งขึ้นไปอีกได้ และสุดท้ายกับการดูสถานะการทำงานของตัวเครื่องก็มีทั้ง อุณหภูมิ รอบพัดลม กันแบบเวลาจริงเลยล่ะ เรียกได้ว่า Acer ใส่ใจใน Predator Sense เพื่อให้เราใช้งานได้งานและใช้งานได้จริงทีเดียว
นอกจากนี้ทาง Acer Predator Triton 500 (2020) เองก็ยังมีในส่วนของซอต์ฟแวร์ที่จะเป็นตัวช่วยในการใช้งานของเราอีกด้วยอย่าง Acer Care Center (เปิดเครื่องมาเจอเลย) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน ที่สำคัญถ้าใครต้องการ Backup หรือ Recovery ข้อมูลภายในก็จัดการได้เลย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน Acer Predator Triton 500 (2020) เครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราว 3 ชั่วโมงโดยประมาณ ดังนั้นเวลาใช้งานจริงโดยปรับความสว่างหน้าจอและเสียงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจะทำให้แบตเตอรี่มีระยะเวลาใช้งานยาวนานน้อยหรือมากกว่านี้ ถือว่าใช้งานแบตเตอรี่ได้น้อยกว่าโน๊ตบุ๊คในสเปกที่ใกล้เคียงกัน
สำหรับอุณหภูมิเมื่อใช้งานแบบปกติชิปประมวลผลจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 50 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 30 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัด ซึ่งทั้งหมดนี้ดูผ่านทางซอฟต์แวร์ Predator Sense ของทาง Acer Predator Triton 500 (2020) เอง
ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของตัวเครื่องสำหรับซีพียู อยู่ที่ไม่เกิน 89 องศาเซลเซียส ที่ต้องบอกว่าค่อนข้างเย็นทีเดียว ถ้าเทียบความแรงที่ได้ ส่วนที่เป็นการ์ดจอจะอยู่ที่ 67 องศาเซลเซียสเท่านั้น นับว่ามีความเย็นมากๆ จากกที่เป็นการ์ดจอรุ่นใหม่ตระกูล Max-Q ส่วนเสียงพัดลมก็ดังพอสมควร จากการที่เปิดฟีเจอร์ Turbo + Overclock พร้อมเพิ่มรอบพัดลมเป็น 6,000 รอบต่อวินาที จากการที่มีพัดลม 3 ตัว แต่ก็ไม่ถือว่ารบกวนอะไรมากมายสำหรับคนที่เล่นเกมอยู่แล้ว โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้อย่างไม่น่าเป็นห่วง
Conclusion / Award
Gaming Notebook น้ำหนักเบาถือเป็นสิ่งหนึ่งที่เกมเมอร์หลายคนต้องการจับจองเป็นเจ้าของ ซึ่งปกติแล้วโน๊ตบุ๊คเล่นเกมแรงๆ แต่ละรุ่นมักจะมีน้ำหนักที่เยอะ พกพาลำบาก เวลาใส่กระเป๋าแบกไปไหนมาไหนปวดหลังปวดไหล่กันสุดๆ แต่ว่าสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นแน่นอน กับ Acer Predator Triton 500 (2020) เพราะเป็นโน๊ตบุ๊คระดับไฮเอนด์สำหรับการเล่นเกมเน้นความบางเบา โดยมีน้ำหนักแค่ 2.1 กิโลกรัมเท่านั้น อีกทั้งยังมีความบางตัวเครื่องเพียง 17.9 มิลลิเมตร
ที่มีประสิทธิภาพที่แรงแบบเหนือชั้น คือน้ำหนักเบาเท่ากับรุ่นหน้าจอ 14″ แบบก่อนๆ เลย แถมได้สเปคสุดแรง Intel Core i7 Gen 10H อย่างชิปประมวลผล i7-10875H รุ่นล่าสุด พร้อมผสานการทำงานกับ NVIDIA GeForce RTX 2080 Super Max-Q ซึ่งเป็นการ์ดจอตัวแรงสุดในตลาด Gaming Notebook บอกเลยสวยงามตามสไตล์ดีไซน์ Predator ที่ได้ทั้งความบางเบา ประสิทธิภาพระดับสูงสุด และความสวยงามในเครื่องเดียว
ดีไซน์ตัวเครื่องออกแบบมาใหม่หมด บอดี้เป็นอลูมิเนียมอัลลอยสีดำแซมด้วยสีฟ้าในบางสุด เรียกได้ว่าดีไซน์โดยรวมต่อยอดมาจากรุ่นเดิมนั่นเอง โดย Acer Predator Triton 500 (2020) จะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว Full HD IPS รองรับที่ 300 Hz/3ms/G-Sync ขอบเขตสี sRGB ใกล้เคียง 100% คีย์บอร์ดแบบใหม่ Per-Key RGB ที่ตัด Numpad ออกไป แต่ก็ใช้งานสะดวกดี ลำโพงระบบเสียงจัดเต็มด้วยเทคโนโลยีอย่าง DTS:X Ultra ที่ล้ำหน้ากว่าด้วยการจำลองเสียง 3 มิติ
การระบายความร้อนตัวเครื่องเป็นแบบพัดลมพิเศษ AeroBlade Gen 4 ที่มีพัดลม 3 ตัว ฮีทไปป์ 4 เส้น ขนาดใหญ่ ช่องระบายความร้อน 4 พร้อมช่องดูดลมเย็นขนาดใหญ่และระบบ Turbo ช่องหมดห่วงเรื่องตัวเครื่องร้อน ขณะเครื่องทำงานหนัก 100% ส่วนแรมตัวเครื่องให้มา 32GB DDR4 Bus 2933 MHz ความจุ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB ตัวแรงระดับ 3,000 + MB/s นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับ Windows 10 แท้พร้อมใช้งานอีกด้วย
ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อก็มีมาให้ครบครันหายห่วงทั้ง Thunderbolt 3, USB 3.2 Type-A x3, RJ45, HDMI, Mini-DisplayPort รูหูฟังกับไมค์แบบแยกออกจากกัน แต่น่าเสียดายที่ตัดช่อง SD Card Reader ออกไปด้วย ซึ่งเข้าใจว่าไม่เหลือที่แล้ว อีกทั้งแบตเตอรี่จากการทดสอบใช้งานอยู่ที่ 3 ชั่วโมงเท่านั้น ส่วนตัวถือว่าน้อยไปหน่อย สำหรับ Gaming Notebook ระดับนี้ โดยราคาของ Acer Predator Triton 500 (2020) สนนราคาที่ 89,990 บาท พร้อมประกัน 3 ปีเต็มแบบ On-site Service มาตรฐาน Acer ที่ทุกไว้ใจได้
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Acer Predator Triton 500 (2020) ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Multimedia
Acer Predator Triton 500 (2020) เป็น Gaming Notebook ที่มีความสดใหม่และเทคโนโลยีล้ำๆ มากมาย อาทิเช่น หน้าจอพาเนล IPS รองรับ Refresh Rate 300Hz/3ms/G-Sync, DTS:X Ultra, Killer Network, Thunderbolt 3 รวมไปถึงซอฟต์แวร์ PredatorSense ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง และอื่นๆ อีกมากมาย สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมสำหรับคนงบเยอะ ต้องการอะไรที่ครบที่สุด ถือได้ว่าเป็นผู้นำในตลาด Gaming Notebook ยิ่งเทียบในระดับเดียวกันยิ่งหาตัวจับยาก
Best Performance
ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-10875H ประสิทธิภาพแรงเป็นรอง Core i9-10980HK เท่านั้น พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวบนสุดๆ อย่าง NVIDIA GeForce RTX 2080 Super Max-Q ที่ทั้ง 2 อย่างนี้ระดับ Gaming Desktop ระดับท็อปแล้ว มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.2 NVMe ที่ 1TB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 32GB แบบ DDR4 แน่นอนทั้งตัวเครื่องนั้นแทบไม่ต้องอัพเกรดอะไร ลื่นไหลที่สุดอย่างไร้กังวล รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล ให้ประสบการณ์ใช้งานได้เยี่ยมยอดที่สุด ไม่ว่าจะความบันเทิงหรือทำงานก็ตาม
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาของ Acer Predator Triton 500 (2020) อยู่ในระดับที่ดีกว่า Gaming Notebook ทั่วไปชัดเจน ทั้งในความบางเฉียบและน้ำหนักเบาเพียง 2.1 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก แถมอแดปเตอร์ก็เบาและเล็กกว่าปกติมากๆ ถือว่ามีการพัฒนาไปในทุกส่วน รวมแล้วหนักแค่ 2 กิโลกรัมนิดๆ เท่านั้น โดยสามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที พกพาสะดวก เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ อย่างไรก็ตามแบตเตอรี่อาจจะใช้งานได้น้อยไปหน่อย แต่ก็แก้ไขด้วยการพกพาอแดปเตอร์ไปด้วยนั่นเอง
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Acer Predator Triton Series มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Acer Predator Triton 500 (2020) ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวในมิติที่เล็กกระชับลงกว่าเดิม ขอบจอบางเฉียบ แต่มีการออกแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ออกแนวดุดันและเรียบหรูมากยิ่งขึ้น เครื่องบางเพียง 17.9 มิลลิเมตร ด้วยการใช้การตัดสีดำกับฟ้า รวมไปถึงไฟคีย์บอร์ด แบบ Per-Key RGB ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน เชื่อได้ว่าหลายๆ คนที่เป็นเกมเมอร์ต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน
VDO Review
NBS Verdict
สรุปคือ Acer Predator Triton 500 (2020) เป็น Gaming Notebook เครื่องเดียวจบครบในตัวเดียว ประสิทธิภาพแรงลื่น จอสวยเทพ 300Hz บางเบา ตัวเครื่องเล็กกระทัดรัด ทั้งทำงานและเล่นเกมตอบโจทย์ได้ลงตัว ถ้าให้ซื้อ Gaming Notebook บางเบาแต่แรงที่สุด Acer Predator Triton 500 คือคำตอบที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่ง ได้ประสบการณ์ใช้งานระดับ Desktop ตัวเทพ ที่สามารถพกพาไปใช้งานที่ไหนก็ได้ แม้ว่าชิปประมวลผลจะเป็น Core i7-10875H + RTX 2080 Super Max-Q (หรือ RTX 2070 Max-Q) ที่เน้นไม่ให้ความร้อนสูงเกินไป ซึ่งก็ได้การ์ดจอที่สามารถ Overclock ได้มาแทน เทียบราคาต่อสเปกอาจจะดูสูง แต่ประสิทธิภาพ ฟีเจอร์ การออกแบบนั้น ได้ประสบการณ์ที่ดีแน่นอน
เปรียบเทียบกับสเปค ฟีเจอร์ และการออกแบบสไตล์ Gaming Notebook โดนใจเกมเมอร์ หรือคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คแรงๆ เบาๆ ซักเครื่อง สำหรับหลายๆ คนที่มีงบประมาณในการซื้อที่สูงซักหน่อย เพราะเอาเข้าจริงในสเปกที่ใกล้เคียงกันบางแบรนด์สามารถทำได้ราคาได้ดีกว่า แต่ก็นั่นแหละ ฟีเจอร์หรือคุณสมบัติต่างๆ ก็คงไม่ครบครันขนาดนี้ หรือใครจะเอางบขนาดนี้ไปแยกซื้อโน๊ตบุ๊คกับคอมประกอบก็ไม่ว่ากัน ซึ่งเอาจริงๆ สำหรับการทดสอบทั้งประสิทธิภาพความแรงถือว่าแรงลื่นสมกับ Gaming Notebook ระดับสูงที่เน้นความบางเบาจริงๆ แต่เอาจริงๆ ก็มีข้อสังเกตในส่วนของ แบตเตอรี่ใช้งานได้น้อยไปหน่อย รวมถึงหน้าจอแสงไม่ค่อยสม่ำเสมอนั่นเอง
ข้อดี
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจเกมเมอร์ งานประกอบแน่นวัสดุดี แนวเรียบหรู
- ตัวเครื่องบางเฉียบ เล็กกระชับกว่าเดิม โดยมีน้ำหนักเพียง 2.1 กิโลกรัม บาง 17.9 มิลลิเมตร
- สเปคสูงด้วย Core i7-10875H และการ์ดจอ GeForce RTX 2080 Super Max-Q
- สเปกอื่นๆ ได้แรมมาขนาด 32GB DDR4 Bus 2933MHz และ SSD M.2 1TB ความเร็วสูง
- สามารถเร่งความแรง Overclock ด้วยปุ่ม Turbo เพียงปุ่มเดียว ใช้งานง่ายมาก
- หน้าจอแสดงผลขนาด 15.6″ คุณภาพสูง พาเนล IPS 300 Hz / 3ms / G-Sync
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครันทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Gen 2 และ Mini DisplayPort
- อีกทั้งยังมาพร้อมพอร์ตความเร็วสูง Thunderbolt 3 ที่เป็นฟอร์ม USB-C
- รองรับไดร์ฟ SSD แบบ NVMe M.2 ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูง
- ระบบเสียง DTS:X Ultra ใช้งานได้ดีเยียม
- ได้ LAN RJ45 รองรับ E3100 Ethernet Controller ช่วยลด Ping เวลาเล่นเกมออนไลน์
- มี Wi-Fi 6 AX อย่าง AX1650i มีเทคโนโลยี 2×2 MU-MIMO ดีกว่าแบบเดิมๆ
- คีย์บอร์ดสัมผัสดี ปรับเปลี่ยนสีไฟได้แบบ Per-Key RGB โดยมี Hotkey ใช้ได้จริง
- ความคุมความร้อนได้เป็นอย่างดีเยี่ยม เมื่อเทียบความแรงและประสิทธิภาพที่ได้
- ซอฟต์แวร์ Acer Care Center และ Predator Sense ใช้งานได้ง่ายและดีจริง
- ประกัน 3 ปี On-site Service หรือซ่อมศูนย์ด่วน 3 ชั่วโมง
ข้อสังเกต
- แบตเตอรี่ใช้งานได้เพียง 3 ชั่วโมง ซึ่งดูน้อยไปหน่อยถ้าเทียบกับฟีเจอร์
- พอร์ตการเชื่อมต่อชิดกันไปนิด และไม่มี SD Card Reader ให้ใช้งาน
- ราคาค่อนข้างสูง ตามสไตล์ Gaming Notebook ระดับสูง
- หน้าจอได้เป็น IPS 300Hz ก็จริง แต่การแสดงผลไม่ค่อยสม่ำเสมอ
Specification
Acer Predator Triton 500 (2020) รุ่นแอดมินโป้งที่ได้รับมารีวิวเป็นรุ่นท็อปสุด ใช้ชิประมวลผลรุ่นล่าสุดอย่าง Intel Core i Gen 10H ในรุ่น Core i7-10875H ทำงานที่ความเร็ว 2.3 – 5.1 GHz แบบ 8 คอร์ 16 เธร์ด ซึ่งให้ความแรงและ Core การทำงานที่มากกว่า i7-10750H ทำงานร่วมกับการ์ดจอระดับสูงรุ่นใหม่อย่าง NVIDIA GeForce RTX 2080 Super (8GB GDDR6) เป็นตัวแรงที่สุดในฝั่งของ Gaming Notebook
แรมมาตรฐานเป็น DDR4 Bus 2933MHz ขนาด 32GB พร้อม SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB มีหน้าจอความละเอียดสูงระดับ 1920 x 1080 พิกเซล Full HD พาเนล IPS แบบด้าน 300Hz / 3ms / G-Sync ส่งผลให้เราได้พบประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยม ใครจะเอาไปทำงานหรือเล่นเกมอันนี้ไม่ว่ากัน ได้ Windows 10 สนนราคา 89,990 บาท (อีกรุ่น 79,990 บาท แต่ปรับการ์ดจอเป็น RTX 2070 Super)
ซึ่งจากสเปกนี้ทำให้รองรับการเล่นเกมในปัจจุบันลื่นๆ ได้ทุกเกมแน่นอน ลำโพงของตัวเครื่องใช้เป็นแบบสเตอริโอ โดยมีระบบเสียง DTS:X Ultra พร้อมด้วยกล้องเว็บแคมและมีไมค์ดิจิตอลแบบคู่ในตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง Thunderbolt 3, USB 3.1 Type-A และ LAN RJ45 Killer Ethernet E3100, Headset พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth V5.0 และ Wi-Fi มาตรฐาน Killer Wi-Fi 6 AX1650G (Powered by Intel) โดยควบคุมผ่านทาง Control Center 2.0 ที่สำคัญยังโดดเด่นกว่าด้วยประกันแบบ 3 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน พร้อมบริการซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมงกีรณส่งศูนย์ รวมไปถึงมีเครื่องสำรองไปใช้งานถ้าซ่อมนานกว่า 3 ชั่วโมง
- Core i7-10875H / RTX 2070 Super / RAM 32GB / SSD 1TB / จอ IPS 300Hz + G-Sync ราคา 79,990 บาท
- Core i7-10875H / RTX 2080 Super / RAM 32GB / SSD 1TB / จอ IPS 300Hz + G-Sync ราคา 89,990 บาท
Hardware / Design
สำหรับ Acer Predator Triton 500 (2020) ใช้พื้นฐานเดียวกันมาจาก Acer Predator Triton 500 รุ่นก่อน โดยถือว่าเป็น Gaming Notebook มาตรฐานใหม่ที่มีความเบาบาง ขอบจอบางที่ได้ความแรงไม่แพง Gaming Notebook เครื่องหนักๆ หนาๆ แบบแต่ก่อน โดดเด่นในเรื่องของการดีไซน์ที่พกพาได้สะดวก ด้วยน้ำหนักเพียง 2.1 กิโลกรัม บางที่ 17.9 มิลลิเมตร (จัดว่าเป็น Gaming Notebook จอ 15.6″ ที่บางเบาที่สุดในโลกรุ่นนึง) ทำให้ถือมือเดียวได้ หรือหยิบใส่กระเป๋าแบบสบายๆ การออกแบบให้ความรู้สึกที่ดุดันมีพลังด้วยวัสดุอะลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง
ดีไซน์การของ Acer Predator Triton 500 (2020) มาพร้อมความสดใหม่ ตัวเครื่องนั้นเป็นทรงแบบเหลี่ยมมุมตลอดทั้งตัวเครื่อง ซึ่งดูแล้วมีความสมมาตรลงตัว มาพร้อมกับวัสดุผสมระหว่างอลูมิเนียมและแมกนีเซียม มาในโทนสีดำอย่าง Abyssal Black สลับกับสีฟ้าบางส่วนอย่างโลโก้และฟินระบายความร้อน พร้อมกันนั้นพื้นผิวเรียบจากการใช้วิธีพ่นทราย ซึ่งจะทำได้ละเอียดกว่าการขัดปกติ ผิวชิ้นงานเนียน และช่วยให้สีติดที่เนื้อวัสดุได้อย่างดีที่สุด แถมยังมีความทนทานด้วย โดยการใช้งานจริงนับว่าให้สัมผัสที่เยี่ยมยอด แตกต่างจาก Gaming Notebook ทั่วไปแบบรู้สึกได้ในครั้งแรก
ฝาหลังจะมีโลโก้ Predator พร้อมกับความสามารถเปล่งแสงสีฟ้าได้ โดยต่างจากรุ่นก่อนคือ ตัดตัวอักษร Predator ออกไป เหลือไว้แต่โลโก้ ส่วนขอบด้านหน้าจะมีการว้าวเว้นเอาไว้ให้เปิดฝาได้ง่าย ตรงขอบก็จะมีการตัดมุมไว้ให้ดูสวยงามและโดดเด่นกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป สำหรับด้านฐานล่างตัวเครื่อง Acer Predator Triton 500 (2020) รุ่นนี้เป็นอะลูมิเนียมเรียบๆ พร้อมมียางรองขนาดเล็กทั้งหมด 4 จุด ช่วยยกตัวเครื่องให้สูงขึ้น ช่วยส่งมวลลมเย็นถูกดูดเข้าช่องลมขนาดใหญ่ได้มากขึ้นส่งผลให้มีประสิทธิภาพในการระบายความร้อนที่ดี ส่วนงานประกอบก็เนียบเหมือนเดิม เรื่องนี้ไว้ใจทาง Acer เค้าได้เลย
ส่วนปุ่มเปิดปิดเครื่อง Acer Predator Triton 500 (2020) ถูกติดตั้งไว้มุมขวาบนสุดเรียบเนียนไปกับแป้นคีย์บอร์ด พร้อมไฟ LED แสดงสถานะการทำงาน ส่วนตรงกลางเหนือคีย์บอร์ดมีการติดตั้งช่องลมโปร่งขนาดใหญ่เพื่อให้ช่วยดูดลมเย็นระบายความร้อนที่ดีกว่าเดิม ซึ่งตรงบริเวณนี้ตรงขอบบนมุมขวาจะเป็นโลโก้ลำโพงของ DTS ส่วนมุมขวาล่างจะเป็นสติ๊กเกอร์ที่เน้นย้ำเรื่องของฟีเจอร์ต่างๆ อาทิ ความบางตัวเครื่อง, ขอบจอบางเฉียบ, การ์ดจอ RTX 2080 Super ที่ Overclock ได้, พัดลม AeroBlade Gen 4, Per-Key RGB และระบบ Killer DoubleShot Pro อีกด้วย
Acer Predator Triton 500 (2020) ใช้เทคโนโลยีการระบายความร้อนด้วยพัดลมแบบพิเศษ AeroBlade Gen 4 ใช้พัดลม 3 ตัว ตัวละ 59 ใบพัดขนาด 0.1 มิลลิเมตร ออกแบบพิเศษได้รับแรงบันดาลใจจากกลไกการบินที่เงียบสนิทและทรงพลังของนกฮูก ปลายใบพัดลมของเราจึงมีรอยหยักเพื่อให้อากาศผ่านได้มากขึ้น
ซึ่งมีช่องระบายอากาศถึง 4 จุด อยู่ทางด้านหลังและด้านข้างของตัวเครื่อง เป่าไล่ลมร้อนผ่านชุดระบายที่แยกการระบายความร้อนระหว่างชิปประมวลผล (พัดลม 1 ตัว) และการ์ดจอ (พัดลม 2 ตัว) ด้วย Heat Pipes รวมกันถึง 4 เส้น ที่ใหญ่กว่ารุ่นก่อนๆ หายห่วงได้เลยในเรื่องของอุณหภูมิ และความทนทานในการใช้งานฮาร์ดแวร์ในระยาวไม่ว่าจะเล่นเกมหนักแค่ไหนก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความร้อนสะสม
โดดเด่นด้วยปุ่มกดที่เร่งประสิทธิภาพของ Acer Predator Triton 500 (2020) อย่าง Turbo ซึ่งอยู่เหนือแป้นคีย์บอร์ดทางซ้าย เพียงการกดครั้งเดียว ตัวเครื่องจะเร่งรอบพัดลมอัตโนมัติให้แรงที่สุดทั้ง 3 ตัว เพื่อให้ชิปประมวลผลทำได้เต็มที่ 100% ส่วนการ์ดจอก็จะมีการเร่งความแรงไปอีกให้เกิน 100% ด้วยการ Overclock
เรียกได้ในการเล่นเกมเพื่อให้ลื่นไหลที่สุด ในการจัดการความร้อนที่ดีที่สุด เราสามารถทำได้ง่ายมากเพียงปุ่มเดียวเท่านั้น แต่ก็อย่าลืมว่ากดแล้วพัดลมก็จะดังที่สุดเช่นเดียวกัน คงเป็นเรื่องที่ต้องยอมรับกันได้ (แต่ถ้าใช้งานทั่วไปก็จะมีความเงียบมากๆ แทบไม่ได้ยินเสียงว่าพัดลมทำงานรอบต่ำเลยทีเดียว)
ที่สำคัญนอกจากตัวเครื่องที่บางเบากว่า Gaming Notebook ทั่วไปก็คือ หน้าจอมีขอบจอที่บางเฉียบมากๆ เรียกได้ว่าใช้พื้นที่กว่า 81.3% เป็นการแสดงผล ส่งผลให้ตลอดทั้งตัวเครื่องมีมิติตัวเครื่องที่เล็กลงกว่า Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ทั่วไป พกพาหยิบจับก็สะดวกสบาย
ซึ่งโดยรวมแล้ว Acer Predator Triton 500 (2020) ไม่ใช่แค่แรงแต่ในประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยมด้วย เรียกได้ว่าเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในโน๊ตบุ๊คเล่นเกมสายบางเบาช่วงงบประมาณ 7x,xxx บาท + ก็ว่าได้เลย ที่แม้ราคาดูสูงแต่จัดเต็มทุกฟีเจอร์จริงๆ อย่างที่ Gaming Notebook ทั่วไปไม่สามารถให้ได้
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ Acer Predator Triton 500 (2020) ถือว่าเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ที่ขอบบาง เพราะมีการตัดชุด Numpad ด้านขวาออกไป แม้ว่าหลายคนอาจจะไม่ถูกใจนัก ซึ่งก็ต้องทำความเข้าใจว่าถ้ามีมันจะแน่นเกินไป ดูใช้งานไม่ได้จริงแถมยังไม่สวยงาม ทำให้ทาง Acer ตัดสินใจเลือกที่จะเน้นใช้งานแป้นคีย์บอร์ดหลักด้วยการไว้ตรงกึ่งกลางตัวเครื่องแทน
โดยมีปุ่มที่ใหญ่และช่องว่างที่พอดี ทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมๆ กัน นอกจากนี้บริเวณด้านขวายังมีการทำปุ่ม Hotkey พิเศษ เรียกซอฟต์แวร์ PredatorSense ขึ้นมาได้ รวมไปถึงมีปุ่มปรับระดับเสียง ทำให้สะดวกยิ่งขึ้นไปอีก อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยปุ่ม WASD, PredatorSense และปุ่มทิศทางที่จะมีขอบที่โปร่งแสงแบบพิเศษ
ที่สำคัญไฟ LED ก็เป็นแบบ Per-Key RGB แบบเต็มรูปแบบ เราสามารถตามใจของผู้ใช้หลากหลายรูปแบบ ผ่านทางซอฟต์แวร์ PredatorSense หรือจะปรับเป็นสีเดียวนิ่งๆ ก็ทำได้ ส่วนในการใช้งาน Turbo เราก็สามารถกดปุ่มได้เลย
โดยเมื่อกดแล้วเราจะเห็นว่ามีไฟสีฟ้าสว่างขึ้นที่ปุ่ม พร้อมกับรอบพัดลมที่ดังขึ้น และตัวซอฟต์แวร์เองก็จะแสดงสถานะการทำงานของการ Overclock การ์ดจอด้วย แต่มีเงื่อนไขก็คือ จำเป็นต้องต่ออแดปเตอร์ด้วย ไม่วั้นกดปุ่ม Turbo ไปแล้ว ก็จะไม่ทำงาน Turbo แต่อย่างใด
ทัชแพดมีขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้นพิเศษ โดยดูเป็นเนื้อเดียวกับตัวเครื่อง ตัวปุ่มคลิกเป็นแบบชิ้นเดียวกับทัชแพด พร้อมพื้นผิวที่เรียบลื่นซึ่งช่วยเพิ่มการตอบสนองต่อการใช้งานได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น ใช้งานได้สะดวกสำหรับการวางบนตัก หรือเล่นในร้านกาแฟ โดยการควบคุมมีการตอบสนองได้ดี มีการตัดขอบเส้นสีเงินที่ขอบนอก เข้ากับตัวเครื่องโดยรวมเป็นอย่างดี
Screen / Speaker
Acer Predator Triton 500 (2020) มีหน้าจอแสดงผลขนาด 15.6″ ความละเอียดเป็น Full HD รองรับที่ความถี่ 300Hz / 3ms / G-Sync ทำให้ภาพปรากฏออกมามีความลื่นไหลแบบสุดๆ กว่าที่ตาเราเห็น เพราะหน้าจอปกตินั้นจะแสดงได้สูงสุด 60Hz เท่านั้น (แต่เกมเองก็ต้องสามารถทำเฟรมเรทได้ด้วย) พร้อมใช้พาเนลคุณภาพสูง IPS โดดเด่นในของเรื่องมุมภาพที่กว้างแบบสีสันไม่เพี้ยน เมื่อใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกมก็ทำได้อย่างเป็นอย่างดี เรียกได้ว่าเล่นเกมก็เทพทำงานก็เยี่ยม
ส่วนบานพับก็แข็งแรงกว่ารุ่นพร้อมกางได้ถึง 180 องศา พร้อมขอบหน้าจอที่บางเฉียบ แต่ก็ยังสามารถติดตั้งกล้องเว็บแคมและไมโครโฟนแบบคู่ไว้ด้านบนได้ ที่สำคัญบริเวณมุมขอบหน้าจอซ้ายและขวายังมีการตัดมุมให้ดูสวยงามลงตัวแตกต่างจาก Gaming Notebook ทั่วไป เรียกได้ว่าได้รับแรงบันดานใจเต็มๆ มาจาก Acer Predator Triton 700 รุ่นพี่ก็ว่าได้
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Acer Predator Triton 500 (2020) ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS คุณภาพสูง เราใช้เครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 91% Adobe RGB 71% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีแดง เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับที่ดีมากๆ สูงเกือบ 100% ทีเดียว ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คทั่วไป คือ พอสู้แสงกลางแจ้งได้ รวมไปถึงการทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็ทำได้ดีเช่นกัน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ ของ Acer Predator Triton 500 (2020) โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากหลายช่องดูว่าช่องไหนจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่ามุมล่างซ้ายของจอเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ที่สุด แต่สำหรับช่องแถวกลางบนและมุมซ้ายบนของจอเหมือนจะมีแสงสว่างที่ลดลงระดับ 13% ทีเดียว ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน3.5 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว จากการที่ความไม่สม่ำเสมอของความสว่างหน้าจอนั่นเอง
ระบบเสียง Acer Predator Triton 500 (2020) ก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน ด้วยลำโพงแบบสเตอริโอติดตั้งอยู่มุมหน้าด้านล่างของตัวเครื่อง โดยมีซอฟแวร์ปรับแต่งเสียง DTS:X Ultra ระบบเสียงที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งเล่นเกมหรือทำงานทั่วไป ทำให้มีการปรับแต่งเสียงที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปอย่างชัดเจน พร้อมจำลองเสียง 3 มิติ สนับสนุน VR เต็มรูปแบบใช้เล่นเกมนี่บันเทิงได้เต็มอารมณ์ ยิ่งถ้าต่อหูฟังยิ่งได้อรรถรสในการเล่นเกมได้ดีขึ้นไปอีกระดับ
Connector / Thin And Weight
Acer Predator Triton 500 (2020) จัดว่าเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6 นิ้วซึ่งมีขนาดบางเบาและเล็กกว่าปกติ แต่ก็ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น 3 x USB 3.2 Gen 2, 1 x USB Type-C (1 x Thunderbolt 3 รองรับการต่อจอ แต่ไม่รองรับ PD), 1 x HDMI 1.4, 1 x miniDisplayPort 1.2, RJ45 (E3100 Ethernet Controller) และ Mic-in/Headphone-out อย่างไรก็ตามพอร์ตการเชื่อมต่ออาจจะชิดกันไปหน่อย เวลาเชื่อมต่อพร้อมๆ กันอาจจะติดกันได้ ส่วนนี้ก็ต้องระวังกันเล็กน้อย ส่วนพอร์ต USB สีฟ้าก็ดูเข้ากันกับตัวเครื่องเป็นอย่างดี
มี Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 6 AX อย่าง AX1650i ระบบเน็ตเวิร์คสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะลดกาารกระตุกช่วยให้การเล่นเกมออนไลน์ได้ลื่นๆ ลดค่าปิงต่ำได้เป็นอย่างดี ทำงานผ่านทาง Killer Control Center 2.0 อีกทั้งยังมีคุณสมบัติ Matrix Display ช่วยให้ต่อจอทำงานหลากหลายจอแบบรอบทิศทาง จากทั้ง Thunderbolt 3, HDMI และ miniDisplayPort ส่วนของการพกพา ก็ถือว่าทำได้ดี ด้วยน้ำหนัก 2.1 กิโลกรัม เหนือมาตรฐานของ Gaming Notebook ที่สำคัญอแดปเตอร์มีขนาดที่เล็กและเบาลงกว่าเดิมเล็กน้อย โดยรวมพอจะพกพาไปไหนมาไหนได้อยู่
Performance / Software
สำหรับ Acer Predator Triton 500 (2020) มาพร้อมกับชิปประมวลผลรุ่นยอดนิยมของ Gaming Notebook อย่าง Intel Core i Gen 10 H อย่าง Core i7-10875H เน้นนำไปใช้งานหนักๆ มากกว่ารุ่นยอดนิยมอย่าง Core i7-10750H ที่ใช้กันในหลายแบรนด์ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม 3 มิติ ที่กินทรัพยากรสูง โดยมีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.30 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 5.10 GHz เป็นซีพียูแบบ 8 Core 16 Threads มาพร้อมแรมภายในขนาด 32GB DDR4 Bus 2933 MHz แบบ 16GB x 2 แถว ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้ใช้งานลื่นไหลทันทีแบบสบายๆ
การ์ดจอเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น โดยมีกราฟิกการ์ดจอแยกตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2080 Super Max-Q ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ แรงกว่า RTX 2080 จากผลการทดสอบ อีกทั้งได้เรื่องของความร้อนที่ปลดปล่อยออกมาน้อยกว่า เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เรียกว่าสำหรับเกมออนไลน์สามารถทำได้ลื่นไหลแน่นอน แต่ยังไงไปดูผลทดสอบอีกทีดีกว่าด้านล่าง
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูง เป็นที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าพอตัว รวมไปถึงตัวการ์ดจอแยกเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น (แต่ออนชิปคือตัวเดิมนะ) เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก สมกับเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10875H จริงๆ
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ที่กลายเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook ไปแล้ว โดยใชเป็นแบรนด์ Intel ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 1TB แบบ M.2 NVMe PCIe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3208 MB/s และเขียนที่ 3003 MB/s ที่เร็วกว่ารุ่นก่อนๆ แต่ก็ถือว่าดีกว่ามาตรฐาน SATA 3 แบบเดิมๆ แล้ว
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 6399 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมชิปประมวลผล Core i7-10875H มีการ์ดจอแยกอย่าง RTX 2080 Super Max-Q แต่ถ้าเทียบจริงๆ จะเห็นถึงคะแนนที่สูงกว่า Gaming Notebook ในสเปกที่ใกล้เคียงกันพอสมควรทีเดียว
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10875H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce RTX 2080 Super Max-Q ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม _/GB DDR4 Bus 2933 MHz รวมไปถึง SSD NVMe PCIe ก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Resident Evil 3 / Battlefield V/ FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว โดย Battlefield V เปิด DX12 แต่เลือกปิด DLSS / Ray Tracing ที่แม้จะทำให้ภาพสวยแต่ก็กินทรัพยากรเครื่องพอตัวอยู่ เฟรมเรทเฉลี่ยของทั้ง 4 เกม อยู่ที่ระดับ 90 + ทั้งหมดเลย
เกมออนไลน์กินสเปกเบาๆ หน่อยอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 120 ขึ้นไปตลอด (PUBG ได้ 127) ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แต่ถ้าเทียบกับ Gaming Notebook รุ่นอื่นที่สเปกใกล้เคียงกัน
ที่สำคัญด้วยหน้าจอ พาเนล IPS แบบที่สนับสนุนการแสดงผล Refresh Rate ที่ 300Hz / 3ms ประกอบกับ G-Sync ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ โดยไม่มีอาการฉีกขาด เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ 300Hz อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล หรือเอาจริงๆ สำหรับเกมสไตล์ MOBA แค่ 60 FPS นิ่งๆ ก็เอาอยู่ หรือถ้าอยากให้วิ่ง 120 Hz ขึ้นไป ก็จะปรับกราฟิกของเกมลงมาต่ำๆ หน่อย
โดยเทคโนโลยี RTX Ray-Tracing คือเทคโนโลยีที่มาพร้อมกับความสามารถในการประมวลผลการให้แสงสำหรับเกมแบบ real-time จากที่ก่อนหน้านี้ผู้พัฒนาเกมจะต้องใช้วิธีการสร้าง geometries แบบสับซ้อนซึ่งทำให้การประมวลผลแสงในเกมให้เหมือนจริงที่ใช้กำลังของ GPU ค่อนข้างหนัก RTX Ray-Tracing นั้นจะเข้ามาช่วยทำให้ GPU นั้นทำงานน้อยลงและสามารถที่จะประมวลผลในส่วนอื่นๆ ได้มากขึ้นกว่าเดิม ทว่าการที่จะทำได้นั้นตัวเกมเองก็ต้องใช้เอนจิ้นที่รองรับเทคโนโลยี RTX Ray-Tracing นี้ด้วย
Acer Predator Triton 500 (2020) มาพร้อมกับซอฟแวร์ยูทิลิตี้ PredatorSense ที่ทำให้เราสามารถปรับค่าต่างๆ ในตัวเครื่องได้อย่างง่ายดายไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่าไฟคีย์บอร์ด RGB, ไฟพัดลม, เร่งรอบพัดลมได้เมื่อต้องใช้งานหนักๆ รวมไปถึงเรายังสามารถ Overclock การ์ดจอ เพื่อเร่งประสิทธิภาพให้แรงยิ่งขึ้นไปอีกได้ และสุดท้ายกับการดูสถานะการทำงานของตัวเครื่องก็มีทั้ง อุณหภูมิ รอบพัดลม กันแบบเวลาจริงเลยล่ะ เรียกได้ว่า Acer ใส่ใจใน Predator Sense เพื่อให้เราใช้งานได้งานและใช้งานได้จริงทีเดียว
นอกจากนี้ทาง Acer Predator Triton 500 (2020) เองก็ยังมีในส่วนของซอต์ฟแวร์ที่จะเป็นตัวช่วยในการใช้งานของเราอีกด้วยอย่าง Acer Care Center (เปิดเครื่องมาเจอเลย) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน ที่สำคัญถ้าใครต้องการ Backup หรือ Recovery ข้อมูลภายในก็จัดการได้เลย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน Acer Predator Triton 500 (2020) เครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราว 3 ชั่วโมงโดยประมาณ ดังนั้นเวลาใช้งานจริงโดยปรับความสว่างหน้าจอและเสียงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจะทำให้แบตเตอรี่มีระยะเวลาใช้งานยาวนานน้อยหรือมากกว่านี้ ถือว่าใช้งานแบตเตอรี่ได้น้อยกว่าโน๊ตบุ๊คในสเปกที่ใกล้เคียงกัน
สำหรับอุณหภูมิเมื่อใช้งานแบบปกติชิปประมวลผลจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 50 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 30 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัด ซึ่งทั้งหมดนี้ดูผ่านทางซอฟต์แวร์ Predator Sense ของทาง Acer Predator Triton 500 (2020) เอง
ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของตัวเครื่องสำหรับซีพียู อยู่ที่ไม่เกิน 89 องศาเซลเซียส ที่ต้องบอกว่าค่อนข้างเย็นทีเดียว ถ้าเทียบความแรงที่ได้ ส่วนที่เป็นการ์ดจอจะอยู่ที่ 67 องศาเซลเซียสเท่านั้น นับว่ามีความเย็นมากๆ จากกที่เป็นการ์ดจอรุ่นใหม่ตระกูล Max-Q ส่วนเสียงพัดลมก็ดังพอสมควร จากการที่เปิดฟีเจอร์ Turbo + Overclock พร้อมเพิ่มรอบพัดลมเป็น 6,000 รอบต่อวินาที จากการที่มีพัดลม 3 ตัว แต่ก็ไม่ถือว่ารบกวนอะไรมากมายสำหรับคนที่เล่นเกมอยู่แล้ว โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้อย่างไม่น่าเป็นห่วง
Conclusion / Award
Gaming Notebook น้ำหนักเบาถือเป็นสิ่งหนึ่งที่เกมเมอร์หลายคนต้องการจับจองเป็นเจ้าของ ซึ่งปกติแล้วโน๊ตบุ๊คเล่นเกมแรงๆ แต่ละรุ่นมักจะมีน้ำหนักที่เยอะ พกพาลำบาก เวลาใส่กระเป๋าแบกไปไหนมาไหนปวดหลังปวดไหล่กันสุดๆ แต่ว่าสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นแน่นอน กับ Acer Predator Triton 500 (2020) เพราะเป็นโน๊ตบุ๊คระดับไฮเอนด์สำหรับการเล่นเกมเน้นความบางเบา โดยมีน้ำหนักแค่ 2.1 กิโลกรัมเท่านั้น อีกทั้งยังมีความบางตัวเครื่องเพียง 17.9 มิลลิเมตร
ที่มีประสิทธิภาพที่แรงแบบเหนือชั้น คือน้ำหนักเบาเท่ากับรุ่นหน้าจอ 14″ แบบก่อนๆ เลย แถมได้สเปคสุดแรง Intel Core i7 Gen 10H อย่างชิปประมวลผล i7-10875H รุ่นล่าสุด พร้อมผสานการทำงานกับ NVIDIA GeForce RTX 2080 Super Max-Q ซึ่งเป็นการ์ดจอตัวแรงสุดในตลาด Gaming Notebook บอกเลยสวยงามตามสไตล์ดีไซน์ Predator ที่ได้ทั้งความบางเบา ประสิทธิภาพระดับสูงสุด และความสวยงามในเครื่องเดียว
ดีไซน์ตัวเครื่องออกแบบมาใหม่หมด บอดี้เป็นอลูมิเนียมอัลลอยสีดำแซมด้วยสีฟ้าในบางสุด เรียกได้ว่าดีไซน์โดยรวมต่อยอดมาจากรุ่นเดิมนั่นเอง โดย Acer Predator Triton 500 (2020) จะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว Full HD IPS รองรับที่ 300 Hz/3ms/G-Sync ขอบเขตสี sRGB ใกล้เคียง 100% คีย์บอร์ดแบบใหม่ Per-Key RGB ที่ตัด Numpad ออกไป แต่ก็ใช้งานสะดวกดี ลำโพงระบบเสียงจัดเต็มด้วยเทคโนโลยีอย่าง DTS:X Ultra ที่ล้ำหน้ากว่าด้วยการจำลองเสียง 3 มิติ
การระบายความร้อนตัวเครื่องเป็นแบบพัดลมพิเศษ AeroBlade Gen 4 ที่มีพัดลม 3 ตัว ฮีทไปป์ 4 เส้น ขนาดใหญ่ ช่องระบายความร้อน 4 พร้อมช่องดูดลมเย็นขนาดใหญ่และระบบ Turbo ช่องหมดห่วงเรื่องตัวเครื่องร้อน ขณะเครื่องทำงานหนัก 100% ส่วนแรมตัวเครื่องให้มา 32GB DDR4 Bus 2933 MHz ความจุ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB ตัวแรงระดับ 3,000 + MB/s นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับ Windows 10 แท้พร้อมใช้งานอีกด้วย
ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อก็มีมาให้ครบครันหายห่วงทั้ง Thunderbolt 3, USB 3.2 Type-A x3, RJ45, HDMI, Mini-DisplayPort รูหูฟังกับไมค์แบบแยกออกจากกัน แต่น่าเสียดายที่ตัดช่อง SD Card Reader ออกไปด้วย ซึ่งเข้าใจว่าไม่เหลือที่แล้ว อีกทั้งแบตเตอรี่จากการทดสอบใช้งานอยู่ที่ 3 ชั่วโมงเท่านั้น ส่วนตัวถือว่าน้อยไปหน่อย สำหรับ Gaming Notebook ระดับนี้ โดยราคาของ Acer Predator Triton 500 (2020) สนนราคาที่ 89,990 บาท พร้อมประกัน 3 ปีเต็มแบบ On-site Service มาตรฐาน Acer ที่ทุกไว้ใจได้
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Acer Predator Triton 500 (2020) ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Multimedia
Acer Predator Triton 500 (2020) เป็น Gaming Notebook ที่มีความสดใหม่และเทคโนโลยีล้ำๆ มากมาย อาทิเช่น หน้าจอพาเนล IPS รองรับ Refresh Rate 300Hz/3ms/G-Sync, DTS:X Ultra, Killer Network, Thunderbolt 3 รวมไปถึงซอฟต์แวร์ PredatorSense ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง และอื่นๆ อีกมากมาย สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมสำหรับคนงบเยอะ ต้องการอะไรที่ครบที่สุด ถือได้ว่าเป็นผู้นำในตลาด Gaming Notebook ยิ่งเทียบในระดับเดียวกันยิ่งหาตัวจับยาก
Best Performance
ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-10875H ประสิทธิภาพแรงเป็นรอง Core i9-10980HK เท่านั้น พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวบนสุดๆ อย่าง NVIDIA GeForce RTX 2080 Super Max-Q ที่ทั้ง 2 อย่างนี้ระดับ Gaming Desktop ระดับท็อปแล้ว มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.2 NVMe ที่ 1TB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 32GB แบบ DDR4 แน่นอนทั้งตัวเครื่องนั้นแทบไม่ต้องอัพเกรดอะไร ลื่นไหลที่สุดอย่างไร้กังวล รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล ให้ประสบการณ์ใช้งานได้เยี่ยมยอดที่สุด ไม่ว่าจะความบันเทิงหรือทำงานก็ตาม
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาของ Acer Predator Triton 500 (2020) อยู่ในระดับที่ดีกว่า Gaming Notebook ทั่วไปชัดเจน ทั้งในความบางเฉียบและน้ำหนักเบาเพียง 2.1 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก แถมอแดปเตอร์ก็เบาและเล็กกว่าปกติมากๆ ถือว่ามีการพัฒนาไปในทุกส่วน รวมแล้วหนักแค่ 2 กิโลกรัมนิดๆ เท่านั้น โดยสามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที พกพาสะดวก เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ อย่างไรก็ตามแบตเตอรี่อาจจะใช้งานได้น้อยไปหน่อย แต่ก็แก้ไขด้วยการพกพาอแดปเตอร์ไปด้วยนั่นเอง
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Acer Predator Triton Series มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Acer Predator Triton 500 (2020) ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวในมิติที่เล็กกระชับลงกว่าเดิม ขอบจอบางเฉียบ แต่มีการออกแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ออกแนวดุดันและเรียบหรูมากยิ่งขึ้น เครื่องบางเพียง 17.9 มิลลิเมตร ด้วยการใช้การตัดสีดำกับฟ้า รวมไปถึงไฟคีย์บอร์ด แบบ Per-Key RGB ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน เชื่อได้ว่าหลายๆ คนที่เป็นเกมเมอร์ต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน