แท็บเล็ต นับเป็นอุปกรณ์ติดตัว สารพัดประโยชน์อีกอย่างหนึ่ง สำหรับคนไอที เพราะเวลานี้แทบจะอยู่ระหว่างกลาง ระหว่างโทรศัพท์มือถือและโน๊ตบุ๊คพีซี เนื่องจากประสิทธิภาพและราคา ถือว่าสอดคล้องกัน บางรุ่นสามารถโทรศัพท์ได้ ด้วยการใส่ SIM card แต่ดีกว่าตรงที่มองเห็นตัวอักษรได้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่หรือคนชรา สายตาไม่ดี ก็ยังพอมองเห็นได้ ไม่เล็กเหมือนมือถือ หรือจะเป็นคนทำงาน ที่เน้นการพรีเซนท์ ค้นหา ท่องเว็บและสายพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ ก็ยังสะดวก เพราะไม่จำเป็นต้องซื้อโน๊ตบุ๊คราคาแพง แต่ก็แต่งภาพได้บน แท็บเล็ต และอัพโหลด รวมถึงจัดการสต๊อกได้ในเครื่องเดียวกันอีกด้วย ที่สำคัญพกพาไปไหนมาไหนก็สะดวกกว่า กดปุ่มเปิดทำงานได้ทันที อยากจะถ่ายภาพ ก็ทำได้กล้องชัด พร้อมแอพฯ แต่งเสร็จในตัว จึงถือว่าเป็นอุปกรณ์เอนกประสงค์อีกอย่างหนึ่ง สำหรับคนในยุคนี้
แต่อย่างที่ได้เห็นกันในท้องตลาด แท็บเล็ต มีมากมาย หลากหลายรุ่น เฉพาะแบรนด์เดียว ก็มีมากกว่า 4-5 รุ่นขึ้นไปแล้ว บางรุ่นยังย่อย เรื่องของสเปค และดีไซน์ รวมถึงการจำแนกกลุ่มตลาดออกมาให้อีก ก็ทำเอาหลายคนที่กำลังมองหา จะเลือกใช้แท็บเล็ตสักรุ่น คิดหนักกันเลยทีเดียว เพราะไม่ใช่เรื่องของราคา และดีไซน์เท่านั้น แต่ยังมีเรื่องฟีเจอร์ คุณสมบัติ และอื่นๆ อีกมากมาย ยิ่งรุ่นที่เป็นไฮเอนด์หรือพรีเมียม การจะจ่ายเงินหลักหมื่น ในการซื้่อแท็บเล็ตสักเครื่องให้ถูกใจ น่าจะต้องมีอะไรที่ใช้พิจารณากันบ้าง วันนี้เรามีแนวทางมาแนะนำในการเลือกซื้อแท็บเล็ต พร้อมกับตัวอย่างแท็บเล็ตที่น่าสนใจ มีประสิทธิภาพ และฟังก์ชั่้นการใช้งานที่ทันสมัยมาแนะนำกัน
เลือก แท็บเล็ต จากขนาดหน้าจอที่เหมาะสม
โดยทั่วไปในเวลานี้ แท็บเล็ตในท้องตลาด จะมีขนาดหน้าจอประมาณ 8 นิ้ว และ 10 นิ้ว รวมถึงขนาดอื่นๆ ให้เลือก ตามรูปแบบการทำตลาดของแต่ละค่าย เพราะผู้ใช้แต่ละคน มีความต้องการที่ต่างกัน เช่น เน้นจอใหญ่ มองภาพสบายตากว่า เช่นจอภาพระดับ 10.1 นิ้วขึ้นไป สามารถนำไปใช้งานหรือท่องเน็ต เล่นโซเชียล ก็ดูรายละเอียดได้ชัดเจน บางครั้งจอขนาดใหญ่ ก็สามารถนำมาใช้ในการทำงาน ด้วยการต่อเมาส์ คีย์บอร์ดไร้สายเพิ่มเติมได้เช่นกัน
แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ต้องการแท็บเล็ตขนาดกระทัดรัด แต่อยากได้จอภาพที่ใหญ่กว่ามือถือ และพกพาสะดวก สามารถใส่ในกระเป๋าสะพาย หรือกระเป๋าเป้ และนำออกมาใช้ได้สะดวก หน้าจอขนาด 7 หรือ 8 นิ้ว และใกล้เคียงนี้ ก็น่าจะช่วยให้คุณพกพาและใช้งานได้แบบไม่ลำบาก จะหยิบขึ้นมาดูหนัง ฟังเพลงและใช้งานอีเมล์ ตอบแชทในชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้น
ใส่ SIM ได้ หลากหลายช่องทางเชื่อมต่อ
ถ้าเป็นเมื่อหลายปีก่อน มีเฉพาะแท็บเล็ตบางรุ่นเท่านั้น ที่รองรับการใส่ SIM card และตัวเลือกอย่าง WiFi only ก็มี แต่ในปัจจุบัน แท็บเล็ต ส่วนใหญ่ สามารถติดตั้ง SIM ได้เกือบทุกรุ่น ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้เลือกใช้งานอินเทอร์เน็ตร่วมกับสัญญาณ 3G/ 4G LTE หรือที่ใหม่กว่า ที่เริ่มจะมีเข้ามาบ้างแล้ว รวมถึงรองรับการเชื่อมต่อ WiFi ร่วมกับผู้ให้บริการรายต่างๆ ได้สะดวกรวดเร็ว ซึ่งเวลานี้มีบริการ WiFi จากบรรดาผู้ให้บริการเครือข่าย อาทิ AIS, TRUE และ DTAC รวมถึงรายอื่นๆ อีกมากมาย เรียกว่าเกือบทุกจุดทั่วประเทศ นอกจากนี้หลายคนยังมองว่าแท็บเล็ตเป็นอุปกรณ์สำหรับการติดต่อสื่อสาร การใส่ซิมการ์ดได้ ก็ช่วยให้การโทรติดต่อผ่านทางแท็บเล็ตได้ง่ายขึ้น
สะดวกกับการใช้งานระบบปฏิบัติการแบบใด
แท็บเล็ต หากไม่รวมกับระบบปฏิบัติการ iOS หรือเปลี่ยนมาเป็น iPadOS บนไอแพด ก็จะมีให้เลือกอีก 2 รูปแบบคือ แอนดรอยด์ และ วินโดวส์ แต่ที่เรามักจะพบเห็นกันอยู่มากมายในท้องตลาด สำหรับ Android นั้นจะมีการทำงานคล้ายกับบนสมาร์ทโฟนที่ใช้กันอยู่ทั่วไป เน้นการทำงานที่ง่าย อาทิ เล่นเกม ดูหนัง ท่องเว็บ โซเชียลเน็ตเวิร์กพื้นฐาน โดยมีให้เลือกตั้งแต่ Android 5.1, 6,7, 8 และ Android 9 (Pie) ในตอนนี้ ส่วนบางรุ่นที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows มักจะพบกันในแท็บเล็ตกึ่งโน๊ตบุ๊คที่มีหน้าจอใหญ่ เพื่อให้รองรับการทำงานได้มากกว่าเดิม เช่น การใช้ซอฟต์แวร์สำนักงาน ตกแต่งภาพ หรือใช้สำหรับนำเสนอผลงาน พรีเซนเทชั่นและการดูหนัง ฟังเพลงได้เทียบเท่ากับการใช้โน๊ตบุ๊ค แต่มีขนาดเล็กและเบากว่า โน๊ตบุ๊ค และมีขอบเขตการใช้งานที่กว้างกว่านั่นเอง
หน่วยประมวลผล ประสิทธิภาพสูง
ซีพียูหรือหน่วยประมวลผล เป็นอีกสิ่งสำคัญในการเลือกแท็บเล็ต หากต้องการประสิทธิภาพในการทำงาน ในอดีตอาจจะเป็นซีพียู 1 core หรือ Dual core เท่านั้น ในปัจจบุันมีการพัฒนาไปมาก ว่ากันตั้งแต่ Quad core ขึ้นไป สิ่งนี้จะเป็นตัวบอกถึงการประมวลผลที่รวดเร็ว เช่นเดียวกับความเร็วเป็น GHz ยิ่งตัวเลขมากยิ่งดี และสถาปัตยกรรมในการติดต่อข้อมูล 32-bit หรือ 64-bit เป็นต้น โดยตัวเลือกมีอยู่หลากหลาย ตามแต่ละผู้ผลิต เช่น Qualcomm® Snapdragon หรือ Mediatek MTxxx Samsung Exynos, Kirin และอื่นๆ นอกจากนี้กรณีที่ต้องการนำแท็บเล็ตไปเล่นเกม ก็ต้องดูที่กราฟิก GPU ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Mali, IMG, Andreno ซึ่งบางรุ่นอาจจะไม่ได้ระบุมา แต่ก็สามารถหาได้จากเว็บไซต์ผู้ผลิต
หน่วยความจำ และพื้นที่เก็บข้อมูล ROM และ RAM
Storage หรือ ROM ก็เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ แต่สองสิ่งนี้ ยิ่งเยอะยิ่งดี ในแง่ของการใช้งาน เพราะถ้ามีน้อยไป เครื่องก็จะช้า ตอบสนองช้า มีโอกาสแฮงก์ค้าง เมื่อเจอกับแอพฯ หรือไฟล์ขนาดใหญ่ รวมถึงไม่เพียงพอต่อการติดตั้งแอพฯ และเก็บข้อมูลต่างๆ ได้เพียงพอต่อความต้องการ ในเวลานี้มีตั้งแต่ 32GB แทบจะเป็นพื้นฐาน เรื่อยไปจนถึง 32GB, 64GB และ 128GB สำหรับแท็บเล็ตที่เน้นการใช้งานจริงจัง ส่วน RAM จะรับหน้าที่ในการจัดการข้อมูลเพื่อส่งให้กับการประมวลผล มีเยอะยิ่งดี อย่างน้อยเวลานี้ ควรมี 3-4GB หรือจะเป็นรุ่น 6GB ก็ได้ ยิ่งมีมาก ก็ทำให้การใช้แอพพลิเคชั่นรวดเร็วขึ้น การเปิดไฟล์ รวมถึงการบันทึกภาพ วีดีโอ ก็จะยิ่งเร็วขึ้นนั่นเอง
เครื่องแรง แบตเตอรี่ต้องเยอะ ใช้ได้นาน
ขึ้นชื่อว่าแท็บเล็ต ก็ถือว่าเป็นอุปกรณ์โมบายอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งมีทั้งความเร็ว ซีพียู จีพียู จอขนาดใหญ่ และการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว ทำให้ต้องใช้พลังงานมาก ดังนั้นก็ควรจะต้องเลือกรุ่นที่มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ใช้งานได้ยาวนาน เพียงพอให้คุณนำไปใช้นอกบ้านได้ในระดับหนึ่ง ขนาดของแบตต้องสัมพันธ์กับประสิทธิภาพ นอกจากนี้ก็ควรจะต้องนำเรื่องของเทคโนโลยีการชาร์จไฟมาประกอบการพิจารณาอีกด้วย แบตขนาดใหญ่ แต่ชาร์จไฟทีนานหลายชั่วโมงก็ไม่น่าจะไหว หรือแบตน้อยไป ใช้แปปเดียวหมด ก็คงจะไม่เหมาะกับการพกพาเช่นกัน ในตลาดตอนนี้แบตพื้นฐานระดับ 4000-5000mAh แต่บางรุ่นก็มาพร้อมแบตระดับ 7,xxxmAh พร้อมกับ Fast Charge ทำให้ไม่ต้องรอนานนัก แต่ยิ่งเทคโนโลยีเยอะ ราคาก็จะสูงตามไปด้วย
1.Samsung Galaxy Tab S4
แท็บเล็ตหน้าจอมใหญ่ 10.5 นิ้ว กับสเปคที่ไม่ธรรมดา จัดว่าตอบโจทย์คนใช้ทำงานและความบันเทิงได้เป็นอย่างดี ด้วยไฮไลต์คือ การทำงานหลากสไตล์ พร้อมการวาดและจดบันทึกได้ตลอดเวลา ด้วยซีพียู Octa-Core ความเร็วสูงสุด 2.35GHz หน้าจอขนาดใหญ่ ให้ความละเอียด 2560 x 1600 เป็นแบบ Super AMOLED รองรับ S Pen ที่ใช้ในการวาดเขียน มีแรมมาให้ 4GB และ ROM 64GB สามารถเพิ่มความจุด้วยเมมโมรีการ์ด MicroSD ได้มากถึง 400GB ให้การเชื่อมต่อทั้ง 2G/3G และ 4G LTE รวมถึง WiFi 802.11ac และพอร์ต USB 3.1
ราคา ประมาณ 14,980 บาท
2.HUAWEI MediaPad M6
แท็บเล็ตระดับพรีเมียม เหมาะกับสายทำงาน หน้าจอ 10.8 นิ้ว ความละเอียด 2560 x 1600 ความคมชัด 280ppi เป็นแบบ IPS มุมมองกว้าง สีสดใส ใช้งานกลางแจ้งก็ยังไหว รองรับการใช้งานร่วมกับปากกา M-Pen ซีพียูแบบ Octa-Core Kirin 980 และ GPU Mali-G76 MP10 มีแรมมาให้ 4GB และหน่วยความจำภายใน 128GB กับระบบปฏิบัติ Android 10 ล่าสุด น้ำหนักไม่ถึง 500g และสะใจนักท่องเน็ต ดูสตรีมมิ่งกับแบตระดับ 7,500mAh ขอบจอบางเฉียบ รองรับการถ่ายวีดีโอระดับ 4K ได้ สามารถใส่ SIM เพิ่มได้อีกด้วย
ราคาประมาณ 12,900 บาท
3.HUAWEI MediaPad T5 10
แท็บเล็ตจอใหญ่ 10.1 นิ้ว ความละเอียด Full-HD ที่มาพร้อมซีพียู Octa-core Kirin 659 ความเร็ว 3.69GHz มีแรมมาให้ 3GB และ ROM 32GB ใช้ระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์ 8.0 น้ำหนักตัวค่อนข้างเบา เมื่อเทียบกับแท็บเล็ตขนาดเดียวกัน พร้อมช่องใส่ SIM card ในแบบ Nano รวมถึงสนับสนุนการเชื่อมต่อ WiFi 802.11ac อยู่ที่ประมาณ 460g เท่านั้น แบตเตอรี่ขนาด 5100mAh จุดเด่นอยู่ที่พลังเสียงที่ดี และมีเทคโนโลยี Huaweo Histen มาด้วย เหมาะทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวัน และการเรียนรู้ของนักเรียน นักศึกษา
ราคาประมาณ 5,770 บาท
4.Samsung Galaxy A 10.1
แท็บเล็ตจอใหญ่ สำหรับนักออกแบบ และจดบันทึก หน้าจอ 10.1 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1200 ซีพียู Octa-core ความเร็ว 1.6GHz โดยมีแรมมาให้ 3GB และ ROM 16GB สนับสนุน microSD ได้ถึง 256GB ใส่ซิมการ์ดเพิ่มได้ เป็นแบบ nano-SIM รองรับสัญญาณทั้ง 3G และ 4G LTE พร้อมการเชื่อมต่อ WiFi 802.11ac แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 7,300mAh รองรับการใช้งาน S Pen ให้กล้องหลัง 8MP จัดว่าเป็นแท็บเล็ตที่มีลูกเล่นน่าสนใจ ในบอดี้ที่ดูสวยงามทีเดียว
ราคาประมาณ 11,900 บาท
5.Samsung Galaxy Tab S6
แท็บเล็ตตัวท็อป ที่แทบจะใช้แทนโน๊ตบุ๊คได้ เพราะสเปคมาแบบครบเครื่อง ซีพียู Snapdragon 855 มีแรมมาให้ 6GB และ ROM 128GB สามารถเพิ่ม microSD ได้ถึง 1TB และใส่ SIM card รองรับ 4G VoLTE พร้อมกับ WiFi 802 ในแบบ Dual-band มาด้วยโดยที่ Samsung เลือกใช้ One UI 1.5 บนระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie มาใช้บนแแท็บเล็ตรุ่นนี้ หน้าจอเป็นแบบ AMOLED 10.5 นิ้ว สีสดใสและใหญ่สะใจเลยทีเดียว ระบบเสียง DOLBY ให้แบตเตอรี่ 7040mAh ทื่ใช้งานได้ดีพอสมควร ขอบจออาจจะบางไปบ้าง เมื่อจับถือด้วยมือเดียว แต่ถ้าใส่เคส แล้ววางทำงานบนโต๊ะ ก็จะได้พื้นที่หน้าจอใกล้เคียงกับโน๊ตบุ๊คเลยทีเดียว
ราคาประมาณ 25,500 บาท
6.Xiaomi Mi Pad 4 Plus
แท็บเล็ตหน้าจอ 10.1 นิ้ว เป็นพาแนล IPS เน้นสีที่คมชัด มุมมองกว้าง ความละเอียด 1920 x 1080 ในแบบ 224ppi ใส่แรมมาให้ 4GB และมี ROM 64GB กับขุมพลังซีพียู Snapdragon 660 ที่เป็นแบบ Octa-core พร้อมระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo รองรับการใส่ nano SIM card 3G 4G LTE และการเชื่อมต่อ WiFi 802.11ac พร้อมบลูทูธ 5.0 กล้องหน้า 5PM กล้องหลัง 13MP พอร์ตเชื่อมต่อและชาร์จไฟ USB Type-C แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 8,260mAh เรียกว่าเกือบใหญ่สุดในแท็บเล็ตขนาดเดียวกัน
ราคาประมาณ 22,800 บาท
7.Lenovo Tab 4 10 Plus
แท็บเล็ตขนาดหน้าจอ 10.1 นิ้ว ที่ราคาค่อนข้างประหยัด แต่จัดสเปคมาให้น่าใช้ ความละเอียด 1920 x 1200 พาแนล IPS ให้มุมมองกว้าง คมชัดสูง มาพร้อมซีพียู Snapdragon 625 ความเร็ว 2.0GHz โดยมีแรม 4GB และ ROM 64GB รองรับ microSD เพิ่มได้ 128GB ซึ่งเน้นกลุ่มนักศึกษาและผู้ที่ใช้แท็บเล็ตประจำวัน แบตอึด 7,00mAh กล้องหน้า 5MP และหลัง 8MP รองรับการเชื่อมต่อ 3G/4G และมี WiFi มาในตัว 802.11ac บลูทูธ 4.2 กับระบบปฏิบัติการ Android 7.1 (Nougat)
ราคาประมาณ 11,990 บาท
8.HUAWEI MATEPAD M6 10.8
แท็บเล็ตพี่รอง ที่อัพเลเวล เปิดตัวในช่วงปลายปี 2019 ที่ผ่านมา หน้าจอ 10.8 นิ้ว ให้ความละเอียด 1600 x 2560 280ppi ใช้ซีพียู Kirin 990 Octa core ความเร็วถึง 2.86GHz มีให้เลือกทั้งแรม 6GB/8GB และ ROM 128GB/256GB เพิ่มความจุด้วย NM card 256GB รองรับการทำงานร่วมกับ S-Pen สามารถเชื่อมต่อได้ทั้งเครือข่าย 3G/ 4G และ 5G บนระบบปฏิบัติการ Android 10.0 เชื่อมต่อบลูทูธ 5.1 และมีพอร์ต USB Type-C มาด้วย สนับสนุน USB On-The-Go กล้องหลังระดับ 13MP และกล้องหน้า 8MP ระบบเสียง Harman Kardon แบตเตอรี่ 7,250mAh พร้อม Fast Charging
ราคารุ่น 4G ประมาณ 19,900 บาท
9.Lenovo Tab M10
โน๊ตบุ๊คกึ่งทำงาน และความบันเทิงในตัว ซีพียู Snapdragon 429 Quad core ความเร็ว 2.0GHz มีแรมมาให้ 3GB และ ROM 16GB/ 32GB ให้เลือก หน้าจอขนาด 10.1 นิ้ว เป็นพาแนล IPS ให้ความคมชัด ความละเอียด 1280 x 800 ระบบปฏิบัติการ Android 9 (Pie) รองรับการใส่ SIM ให้ใช้งาน 4G LTE ได้ รวมถึงการเชื่อมต่อ WiFi 802.11ac ขอบหน้าจอค่อนข้างกว้าง เพื่อให้การจับถือมือเด็กและผู้ใหญ่ได้สะดวก มีแบตขนาดกลางมาให้ 4850mAh น้ำหนักประมาณ 480g
ราคาประมาณ 6,990 บาท
10.Microsoft Surface GO2 8/128GB
แท็บเล็ตกึ่งทำงานจาก Microsoft ที่มาพร้อมสเปคเทียบโน๊ตบุ๊ค หน้าจอ 10.5 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1280 (220ppi) แรม 4GB-8GB มีไดรฟ์เก็บข้อมูล eMMC 64GB หรือเป็นแบบ 128GB SSD ให้เลือก ซีพียู Intel Pentium Gold หรือ Core M3 รองรับการเชื่อมต่อ WiFi 802.11ac/ax Bluetooth 5.1 ระบบปฏิบัติการ Windows 10 สนับสนุนการวาดและเขียนด้วย Surface Pen พร้อมพอร์ต USB Type-C เน้นการใช้งานของคนทำงานและนักเรียน นักศึกษา น้ำหนักราว 500g
ราคาเริ่มต้น 19,900 บาท
ต้องถือว่าแท็บเล็ตเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ตอบสนองการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ค่อนข้างสะดวก ในบางครั้งสามารถทดแทนการใช้งานมือถือและโน๊ตบุ๊คได้ ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้และรุ่นต่างๆ แต่สิ่งสำคัญนอกจากเรื่องของสเปคและฟีเจอร์แล้ว การบริการหลังการขาย และการรับประกันก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้ใช้พึงต้องพิจารณา เพราะแท็บเล็ตเอง ก็เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟนและโน๊ตบุ๊ค โอกาสจะเสียหรือทำงานผิดปกติก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน อย่างน้อยบริการหลังการขายที่ดี ก็ช่วยให้คุณอุ่นใจได้ไม่น้อยทีเดียว