PHILIPS 278E1 และ 328E1CA เป็นเกมมิ่งมอนิเตอร์ล่าสุดจากค่ายที่มีไลน์ผลิตภัณฑ์ที่เป็นจอแสดงผลมายาวนาน เรียกว่าเป็นตำนานในประวัติศาสตร์ของจอภาพก็ได้เช่นกัน สำหรับใครที่เดินทางมาในสายไอที สัก 10-20 ปีก่อน เชื่อว่าต้องคุ้นหูคุ้นตากันดี และในรุ่นหลังๆ มานี้ ดูเหมือนว่า PHILIPS ไม่ได้หยุดอยู่เพียงจอมอนิเตอร์ทำงาน หรือสายงานมืออาชีพเพียงอย่างเดียว แต่ยังเพิ่มโมเดลในตลาด Gaming อย่างชัดเจน เช่นเดียวกับมอนิเตอร์ที่เราจะนำมารีวิวกันในวันนี้ โดยมากันแบบแพ็คคู่ในไซส์ระดับ 27 นิ้ว และ 32 นิ้ว ที่สำคัญความละเอียดระดับ 4K อีกด้วย
มาแนะนำมอนิเตอร์ทั้ง 2 รุ่นแบบคร่าวๆ กันก่อน สำหรับจอสองรุ่นนี้ เป็นเกมมิ่งมอนิเตอร์ขนาด 27 นิ้วและ 32 นิ้ว อยู่ในซีรีส์ E Line ที่เรียกว่าเรียบหรูดูดี กับดีไซน์ที่บางเฉียบ ไม่ว่าจะเป็นฐานตั้ง ไปจนถึงขอบจอ ที่ยังคงสไตล์ของ PHILIPS ไว้อย่างครบถ้วน โดยทั้ง 2 รุ่นนี้ ให้ความละเอียดเดียวกันคือ QHD Ultra-wide 4K หรือ 3840 x 2160 @ 60 Hz แต่ต่างกันเล็กน้อยในแง่ของดีไซน์คือ 278E1 จะเป็นจอแบนตรงแนวกว้าง ส่วนในรุ่น 32 นิ้ว 328E1CA จะเป็นแบบจอโค้ง 1500R เพื่อให้โอบกระชับสายตาได้มากขึ้น แต่ที่เป็นไฮไลต์อยู่ที่ PHILIPS เลือกพาแนล IPS มาใช้กับจอทั้งสองรุ่น ให้ภาพและมุมมองที่กว้าง ชัดเจน เอาใจคอเกมที่ชื่นชอบสีสันและการตอบสนองที่ดี
PHILIPS 278E1A/67 เป็นจอภาพขนาด 27 นิ้ว ที่เรียกว่าใกล้เข้ามาสู่ขนาดมาตรฐานของผู้ใช้ในปัจจุบัน เนื่องจาก 24″ อาจจะเล็กเกินไปแล้ว เมื่อเล่นเกมในวันข้างหน้า โดยจอรุ่นนี้เป็นแบบ จอแบน หรือ จอตรง ตามแบบที่จะเรียกกัน มาในมิติที่บางเป็นพิเศษ ตัวฐานแบบสี่เหลี่ยม รับน้ำหนักโครงสร้างทั้งหมด 4.8Kg สบายๆ แกนด้านหลังเป็นโลหะแข็งแรง สีเงินตัดกับฐานและขอบหน้าจอสีดำได้ชัดเจน ด้านหน้าจอให้ความรู้สึกมีพื้นที่มากมายในการใช้งาน ปุ่มควบคุมตั้งค่า OSD 5 จุด บริเวณใต้หน้าจอ พร้อมไฟสถานะ โดยมาพร้อมลำโพงในตัว พาแนล IPS ในแบบ Anti-Glare อัตรารีเฟรชเรตอยู่ที่ 60Hz มาตรฐาน สนนราคาเท่าที่เช็คดูในตลาดราวๆ 9,900 บาท เท่านั้น
Specification – PHILIPS 278E1A/67
- ประเภทจอ: LCD
- เทคโนโลยี: IPS
- ชนิดแสงพื้นหลัง: ระบบ W-LED
- ขนาดจอภาพ: 27 นิ้ว / 68.6 ซม.
- การเคลือบจอแสดงผล: ลดแสงสะท้อน 3H ความทึบแสง 25%
- พื้นที่แสดงภาพจริง: 596.74 (H) x 335.66 (V)
- อัตราการจัดมุมมอง: 16:9
- ความละเอียดสูงสุด: 3840 x 2160 @ 60 Hz*
- ความละเอียดพิกเซล: 163 PPI
- เวลาตอบสนอง (ทั่วไป): 4 มิลลิวินาที (Gray to Gray)*
- ความสว่าง: 350 cd/m²
- อัตราความคมชัด (ทั่วไป): 1000:1
- SmartContrast: Mega Infinity DCR
- มุมมองภาพ: 178º (H) / 178º (V) @ C/R > 10
- การเพิ่มประสิทธิภาพของภาพ: SmartImage Game
- Color Gamut (ทั่วไป): NTSC 91%, sRGB 109%
- สีในการแสดงผล: รองรับสี 1.07 พันล้านสี
- ความถี่ในการสแกน: 30 – 83 kHz (H) / 59 – 61 Hz (V)
- โหมด LowBlue: ใช่
- สัญญาณอินพุต: DisplayPort x 1, HDMI x2
- ขาตั้ง: เอียง -5/20 องศา
- น้ำหนัก: ผลิตภัณฑ์พร้อมขาตั้ง (กก.) 4.78 กก.
ดีไซน์และรูปลักษณ์
PHILIPS 278E1A/67 มาในรูปทรงที่คุ้นตากันดี กับฐานสี่เหลี่ยม ที่เรียกว่าแทบจะเป็นเอกลักษณ์ของค่ายนี้ ขอบจอบาง 3 ด้าน ขอบบนและข้างซ้าย-ขวา ราบไปกับตัวพาแนล ไม่มีขีดข้างมารบกวนสายตา ซึ่งเหมาะกับคอเกมเป็นอย่างยิ่ง ส่วนขอบจอด้านล่าง จะเป็นแถบที่ใหญ่ขึ้นมาอีกนิด เพื่อรับกับตัวจอ รวมถึงปุ่มสำหรับ OSD
ขอบจอด้านล่างทางซ้าย มีลาเบล บอกคุณลักษณะของจอรุ่นนี้ แกะออกได้เมื่อใช้งาน ส่วนทางด้านขวา เป็นปุ่ม OSD ที่อยู่ด้านใต้ สามารถดูสัญลักษณ์ในการปรับหน้าจอได้ชัดเจน ประกอบด้วย เปิด-ปิด, Input, Volume และ Out
ขอบจออย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น คือ บางพิเศษ เรียกว่าเห็นขอบดำอยู่ประมาณ 0.5cm เท่านั้น เหมาะกับการใช้งานแบบมัลติมอนิเตอร์เป็นอย่างยิ่ง
มุมมองจากด้านข้าง จะเห็นความหนาในระดับหนึ่ง สำหรับจอภาพรุ่นนี้ ด้านหลังจะมีโค้งเล็กน้อย
ด้านหลังเป็นโทนสีดำ มีล้ายคล้ายปัดเสี้ยน ให้ดูสวยงามขึ้น พร้อมโลโก้ PHILIPS อย่างชัดเจน
ฐานจอของ PHILIPS 278E1A/67 รุ่นนี้ จะไม่ต่างไปจากรุ่น PHILIPS 328E1CA/67 มากนัก เรียกว่าทรงเดียวกัน ต่างกันตรงขนาดกว้าง-ยาวเล็กน้อย แต่จุดที่น่าสนใจก็คือ ทาง PHILIPS ออกแบบขาตั้ง ให้สามารถรวบสายสัญญาณและสายไฟ สอดเข้ามาตรงช่องบนขาตั้งนี้ เพื่อเก็บสายไม่ให้ดูเกะกะนั่นเอง
พอร์ตต่อพ่วง มีมาให้ครบ ไม่ว่าจะเป็น HDMI x2 และ DisplayPort อีก 1 พอร์ต ใกล้ๆ กันจะเป็น Mic และ Headset โดยจอรุ่นนี้จะใช้อแดปเตอร์แปลงไฟ ไม่ได้เป็นแบบต่อ DC เข้าพาแนลโดยตรง ต่างจากในรุ่น 328E1CA
หน้าจอรุ่นนี้ สามารถปรับมุม tilt ด้วยการปรับก้มเงยได้ในระดับ -5 ถึง 22 องศา และไม่รองรับการหมุนซ้าย-ขวา หรือ Pivot
PHILIPS 328E1CA/67
PHILIPS 328E1CA/67 จะเป็นมอนิเตอร์ไซส์ใหญ่ระดับ 32 นิ้ว ที่เรียกว่าเอาใจสายบู๊ และชื่นชอบเกมหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น FPS, RTS หรือแนว MMORPG และ MOBA ก็ตาม กับพื้นที่หน้าจอที่กว้างขวางในแบบ Curved monitor ให้ความคมชัดสูง QHD 2560×1440 ที่เป็นมาตรฐานไปแล้วกับจอภาพใหญ่ระดับนี้ เพื่อให้โอบกระชับสายตา มองได้ทั่วถึงมากขึ้่น พาแนลเป็นแบบ VA ที่ให้สีสด เอาใจคอเกมกันโดยเฉพาะ กับเทคโนโลยี Ultra Wide-Color เพื่อภาพที่มีความสว่างสดใส และมาพร้อม AMD FreeSync เพื่อการเล่นเกมที่ได้ภาพต่อเนื่องนุ่มนวล กับฟีเจอร์ในด้านการเล่นเกม SmartImage Game ที่ให้เกมเมอร์ได้ปรับโหมดภาพบน OSD ให้เข้ากับการเล่นเกม โดยเฉพาะโหมด FPS, RTS และ Racing น่าจะสิ่งที่ผู้เล่นอยากสร้างความได้เปรียบในการเล่น โดยผู้เล่นยังบันทึกค่าที่ตั้งไว้ เพื่อให้การเลือกโหมดการเล่นทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
Specification – PHILIPS 328E1CA/67
- ประเภทจอ LCD: VA LCD
- ชนิดแสงพื้นหลัง: ระบบ W-LED
- ขนาดจอภาพ: 31.5 นิ้ว / 80 ซม.
- การเคลือบจอแสดงผล: ลดแสงสะท้อน 3H ความทึบแสง 25%
- พื้นที่แสดงภาพจริง: 697.3 (H) x 392.2 (V) มม. – ที่ส่วนโค้ง 1500R*
- อัตราการจัดมุมมอง: 16:9
- ความละเอียดที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุด: 3840 x 2160 @ 60 Hz
- ความละเอียดพิกเซล: 140 PPI
- เวลาตอบสนอง (ทั่วไป): 4 มิลลิวินาที (Gray to Gray)*
- ความสว่าง: 250 cd/m²
- อัตราความคมชัด (ทั่วไป): 2500:1
- SmartContrast: Mega Infinity DCR
- มุมมองภาพ: 178º (H) / 178º (V) @ C/R > 10
- การเพิ่มประสิทธิภาพของภาพ: SmartImage Game
- Color Gamut (ทั่วไป): NTSC 99%, sRGB 122%
- ความถี่ในการสแกน: 53 – 84 kHz (แนวนอน) / 48 – 75 Hz (แนวตั้ง)
- สัญญาณอินพุต: DisplayPort x 1.2, HDMI 2.0 x 2
- ลำโพงภายในตัว: 3 W x 2
- ผลิตภัณฑ์พร้อมขาตั้ง (สูงที่สุด): 709 x 523 x 281 มม.
- ผลิตภัณฑ์พร้อมขาตั้ง (กก.): 7.71 กก.
PHILIPS 328E1CA/67 มาในรูปลักษณ์ของการเป็นจอโค้ง (Curved monitor) ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในเวลานี้ กับความโค้งระดับ 1500R ที่ค่อนข้างจะกระชับสายตาได้ดีทีเดียว ไม่ต้องถอยออกไปไกล ด้วยพาแนลในแบบ VA ที่ขึ้นชื่อเรื่องสีสันที่สดใส
จอเกมมิ่ง
สำหรับขอบจอ เป็นแบบขอบบาง 3 ด้าน คือ บนกับด้านข้าง ทำให้ดูมีพื้นที่ใช้สอยมากกว่าเดิม ยิ่งอยู่บนจอระดับ 31.5 นิ้วแบบนี้ กลายเป็นดูพื้นที่เหลือกินเหลือใช้เลยทีเดียว
ขอบมุมจอด้านบน จะเห็นได้ว่า แทบไม่ต่างไปจากรุ่น 27″ แต่ด้วยการเป็นจอขนาดใหญ่ จึงดูมีพื้นที่มากเป็นพิเศษ กับใครที่ไม่เคยเล่นเกมบนจอใหญ่แบบนี้ รวมถึงความละเอียดระดับ 4K ด้วย จะรู้สึกแตกต่างอย่างมาก จะเล่าให้ฟังกันในช่วงของการรีวิวกันอีกที
มุมมองจากด้านข้างของ PHILIPS 328E1CA/67 จะเห็นได้ว่า ความโค้งระดับ 1500R จะมีผลต่อการเล่นเกมหรือการใช้งานของคุณมากเพียงใด เรื่องระยะถอยที่หลายคนกังวลกัน ก็แทบจะไม่มี หรือไม่ต้องถอยออกจากหน้าจอมากเกินไป แต่เห็นได้เต็มตามากขึ้น อยู่ที่การปรับตัวในการใช้งานของแต่ละบุคคล
พอร์ตต่อพ่วงด้านหลัง มาในแบบเดียวกันกับ PHILIPS 278E1A/67 ประกอบด้วย HDMI และ DisplayPort และมีแจ๊ค หูฟัง ไมค์มาให้ด้วย
ขาตั้งที่มาพร้อมช่องสำหรับเก็บรวบสายต่างๆ เอาไว้ เพื่อจะได้ไม่เกะกะบนโต๊ะ ใครไม่ชอบสายอะไรเยอะๆ ก็ลองลอดผ่านช่องนี้ได้
และสิ่งที่มีมาบน จอเกมมิ่ง ทั้ง 2 รุ่นจาก PHILIPS นี้ ก็คือ ลำโพง 3W จำนวน 2 ตัวซ้าย-ขวา บอกเลยว่าเสียงสะใจเลยทีเดียว ใครที่เล่นเกมในห้อง อยู่คนเดียว อยากจะเล่นแบบเปิดลำโพงให้สะใจ แต่ยังไม่อยากจ่ายเงินกับลำโพงดีๆ แค่ซาวด์การ์ดบนเมนบอร์ดดีๆ สักรุ่น ต่อสาย Sound มากับ HDMI เท่านี้ก็สนุกสนานกันแล้ว
การตั้งค่าใน OSD
โหมดการตั้งค่าในเมนูต่างๆ บน OSD ของจอภาพทั้ง 2 รุ่น แทบจะไม่ต่างกัน และก็ใช้ง่าย ไม่ค่อยซับซ้อน สามารถกดปุ่มจากพาแนลด้านหน้าได้ทันที มีด้วยกัน 5 ปุ่มหลัก และไฟแสดงสถานะ ตรงจุดนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานของบางคน เพราะเวลานี้จะมีจอบางรุ่นที่มาพร้อมปุ่มจอยสติ๊ก นิ้วเดียวเลื่อนใช้งานได้ทั้งหมด หรือบางรุ่นก็จะมาพร้อมสวิทช์แยก อย่างไรก็ดี แต่ละแบบก็มีข้อดีข้อด้อยต่างกันออกไป ส่วนบางคนอาจจะยังถนัดกับปุ่มแบบนี้ เพราะนิ้วไม่ค่อยลั่นง่าย แค่ดูให้ดีกว่า ปุ่มไหน Enter เข้าไป หรือ Exit ออกมา เลื่อนขึ้นหรือลง ซ้ายหรือขวาเท่านั้น
วิธีการปรับ OSD บนจอรุ่นนี้ก็ง่ายมาก แต่เพียงกดปุ่ม Menu ที่เป็น Ok จากนั้นเลือกเมนูที่ต้องการ ด้วยการกดปุ่ม ขึ้นหรือลง แล้วกด Ok จากนั้นก็เลื่อนซ้าย-ขวา เพื่อเข้าเมนูรอง หรือปรับเพิ่ม-ลด แสง สี เสียง และอื่นๆ เพียงเท่านั้น
เมนูแรกที่เจอเลยก็คือ LowBlue Mode เหมาะกับคนที่ใช้งานหน้าจอนานๆ อยากให้เปิดใช้ โดยเฉพาะคนที่ท่องเว็บหรือพิมพ์งาน เพราะไม่ต้องสนใจเรื่องของแสงสีมากมาย เน้นถนอมดวงตา ด้วยการเลือก On ได้เลย
ในส่วนของ Input จะสอดคล้องกับการใช้งานพอร์ตด้านหลังเครื่อง แต่ถ้าคุณมี Input หรือใช้งานร่วมกันหลายช่องทาง เช่นมีหลายเครื่อง ก็เลือก Input สัญญาณจากจุดนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็น HDMI1, HDMI2 หรือ DisplayPort ก็ตาม
ในส่วนของ Picture mode จะมีเป็นการตั้งค่าพื้นฐานในแบบ Manual เป็นหลัก ประกอบด้วย ความสว่าง, Contrast, Sharpness ส่วนที่เพิ่มเติมเข้ามาคือ SmartContrast จะเป็นเทคโนโลยีที่ให้การปรับสีดำ ควบคุมโทนแสงสีในฉากให้อัตโนมัติ เพื่อให้เกิดความต่างของฉากหลังและตัวละครได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้มองเห็นรายละเอียดได้ชัดเจน นอกจากนี้ยังช่วยในแง่ของการปรับแสง ให้เหมาะสมกับการใช้งานบนแอพพลิเคชั่นต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นงานเอกสาร Office หรือโปรแกรมอื่นๆ ที่ต้องการความคมชัดมากขึ้น และ SmartResponse
SmartSize จะเปิดให้ผู้ใช้ปรับรูปแบบของพาแนลได้ตามต้องการ มีให้เลือกทั้งโหมด Native 27″ Wide (16:9) หรือจะเป็นแบบ 1:1 และ Aspect เพื่อให้รองรับกับแอพพลิเคชั่นและการใช้งานบางประเภท
อย่างที่ได้กล่าวไปคือ จอเกมมิ่ง ทั้ง 2 รุ่นจาก PHILIPS นี้ มาพร้อมลำโพงในตัว 3W x2 จึงเลือกที่จะปรับระดับเสียงได้จาก OSD นี้ รวมถึงการใช้ในโหมด Stand-Alone, Mute และเลือก Source หรือช่องทาง Input ของเสียง
Color Temperature หรืออุณหภูมิของสี ที่ผู้ใช้ต้องการ มีมากมายหลายระดับ เช่นเดียวกับการใช้งานบนกล้องถ่ายรูปในปัจจุบัน โดยเลือกให้เหมาะกับโทนของคุณ ซึ่งมีตั้งแต่ 5000K ไปจนถึง 11500K หรือจะเลือกเป็นแบบ Native ก็ได้เช่นกัน
นอกจากนี้ยังเลือกปรับมุมมองของ OSD อาทิ ให้เป็นแนวตั้งหรือแนวนอน ความใสของเมนู ด้วยการปรับค่า Transparent มีให้ระดับให้เลือก เพื่อจะได้ไม่บดบังด้านหลัง เมื่อใช้งาน รวมถึงระยะเวลาที่ OSD ปรากฏบนหน้าจอ
ทดลองใช้งาน
มาเริ่มกันที่เรื่องของขนาดหน้าจอทั้ง 2 รุ่นกัน ซ้ายมือสุด PHILIPS 278E1A/67 และขวามือ PHILIPS 328E1CA/67 จะต่างกันอยู่ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ถามว่าใครน่าใช้ บอกเลยได้ทั้งคู่จะดีงามมากมาย!
ในส่วนแรก เป็นการท่องเว็บไซต์ โดยใช้ค่าพื้นฐาน ที่เป็นแบบเดิมๆ ออกมาจากกล่อง จะเห็นความสว่างของในรุ่น 27″ ค่อนข้างจะออกมาสดใส และคมชัดมากทีเดียว แม้ว่าในแง่ของความหนาแน่นสีนั้นรุ่น 32 นิ้วจะมีมากกว่าเล็กน้อยก็ตาม แต่สิ่งที่ต้องมาดูกันก็คือ 328E1CA มาพร้อม sRGB 122% จะมากกว่า 278E1A ที่มีอยู่ 109% ซึ่งก็มีส่วนต่อการแสดงผลอยู่ด้วย แต่เนื่องด้วยสิ่งมีผลอย่างชัดเจนก็คือ Brightness ของ 328E1CA จะมีน้อยกว่า ซึ่งน่าจะมาจากการที่ต้องออกแบบให้เหมาะกับจอขนาดใหญ่ ค่าความสว่างสูงๆ ไม่น่าจะเป็นผลดีนัก อย่างไรแล้วการเล่นเกม น่าจะเน้นไปที่เรื่องของสีและความต่อเนื่อง ความสว่างก็น่าจะถูกปรับให้ดูสบายตามากกว่า ซึ่งถ้าคุณเป็นคนชอบความสว่างของหน้าจอจัดๆ เช่น ใช้งานในที่ที่มีแสงรอบข้างเยอะ ก็อาจจะปรับเพิ่มได้ตามต้องการ
มาดูกันในโหมดการเล่นเกมกันบ้าง เอาแบบที่ไม่ได้ปรับแต่งภาพแต่อย่างใด เน้นค่าพื้นฐาน มีเพียงค่า Color Temperature ที่ปรับเป็น Native ด้วยกันทั้งคู่ ในห้องที่มีการปรับแสงให้มืดเล็กน้อย เพื่อจำลองพื้นที่การเล่นเกม และตั้งความละเอียดเอาไว้ที่ 4K (3840 x 2160) รวมกับคอมพิวเตอร์ AMD Ryzen 7 3700X และการ์ดจอ RX 5700 และแรมระบบ DDR4 32GB
สำหรับ จอเกมมิ่ง 278E1A/67 รุ่นนี้ ทั้งภาพหน้าตรง มุมเอียงซ้าย-ขวา และมุมมองจากด้านล่าง แทบไม่มีผิดเพี้ยน สีสันยังคงสวยงาม และคมมากๆ กับการปรับ 4K ซึ่งถ้าหากคุณมีเครื่องคอมแรงๆ สักเครื่องอยู่แล้ว และมั่นใจว่าสามารถรีดเฟรมเรตบน 4K ได้เกิน 60fps การเลือกจอความละเอียดสูงแบบนี้ จะทำให้ความรู้สึกในการเล่นเกมของคุณเปลี่ยนไป สิ่งที่คุณเคยได้สัมผัสมาก่อนใน Full-HD จะถูกเติมเต็มในส่วนที่เป็นรายละเอียด และความคมชัด จากเดิมคุณอาจจะมองจอ 24 นิ้ว FHD ที่อาจจะดูสวยในความรู้สึกของคุณ แต่บนจอ 27 นิ้วจาก PHILIPS รุ่นนี้ จะให้คุณได้เก็บรายละเอียดมากขึ้น ทั้งที่เป็น Detail จากบรรดาสิ่งของต่างๆ รอบตัว รวมไปถึงเอฟเฟกต์รอบตัวคุณ เช่น ในเกม GTAV จะมีทั้งเรื่องกระสุน แสงจากกระบอกปืน รถที่ระเบิดเป็นชิ้นๆ เป็นต้น
ความคมชัดของ Text ในโปรแกรม และเกม จะเห็นได้เลยว่า มันดีงาม เรื่องของสีสัน คุณอาจปรับฟังก์ชั่นแต่งเติมเอาได้ แต่เรื่องของความละเอียดและการแสดงผลระดับนี้ ต้องมีพื้นฐานที่ดีมาตั้งแต่ตัวมอนิเตอร์และพาแนล
ในการเล่นเกมบน PUBG ก็เช่นกัน ความรู้สึกสนุกและมันส์บนความคมชัดที่ลื่นๆ กับเฟรมเรตระดับ 110fps ทำให้เราเพลิดเพลินไปกับการเล่นได้แบบยาวๆ สิ่งที่มาเติมหลังจากที่ไม่ค่อยได้เจอมานานก็คือ การมองเห็นรายละเอียดโดยรอบที่ชัดเจนยิ่งขึ้น รวมถึงการส่องเฮดช็อตคู่ต่อสู้ได้แม่นยำกว่า และที่สำคัญมองเห็นออปเจกต์ เช่น หมวก ปืน และกระสุน ได้ชัดเจน ได้มากกว่าการอาศัยเดาจากตัวคำอธิบายที่ปรากฏขึ้นมา หรือการดูแผนที่ที่กว้างและชัดเจนมากขึ้นกว่าจอ 27 นิ้วในแบบ FHD ตัวเดิมที่ใช้อยู่อีกด้วย
PHILIPS 328E1CA/67 มาถึงพี่ใหญ่ไซส์ท็อปกับ 32 นิ้วรุ่นนี้ ตอนแรกที่เล่น นึกว่าจะต้องถอยเก้าอี้ออกไปอีกหน่อย แต่ที่ไหนได้ แทบจะอยู่ในระยะที่เล่นบน 27 นิ้วก่อนหน้านี้เลย อานิสงจากจอโค้ง ที่หลายคนอาจจะมองว่าเกินความจำเป็น แต่อยากให้ลองเล่นกันดูก่อน ช่วงแรกๆ อาจจะยังไม่คุ้นชิน เพราะเรื่องของพื้นที่ ระยะการมองต่างๆ อาจเปลี่ยนไปบ้าง แต่ถ้าจอที่คุณใช้เป็นแบบ 4K เช่นจอนี้ รับรองว่าไม่นานก็คุ้นเคย แต่แนะนำว่า ช่วงแรกๆ อาจจะถอยออกมาเล็กน้อย จากระยะที่เคยเล่นก็ดี
มาว่ากันที่มุมมองและแสงสี อย่างที่ได้เห็นไปในภาพบนๆ ด้วยความกว้างของหน้าจอระดับ 32 นิ้ว ก็ไม่น่าแปลกใจที่จะดูสีเบาบางไปบ้าง เนื่องจากแสงกระทบจากภายนอกค่อนข้างมาก แต่ถ้าเห็นในภาพบน ก็จะพอสังเกตได้ว่า หากอยู่ในห้องที่แสงน้อย ก็ทำให้สีสันกลับที่สดใสได้เช่นกัน และยังมีวิธีอื่นๆ ในการเพิ่มความสดใส เช่น การปรับ Color Temp หรือ Gamma และ Smart Contrast เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ รวมๆ กัน ก็ทำให้ได้ภาพตามที่คุณต้องการได้ แต่สิ่งที่เราให้ความสำคัญ ก็คือ ภาพจะลื่นไหล มีภาพขาดบ้างมั้ย ต้องมาลองกันก่อน
ด้านบนนี้คือภาพที่ได้จากเกม PUBG และ Battlefield V บนความละเอียด 4K และตั้งเป็น High Settings ซึ่งเฟรมเรตที่ได้อยู่ราวๆ 100fps ยกเว้น BFV ที่กินสเปคมหาโหด กดไปที่ 50fps โดยประมาณ แม้กระนั่น ก็ไม่ทำให้ภาพี่เล่น เกิดอาการวูบหรือภาพขาด เนื่องจากความต่อเนื่องของภาพ ยังไปต่อได้สบายๆ ยกเว้นว่าเครื่องของคุณจะรีดเฟรมเรตได้ต่ำกว่า 30fps ก็อาจจะทำให้สะดุดอารมณ์คุณได้นั่นเอง แน่นอนว่า 27 นิ้ว ยังทำให้เราหวั่นไหวได้ 32 นิ้วรุ่นนี้ก็คงไม่เหลือ ใครเป็นสายสไนป์ น่าจะชอบกับเป้าไกลๆ ที่คุณส่องเฮดช็อตได้แบบนิ่มๆ เพราะเป้าใหญ่เห็นศูนย์เล็งแล้วใจไม่สั่น เหลือแค่บรรจงเหนี่ยวไก ใจนิ่งๆ เท่านั้นเอง จะว่าเป็นการเอาเปรียบคู่ต่อสู้ก็ไม่เชิง เพราะวัดกันที่โอกาสของใครมากกว่า และอารมณ์คุณจะพลุ่งพล่านได้มากกว่า เพราะคุณจะเห็นทั้งแนวกระสุน ปืนใหญ่ โดยเฉพาะปืนต่อสู้รถถังใน BFV มันช่างกระแทกหัวใจจริงๆ เวลากระทบโดนเรา ซึ่งภาพที่ได้เหล่านี้ เอามาประมวลได้ไม่หมด เอาเป็นว่าทั้งสีสัน ความนิ่งและมุมมอง รวมถึงพื้นที่กว้างใหญ่ของจอ จะทำให้คุณเพลินไปกับการเล่นเกมได้แบบยาวๆ เลยทีเดียว
อีกสิ่งหนึ่งที่น่าจะทำให้คุณใช้ประโยชน์จาก จอเกมมิ่ง ขนาดใหญ่ทั้ง 2 รุ่นจาก PHILIPS นี้ ก็คือ การใช้พื้นที่บนหน้าจอให้คุ้มค่า ด้วยการ Split หน้าจอให้แยกพื้นที่หน้าต่างออกจากกัน เราลองแบ่งหน้าจอในแบบ 4 หน้าต่างบนจอเดียว ด้วยฟังก์ชั่นบน Windows 10 บนหน้าจอ 27 นิ้ว เราก็ยังอ่านตัวอักษรและดูรูปได้ไม่ยากนัก เรียกว่าพอปรับให้มองแบบง่ายๆ ได้ ด้วยการขยายไซส์แต่ละหน้าต่างให้ใหญ่ขึ้น เหมาะกับคนที่ทำงานเอกสารหรือต้องเก็บข้อมูลบนเว็บไซต์ หรือใช้มอนิเตอร์โปรแกรมต่างๆ ได้สะดวกทีเดียว ส่วนในรุ่น 32 นิ้ว ก็ไม่ต้องแนะนำกันมาก หน้าต่างที่ได้กว้างใหญ่ เปิดมากกว่า 4 หน้าต่างในจอเดียวก็ยังไหว แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่านี่เป็นจอ 4K เพราะถ้าเป็น FHD ก็อาจจะได้มุมมองที่ไม่เท่ากัน
ส่วนสุดท้ายก็ลองเปิดหน้าจอสำหรับการตัดต่อ ด้วยโปรแกรม Adobe Premier Pro เรียกว่าเปิด Tool กันได้จัดเต็ม พรีวิวภาพ ขยายได้ใหญ่สุดๆ บนจอ 328E1CA/67 ซึ่งถ้าดูจากข้อมูลที่ระบุไว้ว่า ค่า Gamut sRGB ของรุ่นนี้อยู่ที่ 122% ก็น่าจะทำให้คุณ ได้ใช้งานด้านวีดีโอและตกแต่งภาพได้อีกด้วย
Conclusion
โดยภาพรวมของ จอเกมมิ่ง PHILIPS 278E1A/67 และ 328E1CA/67 ทั้งสองรุ่นนี้ จะออกมาค่อนข้างคล้ายคลึงกัน เพราะเป็นซีรีส์ E-Line ความละเอียด 4K และพาแนลในแบบเดียวกัน ต่างกันอยู่ตรงพื้นที่หน้าจอ 27″ และ 32″ และค่า PPI, Brightness รวมถึง Color Gamut ซึ่งถ้าถามว่ารุ่นใดดี ก็คงต้องบอกว่า จะเล่นเกมอย่างเดียว งบไม่ถึงหมื่นบาทดี ก็เลือก 278E1A/67 แต่ถ้าอยากได้พื้นที่กว้างกว่า ขอบเขตสีที่สูง รวมถึงการเล่นเกมแบบเต็มตาเต็มอารมณ์ในงบหมื่นกว่าบาทแล้ว 328E1CA คือคำตอบอย่างแน่นอน เพียงแต่ต้องดูจากประสิทธิภาพของคอมที่ใช้ ว่าจะสามารถรีดเฟรมเรต และเล่นเกมในโหมด 4K ได้ดีเพียงใด และย้ำว่าควรจะเล่นในโหมด Native หรือที่เป็น 4K เท่านั้น จึงจะเรียกว่าใช้งานได้อย่างคุ้มค่า ถ้าจะเล่น FHD แนะนำตัวเลือกอื่นๆ ใน PHILIPS ก็มีอีกเพียบ เพราะถ้าคุณได้เห็นจากรีวิว หรือได้ลองด้วยตัวเอง จะรู้สึกเปลี่ยนแปลงจากจอเดิมๆ ที่คุณใช้อยู่ เพราะทั้งรายละเอียด เอฟเฟกต์และสีสัน จะทำให้อารมณ์ในการเล่นเกมเปลี่ยนไป และอยากจะใช้มันให้เต็มศักยภาพยิ่งขึ้น
ส่วนข้อสังเกตบางอย่างบนจอทั้ง 2 รุ่นนี้ก็คือ ไม่มี Profile สำหรับการใช้งานโหมดต่างๆ อย่างเช่น Picture Mode ที่ใช้ในการปรับแต่ง เพื่อสอดคล้องกับเกมที่เล่น แต่เป็นแบบ Manual ที่ให้ตั้งค่าด้วยตัวเอง และบันทึกเป็นโพรไฟล์เฉพาะตัว และอีกจุดหนึ่งสำคัญไม่แพ้กันเลยคือ หน้าจอเป็นรอยนิ้วมือค่อนข้างง่าย ซึ่งก็จะเป็นตามสไตล์ของพาแนลในแนวนี้ หลายคนอาจเจอกันบ่อย แต่ก็ทำความสะอาดได้ไม่ยาก เพียงแต่ไม่จำเป็นก็อย่าไปจับหรือให้ใครมาจิ้มหน้าจอเล่นจะดีกว่า
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทาง Topvalue ที่ส่งจอเกมมิ่ง PHILIPS ทั้งสองรุ่นนี้มาให้เราได้ลองแบบเต็มอิ่มกันครั้งนี้ด้วยครับ
จุดเด่น
-พื้นที่แสดงผลขนาดใหญ่ 27″ และ 32″ ทำให้มองภาพได้ชัดเจน
-ให้ความละเอียดระดับ 4K ความคมชัดสูง
-สีสันสดใส ในแบบพาแนล VA
-สามารถแบ่งหน้าจอ ในการใช้หน้าต่างโปรแกรมร่วมกันได้เยอะ
-ตัวอักษรและภาพที่คมชัด เหมาะทั้งเล่นเกมและทำงาน
-มีฟีเจอร์ LowBlue ลดแสงสีฟ้า เหมาะกับคนที่ใช้งานเป็นเวลานาน
-มีลำโพงมาในตัว เสียงค่อนข้างดี
ข้อสังเกต
-รีเฟรชเรตบน 4K ได้เพียง 60Hz
-ไม่มี Picture Profile ให้เลือก ใช้การปรับ Manual แล้วเก็บเป็นโพรไฟล์แทน
-หน้าจอเป็นรอยนิ้วมีได้ง่าย ตามสไตล์ของจอแบบด้าน Matt
ราคา:
PHILIPS 278E1A/67 ประมาณ 9,090 บาท
PHILIPS 328E1CA/67 ประมาณ 12,250 บาท
สั่งซื้อได้ที่:
topvalue.com