การซื้อโน๊ตบุ๊คมือสองเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เนื่องด้วยปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหา COVID-19 ดูจะเป็นเรื่องน่าหนักใจและกระทบมาก ๆ ในหลายด้านเลยทีเดียว การใช้จ่ายก็เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก และในช่วงเวลาเช่นนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า คอมพิวเตอร์กลายเป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งในการดำรงชีวิต ที่แทบจะไม่ต่างไปจากสมาร์ทโฟนเลย แถมนับวันยิ่งเทคโนโลยีมีความล้ำสมัยมากเท่าไหร่ ราคาก็ดูจะสูงขึ้นตามเท่านั้น แถมมีการพัฒนาเกิดขึ้นตลอด ทำให้คอมพิวเตอร์โดยเฉพาะกับโน๊ตบุ๊คนั้นตกรุ่นค่อนข้างไว ทั้งราคาก็ตกลงไวตามมา บางครั้งการซื้อโน๊ตบุ๊คมือหนึ่งก็ดูจะไม่คุ้มค่า และการซื้อโน๊ตบุ๊คมือสองก็ยังเป็นอีกวิธีที่จะช่วยให้คุณประหยัดเงินได้ แต่ต้องยอมรับว่าการซื้อโน๊ตบุ๊คมือสองเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงอยู่เหมือนกัน ทีมงาน Notebookspec จึงขอนำเสนอ วิธีการเลือกซื้อโน๊ตบุ๊คมือสองตามแบบฉบับปี 2020
- เหตุผลที่ต้องเลือกซื้อโน๊ตบุ๊คมือสอง
โน๊ตบุ๊คมือสอง เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่มีงบประมาณน้อย เงินจำกัด จะซื้อเครื่องใหม่มือหนึ่งก็อาจจะกระทบกับค่าใช้จ่ายอย่างอื่นมากเกินไป ยิ่งกับสภาพเศรษฐกิจและสถานการณ์ในปัจจุบันนั้นยิ่งทำให้เราเอาแน่เอานอนไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าจะเกิดภาวะต่าง ๆ ที่มากระทบการดำเนินชีวิตของเราอีกเมื่อไหร่ ยิ่งทำให้เราต้องคอยเซฟค่าใช้จ่ายให้ได้มากที่สุด แม้ว่าโน๊ตบุ๊คจะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับยุคดิจิตอลเช่นนี้ แต่การเงินหลักหมื่นนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับใครหลายคน หรือบางที รุ่นที่เราอยากได้มาก ๆ ก็ดันขายดี ขายหมด โน๊ตบุ๊คมือสองจึงเป็นอีกทางเลือกที่จะทำให้เราได้สัมผัสกับโน๊ตบุ๊คในฝันรุ่นที่เราอยากได้
หรือในทางหนึ่ง โน๊ตบุ๊คมือสองเป็นอะไรที่ตกรุ่นไวมาก ๆ เปิดตัวมาราคาแรง แต่ราคาก็ลงไวมาก ถ้าเราเอาส่วนต่างของการซื้อมือสองไปใช้ทำอย่างอื่น แน่นอนว่า เงินส่วนต่างตรงนั้นเราสามารถนำไปใช้จ่ายอย่างอื่นได้เยอะพอสมควร ทั้งอุปกรณ์เสริม หรือจะนำไปใช้ด้านอื่น ๆ ตามแต่เราต้องการได้เลย
- แหล่งซื้อขายโน๊ตบุ๊คมือสอง
แหล่งหรือสถานที่สำหรับให้เราไปเลือกซื้อโน๊ตบุ๊คมือสองนั้นมีอยู่มากมาย ตั้งแต่ การเดินตามห้างในโซนอุปกรณ์ไอที ตลาดขายของเฉพาะในห้างไอที ไปจนถึงในเว็บบอร์ดบนเว็บไซต์ไอทีต่าง ๆ หรือจะเป็นตามหน้าเพจ Facebook ที่มีกลุ่มผู้ใช้โน๊ตบุ๊คหรือพีซี หรือกลุ่มซื้อขายของมือสองที่มาแบ่งปันกันก็มี เรียกว่ามีทางเลือกให้เราเยอะมาก ๆ แต่กระนั้น แน่นอนว่าวิธีการเลือกซื้อในแบบที่เราเดินตามร้าน หน้าตู้ หรือห้างไอที ย่อมมีข้อดีอยู่ตรงที่เราสามารถเห็นหน้าค่าตาของเจ้าโน๊ตบุ๊คได้เลยทันที ชอบดีไซน์ รูปลักษณ์ไหน ก็สามารถบอกคนขายได้เลย ดีไม่ดีทางร้านเองก็อาจจะมีโปรโมชั่นหรือประกันของร้านให้อีกด้วย แถมเรายังรู้ที่ตั้งของร้านที่แน่นอน สามารถหิ้วเครื่องกลับมาได้ถ้าหากมีปัญหา แต่การซื้อออนไลน์ก็มีข้อดีเช่นกัน เพราะหลายครั้งจะเป็นเรื่องที่เจ้าของปล่อยขายเอง ซึ่งอาจไม่ได้ผ่านการใช้งานที่หนักหน่วง แถมอาจจะมีราคาที่ถูกกว่าเพราะไม่ได้ผ่านพ่อค้าคนกลาง
- ซื้อโน๊ตบุ๊คมือสองต้องดูอะไรบ้าง
1. ราคา
สิ่งสำคัญที่ต้องมาเป็นอันดับแรกเลยนั่นก็คือ ราคา ก่อนที่จะซื้อของอะไรสักชิ้น แทบทุกคนจะต้องมีงบจำกัดอยู่ในใจ ว่าจะต้องมีราคาไม่เงินที่ตั้งไว้ และการกำหนดราคานี้เองก็จะช่วยให้เราสามารถจำกัดรุ่น จำกัดสเปคของโน๊ตบุ๊คได้ด้วย และนอกจากการตั้งงบตั้งราคาไว้ในใจแล้วนั้น การเลือกซื้อโน๊ตบุ๊คมือสองก็ต้องดูที่ราคาเหมาะสมด้วย โดยเฉพาะกับโน๊ตบุ๊คที่ผ่านการใช้งานมาพอสมควร แต่กลับขายในราคาที่ค่อนข้างสูง ก็ถือว่าไม่เหมาะสม โดยปกติแล้วคอมพิวเตอร์มือหนึ่งนั้น หลังจากที่เราซื้อออกมาจากร้าน ราคาของมันก็จะตกลงไป 10% – 30% ในทันที และยิ่งผ่านการใช้งานมาแล้วก็ย่อมต้องมีราคาที่ถูกลงไปอีกเช่นกัน
2. ประกัน (สำคัญมาก)
ประกันของเครื่องเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ยิ่งกับโน๊ตบุ๊คมือสอง ถ้าโชคดี ในกรณีที่เครื่องผ่านการใช้งานมาไม่นาน และยังคงมีประกันศูนย์อยู่ เราก็โล่งใจได้เลยหากซื้อไปแล้วเกินปัญหา เราสามารถนำไปส่งศูนย์ได้ทันที (แต่ราคาก็จะสูงกว่าเครื่องที่หมดประกัน)
ถ้าเราไปซื้อโน๊ตบุ๊คมือสองจากร้านที่ขายตามห้าง หรือหน้าตู้ ข้อดีที่สำคัญเลยก็คือ เราสามารถเห็นเครื่องได้ทันที และสามารถทดลองจับ ทดลองเล่นได้เลย ถ้าหากถูกใจจึงจะค่อยจ่ายเงินและนำกลับมา ซึ่งโดยปกตินั้น แต่ละร้านก็จะมีประกันของทางร้านเองอยู่แล้ว การซื้อขายและตกลงเรื่องประกันในกรณีเครื่องมีปัญหาเป็นเรื่องสำคัญ ก่อนซื้อขายควรมีการเขียนใบเสร็จและทำเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ เผื่อในระยะเวลาที่มีการประกันแล้วเกิดเครื่องมีปัญหา เราก็สามารถนำมาที่ร้านได้ทันที
สำหรับการซื้อขายออนไลน์ เราควรมีการตกลงกันเรื่องประกันกับผู้ขายด้วยเช่นกัน ประกันที่ว่านั้นคือ ‘ประกันใจ’ ออกไปในแนวทางของการเชื่อใจ การรับประกันว่าถ้าเกิดเครื่องมีปัญหา เราจะยังสามารถติดต่อกับผู้ขายได้ หรือกรณีที่ซื้อมาแล้วใช้ไม่ได้ เราก็สามารถคืนเครื่องและได้เงินคืนจากผู้ขาย ซึ่งในส่วนนี้จะต้องเลือกผู้ขายที่ไว้ใจได้ในระดับหนึ่ง
สามารถเช็คประกันโน๊ตบุ๊คออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของแต่ละแบรนด์ได้ง่าย ๆ ได้ที่นี่: เช็คประกันโน๊ตบุ๊ค
3. อายุการใช้งาน
ในเรื่องอายุการใช้งานของโน๊ตบุ๊คมือสองนั้น ควรผ่านการใช้งานไม่เกิน 1-3 ปี เพราะโดยทั่วไปนั้น เครื่องคอมพิวเตอร์จะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 3-5 ปี คอมพิวเตอร์ที่มีอายุมากกว่า 5 ปี มีแนวโน้มที่จะทำงานช้าลงมาก เนื่องด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ รวมไปถึงระบบซอฟต์แวร์การแสดงผลภาพ ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้คอมพิวเตอร์รุ่นเก่า ๆ ในบางครั้งไม่รองรับ หรือทำงานได้ไม่ดีพอ เพราะฉะนั้น เราจึงควรมองหาโน๊ตบุ๊คมือสองที่ผ่านการใช้งานมาแล้วไม่เกิน 3 ปี เพื่อที่เราจะมีเวลาการใช้งานไปได้อีก 2 ปีเป็นอย่างน้อยจนคุ้มค่ากับราคาที่เราจ่ายไป เพราะหากเราใช้งานเครื่องที่มีอายุมากเกินไป ย่อมจะส่งผลกระทบต่อการทำงานที่อาจเกิดจากความเสียหายของตัวอุปกรณ์ ข้อจำกัดด้านทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ หรือการประมวลผลที่ล่าช้า แทนที่จะได้ความคุ้มค่าก็จะกลายเป็นได้ไม่คุ้มเสียไปแทน
4. สภาพภายนอกของโน๊ตบุ๊คมือสอง
โน๊ตบุ๊คมือสองต้องอยู่ในสภาพที่ดี ไม่บุบหัก แตกสลาย จุดสังเกตหลัก ๆ ให้ดู ฝาเครื่อง ว่าอยู่ในสภาพดีไหม มีรอยขนแมวเยอะหรือเปล่า ทดลองเปิดและปิดฝาพับดูว่าแข็งแรงไหม Touchpad สามารถกดได้ปกติหรือไม่ ปุ่ม Keyboard กรอบหรือยัง การพิมพ์ของปุ่มใช้งานได้ดีไหม มีรอยแตก หรือตำหนิหรือไม่ มีร่องรอยการแงะตัวเครื่องหรือฝาจอหรือไม่เพราะอาจจะเป็นการซ่อมแล้วนำมาขายได้
หลีกเลี่ยงโน๊ตบุ๊คมือสองที่มีรอยบุบ รอยขีดข่วน หรือมีความสกปรกจากฝุ่นมาก เพราะจะเป็นสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกว่าโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้การผ่านการใช้งานหนักมาแล้ว และได้รับการดูแลรักษาที่ไม่ดี
5. ประเภทของการใช้งาน
การเลือกประเภทของโน๊ตบุ๊คให้เหมาะกับการใช้งานของเราเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะทำให้เราไม่ใช้จ่ายเกินความจำเป็น และได้จะโน๊ตบุ๊คในแบบที่ต้องการ อย่างเช่น ถ้าหากไลฟ์สไตล์ของเราใช้โน๊ตบุ๊คแค่ทำงานเอกสาร ดูหนัง ฟังเพลง ไม่ได้ใช้โปรแกรมที่กินสเปค หรือตัดต่อที่หนักหน่วง ก็เลือกโน๊ตบุ๊คที่มีสเปคกลาง ๆ ราคาก็จะถูกกว่าโน๊ตบุ๊คสำหรับเล่นเกม หรืองานตัดต่อ ที่มีสเปคสูง เหมาะกับการใช้งานหนัก เป็นต้น
6. คุณสมบัติของโน๊ตบุ๊คมือสองที่เราต้องตรวจสอบ
RAM : ควรมองหาโน๊ตบุ๊คมือมือสอ ที่มี RAM 4-8 GB ถ้าจะให้ดีก็ต้องเป็น 8GB ขึ้นไป (แต่ก็อาจมีราคาสูงขึ้นตามมาด้วยเช่นกัน) เพราะจะทำให้โน๊ตบุ๊คของเราสามารถทำงานได้หลากหลายโปรแกรมพร้อม ๆ กันโดยที่ไม่ทำให้เครื่องหน่วงหรือช้า และปัจจุบันสำหรับ Windows 10 เพื่อการใช้งานระยะยาว เราควรเลือกซื้อโน๊ตบุ๊คมือสองที่มีแรมที่เป็น DDR3 ขึ้นไป
CPU : ควรเลือกใช้หน่วยประมวลผลให้เหมาะสมกับงานที่จะนำไปใช้ เพื่อที่จะไม่ทำให้เราไม่ต้องจ่ายเงินมากเกินความจำเป็น เช่น CPU Intel Core i3 หรือ i5, AMD Ryzen 3 หรือ Ryzen 5 สำหรับการใช้งานทั่วไป ดูหนังฟังเพลง เล่นอินเตอร์เน็ต และ CPU Intel Core i7, AMD Ryzen 7 สำหรับเล่นเกมส์ หรืองานด้านกราฟฟิก เป็นต้น
พอร์ต และการเชื่อมต่อ (PORT/CONECTOR) : ในปัจจุบันนั้นพอร์ตเชื่อมต่อมักจะเป็น USB 3.0 และ 2.0 และในบางรุ่นจะมี USB-C มาด้วย ส่วน HDMI นั้น ในโน๊ตบุ๊คที่เน้นความเบาบาง จะมีมีพอร์ตนี้มาให้แล้ว การตรวจสอบที่นอกจากจะดูว่าโน๊ตบุ๊คมีพอร์ตอะไรมาให้เราบ้างแล้วนั้น ควรตรวจสอบว่าพอร์ตแต่ละตัวสามารถใช้งานได้หรือไม่
จอภาพ : จอภาพคอมพิวเตอร์ ควรพิจารณาให้เหมาะสมกับการใช้งาน และควรเลือกจอภาพที่เป็น Full HD ขึ้นไป เพราะปัจจุบันเทคโนโลยีในด้านกราฟฟิกและการแสดงผลค่อนข้างที่จะล้ำสมัย เพื่อการใช้งานในระยะยาวและการแสดงผลที่ดีก็ควรเลือกจอภาพที่รองรับการแสดงผลแบบ Full HD 1080p ขึ้นไป นอกจากนี้ก็ควรเลือกขนาดจอที่เหมาะสมกับการใช้งาน ซึ่งในส่วนนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบว่าใครชอบจอขนาดใหญ่ ใครชอบจอขนาดเล็ก
และสิ่งสำคัญที่เราต้องตรวจสอบเลยก็คือ จอภาพมี Dead Pixel หรือไม่ มีการแสดงผลของสีผิดปกติหรือเปล่า มีจุดขาว ๆ ที่จอหรือไม่ เพราะไม่อย่างนั้น เราก็จะได้โน๊ตบุ๊คที่มีสภาพไม่ดี ไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป แถมยังเป็นปัญหาให้ต้องตามแก้อีกด้วย ทั้งนี้ การทดสอบก็ทำได้ไม่ยาก เพียงแค่เราลองตั้ง Wallpaper เป็นสีต่าง ๆ เพื่อดูการแสดงผลว่าแสดงสีต่าง ๆ ได้ปกติหรือไม่นั่นเอง
การ์ดจอ หรือ GPU: เป็นส่วนของการประมวลผลด้านการ์ดกราฟิก สำหรับโน๊ตบุ๊คนั้นจะมี 2 ประเภท ได้แก่ การ์ดจอแยก กับการ์ดจอชนิดออนบอร์ด (VGA On Board) ในส่วนนี้เราก็ต้องเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานเช่นกัน ถ้าเราไม่ได้เน้นการเล่นเกม ตัดต่อ หรือทำงานที่ต้องใช้กราฟฟิกที่สูง การ์ดจอประเภทออนบอร์ดก็เพียงพอ แต่ถ้าใครที่ต้องการทำงานที่ใช้กราฟฟิก ใช้ตัดต่อภาพ วีดิโอ หรือเล่นเกมที่มีสเปคหนัก ๆ ก็ควรเลือกโน๊ตบุ๊คที่มีการ์ดจอแยกออกมา
แบตเตอรี่: แบตเตอรี่เป็นเรื่องสำคัญกับโน๊ตบุ๊คเป็นอย่างมาก เพราะจุดประสงค์หลักของโน๊ตบุ๊คนั้นคือเป็นคอมพิวเตอร์ที่รูปแบบการใช้งานที่เน้นการพกพา และถ้าเราจะพกพาออกไปไหนมาไหนแต่แบตฯ ดันเสื่อมสภาพ ใช้งานได้ไม่นานก็หมด แทนที่จะอยู่ได้ 6 ชั่วโมง กลับเหลือแค่ 2 ชั่วโมง ก็ย่อมไม่เป็นผลดีและไม่คุ้มค่ากับจ่ายเงินซื้อมาแน่ ๆ
เราต้องตรวจสอบแบตเตอรี่ให้เรียบร้อยว่าใช้งานได้ปกติดีหรือเปล่า เสียบสายชาร์จไฟแล้วไฟเข้าหรือไม่ ทดลองเปิดเครื่องใช้งานไปสักพักหนึ่ง เพื่อดูว่าแบตเตอรี่ลดลงมากน้อยแค่ไหน ถ้าแป๊บเดียวแบตฯหมด แสดงว่าแบตเตอรี่เสื่อมแล้ว ในส่วนนี้เราอาจจะต่อรองราคากับผู้ขายให้ลดลงเป็นค่าแบตฯ หรืออาจจะมีข้อตกลงอื่นก็ได้
7. ตรวจสอบระบบเบื้องต้น
ก่อนจะตัดสินใจซื้อ เราก็ควรเปิดเครื่องดูว่าระบบทำงานได้ปกติหรือไม่ ปัจจุบันนี้ โน๊ตบุ๊คที่วางจำหน่ายในช่วงปี 2018 ขึ้นไป มักจะมี Windows แท้ติดเครื่องมาอยู่แล้ว หรือหากเครื่องไหนไม่มีก็ต้องลองสอบถามกับผู้ขายว่า Windows ที่มากับเครื่องเป็นของแท้หรือไม่ เพราะ Windows แท้นั้น นอกจากจะถูกกฎหมายแล้ว จะได้รับการอัพเดตระบบอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้เครื่องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้เราต้องต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าฮาร์ดแวร์อื่น ๆ ถูกต้อง ตรงรุ่น และจะสามารถรองรับการใช้งานในอนาคตได้จริงไหม โดยให้คลิกดูเบื้องต้นที่ System Properties โดยการคลิกขวาที่ This PC (My Computer) แล้วเลือก Properties ในหน้าต่างนี้ เราจะพบว่ามีข้อมูลเกี่ยวกับ CPU, การ์ดจอ และ RAM เป็นต้น
นอกจากนี้เรายังต้องมีการทดสอบเบื้องต้นก่อนตัดสินใจว่าระบบต่าง ๆ ทำงานได้ดี ไม่มีข้อบกพร่อง โดยการกด Ctrl+Alt+Del ในขณะที่ยังไม่ได้เปิดใช้โปรแกรมใด ๆ จากนั้น สังเกตการทำงานของ CPU Usage ในหน้าต่าง Task Manager ซึ่งจะจะต้องเป็น 0% เท่านั้น ถ้าไม่ใช่แสดงว่าเครื่องมีปัญหา จากนั้นให้เราลองเปิดโปรแกรมหลาย ๆ โปรแกรมในเวลาเดียวกัน เช่น Google Chrome พร้อมกันกับโปรแกรมเอกสาร แล้วตรวจสอบ Task Manager อีกครั้ง ว่ามีการใช้ CPU Usage กี่เปอร์เซ็นต์ ถ้าเปิดแค่ 2 โปรแกรมก็ขึ้นไป 50% แล้ว นั่นแสดงว่าเครื่องมีปัญหาแน่นอน
- ข้อควรระวังในการซื้อโน๊ตบุ๊คมือสอง
สำหรับการซื้อโน๊ตบุ๊คมือสองนั้น นอกจากความคุ้มค่าราคาถูก สิ่งที่ต้องพึงระวังนั่นก็คือความเสี่ยง โดยเฉพาะกับการซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ที่ไม่มีหน้าร้านแน่ชัด การนัดเจอนอกสถานที่ ควรเลือกสถานที่สาธารณะที่มีผู้คนเดินไปเดินมา ไม่ว่าจะเป็นห้าง ก็ร้านกาแฟสักร้าน ไม่ควรเลือกนัดเจอในพื้นที่เปลี่ยว และอับสายตา ที่สำคัญเมื่อเจอกันต้องสามารถขอตรวจสอบสินค้าก่อนที่จะมีการแลกเปลี่ยนกันได้ เพราะนั่นคือความจริงใจอย่างหนึ่ง ถ้าหากผู้ขายไม่ให้ตรวจสอบสิ้นค้า รีบเร่งให้จ่ายเงิน ให้ระวังไว้ได้เลยว่า ไม่ใช่เรื่องที่ดีแล้วอย่างแน่นอน ถ้าจะให้ดีก็พาเพื่อนหรือใครสักคนที่มีความรู้ไปกับเราด้วย เพื่อที่เขาจะได้ช่วยดูและช่วยตรวจสอบให้ได้
สำหรับการซื้อขายผ่านหน้าร้านด้วยตนเอง ก่อนจะออกจากร้าน หรือตัดสินใจซื้อ ต้องมีการตกลงการประกันกับผู้ขาย มีการเขียนใบเสร็จไว้เป็นรายลักษณ์อักษร เพื่อที่เวลาสินค้ามีปัญหา เราจะได้มีหลักฐานมาประกอบ และสามารถให้ทางร้านรับผิดชอบได้
นอกจากนี้ ก่อนจะตัดสินใจติดต่อกับผู้ขายเพื่อทำการซื้อโน๊ตบุ๊คมือสองนั้น เราควรต้องหาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโน๊ตบุ๊ครุ่นที่เราต้องการไว้ด้วย และที่สำคัญ ควรตรวจสอบประวัติของผู้ขายว่าได้เคยมีการซื้อขายมาก่อนหน้านี้แล้วหรือยัง และผลตอบรับเป็นอย่างไร หรือเพื่อความแน่ใจ หากเป็นการติดต่อผ่านทาง Facebook เราก็อาจจะดูได้จากข้อมูลต่าง ๆ ในหน้าโปรไฟล์ หรือที่เกี่ยวข้อง ว่าผู้ขายนั้นน่าเชื่อถือหรือไม่
สุดท้ายนี้ ทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ก่อนจะตัดสินใจซื้อขายของ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ใด หรือสินค้าชนิดไหนก็ตาม ควรมีการศึกษาหาข้อมูลและตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้ขาย เพื่อที่เมื่อคุณจ่ายเงินไปแล้ว จะได้รับความคุ้มค่าอย่างถึงที่สุดและได้รับความเสี่ยงน้อยที่สุด