Notebook มีให้เลือกซื้อ หลากหลายหน้าจอหลากหลายสเปกด้วยกัน ซึ่งต้องยอมรับว่าถ้าอยากได้ Notebook เพื่อเน้นไปทำงานแบบจริงจัง ความบางเบาและวัสดุนั้นเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กับสเปกเลยทีเดียว ซึ่งขนาดหน้าจอที่ได้รับความนิยมสูงสุดก็จะเป็น 14″ ที่ต้องบอกว่ามีขนาดมิติตัวเครื่องที่เล็กกำลังดี พกพาไปไหนมาไหนสะดวก และที่สำคัญคือแบตเตอรี่ต้องใช้งานได้ยาวนานกว่า Notebook ทั่วไป กรณีที่เรานำไปใช้งานนอกสถานที่ตลอดทั้งวัน ซึ่งได้ฟีเจอร์อื่นๆ อย่าง USB PD / Thunderbolt 3 รวมไปถึงในบางรุ่นยังได้โปรแกรม Microsot Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,299 บาท) ฟรีๆ ด้วย ก็จะดีเยี่ยมมากๆ
ซึ่งสเปก Notebook ปี 2020 นี้ก็มีความแรงเพียงพอการใช้งานพื้นฐานแบบลื่นไหลแล้วจริงๆ โดยในบทความนี้เราจะมาแนะนำ Notebook ทำงานน่าซื้อ ปี 2020 จอ 14″ พาเนล IPS ความละเอียด Full HD ที่สวยงามเรียบเนียนตา เบาสุดๆ ที่ 870 กรัม เน้นพกพา ฟีเจอร์ครบถ้วน แบต 10 ช.ม. + โดยมาพร้อมกับสเปกเป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 รุ่นต่างๆ และได้การ์ดจอแยกในบางรุ่น รวมไปถึงได้แรมขนาด 8GB / 16GB และ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB -1 TB ด้วย ส่วนประกันเป็นแบบ 2 – 3 ปี On-site Service จะมีรุ่นไหนน่าสนใจ ไปชมกันต่อเลย
ASUS ExpertBook B9 (B9450) ราคา 38,990 – 49,990 บาท
ASUS ExpertBook B9 (B9450) เน้นใช้งานแบบพกพาไปทำงานนอกสถานที่ ทั้งด้วยสเปคประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมและมีแบตเตอรรี่ที่ใช้งานได้อย่างยาวนาน ล่าสุดสำหรับสายทำงานและจริงจังยิ่งกว่า ด้วย ASUS ExpertBook B9450 โน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ ที่เบาสุด แค่ 870 กรัม จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานมืออาชีพที่เบาที่สุดของโลก ดีไซน์ตัวเครื่องบางสุดๆ เพียง 14.8 มม. ใช้วัสดุสุดเทพอย่าง แมกนีเซียมลิเทียมอัลลอยด์ที่เป็นโลหะดีที่สุดในตลาด อีกทั้งยังผ่านการทดสอบ MIL–STD 810G US Military Standard การันตีความทนทาน เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักธุรกิจหรือคนที่ต้องการสุดยอดโน๊ตบุ๊ค 14″ ประสิทธิภาพสูงคู่ใจในการทำงานจริงจัง หรือ Commercial ที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูงสุด
สเปกของ ASUS ExpertBook B9 (B9450) จะถูกแบ่งด้วยกันเป็น 2 รุ่น 2 สเปก หลักๆ คือ Core i5-10210U / Core i7-10510U ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน เป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 10 (Comet Lake) รุ่นล่าสุด ที่เป็นเทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร ในส่วนของการ์ดจอเป็นออนชิป Intel UHD Graphics 620 ที่เพียงพอกับใช้งานพื้นฐานแน่นอน สำหรับงาน 2 มิติทั่วไป อาทิ งานเอกสาร ใช้งานอินเตอร์เน็ต ดูหนังฟังเพลง หรือโปรแกรมเฉพาะทางบางอย่างในองค์กร
มาพร้อมขนาดหน้าจอ 14″แบบด้าน ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลคุณภาพสูงอย่าง IPS ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริง ที่ sRGB ใกล้เคียง 100% ที่ความสว่าง 300 nits แรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB / 16GB LDDR3 Bus 2133MHz ซึ่งรองรับกับการใช้งานทั่วไปได้สบาย สำหรับฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB / 1TB ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 AX และ Bluetooth 5.0 ด้วย อีกทั้งยังมีน้ำหนักเพียง 870 กรัม / 990 กรัมเท่านั้น ตามลำดับ จากการที่มีสเปกแบตเตอรี่ต่างกันด้วย ที่ 2-Cell 33Wh / 4-Cell 66Wh ซึ่งทำให้ระยะเวลาการใช้แบตเตอรี่แตกต่างกันด้วย
นอกจากนี้ในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call พร้อมไมค์ 4 ตัว (support noise cancellation) อีกทั้งมี Fingerprint / 3D IR Camera ที่ใช้งานร่วมกับ Windows Hello รวมถึงติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home ลิขสิทธิ์แท้ การรับประกันมีระยะ 3 ปี แบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน อีกทั้งมีบริการอื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็น ดูแลตลอด 24 ชั่วโมงเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ได้อย่างไม่ยุ่งยาก และมีประกันอุบัติเหตุในปีแรกอย่าง ASUS Premium Care เรียกได้ว่าเหนือชั้นกว่าประกันของ ASUS Notebook ทั่วไปชัดเจน
- Core i5-10210U / UHD Graphics 620 / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 14″ IPS / 2-Cell 33Wh ราคา 38,990 บาท
- Core i7-10510U / UHD Graphics 620 / RAM 16GB / SSD 1TB / จอ 14″ IPS / 4-Cell 66Wh ราคา 44,990 บาท
Acer Swift 5 ราคา 30,900 – 36,900 บาท
Acer Swift 5 รุ่นใหม่ปี 2020 สเปกใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 อย่าง Core i7-1065G7 ใช้การ์ดจอออนชิปอย่าง Iris Graphics G7 อย่างเดียว หรือมีรุ่นการ์ดจอแยกเป็น NVIDIA GeForce MX350 มาพร้อมหน้าจอ 14″ Full HD พาเนล IPS เกรดสูง sRGB 97% โดยมีน้ำหนักเพียง 990 กรัมเท่านั้น ส่วนสเปกอื่นๆ ก็ครบครันทั้งแรมขนาด 8GB / 16GB LPDDR4X แบบออนบอร์ด และที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB รองรับการทำงานที่เต็มที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นงานเอกสาร ความบันเทิง หรืองานประมวลผลหนักๆ ก็พอได้เลย เหมาะกับคนทำงาน นักเรียน นักศึกษา ที่ต้องการโน๊ตบุ๊คที่เบาที่สุด แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน 10 ชั่วโมง
ได้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ทันที ทำงานพื้นฐานได้แบบสบายๆ สนับสนุนการทำงานร่วมกับโปรแกรมต่างๆ ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ ส่วนความบันเทิงดูหนังฟังเพลง ชม Netflix ก็สบายๆ ไปอีก และพอที่จะใช้งานหนักๆ อย่างตัดต่อวีดีโอก็พอได้บ้าง รวมไปถึงเล่นเกม 3 มิติก็ลื่นไหล จากการที่มีการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce MX350 (2GB GDDR5) ที่แรงพอๆ กับ GTX 960M เลยทีเดียว
ส่วนเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อนั้นก็ยังมีพอร์ตมาตรฐานซึ่งมาให้ค่อนข้างครบ เช่น Thunderbolt 3 (เป็น USB 3.1 Type-C + DisplayPort + Power Delivery), USB 3.1 Type-A, USB 2.0 Type-A, HDMI สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก ที่สำคัญยังมาพร้อม Dual-Band Intel Wi-Fi 6 (GIG+) 802.11ax ที่แรงขึ้น 3 เท่า และการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.0 ใหม่ล่าสุด ได้ประกันจะเป็นแบบ 3 ปี โดยปีแรกเป็นแบบ On-site Serive ซ่อมฟรีถึงบ้าน และกรณีส่งซ่อมตามศูนย์ก็จะซ่อมอย่างรวดเร็วภายใน 3 ชั่วโมงอีกด้วย ที่สำคัญได้โปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,299 บาท) มาใช้งานทันที นับว่าคุ้มค่าจริงๆ ที่เหนือกว่าหลายๆ แบรนด์
เรียกได้ว่าถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14″ ที่เบาที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดก็ว่าได้ ส่วนความบางอาจจะไม่มาก โดยอยู่ที่ 14.95 มิลลิเมตร แต่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่ามาตรฐานโน๊ตบุ๊คพกพามาตรฐานระดับสูงอยู่ดี อีกทั้งในรุ่นใหม่นี้ได้ดีไซน์พิเศษโดยมียางรองขอบเครื่องด้านหลังช่วยยกตัวเครื่องให้เอียงสูงขึ้นเมือเรากางหน้าจอ ส่งผลให้พิมพ์ง่ายขึ้นและมุมมองดีขึ้นด้วย วัสดุจากอลูมิเมียนผสมแม็กนีเซียมอัลลอยด์ให้น้ำหนักเบาเป็นพิเศษแต่ก็ยังแข็งแรงและทนทาน กับสีสัน Charcoal Blue พร้อมแซมด้วยสีทองตามจุดต่างๆ เหมาะทั้งหนุ่มๆ หรือสาวๆ ยุคใหม่ที่ดูทันสมัยสวยงามลงตัว ส่วนสี Moonstone White นับว่าเป็นอีกสีที่ดูหรูหราไม่แพ้กัน เน้นขาวๆ สะอาดๆ
- Core i7-1065G7 / Iris Plus G7 / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 14″ IPS / Office แท้ ราคา 30,900 บาท
- Core i7-1065G7 / MX350 / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 14″ IPS / Office แท้ ราคา 36,900 บาท
MSI Prestige 14 ราคา 38,900 – 43,900 บาท
MSI Prestige 14 แบ่งออกเป็น 3 รุ่น 3 สี 3 สเปก โดยมีสี Pure White / Rose Pink Limited Edition / Grey เป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่หน้าจอ 14″ ตัวแรงลื่น สีชมพูโดดเด่นเหมาะกับสาวๆ อย่างที่สุด โดยมาพร้อมกับประสิทธิภาพจากชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10U รุ่นล่าสุดอย่าง Core i7-10510U / Core i7-10710U ผสานการทำงานร่วมกับการ์ดจอ NVIDIA GeForce MX250 / MX330 / GTX 1650 Max-Q และฟีเจอร์พอร์ต Thunderbolt 3 / USB PD ที่สำคัญคือตัวเครื่องมีความพรีเมียมและบางเบาอย่างที่สุด มีน้ำหนักเพียง 1.29 กิโลกรัมเท่านั้น ในส่วนของสเปกแรมได้มาขนาด 16GB DDR4 Bus 2666MHz และ SSD M.2 NVMe ที่ความจุ 512GB จัดเต็ม ส่งให้มีประสิทธิภาพในการทำงานที่ทรงพลังอย่างที่สุด สนับสนุนทั้งทำงานได้เต็มที่
สำหรับ MSI Prestige 14 ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพสูงแต่บางเบาขนาดหน้าจอ 14″ รุ่นล่าสุดอีกรุ่นหนึ่งที่ครบเครื่อง ดีไซน์ที่เน้นความบางเบา พกพาได้สะดวก โดยยังรักษาความเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานมืออาชีพได้อย่างสมบูรณ์แบบ การออกแบบให้ความรู้สึกที่ดุดันพรีเมียมด้วยวัสดุอลูมิเนียม ตลอดทั้งตัวเครื่อง พร้อมตัดขอบเพชรเพิ่มความหรูหรา พร้อมความทนทานระดับ Military Standard ด้วยการผ่านการทดสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด ทั้งทนร้อนทนเย็น ความดันอากาษ ความชื้นและฝุ่นต่างๆ ในระดับหนึ่ง ซึ่งดูแล้วเป็นการเปลี่ยนจากรูปแบบเดิมๆ ที่โน๊ตบุ๊คสายทำงานมืออาชีพต้องดูดำๆ ดีไซน์โบราณ ให้กลายเป็นโน๊ตบุ๊คที่ดูน้อยแต่เรียบหรูและน่ารักนั่นเอง
สเปกหน้าจอขนาด 14″ ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD ซึ่งให้ประสบการณ์การใช้งานที่ประทับใจอย่างสุดๆ ขอบจอเป็นสีชมพูบางเฉียบโดยมีพื้นที่แสดงผลกว่า 90% จอเป็นแบบด้านที่ให้เรื่องสีสันสดใส รองรับใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกมก็ทำได้อย่างเป็นอย่างดี ส่วนบานพับก็แข็งแรงกว่ารุ่นก่อนๆ พร้อมกางได้ 180 องศา ทำให้นำเสนองานได้อย่างเต็มที่และง่ายขึ้นกว่าเดิม ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายก็ครบครันด้วย Wi-Fi 6 AX (2 x 2) และ Bluetooth 5.0 ส่วนพอร์ตการเชื่อมต่อก็มีทุกรูปแบบรวมไปถึงได้ Thunderbolt 3 จำนวน 2 พอร์ต เป็นมาตรฐานอีกด้วย
MSI Prestige 14 พร้อมระบบปฎิบัติการ Windows 10 และซอฟต์แวร์ Creator Center ช่วยปรับแต่งการทำงานที่ใช้งานได้ทันทีตั้งแต่เปิดเครื่องครั้งแรก นอกจากนี้ยังมี Fingerprint สำหรับใช้งานร่วมกับฟังก์ชัน Windows Hello ของ Windows 10 เพื่อล็อกอินโดยใช้การสแกนนิ้ว ส่วนการรับประกัน 2 ปี ตามมาตรฐานของ MSI (ปีแรกประกันทั่วโลก)
พิเศษสำหรับรุ่นสี Rose Pink Limited Edition รับไปทันที Pink Gift Set – Limited Edition ที่ข้างในนั้นบรรจุไปด้วยซองหนังสีชมพูลายเรียบหรู ดูดี, พวงกุญแจ Dragon Lucky สีชมพู, และ Prestige Wireless Mouse Limited Edition มูลค่านั้นรวมทั้งสิ้น 3,000 บาท ทั้งหมดนี้ในราคาเพียง 38,900 บาทเท่านั้น ส่วนรุ่น Core i7-10510U + MX250 (Pure White) จะมีราคา 35,900 บาท และรุ่นท็อปสุด Core i7-10710U + GTX 1650 Max-Q (Grey) มีราคา 43,900 บาท
- Core i7-10510U / MX250 / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 14″ IPS Full HD ราคา 35,900 บาท
- Core i7-10510U / MX330 / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 14″ IPS Full HD / ของพรีเมียมสุดพิเศษ ราคา 38,900 บาท
- Core i7-10710U / GTX 1650 Max-Q / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 14″ IPS Full HD ราคา 43,900 บาท
Lenovo Yoga Slim 7 14 ราคา 31,990 – 39,990 บาท
ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ Lenovo Yoga Slim 7 14 นั้นจะดูเล็กกว่าโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ แบบสมัยก่อนอยู่พอสมควร เนื่องด้วยขอบจอที่บางกว่าปกติ ทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา แต่ทั้งนี้ถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะเล็กพอๆ กับโน๊ตบุ๊คจอ 13.3″ ส่งผลให้ Lenovo Yoga Slim 7 14 เป็นอีกหนึ่ง Ultrabook ปี 2020 ที่ดูเล็กกระทัดที่สุด โดยมีน้ำหนักอยู่ที่ 1.4 ด้วยดีไซน์ออกมาได้ขอบหน้าจอบาง ส่วนของตัวเครื่องทั้งหมดจะใช้เป็นอะลูมิเนียมเป็นส่วนประกอบ ทำให้ได้ข้อดีมาก็คือทั้งความแข็งแรงและน้ำหนักที่เบา ส่งผลให้ภาพลักษณ์โดยรวมของตัวเครื่องดูหรูหราให้อารมณ์พรีเมียมสุดๆ
ตัวเครื่องมีการออกแบบโดยรวมให้ดูทันสมัยและเรียบง่าย โลโก้ Lenovo จะมีอยู่ 2 จุดเท่านั้น คือ มุมบนฝาหลังด้านซ้าย และมุมใต้หน้าจอด้านซ้ายเท่านั้น ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน แต่ว่าไม่ได้มนมากจนเกินไป ตามมาด้วยการใส่รายละเอียดในการทำให้ตัวเครื่องมีลักษณะงานประกอบทั้งหมดแทบจะเป็นชิ้นเดียวกัน แบบ Unibody ส่งให้เวลาที่เราจับถือหรือใช้งานจะรู้สึกว่าแน่นหนา ซึ่งจากการใช้งานจริงพื้นผิวบางนี้เป็บรอยนิ้วมือค่อนข้างยาก ฉะนั้นหายห่วงเรื่องความสะอาดได้เลย หรือถ้าจะเช็ดก็ง่ายดาย โดดเด่นด้วยสีสันใหม่ไม่ซ้ำใครอย่าง Slate Grey
สเปกของ Lenovo Yoga Slim 7 14 ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-1065G7 หรือ Core i5-1035G1 สถาปัตยกรรม Ice Lake ที่เทคโนโลยีการผลิตที่ 10 นาโนเมตร มีค่า TDP ที่ 25Watt ส่วนการ์ดจอติดตั้งเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง NVIDIA GeForce MX350(2GB GDDR5) ด้านแรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 16GB LPDDR4X Bus 3200MHz และที่เก็บข้มูลแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB – 1TB ที่ทั้งมีพื้นที่เยอะและลื่นไหล เพียงพอกับการใช้งาน มาพร้อม Windows 10 และซอฟต์แวร์จากทาง Lenovo Vantage ที่ช่วยในการจัดการปรับแต่ง
อีกส่วนที่น่าสนใจก็คือหน้าจอ โดย Lenovo YOGA C940 ใช้หน้าจอขนาด 14″ ความละเอียดระดับ Full HD อัตราส่วน 16:9 ขอบจอบางเฉียบ พาเนลจอแบบ IPS เกรดสูง ที่ให้มุมมองกว้างถึง 178 องศา พอร์ตเชื่อมต่อมี Thunderbolt 3 เป็นมาตรฐาน พร้อม Wi-Fi 6 AX (2 x 2) นอกจากนี้ยังมี 3D IR Camera สำหรับใช้งานร่วมกับฟังก์ชัน Windows Hello ของ Windows 10 เพื่อล็อกอินโดยใช้การสแกนใบหน้า สำหรับประกันเป็น 2 ปี ตามมาตรฐาน Lenovo ที่ทุกคนมั่นใจ ปิดท้ายเรื่องความคุ้มค่าพร้อมใช้งานทันทีด้วยโปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,299 บาท) ด้วย
- Core i5-1035G1 / MX350 / RAM16GB / SSD 512GB / จอ 14″ IPS Full HD / Microsoft Office ราคา 31,990 บาท
- Core i7-1065G7 / MX350 / RAM 16GB / SSD 1TB / จอ 14″ IPS Full HD / Microsoft Office ราคา 39,990 บาท
Dell Inspiron 14 7490 ราคา 30,500 – 36,500 บาท
Dell Inspiron 14 7490 เป็นโน๊ตบุ๊คเน้นความบางเบาและพรีเมียม ได้สเปกชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 ใหม่ล่าสุด และการ์ดจอแยก GeForce MX250 เป็นโน๊ตบุ๊คปี 2020 หน้าจอ 14 นิ้วขอบจอบางเฉียบ ที่ดูหรูหรา มาพร้อมกับขนาดตัวเครื่องที่บางเบาเล็กกระทัดรัด ขอบจอก็บางเฉียบ น้ำหนัก 1.21 กิโลกรัม แรมขนาด 8GB / 16GB DDR3L 2133 MHz พร้อม SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB สำหรับความละเอียดหน้าจอก็เป็นพาเนล IPS ระดับสูง ความละเอียด Full HD ให้ภาพคมชัดสวยงามสมจริง พร้อมใช้งานด้วย Windows 10 และมีซอฟต์แวร์ต่างๆ มากมาย โดดเด่นด้วยฟีเจอร์พอร์ตพอร์ต Thunderbolt 3 / USB PD ที่เหนือชั้นกว่า
สำหรับคอมพิวเตอร์แบรนด์ Dell ได้รับความน่าเชื่อถือมาอย่างยาวนานและเป็นที่นิยมในการใช้งานกับองค์กรและภาคธุรกิจอย่างมากมาย ทั้งมาตรฐานการบริการ Dell Premium Support และ On-site Service “บริการซ่อมตรงถึงที่ ทุกที่ ในอีก 1 วันทำการ” ถึง 3 ปีด้วยกัน มาพร้อมดีไซน์ที่เรียบๆ แต่แฝงความหรูหรา สนนราคา Dell Inspiron 14 7490 ล่าสุดอยู่ที่ 30,500 – 36,500 บาท สเปก Core i5-10210U / Core i7-10510U โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน เป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 10 (Comet Lake) รุ่นล่าสุด ที่เป็นเทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร
ส่วนสเปกอื่นๆ เหมือนกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโดยมาพร้อมขนาดหน้าจอ 14 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลคุณภาพดีอย่าง IPS ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริง ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 AX และ Bluetooth 5.0 ด้วย นอกจากนี้ในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call พร้อมปุ่ม Power มุมขวาบนของคีย์บอร์ดสีดำที่เป็น Fingerprint ในตัว
แนวคิดโดยรวม Dell Inspiron 14 7490 ถอดแบบมาจาก Dell Inspiron 7000 Series เป็นอย่างดี ทำให้ดูทันสมัยและเรียบง่าย ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน รับกับมือเวลาจับถือพกพา ตามมาด้วยการใส่รายละเอียดในการทำให้ตัวเครื่องมีลักษณะลาดเอียงเล็กน้อย พร้อมด้วยสีที่ดูสะอาดตา โดยมีให้เลือกทั้งสีสัน Ice Berry เหมาะสมกับสาวๆ ที่ดูน่ารักๆ หรือ Platinum Silver ที่ดูแล้วหรูหรา สง่างาม เหมาะกับหนุ่มๆ ที่ต้องการโน๊ตบุ๊คที่เน้นภาพลักษณ์ไว้ใช้งาน
อีกทั้งยังแตกต่างจากโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ จากฟีเจอร์ เมื่อเปิดฝาเครื่องทุกครั้งแม้ว่าเราจะ Shut Downไปแล้วก็ตาม ตัวเครื่องจะเปิดเข้าสู่ Windows ทันที ในส่วนนี้ทำให้เรมีความสะดวกสบายในการใช้งานมากยิ่งขึ้น เพราะทุกไม่จำเป็นต้องกดปุ่ม Power เพื่อเปิดเครื่องแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามก็เราก็ต้องมาสแกนลายนิ้วมือทุกครั้งเพื่อ Log in เข้าสู่ Windows อีกทีแทน