ASUS ROG Strix G15 GL542 เป็น Gaming Notebook ที่มีสเปกอัพเดทเป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10H เน้นความคุ้มค่าและฟีเจอร์ที่มากกว่า อีกทั้งมีให้เลือกหลากหลายรุ่น โดดเด่นด้วยไฟคีย์บอร์ด RGB พร้อม Surrounded Light Bar รอบตัวเครื่อง ที่เราสามารถปรับแต่ได้ นอกจากนี้ยังมาพร้อมความสดใหม่ด้วยระบบระบายความร้อนอัจฉริยะ ROG Intelligent Cooling ที่ทำงานร่วมกับสารโลหะเหลว (liquid metal) จากทาง Thermal Grizzly เพื่อเป็นตัวช่วยในการระบายความร้อนให้กับชิปประมวลผล แทนการใช้ซิลิโคนนำความร้อนแบบปกติ
รุ่นที่แอดมินโป้งได้รับมารีวิวก็คือ ASUS ROG Strix G15 GL542 โน๊ตบุ๊คเล่นเกมสเปกตัวกลางๆ ได้ชิปประมวลผลตัวแรง Intel Core i7-10750H ที่ทำงานแบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด พร้อมด้วยการ์ดจอประสิทธิภาพสูงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 Ti (4GB GDDR6) ได้แรมขนาด 8GB DDR4 และ SSD M.2 NVMe 512GB อีกทั้งได้หน้าจอเป็น 15.6″ Full HD พาเนล IPS ที่ 144Hz ที่ต้องบอกว่าเป็นหน้าจอที่ดีสำหรับเล่นเกม กับราคาเพียง 36,900 บาท ได้ประกัน 2 ปี ที่สามารถเคลมผ่าน 7-11 ได้ โดยปีแรกมีประกันอุบัติเหตุด้วย
VDO Unbox
VDO Review
NBS Verdict
สรุปแล้ว ASUS ROG Strix G15 GL542 ถือว่าเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ที่เน้นความเป็น Gaming จริงจังที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่งก็ว่าได้ในช่วงราคานี้ เพราะมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงทั้งด้วยชิปประมวลผลและการ์ดจอที่แรงเพียงพอกับทุกเกมในตลาด พร้อมจอพาเนล IPS 144Hz ซึ่งเป็นหน้าจอมาตรฐานที่ดีของ Gaming Notebook ในตลาด ที่สำคัญฟีเจอร์อื่นๆ ยัดมาให้อย่างแน่นอน ไม่แค่นั้นเรื่องระบบระบายความร้อนก็ทำได้ดี ทั้งจากรูปลักษณ์และใช้งานจริง เน้นความคุ้มค่าต้องการประสบการณ์ใช้งานที่ดีกว่า Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ที่สเปกใกล้เคียงกัน โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 32,900 บาท จนไปถึง 54,900 บาท สำหรับรุ่นหน้าจอ 17.3″
ในส่วนของรุ่นก็มีให้เลือกหลากหลายตั้งแต่ Intel Core i5-10300H / Core i7-10750H ซึ่งเป็นชิปประมวลผล Core i Gen 10H รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ให้ประสิทธิภาพที่แรงกว่ารุ่นก่อนๆ รองรับการทำงานพื้นฐานได้ดีเยี่ยม หรือจะเอาไปทำงานหนักๆ รวมไปถึงเล่นเกม 3 มิติก็สบายมากๆ ในส่วนของการ์ดจอก็มีให้เลือกตั้งแต่ NVIDIA GeForce GTX 1650 Ti ที่เป็นรุ่นใหม่ เล่นเกมได้ลื่นไหลเป็นมาตรฐาน หรือถ้าใครอยากได้แรงกว่านั้น ก็ดูเป็น GTX 1660 Ti หรือ RTX 2060 รวมไปถึง RTX 2070 ก็สามารถเลือกซื้อได้เช่นกัน ติดตั้งแรมมาให้ขนาด 8GB – 16GB DDR4 Bus 2933 MHz พร้อม SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ทันทีทุกๆ รุ่นเลย
จุดเด่น
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจเกมเมอร์พันธุ์ ROG งานประกอบแน่นวัสดุดี
- ประสิทธิภาพสูงด้วยชิปประมวลผล Core i7-10750H และการ์ดจอ GTX 1650 Ti
- ติดตั้ง SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB รองรับการติดตั้งฮาร์ดดิสก์ SATA III 2.5″ เพิ่มได้
- ได้หน้าจอพาเนล IPS สีสันดี มุมมองกว้าง พร้อมรองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz ให้ความลื่นไหล
- คีย์บอร์ดมีไฟหลากสี พร้อม Surrounded Light Bar ด้วย AURA RGB
- มีซอฟต์แวร์มากมาย ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง
- มาพร้อม Windows 10 ใช้งานได้ทันที
- มีพอร์ตการเชื่อมต่อครบครัน เพียงพอต่อการใช้งาน
- ลำโพงคุณภาพเสียงดีด้วยเทคโนโลยี Smart Amp
- ระบบระบายความร้อนดีขึ้นด้วยโลหะเหลว (Liquid Metal) เทียบกับสเปกนี้
- ประกัน 2 ปี ส่งศูนย์ พร้อมฝากส่งเคลม 7-11 ปีแรกมีประกับอุบัติเหตุ
ข้อสังเกต
- ไม่มีกล้องเว็บแคมมาให้ในตัว
- แบตเตอรี่ใช้งานได้น้อยไปหน่อย
- ดีไซน์โดยรวมยังคงเหมือนเดิมเกือบ 100%
- คุภาพขอบเขตสีหน้าจออยู่ในระดับกลางๆ
- SSD ที่ติดตั้งมา ประสิทธิภาพความเร็วน้อยไปนิด
- ควรอัพเกรดเป็นแรม 16GB จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้อีก
Specification
ASUS ROG Strix G15 GL542 จะมีจำหน่ายอยู่หลากหลายสเปก รุ่นที่ได้มาเป็นสเปกคุ้มค่าได้การ์ดจอ GTX 1650 Ti คือ ได้ชิปประมวลผลตัวแรงเป็น Intel Core i7-10750H (2.60 GHz, 12 MB L3 Cache, up to 5.00 GHz) ทำงานแบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด ประสิทธิภาพไว้ใจได้ พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 Ti (4GB GDDR6) พร้อมฮาร์ดดิสก์แบบ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ไว้ด้วย ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 8GB แบบ DDR4 Bus 2933 MHz หนึ่งแถว (อัพได้สูงสุด 32GB) ระบบปฎิบัติการเป็น Windows 10 แท้ พร้อมใช้งานตั้งแต่เปิดเครื่องครั้งแรก
หน้าจอที่นำมาติดตั้งเป็นหน้าจอที่ดีที่สุดในตลาดตอนนี้ กับความละเอียด Full HD พาเนล IPS รองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz แบบผิวด้าน ให้สีสันการแสดงผลในเกณฑ์ดีน่าประทับใจอย่างที่สุดทั้งเล่นเกมหรือทำงาน ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง USB 3.1 Type-C, HDMI, 3 x USB 3.0, Kensington lock slot , SD Card Reader, RJ-45, Headset พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 6 AX (2×2)
สนนราคา ASUS ROG Strix G15 GL542 รุ่นที่ได้รับมารีวิวอยู่ที่ 36,900 บาท ส่วนการรับประกันแน่นอนว่าเป็น เวลา 2 ปี พร้อมประกันอุบัติเหตุอีก 1 ปี จากทาง ASUS Thailand ที่เราสามารถส่งได้ตามศูนย์บริการ หรือใครจะสะดวกฝากส่งเคลมตามร้าน 7-11 ทั่วประเทศก็สามารถทำได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีสเปกอื่นๆ ที่สำคัญมีรุ่นที่เป็นหน้าจอ 17.3″ โดยจะใช้ชื่อรุ่นเป็น ASUS ROG Strix G17 GL742 ทั้งหมดแบ่งได้เป็นรุ่นต่างๆ ดังนี้
ASUS ROG Strix G15 GL542 แบ่งเป็นรุ่นต่างๆ ดังนี้
- i5-10300H / GTX 1650 Ti / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 144Hz ราคา 32,900 บาท
- i7-10750H / GTX 1650 Ti / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 144Hz ราคา 36,900 บาท
- i7-10750H / GTX 1660 Ti / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 144Hz ราคา 42,900 บาท
- i7-10750H / RTX 2060 / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 144Hz ราคา 46,900 บาท
ASUS ROG Strix G17 GL742 แบ่งเป็นรุ่นต่างๆ ดังนี้
- i7-10750H / RTX 2060 / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 144Hz ราคา 49,900 บาท
- i7-10750H / RTX 2070 / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 144Hz ราคา 54,900 บาท
Hardware / Design
ดีไซน์โดยรวมของ ASUS ROG Strix G15 GL542 เป็น Gaming Notebook ขอบจอบางตัวเครื่องมิติเล็กกระชับทั้ง 3 ด้าน คือ บน ซ้ายและขวา พร้อมตัดกล้องเว็บแคมออกไป มีน้ำหนักอยู่ที่ 2.3 กิโลกรัม มีความบางสุดที่ 21~25.8 มิลลิเมตร เรียกได้ว่าโดยรวมมาพร้อมกับดีไซน์การออกแบบ ได้รับ DNA เต็มๆ มาจาก ASUS ROG Strix G15 G531 แบบ 2 แกนยกตัวขึ้นมา ซึ่งมีความพิเศษสุดๆ คือได้ทาง BMW Designworks Group มาร่วมออกแบบด้วย เห็นได้ชัดจากชุดระบายความร้อนด้านหลังที่เป็นครีบคล้ายกับเสื้อสูมมอเตอร์ไซต์จาก BMW เรียกได้ว่ายกระดับขึ้นไปอีกขั้น
ส่งผลให้ ASUS ROG Strix G15 GL542 มีความพิเศษที่ 3D Thermal Design ได้เรื่องความล้ำสมัยและคำนึงถึงอรรถประโยชน์ในการใช้งานเป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับดีไซน์ช่องระบายความร้อนแบบ 3D Flow Zone เพิ่มการไหลเวียนของอากาศ นำความร้อนออกจากภายในตัวเครื่องได้รวดเร็วที่สุด ให้ผิวสัมผัสบนตัวเครื่องในส่วนที่ต้องใช้งานมีอุณหภูมิไม่สูงกว่า 40C (ทดสอบที่อุณหภูมิห้อง 25C) วัสดุโดยรวมทั้งหมดเป็นพลาสติกให้สัมผัสที่ดีพรีเมียม จับติดมือ ไม่ลื่น และรู้สึกดีกว่าพลาสติกแบบธรรมดาทั่วไป พร้อมทำลวดลายโฉบเฉียบตามสไตล์ของ ROG ซึ่งคล้ายกับรุ่นปีก่อน แต่มีการปรับรายละเอียดเล็กน้อย
ที่ให้ความเป็น Gaming Notebook ที่จัดเต็มด้วยไฟ RGB มากกว่า อย่างฟีเจอร์ Surrounded Light Bar รอบตัวเครื่องพร้อมเกมมิ่งคีย์บอร์ดแบบ RGB ให้สามารถปรับแต่งแสงไฟได้ตามสไตล์ของผู้ใช้อย่างอิสระมากถึง 16.7 ล้านสี ผ่านฟีเจอร์ Aura Sync รวมไปถึงอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ ที่รองรับ Gaming Gear ของ ASUS เอง ให้รูปแบบคีย์บอร์ดที่แตกต่างจาก Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ ทั่วไป จากการที่ตัด Numpad ด้านขวาออกไป พร้อมขยายปุ่มคีย์บอร์ดให้มีความกว้างขึ้น
ส่วนหน้าจอของ ASUS ROG Strix G15 GL542 จะเป็นแบบบานพับสองแกนดูแล้วแข็งทนทานกางหน้าจอได้ประมาณ 145 องศา พร้อมเว้นขอบเอาไว้โชว์ไฟแสดงไฟ LED การทำงานต่างๆ ส่วนด้านท้ายและขอบเครื่องทางขวาจะเห็นถึงช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่ 2 ช่อง 2 สองพัดลมขนาดใหญ่ ความเร็วสูงแบบ 12V (เพิ่มอัตราการไหลเวียนอากาศได้ดีขึ้น เมื่อเทียบกับพัดลมแบบ 5V ปกติ) พร้อมปรับรอบพัดลมได้ 3 แบบ ทั้งแบบเงียบ ปกติ และ Turbo
อีกทั้งด้วยระบบระบายความร้อนอัจฉริยะ ROG Intelligent Cooling ที่ทำงานร่วมกับดีไซน์ช่องระบายความร้อนแบบ 3D Flow Zone ด้วยพัดลมคู่ความเร็วรอบสูงแบบ 12V 83 ใบพัด แยกฝั่ง ซ้าย-ขวา และท่อฮีทไปป์จำนวน 2 ท่อขนาดใหญ่ โดยมี Copper Plate ที่ครอบทับบริเวณชิ้นส่วนที่จะเกิดความร้อน อีกทั้งยังได้พัฒนาระบบระบายความร้อนให้เหนือชั้นขึ้นไปอีกขั้นด้วยการเลือกใช้โลหะเหลว (Liquid Metal) จากทาง Thermal Grizzly เพื่อเป็นตัวช่วยในการระบายความร้อนให้กับชิปประมวลผล แทนการใช้ซิลิโคนนำความร้อนแบบปกติ รวมไปถึงระบบกำจัดฝุ่น Anti-Dust Cooling ช่วยให้ความร้อนต่ำและใช้งานตัวเครื่องได้ด้วยความเสถียรอย่างต่อเนื่อง
ส่วนด้านฐานของตัวเครื่อง ASUS ROG Strix G15 GL542 เป็นวัสดุพลาสติกมีลวดลาย ROG พร้อมอากาศเย็นผ่าน โดยมีช่องดูดลมเย็นเป็นแนวยาวใต้เครื่อง อีกทั้งยังมีช่องด้านบนเหนือคีย์บอร์ดมีช่องดูดลมอีกช่องช่วยนำพาอากาศเย็นเข้าไปอีก ส่วนถ้าจะอัพเกรดก็ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ขันน็อตไม่กี่ตัวจากนั้นค่อยๆ ดึงขึ้น (รองรับการอัพเกรดแรมได้ 1 แถว, SSD M.2 และฮาร์ดดิสก์) รวมๆ แล้วต้องยอมรับว่าทาง ASUS นั้นใส่ใจในการออกแบบมาจริงๆ นอกจากที่อัพเกรดได้ไม่ยากแล้ว ยังทำความสะอาดได้สะดวกสบายอีกด้วย
สรุปโดยรวมการออกแบบดีไซน์ภายนอกและวัสดุนั้นของ ASUS ROG Strix G15 GL542 ทำได้ดีตามมาตรฐานของ ASUS ROG ที่ทุกคนไว้ใจและมั่นใจจริงๆ เแม้ว่าดีไซน์จะใกล้เคียงกับรุ่นก่อนหน้า แต่ก็ตอบโจทย์ของคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพสูงในดีไซน์เรียบๆ แอบแฝงความแรงและเรียบหรูเอาไว้ กับมาตรฐานใหม่ของ Gaming Notebook ช่วงครึ่งหลังปี 2020 ที่ไม่ใช่แค่แรง แต่ขอบจอต้องบางเฉียบด้วย ซึ่งต้องยอมที่จะตัดกล้องเว็บแคมออกไปเลย ถ้าจะใช้ต้องหามาเอง อย่างไรก็ตามสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ทั้งหมด ทั้งจากฟีเจอร์ ดีไซน์และสเปกแรงๆ ต่อยอดความสำเร็จจากรุ่นเดิมได้อย่างสมบูรณ์แบบ จากการที่ได้ดีไซน์ สเปก ฟีเจอร์ และราคาที่เหมาะสมที่สุด
Keyboard / Touchpad
ASUS ROG Strix G15 GL542 เป็นคีย์บอร์ดมีไฟหลากสีด้วยเทคโนโลยี AuraRGB ของทาง ROG ที่สามารถปรับแต่งสีไฟเองได้ด้วยซอฟต์แวร์ภายในได้ในแต่ละปุ่ม ให้ความสะดวกด้วยระยะของปุ่มที่เลื่อนลงไปเพียง 1.8 มิลลิเมตร แต่ละปุ่มมีมุมโค้งขนาด 0.25 มิลลิเมตร เข้ากับนิ้วมือเวลากดลงไปพร้อมจังหวะเด้งสุดๆ พร้อมเทคโนโลยี OverStroke เพื่อการกดรัวที่ดียิ่งขึ้นด้วยปุ่ม N-key Rollover & Anti-Ghosting และอายุคีย์บอร์ดที่สามารถกดได้ 20 ล้านครั้ง รวมถึงสามารถมีฟังก์ชั่นเพิ่มลดเสียง เปิดปิดไมค์ และ ปุ่ม Armory Crate ซอฟต์แวร์ Utility ซึ่งตัวปุ่มต่างๆ ออกแบบมาสำหรับเกมเมอร์
ที่สำคัญมีในส่วนของปุ่มลัดบนคีย์บอร์ดอย่าง F5 ทำให้ผู้ใช้สามารถสลับเปลี่ยนโหมดการใช้งานระหว่าง Turbo mode สำหรับประสิทธิภาพในการเล่นเกมระดับสูงสุด, Silent mode สำหรับเสียงรบกวนที่น้อยที่สุด, และ Balanced mode เพื่อความสมดุลในการใช้งาน ทัชแพดเองขนาดใหญ่แบบปุ่มแยกออกจากกัน ซึ่งการใช้งานสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นสะดวกสบาย ปุ่มนุ่มกดง่าย การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจมาก
Screen / Speaker
หน้าจอแสดงผลของ ASUS ROG Strix G15 GL542 มีขนาด 15.6” ความละเอียด Full HD พาเนล IPS คุณภาพสูงแบบด้าน Anti-glare สำหรับการเล่นเกมที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ด้วย refresh rate สูงสุด 144Hz ให้ทุกการเล่นเกมคมชัด สมจริง ลื่นไหลและยังแสดงสีได้อย่างแม่นยำสำหรับการทำงานเฉพาะทางอีกด้วย แน่นอนว่ามีดีไซน์หน้าจอขอบจอบางเฉียบทั้งขอบด้านข้างและด้านบน (พร้อมเลือกตัดกล้องเว็บแคมออกไปเลย) ถือว่าเป็นมาตรฐานหน้าจอของ Gaming Notebook ปี 2020 ในระดับเริ่มต้นที่ควรจะเป็น
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ ASUS ROG Strix G15 GL542 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS คุณภาพกลางๆ จึงได้ทำการทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 61% และ AdobeRGB ที่ 46% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับที่ดีแบบมาตรฐานที่ควรจะเป็นของโน๊ตบุ๊คราคาช่วงนี้ ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คทั่วไป คือ พอสู้แสงกลางแจ้งได้ รวมไปถึงการทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็ทำได้ดีเช่นกัน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางจอเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับช่อขวาแถวกลางจะมีแสงสว่างที่ลดลงระดับ 13% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 3.5 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ตัวเครื่องมีช่องลำโพงคู่อยู่ขอบตัวเครื่องข้างๆ ซ้ายขวา คุณภาพสูง พร้อม Smart Amp เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ระบบเสียงชั้นยอดอีกด้วย ให้เสียงคมชัด เพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมให้ถึงใจยิ่งขึ้น ให้ขอบเขตเสียงที่กว้าง จากการที่เสียงกลางแหลมออกชัดเจนดี ส่วนทุ้มมีออกมาหน่อยๆ แม้จะไม่มีลำโพงซัฟวูฟเฟอร์ก็ตาม เรื่องของความดังของเสียงถือว่ามากกว่า 2 เท่า ส่วนในเรื่องคุณภาพเสียงนั้นถือว่าดีมากๆ ทั้งเรื่องคุณภาพและความดัง ซึ่งหากว่าเพื่อนๆ เป็นผู้ใช้งานทั่วไป คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปแบบรู้สึกได้
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง ASUS ROG Strix G15 GL542 นี้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีพอร์ทมาให้ครบครับใช้ได้เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-A จำนวน 3 พอร์ต, และ USB 3.2 Type-C อีกจำนวน 1 พอร์ตมาให้ด้วย พร้อมช่องต่อหูฟังกับไมค์แบบ Combo ขนาด 3.5 มิลลิเมตร 1 ช่อง, SD Card Reader ขนาดมาตรฐาน, พอร์ท LAN ตัวเต็ม และ HDMI ไว้เชื่อมต่อหน้าจอภายนอก ในส่วนของการเชื่อมต่อไร้สายจะใช้ Bluetooth 5.0 และ Intel Wi-Fi 6 AX ได้เทคโนโลยี RangeBoost แบบ 2 x 2 ให้ระยะการรับสัญญานที่ไกลขึ้นถึง 30% พร้อมอัตราการรับ-ส่งข้อมูลที่เร็วและเสถียรยิ่งขึ้น
ส่วนการพกพาเองก็ถือว่า ASUS ROG Strix G15 GL542 มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 2.3 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊ค 15.6″ ตัวอื่นๆ มิติตัวเครื่องโดยรวมมีขนาด 360 x 275 x 21~25.8 มิลลิเมตร อยู่ในเกณฑ์ที่ดีเยี่ยมในเรื่องการพกพาไปไหนมาไหน แม้ว่าถ้ารวมอแดปเตอร์ 180 Watt แล้วจะมีน้ำหนักประมาณ 2.7 กิโลกรัม ก็พอที่จะใส่กระเป๋าและเอาไปใช้งานนอกสถานที่ได้ไม่ยากเย็นอะไร ถือได้ว่าสะดวกสำหรับการเคลื่อนย้ายอยู่
Inside / Upgrade
ถ้าใครต้องการจะแกะทั้งฝาล่างทั้งหมดเพื่ออัพเกรดหรือทำความสะอาดก็สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ไขน็อตทั้งหมดประมาณ 10 ตัว พิเศษตรงที่จะมีน็อตตรงมุมตัวช่วยดันฝาออกมาเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ค่อยๆ แงะแกะทีละส่วนขึ้นอย่างช้าๆ เพียงเท่านี้ก็จะแกะฝาล่างได้ไม่ยากเย็น ส่วนประกอบภายในอื่นๆ ที่มีงานประกอบเรียบร้อยดี อย่างไรก็ตามสำหรับ ASUS ROG Strix G15 GL542 มีข้อควรระวังก็คือ Surrounded Light Bar รอบตัวเครื่อง ซึ่งจะมีสายแพรเชื่อมต่อไว้อยู่ ไม่แนะนำให้ถอดโดดเด็ดขาด ฉะนั้นเมื่อแกะฝาแล้วให้ถอดวางไว้ใกล้ๆ กัน และระมัดระวังมากๆ ขณะที่อัพเกรดหรือทำความสะอาด พร้อมฟินสีแดงดูดุดันและช่องไล่ฝุ่นด้านหลัง
เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะสามารถอัพเกรดแรม DDR4 Bus 2933 MHz ได้อีก 1 แถวทันที (ติดตั้งมาแล้ว 8GB แถว) รองรับการอัพเกรดได้สูงสุด 32GB (Dual Channel) และ SSD ขนาด 512GB แบบ M.2 NVMe PCIe (รองรับการอัพเกรด SSD/HDD แบบ 2.5” SATA เพิ่มอีก) ให้การใช้งานเป็นไปอย่างลื่นไหลไร้คอขวด ที่ต้องบอกว่าสำหรับการใช้งานทั่วไปและใข้งานเล่นเกมบ้างอาจจะพอเพียงแล้ว แต่ถ้าใช้งานหนักๆ จนไปถึงเล่นเกมหนักๆ แนะนำให้อัพเกรดเป็นแรม 16GB ขึ้นไปจะดีมากๆ
ระบบระบายความร้อนใช้ในการพัดลมเข้าออกนั้นจะอยู่ที่บริเวณด้านหลังของตัวเครื่อง 2 ช่อง โดยการเชื่อมต่อระหว่างส่วนของพัดลมนี้กับชิป CPU / GPU จะทำผ่าน Heat Pipe จำนวน 2 เส้นขนาดใหญ่ (จากรุ่นก่อนที่มี 5 ท่อ) ที่สำคัญคือใช้ซิลิโคนแบบพิเศษแตกต่างจาก Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ด้วยสารประกอบโลหะเหลว Liquid Metal ระดับพรีเมี่ยมจากทาง Thermal Grizzly เพื่อเป็นตัวช่วยในการระบายความร้อนให้กับชิปประมวลผล แทนการใช้ซิลิโคนนำความร้อนแบบปกติ ซึ่งการทดสอบเบื้องต้นบอกได้เลยว่าน่าประทับใจมากๆ แม้สเปกจะแรงมาก แต่ความร้อนนั้นถือว่าเย็นทีเดียว
Performance / Software
.
สำหรับ ASUS ROG Strix G15 GL542 มาพร้อมกับชิปประมวลผลรุ่นยอดนิยมของ Gaming Notebook อย่าง Intel Core i Gen 10H อย่าง Intel Core i7-10750H เน้นนำไปใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม 3 มิติ ที่กินทรัพยากรสูง โดยมีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.60 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 5.00 GHz เป็นซีพียูแบบ 6 Core 12 Threads มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR4 Buss 2933MHz แบบ 8GB x 1 แถว ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
.
การ์ดจอเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น โดยมีการ์ดจอแยกรุ่นใหม่ล่าสุดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX GTX 1650 Ti ที่ต้องบอกว่าแรงกว่า GeForce GTX 1650 รุ่นก่อนหน้า จากที่สเปกภายในได้รับการอัพเกรดขึ้น เห็นได้ชัดจากแรมการ์ดจอจะเป็น 4GB GDDR6 แทนที่รุ่นก่อนที่เป็น 4GB GDDR5 เน้นใช้งานกับ Gaming Notebook บางเบา ร้อนน้อยกว่าแต่ก็แรงไม่แพ้กัน เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูง เป็นที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าพอตัว รวมไปถึงตัวการ์ดจอแยกเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น (แต่ออนชิปคือตัวเดิมนะ) เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก สมกับเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10750H จริงๆ
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ที่กลายเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook ไปแล้ว โดยทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe PCIe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 1866 MB/s และเขียนที่ 961 MB/s ที่เร็วกว่ารุ่นก่อนๆ แต่ก็ถือว่าดีกว่ามาตรฐาน SATA 3 แบบเดิมๆ แล้ว
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4531 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็น Gaming Notebook สเปกใหม่ล่าสุดจากชิปประมวลผล Intel Core i7-10750H มีการ์ดจอแยกระดับ Gaming อย่าง GTX 1650 Ti ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คปีก่อนๆ มากพอตัว
สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 – 100 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ประกอบไปด้วย Resident Evil 3 Remake / Battlefield V / FarCry 5 / GTA V ที่เป็นเกมออฟไลน์ที่กินทรัพยกร รวมไปถึงเกมออนไลน์ยอดนิยมอย่าง PUBG / DOTA 2 / Overwatch ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง RE 3 / BF V / GTA V / FarCry 5 ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด !!! จากกราฟตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าเฟรมเรทที่ออกมานั้นมีความลื่นไหลสุดๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ซึ่งถ้าอยากให้เฟรมเรทลื่นไหลกว่านี้ก็สามารถเลือกปรับกราฟิกระดับกลางๆ ก็ได้ โดยในส่วนของ RE 3 ซึ่งเป็นเกมออกใหม่ล่าสุด เราปรับกราฟิกในเกมเป็น MAX ที่ใช้แรมการ์ดจอไปกว่า 12GB ซึ่งเกินกว่าตัวการ์ดจอที่ 4GB แต่ก็ยังทำเฟรมเรทได้ลื่นไหลน่าประทับใจอยู่
ต่อกันที่เกมออนไลน์อย่าง PUBG / Overwatch / DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็ไม่มีอาการช้าหรือหน่วงเลย ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ อยู่ ทั้ง 7 เกมที่เราได้ทำการทดสอบไป ยิ่งถ้าเทียบกับ Gaming Notebook สเปกก่อนหน้าทั้งส่วนของ AMD Ryzen หรือ Intel Core i จะเห็นว่าแรงกว่าเดิมพอตัว
ซอฟต์แวร์ Armoury Crate ซึ่งรวบรวมเอาฮาร์ดแวร์ต่างๆของ ROG มาไว้บนยูทิลิตี้เดียว ทำให้สามารถเข้าถึงฟังค์ชั่นต่างๆได้อย่างง่ายดาย การตั้งค่าต่างๆของระบบรวมไปถึงการปรับแต่งไฟด้วย Aura Sync นั้นทำได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว หรือผู้ใช้สามารถบันทึกการตั้งค่าต่างๆตามความชอบเป็นรูปแบบได้หลากหลายโปรไฟล์ และการจัดการ ROG Keystone ก็จะอยู่ในส่วนของซอฟต์แวร์นี้ด้วย ซึ่งการตั้งค่าต่างๆ จะถูกเรียกใช้งานโดยอัตโนมัติเมื่อมีการเปิดเกมที่ได้เลือกไว้ Armoury Crate ยังมาพร้อมกับโปรแกรมเสริม Mobile Dashboard สำหรับ Android และ iOS รวมไปถึงความสามารถอื่นๆ
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน ASUS ROG Strix G15 GL542 เครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวเกือบๆ 3 ชั่วโมงเท่านั้น โดยประมาณ เรียกได้ว่าแบตเตอรี่ใช้งานได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น ถ้าเทียบกับ Gaming Notebook รุ่นต่างๆ ในปัจจุบัน เพราะปกติจะอยู่ที่ 3-4 ชั่วโมงขึ้นไปแล้ว อย่างไรก็ตามในมุมของคนใช้งานเล่นเกมเป็นประจำอาจจะไม่มีปัญหาส่วนนี้มากนัก เพราะเน้นเชื่อมต่อกับอแดปเตอร์ตลอดเวลาอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องอุณหภูมิในการใช้งานนั้น ASUS ROG Strix G15 GL542 เมื่อใช้งานแบบปกติชิปประมวลผลจะอยู่ที่ประมาณ 40 องศาเซลเซียส ส่วนกราฟิกการ์ดจะอยู่ที่ 45 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 28 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัดสุด ด้วยการเปิดโหมดพัดลม Turbo ผ่านทาง Armory Crate อย่างไรก็ตามในการตรวจวัดชิปประมวลผล Core i Gen 10H ต้องดูผ่านทาง After Burner เท่านั้น หรือ Armory Crate เองไปก่อน
ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของชิปประมวลผล Intel Core i7-10750H ที่ใช้สารประกอบโลหะเหลว Liquid Metal ระดับพรีเมี่ยมบนตัวเครื่องช่วยนำพาความร้อนได้เป็นอย่างดี โดยร้อนสุดๆ อยู่ที่ไม่เกิน 87 องศาเซลเซียส ส่วนการ์จอจะอยู่ที่ 71 องศาเซลเซียสเท่านั้น (อันนี้ดูผ่านทาง Hardware Monitor ได้) โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้เป็นอย่างดี แม้ประสิทธิภาพความแรงดีขึ้นขนาดนี้ สำหรับเสียงรบกวนในเวลาทำงานนั้นถือว่าดังประมาณนึง จากการที่เราสามารถเพิ่มรอบสูงสุดได้ด้วยซอฟต์แวร์จากปกติที่จะเป็นแบบ Balance หรือ Silent ก็สามารถทำได้
Conclusion / Award
จากประสบการณ์และใช้งานจริงๆ ของ ASUS ROG Strix G15 GL542 สเปก Core i7-10750H + GTX 1650 Ti ทั้งการเล่นเกมหลากหลายเกม รวมไปถึงทำงานและความบันเทิงดูหนังฟังเพลง บอกได้อย่างเต็มปากเลยว่า ASUS ทำออกมาได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง ASUS ROG Strix G15 G531 ทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบที่ล้ำหน้า เน้นฟีเจอร์และความพรีเมียม งานประกอบและวัสดุที่เยี่ยมยอด เรียกได้ว่าเหนือชั้นกว่า Gaming Notebook ช่วงราคาเดียวกัน สเปคประสิทธิภาพสูง ที่สำคัญคือได้หน้าจอพาเนล IPS ที่ Refresh Rate 144 Hz ซึ่งลื่นไหลว่า 60Hz เดิมๆ และมีระบบปฏิบัติการ Windows 10 มาให้พร้อมใช้งานด้วยทันที ในราคา 36,900 บาท
ที่น่าสนใจอื่นๆ ก็จะเป็นระบบระบายความร้อนอย่าง ROG Intelligent Cooling และ สารประกอบโลหะเหลว Liquid Metal ระดับพรีเมี่ยมจากทาง Thermal Grizzly ที่ใส่ทุกอย่างจัดเต็มกว่าทีเคยมีมา ที่แม้สเปกจะแรงขึ้นแต่ก็เย็นกว่าเดิม คีย์บอร์ดมีไฟหลากสีด้วยเทคโนโลยี AuraRGB ของทาง ROG และ Surrounded Light Bar ที่สามารถปรับแต่งเองได้ด้วยซอฟต์แวร์ภายใน ให้ความสะดวกด้วยระยะของปุ่มที่เลื่อนลงไปเพียง 1.8 มิลลิเมตร แต่ละปุ่มมีมุมโค้งขนาด 0.25 มิลลิเมตร เข้ากับนิ้วมือเวลากดลงไปสุดๆ การเชื่อมต่อก็ครบครันด้วย USB 3.2 Type-A / Gigabit Ethernet / Bluetooth 5.0 / Wi-Fi 6 AX ASUS RangeBoost
เรื่องของการออกแบบที่ ASUS ROG Strix G15 GL542 ทำได้ดีมาก แม้แทบไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนหน้านี้ ด้วยดีไซน์สไตล์ ROG ที่เป็น Gaming Notebook ที่ดูดุดันจริงจังเกินราคาร่าตัว ซึ่งได้ทาง BMW Designworks Group มาร่วมออกแบบด้วย เห็นได้ชัดจากชุดระบายความร้อนด้านหลังที่เป็นครีบคล้ายกับเสื้อสูมมอเตอร์ไซต์จาก BMW เรียกได้ว่ายกระดับขึ้นไปอีกขั้นกับช่องดูดลมเย็นจากทางด้านบน พร้อมทั้งได้ระบบเสียง Smart Amp คุณภาพดี รวมถึงมี USB 3.2 Type-C ติดตั้งมาพร้อมใช้งานตามาตรฐานโน๊ตบุ๊คปี 2020 แต่ก็ต้องยอมรับว่าแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานน้อยไปหน่อยที่ไม่เกิน 3 ชั่วโมงเท่านั้น
อย่างไรก็ตามใช่ว่า ASUS ROG Strix G15 GL542 จะไม่มีข้อสังเกตเสียทีเดียว ที่นอกจากเรื่องการใช้งานแบตเตอรี่แล้ว คงเป็นของคุณภาพหน้าจอที่แม้จะได้ 144Hz แต่กลับได้ขอบเขตสีระดับกลางๆ เท่านั้น รวมไปถึงกล้องเว็บแคมที่ต้องบอกว่า ASUS ใจเด็ด เลือกที่จะตัดออกไปเลย เข้าใจว่า Gamer ใช้งานกันน้อยอยู่แล้ว ส่วนถ้าใครจะสตรีมจริงจังยังไงก็คงต้องซื้อแยกอยู่ดีนั่นเอง และสุดท้ายกับแรม 8GB ที่ได้เป็น 16GB มาเลย และ SSD ความเร็วระดับนี้ก็น้อยไปถ้าได้เร็วกว่านี้ ประสิทธิภาพต้องดีกว่าไปอีกขั้นแน่นอน ปิดท้ายกับชุดระบายความร้อนที่ลดจำนวนท่อฮีทไปป์จำนวน 2 ท่อ จากเดิม 5 ท่อ และช่องระบายความร้อนจาก 3 ช่อง เหลือ 2 ช่อง แต่ก็ยังควบคุมความร้อนได้ดีอยู่ คาดว่าจากการที่ใช้ใช้โลหะเหลว (Liquid Metal) จากทาง Thermal Grizzly นั่นเอง
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง ASUS ROG Strix G15 GL542 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Gaming
ASUS ROG Strix G15 GL542 เป็น Gaming Notebook ที่มีความสดใหม่และเทคโนโลยีล้ำๆ มากมาย อาทิเช่น หน้าจอ 144Hz พาเนล IPS ขอบจอบางเฉียบ ตัวเครื่องเป็น 3D Thermal Design ระบบระบายความร้อนดีเยี่ยม ผสานการทำงานของซิลิโคนแบบพิเศษเป็นสารประกอบโลหะเหลว Liquid Metal ระดับพรีเมี่ยม ช่วยนำความร้อนเป็นอย่างดี รวมไปถึงซอฟต์แวร์ Armory Crate ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง และอื่นๆ อีกมากมาย สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมเน้นความคุ้มค่าที่มาพร้อมฟีเจอร์ ถือได้ว่าเป็นตัวเลือกในตลาด Gaming Notebook ที่ดีรุ่นหนึ่ง ในช่วงราคา 3x,xxx บาทเท่านั้น
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ ASUS ROG โน๊ตบุ๊คสายคุ้มค่ามาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน ASUS ROG Strix G15 GL542 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วหรูหราตามสไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบเล่นเกม จากการที่ได้ทาง BMW Designworks Group มาร่วมออกแบบด้วย เห็นได้ชัดจากชุดระบายความร้อนด้านหลังที่เป็นครีบคล้ายกับเสื้อสูมมอเตอร์ไซต์ อีกทั้งยังมีไฟ RGB Surrounded Light Bar รอบตัวอีกด้วย เรียกได้ว่ายกระดับขึ้นไปอีกขั้น ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนยอมรับกัน ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว
Best Performance
ด้วยสเปกชิปประมวลผล Intel Core i7-10750H ตัวล่าสุด ที่มาพร้อมกับแรมขนาด 8GB แบบ DDR4 Bus 2933 MHz และกราฟิกการ์ดยอดนิยมอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 Ti (4GB GDDR6) รวมไปถึง SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ก็ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของตัวเครื่องนี้มีความน่าประทับใจ ทั้งจากในการใช้ทำงานจริงๆ รวมไปถึงการทดสอบด้วยโปรแกรมต่างๆ ซึ่งจะเห็นได้ว่าในสเปกโน๊ตบุ๊คเครื่องอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกัน ผลคะแนนที่ออกมานั้นทำได้กว่าสเปกในช่วงเดียวกัน หรือบางจุดก็มากกว่าซะด้วย แต่อย่างไรก็ตามควรอัพเกรดเป็น 16GB ก็จะดีมากๆ
VDO Unbox
VDO Review
NBS Verdict
สรุปแล้ว ASUS ROG Strix G15 GL542 ถือว่าเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ที่เน้นความเป็น Gaming จริงจังที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่งก็ว่าได้ในช่วงราคานี้ เพราะมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงทั้งด้วยชิปประมวลผลและการ์ดจอที่แรงเพียงพอกับทุกเกมในตลาด พร้อมจอพาเนล IPS 144Hz ซึ่งเป็นหน้าจอมาตรฐานที่ดีของ Gaming Notebook ในตลาด ที่สำคัญฟีเจอร์อื่นๆ ยัดมาให้อย่างแน่นอน ไม่แค่นั้นเรื่องระบบระบายความร้อนก็ทำได้ดี ทั้งจากรูปลักษณ์และใช้งานจริง เน้นความคุ้มค่าต้องการประสบการณ์ใช้งานที่ดีกว่า Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ที่สเปกใกล้เคียงกัน โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 32,900 บาท จนไปถึง 54,900 บาท สำหรับรุ่นหน้าจอ 17.3″
ในส่วนของรุ่นก็มีให้เลือกหลากหลายตั้งแต่ Intel Core i5-10300H / Core i7-10750H ซึ่งเป็นชิปประมวลผล Core i Gen 10H รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ให้ประสิทธิภาพที่แรงกว่ารุ่นก่อนๆ รองรับการทำงานพื้นฐานได้ดีเยี่ยม หรือจะเอาไปทำงานหนักๆ รวมไปถึงเล่นเกม 3 มิติก็สบายมากๆ ในส่วนของการ์ดจอก็มีให้เลือกตั้งแต่ NVIDIA GeForce GTX 1650 Ti ที่เป็นรุ่นใหม่ เล่นเกมได้ลื่นไหลเป็นมาตรฐาน หรือถ้าใครอยากได้แรงกว่านั้น ก็ดูเป็น GTX 1660 Ti หรือ RTX 2060 รวมไปถึง RTX 2070 ก็สามารถเลือกซื้อได้เช่นกัน ติดตั้งแรมมาให้ขนาด 8GB – 16GB DDR4 Bus 2933 MHz พร้อม SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ทันทีทุกๆ รุ่นเลย
จุดเด่น
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจเกมเมอร์พันธุ์ ROG งานประกอบแน่นวัสดุดี
- ประสิทธิภาพสูงด้วยชิปประมวลผล Core i7-10750H และการ์ดจอ GTX 1650 Ti
- ติดตั้ง SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB รองรับการติดตั้งฮาร์ดดิสก์ SATA III 2.5″ เพิ่มได้
- ได้หน้าจอพาเนล IPS สีสันดี มุมมองกว้าง พร้อมรองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz ให้ความลื่นไหล
- คีย์บอร์ดมีไฟหลากสี พร้อม Surrounded Light Bar ด้วย AURA RGB
- มีซอฟต์แวร์มากมาย ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง
- มาพร้อม Windows 10 ใช้งานได้ทันที
- มีพอร์ตการเชื่อมต่อครบครัน เพียงพอต่อการใช้งาน
- ลำโพงคุณภาพเสียงดีด้วยเทคโนโลยี Smart Amp
- ระบบระบายความร้อนดีขึ้นด้วยโลหะเหลว (Liquid Metal) เทียบกับสเปกนี้
- ประกัน 2 ปี ส่งศูนย์ พร้อมฝากส่งเคลม 7-11 ปีแรกมีประกับอุบัติเหตุ
ข้อสังเกต
- ไม่มีกล้องเว็บแคมมาให้ในตัว
- แบตเตอรี่ใช้งานได้น้อยไปหน่อย
- ดีไซน์โดยรวมยังคงเหมือนเดิมเกือบ 100%
- คุภาพขอบเขตสีหน้าจออยู่ในระดับกลางๆ
- SSD ที่ติดตั้งมา ประสิทธิภาพความเร็วน้อยไปนิด
- ควรอัพเกรดเป็นแรม 16GB จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้อีก
Specification
ASUS ROG Strix G15 GL542 จะมีจำหน่ายอยู่หลากหลายสเปก รุ่นที่ได้มาเป็นสเปกคุ้มค่าได้การ์ดจอ GTX 1650 Ti คือ ได้ชิปประมวลผลตัวแรงเป็น Intel Core i7-10750H (2.60 GHz, 12 MB L3 Cache, up to 5.00 GHz) ทำงานแบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด ประสิทธิภาพไว้ใจได้ พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 Ti (4GB GDDR6) พร้อมฮาร์ดดิสก์แบบ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ไว้ด้วย ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 8GB แบบ DDR4 Bus 2933 MHz หนึ่งแถว (อัพได้สูงสุด 32GB) ระบบปฎิบัติการเป็น Windows 10 แท้ พร้อมใช้งานตั้งแต่เปิดเครื่องครั้งแรก
หน้าจอที่นำมาติดตั้งเป็นหน้าจอที่ดีที่สุดในตลาดตอนนี้ กับความละเอียด Full HD พาเนล IPS รองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz แบบผิวด้าน ให้สีสันการแสดงผลในเกณฑ์ดีน่าประทับใจอย่างที่สุดทั้งเล่นเกมหรือทำงาน ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง USB 3.1 Type-C, HDMI, 3 x USB 3.0, Kensington lock slot , SD Card Reader, RJ-45, Headset พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 6 AX (2×2)
สนนราคา ASUS ROG Strix G15 GL542 รุ่นที่ได้รับมารีวิวอยู่ที่ 36,900 บาท ส่วนการรับประกันแน่นอนว่าเป็น เวลา 2 ปี พร้อมประกันอุบัติเหตุอีก 1 ปี จากทาง ASUS Thailand ที่เราสามารถส่งได้ตามศูนย์บริการ หรือใครจะสะดวกฝากส่งเคลมตามร้าน 7-11 ทั่วประเทศก็สามารถทำได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีสเปกอื่นๆ ที่สำคัญมีรุ่นที่เป็นหน้าจอ 17.3″ โดยจะใช้ชื่อรุ่นเป็น ASUS ROG Strix G17 GL742 ทั้งหมดแบ่งได้เป็นรุ่นต่างๆ ดังนี้
ASUS ROG Strix G15 GL542 แบ่งเป็นรุ่นต่างๆ ดังนี้
- i5-10300H / GTX 1650 Ti / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 144Hz ราคา 32,900 บาท
- i7-10750H / GTX 1650 Ti / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 144Hz ราคา 36,900 บาท
- i7-10750H / GTX 1660 Ti / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 144Hz ราคา 42,900 บาท
- i7-10750H / RTX 2060 / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 144Hz ราคา 46,900 บาท
ASUS ROG Strix G17 GL742 แบ่งเป็นรุ่นต่างๆ ดังนี้
- i7-10750H / RTX 2060 / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 144Hz ราคา 49,900 บาท
- i7-10750H / RTX 2070 / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 144Hz ราคา 54,900 บาท
Hardware / Design
ดีไซน์โดยรวมของ ASUS ROG Strix G15 GL542 เป็น Gaming Notebook ขอบจอบางตัวเครื่องมิติเล็กกระชับทั้ง 3 ด้าน คือ บน ซ้ายและขวา พร้อมตัดกล้องเว็บแคมออกไป มีน้ำหนักอยู่ที่ 2.3 กิโลกรัม มีความบางสุดที่ 21~25.8 มิลลิเมตร เรียกได้ว่าโดยรวมมาพร้อมกับดีไซน์การออกแบบ ได้รับ DNA เต็มๆ มาจาก ASUS ROG Strix G15 G531 แบบ 2 แกนยกตัวขึ้นมา ซึ่งมีความพิเศษสุดๆ คือได้ทาง BMW Designworks Group มาร่วมออกแบบด้วย เห็นได้ชัดจากชุดระบายความร้อนด้านหลังที่เป็นครีบคล้ายกับเสื้อสูมมอเตอร์ไซต์จาก BMW เรียกได้ว่ายกระดับขึ้นไปอีกขั้น
ส่งผลให้ ASUS ROG Strix G15 GL542 มีความพิเศษที่ 3D Thermal Design ได้เรื่องความล้ำสมัยและคำนึงถึงอรรถประโยชน์ในการใช้งานเป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับดีไซน์ช่องระบายความร้อนแบบ 3D Flow Zone เพิ่มการไหลเวียนของอากาศ นำความร้อนออกจากภายในตัวเครื่องได้รวดเร็วที่สุด ให้ผิวสัมผัสบนตัวเครื่องในส่วนที่ต้องใช้งานมีอุณหภูมิไม่สูงกว่า 40C (ทดสอบที่อุณหภูมิห้อง 25C) วัสดุโดยรวมทั้งหมดเป็นพลาสติกให้สัมผัสที่ดีพรีเมียม จับติดมือ ไม่ลื่น และรู้สึกดีกว่าพลาสติกแบบธรรมดาทั่วไป พร้อมทำลวดลายโฉบเฉียบตามสไตล์ของ ROG ซึ่งคล้ายกับรุ่นปีก่อน แต่มีการปรับรายละเอียดเล็กน้อย
ที่ให้ความเป็น Gaming Notebook ที่จัดเต็มด้วยไฟ RGB มากกว่า อย่างฟีเจอร์ Surrounded Light Bar รอบตัวเครื่องพร้อมเกมมิ่งคีย์บอร์ดแบบ RGB ให้สามารถปรับแต่งแสงไฟได้ตามสไตล์ของผู้ใช้อย่างอิสระมากถึง 16.7 ล้านสี ผ่านฟีเจอร์ Aura Sync รวมไปถึงอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ ที่รองรับ Gaming Gear ของ ASUS เอง ให้รูปแบบคีย์บอร์ดที่แตกต่างจาก Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ ทั่วไป จากการที่ตัด Numpad ด้านขวาออกไป พร้อมขยายปุ่มคีย์บอร์ดให้มีความกว้างขึ้น
ส่วนหน้าจอของ ASUS ROG Strix G15 GL542 จะเป็นแบบบานพับสองแกนดูแล้วแข็งทนทานกางหน้าจอได้ประมาณ 145 องศา พร้อมเว้นขอบเอาไว้โชว์ไฟแสดงไฟ LED การทำงานต่างๆ ส่วนด้านท้ายและขอบเครื่องทางขวาจะเห็นถึงช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่ 2 ช่อง 2 สองพัดลมขนาดใหญ่ ความเร็วสูงแบบ 12V (เพิ่มอัตราการไหลเวียนอากาศได้ดีขึ้น เมื่อเทียบกับพัดลมแบบ 5V ปกติ) พร้อมปรับรอบพัดลมได้ 3 แบบ ทั้งแบบเงียบ ปกติ และ Turbo
อีกทั้งด้วยระบบระบายความร้อนอัจฉริยะ ROG Intelligent Cooling ที่ทำงานร่วมกับดีไซน์ช่องระบายความร้อนแบบ 3D Flow Zone ด้วยพัดลมคู่ความเร็วรอบสูงแบบ 12V 83 ใบพัด แยกฝั่ง ซ้าย-ขวา และท่อฮีทไปป์จำนวน 2 ท่อขนาดใหญ่ โดยมี Copper Plate ที่ครอบทับบริเวณชิ้นส่วนที่จะเกิดความร้อน อีกทั้งยังได้พัฒนาระบบระบายความร้อนให้เหนือชั้นขึ้นไปอีกขั้นด้วยการเลือกใช้โลหะเหลว (Liquid Metal) จากทาง Thermal Grizzly เพื่อเป็นตัวช่วยในการระบายความร้อนให้กับชิปประมวลผล แทนการใช้ซิลิโคนนำความร้อนแบบปกติ รวมไปถึงระบบกำจัดฝุ่น Anti-Dust Cooling ช่วยให้ความร้อนต่ำและใช้งานตัวเครื่องได้ด้วยความเสถียรอย่างต่อเนื่อง
ส่วนด้านฐานของตัวเครื่อง ASUS ROG Strix G15 GL542 เป็นวัสดุพลาสติกมีลวดลาย ROG พร้อมอากาศเย็นผ่าน โดยมีช่องดูดลมเย็นเป็นแนวยาวใต้เครื่อง อีกทั้งยังมีช่องด้านบนเหนือคีย์บอร์ดมีช่องดูดลมอีกช่องช่วยนำพาอากาศเย็นเข้าไปอีก ส่วนถ้าจะอัพเกรดก็ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ขันน็อตไม่กี่ตัวจากนั้นค่อยๆ ดึงขึ้น (รองรับการอัพเกรดแรมได้ 1 แถว, SSD M.2 และฮาร์ดดิสก์) รวมๆ แล้วต้องยอมรับว่าทาง ASUS นั้นใส่ใจในการออกแบบมาจริงๆ นอกจากที่อัพเกรดได้ไม่ยากแล้ว ยังทำความสะอาดได้สะดวกสบายอีกด้วย
สรุปโดยรวมการออกแบบดีไซน์ภายนอกและวัสดุนั้นของ ASUS ROG Strix G15 GL542 ทำได้ดีตามมาตรฐานของ ASUS ROG ที่ทุกคนไว้ใจและมั่นใจจริงๆ เแม้ว่าดีไซน์จะใกล้เคียงกับรุ่นก่อนหน้า แต่ก็ตอบโจทย์ของคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพสูงในดีไซน์เรียบๆ แอบแฝงความแรงและเรียบหรูเอาไว้ กับมาตรฐานใหม่ของ Gaming Notebook ช่วงครึ่งหลังปี 2020 ที่ไม่ใช่แค่แรง แต่ขอบจอต้องบางเฉียบด้วย ซึ่งต้องยอมที่จะตัดกล้องเว็บแคมออกไปเลย ถ้าจะใช้ต้องหามาเอง อย่างไรก็ตามสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ทั้งหมด ทั้งจากฟีเจอร์ ดีไซน์และสเปกแรงๆ ต่อยอดความสำเร็จจากรุ่นเดิมได้อย่างสมบูรณ์แบบ จากการที่ได้ดีไซน์ สเปก ฟีเจอร์ และราคาที่เหมาะสมที่สุด
Keyboard / Touchpad
ASUS ROG Strix G15 GL542 เป็นคีย์บอร์ดมีไฟหลากสีด้วยเทคโนโลยี AuraRGB ของทาง ROG ที่สามารถปรับแต่งสีไฟเองได้ด้วยซอฟต์แวร์ภายในได้ในแต่ละปุ่ม ให้ความสะดวกด้วยระยะของปุ่มที่เลื่อนลงไปเพียง 1.8 มิลลิเมตร แต่ละปุ่มมีมุมโค้งขนาด 0.25 มิลลิเมตร เข้ากับนิ้วมือเวลากดลงไปพร้อมจังหวะเด้งสุดๆ พร้อมเทคโนโลยี OverStroke เพื่อการกดรัวที่ดียิ่งขึ้นด้วยปุ่ม N-key Rollover & Anti-Ghosting และอายุคีย์บอร์ดที่สามารถกดได้ 20 ล้านครั้ง รวมถึงสามารถมีฟังก์ชั่นเพิ่มลดเสียง เปิดปิดไมค์ และ ปุ่ม Armory Crate ซอฟต์แวร์ Utility ซึ่งตัวปุ่มต่างๆ ออกแบบมาสำหรับเกมเมอร์
ที่สำคัญมีในส่วนของปุ่มลัดบนคีย์บอร์ดอย่าง F5 ทำให้ผู้ใช้สามารถสลับเปลี่ยนโหมดการใช้งานระหว่าง Turbo mode สำหรับประสิทธิภาพในการเล่นเกมระดับสูงสุด, Silent mode สำหรับเสียงรบกวนที่น้อยที่สุด, และ Balanced mode เพื่อความสมดุลในการใช้งาน ทัชแพดเองขนาดใหญ่แบบปุ่มแยกออกจากกัน ซึ่งการใช้งานสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นสะดวกสบาย ปุ่มนุ่มกดง่าย การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจมาก
Screen / Speaker
หน้าจอแสดงผลของ ASUS ROG Strix G15 GL542 มีขนาด 15.6” ความละเอียด Full HD พาเนล IPS คุณภาพสูงแบบด้าน Anti-glare สำหรับการเล่นเกมที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ด้วย refresh rate สูงสุด 144Hz ให้ทุกการเล่นเกมคมชัด สมจริง ลื่นไหลและยังแสดงสีได้อย่างแม่นยำสำหรับการทำงานเฉพาะทางอีกด้วย แน่นอนว่ามีดีไซน์หน้าจอขอบจอบางเฉียบทั้งขอบด้านข้างและด้านบน (พร้อมเลือกตัดกล้องเว็บแคมออกไปเลย) ถือว่าเป็นมาตรฐานหน้าจอของ Gaming Notebook ปี 2020 ในระดับเริ่มต้นที่ควรจะเป็น
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ ASUS ROG Strix G15 GL542 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS คุณภาพกลางๆ จึงได้ทำการทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 61% และ AdobeRGB ที่ 46% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับที่ดีแบบมาตรฐานที่ควรจะเป็นของโน๊ตบุ๊คราคาช่วงนี้ ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คทั่วไป คือ พอสู้แสงกลางแจ้งได้ รวมไปถึงการทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็ทำได้ดีเช่นกัน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางจอเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับช่อขวาแถวกลางจะมีแสงสว่างที่ลดลงระดับ 13% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 3.5 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ตัวเครื่องมีช่องลำโพงคู่อยู่ขอบตัวเครื่องข้างๆ ซ้ายขวา คุณภาพสูง พร้อม Smart Amp เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ระบบเสียงชั้นยอดอีกด้วย ให้เสียงคมชัด เพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมให้ถึงใจยิ่งขึ้น ให้ขอบเขตเสียงที่กว้าง จากการที่เสียงกลางแหลมออกชัดเจนดี ส่วนทุ้มมีออกมาหน่อยๆ แม้จะไม่มีลำโพงซัฟวูฟเฟอร์ก็ตาม เรื่องของความดังของเสียงถือว่ามากกว่า 2 เท่า ส่วนในเรื่องคุณภาพเสียงนั้นถือว่าดีมากๆ ทั้งเรื่องคุณภาพและความดัง ซึ่งหากว่าเพื่อนๆ เป็นผู้ใช้งานทั่วไป คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปแบบรู้สึกได้
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง ASUS ROG Strix G15 GL542 นี้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีพอร์ทมาให้ครบครับใช้ได้เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-A จำนวน 3 พอร์ต, และ USB 3.2 Type-C อีกจำนวน 1 พอร์ตมาให้ด้วย พร้อมช่องต่อหูฟังกับไมค์แบบ Combo ขนาด 3.5 มิลลิเมตร 1 ช่อง, SD Card Reader ขนาดมาตรฐาน, พอร์ท LAN ตัวเต็ม และ HDMI ไว้เชื่อมต่อหน้าจอภายนอก ในส่วนของการเชื่อมต่อไร้สายจะใช้ Bluetooth 5.0 และ Intel Wi-Fi 6 AX ได้เทคโนโลยี RangeBoost แบบ 2 x 2 ให้ระยะการรับสัญญานที่ไกลขึ้นถึง 30% พร้อมอัตราการรับ-ส่งข้อมูลที่เร็วและเสถียรยิ่งขึ้น
ส่วนการพกพาเองก็ถือว่า ASUS ROG Strix G15 GL542 มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 2.3 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊ค 15.6″ ตัวอื่นๆ มิติตัวเครื่องโดยรวมมีขนาด 360 x 275 x 21~25.8 มิลลิเมตร อยู่ในเกณฑ์ที่ดีเยี่ยมในเรื่องการพกพาไปไหนมาไหน แม้ว่าถ้ารวมอแดปเตอร์ 180 Watt แล้วจะมีน้ำหนักประมาณ 2.7 กิโลกรัม ก็พอที่จะใส่กระเป๋าและเอาไปใช้งานนอกสถานที่ได้ไม่ยากเย็นอะไร ถือได้ว่าสะดวกสำหรับการเคลื่อนย้ายอยู่
Inside / Upgrade
ถ้าใครต้องการจะแกะทั้งฝาล่างทั้งหมดเพื่ออัพเกรดหรือทำความสะอาดก็สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ไขน็อตทั้งหมดประมาณ 10 ตัว พิเศษตรงที่จะมีน็อตตรงมุมตัวช่วยดันฝาออกมาเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ค่อยๆ แงะแกะทีละส่วนขึ้นอย่างช้าๆ เพียงเท่านี้ก็จะแกะฝาล่างได้ไม่ยากเย็น ส่วนประกอบภายในอื่นๆ ที่มีงานประกอบเรียบร้อยดี อย่างไรก็ตามสำหรับ ASUS ROG Strix G15 GL542 มีข้อควรระวังก็คือ Surrounded Light Bar รอบตัวเครื่อง ซึ่งจะมีสายแพรเชื่อมต่อไว้อยู่ ไม่แนะนำให้ถอดโดดเด็ดขาด ฉะนั้นเมื่อแกะฝาแล้วให้ถอดวางไว้ใกล้ๆ กัน และระมัดระวังมากๆ ขณะที่อัพเกรดหรือทำความสะอาด พร้อมฟินสีแดงดูดุดันและช่องไล่ฝุ่นด้านหลัง
เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะสามารถอัพเกรดแรม DDR4 Bus 2933 MHz ได้อีก 1 แถวทันที (ติดตั้งมาแล้ว 8GB แถว) รองรับการอัพเกรดได้สูงสุด 32GB (Dual Channel) และ SSD ขนาด 512GB แบบ M.2 NVMe PCIe (รองรับการอัพเกรด SSD/HDD แบบ 2.5” SATA เพิ่มอีก) ให้การใช้งานเป็นไปอย่างลื่นไหลไร้คอขวด ที่ต้องบอกว่าสำหรับการใช้งานทั่วไปและใข้งานเล่นเกมบ้างอาจจะพอเพียงแล้ว แต่ถ้าใช้งานหนักๆ จนไปถึงเล่นเกมหนักๆ แนะนำให้อัพเกรดเป็นแรม 16GB ขึ้นไปจะดีมากๆ
ระบบระบายความร้อนใช้ในการพัดลมเข้าออกนั้นจะอยู่ที่บริเวณด้านหลังของตัวเครื่อง 2 ช่อง โดยการเชื่อมต่อระหว่างส่วนของพัดลมนี้กับชิป CPU / GPU จะทำผ่าน Heat Pipe จำนวน 2 เส้นขนาดใหญ่ (จากรุ่นก่อนที่มี 5 ท่อ) ที่สำคัญคือใช้ซิลิโคนแบบพิเศษแตกต่างจาก Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ด้วยสารประกอบโลหะเหลว Liquid Metal ระดับพรีเมี่ยมจากทาง Thermal Grizzly เพื่อเป็นตัวช่วยในการระบายความร้อนให้กับชิปประมวลผล แทนการใช้ซิลิโคนนำความร้อนแบบปกติ ซึ่งการทดสอบเบื้องต้นบอกได้เลยว่าน่าประทับใจมากๆ แม้สเปกจะแรงมาก แต่ความร้อนนั้นถือว่าเย็นทีเดียว
Performance / Software
.
สำหรับ ASUS ROG Strix G15 GL542 มาพร้อมกับชิปประมวลผลรุ่นยอดนิยมของ Gaming Notebook อย่าง Intel Core i Gen 10H อย่าง Intel Core i7-10750H เน้นนำไปใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม 3 มิติ ที่กินทรัพยากรสูง โดยมีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.60 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 5.00 GHz เป็นซีพียูแบบ 6 Core 12 Threads มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR4 Buss 2933MHz แบบ 8GB x 1 แถว ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
.
การ์ดจอเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น โดยมีการ์ดจอแยกรุ่นใหม่ล่าสุดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX GTX 1650 Ti ที่ต้องบอกว่าแรงกว่า GeForce GTX 1650 รุ่นก่อนหน้า จากที่สเปกภายในได้รับการอัพเกรดขึ้น เห็นได้ชัดจากแรมการ์ดจอจะเป็น 4GB GDDR6 แทนที่รุ่นก่อนที่เป็น 4GB GDDR5 เน้นใช้งานกับ Gaming Notebook บางเบา ร้อนน้อยกว่าแต่ก็แรงไม่แพ้กัน เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูง เป็นที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าพอตัว รวมไปถึงตัวการ์ดจอแยกเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น (แต่ออนชิปคือตัวเดิมนะ) เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก สมกับเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10750H จริงๆ
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ที่กลายเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook ไปแล้ว โดยทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe PCIe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 1866 MB/s และเขียนที่ 961 MB/s ที่เร็วกว่ารุ่นก่อนๆ แต่ก็ถือว่าดีกว่ามาตรฐาน SATA 3 แบบเดิมๆ แล้ว
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4531 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็น Gaming Notebook สเปกใหม่ล่าสุดจากชิปประมวลผล Intel Core i7-10750H มีการ์ดจอแยกระดับ Gaming อย่าง GTX 1650 Ti ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คปีก่อนๆ มากพอตัว
สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 – 100 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ประกอบไปด้วย Resident Evil 3 Remake / Battlefield V / FarCry 5 / GTA V ที่เป็นเกมออฟไลน์ที่กินทรัพยกร รวมไปถึงเกมออนไลน์ยอดนิยมอย่าง PUBG / DOTA 2 / Overwatch ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง RE 3 / BF V / GTA V / FarCry 5 ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด !!! จากกราฟตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าเฟรมเรทที่ออกมานั้นมีความลื่นไหลสุดๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ซึ่งถ้าอยากให้เฟรมเรทลื่นไหลกว่านี้ก็สามารถเลือกปรับกราฟิกระดับกลางๆ ก็ได้ โดยในส่วนของ RE 3 ซึ่งเป็นเกมออกใหม่ล่าสุด เราปรับกราฟิกในเกมเป็น MAX ที่ใช้แรมการ์ดจอไปกว่า 12GB ซึ่งเกินกว่าตัวการ์ดจอที่ 4GB แต่ก็ยังทำเฟรมเรทได้ลื่นไหลน่าประทับใจอยู่
ต่อกันที่เกมออนไลน์อย่าง PUBG / Overwatch / DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็ไม่มีอาการช้าหรือหน่วงเลย ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ อยู่ ทั้ง 7 เกมที่เราได้ทำการทดสอบไป ยิ่งถ้าเทียบกับ Gaming Notebook สเปกก่อนหน้าทั้งส่วนของ AMD Ryzen หรือ Intel Core i จะเห็นว่าแรงกว่าเดิมพอตัว
ซอฟต์แวร์ Armoury Crate ซึ่งรวบรวมเอาฮาร์ดแวร์ต่างๆของ ROG มาไว้บนยูทิลิตี้เดียว ทำให้สามารถเข้าถึงฟังค์ชั่นต่างๆได้อย่างง่ายดาย การตั้งค่าต่างๆของระบบรวมไปถึงการปรับแต่งไฟด้วย Aura Sync นั้นทำได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว หรือผู้ใช้สามารถบันทึกการตั้งค่าต่างๆตามความชอบเป็นรูปแบบได้หลากหลายโปรไฟล์ และการจัดการ ROG Keystone ก็จะอยู่ในส่วนของซอฟต์แวร์นี้ด้วย ซึ่งการตั้งค่าต่างๆ จะถูกเรียกใช้งานโดยอัตโนมัติเมื่อมีการเปิดเกมที่ได้เลือกไว้ Armoury Crate ยังมาพร้อมกับโปรแกรมเสริม Mobile Dashboard สำหรับ Android และ iOS รวมไปถึงความสามารถอื่นๆ
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน ASUS ROG Strix G15 GL542 เครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวเกือบๆ 3 ชั่วโมงเท่านั้น โดยประมาณ เรียกได้ว่าแบตเตอรี่ใช้งานได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น ถ้าเทียบกับ Gaming Notebook รุ่นต่างๆ ในปัจจุบัน เพราะปกติจะอยู่ที่ 3-4 ชั่วโมงขึ้นไปแล้ว อย่างไรก็ตามในมุมของคนใช้งานเล่นเกมเป็นประจำอาจจะไม่มีปัญหาส่วนนี้มากนัก เพราะเน้นเชื่อมต่อกับอแดปเตอร์ตลอดเวลาอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องอุณหภูมิในการใช้งานนั้น ASUS ROG Strix G15 GL542 เมื่อใช้งานแบบปกติชิปประมวลผลจะอยู่ที่ประมาณ 40 องศาเซลเซียส ส่วนกราฟิกการ์ดจะอยู่ที่ 45 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 28 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัดสุด ด้วยการเปิดโหมดพัดลม Turbo ผ่านทาง Armory Crate อย่างไรก็ตามในการตรวจวัดชิปประมวลผล Core i Gen 10H ต้องดูผ่านทาง After Burner เท่านั้น หรือ Armory Crate เองไปก่อน
ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของชิปประมวลผล Intel Core i7-10750H ที่ใช้สารประกอบโลหะเหลว Liquid Metal ระดับพรีเมี่ยมบนตัวเครื่องช่วยนำพาความร้อนได้เป็นอย่างดี โดยร้อนสุดๆ อยู่ที่ไม่เกิน 87 องศาเซลเซียส ส่วนการ์จอจะอยู่ที่ 71 องศาเซลเซียสเท่านั้น (อันนี้ดูผ่านทาง Hardware Monitor ได้) โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้เป็นอย่างดี แม้ประสิทธิภาพความแรงดีขึ้นขนาดนี้ สำหรับเสียงรบกวนในเวลาทำงานนั้นถือว่าดังประมาณนึง จากการที่เราสามารถเพิ่มรอบสูงสุดได้ด้วยซอฟต์แวร์จากปกติที่จะเป็นแบบ Balance หรือ Silent ก็สามารถทำได้
Conclusion / Award
จากประสบการณ์และใช้งานจริงๆ ของ ASUS ROG Strix G15 GL542 สเปก Core i7-10750H + GTX 1650 Ti ทั้งการเล่นเกมหลากหลายเกม รวมไปถึงทำงานและความบันเทิงดูหนังฟังเพลง บอกได้อย่างเต็มปากเลยว่า ASUS ทำออกมาได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง ASUS ROG Strix G15 G531 ทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบที่ล้ำหน้า เน้นฟีเจอร์และความพรีเมียม งานประกอบและวัสดุที่เยี่ยมยอด เรียกได้ว่าเหนือชั้นกว่า Gaming Notebook ช่วงราคาเดียวกัน สเปคประสิทธิภาพสูง ที่สำคัญคือได้หน้าจอพาเนล IPS ที่ Refresh Rate 144 Hz ซึ่งลื่นไหลว่า 60Hz เดิมๆ และมีระบบปฏิบัติการ Windows 10 มาให้พร้อมใช้งานด้วยทันที ในราคา 36,900 บาท
ที่น่าสนใจอื่นๆ ก็จะเป็นระบบระบายความร้อนอย่าง ROG Intelligent Cooling และ สารประกอบโลหะเหลว Liquid Metal ระดับพรีเมี่ยมจากทาง Thermal Grizzly ที่ใส่ทุกอย่างจัดเต็มกว่าทีเคยมีมา ที่แม้สเปกจะแรงขึ้นแต่ก็เย็นกว่าเดิม คีย์บอร์ดมีไฟหลากสีด้วยเทคโนโลยี AuraRGB ของทาง ROG และ Surrounded Light Bar ที่สามารถปรับแต่งเองได้ด้วยซอฟต์แวร์ภายใน ให้ความสะดวกด้วยระยะของปุ่มที่เลื่อนลงไปเพียง 1.8 มิลลิเมตร แต่ละปุ่มมีมุมโค้งขนาด 0.25 มิลลิเมตร เข้ากับนิ้วมือเวลากดลงไปสุดๆ การเชื่อมต่อก็ครบครันด้วย USB 3.2 Type-A / Gigabit Ethernet / Bluetooth 5.0 / Wi-Fi 6 AX ASUS RangeBoost
เรื่องของการออกแบบที่ ASUS ROG Strix G15 GL542 ทำได้ดีมาก แม้แทบไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนหน้านี้ ด้วยดีไซน์สไตล์ ROG ที่เป็น Gaming Notebook ที่ดูดุดันจริงจังเกินราคาร่าตัว ซึ่งได้ทาง BMW Designworks Group มาร่วมออกแบบด้วย เห็นได้ชัดจากชุดระบายความร้อนด้านหลังที่เป็นครีบคล้ายกับเสื้อสูมมอเตอร์ไซต์จาก BMW เรียกได้ว่ายกระดับขึ้นไปอีกขั้นกับช่องดูดลมเย็นจากทางด้านบน พร้อมทั้งได้ระบบเสียง Smart Amp คุณภาพดี รวมถึงมี USB 3.2 Type-C ติดตั้งมาพร้อมใช้งานตามาตรฐานโน๊ตบุ๊คปี 2020 แต่ก็ต้องยอมรับว่าแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานน้อยไปหน่อยที่ไม่เกิน 3 ชั่วโมงเท่านั้น
อย่างไรก็ตามใช่ว่า ASUS ROG Strix G15 GL542 จะไม่มีข้อสังเกตเสียทีเดียว ที่นอกจากเรื่องการใช้งานแบตเตอรี่แล้ว คงเป็นของคุณภาพหน้าจอที่แม้จะได้ 144Hz แต่กลับได้ขอบเขตสีระดับกลางๆ เท่านั้น รวมไปถึงกล้องเว็บแคมที่ต้องบอกว่า ASUS ใจเด็ด เลือกที่จะตัดออกไปเลย เข้าใจว่า Gamer ใช้งานกันน้อยอยู่แล้ว ส่วนถ้าใครจะสตรีมจริงจังยังไงก็คงต้องซื้อแยกอยู่ดีนั่นเอง และสุดท้ายกับแรม 8GB ที่ได้เป็น 16GB มาเลย และ SSD ความเร็วระดับนี้ก็น้อยไปถ้าได้เร็วกว่านี้ ประสิทธิภาพต้องดีกว่าไปอีกขั้นแน่นอน ปิดท้ายกับชุดระบายความร้อนที่ลดจำนวนท่อฮีทไปป์จำนวน 2 ท่อ จากเดิม 5 ท่อ และช่องระบายความร้อนจาก 3 ช่อง เหลือ 2 ช่อง แต่ก็ยังควบคุมความร้อนได้ดีอยู่ คาดว่าจากการที่ใช้ใช้โลหะเหลว (Liquid Metal) จากทาง Thermal Grizzly นั่นเอง
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง ASUS ROG Strix G15 GL542 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Gaming
ASUS ROG Strix G15 GL542 เป็น Gaming Notebook ที่มีความสดใหม่และเทคโนโลยีล้ำๆ มากมาย อาทิเช่น หน้าจอ 144Hz พาเนล IPS ขอบจอบางเฉียบ ตัวเครื่องเป็น 3D Thermal Design ระบบระบายความร้อนดีเยี่ยม ผสานการทำงานของซิลิโคนแบบพิเศษเป็นสารประกอบโลหะเหลว Liquid Metal ระดับพรีเมี่ยม ช่วยนำความร้อนเป็นอย่างดี รวมไปถึงซอฟต์แวร์ Armory Crate ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง และอื่นๆ อีกมากมาย สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมเน้นความคุ้มค่าที่มาพร้อมฟีเจอร์ ถือได้ว่าเป็นตัวเลือกในตลาด Gaming Notebook ที่ดีรุ่นหนึ่ง ในช่วงราคา 3x,xxx บาทเท่านั้น
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ ASUS ROG โน๊ตบุ๊คสายคุ้มค่ามาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน ASUS ROG Strix G15 GL542 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วหรูหราตามสไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบเล่นเกม จากการที่ได้ทาง BMW Designworks Group มาร่วมออกแบบด้วย เห็นได้ชัดจากชุดระบายความร้อนด้านหลังที่เป็นครีบคล้ายกับเสื้อสูมมอเตอร์ไซต์ อีกทั้งยังมีไฟ RGB Surrounded Light Bar รอบตัวอีกด้วย เรียกได้ว่ายกระดับขึ้นไปอีกขั้น ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนยอมรับกัน ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว
Best Performance
ด้วยสเปกชิปประมวลผล Intel Core i7-10750H ตัวล่าสุด ที่มาพร้อมกับแรมขนาด 8GB แบบ DDR4 Bus 2933 MHz และกราฟิกการ์ดยอดนิยมอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 Ti (4GB GDDR6) รวมไปถึง SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ก็ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของตัวเครื่องนี้มีความน่าประทับใจ ทั้งจากในการใช้ทำงานจริงๆ รวมไปถึงการทดสอบด้วยโปรแกรมต่างๆ ซึ่งจะเห็นได้ว่าในสเปกโน๊ตบุ๊คเครื่องอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกัน ผลคะแนนที่ออกมานั้นทำได้กว่าสเปกในช่วงเดียวกัน หรือบางจุดก็มากกว่าซะด้วย แต่อย่างไรก็ตามควรอัพเกรดเป็น 16GB ก็จะดีมากๆ