MSI Notebook ปี 2020 มีให้เลือกหลากหลายรุ่นมากมาย ซึ่มีทั้งรุ่นที่เน้นทำงานบางเบา เล่นเกมคุ้มค่า หรือเล่นเกมระดับโปร รวมถึงทำงานระดับโปรด้วย โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 2x,xxx บาท จนไปถึงหลายหมื่นบาท ซึ่งแบ่งออกเป็นซีรีส์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Modern 15 / Bravo 15 / GF63 / GF65 / GS66 และ Creator 17 จัดเต็มเรื่องของสเปกแบบสุดทาง ตอบสนองประสิทธิภาพที่สูงยิ่งขึ้นไปอีก ส่วนฟีเจอร์และดีไซน์ก็ล้ำหน้าไม่แพ้กัน รวมไปถึงมีลูกเล่นที่ไม่เคยมีมาก่อน ส่งเสริมให้เรามีประสบการณ์ใช้งานที่ยอดเยี่ยมสมกับเป็น Notebook เพื่อการทำงานหรือเล่นเกม สมกับที่เป็น MSI ที่ตั้งใจนำเสนอ Notebook ที่เหนือชั้นกว่า
สำหรับบทความนี้เราจะมาแนะนำ MSI Notebook รุ่นใหม่ๆ ที่มีความน่าสนใจ ซึ่งประกอบไปรุ่นที่เน้นพกพา ดีไซน์บางเบา แบตเตอรี่ยาวนาน หรือเล่นแบบสเปกจัดเต็ม รวมไปถึงเทคโนโลยีล้ำๆ ได้สเปกเป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 หรือ AMD Ryzen 4000 ทำงานร่วมกับการ์ดจอ Radeon RX 5500M / GeForce MX250 / GTX 1650 Ti / 1660 Ti / RTX 2060 / RTX 2070 ในส่วนของแรมที่ 8GB – 32GB และ SSD 512GB – 1TB ก็ใส่เต็มพร้อมใช้งานทันที ในราคาที่ถูกสุดแค่ 23,900 บาทเท่านั้น !!! เชื่อว่าต้องถูกใจกันซักรุ่นอย่างแน่นอน มีอะไรบ้างไปชมกันต่อเลย
MSI Modern 15 ราคา 23,900 – 31,900 บาท
MSI Modern 15 จัดว่าเป็น Notebook สายทำงานบางเบาหน้าจอ 15.6″ ราคาไม่แพงในปี 2020 รุ่นล่าสุดทาง MSI ซึ่งนับว่าเป็นรุ่นพี่ของ MSI Modern 14 ตอบสนองการใช้งานได้เต็มที่ด้วยหน้าจอใหญ่ แต่มาในน้ำหนักตัวเครื่องที่เบามากๆ เพียง 1.6 กิโลกรัม เน้นพกพาใช้งานสะดวกพร้อมประสิทธิภาพสูงด้วยชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 ตัวแรงอย่าง i5-10210U / i7-10510U และมีการ์ดจอแยกเป็น NVIDIA GeFroce MX250 ได้แรมขนาด 16GB พร้อม SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่ใช้งานพื้นฐานได้ลื่นสบายๆ หรือถ้าเอาไปทำงานหนัก รวมไปถึงเล่นเกม 3 มิติ ออนไลน์ก็ยังเอาอยู่ โดดเด่นแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน 9 ชั่วโมง
MSI Modern 15 ตั้งใจตอบโจทย์สายคนทำงาน Content Creator โดยเฉพาะ ที่นอกจากสเปกที่ดีแล้ว งานดีไซน์และงานประกอบก็ลงตัว แลดูทันสมัยและแตกต่างจาก MSI แบบเดิมๆ พร้อมกางหน้าจอได้ 180 องศา และมีฟีเจอร์พิเศษ Flip-n-Share ช่วยกลับหน้าจอไปฝั่งตรงข้ามได้ ช่วยในกรณีที่นำเสนองาน ขอบหน้าจอก็มีความบางมากๆ แทบจะไร้ขอบทีเดียว อีกทั้งด้วยที่เป็นพาเนล IPS คุณภาพสูง sRGB 97% ช่วยให้มุมมองในการมองเห็นเพิ่มมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าทั้งสเปก ฟีเจอร์ วัสดุ เหนือกว่าโน๊ตบุ๊คบางเบาหลายๆ ค่ายในราคาเริ่มเพียง 23,900 บาท อีกทั้งยังได้มาตรฐานทนทานอย่าง Military Grade ด้วย
สเปกหน้าจอขนาด 15.6″ ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD ซึ่งให้ประสบการณ์การใช้งานที่ประทับใจอย่างสุดๆ โดยการใช้หน้า Desktop ปกติที่ตัวหนังสือหรือปุ่มต่างๆ มีความเรียบเนียนตาทำให้ใช้งานได้สะดวก ขอบจอบางเฉียบโดยมีพื้นที่แสดงผลกว่า 90% จอเป็นแบบด้านที่ให้เรื่องสีสันสดใส รองรับใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกมก็ทำได้อย่างเป็นอย่างดี ส่วนบานพับก็แข็งแรงกว่ารุ่นก่อนๆ พร้อมกางได้ 180 องศา ทำให้นำเสนองานได้อย่างเต็มที่และง่ายขึ้นกว่าเดิม
สเปกที่จัดเต็มตอบโจทย์การใช้งานแบบสุดๆ ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายก็ครบครันด้วย Wi-Fi 5 AC และ Bluetooth 5.0 ส่วนพอร์ตการเชื่อมต่อก็มีทุกรูปแบบเป็นมาตรฐานที่รองรับกับทุกอุปกรณ์อีกด้วย ที่สำคัญมีซอฟต์แวร์ Creator Center ช่วยปรับแต่งการทำงาน พร้อมการรับประกัน 1 ปี ตามมาตรฐานของ MSI รวมถึงในชุดจัดจำหน่ายยังมี Softcase ซองหนังไว้ให้เราใช้งานร่วมกันเวลาพกพากับกระเป๋าอื่นๆ ที่ไม่มีช่องใส่โน๊ตบุ๊คอีกด้วย
- i5-10210U /UHD 620 / RAM 16GB / SSD 512GB /15.6″ IPS ราคา 23,900 บาท
- i7-10510U /MX250 / RAM 8GB / SSD 512GB / 15.6″ IPS ราคา 31,900 บาท
MSI Bravo 15 ราคา 29,900 – 32,900 บาท
MSI Bravo 15 จัดว่าเป็น Gaming Notebook ปี 2020 จอ 15.6″ น้ำหนักเบาสุดๆ ที่ 1.96 กิโลกรัม สเปกชิปประมวลผล AMD Ryzen 4000H อีกหนึ่งรุ่นในตลาด จากทาง MSI ที่น่าสนใจจริงๆ ได้สเปกเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 4600H /Ryzen 7 4800H ที่เป็นรุ่นใหม่ล่าสุด ล้ำด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 นาโนเมตร สถาปัตยกรรม Zen 2 (Renoir) จับคู่มากับการ์ดจอ AMD Radeon RX5500M ซึ่งได้เทคโนโลยี 7 นาโนเมตร สถาปัตยกรรม RDNA แน่นอนว่าสเปกนี้ทำให้เราเล่นเกมได้แรงลื่น กว่าสเปกก่อนๆ อย่าง Ryzen 3000H + Radeon RX5500M ใน MSI Apha 15 รุ่นพี่ที่ออกมาก่อน
ในส่วนของสเปกอื่นๆ MSI Bravo 15 เป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ ขอบจอบางเฉียบ พาเนลเลือกใช้เป็น IPS ที่รองรับ Refresh Rate 120Hz ที่ให้ทั้งสีสันที่สวยงามและความลื่นไหลไปพร้อมๆ กัน โดยติดตั้งหน่วยความแรมเป็นขนาด 8GB มาตรฐาน DDR4 Bus 3200Hz และใส่ที่เก็บข้อมูลมาเป็นแบบ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ซึ่งได้ทั้งความลื่นไหลและความจุสูงไปในตัวเดียว โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 29,900 บาทกับรุ่น Ryzen 5 4600H และ 32,900 บาทกับรุ่น Ryzen 7 4800H ซึ่งมีราคาต่างกันที 3,000 บาท
รายละเอียดของชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 4800H เป็น CPU ที่ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธรด มีความเร็วอยู่ที่ 2.9 – 4.2GHz โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 นาโนเมตร เช่นเดียวกับการ์ดจอ Radeon RX5500M ส่งผลให้ได้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดียิ่ง พร้อมด้วยความร้อนที่น้อยลงไปอีก และประหยัดแบตเตอรี่มากกว่าเดิมด้วย เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจจริงๆ สำหรับการมาของ AMD Ryzen รุ่นใหม่ตระกูล 4000 H Series ซึ่งได้เห็นตัวจริงๆ ครั้งแรกบน MSI Bravo 15 นั่นเอง (ส่วน MSI Bravo 17 คาดว่าจะตามภายหลังอีกที)
โดย MSI Bravo 15 เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอขนาด 15.6″ Full HD พาเนล IPS มี Refesh Rate ที่ 120 Hz แน่นอนว่ารองรับเทคโนโลยี AMD FreeSync Premium ให้ภาพลื่นไหลและไม่ฉีกขาด ลำโพงทำงานร่วมกับซอฟแวร์ของ Nahimic เวอร์ชั่น 3 ทำให้สามารถขับเสียงได้ดียิ่งกว่าเดิม พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอล 2 ตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, 2 x USB 3.2 Type-A Gen 1, 2 x USB 3.2 Type-C Gen 1, Kensington lock slot, LAN RJ-45, HDMI, รูหูฟังกับไมค์ 3.5 มิลลิเมตร พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Wi-Fi 6 AX + Bluetooth 5.1
- Ryzen 5 4600H / Radeon RX5500M / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 120Hz ราคา 29,990 บาท
- Ryzen 7 4800H / Radeon RX5500M / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS 120Hz ราคา 32,990 บาท
MSI GF63/GF65 ราคา 31,900 – 38,900 บาท
ยังคงเป็น Gaming Notebook หน้าจอขนาด 15.6″ ปี 2020 ที่แรงลื่นและเบาที่สุดในตลาด กับการมาของ MSI GF63 Thin โดดเด่นความความบางของตัวเครื่อง และมีน้ำหนักเพียง 1.86 กิโลกรัมเท่านั้น เน้นพกพาสะดวก ขอบจอบางมาพร้อมประสิทธิภาพสูง คุณภาพเยี่ยม แต่ยังได้สเปก Gaming เล่นเกมได้ลื่นไหล ไม่แพ้โน๊ตบุ๊คตัวหนักๆ หนาๆ เลย อัพเดทเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10750H และการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1650 Ti Max-Q ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดทั้งคู่ ตอกย้ำความเป็น MSI Gaming ที่ ได้รับการตอบรับดีที่มากๆ
ในส่วนของช่องระบายความร้อน Cooler Boots ของ MSI GF63 Thin มีด้วยกัน 2 ช่องคือด้านหลังฝั่งซ้ายมือตัวเครื่อง และด้านข้างซ้าย โดยใช้พัดลม 1 ตัว ฮีทไปป์ 3 เส้น เพียงพอต่อการใช้งาน วัสดุบอดี้ตรงคีย์บอร์ดจะเป็นอลูมิเนียมสีดำทำการบรัชลายเส้นเหมือนฝาหลัง สวยงาม แข็งแรง ปุ่มเปิดเครื่องจะอยู่ที่ด้านมุมบนขวามือแยกจากคีย์บอร์ด นอกจากนี้คีย์บอร์ดยังมีไฟสีแดง สามารถเปิดปิดได้ 3 ระดับ มาพร้อมกับซอฟท์แวร์ MSI Dragon Center รุ่นใหม่ล่าสุด ที่สามารถปรับการตั้งค่าต่างๆ ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการเล่นเกมของคุณให้มากยิ่งขึ้น พร้อมการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้น
MSI GF63 Thin ปี 2020 สเปก Core i Gen 10H ในตอนนี้มีรุ่นเดียว ราคา 31,900 บาท ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-10750H (2.60 GHz, 12 MB L3 Cache, up to 5.00 GHz) ทำงานแบบ 6 Core/12 Thread ประสิทธิภาพแรงเหลือๆ พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวแรงระดับ Desktop อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 Ti Max-Q (4GB GDDR6) ที่มาพร้อมประสิทธิภาพที่เทียบเคียง GTX 1650 Ti รุ่นปกติ แต่ปลดปล่อยความร้อนน้อยกว่ามีที่เก็บข้อมูลเป็นมาตรฐาน SSD แบบ M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ที่ทั้งแรงและลื่นไหล ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 16GB แบบ 8GB DDR4 Bus 26666 MHz จำนวน 2 แถว อัพเกรดได้สูงสุด 32GB นับได้ว่าเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว
มาพร้อมจอแสดงผลแบบด้าน 15.6 นิ้ว ที่ความละเอียด Full HD พาเนลคุณภาพสูง IPS ให้จอแสดงผลมีมุมมองกว้าง สวยงาม ไม่ว่าจะดูหนังหรือเล่นเกมก็สามารถใช้ได้ดีชัดเจน ลำโพงทำงานร่วมกับซอฟแวร์ของ Nahimic เวอร์ชั่น 3 ทำให้สามารถขับเสียงได้ดียิ่งกว่าเดิม พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอล 2 ตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, 3 x USB 3.2 Type-A Gen 1, USB 3.2 Type-C Gen 1, Kensington lock slot, LAN RJ-45, HDMI, รูหูฟังกับไมค์แบบแยกออกจากกัน พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Wi-Fi 6 AX + Bluetooth 5.1 น้ำหนัก 1.86 กิโลกรัม พร้อม Windows 10 แท้
สำหรับ MSI GF65 Thin จะมีความแตกบางจุดก็คือได้สเปกเป็นการ์ดจอ GTX 1660 Ti ที่แรงกว่าพอตัว พร้อมได้ระบบระบายความร้อนที่ดีกว่าด้วยเทคโนโลยี Cooler Boost ที่มีช่องระบายความร้อน 3 ช่องคือด้านหลังของตัวเครื่อง 2 ช่อง และด้านข้างซ้ายอีก 1 ช่อง โดยใช้พัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 6 เส้น ที่ช่วยเรื่องของการจัดการอุณหภูมิที่ดีกว่า ส่วนรายละเอียดอื่นๆ เหมือนกับ MSI GF63 Thin ทั้งหมด
- Core i7-10750H / GTX 1650 Ti Max-Q / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ 120Hz ราคา 31,900 บาท
- Corei7-10750H / GTX 1660 Ti / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ 120Hz ราคา 38,900 บาท
MSI GS66 Stealth ราคา 59,900 บาท
MSI GS66 Stealth มีรายละเอียดต่างจากรุ่นก่อนมากมาย ทั้งสเปกและดีไซน์พรีเมียม โดยเป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ ที่เน้นความบางเบาหรูหรา ด้วยสีสันตัวเครื่องที่ดำด้านสนิทตลอดทุกส่วน โดดเด่นด้วยโลโก้ MSI ฝาหลังเป็นแบบการยิงเลเซอร์ฝังลงไป ให้ความพรีเมียมเรียบเนียนอย่างที่สุด ได้ความแรงไม่เป็นรอง Gaming Notebook เครื่องหนักๆ หนาๆ โดดเด่นในเรื่องของการดีไซน์ที่พกพาได้สะดวก ที่รักษาความเป็นเกมเมอร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยน้ำหนักเพียง 2.1 กิโลกรัม บางที่ 19.8 มิลลิเมตร
ใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 รหัส H อย่างที่รุ่นที่ได้มารีวิวเป็น Core i7-10750H ส่วนการ์ดจอก็เป็น NVIDIA GeForce RTX 2060 ได้แรมขนาด 16GB และ SSD ต้องจัดเต็มที่ 512GB มาพร้อมการเชื่อมต่อที่ครบครันด้วย Wi-Fi 6 AX และ Thunderbolt 3 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในขณะนี้ ที่สำคัญคือได้หน้าจอเป็นพาเนล IPS เกรดสูง ความละเอียด Full HD ที่รองรับ Refresh Rate ที่สูงถึง 240Hz ทีเดียว เรียกได้ว่าส่วนสเปกฮาร์ดแวร์จัดเต็มแบบสุดๆ ไปเลย ได้คีย์บอร์ด SteelSeries ที่การันตีว่าของดีแน่นอน ด้วย Per-Key RGB Gaming Keyboard พร้อมแป้นแบบใหม่สวยงามเข้ากับตัวเครื่อง
ตัวเครื่องยังมีลำโพงจากแบรนด์ Dynaudio พร้อมซอฟแวร์เสียง Nahimic เวอร์ชั่น 3 ขับเสียงได้ดียิ่งกว่า มาพร้อม Windows 10 แท้ใช้งานได้ทันที ส่วนพอร์ตการเชื่อมต่อก็ครบครันด้วย ไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-C Gen2 และ Thunderbolt 3 (รองรับ DisplayPort / PD charging) อย่างละ 1 ช่อง, 3 x Type-A USB3.1, 1x RJ45, 1x (4K @ 60Hz) HDMI บอกเลยว่าจัดเต็มมากๆ ส่วนช่องหูฟัง Hi-Res Audio และไมค์แบบแจ็คทอง 3.5 มิลลิเมตรเป็นแบบแยกออกจากกัน เอาใจ Gaming Headset ทีเดียว การเชื่อมต่อไร้สายก็จะมีมาตรฐาน Wi-Fi 6 AX + Bluetooth 5.1 รวมไปถึงมี Killer Doubleshot Pro ทำให้เล่นเกมได้ไม่สะดุดทั้ง LAN และ Wi-Fi
MSI GS66 Stealth ใช้เทคโนโลยีการระบายความร้อน MSI Cooler Boost Trinity+ ขจัดความร้อนได้ดีกว่าเดิม เพิ่มเติมด้วยการระบายอากาศที่ดีขึ้นถึง 10% เน้นความบางด้วยการนำใบพัดขนาด 0.1 มม. มาใส่ไว้ ทำให้ได้อุณหภูมิที่ดีที่สุดในขณะเล่นเกม ด้วยพัดลม 3 ตัวที่แตกต่างกัน เป่าไล่ลมร้อนผ่านชุดระบายที่แยกการระบายความร้อนระหว่างชิปประมวลผลและการ์ดจอ หายห่วงได้เลยในเรื่องของอุณหภูมิ และความทนทานในการใช้งานฮาร์ดแวร์ในระยาวไม่ว่าจะเล่นเกมหนักแค่ไหนก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความร้อนสะสม แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานราวๆ 9 ชั่วโมง ถือว่ายาวนานมากสำหรับ Gaming Notebook แรงลื่นขนาดนี้
MSI Creator 17 ราคา 95,900 บาท
MSI เปิดตัวของใหม่ในงาน CES 2020 เป็น MSI Creator 17 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานมืออาชีพ ได้หน้าจอ 17.3″ เทคโนโลยี Mini LED ความละเอียด 4K UHD รองรับ HDR สเปก Intel Core i Gen 10 H + NVIDIA GeForce รุ่นล่าสุด ที่บอกเลยว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่จัดเต็มจริงๆ ทั้งสเปก ฟีเจอร์ และในส่วนของดีไซน์หรูหราบางเบาตามสไตล์ของ Creator เหมาะมากๆ กับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คแรงๆ เพื่อทำงานในขนาดหน้าจอ 17.3″ อาทิ ตัดต่อวีดีโอ ทำอนิเมชั่น 3D โปรเซสภาพถ่าย หรือ กราฟิกดีไซน์ รวมไปถึงถ้าจะเล่นเกมก็รองรับได้อย่างสมบูรณ์แบบตามมาตรฐานของ MSI
สเปกเต็มๆ ของ MSI Creator 17 รุ่นปี 2020 มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i7 10875H ที่มีความแรงเหนือชั้นกว่า ผสานกับการ์ดจอตัวเทพอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Max-Q ส่วนแรมได้ขนาด 32GB และ SSD ความจุ 1TB มาตรฐาน M.2 NVME PCIe ใส่มาแล้ว 1 สล็อต (เหลืออีก 2 สล็อต) พร้อมมีพอร์ต Thunderbolt 3 การเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 6 AX และ Bluetooth 5.0 ที่สำคัญด้วยความที่เป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานสร้างสรรค์ระดับมืออาชีพตามชื่อรุ่นแล้ว ก็เลยบันเดิลซอฟต์แวร์ Creator Center มาให้พร้อมใช้งานเลย
สำหรับเทคโนโลยีหน้าจอ Mini LED ขนาด 17.3″ ตัวแรกของโลก ซึ่งถือเป็นการปฏิวัติมาตรฐานการแสดงผลบนหน้าจอของโน๊ตบุ๊คอย่างสิ้นเชิง ด้วยคุณสมบัติรองรับความละเอียดสูงสุดที่ 4K, 1000 HDR มาพร้อมความสว่างสูงสุดที่ 1,000 nits ดูมีชีวิตชีวาด้วยไฟ LED ขนาดเล็ก ทำให้เช็ครายละเอียดได้ดียิ่งขึ้น ถึงระดับขาวดั่งสีของผ้า หรือว่าจะเป็นสีดำที่ทำให้เห็นได้ถึงส่วนที่ลึกที่สุดก็ตาม เพราะเปิดปิดไฟได้ตามความต้องการ ให้ความละเอียดที่มากยิ่งขึ้นกว่าที่เคยมีมา รวมถึงรองรับช่วงสีที่กว้างถึง 100% DCI-P3 เหนือยิ่งกว่าความสมจริงของสิ่งที่มนุษย์สามารถเห็นได้ เทียบกับหน้าจอรุ่นปัจจุบันเทพกว่าอย่างเห็นได้ชัด เหมาะสำหรับคนที่ทำงานสายภาพถ่ายที่ต้องการรายละเอียดสูงสุดโดยเฉพาะ
สำหรับ MSI Creator 17 ใช้พื้นฐานเดียวกันมาจาก MSI GS75 Stealth ที่เป็น Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ มาตรฐานใหม่ที่มีความเบาบาง ขอบจอบางที่ได้ความแรงไม่แพง Gaming Notebook เครื่องหนักๆ หนาๆ แบบแต่ก่อน โดดเด่นในเรื่องของการดีไซน์ที่เพกพาได้สะดวก ที่รักษาความเป็นเกมเมอร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยน้ำหนักเพียง 2.25 กิโลกรัม บางที่ 18.95 มิลลิเมตร โดยมีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น 3 x USB 3.1 Type -A , 2 x USB Type-C (1 x Thunderbolt 3) , 1 x HDMI 1.4, RJ45 และ Mic-in/Headphone-out และ microSD Card Reader
โดยฝาหลังและดีไซน์ทั้งหมดมีการปรับให้เรียบหรูขึ้น กับพื้นผิวเรียบๆ พร้อมกับใช้สีเงินเทา Space Grey ตลอดทั้งตัวเครื่อง ตั้งแต่โลโก้ ขอบตัวเครื่อง ทัชแพด แกนบานพับ ช่องระบายความร้อน ซึ่งดูแล้วสวยงามลงตัวเหมาะกัยสายทำงานมืออาชีพมากๆ ส่วนปุ่มเปิดปิดเครื่องถูกติดตั้งบริเวณเหนือคีย์บอร์ด พร้อมไฟ LED แสดงสถานะการทำงาน โดยอยู่ตรงกลางเหนือคีย์บอร์ด พร้อมการติดตั้งช่องลมโปร่งขนาดใหญ่เพื่อให้ช่วยระบายความร้อนที่ดีกว่าเดิม ส่วนลำโพงติดตั้งไว้ตัวเครื่องด้านล่างมุมหน้าซ้ายขวา เรียกได้ว่าใส่ทุกรายละเอียดสมกับเป็น Creator Series ที่เน้นความพรีเมียม
ใช้เทคโนโลยีการระบายความร้อน Cooler Boost Trinity ใช้พัดลม 3 ตัว ตัวละ 47 ใบพัดขนาด 0.2 มิลลิเมตร ซึ่งมีช่องระบายอากาศถึง 4 จุด อยู่ทางด้านหลังและด้านข้างของตัวเครื่อง เป่าไล่ลมร้อนผ่านชุดระบายที่แยกการระบายความร้อนระหว่างชิปประมวลผล (พัดลม 1 ตัว) และกราฟิกการ์ด (พัดลม 2 ตัว) ด้วย Heat Pipes รวมกันถึง 7 เส้น ที่ใหญ่กว่ารุ่นก่อนๆ หายห่วงได้เลยในเรื่องของอุณหภูมิ และความทนทานในการใช้งานฮาร์ดแวร์ในระยาวไม่ว่าจะเล่นเกมหนักแค่ไหนก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความร้อนสะสม