จัดว่าเป็นหนึ่งในสุดยอด 2-in-1 Notebook แห่งปี 2020 สำหรับ HP Spectre x360 รุ่นล่าสุดที่นับว่าเป็นโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 13.3″ ที่มีความบางเบามากๆ โดยมาพร้อมชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10U (Ice Lake) ซึ่งนอกเหนือจากความบางเบาแล้ว ตัวเครื่องยังมีความหรูหราสุดๆ ด้วยสีสัน Poseidon Blue หรือในสีโทนดำเข้มอย่าง Dark Ash Silver ตกแต่งขอบโดยรอบด้วยสี Copper Luxe การออกแบบคำนึงถึงความสะดวกในการใช้งาน วัสดุอลูมิเนียมทั้งตัวเครื่องผ่านกระบวนการขึ้นรูป CNC ระดับสูง กับความบางที่ 14.7 มิลลิเมตร และเบาเพียง 1.3 กิโลกรัมเท่านั้น
สเปก HP Spectre x360 ปี 2020 มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 (Ice Lake) อย่าง Core i5-1035G4 / Core i7-1065G7 ขับเคลื่อนด้วยแรมขนาด 8 – 16GB LPDDR4 Bus 3200 MHz และฮาร์ดดิสก์ความเร็วสูง SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ทำงานร่วมกับ Intel Optane Memory ความจุ 32GB หน้าจอแสดงผลขอบจอบางเฉียบขนาด 13.3″ พาเนล IPS / OLED ความละเอียด Full HD / Ultra HD กระจกเป็น Corning Gorilla แข็งแรงทนทาน รองรับทัชสกรีน สนนราคาเริ่มต้นที่ 42,990 บาท พร้อมประกัน 3 ปี On-site Service เรียกได้ว่าเหมาะมากๆ สำหรับคนที่กำลังมองหา Ultrabook พรีเมียมหรือ 2-in-1 Notebook ที่เจ๋งเหนือใคร !!
NBS Verdict
เรียกได้ว่าถ้าให้เทียบ HP Spectre x360 ก็ถือว่าเป็นตัวชนกับ Ultrabook หรือ 2-in-1 Notebook ระดับไฮเอนด์ของทุกแบรนด์โดยตรง ทั้งจากดีไซน์การออกแบบและสเปกด้านใน แต่บางจุด HP Spectre x360 ปี 2020 มีความเหนือชั้นกว่า ด้วยหน้าความละเอียดสูงตามมาตรฐา Ultra HD 4K ที่ 3840 x 2160 พิกเซล ใช้เป็นพาเนล OLED ที่มีคุณภาพระดับมืออาชีพ sRGB ที่ 100% และ AdobeRGB ที่ 99% บ่งบอกความเป็นที่สุดได้เป็นอย่างดี กับอะไรที่มากกว่านอกเหนือจากเป็นโน๊ตบุ๊คเพื่อไว้ใช้งานแล้ว ยังเป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ที่สื่อถึงภาพลักษณ์ของเราอีกด้วย
แน่นอนว่ามีความบางเบาและพรีเมียมอย่างสุดๆ โดยรวมแล้วนั้นถือว่า HP Spectre x360 ปี 2020 เป็น 2-in-1 Notebook ที่ดีมากๆ รุ่นหนึ่ง ดีไซน์บางเฉียบน้ำหนักเบาสุดๆ มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งรองรับอนาคตได้อีกไกลแบบสบายๆ ด้วยสเปก Intel Core i Gen 10U (Ice Lake เทคโนโลยีการผลิต 10 นาโนเมตร) แรม 16GB LPDDR4 Bus 3200 MHz และ SSD M.2 ความจุ 512GB โดยทำงานร่วมกับ Intel Optane Memory ความจุ 32GB แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 แบบทั่วไปชัดเจน มีการเชื่อมต่อได้มาตรฐาน Intel Wi-Fi 6 AX 201 (2×2) และ Bluetooth 5 Combo รวมไปถึงมีประกันถึง 3 ปีแบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน
ที่สำคัญด้วยความที่เป็น 2-in-1 Notebook ก็ทำให้สามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ไม่จะเป็น Notebook / Stand / Tent / Tablet ซึ่งเป็นผลจากการมาของระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro ที่รองรับระบบหน้าจอสัมผัสได้เต็มประสิทธิภาพ พร้อมปากกาสไตลัส HP Active Pen รุ่นใหม่อีกด้วย จึงทำให้ผู้ผลิตต่างๆ ได้ส่งผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ ออกมากันเพียบ ซึ่ง HP Spectre x360 รุ่นใหม่นี้ก็จัดได้ว่าเป็นหนึ่งสินค้าที่พิเศษกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป
หรือจะกล่าวว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายขึ้นของคนยุคนี้ก็ว่าได้ HP Spectre x360 ปี 2020 ที่แม้ว่าดูราคาแล้วอาจจะสูงซักหน่อยถ้าเทียบกับสเปกที่ได้ แต่ก็เหมาะสำหรับคนที่ต้องการคอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถที่หลากหลายแบบในหนึ่งเดียว ที่เป็นได้ทั้งโน๊ตบุ๊คสุดบางเบาสวยหรู และเป็นแท็บเล็ตได้เต็มรูปแบบ พร้อมที่จะ Work, Play & Sharing ได้ในทุกที่ทุกเวลา ส่วนตัวถือว่าถ้างบไม่ใช่ปัญหา HP Spectre x360 น่าจัดมาใช้งานที่สุดสำหรับผลิตภัณฑ์ในปี 2020 นี้แล้ว จุดเด่น
- เป็น 2-in-1 Notebook จอ 13.3″ มีความพรีเมียมบางเบาที่สุดรุ่นหนึ่ง
- มีประสิทธิภาพโดยรวมที่ดี ด้วยชิปประมวลผล Core i7-1065G7 / RAM 16GB / SSD 512GB
- SSD ทำงานร่วมกับ Intel Optane Memory ความจุ 32GB ให้ความเร็วลื่นแรงที่มากกว่า
- หน้าจอความละเอียด Ultra HD 4K พาเนล OLED ให้สีสันที่สดใส ให้ขอบเขตสี sRGB 100%
- เปิดเครื่องหรือตื่นจากโหมด Sleep, Boot เครื่อง และเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้อย่างรวดเร็ว
- ดีไซน์การออกแบบสวยและงานประกอบมีความประณีต ดูหรูหราและโดดเด่น
- ใช้วัสดุชั้นดีอย่างอลูมิเนียมทำให้ตัวเครื่องแข็งแรงทนทาน
- เป็นโน๊ตบุ๊คที่มีคุณสมบัติ 2-in-1 Notebook ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
- มีไฟ Backlit Keyboard สวยงาม รวมถึงใช้งานได้เป็นอย่างดี
- มีช่องทางเชื่อมต่อความเร็วสูงรุ่นล่าสุดอย่าง Thunderbolt 3 จำนวน 2 พอร์ต
- แม้จะบางเฉียบแต่ก็ยังติดตั้ง USB 3.1 มาตรฐาน Type-A มาให้อยู่ 1 พอร์ต
- มีปากกาสไตลัส HP Active Pen รุ่นใหม่ ชาร์จผ่าน USB-C มาให้พร้อมใช้งาน
- มีตัวแปลง USB 3.1 Type-C มาให้ในบันเดิลเลย รองับพอร์ตหลากหลาย
- สแกนลายนิ้วมือ Fingerprint ไว้ใช้งานร่วมกับ Windows Hello เพื่อเข้าใช้งาน
- รองรับการเชื่อมไร้สายอย่าง Intel Wi-Fi 6 AX 201 (2×2)
- แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ยาวนานสุดถึง 9 ชั่วโมง (ขึ้นไป)
- มีซอฟต์เคสลักษณะเป็นซองหนังสุดหรู อแดปเตอร์ก็ดูดีกว่าทั่วไป
- มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ใช้งานได้ทันที
- รับประกันอยู่ที่ 3 ปี พร้อมบริการ On-site Service และบริการอื่นๆ
ข้อสังเกต
- ไม่สามารถอัพเกรดใดๆ ได้เลยในภายหลัง
- ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพ
- ตัวเครื่องค่อนข้างมีความร้อนสูง
- แบตเตอรี่น่าจะใช้งานได้ยาวนานกว่านี้
Specification
HP Spectre x360 ปี 2020 สเปก Intel Core i Gen 10U มีอยู่หลายๆ รุ่น เริ่มต้นเป็นสเปก Core i5-1035G1 ราคา 42,990 บาท และ Core i7-1065G7 ราคา 55,990 บาท ที่เป็นชิปประมวลผลสถาปัตยกรรม Ice Lake เทคโนโลยีที่ 10 นาโนเมตร ที่เล็กและร้อนน้อยกว่าเดิม เพิ่มเติมด้วย AI มาช่วยการประมวลผลให้ดียิ่งขึ้น แน่นอนว่ารองรับทุกๆ การทำงานได้ดีขึ้น ทั้งดูหนังฟังเพลง ใช้งานเอกสาร ใช้งานอินเตอร์เน็ต หรือทำงานหนักๆ รวมไปถึงเล่นเกมออนไลน์ก็ยังพอได้ ได้หน้าจอแสดงผลขนาด 13.3″ ความละเอียด Ultra HD 4K พาเนล OLED ความคมชัดสูง
ซึ่งรุ่นที่นำมารีวิวเป็นสเปกชิปประมวลผล Intel Core i7-1065G7 ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด มีความเร็วที่ 1.30 – 3.90 GHz ส่วนการ์ดจอเป็นออนชิปรุ่นใหม่ Iris Plus Graphics G7 ที่แรงกว่าเดิม ได้แรม 16GB LPDDR4 Bus 3200 MHz และ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ที่ทำงานร่วมกับ Intel Optane Memory ความจุ 32GB ให้ความเร็วลื่นแรงที่มากกว่า หน้าจอเป็นพาเนล IPS ระดับสูง ขนาด 13.3″ ความละเอียด Ultra HD 4K พร้อมได้มุมมองที่กว้างและสีสันสดใส รองรับการทัชสกรีนเต็มรูปแบบ โดยเป็นกระจก Corning Gorilla ให้ความทนทานอย่างที่สุด ตัวเครื่องติดตั้งกล้อง Webcam ความคมชัดระดับ HD และไมโครโฟนแบบ Dual Microphone ไว้สำหรับแชท และวิดีโอคอลได้อย่างคมชัดลื่นไหล
พร้อมสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint ไว้ใช้งานร่วมกับ Windows Hello เพื่อเข้าใช้งาน ที่สำคัญยังมีพอร์ตเชื่อมต่ออย่าง Thunderbolt 3 ที่ออกแบบมาพิเศษ เข้ากับตัวเครื่องสุดบางมาให้ด้วย แน่นอนว่ารองรับการเชื่อมไร้สายอย่าง Intel Wi-Fi 6 AX 201 (2×2) และ Bluetooth 5 Combo ตัวเครื่องติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 และซอฟต์แวร์เอกสิทธิ์ของ HP ที่สำคัญบันเดิลยังให้ปากกาสไตลัส HP Active Pen รุ่นล่าสุด รวมไปซอฟต์เคสหนังสุดหรูบันเดิล พร้อมด้วยอแดปเตอร์ตัวแปลงเป็น HDMI, USB Type-A, USB Type-C รวมไปพอร์ตชาร์จไฟก็โดนจับไปรวมกับ Thunderbolt 3 ด้วย
Hardware / Design
ด้านดีไซน์การออกแบบ HP Spectre x360 ปี 2020 ถือว่าเป็น 2-in-1 Notebook ตัวท็อปสุดในตลาดอีกหนึ่งรุ่น เพราะด้วยความบางตัวเครื่องระดับ 14.7 มิลลิเมตร กับน้ำหนักแค่ 1.3 กิโลกรัมเท่านั้น โดยตามภาพประกอบมาพร้อมสี Poseidon Blue ตัดกับสี Copper Luxe (อีกตัวเลือกเป็น Dark Ash Silver) ที่ดูแพงและหรูหรากว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปแบบเห็นได้ชัด ซึ่งทุกรายละเอียดพร้อมสร้างความแตกต่าง จากทั้งวัสดุอลูมิเนียมที่มอบภาพลักษณ์ความหรูหราเหนือระดับ พร้อมขอบตัวเครื่องแบบมันวาว สะท้อนความงามที่แตกต่างในสองมิติ
ถือได้ว่างานประกอบเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ HP Spectre x360 ปี 2020 ทำได้เป็นอย่างดีที่สุดในเรื่องของการออกแบบให้มีความบางแต่ยังคงมีความแข็งแรงอยู่ ที่ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่ผู้ผลิตรายอื่นๆ นำไปทำตามได้ยาก รวมไปถึงบานพับโน๊ตบุ๊คแบบสองข้อ ก็เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจจากรายละเอียดงานดีไซน์เฟอร์นิเจอร์ระดับไฮเอนด์ ที่พร้อมสะกดทุกสายตาด้วยบานพับดีไซน์เรียบหรูสะอาดตา ซึ่งบริเวณนั้นยังมีคำว่า Spectre ด้วย เพื่อเป็นการยืนยันถึงความพรีเมียม
จากการที่ตัวเครื่องดีไซน์มุมตัดช่วยให้เปิดฝาพับง่ายขึ้นและสวยเด่นขึ้นแบบ Gem Cut Design เหลี่ยมหน้าตัดเลียนแบบการเจียระไนอัญมณี ส่งผลให้มีการติดตั้งปุ่ม Power (Wake Up / Sleep) ยังได้ถูกออกแบบเอาไว้ขอบตัวเครื่องด้านนอก อีกทั้งที่มุมเครื่องสำหรับการเชื่อมต่อ Thunderbolt 3/ USB-C ได้สะดวกขึ้น ดูแล้วอาจจะไม่คุ้นตาเหมือนกับ Ultrabook รุ่นอื่นๆ แต่เมื่อใช้งานจริงแล้วพบว่าสามารถใช้งานได้คล่องตัวและสะดวกมากๆ จากการที่มันเป็น 2-in-1 Notebook พับได้ 360 องศานั่นเอง
ด้านล่างตัวเครื่องของ HP Spectre x360 จะเห็นว่ายางรองตัวเครื่องขนาดใหญ่ 2 เส้นยาวเพื่อยกตัวเครื่องให้สูงขึ้นและเวลาใช้งานจะแน่นหนากับพื้นที่วาง พร้อมช่องดูดลมเย็นขนาดใหญ่ สำหรับส่วนของน็อตก็เป็นแบบพิเศษ แน่นอนว่าตรงนี้จะมีโลโก้ Windows 10 นอกจากนี้ตรงส่วนขอบด้านหน้าที่ใช้ยกฝาจอเพื่อเปิดเครื่องใช้งานก็จะมีการทำเป็นเว้าร่องลงไปเพื่อช่วยในการเปิดเครื่องที่ง่ายขึ้น ยกระดับความปลอดภัยด้วยฟีเจอร์ Webcam Kill ปกป้องความเป็นส่วนตัวบนจอ และปุ่มปิด-เปิดกล้องเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน
ส่วนระบบระบายความร้อนก็ได้ติดตั้งอยู่ใต้หน้าจอ โดยบานพับเป็นแบบแกนเดียวขนาดใหญ่ที่แลดูแข็งแรงทนทานเข้ากับเครื่อง อาศัยระบบระบายความร้อนด้วยพัดลม 2 ตัว ที่นำพาความร้อนไปได้ดีกว่า นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Privacy Screen นี้กับคุณสมบัติลดมุมมองหน้าจอลง เพื่อไม่ให้คนอื่นมาส่องมาเผือกได้เวลาที่ใช้งานนอกสถานที่อีกด้วย
สรุปสำหรับตัวเครื่องและดีไซน์การออกแบบของ HP Spectre x360 นั้น เป็นการต่อยอดจากรุ่นเดิมที่ดูลงตัว เพราะดูแล้ว HP ทำการบ้านมาเป็นอย่างดีกับ 2-in-1 Notebook เน้นความพรีเมียมและครบเครื่องที่สุด ให้ภาพลักษณ์โดยรวมนั้นทำได้เป็นอย่างดีน่าประทับใจ ที่สำคัญคือมีฟีเจอร์ต่างๆ มากมาย อย่างที่หาไม่ได้ในโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ แน่นอน
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ HP Spectre x360 ปี 2020 ได้มีความแตกต่างจากคีย์บอร์ดโน๊ตบุ๊คบางเบารุ่นอื่นๆ เพราะเป็นคีย์บอร์ดเรืองแสงสีขาว (Backlit Keyboard) ให้แสงสว่างในการทำงาน ที่ตอบสนองได้ดีกว่าคีย์บอร์ดทั่วไปแบบรู้สึกได้แถมยังสวยงามหรูหราด้วยสีขาวที่ดูเข้ากับสีตัวเครื่องเป็นอย่างดี ส่วน Layout คีย์บอร์ดยังคงเป็น 4 แถวขนาด Full Size ซึ่งในด้านการใช้งานในการพิมพ์ ก็ตอบสนองได้เป็นอย่างดีทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือแบบใหม่ที่เพียงแตะเท่านั้น คล้ายๆ ใช้งานพวกสมาร์ทโฟน ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่ใช้งานได้ง่ายและสะดวกมากๆ
ทัชแพดเป็นวัสดุกระจกแบบด้านมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบซ่อนปุ่มคลิกซ้ายขวา มองไปแล้วไม่เห็นปุ่มแยกออกมาเช่นเดียวกับโน๊ตบุ๊คปัจจุบันหลายๆ รุ่น การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดีเยี่ยมมากๆ ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี ซึ่งจะช่วยให้เคอร์เซอร์ไม่เลื่อนไปจากตำแหน่งเก่าขณะกำลังพิมพ์ ถ้าผู้ใช้เผลอนำมือไปโดนทัชแพดเข้า
Screen / Speaker
หน้าจอบางเฉียบ Micro Edge display ของ HP Spectre x360 มีความละเอียดสูงตามมาตรฐา Ultra HD 4K ที่ 3840 x 2160 พิกเซล ใช้เป็นพาเนล OLED ที่มีคุณภาพระดับมืออาชีพ ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่น True Black HDR เพื่อทัศนวิสัยคมชัดสดใส เหนือชั้นกว่า IPS ส่งผลให้มีสีสันสวยสมจริง คมชัดในทุกมุมมอง ซึ่งให้ประสบการณ์การใช้งานที่ค่อนข้างน่าประทับใจ โดยการใช้หน้า Desktop ปกติที่ตัวหนังสือหรือปุ่มต่างๆ มีความเรียบเนียนตาทำให้ใช้งานได้สะดวก
เรียกได้ว่ากำลังพอดีทีเดียว สำหรับวัสดุในการผลิตกระจกก็เป็นหน้าจอกระจกแบบ Corning Gorilla แบบ Edge-to-edge ทนทานต่อรอยขีดข่วน ซึ่งมีแสงสะท้อนบ้างแต่ก็น้อยกว่ากระจกธรรมดาทั่วไปเยอะ เพราะได้มีการเคลือบสารป้องกันการสะท้อนลงไปอีก อย่างไรก็ตามในการใช้งานไม่ควรหันจอไปทางแหล่งกำเนิดแสงหรือในที่ที่สว่างมากๆ เพราะอาจจะรบกวนการทำงานของเราได้
ที่สำคัญคือ HP Spectre x360 ยังมีฟีเจอร์เพื่อความอุ่นใจ ด้วยสวิตช์ Webcam Kill ปุ่มเลื่อนไปมาสำหรับเปิดปิดการใช้งานกล้องเว็บแคม ที่ช่วยเราให้เรื่องของความเป็นส่วนตัว ที่ไม่ต้องหากระดาษมาแปะที่กล้องเว็บแคมโดยตรงอีกต่อไปเหมือนโน๊ตบุ๊คปกติ ดังนั้นจึงไม่มีใครที่เจาะข้อมูลเราได้ หรือแม้แต่การเผลอเปิดเอง ทำให้สนุกให้เต็มที่ ทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องแคร์สายตาใคร
ทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ HP Spectre x360 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS คุณภาพดี แต่ดีแค่ไหนต้องทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรตหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด นอกจากนี้เรายังทำการ Display Analysis ดูประสิทธิภาพการแสดงผลแบบละเอียด อย่างที่ดูด้วยตาเปล่าไม่สามารถบอกได้ จึงต้องใช้เครื่องมือช่วย โดยขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 100% และ AdobeRGB ที่ 99% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับสูงที่สุด เมื่อเทียบกับ IPS ที่หลายๆ รุ่นเลือกใช้เป็นปกติจะเห็นว่าเหนือกว่ามากๆ โดยมีความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างที่ดี ของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ คือรองรับการใช้งานที่กลางแจ้งได้สบายๆ อย่างไรก็ตามถ้าจะเอาไปทำภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นสีตรงกับอุปกรณ์เกี่ยวพ่วงก็ควรคาลิเบรตเสียก่อน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ แบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องมุมซ้ายบนที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ไม่มีผิดเพี้ยน แต่สำหรับช่องกลางล่างจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปที่ 4% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 นับได้ว่าสมกับพาเนล OLED จริงๆ
ด้านของลำโพงนั้นมีอยู่ 2 ตัวด้วยกัน ติดตั้งซ้ายขวาขอบบนของตัวเครื่องด้านล่าง เรื่องของความดังของเสียงเรียกว่าทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจทีเดียว ส่วนคุณภาพเสียงต้องบอกว่าเป็นของ Bang & Olufsen ที่ไว้ใจได้ คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีเพียงพอแบบสบายๆ แล้ว และดีกว่าโน๊ตบุ๊ค HP รุ่นอื่นๆ พอตัวรวมไปถึงยังมีเทคโนโลยี HP Audio Boost ช่วยเพิ่มเสียงให้ก้องกังวาล เต็มอิ่มกับประสบการณ์ความบันเทิงถึงขีดสุดจากเสียงคมชัด
Connector / Thin And Weight
สำหรับพอร์ต Thunderbolt 3 (40 Gb/s signaling rate, Power Delivery 3.0, DisplayPort 1.4, HP Sleep and Charge) บน HP Spectre x360 ปี 2020 ได้ถูกติดตั้งไว้บริวเณขอบตัวเครื่องด้านขวา รองรับการชาร์จไฟจากอแดปเตอร์ หรือโอนถ่ายข้อมูลความเร็วสูง รวมไปถึงเชื่อมต่อหน้าจอความละเอียด Ultra HD โดยมีอยู่ 2 พอร์ตด้วยกัน ที่โดดเด่นคือ แม้ตัวเครื่องจะบางเฉียบแต่ก็ยังติดตั้งพอร์ต USB 3.1 Type A (HP Sleep and Charge) มาตรฐานเดิมมาให้ด้วย แต่เป็นแบบพิเศษที่เรียบเนียนไปกับตัวเครื่อง การใช้งานคือเราต้องเปิดฝาออกมาก่อนจากนั้นจึงจะเสียบสายได้ นับได้ว่าเป็นการออกแบบที่ล้ำหน้าและได้ใช้งานจริง เพราะปกติแล้วถ้าเครื่องบางมากหรือออกแบบมาพิเศษ จะโดนตัด USB 3.1 Type A ออกไปด้วย แน่นอนว่ายังมีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร และ micro-SD Card Reader ไว้ถ่ายโอนข้อมูล ติดตั้งเอาไว้อยู่ด้วย
ซึ่งถ้าคิดว่าไม่เพียงพอต่อการใช้งานแล้วล่ะก็ไม่ต้องกังวล เพราะทาง HP ได้ให้อุปกรณ์เสริม อย่างยอแดปเตอร์ตัวแปลง USB-C Hub บันเดิลให้ในชุดฟรีๆ ไม่ต้องไปหาซื้อเองให้เสียงเงินและวุ่นวาย โดยรองรับขยายพอร์ตการใช้งานเป็น HDMI, USB Type-A, USB Type-C รวมไปถึงพอร์ตชาร์จไฟก็สามารถใช้งานได้ผ่านทาง USB-C Hub นี้ได้ด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่าในส่วนนี้ HP คิดมาเป็นอย่างดี เข้าใจผู้ใช้งานอย่างแท้จริง
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของ 2-in-1 Notebook หน้าจอ 13.3″ ทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่เล็กกว่าพอสมควร ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น อยู่ที่ 1.3 กิโลกรัม ก็จัดว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลย ถือมือเดียวได้อย่างสบายๆ หรือพกใส่กระเป๋าทั้งวันก็ไม่เป็นปัญหา และเมื่อรวมกับตัวอแดปเตอร์เข้าไปด้วย ก็จะมีน้ำหนัก 1.6 กิโลกรัมนิดๆ โดยในส่วนของอแดปเตอร์เตอร์ก็มีความพิเศษมากๆ จากการที่ดีไซน์มาได้สวยงาม ซึ่งสามารถพันสายเก็บได้เรียบร้อย รวมไปถึงตัวสายเองก็เป็นสายแบบถักที่นอกจากหรูหราแล้วยังทนทานอีกด้วย
Using Experience
HP Spectre x360 ปี 2020 ตอบสนองได้อย่างหลากหลายจากการที่เป็น 2-in-1 Notebook ที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ด้วยการพับใช้งานถึง 4 รูปแบบด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Notebook / Stand / Tent / Tablet ที่ทีมงานของเรานั้นนำไปใช้งานอะไรบ้าง และรูปลักษณ์เมื่อเปลี่ยนไปใช้โหมดต่างๆ นั้น จะมีลักษณะเป็นอย่างไร HP Spectre x360 ก็ต้องบอกว่าวางใจได้เลยเรื่องความทนทาน เพราะมีการออกแบบบานพับใหม่ที่สามารถเปิดปิดหรือปรับระดับได้อย่างลื่นไหลได้เหมือนใหม่ทุกครั้ง ทนทานต่อการสึกหรอแน่นอน ใช้ได้สบายใจหายห่วง
สำหรับปากกาสไตลัส HP Active Pen รุ่นล่าสุด รองรับชาร์จไฟผ่านทาง USB-C ทำให้เราสะดวกยิ่งขึ้น พัฒนาจากรุ่นก่อนๆ ที่ต้องใช้ถ่าน AAAA โดยปากกาสไตลัส HP Active Pen ทาง HP ได้ร่วมกับ Wacom ในการผลิต มาพร้อมกับความสามารถในการใช้งานแบบ N-Trig, มีปุ่มบนตัวสไตลัสจำนวน 2 ปุ่มทางด้านข้างและทางด้านบน และที่สำคัญสไตลัสนี้ยังรองรับระดับแรงกดได้มากถึง 4,096 ระดับเลยทีเดียว เสมือนใช้งานเป็นปากกาหรือดินสอจริงๆ ได้ เรียกได้ว่าจะลืมการใช้กระดาษแบบเดิมๆ ไปเลย
Notebook Mode เป็นรูปแบบธรรมดาทั่วไปเหมือนกับโน๊ตบุ๊คปกติ เน้นสำหรับการใช้งานทั่วไป เล่นอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงงานเอกสารต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้คีย์บอร์ดและทัชแพดในการควบคุมเหมือนโน๊ตบุ๊คปกติ
Stand Mode เน้นใช้งานที่ระบบจอสัมผัสของตัวเครื่องอย่างเดียวและวางไว้บนพื้นที่ราบ โดยรูปแบบการใช้งานนี้จะเน้นไปทางการใช้งานแอพพลิเคชั่นของ Windows เอง หรือเน้นไปทางการดู Youtube หรือชมภาพยนตร์เป็นหลัก พร้อมรองรับการทำงานแบบมัลติทัชได้พร้อมกันมากสุดที่ 10 จุดพร้อมกัน
Tent Mode ค่อนข้างจะคล้ายกับ Stand Mode ก่อนหน้านี้ แต่จะอยู่ในรูปทรงตั้งเครื่องเอาไว้เป็นลักษณะสามเหลี่ยม ใช้ในการวิวดูข้อมูลการแสดงผลหน้าจอเป็นหลัก อีกทั้งยังสามารถจับพาดหรือเกาะกับสิ่งของรอบๆ ได้
Tablet Mode ด้วยการพับหน้าจอกลับแบบ 360 องศา จนฝาหลังและฐานใต้เครื่องมาติดกัน เราก็จะได้แท็บเล็ตที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งเรามีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เหมาะสำหรับการเอาไว้เล่นเกมหรือดู E-Book อย่างที่แท็บเล็ตอื่นๆ ทั่วไปในตลาดสามารถทำได้
บอกได้เลยว่าสำหรับใครที่กำลังมองหา 2-in-1 Notebook ซักตัวที่พกพาสะดวกและอยากได้ความพรีเมียมไฮเอนด์ มีความสามารถครบครันทั้งในเรื่องของการทำงานทั่วไปหรือแท็บเล็ตที่ทำงานร่วมกับโปรแกรมบน Windows 10 ได้อย่างลื่นไหล ก็สามารถเลือก HP Spectre x360 เป็นหนึ่งใน 2-in-1 Notebook ที่ไว้ตัดสินใจได้เลย
Performance / Software
HP Spectre x360 (2020) ที่ได้รับมารีวิวเป็นสเปกขายจริง ได้ชิปประมวลผลรุ่นล่าสุดระดับกลางอย่าง Intel Core i7-1065G7 สถาปัตยกรรม Ice Lakeใหม่ล่าสุด ทำงานแบบ 4 Core / 8 Thread ความเร็ว 1.30 – 3.90 GHz เทคโนโลยีการผลิตที่ 10 นาโนเมตร มีค่า TDP ที่ 15 – 25 Wattโดยมีการ์ดจอบนชิปเป็น Intel Iris Plus Graphics G7 ที่รองรับการใช้งานทั่วไปได้สบายๆ รวมไปถึงงาน 3 มิติก็ยังพอได้
สำหรับการ์ดจอเป็นแบบออนชิปอย่าง Intel Iris Plus Graphics G7 รุ่นใหม่ระดับบนที่สุด (รุ่นล่างกลว่าจะเป็น G1 / G4) ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีใกล้เคียงกับการ์ดจอแยกในโน๊ตบุ๊คบางเบา การทำงานเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับที่ดี รวมถึงกรณีเชื่อมต่อหน้าจอแยกก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูง 4K ได้แบบไม่มีปัญหา
ส่วนแรมก็ให้มาเป็นแบบ 16GB LPDDR4 Bus 3200 MHz ที่เพียงพอต่อการใช้งานทันที อีกทั้งได้ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ที่ได้ทั้งขนาดที่ใหญ่ใส่ไฟล์ได้เยอะ และเป็นรุ่นเกรดสูงความเร็วสูง โดยมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home Single Language มาตั้งแต่แกะกล่อง ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงเรื่องลิขสิทธิ์ Windows เลยครับ ส่วนถ้าต้องการเคลียร์เครื่อง ก็สามารถใช้งานฟังก์ชัน Reset this PC ที่อยู่ใน Settings ของ Windows 10 ได้เลยโดยไม่ต้องฟอร์แมต SSD เพื่อลง Windows ใหม่
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผลอย่าง Core i Gen 10U สถาปัตยกรรม Ice Lake คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้วอย่าง Core i Gen 8U (แต่ถ้าเป็น Comet Lake จะแรงกว่านี้ชัดเจน) รวมไปถึงตัวการ์ดจอแยกเองก็มีประสิทธิภาพสูงพอตัว เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก แน่นอนว่าถ้าเอาไปใช้งานทั่วไปพื้นฐานก็มีความลื่นไหลไร้ปัญหาแน่นอน
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe ระดับสูงทำงานร่วมกับ Intel Optane Memory ความจุ 32GB แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 แบบทั่วไปชัดเจน ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3471 MB/s และเขียนที่ 2531 MB/s เป็นระดับความเร็วในการเขียนอ่านทำงานโดยรวมที่น่าประทับใจ จัดว่าเป็น SSD M.2 ระดับบน แรงเกินการใช้งานทั่วไปจริงๆ
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 3886 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ หรือทำงานประมวลผลหนักๆ บ้าง จากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10U ซึ่งแม้ไม่มีการ์ดจอแยก แต่ก็มีการ์ดจอออนชิปอย่าง Intel Iris Plus Graphics G7 ที่แรงลื่น ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คในสเปกใกล้เคียงกันนั่นเอง
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ HP Spectre x360 ปี 2020 รวมไปถึงโน๊ตบุ๊ค HP ทุกรุ่น ก็คือมาพร้อมซอฟต์แวร์บันเดิลอย่าง HP Support Assistant เวอร์ชั่นล่าสุด โดยเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราดูแลคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสม ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โปรแกรมนี้ยังระบุข้อมูลที่สำคัญสำหรับแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นหมายรวมไปถึงการอัพเดทไดร์เวอร์ต่างๆ และ Windows ด้วย จัดได้ว่าดีและใช้งานได้จริง
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ HP Spectre x360 ปี 2020 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่จากการทดสอบด้วยการเปิด Wi-Fi และปรับเป็น Power Saver Mode ทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ราวๆ 9 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานอย่างการดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต คาดว่าจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน ดูแล้วถือว่าใช้งานได้ยาวนาน จนแทบไม่ต้องอแดปเตอร์ไปข้างนอกสถานที่ด้วยเลย ส่วนช่องระบายความร้อนจะอยู่ด้านบนบริเวณข้อพับจอ โดยออกแบบให้ซ่อนตัวเอาไว้ด้านหลังติดกับกรอบอลูมิเนียมของจอ ถึงพับจอก็ไม่เห็นช่องระบายความร้อนเลย
อุณหภูมิปกติของชิปประมวลผลจะอยู่ที่ 40 – 50 – 60 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดที่ 100 องศาเซลเซียส ซึ่งดูเหมือนว่าจะร้อนจริงๆ แต่ก็สามารถนำพาความร้อนออกไปด้วยความรวดเร็วเช่นกัน ด้วยพัดลม 2 ตัวแบบหมุนรอบจัด ถือว่าทำได้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ อย่างไรก็ตามด้วยการที่ระบบระบายความร้อนของ HP Spectre x360 ไม่ได้ออกแบบมาให้ทำงานหนักๆ ตลอดเวลา เหมือน Gaming Notebook เครื่องอื่นๆ ซึ่งจากการทดสอบให้เครื่องประมวลผลผลหนักๆ หลายชั่วโมง อย่างไรก็ตามตัวเครื่องไม่ได้เกิดอาการค้าง หน่วง หรือมีปัญหาแต่อย่างใด จากการที่ชุดระบายความร้อนไม่ได้ใหญ่แถมตัวเครื่องยังบางเฉียบอีกด้วย
Conclusion / Award
โดยรวมแล้วนั้นถือว่า HP Spectre x360 ปี 2020 เป็น 2-in-1 Notebook ที่ดีมากๆ รุ่นหนึ่ง การมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งรองรับอนาคตได้อีกไกลแบบสบายๆ ด้วยสเปก Intel Core Core i Gen 10U อย่าง Core i7-1065G7 ได้แรม 16GB LPDDR4 Bus 3200 MHz และ SSD 512GB แน่นอนว่ามีความบางเบาและพรีเมียมอย่างสุดๆ ด้วยการประกอบและดีไซน์สุดเนียบ ที่สำคัญยังเหนือชั้นกว่ารุ่นอื่นๆ ด้วย หน้าจอความละเอียดสูงตามมาตรฐา Ultra HD 4K ที่ 3840 x 2160 พิกเซล ใช้เป็นพาเนล OLED มาตรฐาน sRGB ที่ 100% และ AdobeRGB ที่ 99% รวมถึงมีฟีเจอร์เพื่อความอุ่นใจ ด้วยสวิตช์ Webcam Kill ซึ่งให้ความปลอดภัยอย่างที่สุด
ซึ่งจากการที่เป็น 2-in-1 Notebook ทำให้ใช้งานได้หลากหลายโหมด ไม่จะเป็น Notebook / Stand / Tent / Tablet ซึ่งเป็นผลจากการมาของระบบปฏิบัติการ Windows 10 ที่รองรับระบบหน้าจอสัมผัสได้เต็มประสิทธิภาพ พร้อมปากกาสไตลัส HP Active Pen รุ่นล่าสุด รองรับชาร์จไฟผ่านทาง USB-C ทำให้เราสะดวกยิ่งขึ้น พัฒนาจากรุ่นก่อนๆ ที่ต้องใช้ถ่าน AAAA โดยปากกาสไตลัส HP Active Pen ทาง HP ได้ร่วมกับ Wacom ในการผลิต จึงทำให้เราได้ประสบการณ์ใช้งานได้ที่เยี่ยมยอด ซึ่ง HP Spectre x360 รุ่นใหม่นี้ก็จัดได้ว่าเป็นหนึ่งสินค้าที่พิเศษกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป หรือจะกล่าวว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายขึ้นของคนยุคนี้ก็ว่าได้
แน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะใช้งานตามร้านกาแฟ ออฟฟิศ หรือทุกๆ ที่ที่เราต้องการหยิบออกมาใช้งาน สมกับเป็น 2-in-1 Notebook ระดับสูง ที่เราสามารถนำติดตัวไปได้ตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมต่างๆ การทำงานขององค์กร หรือความบันเทิงส่วนตัว ที่ HP Spectre x360 ตอบโจทย์ได้ทั้งหมด
HP Spectre x360 ยังมาพร้อมกับระบบเสียง Bang & Olufsen คุณภาพดี ที่จัดได้ว่าให้อรรถรสของเสียงได้ดีกว่าลำโพงทั่วไปแบบรู้สึกได้ มีการเชื่อมต่อได้มาตรฐาน Intel Wi-Fi 6 AX 201 (2×2) และ Bluetooth 5 Combo รวมไปถึงมีประกันถึง 3 ปีแบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน ทำให้ HP Spectre x360 เป็น 2-in-i Notebook ที่มีความโดดเด่นเหนือกว่าคู่แข่งหลายๆ ตัวในตลาด สนนราคาอยู่ที่ 55,990 บาท ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คระดับไฮเอนด์ตามมาตรฐาน
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของ 2-in-1 Notebook ขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง HP Spectre x360 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้ Best Design เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Spectre มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน HP Spectre x360 ปี 2020 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ วัสดุอลูมิเนียมคุณภาพสูง งานประกอบแน่นหนา ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์ครุ่นใหม่ ขอบจอก็บางเฉียบ ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนยอมรับกันอยู่สำหรับคนนำไปทำงานเป็นทางการ โดยมีสีสันให้ความโดดเด่นภาพลักษณ์ดี อีกทั้งการออกแบบ HP Spectre x360 ยังรองรับการพับหน้าจอ 360 องศา ตามลักษณะการใช้งานของ 2-in-1 Notebook ที่ให้ความบางเบาอีกด้วย
Best Mobility ส่วนของความสามารถในการพกพาก็ยังคงอยู่ในระดับที่ดีตามสไตล์ของ 2-in-1 Notebook ทั้งในความบางเฉียบและน้ำหนักเบา ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก แถมไม่ต้องกลัวว่าเครื่องจะมีปัญหาอีกด้วย เพราะระบบไม่ได้ใช้ฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุน ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการจับถือมากนัก สามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที อแดปเตอร์ก็ทำออกมาให้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก พกพาสะดวก รวมน้ำหนักแล้วยังไม่ถึง 1.3 กิโลกรัม ที่สำคัญแบตเตอรี่ยังใช้งานได้ยาวนานสูงสุดกว่า 9 ชั่วโมงกว่า เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ แทบไม่ต้องพกพาอแดปเตอร์ไปข้างนอกด้วยเลย
Best Ultrabook HP Spectre x360 จัดว่าเป็นประเภทหนึ่งของ Ultrabook ที่เป็นมาตรฐานจากทาง Intel จากการที่มีความแรงลื่นและความบางเบาในเครื่องเดียว โดยได้หน้าจอบางเฉียบ Micro Edge display ของ HP Spectre x360 มีความละเอียดสูงตามมาตรฐา Ultra HD 4K ที่ 3840 x 2160 พิกเซล ใช้เป็นพาเนล OLED รวมไปถึงอีกด้านยังมีสวิตช์ Webcam Kill ปุ่มเลื่อนไปมาสำหรับเปิดปิดการใช้งานกล้องเว็บแคม ที่ช่วยเราให้เรื่องของความปลอดภัย ไม่ต้องหากระดาษมาแปะที่กล้องเว็บแคมโดยตรงอีกต่อไปเหมือนโน๊ตบุ๊คปกติ อีกทั้งได้มาตรฐานการเชื่อมต่อขั้นสูงทั้ง Thunderbolt 3 และ Wi-Fi 6 AX (2×2) จึงทำให้คว้ารางวัล Best Ultrabook ไปด้วย
NBS Verdict
เรียกได้ว่าถ้าให้เทียบ HP Spectre x360 ก็ถือว่าเป็นตัวชนกับ Ultrabook หรือ 2-in-1 Notebook ระดับไฮเอนด์ของทุกแบรนด์โดยตรง ทั้งจากดีไซน์การออกแบบและสเปกด้านใน แต่บางจุด HP Spectre x360 ปี 2020 มีความเหนือชั้นกว่า ด้วยหน้าความละเอียดสูงตามมาตรฐา Ultra HD 4K ที่ 3840 x 2160 พิกเซล ใช้เป็นพาเนล OLED ที่มีคุณภาพระดับมืออาชีพ sRGB ที่ 100% และ AdobeRGB ที่ 99% บ่งบอกความเป็นที่สุดได้เป็นอย่างดี กับอะไรที่มากกว่านอกเหนือจากเป็นโน๊ตบุ๊คเพื่อไว้ใช้งานแล้ว ยังเป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ที่สื่อถึงภาพลักษณ์ของเราอีกด้วย
แน่นอนว่ามีความบางเบาและพรีเมียมอย่างสุดๆ โดยรวมแล้วนั้นถือว่า HP Spectre x360 ปี 2020 เป็น 2-in-1 Notebook ที่ดีมากๆ รุ่นหนึ่ง ดีไซน์บางเฉียบน้ำหนักเบาสุดๆ มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งรองรับอนาคตได้อีกไกลแบบสบายๆ ด้วยสเปก Intel Core i Gen 10U (Ice Lake เทคโนโลยีการผลิต 10 นาโนเมตร) แรม 16GB LPDDR4 Bus 3200 MHz และ SSD M.2 ความจุ 512GB โดยทำงานร่วมกับ Intel Optane Memory ความจุ 32GB แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 แบบทั่วไปชัดเจน มีการเชื่อมต่อได้มาตรฐาน Intel Wi-Fi 6 AX 201 (2×2) และ Bluetooth 5 Combo รวมไปถึงมีประกันถึง 3 ปีแบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน
ที่สำคัญด้วยความที่เป็น 2-in-1 Notebook ก็ทำให้สามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ไม่จะเป็น Notebook / Stand / Tent / Tablet ซึ่งเป็นผลจากการมาของระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro ที่รองรับระบบหน้าจอสัมผัสได้เต็มประสิทธิภาพ พร้อมปากกาสไตลัส HP Active Pen รุ่นใหม่อีกด้วย จึงทำให้ผู้ผลิตต่างๆ ได้ส่งผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ ออกมากันเพียบ ซึ่ง HP Spectre x360 รุ่นใหม่นี้ก็จัดได้ว่าเป็นหนึ่งสินค้าที่พิเศษกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป
หรือจะกล่าวว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายขึ้นของคนยุคนี้ก็ว่าได้ HP Spectre x360 ปี 2020 ที่แม้ว่าดูราคาแล้วอาจจะสูงซักหน่อยถ้าเทียบกับสเปกที่ได้ แต่ก็เหมาะสำหรับคนที่ต้องการคอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถที่หลากหลายแบบในหนึ่งเดียว ที่เป็นได้ทั้งโน๊ตบุ๊คสุดบางเบาสวยหรู และเป็นแท็บเล็ตได้เต็มรูปแบบ พร้อมที่จะ Work, Play & Sharing ได้ในทุกที่ทุกเวลา ส่วนตัวถือว่าถ้างบไม่ใช่ปัญหา HP Spectre x360 น่าจัดมาใช้งานที่สุดสำหรับผลิตภัณฑ์ในปี 2020 นี้แล้ว จุดเด่น
- เป็น 2-in-1 Notebook จอ 13.3″ มีความพรีเมียมบางเบาที่สุดรุ่นหนึ่ง
- มีประสิทธิภาพโดยรวมที่ดี ด้วยชิปประมวลผล Core i7-1065G7 / RAM 16GB / SSD 512GB
- SSD ทำงานร่วมกับ Intel Optane Memory ความจุ 32GB ให้ความเร็วลื่นแรงที่มากกว่า
- หน้าจอความละเอียด Ultra HD 4K พาเนล OLED ให้สีสันที่สดใส ให้ขอบเขตสี sRGB 100%
- เปิดเครื่องหรือตื่นจากโหมด Sleep, Boot เครื่อง และเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้อย่างรวดเร็ว
- ดีไซน์การออกแบบสวยและงานประกอบมีความประณีต ดูหรูหราและโดดเด่น
- ใช้วัสดุชั้นดีอย่างอลูมิเนียมทำให้ตัวเครื่องแข็งแรงทนทาน
- เป็นโน๊ตบุ๊คที่มีคุณสมบัติ 2-in-1 Notebook ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
- มีไฟ Backlit Keyboard สวยงาม รวมถึงใช้งานได้เป็นอย่างดี
- มีช่องทางเชื่อมต่อความเร็วสูงรุ่นล่าสุดอย่าง Thunderbolt 3 จำนวน 2 พอร์ต
- แม้จะบางเฉียบแต่ก็ยังติดตั้ง USB 3.1 มาตรฐาน Type-A มาให้อยู่ 1 พอร์ต
- มีปากกาสไตลัส HP Active Pen รุ่นใหม่ ชาร์จผ่าน USB-C มาให้พร้อมใช้งาน
- มีตัวแปลง USB 3.1 Type-C มาให้ในบันเดิลเลย รองับพอร์ตหลากหลาย
- สแกนลายนิ้วมือ Fingerprint ไว้ใช้งานร่วมกับ Windows Hello เพื่อเข้าใช้งาน
- รองรับการเชื่อมไร้สายอย่าง Intel Wi-Fi 6 AX 201 (2×2)
- แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ยาวนานสุดถึง 9 ชั่วโมง (ขึ้นไป)
- มีซอฟต์เคสลักษณะเป็นซองหนังสุดหรู อแดปเตอร์ก็ดูดีกว่าทั่วไป
- มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ใช้งานได้ทันที
- รับประกันอยู่ที่ 3 ปี พร้อมบริการ On-site Service และบริการอื่นๆ
ข้อสังเกต
- ไม่สามารถอัพเกรดใดๆ ได้เลยในภายหลัง
- ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพ
- ตัวเครื่องค่อนข้างมีความร้อนสูง
- แบตเตอรี่น่าจะใช้งานได้ยาวนานกว่านี้
Specification
HP Spectre x360 ปี 2020 สเปก Intel Core i Gen 10U มีอยู่หลายๆ รุ่น เริ่มต้นเป็นสเปก Core i5-1035G1 ราคา 42,990 บาท และ Core i7-1065G7 ราคา 55,990 บาท ที่เป็นชิปประมวลผลสถาปัตยกรรม Ice Lake เทคโนโลยีที่ 10 นาโนเมตร ที่เล็กและร้อนน้อยกว่าเดิม เพิ่มเติมด้วย AI มาช่วยการประมวลผลให้ดียิ่งขึ้น แน่นอนว่ารองรับทุกๆ การทำงานได้ดีขึ้น ทั้งดูหนังฟังเพลง ใช้งานเอกสาร ใช้งานอินเตอร์เน็ต หรือทำงานหนักๆ รวมไปถึงเล่นเกมออนไลน์ก็ยังพอได้ ได้หน้าจอแสดงผลขนาด 13.3″ ความละเอียด Ultra HD 4K พาเนล OLED ความคมชัดสูง
ซึ่งรุ่นที่นำมารีวิวเป็นสเปกชิปประมวลผล Intel Core i7-1065G7 ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด มีความเร็วที่ 1.30 – 3.90 GHz ส่วนการ์ดจอเป็นออนชิปรุ่นใหม่ Iris Plus Graphics G7 ที่แรงกว่าเดิม ได้แรม 16GB LPDDR4 Bus 3200 MHz และ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ที่ทำงานร่วมกับ Intel Optane Memory ความจุ 32GB ให้ความเร็วลื่นแรงที่มากกว่า หน้าจอเป็นพาเนล IPS ระดับสูง ขนาด 13.3″ ความละเอียด Ultra HD 4K พร้อมได้มุมมองที่กว้างและสีสันสดใส รองรับการทัชสกรีนเต็มรูปแบบ โดยเป็นกระจก Corning Gorilla ให้ความทนทานอย่างที่สุด ตัวเครื่องติดตั้งกล้อง Webcam ความคมชัดระดับ HD และไมโครโฟนแบบ Dual Microphone ไว้สำหรับแชท และวิดีโอคอลได้อย่างคมชัดลื่นไหล
พร้อมสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint ไว้ใช้งานร่วมกับ Windows Hello เพื่อเข้าใช้งาน ที่สำคัญยังมีพอร์ตเชื่อมต่ออย่าง Thunderbolt 3 ที่ออกแบบมาพิเศษ เข้ากับตัวเครื่องสุดบางมาให้ด้วย แน่นอนว่ารองรับการเชื่อมไร้สายอย่าง Intel Wi-Fi 6 AX 201 (2×2) และ Bluetooth 5 Combo ตัวเครื่องติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 และซอฟต์แวร์เอกสิทธิ์ของ HP ที่สำคัญบันเดิลยังให้ปากกาสไตลัส HP Active Pen รุ่นล่าสุด รวมไปซอฟต์เคสหนังสุดหรูบันเดิล พร้อมด้วยอแดปเตอร์ตัวแปลงเป็น HDMI, USB Type-A, USB Type-C รวมไปพอร์ตชาร์จไฟก็โดนจับไปรวมกับ Thunderbolt 3 ด้วย
Hardware / Design
ด้านดีไซน์การออกแบบ HP Spectre x360 ปี 2020 ถือว่าเป็น 2-in-1 Notebook ตัวท็อปสุดในตลาดอีกหนึ่งรุ่น เพราะด้วยความบางตัวเครื่องระดับ 14.7 มิลลิเมตร กับน้ำหนักแค่ 1.3 กิโลกรัมเท่านั้น โดยตามภาพประกอบมาพร้อมสี Poseidon Blue ตัดกับสี Copper Luxe (อีกตัวเลือกเป็น Dark Ash Silver) ที่ดูแพงและหรูหรากว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปแบบเห็นได้ชัด ซึ่งทุกรายละเอียดพร้อมสร้างความแตกต่าง จากทั้งวัสดุอลูมิเนียมที่มอบภาพลักษณ์ความหรูหราเหนือระดับ พร้อมขอบตัวเครื่องแบบมันวาว สะท้อนความงามที่แตกต่างในสองมิติ
ถือได้ว่างานประกอบเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ HP Spectre x360 ปี 2020 ทำได้เป็นอย่างดีที่สุดในเรื่องของการออกแบบให้มีความบางแต่ยังคงมีความแข็งแรงอยู่ ที่ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่ผู้ผลิตรายอื่นๆ นำไปทำตามได้ยาก รวมไปถึงบานพับโน๊ตบุ๊คแบบสองข้อ ก็เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจจากรายละเอียดงานดีไซน์เฟอร์นิเจอร์ระดับไฮเอนด์ ที่พร้อมสะกดทุกสายตาด้วยบานพับดีไซน์เรียบหรูสะอาดตา ซึ่งบริเวณนั้นยังมีคำว่า Spectre ด้วย เพื่อเป็นการยืนยันถึงความพรีเมียม
จากการที่ตัวเครื่องดีไซน์มุมตัดช่วยให้เปิดฝาพับง่ายขึ้นและสวยเด่นขึ้นแบบ Gem Cut Design เหลี่ยมหน้าตัดเลียนแบบการเจียระไนอัญมณี ส่งผลให้มีการติดตั้งปุ่ม Power (Wake Up / Sleep) ยังได้ถูกออกแบบเอาไว้ขอบตัวเครื่องด้านนอก อีกทั้งที่มุมเครื่องสำหรับการเชื่อมต่อ Thunderbolt 3/ USB-C ได้สะดวกขึ้น ดูแล้วอาจจะไม่คุ้นตาเหมือนกับ Ultrabook รุ่นอื่นๆ แต่เมื่อใช้งานจริงแล้วพบว่าสามารถใช้งานได้คล่องตัวและสะดวกมากๆ จากการที่มันเป็น 2-in-1 Notebook พับได้ 360 องศานั่นเอง
ด้านล่างตัวเครื่องของ HP Spectre x360 จะเห็นว่ายางรองตัวเครื่องขนาดใหญ่ 2 เส้นยาวเพื่อยกตัวเครื่องให้สูงขึ้นและเวลาใช้งานจะแน่นหนากับพื้นที่วาง พร้อมช่องดูดลมเย็นขนาดใหญ่ สำหรับส่วนของน็อตก็เป็นแบบพิเศษ แน่นอนว่าตรงนี้จะมีโลโก้ Windows 10 นอกจากนี้ตรงส่วนขอบด้านหน้าที่ใช้ยกฝาจอเพื่อเปิดเครื่องใช้งานก็จะมีการทำเป็นเว้าร่องลงไปเพื่อช่วยในการเปิดเครื่องที่ง่ายขึ้น ยกระดับความปลอดภัยด้วยฟีเจอร์ Webcam Kill ปกป้องความเป็นส่วนตัวบนจอ และปุ่มปิด-เปิดกล้องเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน
ส่วนระบบระบายความร้อนก็ได้ติดตั้งอยู่ใต้หน้าจอ โดยบานพับเป็นแบบแกนเดียวขนาดใหญ่ที่แลดูแข็งแรงทนทานเข้ากับเครื่อง อาศัยระบบระบายความร้อนด้วยพัดลม 2 ตัว ที่นำพาความร้อนไปได้ดีกว่า นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Privacy Screen นี้กับคุณสมบัติลดมุมมองหน้าจอลง เพื่อไม่ให้คนอื่นมาส่องมาเผือกได้เวลาที่ใช้งานนอกสถานที่อีกด้วย
สรุปสำหรับตัวเครื่องและดีไซน์การออกแบบของ HP Spectre x360 นั้น เป็นการต่อยอดจากรุ่นเดิมที่ดูลงตัว เพราะดูแล้ว HP ทำการบ้านมาเป็นอย่างดีกับ 2-in-1 Notebook เน้นความพรีเมียมและครบเครื่องที่สุด ให้ภาพลักษณ์โดยรวมนั้นทำได้เป็นอย่างดีน่าประทับใจ ที่สำคัญคือมีฟีเจอร์ต่างๆ มากมาย อย่างที่หาไม่ได้ในโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ แน่นอน
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ HP Spectre x360 ปี 2020 ได้มีความแตกต่างจากคีย์บอร์ดโน๊ตบุ๊คบางเบารุ่นอื่นๆ เพราะเป็นคีย์บอร์ดเรืองแสงสีขาว (Backlit Keyboard) ให้แสงสว่างในการทำงาน ที่ตอบสนองได้ดีกว่าคีย์บอร์ดทั่วไปแบบรู้สึกได้แถมยังสวยงามหรูหราด้วยสีขาวที่ดูเข้ากับสีตัวเครื่องเป็นอย่างดี ส่วน Layout คีย์บอร์ดยังคงเป็น 4 แถวขนาด Full Size ซึ่งในด้านการใช้งานในการพิมพ์ ก็ตอบสนองได้เป็นอย่างดีทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือแบบใหม่ที่เพียงแตะเท่านั้น คล้ายๆ ใช้งานพวกสมาร์ทโฟน ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่ใช้งานได้ง่ายและสะดวกมากๆ
ทัชแพดเป็นวัสดุกระจกแบบด้านมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบซ่อนปุ่มคลิกซ้ายขวา มองไปแล้วไม่เห็นปุ่มแยกออกมาเช่นเดียวกับโน๊ตบุ๊คปัจจุบันหลายๆ รุ่น การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดีเยี่ยมมากๆ ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี ซึ่งจะช่วยให้เคอร์เซอร์ไม่เลื่อนไปจากตำแหน่งเก่าขณะกำลังพิมพ์ ถ้าผู้ใช้เผลอนำมือไปโดนทัชแพดเข้า
Screen / Speaker
หน้าจอบางเฉียบ Micro Edge display ของ HP Spectre x360 มีความละเอียดสูงตามมาตรฐา Ultra HD 4K ที่ 3840 x 2160 พิกเซล ใช้เป็นพาเนล OLED ที่มีคุณภาพระดับมืออาชีพ ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่น True Black HDR เพื่อทัศนวิสัยคมชัดสดใส เหนือชั้นกว่า IPS ส่งผลให้มีสีสันสวยสมจริง คมชัดในทุกมุมมอง ซึ่งให้ประสบการณ์การใช้งานที่ค่อนข้างน่าประทับใจ โดยการใช้หน้า Desktop ปกติที่ตัวหนังสือหรือปุ่มต่างๆ มีความเรียบเนียนตาทำให้ใช้งานได้สะดวก
เรียกได้ว่ากำลังพอดีทีเดียว สำหรับวัสดุในการผลิตกระจกก็เป็นหน้าจอกระจกแบบ Corning Gorilla แบบ Edge-to-edge ทนทานต่อรอยขีดข่วน ซึ่งมีแสงสะท้อนบ้างแต่ก็น้อยกว่ากระจกธรรมดาทั่วไปเยอะ เพราะได้มีการเคลือบสารป้องกันการสะท้อนลงไปอีก อย่างไรก็ตามในการใช้งานไม่ควรหันจอไปทางแหล่งกำเนิดแสงหรือในที่ที่สว่างมากๆ เพราะอาจจะรบกวนการทำงานของเราได้
ที่สำคัญคือ HP Spectre x360 ยังมีฟีเจอร์เพื่อความอุ่นใจ ด้วยสวิตช์ Webcam Kill ปุ่มเลื่อนไปมาสำหรับเปิดปิดการใช้งานกล้องเว็บแคม ที่ช่วยเราให้เรื่องของความเป็นส่วนตัว ที่ไม่ต้องหากระดาษมาแปะที่กล้องเว็บแคมโดยตรงอีกต่อไปเหมือนโน๊ตบุ๊คปกติ ดังนั้นจึงไม่มีใครที่เจาะข้อมูลเราได้ หรือแม้แต่การเผลอเปิดเอง ทำให้สนุกให้เต็มที่ ทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องแคร์สายตาใคร
ทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ HP Spectre x360 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS คุณภาพดี แต่ดีแค่ไหนต้องทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรตหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด นอกจากนี้เรายังทำการ Display Analysis ดูประสิทธิภาพการแสดงผลแบบละเอียด อย่างที่ดูด้วยตาเปล่าไม่สามารถบอกได้ จึงต้องใช้เครื่องมือช่วย โดยขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 100% และ AdobeRGB ที่ 99% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับสูงที่สุด เมื่อเทียบกับ IPS ที่หลายๆ รุ่นเลือกใช้เป็นปกติจะเห็นว่าเหนือกว่ามากๆ โดยมีความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างที่ดี ของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ คือรองรับการใช้งานที่กลางแจ้งได้สบายๆ อย่างไรก็ตามถ้าจะเอาไปทำภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นสีตรงกับอุปกรณ์เกี่ยวพ่วงก็ควรคาลิเบรตเสียก่อน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ แบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องมุมซ้ายบนที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ไม่มีผิดเพี้ยน แต่สำหรับช่องกลางล่างจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปที่ 4% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 นับได้ว่าสมกับพาเนล OLED จริงๆ
ด้านของลำโพงนั้นมีอยู่ 2 ตัวด้วยกัน ติดตั้งซ้ายขวาขอบบนของตัวเครื่องด้านล่าง เรื่องของความดังของเสียงเรียกว่าทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจทีเดียว ส่วนคุณภาพเสียงต้องบอกว่าเป็นของ Bang & Olufsen ที่ไว้ใจได้ คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีเพียงพอแบบสบายๆ แล้ว และดีกว่าโน๊ตบุ๊ค HP รุ่นอื่นๆ พอตัวรวมไปถึงยังมีเทคโนโลยี HP Audio Boost ช่วยเพิ่มเสียงให้ก้องกังวาล เต็มอิ่มกับประสบการณ์ความบันเทิงถึงขีดสุดจากเสียงคมชัด
Connector / Thin And Weight
สำหรับพอร์ต Thunderbolt 3 (40 Gb/s signaling rate, Power Delivery 3.0, DisplayPort 1.4, HP Sleep and Charge) บน HP Spectre x360 ปี 2020 ได้ถูกติดตั้งไว้บริวเณขอบตัวเครื่องด้านขวา รองรับการชาร์จไฟจากอแดปเตอร์ หรือโอนถ่ายข้อมูลความเร็วสูง รวมไปถึงเชื่อมต่อหน้าจอความละเอียด Ultra HD โดยมีอยู่ 2 พอร์ตด้วยกัน ที่โดดเด่นคือ แม้ตัวเครื่องจะบางเฉียบแต่ก็ยังติดตั้งพอร์ต USB 3.1 Type A (HP Sleep and Charge) มาตรฐานเดิมมาให้ด้วย แต่เป็นแบบพิเศษที่เรียบเนียนไปกับตัวเครื่อง การใช้งานคือเราต้องเปิดฝาออกมาก่อนจากนั้นจึงจะเสียบสายได้ นับได้ว่าเป็นการออกแบบที่ล้ำหน้าและได้ใช้งานจริง เพราะปกติแล้วถ้าเครื่องบางมากหรือออกแบบมาพิเศษ จะโดนตัด USB 3.1 Type A ออกไปด้วย แน่นอนว่ายังมีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร และ micro-SD Card Reader ไว้ถ่ายโอนข้อมูล ติดตั้งเอาไว้อยู่ด้วย
ซึ่งถ้าคิดว่าไม่เพียงพอต่อการใช้งานแล้วล่ะก็ไม่ต้องกังวล เพราะทาง HP ได้ให้อุปกรณ์เสริม อย่างยอแดปเตอร์ตัวแปลง USB-C Hub บันเดิลให้ในชุดฟรีๆ ไม่ต้องไปหาซื้อเองให้เสียงเงินและวุ่นวาย โดยรองรับขยายพอร์ตการใช้งานเป็น HDMI, USB Type-A, USB Type-C รวมไปถึงพอร์ตชาร์จไฟก็สามารถใช้งานได้ผ่านทาง USB-C Hub นี้ได้ด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่าในส่วนนี้ HP คิดมาเป็นอย่างดี เข้าใจผู้ใช้งานอย่างแท้จริง
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของ 2-in-1 Notebook หน้าจอ 13.3″ ทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่เล็กกว่าพอสมควร ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น อยู่ที่ 1.3 กิโลกรัม ก็จัดว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลย ถือมือเดียวได้อย่างสบายๆ หรือพกใส่กระเป๋าทั้งวันก็ไม่เป็นปัญหา และเมื่อรวมกับตัวอแดปเตอร์เข้าไปด้วย ก็จะมีน้ำหนัก 1.6 กิโลกรัมนิดๆ โดยในส่วนของอแดปเตอร์เตอร์ก็มีความพิเศษมากๆ จากการที่ดีไซน์มาได้สวยงาม ซึ่งสามารถพันสายเก็บได้เรียบร้อย รวมไปถึงตัวสายเองก็เป็นสายแบบถักที่นอกจากหรูหราแล้วยังทนทานอีกด้วย
Using Experience
HP Spectre x360 ปี 2020 ตอบสนองได้อย่างหลากหลายจากการที่เป็น 2-in-1 Notebook ที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ด้วยการพับใช้งานถึง 4 รูปแบบด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Notebook / Stand / Tent / Tablet ที่ทีมงานของเรานั้นนำไปใช้งานอะไรบ้าง และรูปลักษณ์เมื่อเปลี่ยนไปใช้โหมดต่างๆ นั้น จะมีลักษณะเป็นอย่างไร HP Spectre x360 ก็ต้องบอกว่าวางใจได้เลยเรื่องความทนทาน เพราะมีการออกแบบบานพับใหม่ที่สามารถเปิดปิดหรือปรับระดับได้อย่างลื่นไหลได้เหมือนใหม่ทุกครั้ง ทนทานต่อการสึกหรอแน่นอน ใช้ได้สบายใจหายห่วง
สำหรับปากกาสไตลัส HP Active Pen รุ่นล่าสุด รองรับชาร์จไฟผ่านทาง USB-C ทำให้เราสะดวกยิ่งขึ้น พัฒนาจากรุ่นก่อนๆ ที่ต้องใช้ถ่าน AAAA โดยปากกาสไตลัส HP Active Pen ทาง HP ได้ร่วมกับ Wacom ในการผลิต มาพร้อมกับความสามารถในการใช้งานแบบ N-Trig, มีปุ่มบนตัวสไตลัสจำนวน 2 ปุ่มทางด้านข้างและทางด้านบน และที่สำคัญสไตลัสนี้ยังรองรับระดับแรงกดได้มากถึง 4,096 ระดับเลยทีเดียว เสมือนใช้งานเป็นปากกาหรือดินสอจริงๆ ได้ เรียกได้ว่าจะลืมการใช้กระดาษแบบเดิมๆ ไปเลย
Notebook Mode เป็นรูปแบบธรรมดาทั่วไปเหมือนกับโน๊ตบุ๊คปกติ เน้นสำหรับการใช้งานทั่วไป เล่นอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงงานเอกสารต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้คีย์บอร์ดและทัชแพดในการควบคุมเหมือนโน๊ตบุ๊คปกติ
Stand Mode เน้นใช้งานที่ระบบจอสัมผัสของตัวเครื่องอย่างเดียวและวางไว้บนพื้นที่ราบ โดยรูปแบบการใช้งานนี้จะเน้นไปทางการใช้งานแอพพลิเคชั่นของ Windows เอง หรือเน้นไปทางการดู Youtube หรือชมภาพยนตร์เป็นหลัก พร้อมรองรับการทำงานแบบมัลติทัชได้พร้อมกันมากสุดที่ 10 จุดพร้อมกัน
Tent Mode ค่อนข้างจะคล้ายกับ Stand Mode ก่อนหน้านี้ แต่จะอยู่ในรูปทรงตั้งเครื่องเอาไว้เป็นลักษณะสามเหลี่ยม ใช้ในการวิวดูข้อมูลการแสดงผลหน้าจอเป็นหลัก อีกทั้งยังสามารถจับพาดหรือเกาะกับสิ่งของรอบๆ ได้
Tablet Mode ด้วยการพับหน้าจอกลับแบบ 360 องศา จนฝาหลังและฐานใต้เครื่องมาติดกัน เราก็จะได้แท็บเล็ตที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งเรามีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เหมาะสำหรับการเอาไว้เล่นเกมหรือดู E-Book อย่างที่แท็บเล็ตอื่นๆ ทั่วไปในตลาดสามารถทำได้
บอกได้เลยว่าสำหรับใครที่กำลังมองหา 2-in-1 Notebook ซักตัวที่พกพาสะดวกและอยากได้ความพรีเมียมไฮเอนด์ มีความสามารถครบครันทั้งในเรื่องของการทำงานทั่วไปหรือแท็บเล็ตที่ทำงานร่วมกับโปรแกรมบน Windows 10 ได้อย่างลื่นไหล ก็สามารถเลือก HP Spectre x360 เป็นหนึ่งใน 2-in-1 Notebook ที่ไว้ตัดสินใจได้เลย
Performance / Software
HP Spectre x360 (2020) ที่ได้รับมารีวิวเป็นสเปกขายจริง ได้ชิปประมวลผลรุ่นล่าสุดระดับกลางอย่าง Intel Core i7-1065G7 สถาปัตยกรรม Ice Lakeใหม่ล่าสุด ทำงานแบบ 4 Core / 8 Thread ความเร็ว 1.30 – 3.90 GHz เทคโนโลยีการผลิตที่ 10 นาโนเมตร มีค่า TDP ที่ 15 – 25 Wattโดยมีการ์ดจอบนชิปเป็น Intel Iris Plus Graphics G7 ที่รองรับการใช้งานทั่วไปได้สบายๆ รวมไปถึงงาน 3 มิติก็ยังพอได้
สำหรับการ์ดจอเป็นแบบออนชิปอย่าง Intel Iris Plus Graphics G7 รุ่นใหม่ระดับบนที่สุด (รุ่นล่างกลว่าจะเป็น G1 / G4) ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีใกล้เคียงกับการ์ดจอแยกในโน๊ตบุ๊คบางเบา การทำงานเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับที่ดี รวมถึงกรณีเชื่อมต่อหน้าจอแยกก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูง 4K ได้แบบไม่มีปัญหา
ส่วนแรมก็ให้มาเป็นแบบ 16GB LPDDR4 Bus 3200 MHz ที่เพียงพอต่อการใช้งานทันที อีกทั้งได้ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ที่ได้ทั้งขนาดที่ใหญ่ใส่ไฟล์ได้เยอะ และเป็นรุ่นเกรดสูงความเร็วสูง โดยมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home Single Language มาตั้งแต่แกะกล่อง ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงเรื่องลิขสิทธิ์ Windows เลยครับ ส่วนถ้าต้องการเคลียร์เครื่อง ก็สามารถใช้งานฟังก์ชัน Reset this PC ที่อยู่ใน Settings ของ Windows 10 ได้เลยโดยไม่ต้องฟอร์แมต SSD เพื่อลง Windows ใหม่
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผลอย่าง Core i Gen 10U สถาปัตยกรรม Ice Lake คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้วอย่าง Core i Gen 8U (แต่ถ้าเป็น Comet Lake จะแรงกว่านี้ชัดเจน) รวมไปถึงตัวการ์ดจอแยกเองก็มีประสิทธิภาพสูงพอตัว เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก แน่นอนว่าถ้าเอาไปใช้งานทั่วไปพื้นฐานก็มีความลื่นไหลไร้ปัญหาแน่นอน
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe ระดับสูงทำงานร่วมกับ Intel Optane Memory ความจุ 32GB แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 แบบทั่วไปชัดเจน ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3471 MB/s และเขียนที่ 2531 MB/s เป็นระดับความเร็วในการเขียนอ่านทำงานโดยรวมที่น่าประทับใจ จัดว่าเป็น SSD M.2 ระดับบน แรงเกินการใช้งานทั่วไปจริงๆ
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 3886 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ หรือทำงานประมวลผลหนักๆ บ้าง จากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10U ซึ่งแม้ไม่มีการ์ดจอแยก แต่ก็มีการ์ดจอออนชิปอย่าง Intel Iris Plus Graphics G7 ที่แรงลื่น ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คในสเปกใกล้เคียงกันนั่นเอง
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ HP Spectre x360 ปี 2020 รวมไปถึงโน๊ตบุ๊ค HP ทุกรุ่น ก็คือมาพร้อมซอฟต์แวร์บันเดิลอย่าง HP Support Assistant เวอร์ชั่นล่าสุด โดยเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราดูแลคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสม ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โปรแกรมนี้ยังระบุข้อมูลที่สำคัญสำหรับแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นหมายรวมไปถึงการอัพเดทไดร์เวอร์ต่างๆ และ Windows ด้วย จัดได้ว่าดีและใช้งานได้จริง
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ HP Spectre x360 ปี 2020 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่จากการทดสอบด้วยการเปิด Wi-Fi และปรับเป็น Power Saver Mode ทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ราวๆ 9 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานอย่างการดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต คาดว่าจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน ดูแล้วถือว่าใช้งานได้ยาวนาน จนแทบไม่ต้องอแดปเตอร์ไปข้างนอกสถานที่ด้วยเลย ส่วนช่องระบายความร้อนจะอยู่ด้านบนบริเวณข้อพับจอ โดยออกแบบให้ซ่อนตัวเอาไว้ด้านหลังติดกับกรอบอลูมิเนียมของจอ ถึงพับจอก็ไม่เห็นช่องระบายความร้อนเลย
อุณหภูมิปกติของชิปประมวลผลจะอยู่ที่ 40 – 50 – 60 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดที่ 100 องศาเซลเซียส ซึ่งดูเหมือนว่าจะร้อนจริงๆ แต่ก็สามารถนำพาความร้อนออกไปด้วยความรวดเร็วเช่นกัน ด้วยพัดลม 2 ตัวแบบหมุนรอบจัด ถือว่าทำได้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ อย่างไรก็ตามด้วยการที่ระบบระบายความร้อนของ HP Spectre x360 ไม่ได้ออกแบบมาให้ทำงานหนักๆ ตลอดเวลา เหมือน Gaming Notebook เครื่องอื่นๆ ซึ่งจากการทดสอบให้เครื่องประมวลผลผลหนักๆ หลายชั่วโมง อย่างไรก็ตามตัวเครื่องไม่ได้เกิดอาการค้าง หน่วง หรือมีปัญหาแต่อย่างใด จากการที่ชุดระบายความร้อนไม่ได้ใหญ่แถมตัวเครื่องยังบางเฉียบอีกด้วย
Conclusion / Award
โดยรวมแล้วนั้นถือว่า HP Spectre x360 ปี 2020 เป็น 2-in-1 Notebook ที่ดีมากๆ รุ่นหนึ่ง การมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งรองรับอนาคตได้อีกไกลแบบสบายๆ ด้วยสเปก Intel Core Core i Gen 10U อย่าง Core i7-1065G7 ได้แรม 16GB LPDDR4 Bus 3200 MHz และ SSD 512GB แน่นอนว่ามีความบางเบาและพรีเมียมอย่างสุดๆ ด้วยการประกอบและดีไซน์สุดเนียบ ที่สำคัญยังเหนือชั้นกว่ารุ่นอื่นๆ ด้วย หน้าจอความละเอียดสูงตามมาตรฐา Ultra HD 4K ที่ 3840 x 2160 พิกเซล ใช้เป็นพาเนล OLED มาตรฐาน sRGB ที่ 100% และ AdobeRGB ที่ 99% รวมถึงมีฟีเจอร์เพื่อความอุ่นใจ ด้วยสวิตช์ Webcam Kill ซึ่งให้ความปลอดภัยอย่างที่สุด
ซึ่งจากการที่เป็น 2-in-1 Notebook ทำให้ใช้งานได้หลากหลายโหมด ไม่จะเป็น Notebook / Stand / Tent / Tablet ซึ่งเป็นผลจากการมาของระบบปฏิบัติการ Windows 10 ที่รองรับระบบหน้าจอสัมผัสได้เต็มประสิทธิภาพ พร้อมปากกาสไตลัส HP Active Pen รุ่นล่าสุด รองรับชาร์จไฟผ่านทาง USB-C ทำให้เราสะดวกยิ่งขึ้น พัฒนาจากรุ่นก่อนๆ ที่ต้องใช้ถ่าน AAAA โดยปากกาสไตลัส HP Active Pen ทาง HP ได้ร่วมกับ Wacom ในการผลิต จึงทำให้เราได้ประสบการณ์ใช้งานได้ที่เยี่ยมยอด ซึ่ง HP Spectre x360 รุ่นใหม่นี้ก็จัดได้ว่าเป็นหนึ่งสินค้าที่พิเศษกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป หรือจะกล่าวว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายขึ้นของคนยุคนี้ก็ว่าได้
แน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะใช้งานตามร้านกาแฟ ออฟฟิศ หรือทุกๆ ที่ที่เราต้องการหยิบออกมาใช้งาน สมกับเป็น 2-in-1 Notebook ระดับสูง ที่เราสามารถนำติดตัวไปได้ตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมต่างๆ การทำงานขององค์กร หรือความบันเทิงส่วนตัว ที่ HP Spectre x360 ตอบโจทย์ได้ทั้งหมด
HP Spectre x360 ยังมาพร้อมกับระบบเสียง Bang & Olufsen คุณภาพดี ที่จัดได้ว่าให้อรรถรสของเสียงได้ดีกว่าลำโพงทั่วไปแบบรู้สึกได้ มีการเชื่อมต่อได้มาตรฐาน Intel Wi-Fi 6 AX 201 (2×2) และ Bluetooth 5 Combo รวมไปถึงมีประกันถึง 3 ปีแบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน ทำให้ HP Spectre x360 เป็น 2-in-i Notebook ที่มีความโดดเด่นเหนือกว่าคู่แข่งหลายๆ ตัวในตลาด สนนราคาอยู่ที่ 55,990 บาท ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คระดับไฮเอนด์ตามมาตรฐาน
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของ 2-in-1 Notebook ขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง HP Spectre x360 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้ Best Design เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Spectre มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน HP Spectre x360 ปี 2020 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ วัสดุอลูมิเนียมคุณภาพสูง งานประกอบแน่นหนา ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์ครุ่นใหม่ ขอบจอก็บางเฉียบ ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนยอมรับกันอยู่สำหรับคนนำไปทำงานเป็นทางการ โดยมีสีสันให้ความโดดเด่นภาพลักษณ์ดี อีกทั้งการออกแบบ HP Spectre x360 ยังรองรับการพับหน้าจอ 360 องศา ตามลักษณะการใช้งานของ 2-in-1 Notebook ที่ให้ความบางเบาอีกด้วย
Best Mobility ส่วนของความสามารถในการพกพาก็ยังคงอยู่ในระดับที่ดีตามสไตล์ของ 2-in-1 Notebook ทั้งในความบางเฉียบและน้ำหนักเบา ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก แถมไม่ต้องกลัวว่าเครื่องจะมีปัญหาอีกด้วย เพราะระบบไม่ได้ใช้ฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุน ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการจับถือมากนัก สามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที อแดปเตอร์ก็ทำออกมาให้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก พกพาสะดวก รวมน้ำหนักแล้วยังไม่ถึง 1.3 กิโลกรัม ที่สำคัญแบตเตอรี่ยังใช้งานได้ยาวนานสูงสุดกว่า 9 ชั่วโมงกว่า เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ แทบไม่ต้องพกพาอแดปเตอร์ไปข้างนอกด้วยเลย
Best Ultrabook HP Spectre x360 จัดว่าเป็นประเภทหนึ่งของ Ultrabook ที่เป็นมาตรฐานจากทาง Intel จากการที่มีความแรงลื่นและความบางเบาในเครื่องเดียว โดยได้หน้าจอบางเฉียบ Micro Edge display ของ HP Spectre x360 มีความละเอียดสูงตามมาตรฐา Ultra HD 4K ที่ 3840 x 2160 พิกเซล ใช้เป็นพาเนล OLED รวมไปถึงอีกด้านยังมีสวิตช์ Webcam Kill ปุ่มเลื่อนไปมาสำหรับเปิดปิดการใช้งานกล้องเว็บแคม ที่ช่วยเราให้เรื่องของความปลอดภัย ไม่ต้องหากระดาษมาแปะที่กล้องเว็บแคมโดยตรงอีกต่อไปเหมือนโน๊ตบุ๊คปกติ อีกทั้งได้มาตรฐานการเชื่อมต่อขั้นสูงทั้ง Thunderbolt 3 และ Wi-Fi 6 AX (2×2) จึงทำให้คว้ารางวัล Best Ultrabook ไปด้วย