หลังจากที่ในเมืองไทยบ้านเรานั้นพึ่งจะมีการวางจำหน่ายโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมระดับเทพจากทาง Alienware ในรุ่น m15 R3 และ m17 R3 ที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลรุ่นที่ 9 ของทาง Intel ได้ไม่นานเท่าไรนัก ล่าสุดนั้นทาง Alienware ได้ทำการเปิดตัวโน๊ตบุ๊ครุ่น m15 R3 และ m17 R3 เวอร์ชันอัพเกรดประจำปี 2020 ออกมาแล้ว แน่นอนว่าในการอัพเกรดหลักๆ ในครั้งนี้นั้นก็หนีไม่พ้นการเปลี่ยนมาใช้หน่วยประมวลผลรุ่นที่ 10 ของทาง Intel นอกเหนือไปจากนั้นแล้วก็มีการเพิ่มตัวเลือกชิปกราฟิกแบบแยกเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
เริ่มต้นนั้นเรามาดูส่วนของสเปคที่ทั้งในรุ่น m15 R3 และ m17 R3 จะมีตัวเลือกเหมือนกันก่อนกับหน่วยประมวลผลรุ่นที่ 10 ของทาง Intel ที่ทาง Alienware นั้นเปิดตัวเลือกหน่วยประมวลผลออกมาถึง 3 รุ่นประกอบไปด้วย i5-10300H (4C/8T), i7-10750H (6C/12T) และ i9-10980HK (8C/16T) ตามมาด้วยตัวเลือกหน่วยความจำแบบ DDR4 ความเร็วสัญญาณนาฬิกา 2666 MHz ที่ผู้ใช้สามารถเลือกได้ตั้งแต่ 8 GB ไปจนถึง 32 GB
ในส่วนของชิปกราฟิกนั้นจะมีการเพิ่มตัวเลือกชิปกราฟิกระดับท๊อปอย่าง RTX 2080 Super ตามมาด้วย RTX 2060 ไปจนกระทั่งรุ่นต่ำสุดอย่าง GTX 1650 Ti ทว่าตัวเครื่องรุ่น m15 R3 นั้นตัวชิปกราฟิกแบบแยกรุ่นท๊อปสุดจะเป็นรุ่น RTX 2080 Super Max-Q แทนอันเนื่องมาจากเหตุผลทางด้านการระบายความร้อนที่ตัวเครื่อง m15 R3 นั้นจะมีขนาดตัวเครื่องที่เล็กกว่ารุ่น m17 R3 นั่นเอง(แต่ผู้ใช้ยังคงมีตัวเลือกชิปกราฟิกรุ่น RTX 2070 และ RTX 2070 Super ที่เป็นรุ่นปกติให้สามารถเลือกใช้ได้อยู่)
หมายเหตุ – สำหรับแฟนๆ AMD นั้นทาง Alienware ก็ยังใจดีให้ตัวเลือกชิปกราฟิกแบบแยกของทาง AMD มาด้วยทว่าจะเป็นรุ่นต่ำสุดเท่านั้นคือ RX 5500 M ซึ่งหากเทียบประสิทธิภาพแล้วนั้นจะต่ำกว่าของทาง NVIDIA อย่าง GTX 1660 Ti เนื่องด้วยเหตุผลที่ทาง AMD เองนั้นไม่ได้เปิดตัวชิปกราฟิกในรุ่น RX 5600 XT, RX 5700 และ RX 5700 XT สำหรับโน๊ตบุ๊คออกมา
Alienware m15 R3
ในส่วนของภาคจ่ายไฟนั้นก็มีการอัพเกรดออกมาใหม่โดยจะขึ้นอยู่กับโมเดลของแต่ละรุ่นแยกตามชิปกราฟิกที่ใช้ โดยหากท่านเลือกชิปกราฟิกรุ่น GTX 1650 Ti ซึ่งเป็นชิปกราฟิกแบบรุ่นต่ำสุดนั้นตัวเครื่องจะมาพร้อมกับภาคจ่ายไฟ 6-phase, ชิปกราฟิกแบบแยกรุ่น RX 5500 M ตัวเครื่องจะมาพร้อมกับภาคจ่ายไฟ 8-phase หากท่านเลือกชิปกราฟิกรุ่นที่สูงกว่านี้(GTX 1660 Ti ขึ้นไป) ตัวเครื่องจะมาพร้อมกับภาคจ่ายไฟ 12-phase ทั้งนี้นั้นในทุกๆ โมเดลนั้นจะมาพร้อมกับระบบระบายความร้อนที่ใช้พัดลมขนาด 68 mm พร้อมด้วย heat pipe จำนวน 4 heat pipes ส่วนรุ่นที่มาพร้อมกับภาคจ่ายไฟ 12-phase นั้นจะยังคงใช้ระบบระบายความร้อนแบบเดิมเพิ่มเติมคือตัวเครื่องจะมีการใช้ vapour chambers มาเพิ่มเพื่อระบายความร้อนในตัวเครื่อง
มาดูกันต่อที่แหล่งเก็บข้อมูลที่จะมีตัวเลือกแหล่งเก็บข้อมูลหลักแบบ M.2 PCIe (NVMe) SSD ความจุตั้งแต่ 256 GB ถึง 2 TB หากท่านต้องการความแรงแบบสุดๆ แล้วนั้นท่านยังสามารถเลือกความจุขนาด 4 TB ที่ติดตั้งแบบ RAID0 + ได้ด้วยอีกต่างหาก
Alienware m17 R3
ในส่วนของสเปคที่แตกต่างกันนั้นก็คือขนาดของหน้าจอที่ในรุ่น m15 R3 นั้นจะมีขนาดหน้าจออยู่ที่ 15.6 นิ้วและรุ่น m17 R3 นั้นจะมีขนาดหน้าจออยู่ที่ 17.3 นิ้ว ทว่าพาเนลของหน้าจอของทั้ง 2 รุ่นนั้นจะมีตัวเลือกที่เหมือนกันโดยจะประกอบไปด้วยตัวเลือกดังต่อไปนี้
- FullHD/144 Hz/7 ms โดยสามารถเลือกได้ทั้งพาเนลที่รองรับ G-Sync หรือไม่รองรับ(สำหรับในรุ่น m17 R3 นั้นพาเนลรุ่นนี้จะมี response time อยู่ที่ 9 ms)
- eye-watering FullHD/300 Hz/3 ms ที่มาพร้อมกับการรองรับช่วงกว้างของสีแบบ sRGB สูงสุดที่ 100%
- สำหรับหน้าจอความละเอียด UltraHD/4K นั้นในรุ่น m15 R3 จะมาพร้อมกับพาเนลแบบ OLED ที่มี refresh rate อยู่ที่ 60 Hz และ response time อยู่ที่ 1 ms ส่วนในรุ่น m17 R3 นั้นจะใช้พาเนลแบบ LCD ที่มี refresh rate อยู่ที่ 60 Hz และ response time อยู่ที่ 25 ms ซึ่งจากสเปคนั้นจะเห็นได้ว่าหน้าจอทีใช้พาเนลความละเอียดระดับ 4K นี้นั้นมีสเปคที่ค่อนข้างต่ำเอามากๆ หากพิจารณาในแง่ของการใช้งานเพื่อการเล่นเกม
ทั้งนี้ Alienware ในรุ่น m15 R3 และ m17 R3 จะมีสีตัวเครื่องที่วางจำหน่ายด้วยกัน 2 สีคือ Lunar White และ Dark Side of the Moon ราคาเริ่มต้นนั้นจะอยู่ที่ $1500 หรือประมาณ 48,200 บาทสำหรับรุ่น m15 R3 และที่ $1550 หรือประมาณ 49,800 บาทสำหรับรุ่น m17 R3 กำหนดการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการนี้ผ่านหน้าเว็บไซต์ของ Dell คือวันที่ 21 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป(แต่จะเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและโซนยุโรปเท่านั้น)
ที่มา : notebookcheck