Connect with us

Hi, what are you looking for?

Buyer's Guide

แนะนำ Notebook 2020 สุดเจ๋ง !!! จอ 13.3″ ที่ถูกกว่า คุ้มกว่า MacBook Pro 13 รุ่นล่าสุด เริ่มไม่ถึง 20,000 บาท

การมาของ MacBook Pro 13 (2020) รุ่นใหม่ล่าสุด ของ Apple นับว่ามีความน่าสนใจมากๆ จากการที่ได้มีการอัพเดทสเปกเป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 พร้อมได้มาตรฐานแรมเป็น LPDDR4X ความเร็ว 3,733MHz ที่สำคัญคือได้ Magic Keyboard ที่เปลี่ยนกลับไปเป็นรูปแบบเดิมอย่าง Scissor Switch นั่นเอง

การมาของ MacBook Pro 13 (2020) รุ่นใหม่ล่าสุด ของ Apple นับว่ามีความน่าสนใจมากๆ จากการที่ได้มีการอัพเดทสเปกเป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10U (Ice Lake รุ่นพิเศษ) พร้อมได้มาตรฐานแรมเป็น LPDDR4X ความเร็ว 3,733MHz ที่สำคัญคือได้ Magic Keyboard ที่เปลี่ยนกลับไปเป็นรูปแบบเดิมอย่าง Scissor Switch ที่คาดว่าจะไม่มีปัญหาเหมือน Butterfly Keyboard แบบรุ่นก่อนหน้านั่นเอง

macbook pro 13 inch

Advertisement

แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 10 ชั่วโมง ให้พอร์ต Thunderbolt มา 2 พอร์ต แน่อนว่ายังมี Touchbar แต่แยกปุ่ม esc ออกแล้ว สรุปโดยรวมดีกว่ารุ่นเดิมแน่นอน แม้ทาง Apple จะยังใช้การเชื่อมต่อไร้สายเป็นมาตรฐาน Wi-Fi 5 AC อยู่ก็ตาม สนนราคาเริ่มต้นที่ 59,990 บาทสำหรับ Core i Gen 10 ส่วน Gen 8 ก็ยังมีขายอยู่ โดยเริ่มต้นที่ 42,990 บาท เท่านั้น !!!

สเปกเบื้องต้นของ MacBook Pro 13 (2020)

  • ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 8 / 10 ( i5 / i7 รุ่นพิเศษ)
  • แรมขนาด 8GB / 16GB (LPDDR3 /LPDDR4X)
  • SSD M.2 NVME PCIe ความจุ 256GB / 512GB / 1TB
  • การ์ดจอออนชิป Intel Iris Plus Graphics
  • หน้าจอ 13.3″ พาเนล IPS ความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล
  • พอร์ต Thunderbolt 3 จำนวน 2 พอร์ต
  • เชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 5 AC + Bluetooth 5.0
  • เครื่องหนัก 1.4 กิโลกรัม บาง 15.6 มิลลิเมตร

เชื่อได้เลยว่าถ้าใครจะใช้งานระบบปฏิบัติการ macOS อยู่แล้ว หรือตั้งใจจะใช้งานร่วมกับ iPadOS / iOS ในส่วนของ MacBook Pro 13 (2020) ก็คงตอบโจทย์แน่นอน แต่ถ้าใครอยากได้ Notebook ในปี 2020 ที่ดีเทียบเท่าหรือดีกว่าล่ะก็ ในบทความนี้เราจะมาแนะนำ Notebook หน้าจอ 13.3″ ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows ที่บอกได้เลยความแรงนั้นไม่เป็นรองเพราะใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10U หรือ AMD Ryzen 3000H

อีกทั้งยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ Apple เองไม่สามารถให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ที่บางเบากว่า หรือได้หน้าจอความละเอียด 4K Ultra HD รวมถึงได้หน้าจอที่สองที่ใหญ่และใช้งานได้จริงกว่า Touchbar หรือแม้แต่การพับหน้าจอ 360 องศาพร้อมมีปากกาในตัว ที่สำคัญคือได้สเปกที่ดีกว่าเพราะมีการ์ดจอแยก ในราคาที่คุ้มค่ากว่า  เริ่มไม่ถึง 20,000 บาทเท่านั้น ซึ่งจะมีรุ่นไหนบ้างนั้นไปชมกันต่อเลย

Lenovo Ideapad S540 13 ราคา 19,490 – 24,490 บาท

Lenovo IdeaPad S540 13 เป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ล่าสุด สเปกชิปประมวลผล AMD Ryzen 3000H Series ที่เน้นความแรงลื่นในการทำงานบนความบางเบาและหรูหราตามสไตล์ของ Ideapad ระดับบน มีเอกลักษณ์ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่ายและมีสไตล์ Lenovo เหมาะสำหรับการใช้งานไปนู้นมานี่เน้นตอบโจทย์คนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คที่ต้องการพกพาไปนอกสถานที่บ่อยๆ รูปลักษณ์ดูดีเกินกว่าค่าตัว โดยรองรับการทำงานพื้นฐานเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นทำงานเอกสาร เล่นอินเตอร์เน็ต ดูหนังฟังเพลงดูซีรีส์สตรีมมิ่งต่างๆ รวมไปถึงเล่นเกม 3 มิติพอได้

สำหรับ Lenovo IdeaPad S540 13 เป็นโน๊ตบุ๊คขนาดหน้า 13.3″ พาเนล IPS ความละเอียด Quad HD ที่ 2560 x 1600 พิกเซล สัดส่วน 16:10 sRGB 99% ขอบจอบางเฉียบทั้ง 4 ด้าน พาเนลจอแบบ IPS ที่ให้มุมมองกว้างถึง 178 องศา ได้สเปกใหม่ล่าสุดอย่างชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 3550H / AMD Ryzen 7 3750H สถาปัตยกรรม Zen+ เทคโนโยลีการผลิตที่ 12 นาโนเมตร ให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีเทียบเท่า Intel Core i และได้ฟีเจอร์อื่นๆ มากกว่า อย่างการจอออนชิป VEGA 8 /10 ได้แรมขนาด 8 – 16 GB และ SSD 512GB – 1TB  มาพร้อม Windows 10 แท้ และซอฟต์แวร์จากทาง Lenovo Vantage ที่ช่วยในการจัดการปรับแต่ง โดยใช้แบตได้นานกว่า 12 ชั่วโมงทีเดียว

Ideapad%20S540%2013%20Sliver t

พอร์ตเชื่อมต่อก็มาพร้อมพอร์ตจำเป็นค่อนข้างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-C จำนวน 2 พอร์ต ที่เน้นไว้ชาร์จไฟผ่านทางอแดปเตอร์เป็นหลัก ส่วนช่องเสียบหูฟัง 3.5 ม.ม. ยังมีมาให้ การเชื่อมต่อไร้สายเป็น Wi-Fi 5 AC นอกจากนี้ยังมี 3D IR Camera สำหรับใช้งานร่วมกับฟังก์ชัน Windows Hello ของ Windows 10 เพื่อล็อกอินโดยใช้การสแกนใบหน้าอีกด้วย ประกันเป็น 1 ปีส่งศูนย์ปกติ สนนราคาที่ 19,490 – 41,990 บาท

Lenovo IdeaPad S540 13 เป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาที่ทรงประสิทธิภาพในการทำงานทั่วไปเน้นการพกพา เพราะมีน้ำหนักตัวที่เบามากๆ แถมตัวเครื่องยังบางสุดๆ โดยสามารถถือได้ด้วยมือเดียวอย่างสบายๆ ด้วยน้ำหนักเพียง 1.25 กิโลกรัมเท่านั้น มาพร้อมความบางเพียง 14.8 มิลลิเมตรเท่านั้น บอกได้เลยว่าบางสุดๆ แบบที่หารุ่นเปรียบเทียบได้ยาก ซึ่งการที่จะบางขนาดนี้ได้ ฮาร์ดแวร์ภายในจำเป็นต้องฝังบอร์ดเกือบทั้งหมด งานประกอบทั้งหมดแทบจะเป็นชิ้นเดียวกัน แบบ Unibody ส่งให้เวลาที่เราจับถือหรือใช้งานจะรู้สึกว่าแน่นหนา

Ideapad%20S540%2013%20Sliver bo

นับได้ว่า Lenovo IdeaPad S540 13 มีความน่าสนใจมากๆ เมื่อเทียบกับ MacBook Pro 13 (2020) เห็นได้ชัดคือเรื่องของราคาที่ถูกคุ้ม ส่วนสเปกก็แรงลื่นใช้ได้ เพราะปกติแล้ว AMD Ryzen 5 3550H / AMD Ryzen 7 3750H จะใช้ใน Gaming Notebook เท่านั้น แต่ Lenovo IdeaPad S540 13  เลือกที่จะใส่มาด้วย ส่วนดีไซน์ก็เบากว่าและบางกว่าด้วย อย่างไรก็ตามถ้าดูจากสเปกแล้วยังเป็นรองเรื่องของพอร์ต Thunderbolt 3 ที่ไม่มีมาให้ แต่โดยรวมแล้วถือว่าน่าซื้อมากๆ อยู่ดีในงบสองหมื่นบาทแล้วได้ฟีเจอร์ขนาดนี้

Dell Inspiron 13 7391 2-in-1 ราคา 34,990 – 44,990 บาท

Dell Inspiron 13 7391 2-in-1 จัดว่าเป็นหนึ่งใน 2-in-1 Notebook รุ่นใหม่ล่าสุด ได้สเปกชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 หน้าจอ 13.3″ ขอบจอบางเฉียบ ความละเอียด Full HD / 4K Ultra HD รองรับการทัชสกรีนและปากกา พร้อมมีช่องเก็บตรงบานพับในตัว ที่ดูหรูหรา มาพร้อมกับขนาดตัวเครื่องที่บางเบาเล็กกระทัดรัด ที่ 1.4 กิโลกรัม ขอบจอก็บางเฉียบ แรมขนาด 8GB / 16GB DDR4 พร้อม SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB สำหรับความละเอียดหน้าจอก็เป็นพาเนล IPS ให้ภาพคมชัดสวยงามสมจริง พร้อมใช้งานด้วย Windows 10 และมีซอฟต์แวร์ต่างๆ มากมาย นอกจากนี้ในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call และ Fingerprint ที่ใช้งานร่วมกับ Windows Hello

มาพร้อมดีไซน์ที่เรียบๆ แต่แฝงความหรูหรา ที่สำคัญคือติดตั้งพอร์ต Thunderbolt 3 มาให้พร้อมใช้งานด้วย สนนราคา Dell Inspiron 13 7391 อยู่ที่ 44,990 บาท กับรุ่น Core i7-10510U ได้จอ 4K Ultra HD / 39,990 บาท จอ Full HD ส่วนถ้าเป็นรุ่น Core i5-10210U ได้จอ Full HD จะอยู่ที่ 34,990 บาท สำหรับคอมพิวเตอร์แบรนด์ Dell ได้รับความน่าเชื่อถือมาอย่างยาวนานและเป็นที่นิยมในการใช้งานกับองค์กรและภาคธุรกิจอย่างมากมาย ทั้งมาตรฐานการบริการ Dell Premium Support และ On-site Service “บริการซ่อมตรงถึงที่ ทุกที่ ในอีก 1 วันทำการ” ถึง 2 ปีด้วยกัน

Inspiron%2013%207391%202 in 1 bo

เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใส่ใจในรายละเอียดก็คือ มีน้ำหนักตัวที่เบามากๆ แถมตัวเครื่องยังบางสุดๆ โดยสามารถถือได้ด้วยมือเดียวอย่างสบายๆ ด้วยน้ำหนักเพียง 1.4 กิโลกรัมเท่านั้น ส่วนความบางเครื่องก็เพียง 13.66 -15.90 มิลลิเมตร บอกได้เลยว่าจะหาโน๊ตบุ๊คแบบนี้จากแบรนด์อื่นๆ ก็ยากซักหน่อย  ที่สำคัญอีกเรื่องก็คือบานพับก็เป็นอะลูมิเนียมที่แข็งแรงทนทานไม่ต่างจากตัวเครื่อง คอยทำหน้าที่หมุนหน้าจอได้ถึง 360 องศา ไว้ใช้ Multi Mode ทำให้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ที่สำคัญ 2-in-1 Notebook มีการดีไซน์ที่เก็บปากกาล้ำๆ โดยติดตั้งอยู่ที่บานพับ ซึ่งอาศัยแม่เหล็กในการเก็บอีกที (Pen Garage)

Dell Inspiron 13 7391 2-in-1 มีมาตรฐานพอร์ตต่างๆ ของกลุ่ม 2-in-1 Notebook มาครบครัน เช่น USB 3.1 Type-A จำนวน 1 พอร์ตที่มาพร้อมฟีเจอร์ Sleep Charge ไว้สำหรับการเชื่อมต่อกับแฟลชไดร์ฟหรือฮาร์ดดิสก์ภายนอกไว้ถ่ายโอนข้อมูล รวมไปถึงชาร์จสมาร์ทโฟน และ Thunderbolt 3 (USB-C) สุดล้ำ ถ่ายโอนไฟล์ได้ไว พร้อมต่อจอความละเอียดสูงได้ รวมไปถึงยังมีพอร์ตมาตรฐาน HDMI สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก และ micro SD Card Reader มาให้ด้วย แน่นอนว่ายังมีช่องเชื่อมต่อไมค์และหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร

Inspiron%2013%207391%202 in 1 t

เทียบกันแล้วกับ MacBook Pro 13 (2020) นับได้ว่า Dell Inspiron 13 7391 2-in-1 รุ่นหน้าจอ 4K Ultra HD มีความน่าสนใจในเรื่องของความเป็น 2-in-1 Notebook ที่จอพับได้ทัชสกรีนได้ รองรับปากกาได้ (มีที่เก็บด้วย) โดยมีความบางเบาที่ดีกว่า แน่นอนว่าในส่วนของสเปกโดยรวมแล้วก็ไม่เป็นรองเลย ซึ่งแบตเตอรี่นั้นก็ใช้งานได้ยาวนาน 10 ชั่วโมงพอๆ กัน ความแรงลื่นก็ได้เป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 ที่แม้จะเป็นคนละสถาปัตยกรรม แต่ก็ให้ประสิทธิภาพที่ดีเหมือนกันนั่นเอง สำคัญคือได้ราคาที่ถูกคุ้มกว่าด้วย ยิ่งถ้าเลือกรุ่นจอ Full HD ยิ่งถูกกว่า

ASUS ZenBook 13 UX334 ราคา 27,990 – 33,990 บาท

ASUS ZenBook 13 UX334 เป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาสเปก Intel Core i Gen 10 ที่เน้นความกะทัดรัด พกพาสะดวก ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊ค 2 จอสุดล้ำ ได้ดีไซน์ตัวเครื่องขอบจอบางเป็นมาตรฐาน จากการใช้หน้าจอแสดงผล 13.3″ ขอบบางแบบ NanoEdge ความละเอียด Full HD พาเนล IPS คุณภาพสูงซึ่งทำให้ ZenBook รุ่นนี้กลายเป็นโน๊ตบุ๊คมิติตัวเครื่องเทียบเท่าขนาด 12.5″ เท่านั้น เบาสุดเพียงแค่ 1.26 กิโลกรัม ส่วนตัวเครื่องก็บางเพียง 17.9 มิลลิเมตรเท่านั้นได้สเปก Core i Gen 10 ที่สดใหม่ พร้อมแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน 10 ชั่วโมง

แบ่งเป็นสองสเปกคือ Intel Core i5-10210U / Core i7-10510U ที่เป็น Core i Gen 10 + GeForce MX250 สำหรับ ASUS ZenBook 13 UX334  สนนราคาเริ่มแค่ 27,990 บาท ถึง 33,990 บาท สเปกอื่นๆ ก็น่าสนใจด้วยแรม 8GB พร้อม SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB มี Windows 10 แท้ในตัว เชื่อมต่อไร้สายด้วย Wi-Fi 6 AX + Bluetooth 5.0 นอกจากนี้ในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call และ 3D IR Camera ที่ใช้งานร่วมกับ Windows Hello ประกัน 2 ปีตามมาตรฐาน ASUS  (ปีแรกมีประกันอุบัติเหตุ) นับว่าถูกคุ้มมากๆ เมื่อเทียบกับฟีเจอร์ที่ได้ ส่งผลให้เป็นสุดยอดโน๊ตบุ๊คยุคใหม่เลยก็ว่าได้

ZenBook%2013%20UX334FLC bo

อีกทั้งตัวเครื่อง ASUS ZenBook 14 UX434 เอง ก็ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน MIL-STD-810G ระดับกองทัพสหรัฐฯ ที่มีการทดสอบในหลากหลายด้าน เช่น ทดสอบการตกหล่น ทดสอบการสั่นสะเทือน ทดสอบการทำงานในสภาวะอุณหภูมิต่าง ๆ ทำให้มั่นใจได้เลยว่าจะสามารถใช้งาน ASUS ZenBook 14 UX434 เครื่องนี้ได้ในแทบทุกสภาพแวดล้อมอย่างแน่นอน เรียกว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่เน้นความบางเบาหรูหราซึ่งมิติตัวเครื่องเทียบเท่ากับกระดาษ A4 เท่านั้นเอง โดดเด่นด้วยบานพับ ErgoLift Hinge นั้นเวลาที่กางออกมาใช้งานในรูปแบบโน๊ตบุ๊คจะทำให้คีย์บอร์ดทำมุม 3 องศากับฐานตั้ง พร้อมกางจอได้สูงสุดที่ 145 องศา จากการที่มีบานพับแบบพิเศษช่วยยกตัวเครื่องสูงขึ้นจากพื้น

เด็ดสุดด้วยหน้าจอที่สอง ต่อยอดมาจากปีก่อน ติดตั้งแทนที่ทัชแพดแบบเดิมๆ เป็นหน้าจอที่สอง ด้วยการใช้เทคโนโลยีเป็น ScreenPad 2.0 ที่พัฒนาต่อจากรุ่นก่อนหน้า ซึ่งเป็นหน้าจอที่ 2 มีขนาดที่ 5.65″ ความละเอียด 2160 x 1080 พิกเซล พาเนลเป็น IPS คุณภาพสูงเทียบเท่าหน้าจอมือถือดีๆ ในปัจจุบันก็ว่าได้ จัดว่าเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดที่พัฒนาต่อยอดมา ที่นอกเหนือจะทำหน้าที่ทัชแพดแบบเดิมๆ ที่ซ่อนปุ่มคลิกซ้ายขวาแบบปกติแล้ว ยังสามารถเปลี่ยนเป็นหน้าจอทัชสกรีนได้ อารมณ์แบบมือถือสมาร์ทโฟนเลย ซึ่งสามารถสนับสนุนการงานที่ยืดหยุ่นแบบสุดๆ

ZenBook%2013%20UX334FLC t

แม้ว่า ASUS ZenBook 13 UX334 ถ้าเทียบกับ MacBook Pro 13 (2020) ในส่วนของหน้าจอจะเป็นรองเรื่องของความละเอียด ส่วนตัวเครื่องก็ดูจะหนาไปเสียหน่อย แต่ได้เรื่องของสเปกต่อราคาที่คุ้มค่าอื่นๆ เพราะมีการ์ดจอแยก และมิติตัวเครื่องที่เล็กกระทัดรัดพร้อมความทนทานเข้ามา กับราคาเริ่มต้นเพียง 27,990 บาท ก็นับว่าน่าซื้อมาใช้งานไม่น้อยเลย ที่สำคัญสุดก็คือเรื่องของหน้าจอที่สองเทคโนโลยีเป็น ScreenPad 2.0 ที่จอใหญ่ใช้งานจริงและหลากหลายกว่า Touchbar ของ MacBook Pro 13 (2020) ในกรณีที่สามารถเปิดดูวีดีโอหรือเปิดหน้าต่างโปรแกรมได้แน่นอน หรือจะใช้ฟีเจอร์เครื่องมืออื่นๆ ก็มีหลายโปรแกรมรองรับอยู่ไม่น้อยด้วย

 

Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

CONTENT

iPhone ตกน้ำ เปียกน้ำ โดนฝน 2024 แจ้งว่ามีของเหลวขณะเสียบสายชาร์จ แก้ไขเบื้องต้นใน 4 ขั้นตอน หนึ่งในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้ก็คือมือถือเปียกน้ำ แม้มือถือส่วนใหญ่จะกันน้ำได้บ้าง แต่ก็อาจพบปัญหาตอนเสียบสายชาร์จ อย่างใน iPhone เองจะมีข้อความแจ้งว่าตรวจพบของเหลว และตัดการจ่ายไฟ ทำให้ไม่สามารถชาร์จไฟได้เลย โดยเฉพาะช่วงอากาศร้อนแบบนี้ หลายท่านคงมักหากิจกรรมที่เกี่ยวกับน้ำเพื่อคลายร้อน ไม่ว่าจะลงสระว่ายน้ำ หรือลงไปดำน้ำ เล่นน้ำทะเลเป็นต้น ที่สำคัญคือ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา...

Tips & Tricks

แนะนำเทคนิค วิธีแต่งหน้าจอไอโฟน สวย เก๋ เท่ มีสไตล์เฉพาะตัว อัพเดต 2024 ตั้งแต่ iOS 14 เป็นต้นมา Apple ก็ได้เพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานได้ปรับแต่ง iPhone ได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน iOS 17 ที่เปิดให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งหน้าจอ ทั้งหน้าจอ Lock Screen...

Tips & Tricks

สอนติดตั้งฟอนต์ไอโฟน ฟรี พร้อมการใช้งาน เปลี่ยนฟอนต์ธรรมดา ให้สวยน่ารักขึ้นได้ง่ายๆ อัพเดท 2024 ใครที่ใช้งาน iPhone แล้วอยากได้ฟอนต์น่ารักๆ หรือฟอนต์สวยๆ ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการตั้งชื่อ ทำงาน หรือใช้บนโซเชียลมีเดีย เราสามารถติดตั้งฟอนต์ได้ง่ายๆ เลย ทีมงาน NotebookSPEC ก็ได้รวบรวมวิธีการตั้งตั้งฟอนต์ไอโฟน ฟรี ที่ทำได้ง่าย ทำตามได้แน่นอน รับรองว่าจากฟอนต์ธรรมดาๆ...

Buyer's Guide

สายชาร์จไอโฟนยุคนี้ มีเงินร้อยบาทนิดๆ ก็ซื้อมาต่อชาร์จได้แล้วนะ! เจ้าของไอโฟนย่อมมีสายชาร์จไอโฟนมากกว่าหนึ่งเส้นแน่นอน อย่างน้อยต้องมีติดโต๊ะที่บ้านและออฟฟิศอย่างละเส้นเป็นอย่างน้อยและอาจจะมีติดกระเป๋าคู๋กับพาวเวอร์แบงค์หรือต่อทิ้งเอาไว้กับรถยนต์เผื่อชาร์จเวลาขับรถไปไหนมาไหนจะได้ชาร์จมือถือไปดูแผนที่ไปได้ แถมยุคนี้สายชาร์จจากแบรนด์อื่นๆ ก็มีลูกเล่นร้อยแปด ไม่ว่าจะมีหัวชาร์จหลายแบบในตัว, มีหน้าจอบอกกำลังชาร์จติดมาตรงหัวชาร์จและมีกำลังชาร์จตั้งแต่หลักสิบวัตต์ไปจนร้อยวัตต์ ชาร์จได้ไม่ว่าจะ iPhone หรือ iPad ก็ได้ แม้ตอนนี้ทาง Apple จะเปลี่ยนพอร์ตไอโฟนจาก Lightning มาเป็น USB-C แล้ว แต่ผู้ใช้ที่ยังใช้ไอโฟนรุ่นเก่าที่ยังไม่พร้อมอัปเกรดมาเป็น iPhone 15...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก