ASUS VivoBook S14 รุ่นปี 2020 (ชื่อรุ่นอาจจะมีการอัพเดทภายหลัง) สเปก AMD Ryzen 4000U ได้สถาปัตยกรรมเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 นาโนเมตร (Renoir) ที่แอดมินโป้งได้มีโอการับมาพรีวิวก่อนขายจริง เรียกได้ว่าโน๊ตบุ๊คที่จะเน้นเรื่องของความบางเบาสวยงามไม่ซ้ำใคร วัสดุเป็นโลหะอลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง เจาะตลาดนักเรียนนักศึกษา รวมไปถึงคนวัยทำงานที่ยังหนุ่มสาวเป็นหลัก โดยมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ดูทันสมัยยิ่งขึ้น สมกับเป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่สายทำงานและไลฟ์สไตล์ สเปคคุ้มๆที่จะมาพร้อมกับดีไซน์ใหม่และสีสันใหม่ ซึ่งมีน้ำหนักเบาเพียง 1.4 กิโลกรัมเท่านั้น
สเปกภายในของตัว ASUS VivoBook S14 มาพร้อมสเปกภายในเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 4000 U Series อย่าง Ryzen 4500U / Ryzen 7 4700U ได้การ์ดจอออนชิปเป็น Radeon RX VEGA 6 / 7 รุ่นใหม่ ที่รองรับทุกๆ การใช้งาน มาพร้อมขอบหน้าจอบางพิเศษ NanoEdge ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลคุณภาพสูงอย่าง IPS ในส่วนของสเปกอื่นๆ ก็น่าสนใจด้วยแรม 8 – 16GB DDR4 Bus 3200MHz พร้อม SSD 512GB (สูงสุด 1TB) แน่นอนว่าได้ Windows 10 ใช้งานทันที คาดราคาขายไทยอยู่ที่ 2x,xxx บาท (บวก ลบ) ได้ประกัน 2 ปีตามมาตรฐาน ASUS และประกันอุบัติเหตุในปีแรกด้วย
- AMD Ryzen 7 4700U (Up to 4.1 GHz ,8 core/8 thread ,TDP 15W)
- AMD Ryzen 5 4500U (Up to 4.0 GHz ,6 core/6 thread ,TDP 15W)
สำหรับ ASUS VivoBook S14 ใหม่ที่เปิดตัวได้ส่งมอบความผสมผสานที่ลงตัวระหว่างดีไซน์และประสิทธิภาพการใช้งาน และคงความเป็นเอกลักษณ์ของ VivoBook ที่เน้นสีสันและความสนุกสนาน ช่วยการทำงานมัลติทาสกิ้ง และการใช้งานเพื่อความบันเทิงได้อย่างดีเยี่ยม ตัว Wi–Fi 6 AX ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อที่ดีกว่ารุ่นก่อนๆ ที่สำคัญยังเปิดตัวสีใหม่รับปี 2020 มาพร้อมสีสัน 4 เฉดสี อย่างสี Resolute Red, Gaia Green, Dreamy White และ Indie Black ที่แตกต่างจากคู่แข่ง พร้อมความพิเศษเพิ่มลูกเล่นบนแป้น ‘Enter’ ด้วยขอบตัดสีเหลืองสะดุดตาแบบสุดๆ พร้อมกันนั้นยังมีสติ๊กเกอร์ให้เราสามารถแปะแต่งเพิ่มเติมอีกด้วย
ASUS VivoBook S14โดดเด่นด้วยสีสันทูโทนรวมถึงการออกแบบทำมาได้สวยมาก ตัวเครื่องฝาหลังและตัวเครื่องด้านนอกด้านในจะเป็นอลูมิเนียมตามสีของตัวเครื่อง ซึ่งพิเศษตรงที่ ASUS VivoBook S14 ได้วัสดุคุณภาพสูงที่แข็งแรงทนทาน โดยเฉพาะส่วนของส่วนของฝาหน้าจอที่เป็นอลูมิเนียมอัลลอยที่ดูสวยงามพร้อมความเรียบง่าย แน่นอนว่ามีโลโก้ ASUS VivoBook อย่างโดดเด่น ส่วนตัวด้านล่างก็จะเป็นพลาสติกที่แข็งแรง ทำให้ตัวเครื่องน้ำหนักที่เบา มีการนำเสนอพื้นผิวแบบเรียบเนียนสัมผัสดี ทั้งหมดนี้อยู่ในน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 1.4 กิโลกรัม พร้อมความบางเพียง 15.9 มิลลิเมตร และขอบจอบางเพียง 5.7 มิลลิเมตรเท่านั้น ถือว่าเป็นมาตรฐานที่ดีมากๆ สำหรับโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ ปี 2020
ในส่วนของคีย์บอร์ด ASUS VivoBook S14 ติดตั้งคีย์บอร์ดเป็นปุ่มพลาสติกสีเดียวกับตัวเครื่องสกรีนตัวอักษรสีเทา มีการออกแบบมาให้ปุ่มมีขนาดใหญ่พอดีกับนิ้วมือตัดขอบมน ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น พร้อมไฟส่องสว่างทำให้เราใช้งานในที่แสงน้อยหรือมืดๆ ได้ดีกว่าไม่มี ในส่วนการสัมผัสให้การสัมผัสที่นุ่มกำลังดี การตอบสนองทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วกันและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด ปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่มุมบนขวากลืนไปกับคีย์บอร์ด ส่วนปุ่ม Fn ที่เป็นทางลัดต่างๆ ติดตั้งอยู่ชุดคีย์บอร์ดแถวบนเป็นมาตรฐาน
ASUS VivoBook S14 ได้ติดตั้งหน้าจอด้านขนาด 14″ มีขอบที่บางมากเพียง 5.7 มม. ตามสไตล์ NanoEdge โดยให้พื้นที่หน้าจอเยอะกว่ารุ่นก่อนๆ ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD พาเนล IPS คุณภาพดีมุมมองกว้าง สีสันสดใส โดยมีความเรียบเนียนตากว่ามาตรฐาน 1366 x 768 พิกเซล HD แบบเดิมๆ อย่างชัดเจน ถ้าบอกตรงๆ ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีทีเดียว แต่ถ้ามองมุมขึ้นลงหรือซ้ายขวาก็จะเห็นถึงความต่าง ให้ประสบการณ์การใช้งานที่น่าประทับใจมากเมื่อเทียบกับราคาที่จ่าย เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คจอ 14″ ที่ให้สีจอที่ดีทีเดียว
ตัวลำโพงเป็นแบบสเตอริโอเลือกใช้ลำโพง Harman Kardon ให้เสียงที่ดีกว่าลำโพงทั่วไป มีทั้งเสียงเบสที่มีน้ำหนักบางๆ ไม่ใช่ใส่แต่เสียงกลาง เสียงแหลมออกมาอย่างเดียว โดยตัวลำโพงจะอยู่บริเวณใต้ตัวเครื่องซ้ายและขวาลักษณะยิงลงพื้น ทำให้เสียงที่ค่อนข้างดังพอสมควร แยกรายละเอียดได้ซ้ายขวาได้ดี คาดว่าในส่วนของลำโพงถือว่าทำออกได้ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป ทั้งในคุณภาพเสียงที่ได้และเสียงดังฟังชัดเพียงพอจะออกไปในนอกสถานที่ได้ ส่วนใครจะเอาไปต่อกับหูฟังหรือลำโพงเพิ่ม ก็สามารถทำได้หากว่าต้องการคุณภาพเสียงที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก
ASUS VivoBook S14ในเรื่องพอร์ตเชื่อมต่อก็ถือว่ามีความครบครัน ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต USB 3.1 Type-A จำนวนหนึ่งพอร์ต (น่าจะให้มาสักสอง) ไว้สำหรับการเชื่อมต่อกับแฟลชไดร์ฟหรือฮาร์ดดิสก์ภายนอกไว้ถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็ว พอร์ต USB 2.0 Type-A อีกสองพอร์ตที่ไว้เชื่อมต่อกับเมาส์หรืออุปกรณ์อื่นๆ และมีพอร์ต USB 3.1 Type-C มาให้อีกหนึ่งพอร์ต ทางด้านพอร์ทการเชื่อมต่อหน้าจอก็จะมีพอร์ท HDMI มาให้ รูเชื่อมต่อหูฟังเป็นแบบ Combo ไมค์และหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ส่วนช่องอ่าน microSD Card จะอยู่ด้านขวามือตัวเครื่อง แต่หากใครที่ต้องการใช้พอร์ท Lan คงต้องหาซื้ออแดปเตอร์แปลง USB to Lan เอาเอง
สำหรับช่องระบายความร้อนถูกซ่อนอยู่ใต้หน้าจอบริเวณบานพับ โดยเป็นการใช้งานพัดลมระบาย 1 ตัว คาดว่าจะช่วยนำพาความร้อนชิปประมวลผลและการ์ดจอ ซึ่งการใช้งานโดยรวมน่าจะเอาอยู่ มีช่องดูดลมเย็นด้านล่างตัวเครื่องทำหน้าที่ร่วมกันเป็นอย่างดี ทำให้สเปกแรงแบบนี้ก็ยังถ่ายเทความร้อนได้อย่างรวดเร็ว และไม่รบกวนการทำงานของเราขณะใช้งานมากเกินไป
นับได้ว่า ASUS VivoBook S14 สเปก AMD Ryzen 4000U เป็นโน๊ตบุ๊คที่มีสเปกที่ดี แรง คุ้ม ราคาไม่แพง แต่ ASUS ใส่ใจในการออกแบบทุกรายละเอียดจริงๆ ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ด้วยการออกแบบจอแสดงผล NanoEdge นั้นส่งผลให้ ASUS VivoBook S14 มีขนาดตัวเครื่องที่กะทัดรัดกว่า ด้วยน้ำหนักเบาตัวเครื่องที่บาง สามารถใส่ในกระเป๋า หรือกระเป๋าเป้สะพายหลังได้ง่าย เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่เดินทางอยู่ตลอดเวลา
ในส่วนของ ASUS VivoBook S14 เครื่องที่ได้รับมาพรีวิว เป็นเครื่องเดโมทำให้ไม่สามารถอ้างอิงถึงความแรงได้ ทำให้เรื่องประสิทธิภาพจากการทดสอบจริงๆ คงต้องรอกันไปก่อน ไว้มีโอกาสรีวิวกันเต็มๆ อีกที แต่ก็มีสื่อต่างประเทศบางรายได้ทดสอบกันไปแล้ว เห็นว่าชิปประมวลผล AMD Ryzen 4000 U Series อย่าง Ryzen 4500U / Ryzen 7 4700U มีความแรงมากกว่า AMD Ryzen 3000H อย่าง Ryzen 5 3550H / Ryzen 7 3750H พอตัวทีเดียว ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะสถาปัตยกรรม 7 นาโนเมตรที่เล็กและดีกว่าเดิม เรียกได้ว่าก้าวล้ำหน้าเกินไปคู่แข่งไปอีกขั้นด้วย