เริ่มต้นปี 2020 กันมาซักพักแล้ว เพื่อนๆ คนไหนที่อยากได้ Notebook สักเครื่อง จะซื้อโน๊ตบุ๊ครุ่นไหนดี มีงบประมาณ 15,000 บาท (มีบวกได้นิด) เอาใจคนงบน้อยเน้นราคาประหยัด แต่ได้สเปคคุ้มๆ หน้าจอขนาด 15.6″ ความละเอียด Full HD ใช้ทำงานเอกสาร ดูหนังฟังเพลง เล่นเน็ต เล่นเกมนิดๆ หน่อยๆ เหมาะทั้งนักเรียนนักศึกษา คนทำงาน ที่ไม่เน้นเอาไปทำงานที่หนักมาก โดยในบทความนี้ จะมาแนะนำ Notebook ทั้ง 5 รุ่น มีทั้งแบรนด์ Lenovo, HP, Acer , ASUS และ Dell (ราคาอาจจะเกินไปหน่อย) ให้เลือกกัน
ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ๆ ในช่วงราคา 12,900 – 15,900 บาท บอกเลยว่ามีหลากหลายแบรนด์ มีทั้งชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 และ AMD Ryzen 3000 Series ที่มีประสิทธิภาพเพียงพอต่อการใช้งาน ส่วนมากได้แรมขนาด 8GB และได้ SSD เป็นมาตรฐาน ทำให้มีความแรงลื่นแบบไม่ต้องอัพเกรดใดๆ ซึ่ง Notebook ทุกรุ่นมี Windows 10 แท้มาให้ใช้งานได้ทันที ได้ประกันดีที่สุดเป็นแบบ 2 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน จะมีรุ่นไหนที่น่าซื้อน่าโดนบ้างไปดูกันเลย
Lenovo ideapad S340 15-81VW001LTA ราคา 14,990 บาท
Lenovo IdeaPad S340 15 สเปกภายในใช้ชิปประมวลผลรุ่นใหม่ล่าสุด Intel Core i3-1005G1 (1.20 – 3.40 GHz) เป็นสถาปัตยกรรม 10 นาโนเมตร Ice Lake รุ่นใหม่ ทำงานแบบ 2 คอร์ 4 เธร์ด การ์ดจอออนชิป Intel Iris Graphics ประสิทธิภาพดี รองรับการเล่นเกมออนไลน์พอได้ แรมให้มาขนาด 8GB DDR4 แบบฝังบอร์ด และรองรับการติดตั้งอีก 1 แถว สำหรับฮาร์ดดิสก์ให้มาทั้ง SSD ความเร็วสูงแบบ NVMe M.2 ความจุ 128GB ทำงานร่วมกับ HDD 1TB ทำให้ทั้งความลื่นไหลและความจุสูง
ส่วนหน้าจอเป็นขนาด 15.6″ ที่ได้ความละเอียด Full HD พาเนล IPS คุณภาพดี สีสันสดใส มุมมองกว้างกว่าพาเนล TN พร้อมมีลำโพงคุณภาพดีทำงานร่วมกับระบบเสียง Dolby Audio ส่วนพอร์ตที่ให้มาก็ครบครัน ได้แก่ 1 x USB 3.1 Type-C, 2 x USB 3.1 Type-A, HDMI, และ SD card reader รวมไปถึงการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Wi-Fi 5 AC และ Bluetooth 4.2 ด้วย รองรับการทำงานทุกไลฟ์สไตล์ ในราคาเบาๆ รวมถึงติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ พร้อมใช้งานได้ทันที พร้อมการรับประกัน 1 ปี
Lenovo IdeaPad S340 15 เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 15.6″ ดีไซน์บางเบา Thin & Light วัสดุเป็นพลาสติกเกรดดี มองไปคล้ายกับโลหะใีพื้นผิวเรียบเนียนจับแล้วติดมือ ได้ขอบจอบาง Narrow Bezel ทั้ง 3 ด้านซ้ายขวาและขอบบน ทำให้มีสัดส่วนจอแสดงผลเยอะกว่าโน๊ตบุ๊คหน้าจอใหญ่ ๆ แบบก่อน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คราคาไม่แพง แต่ได้ความสวยงามคุ้มค่า ซึ่งขอบจอด้านในเป็นสีดำตัดกับสีตัวเครื่องโดยรวมอย่าง Platinum Grey ดูแล้วมีความสวยงามลงตัว เครื่องบางเพียง 17.9-19.4 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักที่ 1.8 กิโลกรัมเท่านั้น รวมไปถึงมิติตัวเครื่องมีความเล็กกระชับเทียบเท่าโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ ด้วย
ตัวเครื่องมีการออกแบบโดยรวมให้ดูทันสมัยและเรียบง่าย โลโก้ Lenovo จะมีอยู่ 2 จุดเท่านั้น คือ มุมบนฝาหลังด้านซ้าย และมุมใต้คีย์บอร์ดด้านขวาเท่านั้น ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน แต่ว่าไม่ได้มนมากจนเกินไป ตามมาด้วยการใส่รายละเอียดในการทำให้ตัวเครื่องมีลักษณะงานประกอบทั้งหมดแทบจะเป็นชิ้นเดียวกัน แบบ Unibody ส่งให้เวลาที่เราจับถือหรือใช้งานจะรู้สึกว่าแน่นหนา ซึ่งจากการใช้งานจริงพื้นผิวบางนี้เป็บรอยนิ้วมือค่อนข้างยาก ฉะนั้นหายห่วงเรื่องความสะอาดได้เลย หรือถ้าจะเช็ดก็ง่ายดาย
HP 15s-eq0000au ราคา 15,790 บาท
สเปกของ HP 15s จะแบ่งออกเป็นหลากหลายรุ่นทั้ง AMD Ryzen 3000 Series โดย HP 15s-eq0000au มาพร้อมสเปกภายในใช้ชิปประมวลผลรุ่นใหม่ล่าสุด AMD Ryzen 5 3500U (2.1 – 3.7GHz) เป็นสถาปัตยกรรม 12 nm Zen+ รุ่นใหม่ ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด การ์ดจอออนบอร์ด VEGA 8 ประสิทธิภาพดี รองรับการเล่นเกมออนไลน์พอได้ แรมให้มาขนาด 4GB DDR4 แบบฝังบอร์ด และ 4GB ติดมาอีกแถว รวมเป็น 8GB (ติดตั้งได้สูงสุดที่ 20GB) สำหรับฮาร์ดดิสก์ให้มาทั้ง SSD ความเร็วสูงแบบ NVMe M.2 ความจุ 512GB ที่เพียงพอกับทุกๆ การใช้งาน
ได้หน้าจอแสดงผลขนาด 15.6″ ความละเอียด Full HD แบบด้าน พาเนล TN คุณภาพดี ความคมชัดสูง มีกล้องเว็บแคมและมีไมค์ดิจิตอลในตัว ทางด้านพอร์ตที่ติดตั้งมีมาให้จะใช้ถือว่าครบครันเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-A จำนวน 2 ช่อง, USB 3.1 Type-C จำนวน 1 ช่อง, SD Card Reader, HDMI สำหรับต่อหน้าจอเสริม และรูหูฟังกับไมค์แบบคอมโบ ซึ่งแน่นอนว่ารองรับการเชื่อมต่อไร้สายด้วย Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac (1×1) กับ Bluetooth 4.2 และมีน้ำหนักอยู่ที่ 1.69 กิโลกรัม พร้อมการรับประกัน 2 ปีแบบ On-site Service ตามมาตรฐานของ HP ที่ทุกคนไว้ใจได้
HP 15s เป็นโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6″ ที่มาพร้อมความคุ้มค่าอย่างที่สุด ตัวเครื่องบางเบาออกแบบมาใหม่ ดูสวยงามไม่แพ้รุ่นพี่ตัว Pavilion และเน้นในเรื่องของความคุ้มค่า ราคาไม่แพงเป็นหลัก มาพร้อมกับน้ำหนักที่เบามากเพียง 1.69 กิโลกรัม และบางเพียง 17.9 มิลลิเมตรเท่านั้น เหมาะกับสายการทำงานหรือบันเทิงที่เน้นการพกพาไปนอกสถานที่ อาจจะใช้งานตามออฟฟิศหรือร้านกาแฟ รวมไปถึงมหาวิทยาลัย ได้ความหรูหราโดดเด่นไม่น้อยหน้าใครในราคาเบาๆ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คเพื่อใช้งานทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นงานเอกสารหรือเล่นอินเตอร์เน็ตเว็บไซต์ รวมไปถึงงานหนักๆ หรือเล่นเกมก็สามารถรองรับได้อย่างสบายๆ ที่สำคัญดีไซน์การออกแบบยังก้าวล้ำ
ส่วนด้านในตัวเครื่องบริเวณที่พักข้อมือก็จะเป็นสีเงินเช่นเดียวกัน แค่มีการเล่นลวดลายคล้ายโลหะแบบปัดเสี้ยน รวมถึงแป้นคีย์บอร์ดก็เป็นสีเงิน ช่วยเสริมความสวยงามได้ดี จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6″ ที่บางเบาพกพาง่ายกว่าเดิมมาก ด้วยน้ำหนักเพียง 1.69 กิโลกรัม และด้วยความบางของตัวเครื่องที่ 17.9 มิลลิเมตร ตามสไตล์โน๊ตบุ๊คสมัยนี้ที่เน้นบางเบาและขอบจอต้องบางด้วย เหมาะกับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คอีกรุ่นที่ราคาไม่แพง เน้นใช้งานทั่วไป ประสิทธิภาพดีลื่นไหลใช้งานได้ยาวๆ
Acer Aspire 3 A315-42-R36P ราคา 15,990 บาท
Acer Aspire 3 A315-42 เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอขนาด 15.6″ ที่เรียกได้ว่าได้รับการพัฒนาต่อยอดจาก Acer Aspire 3 สเปก AMD รุ่นก่อนๆ อย่างน่าประทับใจทีเดียว ทั้งเรื่อง สเปก ดีไซน์การออกแบบ พร้อมฟีเจอร์ต่างๆ นั้น เป็นการต่อยอดจากรุ่นเดิมที่ดูลงตัว เพราะดูแล้ว Acer ทำการบ้านมาเป็นอย่างดีกับโน๊ตบุ๊คราคาคุ้มค่า ที่ราคาไม่แพง แต่ได้สเปกแรงคุ้มค่าอย่าง AMD Ryzen 5 3500U รวมไปถึงแรมขนาด 8GB และ SSD M.2 ความจุ 512GB มี Windows 10 แท้ใช้งานได้ทันที สนนราคาเพียง 15,990 บาท
เหมาะมากๆ สำหรับคนทำงานจริงจังพนักงานออฟฟิศ หรือนักเรียนนักศึกษา ที่เน้นใช้งานทั่วไปในราคาคุ้มค่าไม่แพงให้ประสิทธิภาพพอตัว รองรับการพกพาไปที่นู้นที่นั่นบ่อยๆ ซึ่งรองรับการทำงานได้ยาวนานกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นก่อนๆ ทำให้เราสามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างคล่องตัวเหมือนกันด้วยน้ำหนักเพียง 1.9 กิโลกรัม ที่แม้อาจจะไม่เบามากแต่แบตใช้งานได้ยาวนานเกือบ 6:30 ชั่วโมงทีเดียว เรียกได้ว่าดีกว่ามาตรฐานเดิมๆ ที่ปกติแล้วโน๊ตบุ๊คช่วงราคานี้จะได้เพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น
Acer Aspire 3 A315-42 จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คเน้นคุ้มค่าในเรื่องของการเชื่อมต่อ ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครันประมาณนึง ไม่ว่าจะเป็น 2 x USB 3.1 Type-A, 1 x USB 2.0, HDMI, Lan RJ45 และรูหูฟังกับไมค์แบบ Combo เรียกได้ว่าพอเพียงกับการใช้งานทั่วไปอย่างแน่นอน แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่มี USB 3.1 Type-C เลย น่าจะให้มาซัก 1 พอร์ต ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายอย่างรองรับทั้ง Bluetooth 4.2 และอินเตอร์เน็ตไร้สายมาตรฐาน Wi-Fi 5 AC
ด้านการออกแบบดีไซน์ของ Acer Aspire 3 A315-42 รุ่นนี้จะมาในสไตล์เรียบๆ ได้หน้าจอแบบขอบจอบาง โดยลักษณะรวมแล้วเป็นสีดำแบบมันวาว Obsidian Black มีลักษณะพื้นผิวแบบเรียบๆ แต่ดูดี ไม่เป็นรอยนิ้วมือง่ายๆ มาพร้อมสเปกและประสิทธิภาพการใช้งานที่ครบครันด้วยสเปกใหม่ล่าสุด ในงบประมาณการเลือกซื้อที่ไม่แพงจนเกินไป ด้านการออกแบบดีไซน์ใหม่นี้จะมาในสไตล์เรียบง่ายแต่มีความสวยงามดูดีเกินราคา โดดเด่นจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอขนาด 15.6″ ที่สามารถกางหน้าจอได้สุดถึง 180 องศา
ASUS VivoBook 15 X512DA-EJ1015T ราคา 16,900 บาท
ASUS VivoBook 15 X512DA ได้ดีไซน์บางเบา Thin & Light ขอบจอบางเฉียบ NanoEdge ทั้ง 4 ด้าน สัดส่วนจอแสดงผล 88% แถมมีฟีเจอร์บานพับ ErgoLift เหมือนในรุ่นพี่ ZenBook เหมาะสำหรับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คราคาไม่แพง แต่ได้ความสวยงามคุ้มค่า มาพร้อมสีสัน 4 เฉดสีที่แตกต่างจากคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็น สีเงิน (Transparent Silver), สีเทา (Slate Grey), สีแดงแสด (Coral Crush) และ สีน้ำเงิน (Peacock Blue) ซึ่งขอบจอด้านในจะตัดเป็นสีดำดูแล้วมีความสวยงามลงตัว โดยแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานประมาณ 10 ชั่วโมง
จัดได้ว่า ASUS VivoBook 15 X512DA เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 15.6″ ที่ทำมาได้สวยมาก มีความบางเบาเน้นพกพา ด้วยน้ำหนักเพียง 1.75 กิโลกรัมเท่านั้น รวมไปถึงมิติตัวเครื่องมีความเล็กกระชับเทียบเท่าโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ เท่านั้น ฝาหลังจะเป็นไปตามสีของตัวเครื่อง ประกอบกับวัสดุพลาสติกคุณภาพสูงให้สัมผัสที่ดูดีเกินราคา ซึ่งอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เข้ามาเสริมให้การทำงานเป็นไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ก็คือ บานพับ ErgoLift Hinge พร้อมกับเวลากางหน้าจอ ตัวเครื่องจะยกสูงขึ้น 2 องศา
สเปกภายในใช้ชิปประมวลผลรุ่นใหม่ล่าสุด AMD Ryzen 5 3500U (2.10 – 3.70 GHz) เป็นสถาปัตยกรรม 12 nm Zen+ รุ่นใหม่ ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด การ์ดจอออนบอร์ด VEGA 8 ประสิทธิภาพดี รองรับการเล่นเกมออนไลน์พอได้ แรมให้มาขนาด 4GB DDR4 แบบฝังบอร์ด และ 4GB ติดมาอีกแถว รวมเป็น 8GB (ติดตั้งได้สูงสุดที่ 20GB) สำหรับฮาร์ดดิสก์ให้มาทั้ง SSD ความเร็วสูงแบบ NVMe M.2 ความจุ 256GB + HDD 1TB ส่วนหน้าจอเป็นขนาด 15.6″ ที่ได้ความละเอียด Full HD พาเนล TN คุณภาพดี
มีลำโพงคุณภาพทำงานร่วมกับระบบเสียง ASUS SonicMaster ส่วนพอร์ตที่ให้มาก็ครบครัน ได้แก่ USB 3.1 Type-C, USB 3.1 Type-A , USB 2.0 Type-A, HDMI, และ microSD card reader รวมไปถึงการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Wi-Fi 5 AC และ Bluetooth 4.1 ด้วย รองรับการทำงานทุกไลฟ์สไตล์ ในราคาเบาๆ รวมถึงติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ พร้อมใช้งานได้ทันที พร้อมการรับประกัน 2 ปี โดยสามารถส่งเคลมที่ศูนย์ปกติ หรือผ่านทางร้าน 7-11 ก็ได้ รวมไปถึงมีประกันปีแรกแบบ Perfect Warranty (ประกันอุบัติเหตุ)
Dell Inspiron 15 3593-W566055131OPPTHW10 ราคา 17,990 บาท
Dell Inspiron 15 3593 เป็น Notebook ที่เน้นใช้งานทั่วไป โดยมาพร้อมขนาดหน้าจอ 15.6″ ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลคุณ TN เกรดดี ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริงและมุมมองกว้างประมาณนึง ด้านประสิทธิภาพด้วยอย่างการใช้ชิปประมวลผล Intel Core i5-1035G1 ความเร็ว 1.00GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 3.60GHz โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 4 คอร์ 8 เทรด ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน เป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 10 (Ice Lake) รุ่นล่าสุด
ส่วนแรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 4GB DDR4 ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานแน่นอน ในส่วนของกราฟิกการ์ดก็เป็น NVIDIA GeForce MX230 (2GB GDDR5) ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดีในระดับเริ่มต้น สำหรับฮาร์ดดิสก์ให้มาเป็นมาตรฐาน HDD ความจุ 1TB (รองรับการอัพเกรด SSD M.2 NVMe ภายหลัง) ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wi-Fi 5 AC และ Bluetooth 4.1 ด้วย อีกทั้งยังมีน้ำหนักเพียง 2.20 กิโลกรัมเท่านั้น ในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call
ดีไซน์การออกแบบของ Dell Inspiron 15 3593 เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอขนาด 15.6″ ที่ยังเลือกติดตั้ง DVD Drive มาให้อยู่ มาพร้อม DNA รูปลักษณ์ทรวดทรงตามสไตล์ Dell แบบเต็มรูปแบบ ที่เรียกได้ว่ามีความโดดเด่นชัดเจน แม้หน้าจอไม่ได้ขอบบางเหมือนกับโน๊ตบุ๊คปี 2019 หลายๆ รุ่น โดยวัสดุเป็นพลาสติกตลอดทั้งตัวเครื่อง ที่แม้จะราคาคุ้มค่าแต่ก็ถือว่าได้งานประกอบโดยรวมที่ดี ด้วยน้ำหนัก 2.20 กิโลกรัม อีกทั้งยังมีความบางเพียง 22.7 มิลลิเมตรเท่านั้น ทำให้พกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้สะดวกประมาณนึง
แนวคิดโดยรวม Dell Inspiron 15 3593 ถอดแบบมาจาก Dell Inspiron 15 รุ่นก่อนๆ เป็นอย่างดี ทำให้ดูทันสมัยและเรียบง่าย ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน รับกับมือเวลาจับถือพกพา ตามมาด้วยการใส่รายละเอียดในการทำให้ตัวเครื่องมีลักษณะลาดเอียงเล็กน้อย พร้อมด้วยสีที่ดูสะอาดตา พร้อมการรับประกัน 2 ปี แบบ Dell Premium Support และ On-Site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน ตามมาตรฐานของ Dell รวมถึงติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ อย่างไรก็ตามสำหรับรุ่นนี้มีราคาที่สูงกว่ารุ่นอื่นๆ อีกทั้งสเปกก็ได้ควรต้องอัพเกรดแรมเป็น 8GB และ SSD M.2 ด้วยนะ