ถึงแม้ว่ามาตรการป้องกันการแพ่รระบาดของโรค COVID-19 จะทำให้จำนวนผู้อยู่บ้านเพิ่มมากขึ้นและจำนวนผู้ใช้งานเครือข่ายทางสังคมต่างๆ จะมากขึ้นก็ตาม ทว่ากลับกันแล้วนั้นใช่ว่าทุกๆ บริการออนไลน์จะได้รับผลดีในเรื่องดังกล่าวไปด้วย ล่าสุดนั้นทาง Alex Schultz ผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์และ Jay Parikh หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมของทาง Facebook ได้ออกมาเผยว่าทางบริษัทเองก็ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่โรค COVID-19 ด้วยเช่นเดียวกัน
ตามข้อมูลนั้นได้ระบุเอาไว้ว่าในช่วงที่ผ่านมานี้นั้นตั้งแต่มีมาตรการให้ประชาชนทำงานจากทางบ้านทำให้ทาง Facebook พบว่าจำนวนผู้ใช้งานเครือข่ายทางสังคมต่างๆ ในเครือ Facebook ไม่ว่าจะเป็น Instagram หรือ WhatsApp ต่างก็มีจำนวนยอดผู้ใช้เพิ่มมากขึ้นกว่าตอนปกติถึง 50% เลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งทาง Facebook เองนั้นพบว่าปริมาณการใช้งาน Messenger และ WhatsApp ในอิตาลีนั้นมีจำนวนผู้ใช้ทำการ Video Call กันมากขึ้น(ซึ่งนั่นทำให้แบนด์วิดธ์ของการสื่อสารของ Facebook นั้นเพิ่มมากขึ้นไปด้วย)
ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ตามแต่ในความเป็นจริงแล้วบริการต่างๆ เหล่านั้นทาง Facebook เองไม่ได้มีการคิดค่าบริการจากผู้ใช้งาน สิ่งที่ Facebook ทำเพื่อที่จะเป็นรายได้ให้กับบริษัทนั้นจะอยู่ในรูปแบบของการขายโฆษณาออนไลน์ผ่านทางสื่อของทาง Facebook มากกว่า และด้วยสาเหตุที่หลายๆ บริษัทหลายๆ บริกาต้องหยุดการทำงานลงนั้นทำให้ในช่วงการแพร่ระบาดโรค COVID-19 ทาง Facebook มีรายได้จากการขายพื้นที่โฆษณาน้อยลงเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นแต่จากการให้สัมภาษณ์กับทาง New York Times ของ CEO Facebook อย่างคุณ Mark Zuckerberg ก็ได้บอกเอาไว้ว่าทาง Facebook เองนั้นก็ยังคงต้องคงระบบของ Facebook ไว้ให้มีความเสถียรมากที่สุดเพราะทาง Facebook เข้าใจดีว่าผลิตภัณฑ์เครือข่ายสังคมในเครือ Facebook เองนั้นต่างก็ถูกใช้งานเป็นสื่อที่ผู้คนได้ทำการอัพเดทเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโรค COVID-19 ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ถึงแม้ว่าจำนวนพนักงานของทาง Facebook กว่า 45,000 รายเองก็ต้องทำงานจากบ้านด้วยเช่นกันทว่าพวกเขาเหล่านั้นต่างก็มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ในเครือ Facebook ทั้งหมดสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง
ที่มา : theverge