*เนื่องจากเป็นบทความที่แปลมาจากต่างประเทศ หนังบางเรื่องอาจจะไม่มีใน Netflix Thai ต้องขออภัยด้วยค่ะ*
วันหยุดอยู่บ้านไม่ไปไหน ดู Netflix แพลตฟอร์มสำหรับดูหนัง ซีรี่ย์ ฯลฯ ที่โด่งดังทั้งยังเป็นที่นิยมสำหรับใครหลายคน และในตอนนี้คอหนัง Sci-fi ทั้งหลายต้องไม่พลาดกับ 9 ภาพยนตร์ Sci-fi ที่ฮิตที่สุด ดีที่สุดใน Netflix จาก techradar มาเริ่มกันเลย
Ex Machina
Ex Machina ภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์ในปี 2014 เขียนบทและกำกับโดย Alex Garland มี Domhnall Gleeson, Alicia Vikander และ Oscar Isaac เป็นดารานำ เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับโปรแกรมเมอร์หนุ่มที่ไปพักผ่อนในยังบ้านพักตากอากาศส่วนตัวกับเจ้านาย โดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังจะเป็นส่วนหนึ่งของการทดลองหุ่นยนต์ AI รุ่นแรก
สำหรับเรื่องนี้เราอาจจะได้เห็นมุมมองอะไรอย่างอื่นที่มากขึ้นกว่าความเป็นหุ่นยนต์ หรือความเป็นมนุษย์ นั่นจึงทำให้เกิดกระแสความนิยมชมชอบในหนังเรื่องนี้ ถ้าใครยังไม่ได้ดูก็อย่าลืมเข้าไปดูกันได้
Inception
Inception หรือ จิตพิฆาตโลก เป็นภาพยนตร์จากอเมริกันในปี 2010 แนวนวนิยายวิทยาศาสตร์-แอ็กชัน เขียนบท อำนวยการสร้างและกำกับโดยคริสโตเฟอร์ โนแลน นำแสดงโดยลีโอนาร์โด ดีคาปริโอ, เคน วะตะนะเบะ, โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์, เอลเลน เพจ, มารียง กอตียาร์ และคิลเลียน เมอร์ฟี ภาพยนตร์ได้รับแรงบันดาลใจจากภาวะที่คนเราสามารถที่จะรู้สึกตัวและตระหนักได้ว่าตนเองนั้นอยู่ในความฝัน (lucid dream) โดยมีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับการโจรกรรมของดอม คอบบ์ (ลีโอนาร์โด) ที่มีความสามารถในการเข้าไปในฝันของคนอื่นเพื่อขโมยข้อมูล ความสามารถนี้ทำให้คอบบ์กลายเป็นอาชญากรและต้องหลบหนี รวมทั้งสูญสิ้นทุกสิ่ง แต่เขาก็ได้รับข้อเสนอในการที่จะกลับมาใช้ชีวิตแบบเดิม แลกกับการปฏิบัติภารกิจปลูกฝังความคิดของเป้าหมายผ่านกระบวนการที่เรียกว่า “Inception”
(อ้างอิงข้อมูล: Wikipedia)
Snowpiercer
Snowpiercer ภาพยนตร์แนวแอ็คชั่น-ไซไฟ ที่ออกมาในช่วงปลายปี 2013 นำแสดงโดย คริส อีแวนส์ (The Avengers), เจมี่ เบลล์ (Billy Elliot), ทิลด้า สวินตัน (The Chronicle of Narnia) และ ซองคังโฮ (The Host) ผลงานการโกอินเตอร์ของ บองจุนโฮ ผู้กำกับ The Host
เรื่องราวของ Snowpiercer เกิดขึ้นในปีคริสตศักราช 2031 หลังจากความพยายามในการหยุดยั้งวิกฤตโลกร้อนประสบความล้มเหลว ทำให้โลกเข้าสู่ยุคน้ำเแข็งอีกครั้งและทำลายสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลก เหลือแต่เพียงรถไฟหัวจักรที่ชื่อว่า “สโนว์เพียซเซอร์” ที่ออกเดินทางรอบโลกอย่างไร้จุดหมาย โดยใช้พลังงาน “เครื่องจักรนิรันดร์” ขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยสภาพอากาศภายนอก แต่กระนั้นภายในขบวนรถไฟเองก็เกิดเป็นสังคมใหม่ มีการแบ่งแยกชนชั้นและริดรอนสิทธิของมนุษย์ ซึ่งทำให้การปฏิวัติจากชนชั้นล่างเกิดอุบัติขึ้น
(อ้างอิงข้อมูล: Sanook)
Blade Runner: The Final Cut
Blade Runner นั้นถือเป็นภาพยนตร์ไซไฟจากฮอลลีวู๊ดที่ดีที่สุดเท่าที่เคยสร้างขึ้นเลยทีเดียว ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1982 กำกับโดย ริดลี่ สก็อต และต่อมาก็มีภาคต่อเพิ่มขึ้นมาอีก โดยเนื้อเรื่องเป็นการบรรยายถึงโลกอนาคตในเมืองลอสแอนเจอลิส ที่มีการดัดแปลงพันธุกรรมและออกแบบมนุษย์เทียม “Replicants” จากบริษัทไทเรล คอปเปอเรชั่น มนุษย์เทียมเปรียบเสมือนแรงงานทาสทั้งบนโลกและนิคมบนดาวอื่น มนุษย์เทียมบางส่วนจึงเกิดการต่อต้านและหนีมายังโลก ทำให้เกิดการไล่ล่าและฆ่า (ปลดประจำการ) สำหรับเหล่าหน่วยปฎิบัติการพิเศษที่รู้จักกันในนาม “Blade Runner” โดยเนื้อเรื่องเน้นไปยังกลุ่มมนุษย์เทียมที่หนีรอดได้จำนวน 6 คน นำโดย รอย เบตตี้ (รัทเจอร์ ฮอร์เออร์) และรวมไปถึงอดีตเบรดรันเนอร์อย่างริชาร์ด เดคก้า (แฮร์ริสัน ฟอร์ด) ซึ่งไม่เต็มใจที่ตกลงรับที่หน้าที่ไล่ล่ามนุษย์เทียม ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะเป็นอย่างไรก็ต้องไปติดตามชมกัน
(อ้างอิงข้อมูล: Wikipedia)
Solo: A Star Wars Story
เรื่องราวของ “ฮัน โซโล” (Han Solo) ตัวละครคนสำคัญที่มีความโดดเด่นในภาพยนตร์ไตรภาคจาก Star Wars ภาคที่ 4 (A New Hope), ภาคที่ 5 (The Empire Strikes Back) และภาคที่ 6 (Return of the Jedi) กำกับและเขียนบทภาพยนตร์โดยคุณ Ron Howard ที่เคยมีผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่อง Angel & Demon อำนวยการสร้างภาพยนตร์โดย Lucasfilm และ Walt Disney Pictures กำหนดออกฉายในปี 2018
(อ้างอิงข้อมูล: metalbridges)
Under the Skin
Under the Skin ดัดแปลงจากนิยายไซไฟชื่อเดียวกันของ ไมเคิล เฟเบอร์ เรื่องราวของ ลอร่า (รับบทโดย สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน) เอเลี่ยนในร่างมนุษย์ที่ใช้เสน่ห์เพื่อล่อลวงผู้ชายมากินเป็นอาหาร แต่เมื่อเธออาศัยอยู่บนโลกเป็นระยะเวลานานขึ้นเรื่อย ๆ ลอว์ร่า ก็ได้ค้นพบถึง “ความรู้สึก” และ “สัมผัส” ของมนุษย์ที่สิ่งมีชีวิตนอกโลกเช่นเธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน
(อ้างอิงข้อมูล: ilovemovielnw.wordpress)
Avengers: Infinity War
หนึ่งในภาพยนตร์จากทาง Marvel ที่ดีที่สุด เป็นเรื่องราวการหยุดยั้งธานอสจากการหา Infinity Stones และกำจัดจักรวาล โดยเหล่า Avengers ที่กระจัดกระจายกันไป เหตุการณ์เหล่านี้นำไปสู่จุดสูงสุดในการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ และแฟน ๆ เหล่าซูเปอร์ฮีโร่จะไม่มีวันลืม
Cloverfield
Cloverfield กล่าวถึงเรื่องราวในคืนก่อนจะเดินทางไปญี่ปุ่น ร็อบ (ไมเคิล สตัห์ล-เดวิด) ที่ต้องการใช้ปาร์ตี้เลี้ยงส่งของเขาเป็นโอกาสที่จะได้สารภาพความรู้สึกที่เขาไม่เคยเปิดเผยและสะสางเรื่องที่ยังคาราคาซัง แต่ความตั้งใจของร็อบกลับพลิกผันไปอย่างไม่คาดฝันเมื่อเกิดเหตุขัดจังหวะ ผู้คนต่างนิ่งเงียบเพื่อดูรายงานข่าวแผ่นดินไหว ก่อนที่ทุกคนจะรีบเร่งขึ้นไปดาดฟ้าตึกเพื่อประเมินความเสียหาย ลูกไฟระเบิดดังก้องจากขอบฟ้าไกล ๆ ส่งผลให้ไฟดับทั้งเมือง ความสับสนกลายเป็นความโกลาหลเมื่อเหล่าแขกในงานปาร์ตี้วิ่งเบียดเสียดกันไปในความมืดและก้าวออกสู่ท้องถนน
ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของผู้คนและเสียงร้องกึกก้องที่ไม่ใช่เสียงมนุษย์ ร็อบและเพื่อนๆ ของเขาต้องเดินปะปนไปกับผู้คนท่ามกลางวิวทิวทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไป ขณะถูกไล่ล่าโดยบางสิ่งที่มาจากโลกอื่น น่าหวาดกลัว และโหดร้าย
(อ้างอิงข้อมูล: Kapook)
The Matrix
The Matrix หนังดังแห่งยุค 90 เล่าเรื่องราวของโลกในอนาคต เมื่อมนุษย์ทำสงครามกับหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ โดยระหว่างสู้รบ มนุษย์สามารถกำจัดแหล่งพลังงานของเหล่าหุ่นยนต์อย่างแสงอาทิตย์ได้โดยการทำให้ท้องฟ้ามืดดำ แต่ภายหลังหุ่นยนต์กลับพบแหล่งพลังงานใหม่ ซึ่งก็คือร่างกายของมนุษย์เอง และเป็นเหตุให้ฝ่ายมนุษย์พ่ายแพ้ นับแต่นั้นมนุษย์จึงถูกเลี้ยงให้เจริญเติบโตในแคปซูลเพื่อเป็นแหล่งพลังงาน โดยหุ่นยนต์สร้างโลกจำลองที่เรียกว่า The Matrix ขึ้นมาเพื่อล่อลวงให้มนุษย์หลับใหลอยู่ภายใต้การควบคุมในโลกจำลองนั้น กระทั่งมอร์เฟียสและทรินิตี้ได้ปลุก นีโอ (รับบทโดย คีอานู รีฟส์) ตัวเอกของเรื่องขึ้นมา และนำไปสู่การปลดแอกมนุษยชาติ
(อ้างอิงข้อมูล: Thestandard)
เป็นอย่างไรกันบ้างกัน 9 หนังยอดฮิตใน Netflix ที่ทางทีมงานเอามานำเสนอ เชื่อว่าบางเรื่องนั้นใครหลายคนคงเห็นผ่านตากันมาบ้างแล้ว หรือบางเรื่องก็อาจจะไม่ได้เคย แต่กระนั้นทีมงานก็คาดว่าภาพยนตร์บางเรื่องในจำนวนนี้ที่อาจไม่ค่อยมีคนรู้จัก จะทำให้ใครหลายคนตกหลุมรักถ้าลองได้ดู
ที่มา: techradar