Acer Swift 3 (Acer Swift 3 SF314-42) เป็นโน๊ตบุ๊คที่จัดเต็มเรื่องความคุ้มค่า การพกพา งานประกอบ และสิทธิภาพที่ดีเยี่ยม ซึ่งเมื่อต้นปี 2020 ที่ผ่านมาได้นำเสนอสเปกชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 4500U ล่าสุดในประเทศไทยได้นำเครื่องเดโมมาให้สัมผัสกันจริงๆ แล้ว ซึ่งในบทความนี้แอดมินโป้งจะมาพรีวิวกันที่ตัวเครื่องภายนอกกันก่อน จากที่ก่อนหน้านี้ทาง Acer ในไทยได้ขายสเปกชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 มาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2019 แน่นอนว่ามาพร้อมกับความคุ้มค่าน่าใช้อย่างที่สุด เรียกได้ว่าได้ Award ในส่วนของ Best Ultrabook 2019 ของทาง NBS กันเลยทีเดียว
ซึ่งอย่างที่รู้กัน Acer ได้พัฒนาในส่วนของโน๊ตบุ๊คที่เน้นการพกพามาโดยตลอด ที่สำคัญยังเป็นแบรนด์แรกที่นำเสนอโน๊ตบุ๊ครูปแบบใหม่อย่าง Ultrabook มาสู่ท้องตลาดอีกด้วย สำหรับ Acer Swift 3 ปี 2020 ได้สเปกชิปประมวลผล AMD Ryzen 4000 Series สถาปัตยกรรมเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 นาโนเมตร ทั้ง AMD Ryzen 5 4500U หรือ AMD Ryzen 7 4700U ที่แรงและดีกว่าเดิม พร้อมจัดเต็มเรื่องความคุ้มค่า โดยชิปประมวลผลในส่วนของ U Series ที่เน้นประหยัดพลังงานสำหรับโน๊ตบุ๊คทำงาน ซึ่งเดิม AMD ก็ทำตลาดในกลุ่มนี้ได้อย่างน่าสนใจ ด้วยราคาที่ถูก ประสิทธิภาพดี
โดยชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 4500U หรือ AMD Ryzen 7 4700U มาพร้อมกับการ์ดจอออนชิปเป็น Radeon RX VEGA 6 หรือ 7 รุ่นใหม่ ตัวเครื่องรองรับการติดตั้งแรมขนาด 8 – 16GB โดยติดตั้งที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB แสดงผลผ่านทางหน้าจอขนาด 14″ ความละเอียด Full HD พาเนล IPS แบบจอด้านลดแสงสะท้อนได้มุมมองที่กว้างและสีสันสดใส แน่นอนมามี Windows 10 แท้พร้อมใช้งานทันที ส่วนการรับประกันคาดว่าเป็น 2 ปี หรือ 3 ปี (ปีแรก On-site) พร้อมส่งศูนย์ซ่อมด้วยใน 3 ชั่วโมงด้วย
- Ryzen 7 4700U (Up to 4.1 GHz ,8 core/8 thread ,TDP 15W)
- Ryzen 5 4600U (Up to 4.0 GHz ,6 core/12 thread ,TDP 15W)
Acer Swift 3 SF314-42 เครื่องนี้ใช้วัสดุประกอบหลักเป็นพลาสติกคุณภาพดีให้สัมผัสใกล้เคียงกับรุ่นปีอย่าง Acer Swift 3 รุ่นที่เป็นสเปก Intel Core i Gen 10 (แต่วัสดุจะเป็นอลูมิเนียม) โดยสีสันเป็น Steel Gray ออกแนวเทาๆ เงินๆ ซึ่งทั้งตัวเครื่องให้ความบางเบาแต่แข็งแรง เรียกได้ว่าได้รับการพัฒนาต่อยอดจากโน๊ตบุ๊คบางเบาของทาง Acer ได้เป็นอย่างดีที่มาพร้อมราคาที่คุ้มค่ากว่ารุ่นเดิม ส่งผลให้ดีไซน์โดยรวมดูแล้วมีความเรียบหรูกว่าราคาไปมาก โดยมาพร้อมกับบางเพียง 16 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเพียง 1.2 กิโลกรัมเท่านั้น (รุ่นก่อน 1.35 กิโลกรัม) ถือได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอขนาด 14 นิ้ว แต่ตัวเครื่องเทียบเท่ากับหน้าจอ 13.3″ อย่างรุ่นก่อนๆ ที่บางเบาที่สุดรุ่นหนึ่ง
Acer Swift 3 SF314-57G ได้ติดตั้งหน้าจอขนาด 14 นิ้ว ขอบจอบาง 4.37 มิลลิเมตร มีพื้นที่ 84% เป็นหน้าจอแสดงผล ได้พาเนล IPS ที่รองรับความละเอียด Full HD หรือ 1920 x 1080 พิกเซล ที่เหมาะกับการทำงานหรือความบันเทิงแบบสุดๆ ด้วยสีสันที่สมจริงเรียบเนียมและมุมมองที่กว้างกว่า อีกทั้งยังมี Acer Color Intelligence เทคโนโลยีนี้จะปรับแกมม่าและความอิ่มตัวสีแบบเรียลไทม์ ช่วยปรับสี ความสว่าง และความอิ่มตัวสี โดยไม่มีภาพขาดและความอิ่มตัวของสีเกิน แน่นอนว่าให้ประสบการณ์ใช้งานในการแสดงผลที่เยี่ยมยอด โดยมี BluelightShield ลดแสงสีฟ้า รองรับกับงานทั่วไปเป็นอย่างดีและพอเพียงกับการใช้งานทั่วไป อย่างเล่นอินเตอร์เน็ต พิมพ์งาน
ฝาหลังเป็นวัสดุพลาสติกเช่นกัน ให้ผิวสัมผัสที่ดีมีความพรีเมียมกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป พร้อมโลโก้ Acer ตามมาตรฐานกลางฝาหลัง ให้สีสันเป็นเงินมันวาว สำหรับขอบตัวเครื่องมีความโค้งมนเพื่อความสวยงาม ส่วนด้านในก็จะเป็นอลูมิเนียมที่ดูหรูหรา ตัดกับคีย์บอร์ดสีดำยิ่งให้ความสวยงามและโดดเด่น โดยตัวบานพันเป็นแบบแถวยาวแถวเดียวโดยมีคำว่า Swift อยู่ เรียกได้ว่าดีไซน์ไปในทิศทางเดียวกันทั้งซีรีย์ ขอบตัวเครื่องทั้งหมดจะเป็นดีไซน์แบบโค้งมนเนียนๆ เข้ากับมือเวลาหยิบจับถือขึ้นมา โดยจากสติ๊กเกอร์ด้านในบริเวณที่วางมือฟีเจอร์ที่แปะไว้เอาไว้ บอกว่าขอบหน้าจอบางเฉียบกว่ารุ่นก่อนๆ และหน้าจอ IPS มุมมองกว้าง
คีย์บอร์ดที่ติดตั้งมาใน Acer Swift 3 เป็นแบบ Chiclet Keyboard ซึ่งระยะเว้นระหว่างปุ่มพิมพ์ทำออกมาได้พอดีไม่ชิดกันมากเกินไปและระยะยุบตัวของปุ่มพิมพ์นั้นค่อนข้างสั้น แต่ใช้งานจริงก็พอได้อยู่ไม่ได้ลำบากในการใช้งานนัก ผิวสัมผัสของปุ่มแต่ละปุ่มนั้นให้ความรู้สึกที่ติดนิ้ว ส่งผลให้พิมพ์ได้อย่างสะดวกไม่แพ้คีย์บอร์ดของโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ เลย พร้อมมีไฟคีย์บอร์ดสีขาวส่องสว่างปรับระดับได้ ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่มุมขวาบน สีกลืนไปกับเครื่อง ซึ่งแม้ว่าเราจะไปเผลอกดระหว่างการใช้งานก็ไม่ได้ทำให้เครื่องปิดแต่อย่างใด (ต้องกดค้างซัก 3 วินาทีถึงจะมีเมนูของ Acer ขึ้นมา)
ทัชแพดถูกออกแบบมาให้มีขนาดที่ใหญ่กำลังดี โดยจะซ่อนปุ่มคลิกซ้ายและคลิกขวาเอาไว้ทำให้ดูเรียบง่ายหรูหรา จากการทดสอบแล้วทัดแพชนี้รองรับ Gesture Control ได้ดีและมีการตอบสนองที่รวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือแบบใหม่ที่เพียงแตะเท่านั้น คล้ายๆ ใช้งานพวกสมาร์ทโฟน
ในส่วนของลำโพงที่ติดตั้งมาเป็นแบบสเตอริโอ มาพร้อมระบบเสียง Acer TrueHarmony โดยเป็นลำโพงขนาดเล็กอยู่ทางด้านล่างฝั่งผู้ใช้มุมซ้ายและขวาของตัวเครื่องอัดลงพื้นให้สะท้อนขึ้น จากการทดสอบลำโพงพบว่าเสียงที่ออกมาค่อนข้างดีน่าประทับใจ แยกรายละเอียดได้ในระดับหนึ่ง ถือได้ว่ามีเสียงที่ดังชัดเจน โดยเน้นไปโทนกลางเป็นหลักตามสไลต์ลำโพงจากโน๊ตบุ๊คทั่วไป นอกจากนี้ยังมีเสียงที่ค่อนข้างดังกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปอีกด้วย
ส่วนเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อนั้นก็ยังมีพอร์ตมาตรฐานซึ่งมาให้ค่อนข้างครบ ไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-C (แตกต่างจาก Acer Swift 3 สเปก Intel Core i Gen 10 ที่เป็น Thunderbolt 3) USB 3.1 Type-A, USB 2.0 Type-A, HDMI สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก ที่สำคัญยังมาพร้อม Dual-Band Intel Wi-Fi 6 AX ที่และการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.0 ใหม่ล่าสุด โดยรวมแล้วมีความเหมือนกัน Acer Swift 3 รุ่นก่อนหน้านี้
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ ทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่พอๆ กัน ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น อยู่ที่ 1.2 กิโลกรัมเท่านั้น และเมื่อรวมกับตัวอแดปเตอร์ไซส์เล็กเข้าไปด้วย ก็จะมีหนักไม่ถึง 1.4 กิโลกรัม ซึ่งตรงนี้ต้องบอกว่านอกจากตัวเครื่องที่บางเบาแล้ว ในส่วนของอแดปเตอร์เองก็มีขนาดที่เล็กและเบามากๆ โดยรวมแล้วก็จัดว่ามีน้ำหนักที่ไม่ลำบากในการพกพาเลย สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาอีกรุ่นหนึ่ง สาวๆ น่าจะชอบกัน หยิบใส่กระเป๋าไปใช้งานข้างนอกสบายๆ
ปิดท้ายในส่วนของการทดสอบประสิทธิภาพจากเว็บไซต์ต่างประเทศ โดยเทียบ AMD Ryzen 5 4500U ผ่านทางเครื่อง Acer Swift 3 vs Intel Core i5-10210U ผ่านทางเครื่อง Dell XPS 13 7390 ด้วยโปรแกรม Geekbench จะเห็นว่าได้คะแนนที่มากกว่า อีกทั้งยังเทียบกับชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ซึ่งเผยให้เห็นถึงคะแนนที่ไม่ต่างกันมากนัก เรียกได้ว่า AMD Ryzen 5 4500U มีความแรงที่พอตัวเลยทีเดียว คาดว่าจากสถาปัตยกรรมการผลิตที่ 7 นาโนเมตรที่ดีกว่า ส่วนผลทดสอบเรื่องอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมหรือแบตเตอรี่ลองดูกันตามนี้เลย
Acer Swift 3 สเปกชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 4500U นอกจากจะเหนือชั้นเรื่องของประสิทธิภาพแล้ว (ตามภาพด้านบน) ยังโดดเด่นเรื่องการการพกพา แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 7 ชั่วโมงขึ้นไป กับการที่เป็นโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14″ ซึ่งมีน้ำหนักเพียง 1.2 กก. และบางเพียง 16 มม. เท่านั้น ได้ดีไซน์ขอบจอบางเฉียบ และสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมกว่าเดิม เหมาะกับนักเรียน นักศึกษา คนทำงาน ที่ต้องการโน๊ตบุ๊คคุ้มค่า ดูดี บางเบา จบครบในเครื่องเดียว คาดราคาขายไทยเริ่มต้นที่ 1x,xxx บาท ไว้มีโอกาสแอดมินโป้งจะนำเครื่องขายจริงมารีวิวเต็มๆ กันอีกครั้งนะครับ คาดว่าเร็วๆ นี้ไม่นานเกินรอแน่นอน