Acer Spin 5 รุ่นใหม่ล่าสุด ได้มีการเปิดตัวครั้งแรกในงาน CES 2020 ซึ่งล่าสุด Acer ประเทศไทยได้นำมาในสัมผัสตัวจริงแล้ว บทความนี้แอดมินโป้งเลยนำมาเขียนพรีวิวก่อน โดยจัดว่าเป็น 2-in-1 Notebook ที่ใช้สเปกเป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 ทั้ง i5 / i7 สถาปัตยกรรม Ice Lake (10 นาโนเมตร) ที่ได้การ์ดจอออนชิปเป็น Iris Plus Graphic อย่าง G4 / G7
โดดเด่นด้วยการมีหน้าจอขนาด 13.5″ พาเนล IPS เกรดสูง เป็นสัดส่วน 3:2 ความละเอียด 2K (2256 x 1504 พิกเซล) เน้นใช้งานพื้นที่ที่มากกว่า รองรับการใช้งานปากกา Acer Active Wacom AES Stylus ที่สำคัญคือมีที่เก็บปากกาในตัวเครื่องเลย แน่นอนว่ามาพร้อมกับเทคโนโลยี Wi-Fi 6 AX และ Thunderbolt 3 ที่แรงและดีที่สุด
Acer Spin 5 จัดว่าเป็น 2-in-1 Notebook ได้หน้าจอเป็น 13.5″ ที่มีขนาดเล็กกระทัดรัด มีความละเอียดระดับ 2K คุณภาพสูงให้มุมมองที่กว้าง โดยมีน้ำหนักของตัวเครื่องเพียง 1.2 กิโลกรัม มาพร้อมกับ Windows Hello ติดตั้งเป็นแบบ Fingerprint แน่นอนว่าสเปกเป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 สถาปัตยกรรม Ice Lake อย่าง Core i5-1035G4 และ Core i7-1065G7 ส่วนของแรมเป็นขนาดสูงสุดที่ 16GB LPDDR4X และ SSD M.2 NVMe ได้ความจะเป็น 256GB – 1TB รองรับการชาร์จไฟแบบรวดเร็ว พร้อมแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 15 ชั่วโมงด้วย
รายละเอียดสเปกอื่นๆ ของ Acer Spin 5รุ่น ปี 2020 เทคโนโลยีการเชื่อมต่ออย่าง Wi-Fi 6 AX และ Thunderbolt 3 ที่ส่งข้อมูลได้เร็วแรงและปลอดภัยที่สุด ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ถูกมาใช้เป็นมาตรฐานใน Swift 3 / Swift 5 แล้ว ส่วนของระบบเสียงเป็น Acer TrueHarmony และ DTS พร้อมมีคีย์บอร์ดไฟส่องสว่าง มีปากกาที่เขียนได้เหมือนจริงที่สุดอย่าง Acer Active Wacom AES Stylus รองรับแรงกด 4,096 ระดับ
ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ Acer Spin 5 นั้นจะดูเล็กกว่าโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 13.5″ ในแบบยุคก่อนๆ เนื่องด้วยตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา แต่ทั้งนี้ถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะเล็ก ทำให้มีความโดดเด่นมากๆ ที่สำคัญขอบจอยังบางเฉียบ ทำให้ดูทันสมัยและเรียบง่าย ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน แต่ว่าไม่ได้มนมากจนเกินไป ที่สำคัญ 2-in-1 Notebook มีการดีไซน์ที่เก็บปากกาล้ำๆ ของ Acer Active Wacom AES Stylus โดยติดตั้งอยู่ที่ขอบตัวเครื่องด้านล่าง มีความบาง 15.24 มิลลิเมตร และเบาเพียง 1.22 กิโลกรัม
ส่วนของตัวเครื่องหลักๆ สีสันออกแนวดำๆ เทาๆ เหมาะกับทั้งสาวๆ หรือหนุ่มๆ วัยทำงานยุคนี้ แล้วจะใช้เป็นอะลูมิเนียมคุณภาพสูงตลอดทั้งตัวเครื่องเป็นส่วนประกอบ ทำให้ได้ข้อดีมาก็คือทั้งความแข็งแรงและน้ำหนักที่เบา โดยตัวเครื่องภายนอกทั้งฝาหลังและด้านล่างตัวเครื่องจะเป็นอะลูมิเนียม ส่งผลให้เวลาที่เราเอามือมาวางจะรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เหนือชั้นกว่าวัสดุทั่วๆ ไป ส่วนด้านในก็เป็นอลูมิเนียมเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่าเวลาใช้งานวางมือลงไปนั้นเราได้ทั้งความทนทานและความพรีเมียมไปพร้อมๆ กัน สำหรับปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ขอบตัวเครื่องด้านขวาทำให้กดปุ่มได้สะดวกในทุกๆ โหมด
อีกหนึ่งจุดเด่นของ Acer Spin 5 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใส่ใจในรายละเอียดก็คือ มีน้ำหนักตัวที่เบามากๆ แถมตัวเครื่องยังบางสุดๆ โดยสามารถถือได้ด้วยมือเดียวอย่างสบายๆ ด้วยน้ำหนักเพียง 1.22 กิโลกรัมเท่านั้น ส่วนความบางเครื่องก็เพียง 15.24 มิลลิเมตร บอกได้เลยว่าจะหาโน๊ตบุ๊คแบบนี้จากแบรนด์อื่นๆ ก็ยากซักหน่อย ที่สำคัญอีกเรื่องก็คือบานพับก็เป็นอะลูมิเนียมที่แข็งแรงทนทานไม่ต่างจากตัวเครื่อง คอยทำหน้าที่หมุนหน้าจอได้ถึง 360 องศา ไว้ใช้ Multi Mode ทำให้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
ส่วนการออกแบบมาอื่นๆ ที่น่าสนใจก็คงเป็นส่วนของโลโก้ Acer ฝาหลังที่สวยงามเป็นเทามันวาว ส่วนตัวเครื่องด้านในเหนือคีย์บอร์ดคำว่า Spin ปั๊มเอาไว้ นอกจากนี้การออกแบบยางรองใต้เครื่องก็เรียกได้ว่าไม่เหมือนใคร โดยใช้เป็นแถบยางยาวขนานไปกับแนวยาวของตัวเครื่อง พร้อมกับมีช่องระบายอากาศอยู่เป็นแนวยาวอีก สำหรับ Acer Spin 5 ในการท่ายเทความร้อนออกไปจากช่องทางใต้หน้าจอ ทำให้สเปกแรงแบบนี้ก็ยังถ่ายเทความร้อนได้อย่างรวดเร็วน่าประทับใจ แม้จะมีพัดลมเพียงตัวเดียวก็สามารถจัดการความร้อนภายในได้เป็นอย่างดี
เรียกได้ว่าเรื่องของดีไซน์นั้นตอบโจทย์กับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คหน้าจอเล็กกระทัดรัดเครื่องเดียวจบแน่นอน ทำให้ไม่ว่าเราจะเอาไปทำงาน หรือเพื่อความบันเทิง ก็ตอบสนองไลฟ์สไตล์ได้หมด ด้วยสเปคภายในที่ครบครัน แม้ว่าตัวเครื่องจะบางเบาแล้ว โดดเด่นด้วยเมื่อเราเปิดฝาขึ้นมาขอบตัวเครื่องด้านหลังก็จะช่วยยกตัวเครื่องให้สูงยิ่งขึ้นด้วย ช่วยในการมองจอและการพิมพ์ที่ดียิ่งขึ้นอีกด้วย แตกต่างจาก 2-in-1 Notebook ในตลาดยิ่งกว่าจากการที่เป็นขนาด 13.5″ สัดส่วน 3:2 ที่ความละเอียด 2K (2256 x 1504 พิกเซล) ที่ให้พื้นที่ด้านยาวมากว่า รองรับการทัชสกรีนด้วยนิ้ว 10 จุดพร้อมๆ กัน
ส่วนของคีย์บอร์ดนั้น Acer Spin 5 ตัวปุ่มเป็นพลาสติกสีดำสกรีนตัวอักษรสีขาว มีการออกแบบมาให้ปุ่มมีความโค้งรับกับนิ้วมือได้พอดี ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น ก็ถือว่าทำไว้ดีอยู่แล้วเช่นกันตามสไตล์ของ Acer กับคีย์บอร์ด 4 แถวขนาด Full Size อีกทั้งด้านการใช้งานในการพิมพ์ ก็ยังตอบสนองได้เป็นอย่างดีทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด รวมทั้งแป้นก็เด้งกับนิ้วเมื่อกดลงไปอย่างพอดี ในส่วนของไฟ LED Backlit ก็สามารถใช้งานได้ดีทีเดียว
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบไม่มีปุ่มแยกออกมาเช่นเดียวกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่น การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี พร้อมความสามารถใช้งานสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint ใช้งาน Login Windows 10 ผ่านทาง Window Hello
ลำโพงสเตอริโอ Acer TrueHarmony มีเทคโนโลยี DTS ที่อยู่บริเวณขอบตัวเครื่องด้านหลังให้เสียงที่ค่อนข้างดี รองรับกับการใช้งานทุกๆ โหมด แยกรายละเอียดได้ในระดับที่ดีน่าประทับใจ ถือได้ว่ามีเสียงดังชัดเจนออกแนวใสๆ เน้นไปโทนกลางเป็นหลักตามสไลต์ลำโพงจากโน๊ตบุ๊คทั่วไป คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีเพียงพอแบบสบายๆ แล้ว ส่วนใครจะเอาไปต่อกับหูฟังหรือลำโพงเพิ่ม ก็สามารถทำได้หากว่าต้องการคุณภาพเสียงที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก
Acer Spin 5 จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานบางเบาหน้าจอ 13.5″ ซึ่งมีไซส์และมิติโดยรวมเล็กกระทัดรัดกว่าปกติ ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น 2 x Thunderbolt 3 / 2 x USB 3.1 Type-A / 1 x HDMI 1.4 / micro-SD Card Reader และ Mic-in/Headphone-out ให้ความครบเครื่องมากกว่าโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 13.3″ – 14″ ทั่วไป โดดเด่นด้วย Thunderbolt 3 ถึง 2 พอร์ตด้วยกัน รองรับการชาร์จไฟผ่านทางมาตรฐาน USB-PD อีกทั้งมีเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 6 AX พร้อมใช้งานตามมาตรฐานโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่สเปก Core i Gen 10 ต้นปี 2020 นี้
สนนราคาเริ่มต้นของ Acer Spin 5 รุ่นใหม่ปี 2020 จะมีราคาเริ่มต้นที่ 899 เหรียญสหรัฐในต่างประเทศ หรือประมาณ 27,000 บาท คาดว่าจะพร้อมจำหน่ายในไทยเร็วๆ นี้ ในราคาที่ใกล้เคียงกัน ไว้รอติดตามชมรีวิวเต็มๆ อีกที เมื่อแอดมินโป้งได้เครื่องขายจริงมาแล้วนะครับ ใครสนใจ 2-in-1 Notebook ที่ได้มาตรฐานหน้าจอใหม่ไว้ใช้งานทั่วไป หรือทำงานระดับมืออาชีพ ให้ประสบการณ์ใช้งานที่เหนือชั้นกว่ารุ่นอื่นๆ อดสนใจรอกันอีกนิด เชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นในตลาดที่ขายดีแน่นอน เพราะนอกจากสเปกและฟีเจอร์ที่ดีแล้ว คาดว่าประกันก็จะเป็นแบบ 3 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้านอีกด้วย