Lenovo Legion Y540 นับได้ว่าเป็น Gaming Notebook ที่แตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ในตลาด โดยหลายคนให้ความสนใจตลอดปี 2019 ที่ผ่านมา เพราะได้ดีไซน์ทำงานก็ได้เล่นเกมก็ลงตัว ประสิทธิภาพก็แรงลื่น โดยล่าสุดมีการอัพเดทสเปกใหม่เป็นตัวเลือกที่ไม่เหมือนแบรนด์อื่นๆ ซึ่งมีการเลือกใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 9 อย่าง Core i5-9300HF ที่มีความพิเศษตรงที่เลือกตัดการ์ดจอออนชิปออกไป เพื่อเพิ่มความแรงในการเล่นเกม พร้อมลดความร้อนไปในตัว แน่นอนว่าเลือกใช้การ์ดจอแยกเป็น NVIDIA GeForce GTX 1650 ที่มีพลังแรงไว้ใจได้ ติดตั้งแรมเป็น 8GB ผสานกับ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB มี Windows 10 แท้ใช้งานได้ทันที
สำหรับ Lenovo Legion Y540 นั้นเรียกได้ว่ามาครบเครื่องเป็นโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วที่ครบครัน ได้ขอบจอบางเฉียบ มิติตัวเครื่องเล็กกระชับ ลงตัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนรับรองได้ว่ามันสามารถที่จะสร้างประสบการณ์ในการเล่นเกมแบบใหม่ให้กับผู้ใช้งานได้อย่างสบายๆ นอกจากเล่นเกมได้ดีแล้ว ยังรองรับทั้งการทำงานที่ต้องการประสิทธิภาพที่สูง อย่างตัดต่อวีดีโอ หรือเรนเดอร์ 3 มิติ ก็เอาอยู่ สนนราคาเพียง 25,990 บาท ได้ประกัน 3 ปี On-site ซ่อมฟรีถึงบ้าน และของแถมอย่างแรม 8GB (รวมเป็น 16GB), กระเป๋าเป้สุดทางจากทาง Lenovo, Legion Card มูลค่า 500 บาท (บัตรเงินสด Rabbit Card ใช้จ่ายได้กว่า 100 ร้านค้า)
Specification
สเปกเต็มๆ ของ Lenovo Legion Y540 รุ่นที่นำมารีวิวเป็นเครื่องขายจริง สนนราคากลางอยู่ที่ 25,990 บาท ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i5-9300HF (2.40 – 4.10 GHz) สถาปัตยกรรม Coffee Lake Refresh H ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธรด รุ่นพิเศษที่มีการตัดการ์ดจอออนชิปอย่าง Intel UHD Graphics 630 ออกไปเลย ส่งผลให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น พร้อมทั้งไม่ต้องแบ่งแรมไปให้ ซึ่งส่งผลให้ร้อนน้อยลงไปอีกเล็กน้อยด้วย ต่างจากรุ่น Intel Core i5-9300H ก่อนหน้านี้ (แต่ตัวสติ๊กเกอร์ยังเหมือนเดิมนะ)
พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 (4GB GDDR5) พร้อมที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB รองรับการอัพเกรดเพิ่ม HDD SATA 3 ได้ภายหลัง ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 8GB แบบ DDR4 Bus 2666MHz หนึ่งแถว (อัพได้สูงสุด 32GB) ระบบปฎิบัติการเป็น Windows 10 แท้ พร้อมใช้งานตั้งแต่เปิดเครื่องครั้งแรก แน่นอนว่าสเปกแบบนี้ใช้งานทั่วไปพื้นฐานลื่นไหลแน่นอน รวมไปถึงเล่นเกมหรือทำงานหนักๆ ก็ดีเยี่ยมมากๆ
ได้หน้าจอขนาด 15.6″ แบบด้าน ขอบหน้าจอบางพิเศษเป็น ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มี Refresh Rate ที่ 144Hz ให้สีสันสวยงามและมุมมองที่กว้าง เหมาะกับการทำงานหรือเล่นเกม พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอลในตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง USB 3.1 Type-C, mini DisplayPort, HDMI, 3 x USB 3.1 Type-A, Kensington lock slot , SD Card Reader, RJ-45 , Headset พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5 และ Wi-Fi มาตรฐาน AC (2×2) ส่วนการรับประกันแน่นอนว่าเป็น ประกัน 3 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน จาก Lenovo Thailand
Hardware / Design
Lenovo Legion Y540 พัฒนาต่อยอดมาจาก Lenovo Legion Y530 อีกหนึ่ง Gaming Notebook ประจำปี 2020 ที่มาพร้อมความแตกต่างจากดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย แนวทำงานหรือเล่นเกมก็ลงตัว กับหน้าจอความละเอียด Full HD 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลเป็น IPS มี Refresh Rate ที่ 144Hz ให้ทั้งความลื่นไหลและคุณภาพดีสีสันสวยงามสมจริง เหมาะสมที่สุดสำหรับการเล่นเกมและความบันเทิงอื่นๆ ที่สำคัญยังมีดีไซน์ขอบจอที่บางเฉียบตามที่ควรจะเป็น เทียบแล้วมิติตัวเครื่องเหมือนจะเป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ แต่ความเป็นจริงคือ 15.6″ นั่นเอง ส่งผลให้พกพาสะดวกยิ่งขึ้นแบบรู่สึกได้
ส่งผลให้ดีไซน์รวมๆ ของตัวเครื่องมีมิติที่เล็กกระชับลงด้วย ด้วยความบางเพียง 25.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 2.35 กิโลกรัม ซึ่งเป็นจุดที่สมดุลทั้งในแง่ของประสิทธิภาพในการเล่นเกม และความสามารถในการพกพาได้อย่างลงตัว กับ Gaming Notebook ราคาระดับกลางๆ ที่ไม่ได้เน้นแต่ความคุ้มค่าอย่างเดียว แต่อยากได้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีด้วย ซึ่งเชื่อได้เลยว่าน่าจะถูกใจหลายๆ คน คือ อยากได้ Notebook เอาไปเล่นเกม แต่ไม่อยากได้ดีไซน์ Gaming จ๋าๆ เพราะเครื่องเดียวกันนั้นต้องพกพาไปใช้งานด้วย
ตอกย้ำการออกแบบและดีไซน์ตัวเครื่องไม่ว่าจะเป็นสีสันที่เป็นตัวเครื่องเลือกที่จะให้มีความเรียบง่าย แตกต่างจาก Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ ที่เน้นสีสันแดงดำเท่านั้น อย่างไรก็ตามความร้อนคือปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการเล่นเกมโดยตรง ด้วยการออกแบบให้มีชุดระบายอากาศ 2 ชุด แยกกันระหว่าง CPU และ GPU ทำงานร่วมกับช่องระบายความร้อนถึง 4 ช่อง และพัดลมที่มีใบพัดถึงกว่า 70 ใบ ในแต่ละชุด เพื่อระบายความร้อนออกสู่ภายนอกให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันไม่ทำให้เกิดเสียงรบกวนที่ดังเกินไป โดยยังให้ประสิทธิภาพที่ดีอยู่
Lenovo Legion Y540 วัสดุที่ใช้ในการประกอบตัวเครื่องนั้นจะเป็นพลาสติกทั้งหมดก็จริง โดยเลือกใช้พลาสติกเกรดสูงที่ให้สัมผัสที่ดีอีกทั้งยังทนทานไม่เป็นรอยง่ายๆ งานประกอบรวมก็มีคุณภาพมาตรฐาน สำหรับฝาหลังให้ความรู้สึกถึงพื้นผิวที่ไม่เรียบมีความันวาวเล็กน้อยพร้อมไฟ LED ที่ขาวบริเวณโลโก้ Legion พร้อมโลโก้ Y อยู่ด้านในอีกที โดยบานพับเป็นแบบแกนเดียวที่มีความมันวาว พร้อมโลโก้ Y ซ่อนอยู่ตรงขอบแกน
ด้านในส่วนของคีย์บอร์ดมีไฟ Backlit สีขาวสวยงามใช้ได้จริง ทั้งยังตอบสนองการกดได้อย่างรวดเร็วด้วยการออกแบบให้มีระยะกดปุ่มเพียง 1.7 มิลลิเมตร เพื่อส่งมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่สะดวกสบายกว่าที่เคย และทัชแพดให้ความรู้สึกกการใช้งานที่ดีมีความทนทานรวมไปถึงทำความสะอาดได้ง่าย สิ่งนี้นับว่าทาง Lenovo มีความใส่ใจไม่แพ้ส่วนอื่นๆ
สรุปโดยรวมการออกแบบดีไซน์ภายนอกและวัสดุของ Lenovo Legion Y540 รุ่นใหม่นั้น ทำได้ดีตามมาตรฐานของ Lenovo ที่ทุกคนไว้ใจและมั่นใจจริงๆ ซึ่งถ้าเทียบกับรุ่นก่อนหน้าก็ถือว่ายังคงรูปแบบเดิมเอาไว้ ให้ตอบโจทย์ของคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมในดีไซน์เรียบๆ แต่แอบแฝงความเข้มและดุดันเอาไว้ ด้วยโลโก้ที่ดูน้อยแต่มาก รวมไปถึงการเลือกใช้ไฟเป็นโทนสีขาวแทนสีแดงแบบเดิมๆ
Keyboard / Touchpad
ตัวเครื่อง Lenovo Legion Y540 มาพร้อมกับหน้าจอใหญ่ที่ 15.6″ ก็จริง แต่ตัวเครื่องเล็กกระชับลง ถึงอย่างนั้นก็ทำให้สามารถที่จะติดตั้งคีย์บอร์ดแบบ Full Size สไตล์ Lenovo มาให้ผู้ใช้งานได้ใช้กันได้อย่างสบายๆ ถอดแบบมาจากตระกูล ThinkPad ที่หลายคนประทับใจ โดยมีปุ่มแป้น Numpad มาให้ รวมไปถึงแป้นปุ่มตรงตัวอักษรทั้งหมดเป็นขอบขาว ซึ่งมาพร้อมกับไฟส่องสว่างสีขาวสวยงาม แม้ว่าตำแหน่งของปุ่ม Numpad อาจจะมีความแปลกซักหน่อย แต่เชื่อว่าใช้งานไปซักพักจะดีขึ้นเอง สำหรับความรู้สึกในการกดพิมพ์นั้น ทำได้ดีทีเดียว นับว่าเป็น Gaming Notebook อีกรุ่นที่พิมพ์ได้มันมือ
ในส่วนของทัชแพดนั้นได้รับการออกแบบมาใหม่ที่ดูแล้วเรียบง่าย ลักษณะเป็นแบบแยกปุ่มคลิ๊กซ้ายขวา ดูแล้วมีความสวยงามไม่น้อยเลยสำหรับการดีไซน์ออกแบบ โดยรวมแล้วให้ความรู้สึกการใช้งานที่ดี ที่สำคัญเรายังสามารถปิดทัชแพดและปุ่ม Windows แบบอัตโนมัติเมื่อเราเข้าสู่การเล่นเกม ผ่านทางฟีเจอร์นี้ในซอฟต์แวร์ Lenovo Vantage
Screen / Speaker
ในส่วนของหน้าจอ Lenovo Legion Y540 เป็นแบบด้านที่ลดแสงสะท้อนขนาด 15.6″ บนความละเอียดในระดับ Full HD หรือ 1920 x 1080 พิกเซล ที่สำคัญพาเนลยังเป็น IPS คุณภาพสูง ได้ Refresh Rate ที่ 144Hz ได้ความลื่นไหลกว่า 60Hz ทั่วไป ให้การแสดงผลที่สมจริงมุมมองกว้างกว่าพวกโน๊ตบุ๊คที่เป็นพาเนล TN เหมาะการใช้งานทุกประเภทแน่นอน เทียบกับรุ่นก่อนแล้วถือได้ว่าให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดียิ่งขึ้นแบบเห็นได้ชัด ทั้งการใช้งานทั่วไปรวมไปถึงเล่นเกม
เมื่อลองใช้งานจริงแล้วให้ประสบการณ์ใช้งานระดับที่น่าประทับใจ ทั้งการเล่นเกม ดูหนัง หรือชมวีดีโอจาก Youtube ก็สามารถมอบประสบการณ์ความบันเทิงให้อย่างดี เรียกได้ว่า Lenovo Legion Y540 ยังคงรักษามาตรฐานของ Gaming Notebook เหมือนรุ่นอื่นๆ โดยได้ขอบจอที่บาง และจากการที่ขอบจอบนบางเฉียบทำให้กล้องเว็บแคมถูกย้ายมาไว้ใต้หน้าจอแทน มุมมองการใช้งานก็จะแปลกๆ หน่อย อันนี้ต้องปรับตัวกันเล็กน้อย
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Lenovo Legion Y540 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS ด้วย Spyder5Elite โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 94% และ AdobeRGB ที่ 70% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันในเกณฑ์ที่ดีเยี่ยม ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้อยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐาน เอาไปทำงานข้างนอกสบายๆ เหมาะกับผู้ที่ใช้งานด้านตกแต่งภาพที่ต้องการความเที่ยงตรงของสีเป็นหลัก ใครที่จริงจังด้านสีสันถือว่าเป็น Gaming Notebook ที่น่าสนใจรุ่นนึงทีเดียว
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องมุมซ้ายบนหน้าจอมีค่า 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับช่องขวาแถวกลางที่ลดลงไปที่ระดับ 12% ทำให้ต้องใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนนรวม 4.0 คะแนนถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตราฐานทั่วไป เหมาะสำหรับคนเอามาดูหนังฟังเพลง เล่นเกม หรือตกแต่งโปรเซสภาพถ่ายก็พอได้อยู่
Lenovo Legion Y540 ระบบและการออกแบบลำโพงที่เป็นจุดเด่นอย่างแท้จริง ด้วยลำโพงขนาดใหญ่จากแบรนด์ Harman แยกซ้ายขวาที่ติดตั้งบริเวณขอบตัวเครื่องด้านหน้าจำนวน 2 ตัว ซึ่งได้คุณภาพเสียงที่ดี พร้อมระบบเสียง Dolby Audio ที่จะเข้ามาเสริมพลังเสียงให้หนักแน่น เต็มอิ่ม และดังเพียงพอสำหรับการแบ่งปันประสบการณ์ความบันเทิงให้กับคนรอบข้าง
Connector / Thin And Weight
Lenovo Legion Y540 จัดว่าเป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น 3x USB 3.1 Type-A, 1x USB 3.1 Type-C, 1x HDMI 1.4, Mini DisplayPort, RJ45 และ Mic-in/Headphone-out โดยตัวพอร์ตเองมีทั้งด้านข้าง 2 ข้าง และด้านหลัง เรียกได้ว่ามีการจัดว่าอย่างลงตัว เหมาะสมกับการใช้งานจริง พร้อมใส่สัญลักษณ์ตามพอร์ตต่างๆ เอาไว้ แต่ในส่วนของ Card Reader ไม่มีมาให้ พร้อมรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5 และ Wi-Fi AC (2×2) ซึ่งจะช่วยให้การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตมีความสเถียร จนส่งผลให้การเล่นเกมออนไลน์สามารถได้ลื่นๆ อีกด้วย
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 15.6″ ทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่ค่อนข้างใหญ่โตพอสมควรกับการจ่ายไฟที่ 170Watt ส่วนของการพกพา Lenovo Legion Y540 ทำได้น่าพอใจไม่แพ้ Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ด้วยน้ำหนัก 2.35 กิโลกรัม อย่างไรก็ตามเมื่อรวมกับอแดปเตอร์ก็จัดว่ามีความลำบากอยู่เล็กน้อย แต่ก็ถือว่าพอพกพาไปไหนมาไหนได้
Inside / Upgrade
การแกะเครื่อง Lenovo Legion Y540 นั้นสามารถที่จะทำได้ค่อนข้างง่าย เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ ส่วนวางตัว โดยตัวเครื่องนั้นจะเป็นแบตเตอรี่ที่มีความจุอยู่ที่ 4955 mAh ในส่วนที่สามารถทำการอัพเกรดได้ทันทีอย่างแหล่งเก็บข้อมูลแบบ SATA ขนาด 2.5 นิ้วกับ M.2 (รองรับเป็นแบบ NVMe) ที่ทั้ง 2 ส่วนนี้แค่ไขเอาน๊อคออกก็สามารถที่จะทำการอัพเกรดได้ทันทีโดยไม่ต้องไปยุ่งกับส่วนอื่นๆ สำหรับในส่วนของแรมนั้นจะต้องถอดเอาที่ครอบออกก่อนจากนั้นก็จะเห็นแรม โดยตัวเครื่องนั้นจะมี 8GB 1 แถว เราสามารถที่จะอัพเกรดหน่วยความจำได้สูงสุดถึง 32 GB (ที่ 2 แถว)
ระบบระบายความร้อนของ Lenovo Legion Y540 นั้นมีทิศทางการไหลของลมที่ดีขึ้นจากเดิมพอสมควร ด้วยการออกแบบให้มีชุดระบายอากาศ 2 ชุด แยกกันระหว่าง CPU และ GPU ทำงานร่วมกับช่องระบายความร้อนถึง 4 ช่อง และพัดลมที่มีใบพัดถึงกว่า 70 ใบ ในแต่ละชุด เพื่อระบายความร้อนออกสู่ภายนอกให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันไม่ทำให้เกิดเสียงรบกวนที่ดังเกินไปอีกด้วย เรียกได้เปลี่ยนไปจากรุ่นก่อน แต่จะดีขึ้นหรือเปล่านั้นไปติดตามกันต่อดู
Performance / Software
Lenovo Legion Y540 ที่ได้รับมารีวิวมาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i Gen 9 H อย่าง Intel Core i5-9300HF โดยจะเป็นรุ่นใหม่ที่แตกต่างจากรุ่น Core i5-9300H เดิมก็คือ ตัดการ์ดจอออนชิปออกไป มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.40 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.10 GHz เป็นซีพียูแบบ 4 Core 8 Threads มีผลอย่างมากต่อการทำงานที่ต้องใช้การประมวลผลของ CPU หนักๆ เช่น การต่อต่อวีดีโอ หรือเรนเดอร์งาน 3D เป็นต้น มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR4 ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
การ์ดจอออนชิปอย่าง Intel UHD Graphics 630 ได้ถูกตัดออกไปใน Core i5-9300HF โดยอาศัยเพียงกราฟิกการ์ดจอแยกตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 เท่านั้น (เพื่อให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพที่สุดไม่ต้องสลับไปมา) ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ และแรงกว่า GTX 1050 Ti แบบรู้สึกได้จากการที่สามารถขับเฟรมเรทได้ลื่นไหล โดยเป็นรอง GTX 1660 Ti อีกทีหนึ่ง และแม้ไม่มีฟีเจอร์อย่างที่ใน RTX Series มี แต่ก็ตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล Intel Core i5-9300HF คะแนนก็อยู่ในระดับสูงน่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 2490MB/s และเขียนที่ 1575MB/s ความเร็วถือว่าทำได้ดีน่าประทับใจใช้ได้
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 5,152 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีการ์ดจอแยกอย่าง GTX 1650 ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปมากพอสมควร ระดับเทียบเท่า Desktop สบายๆ
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 40 – 60 – 100+ FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i5-9300HF ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce GTX 1650 ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 8GB DDR4 รวมไปถึง SSD NVMe ความจุ 512GB ก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวที่เป็นประเภทออนไลน์อย่าง Battlefield V / FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุด แถมไม่กินทรัพยากรเครื่องจนเกินไปด้วย ซึ่งถ้าต้องการเล่นให้ลื่นไหลกว่านี้แนะนำให้ปรับกราฟิกลงมากลางๆ หน่อย
เกมออนไลน์กินสเปกน้อยลงมาอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 100 ขึ้นไปตลอด ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ ที่สำคัญได้หน้าจอ 144Hz ก็ช่วยเรื่องของความลื่นไหลไปอีก ซึ่งถ้าจะให้ดีแนะนำปรับกลางๆ ลงมาหน่อย
Lenovo Legion Y540 ยังมาพร้อมซอฟต์แวร์ Lenovo Vantage มีในส่วนเรื่องเช็คการทำงานของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน ที่สำคัญถ้าใครต้องการ Backup หรือ Recovery ข้อมูลภายในก็จัดการได้เลย นับได้ว่า Lenovo Vantage เป็นซอฟต์แวร์ Ultility ติดเครื่องที่ดีและใช้งานจริงได้
Battery / Heat / Noise
Lenovo Legion Y540 นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ประมาณ 4955 mAh ซึ่งจะว่าไปแล้วนั้นก็ค่อนข้างที่จะน้อยไปหน่อย แต่เมื่อมาดูประสิทธิภาพโดยรวมของอายุการใช้งานของแบตเตอรี่แล้วถือว่าโอเคเลย โดยสามารถใช้งาน Wi-Fi เพื่อท่องเว็บได้ยาวนานประมาณ 4 ชั่วโมง ซึ่งหากดูตามตารางแล้วนั้นจะเห็นได้ครับว่า Lenovo Legion Y540 ทำเวลาได้ใกล้เคียงกับโน๊ตบุ๊คที่ใช้ Core i5-9300H รุ่นที่มีการ์ดจอออนชิปเลยทีเดียว คาดว่าจะเป็นเพราะการจัดการพลังงานที่ดีของ Lenovo
ส่วนของอุณหภูมิตัวเครื่องโดยรวม Lenovo Legion Y540 ถือว่าสามารถที่จะทำได้ดีขณะที่เราเล่นเกมทดสอบเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นการเล่นเกมที่เน้นชิปประมวลผลกับชิปกราฟิกพบว่าระดับของอุณหภูมิในจุดต่างๆ ของตัวเครื่องจะเพิ่มขึ้นมาน้อยมาก จุดที่มีอุณหภูมืที่หนักที่สุดจะอยู่ที่ ตรงกลางขอบเครื่องด้านหลัง แต่ก็ใช้เวลาถ่ายความร้อนออกไปได้ไม่นานมากเท่าไรนักเมื่อเราใช้งานทั่วไป จากการที่มีพัดลมสองตัว พร้อมฮีตไปป์สองเส้นเป่าออกด้านหลังด้านข้าง และเทคโนโลยี Lenovo Cooling Boots ช่วยจัดการ
อุณหภูมิภายในต่ำสุดของเครื่องจะอยู่ที่ 40 – 50 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดถึง 95 องศาเซลเซียสทีเดียว ด้วยการทดสอบให้ห้องแอร์ปรับอากาศที่ 25 องศาเซลเซียส จากการเล่นเกมยาวๆ หลายเกมต่อเนื่อง เรียกได้ว่าระบบระบายความร้อนของ Lenovo Legion Y540 เครื่องนี้มีอุณหภูมิที่สูงในระดับที่ยอมรับได้ ซึ่งไม่ได้ทำให้ตัวเครื่องเสียหายหรือเล่นเกมใช้งานมีปัญหาหน่วงหรือกระตุกแต่อย่างใด เรียกได้ว่าเป็น Gaming Notebook รุ่นใหม่ที่จัดการความร้อนได้ดีเยี่ยมทีเดียว
ทั้งนี้ในการใช้งานทั่วไปตามปกตินั้น (เช่นท่องเว็บ, พิมพ์งาน ฯลฯ) เราจะแทบไม่ได้ยินเสียงของระบบระบายความร้อนเลยแม้แต่น้อย งานนี้ทาง Lenovo ทำการบ้านมาดีมาก ทำงานได้ค่อนข้างเบาและเงียบทีเดียว อย่างไรก็ตามเมื่อไรก็ตามที่เราต้องใช้การทำงานทั้งจาก CPU และ GPU (เช่นการเล่นเกม) เรื่องของเสียงพัดลมนั้นจะไม่มีเสียงดังรบกวนจนเกินไปนัก แม้ว่าจะใช้งานหนักๆ ก็ตาม
Conclusion / Award
จากการที่แอดมินโป้งสัมผัสและใช้งานจริงๆ ของ Lenovo Legion Y540 รุ่นใหม่ล่าสุด ทั้งการเล่นเกมหลากหลายเกม รวมไปถึงทำงานนอกสถานที่ และความบันเทิงดูหนังฟังเพลงที่บ้านแล้ว บอกได้เลยว่าทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบนั้นมีความน่าประทับใจ กับตัวเครื่องที่เล็กกระชับ ขอบหน้าจอที่บางลง ประสบการณ์ใช้งานที่เหนือชั้น รวมไปถึงมีสเปคประสิทธิภาพสูง เหลือเฟือในการใช้งานทั่วไป รวมไปถึงการเล่นเกมก็ทำได้อย่างลื่นไหล อีกทั้งมี Windows 10 มาให้พร้อมใช้งานด้วย ประกันก็เป็นแบบ 3 ปี On-site Service ที่เหนือกว่าหลายๆ แบรนด์ ในเรื่องของบริการหลังการขายที่เรามั่นใจได้มากกว่า
ซึ่งรุ่นที่เราได้รับมารีวิวจะเป็นสเปก Intel Core i5-9300HF ซึ่งเลือกตัดการ์ดจอออนชิปออกไปเลย ช่วยเรื่องของประสิทธิภาพที่ดีกว่าและคามร้อนที่ดีกว่า แบตเตอรี่ก็ยังทำงานยาวนานพอได้ พร้อมด้วยการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1650 และแรมขนาด 8GB DDR4 อีกทั้งยังมี SSD NVMe อีก 512GB มาให้พร้อมใช้งาน ครบครันกับการใช้งาน สมกับเป็น Gaming Notebook มีความเป็น Legion ที่ไม่ใช่แค่สวยงามดุดันแต่เน้นประสิทธิภาพด้วย ทำให้ไม่ว่าเราจะใช้งานทั่วไปอย่าง ดูหนังฟังเพลง เล่นอินเตอร์เน็ต ทำงานเอกสารลื่นไหลแน่นอน รวมไปถึงเอาไปทำงานตัดต่อวีดีโอโปรเซสไฟล์ภาพก็สบายๆ
เรื่องของการออกแบบที่ Lenovo Legion Y540 ส่วนตัวทำได้ดีมาก น่าจะถูกใจหลายๆ คนอยู่ ด้วยดีไซน์สไตล์ Legion ปี 2020 ที่เป็น Gaming Notebook ที่เรียบง่าย สวยงามหรูหรา บวกกับขอบจกบางเฉียบกระทัดรัด รวมถึงมี USB 3.1 Type-C 3.1 ติดตั้งมา ทำให้ตัวเครื่องมีความบางเบาลงด้วย ที่ 25.9 มิลลิเมตร และเบาเพียง 2.35 กิโลกรัมเท่านั้น และที่โดดเด่นก็คือเรื่องการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานประมาณ 4 ชั่วโมงทีเดียว นอกจากนี้ระบบเสียงก็ดีเยี่ยมจากลำโพงแบรนด์ Harman + Dolby Audio และหน้าจอเป็น IPS เกรดสูงที่ 144Hz ได้ทั้งสมจริงและลื่นไหล ส่วนข้อสังเกตก็มีเล็กน้อยที่กล้องเว็บแคมมุมมองมันจะเสยแปลกๆ หน่อยเท่านั้นเอง
สนนราคาที่ 25,990 บาท ถือว่าเป็น Gaming Notebook รุ่นใหม่ล่าสุดจากทาง Lenovo ที่น่าสนใจทีเดียว เพราะมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงทั้งด้วยชิปประมวลผลและกราฟิกการ์ด ที่สำคัญตัวเครื่องยังบางเบาลง ขอบจอบางเฉียบ ดีไซน์เน้นเรียบๆ ทั้งจากรูปลักษณ์และใช้งานจริง คุ้มค่าคุ้มราคา กับสเปกที่นำมาทดสอบรีวิวให้ได้ชมกัน อย่างไรก็ตามใครคนไหนที่กำลังมองหา Gaming Notebook งบประมาณสองหมื่นบาทกลางๆ ก็สามารถดูไว้เป็นตัวเลือกได้ ซึ่งในตอนนี้มีโปรโมชั่นเด็ดได้แรม 8GB (รวมเป็น 16GB), กระเป๋าเป้สุดทางจากทาง Lenovo, Legion Card มูลค่า 500 บาท (บัตรเงินสด Rabbit Card ใช้จ่ายได้กว่า 100 ร้านค้า) อีกด้วย
เทียบสเปกราคากับรุ่นก่อนหน้านี้ของ Lenovo Legion Y540 นับว่าได้ราคาที่คุ้มค่าถูกลง แต่หลายๆ อย่างมีการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นในหลายๆ ด้าน นาทีนี้ใครกำลังจะซื้อ Gaming Notebook แบบไม่อยากรอรุ่นใหม่ Intel Core i Gen 10 H ก็จัดรุ่นนี้ไปก่อนได้เลย
จุดเด่น
- ดีไซน์การออกแบบสวยงาม งานประกอบแน่นวัสดุดี แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ
- ตัวเครื่องเล็กกระชับ แม้จะเป็นหน้าจอ 15.6″ แต่เล็กพอๆ กับโน๊ตบุ๊คจอ 14″
- ตัวเครื่องมีความบาง 25.9 มิลลิเมตรและเบาที่ 2.35 กิโลกรัมเท่านั้น
- ประสิทธิภาพสูงด้วยชิปประมวลผล Core i5-9300HF และการ์ดจอ GTX 1650
- ประสิทธิภาพในการเล่นเกมดีลื่นไหลทั้ง แนวออฟไลน์และออนไลน์
- หน้าจอคุณภาพสูง พาเนล IPS รองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz
- คีย์บอร์ดมีไฟเป็นสีขาวที่ดูแล้วสวยงาม แตกต่าง
- มีซอฟต์แวร์มากมาย ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง
- มาพร้อม Windows 10 ใช้งานได้ทันที
- มีพอร์ต USB 3.1 Type-C และ Mini DisplayPort มาให้พร้อมใช้งาน
- ลำโพงคุณภาพเสียงดีจาก Harman น่าประทับใจ
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานเกือบๆ 4 ชั่วโมง
- ประกัน 3 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน
- โปรโมชั่นดี ของแถมเยอะ ไม่คิดมากจัดได้เลย
ข้อสังเกต
- มุมมองกล้องเว็บแคมมีความแปลกเวลาใช้งาน
- ควรอัพเกรดแรมเป็น 16GB (ซึ่งโปรโมชั่นมีมาให้อีก 8GB อยู่แล้ว แต่ต้องใส่เอง)
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Lenovo Legion Y540 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Lenovo Legion โน๊ตบุ๊คสาย Gaming มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Lenovo Legion Y540 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามเรียบหรูดูเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบเล่นเกม อีกทั้งยังพกพาไปทำงานได้ลงตัว รวมไปถึงตัวเครื่องก็เล็กลง บางเบาลง ไฟเป็นสีขาว ทำให้เป็นอีกหนึ่ง Gaming Notebook ที่หลายคนจับตามองทีเดียว
Best Performance
ด้วยสเปกชิปประมวลผล Intel Core i5 Gen 9 H ตัวล่าสุด ที่มาพร้อมกับแรมขนาด 8GB แบบ DDR4 และกราฟิกการ์ดยอดนิยมอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 รวมไปถึง SSD M.2 ความเร็วสูง อีกทั้งได้หน้าจอ IPS 144HZ ที่ดีเยี่ยม ก็ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของตัวเครื่องนี้มีความน่าประทับใจ ทั้งจากในการใช้ทำงานจริงๆ รวมไปถึงการทดสอบด้วยโปรแกรมต่างๆ ค่าคะแนนต่างๆ ก็ทำออกมาได้ดี ส่วนการใช้งานทั่วไปนั้นก็ลื่นไหลสุดๆ
Best Multimedia
ลำโพง Harman พร้อมระบบเสียง Dolby Audio Premium ที่จะเข้ามาเสริมพลังเสียงให้หนักแน่น เต็มอิ่ม และดังเพียงพอสำหรับการแบ่งปันประสบการณ์ความบันเทิงให้กับคนรอบข้าง บนหน้าจอแสดงผลขนาด 15.6 นิ้วความละเอียดแบบ Full HD พาเนล IPS แถมมาพร้อมด้วยสเปคของระบบที่สดใหม่และเร็วแรง สามารถตอบสนองความบันเทิงได้ในทุกๆ รูปแบบไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมก็ทำได้เป็นอย่างจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ Lenovo Legion Y540 จะได้รางวัลนี้ไป
Specification
สเปกเต็มๆ ของ Lenovo Legion Y540 รุ่นที่นำมารีวิวเป็นเครื่องขายจริง สนนราคากลางอยู่ที่ 25,990 บาท ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i5-9300HF (2.40 – 4.10 GHz) สถาปัตยกรรม Coffee Lake Refresh H ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธรด รุ่นพิเศษที่มีการตัดการ์ดจอออนชิปอย่าง Intel UHD Graphics 630 ออกไปเลย ส่งผลให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น พร้อมทั้งไม่ต้องแบ่งแรมไปให้ ซึ่งส่งผลให้ร้อนน้อยลงไปอีกเล็กน้อยด้วย ต่างจากรุ่น Intel Core i5-9300H ก่อนหน้านี้ (แต่ตัวสติ๊กเกอร์ยังเหมือนเดิมนะ)
พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 (4GB GDDR5) พร้อมที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB รองรับการอัพเกรดเพิ่ม HDD SATA 3 ได้ภายหลัง ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 8GB แบบ DDR4 Bus 2666MHz หนึ่งแถว (อัพได้สูงสุด 32GB) ระบบปฎิบัติการเป็น Windows 10 แท้ พร้อมใช้งานตั้งแต่เปิดเครื่องครั้งแรก แน่นอนว่าสเปกแบบนี้ใช้งานทั่วไปพื้นฐานลื่นไหลแน่นอน รวมไปถึงเล่นเกมหรือทำงานหนักๆ ก็ดีเยี่ยมมากๆ
ได้หน้าจอขนาด 15.6″ แบบด้าน ขอบหน้าจอบางพิเศษเป็น ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มี Refresh Rate ที่ 144Hz ให้สีสันสวยงามและมุมมองที่กว้าง เหมาะกับการทำงานหรือเล่นเกม พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอลในตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง USB 3.1 Type-C, mini DisplayPort, HDMI, 3 x USB 3.1 Type-A, Kensington lock slot , SD Card Reader, RJ-45 , Headset พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5 และ Wi-Fi มาตรฐาน AC (2×2) ส่วนการรับประกันแน่นอนว่าเป็น ประกัน 3 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน จาก Lenovo Thailand
Hardware / Design
Lenovo Legion Y540 พัฒนาต่อยอดมาจาก Lenovo Legion Y530 อีกหนึ่ง Gaming Notebook ประจำปี 2020 ที่มาพร้อมความแตกต่างจากดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย แนวทำงานหรือเล่นเกมก็ลงตัว กับหน้าจอความละเอียด Full HD 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลเป็น IPS มี Refresh Rate ที่ 144Hz ให้ทั้งความลื่นไหลและคุณภาพดีสีสันสวยงามสมจริง เหมาะสมที่สุดสำหรับการเล่นเกมและความบันเทิงอื่นๆ ที่สำคัญยังมีดีไซน์ขอบจอที่บางเฉียบตามที่ควรจะเป็น เทียบแล้วมิติตัวเครื่องเหมือนจะเป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ แต่ความเป็นจริงคือ 15.6″ นั่นเอง ส่งผลให้พกพาสะดวกยิ่งขึ้นแบบรู่สึกได้
ส่งผลให้ดีไซน์รวมๆ ของตัวเครื่องมีมิติที่เล็กกระชับลงด้วย ด้วยความบางเพียง 25.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 2.35 กิโลกรัม ซึ่งเป็นจุดที่สมดุลทั้งในแง่ของประสิทธิภาพในการเล่นเกม และความสามารถในการพกพาได้อย่างลงตัว กับ Gaming Notebook ราคาระดับกลางๆ ที่ไม่ได้เน้นแต่ความคุ้มค่าอย่างเดียว แต่อยากได้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีด้วย ซึ่งเชื่อได้เลยว่าน่าจะถูกใจหลายๆ คน คือ อยากได้ Notebook เอาไปเล่นเกม แต่ไม่อยากได้ดีไซน์ Gaming จ๋าๆ เพราะเครื่องเดียวกันนั้นต้องพกพาไปใช้งานด้วย
ตอกย้ำการออกแบบและดีไซน์ตัวเครื่องไม่ว่าจะเป็นสีสันที่เป็นตัวเครื่องเลือกที่จะให้มีความเรียบง่าย แตกต่างจาก Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ ที่เน้นสีสันแดงดำเท่านั้น อย่างไรก็ตามความร้อนคือปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการเล่นเกมโดยตรง ด้วยการออกแบบให้มีชุดระบายอากาศ 2 ชุด แยกกันระหว่าง CPU และ GPU ทำงานร่วมกับช่องระบายความร้อนถึง 4 ช่อง และพัดลมที่มีใบพัดถึงกว่า 70 ใบ ในแต่ละชุด เพื่อระบายความร้อนออกสู่ภายนอกให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันไม่ทำให้เกิดเสียงรบกวนที่ดังเกินไป โดยยังให้ประสิทธิภาพที่ดีอยู่
Lenovo Legion Y540 วัสดุที่ใช้ในการประกอบตัวเครื่องนั้นจะเป็นพลาสติกทั้งหมดก็จริง โดยเลือกใช้พลาสติกเกรดสูงที่ให้สัมผัสที่ดีอีกทั้งยังทนทานไม่เป็นรอยง่ายๆ งานประกอบรวมก็มีคุณภาพมาตรฐาน สำหรับฝาหลังให้ความรู้สึกถึงพื้นผิวที่ไม่เรียบมีความันวาวเล็กน้อยพร้อมไฟ LED ที่ขาวบริเวณโลโก้ Legion พร้อมโลโก้ Y อยู่ด้านในอีกที โดยบานพับเป็นแบบแกนเดียวที่มีความมันวาว พร้อมโลโก้ Y ซ่อนอยู่ตรงขอบแกน
ด้านในส่วนของคีย์บอร์ดมีไฟ Backlit สีขาวสวยงามใช้ได้จริง ทั้งยังตอบสนองการกดได้อย่างรวดเร็วด้วยการออกแบบให้มีระยะกดปุ่มเพียง 1.7 มิลลิเมตร เพื่อส่งมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่สะดวกสบายกว่าที่เคย และทัชแพดให้ความรู้สึกกการใช้งานที่ดีมีความทนทานรวมไปถึงทำความสะอาดได้ง่าย สิ่งนี้นับว่าทาง Lenovo มีความใส่ใจไม่แพ้ส่วนอื่นๆ
สรุปโดยรวมการออกแบบดีไซน์ภายนอกและวัสดุของ Lenovo Legion Y540 รุ่นใหม่นั้น ทำได้ดีตามมาตรฐานของ Lenovo ที่ทุกคนไว้ใจและมั่นใจจริงๆ ซึ่งถ้าเทียบกับรุ่นก่อนหน้าก็ถือว่ายังคงรูปแบบเดิมเอาไว้ ให้ตอบโจทย์ของคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมในดีไซน์เรียบๆ แต่แอบแฝงความเข้มและดุดันเอาไว้ ด้วยโลโก้ที่ดูน้อยแต่มาก รวมไปถึงการเลือกใช้ไฟเป็นโทนสีขาวแทนสีแดงแบบเดิมๆ
Keyboard / Touchpad
ตัวเครื่อง Lenovo Legion Y540 มาพร้อมกับหน้าจอใหญ่ที่ 15.6″ ก็จริง แต่ตัวเครื่องเล็กกระชับลง ถึงอย่างนั้นก็ทำให้สามารถที่จะติดตั้งคีย์บอร์ดแบบ Full Size สไตล์ Lenovo มาให้ผู้ใช้งานได้ใช้กันได้อย่างสบายๆ ถอดแบบมาจากตระกูล ThinkPad ที่หลายคนประทับใจ โดยมีปุ่มแป้น Numpad มาให้ รวมไปถึงแป้นปุ่มตรงตัวอักษรทั้งหมดเป็นขอบขาว ซึ่งมาพร้อมกับไฟส่องสว่างสีขาวสวยงาม แม้ว่าตำแหน่งของปุ่ม Numpad อาจจะมีความแปลกซักหน่อย แต่เชื่อว่าใช้งานไปซักพักจะดีขึ้นเอง สำหรับความรู้สึกในการกดพิมพ์นั้น ทำได้ดีทีเดียว นับว่าเป็น Gaming Notebook อีกรุ่นที่พิมพ์ได้มันมือ
ในส่วนของทัชแพดนั้นได้รับการออกแบบมาใหม่ที่ดูแล้วเรียบง่าย ลักษณะเป็นแบบแยกปุ่มคลิ๊กซ้ายขวา ดูแล้วมีความสวยงามไม่น้อยเลยสำหรับการดีไซน์ออกแบบ โดยรวมแล้วให้ความรู้สึกการใช้งานที่ดี ที่สำคัญเรายังสามารถปิดทัชแพดและปุ่ม Windows แบบอัตโนมัติเมื่อเราเข้าสู่การเล่นเกม ผ่านทางฟีเจอร์นี้ในซอฟต์แวร์ Lenovo Vantage
Screen / Speaker
ในส่วนของหน้าจอ Lenovo Legion Y540 เป็นแบบด้านที่ลดแสงสะท้อนขนาด 15.6″ บนความละเอียดในระดับ Full HD หรือ 1920 x 1080 พิกเซล ที่สำคัญพาเนลยังเป็น IPS คุณภาพสูง ได้ Refresh Rate ที่ 144Hz ได้ความลื่นไหลกว่า 60Hz ทั่วไป ให้การแสดงผลที่สมจริงมุมมองกว้างกว่าพวกโน๊ตบุ๊คที่เป็นพาเนล TN เหมาะการใช้งานทุกประเภทแน่นอน เทียบกับรุ่นก่อนแล้วถือได้ว่าให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดียิ่งขึ้นแบบเห็นได้ชัด ทั้งการใช้งานทั่วไปรวมไปถึงเล่นเกม
เมื่อลองใช้งานจริงแล้วให้ประสบการณ์ใช้งานระดับที่น่าประทับใจ ทั้งการเล่นเกม ดูหนัง หรือชมวีดีโอจาก Youtube ก็สามารถมอบประสบการณ์ความบันเทิงให้อย่างดี เรียกได้ว่า Lenovo Legion Y540 ยังคงรักษามาตรฐานของ Gaming Notebook เหมือนรุ่นอื่นๆ โดยได้ขอบจอที่บาง และจากการที่ขอบจอบนบางเฉียบทำให้กล้องเว็บแคมถูกย้ายมาไว้ใต้หน้าจอแทน มุมมองการใช้งานก็จะแปลกๆ หน่อย อันนี้ต้องปรับตัวกันเล็กน้อย
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Lenovo Legion Y540 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS ด้วย Spyder5Elite โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 94% และ AdobeRGB ที่ 70% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันในเกณฑ์ที่ดีเยี่ยม ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้อยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐาน เอาไปทำงานข้างนอกสบายๆ เหมาะกับผู้ที่ใช้งานด้านตกแต่งภาพที่ต้องการความเที่ยงตรงของสีเป็นหลัก ใครที่จริงจังด้านสีสันถือว่าเป็น Gaming Notebook ที่น่าสนใจรุ่นนึงทีเดียว
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องมุมซ้ายบนหน้าจอมีค่า 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับช่องขวาแถวกลางที่ลดลงไปที่ระดับ 12% ทำให้ต้องใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนนรวม 4.0 คะแนนถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตราฐานทั่วไป เหมาะสำหรับคนเอามาดูหนังฟังเพลง เล่นเกม หรือตกแต่งโปรเซสภาพถ่ายก็พอได้อยู่
Lenovo Legion Y540 ระบบและการออกแบบลำโพงที่เป็นจุดเด่นอย่างแท้จริง ด้วยลำโพงขนาดใหญ่จากแบรนด์ Harman แยกซ้ายขวาที่ติดตั้งบริเวณขอบตัวเครื่องด้านหน้าจำนวน 2 ตัว ซึ่งได้คุณภาพเสียงที่ดี พร้อมระบบเสียง Dolby Audio ที่จะเข้ามาเสริมพลังเสียงให้หนักแน่น เต็มอิ่ม และดังเพียงพอสำหรับการแบ่งปันประสบการณ์ความบันเทิงให้กับคนรอบข้าง
Connector / Thin And Weight
Lenovo Legion Y540 จัดว่าเป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น 3x USB 3.1 Type-A, 1x USB 3.1 Type-C, 1x HDMI 1.4, Mini DisplayPort, RJ45 และ Mic-in/Headphone-out โดยตัวพอร์ตเองมีทั้งด้านข้าง 2 ข้าง และด้านหลัง เรียกได้ว่ามีการจัดว่าอย่างลงตัว เหมาะสมกับการใช้งานจริง พร้อมใส่สัญลักษณ์ตามพอร์ตต่างๆ เอาไว้ แต่ในส่วนของ Card Reader ไม่มีมาให้ พร้อมรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5 และ Wi-Fi AC (2×2) ซึ่งจะช่วยให้การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตมีความสเถียร จนส่งผลให้การเล่นเกมออนไลน์สามารถได้ลื่นๆ อีกด้วย
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 15.6″ ทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่ค่อนข้างใหญ่โตพอสมควรกับการจ่ายไฟที่ 170Watt ส่วนของการพกพา Lenovo Legion Y540 ทำได้น่าพอใจไม่แพ้ Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ด้วยน้ำหนัก 2.35 กิโลกรัม อย่างไรก็ตามเมื่อรวมกับอแดปเตอร์ก็จัดว่ามีความลำบากอยู่เล็กน้อย แต่ก็ถือว่าพอพกพาไปไหนมาไหนได้
Inside / Upgrade
การแกะเครื่อง Lenovo Legion Y540 นั้นสามารถที่จะทำได้ค่อนข้างง่าย เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ ส่วนวางตัว โดยตัวเครื่องนั้นจะเป็นแบตเตอรี่ที่มีความจุอยู่ที่ 4955 mAh ในส่วนที่สามารถทำการอัพเกรดได้ทันทีอย่างแหล่งเก็บข้อมูลแบบ SATA ขนาด 2.5 นิ้วกับ M.2 (รองรับเป็นแบบ NVMe) ที่ทั้ง 2 ส่วนนี้แค่ไขเอาน๊อคออกก็สามารถที่จะทำการอัพเกรดได้ทันทีโดยไม่ต้องไปยุ่งกับส่วนอื่นๆ สำหรับในส่วนของแรมนั้นจะต้องถอดเอาที่ครอบออกก่อนจากนั้นก็จะเห็นแรม โดยตัวเครื่องนั้นจะมี 8GB 1 แถว เราสามารถที่จะอัพเกรดหน่วยความจำได้สูงสุดถึง 32 GB (ที่ 2 แถว)
ระบบระบายความร้อนของ Lenovo Legion Y540 นั้นมีทิศทางการไหลของลมที่ดีขึ้นจากเดิมพอสมควร ด้วยการออกแบบให้มีชุดระบายอากาศ 2 ชุด แยกกันระหว่าง CPU และ GPU ทำงานร่วมกับช่องระบายความร้อนถึง 4 ช่อง และพัดลมที่มีใบพัดถึงกว่า 70 ใบ ในแต่ละชุด เพื่อระบายความร้อนออกสู่ภายนอกให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันไม่ทำให้เกิดเสียงรบกวนที่ดังเกินไปอีกด้วย เรียกได้เปลี่ยนไปจากรุ่นก่อน แต่จะดีขึ้นหรือเปล่านั้นไปติดตามกันต่อดู
Performance / Software
Lenovo Legion Y540 ที่ได้รับมารีวิวมาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i Gen 9 H อย่าง Intel Core i5-9300HF โดยจะเป็นรุ่นใหม่ที่แตกต่างจากรุ่น Core i5-9300H เดิมก็คือ ตัดการ์ดจอออนชิปออกไป มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.40 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.10 GHz เป็นซีพียูแบบ 4 Core 8 Threads มีผลอย่างมากต่อการทำงานที่ต้องใช้การประมวลผลของ CPU หนักๆ เช่น การต่อต่อวีดีโอ หรือเรนเดอร์งาน 3D เป็นต้น มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR4 ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
การ์ดจอออนชิปอย่าง Intel UHD Graphics 630 ได้ถูกตัดออกไปใน Core i5-9300HF โดยอาศัยเพียงกราฟิกการ์ดจอแยกตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 เท่านั้น (เพื่อให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพที่สุดไม่ต้องสลับไปมา) ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ และแรงกว่า GTX 1050 Ti แบบรู้สึกได้จากการที่สามารถขับเฟรมเรทได้ลื่นไหล โดยเป็นรอง GTX 1660 Ti อีกทีหนึ่ง และแม้ไม่มีฟีเจอร์อย่างที่ใน RTX Series มี แต่ก็ตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล Intel Core i5-9300HF คะแนนก็อยู่ในระดับสูงน่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 2490MB/s และเขียนที่ 1575MB/s ความเร็วถือว่าทำได้ดีน่าประทับใจใช้ได้
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 5,152 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีการ์ดจอแยกอย่าง GTX 1650 ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปมากพอสมควร ระดับเทียบเท่า Desktop สบายๆ
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 40 – 60 – 100+ FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i5-9300HF ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce GTX 1650 ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 8GB DDR4 รวมไปถึง SSD NVMe ความจุ 512GB ก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวที่เป็นประเภทออนไลน์อย่าง Battlefield V / FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุด แถมไม่กินทรัพยากรเครื่องจนเกินไปด้วย ซึ่งถ้าต้องการเล่นให้ลื่นไหลกว่านี้แนะนำให้ปรับกราฟิกลงมากลางๆ หน่อย
เกมออนไลน์กินสเปกน้อยลงมาอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 100 ขึ้นไปตลอด ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ ที่สำคัญได้หน้าจอ 144Hz ก็ช่วยเรื่องของความลื่นไหลไปอีก ซึ่งถ้าจะให้ดีแนะนำปรับกลางๆ ลงมาหน่อย
Lenovo Legion Y540 ยังมาพร้อมซอฟต์แวร์ Lenovo Vantage มีในส่วนเรื่องเช็คการทำงานของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน ที่สำคัญถ้าใครต้องการ Backup หรือ Recovery ข้อมูลภายในก็จัดการได้เลย นับได้ว่า Lenovo Vantage เป็นซอฟต์แวร์ Ultility ติดเครื่องที่ดีและใช้งานจริงได้
Battery / Heat / Noise
Lenovo Legion Y540 นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ประมาณ 4955 mAh ซึ่งจะว่าไปแล้วนั้นก็ค่อนข้างที่จะน้อยไปหน่อย แต่เมื่อมาดูประสิทธิภาพโดยรวมของอายุการใช้งานของแบตเตอรี่แล้วถือว่าโอเคเลย โดยสามารถใช้งาน Wi-Fi เพื่อท่องเว็บได้ยาวนานประมาณ 4 ชั่วโมง ซึ่งหากดูตามตารางแล้วนั้นจะเห็นได้ครับว่า Lenovo Legion Y540 ทำเวลาได้ใกล้เคียงกับโน๊ตบุ๊คที่ใช้ Core i5-9300H รุ่นที่มีการ์ดจอออนชิปเลยทีเดียว คาดว่าจะเป็นเพราะการจัดการพลังงานที่ดีของ Lenovo
ส่วนของอุณหภูมิตัวเครื่องโดยรวม Lenovo Legion Y540 ถือว่าสามารถที่จะทำได้ดีขณะที่เราเล่นเกมทดสอบเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นการเล่นเกมที่เน้นชิปประมวลผลกับชิปกราฟิกพบว่าระดับของอุณหภูมิในจุดต่างๆ ของตัวเครื่องจะเพิ่มขึ้นมาน้อยมาก จุดที่มีอุณหภูมืที่หนักที่สุดจะอยู่ที่ ตรงกลางขอบเครื่องด้านหลัง แต่ก็ใช้เวลาถ่ายความร้อนออกไปได้ไม่นานมากเท่าไรนักเมื่อเราใช้งานทั่วไป จากการที่มีพัดลมสองตัว พร้อมฮีตไปป์สองเส้นเป่าออกด้านหลังด้านข้าง และเทคโนโลยี Lenovo Cooling Boots ช่วยจัดการ
อุณหภูมิภายในต่ำสุดของเครื่องจะอยู่ที่ 40 – 50 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดถึง 95 องศาเซลเซียสทีเดียว ด้วยการทดสอบให้ห้องแอร์ปรับอากาศที่ 25 องศาเซลเซียส จากการเล่นเกมยาวๆ หลายเกมต่อเนื่อง เรียกได้ว่าระบบระบายความร้อนของ Lenovo Legion Y540 เครื่องนี้มีอุณหภูมิที่สูงในระดับที่ยอมรับได้ ซึ่งไม่ได้ทำให้ตัวเครื่องเสียหายหรือเล่นเกมใช้งานมีปัญหาหน่วงหรือกระตุกแต่อย่างใด เรียกได้ว่าเป็น Gaming Notebook รุ่นใหม่ที่จัดการความร้อนได้ดีเยี่ยมทีเดียว
ทั้งนี้ในการใช้งานทั่วไปตามปกตินั้น (เช่นท่องเว็บ, พิมพ์งาน ฯลฯ) เราจะแทบไม่ได้ยินเสียงของระบบระบายความร้อนเลยแม้แต่น้อย งานนี้ทาง Lenovo ทำการบ้านมาดีมาก ทำงานได้ค่อนข้างเบาและเงียบทีเดียว อย่างไรก็ตามเมื่อไรก็ตามที่เราต้องใช้การทำงานทั้งจาก CPU และ GPU (เช่นการเล่นเกม) เรื่องของเสียงพัดลมนั้นจะไม่มีเสียงดังรบกวนจนเกินไปนัก แม้ว่าจะใช้งานหนักๆ ก็ตาม
Conclusion / Award
จากการที่แอดมินโป้งสัมผัสและใช้งานจริงๆ ของ Lenovo Legion Y540 รุ่นใหม่ล่าสุด ทั้งการเล่นเกมหลากหลายเกม รวมไปถึงทำงานนอกสถานที่ และความบันเทิงดูหนังฟังเพลงที่บ้านแล้ว บอกได้เลยว่าทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบนั้นมีความน่าประทับใจ กับตัวเครื่องที่เล็กกระชับ ขอบหน้าจอที่บางลง ประสบการณ์ใช้งานที่เหนือชั้น รวมไปถึงมีสเปคประสิทธิภาพสูง เหลือเฟือในการใช้งานทั่วไป รวมไปถึงการเล่นเกมก็ทำได้อย่างลื่นไหล อีกทั้งมี Windows 10 มาให้พร้อมใช้งานด้วย ประกันก็เป็นแบบ 3 ปี On-site Service ที่เหนือกว่าหลายๆ แบรนด์ ในเรื่องของบริการหลังการขายที่เรามั่นใจได้มากกว่า
ซึ่งรุ่นที่เราได้รับมารีวิวจะเป็นสเปก Intel Core i5-9300HF ซึ่งเลือกตัดการ์ดจอออนชิปออกไปเลย ช่วยเรื่องของประสิทธิภาพที่ดีกว่าและคามร้อนที่ดีกว่า แบตเตอรี่ก็ยังทำงานยาวนานพอได้ พร้อมด้วยการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1650 และแรมขนาด 8GB DDR4 อีกทั้งยังมี SSD NVMe อีก 512GB มาให้พร้อมใช้งาน ครบครันกับการใช้งาน สมกับเป็น Gaming Notebook มีความเป็น Legion ที่ไม่ใช่แค่สวยงามดุดันแต่เน้นประสิทธิภาพด้วย ทำให้ไม่ว่าเราจะใช้งานทั่วไปอย่าง ดูหนังฟังเพลง เล่นอินเตอร์เน็ต ทำงานเอกสารลื่นไหลแน่นอน รวมไปถึงเอาไปทำงานตัดต่อวีดีโอโปรเซสไฟล์ภาพก็สบายๆ
เรื่องของการออกแบบที่ Lenovo Legion Y540 ส่วนตัวทำได้ดีมาก น่าจะถูกใจหลายๆ คนอยู่ ด้วยดีไซน์สไตล์ Legion ปี 2020 ที่เป็น Gaming Notebook ที่เรียบง่าย สวยงามหรูหรา บวกกับขอบจกบางเฉียบกระทัดรัด รวมถึงมี USB 3.1 Type-C 3.1 ติดตั้งมา ทำให้ตัวเครื่องมีความบางเบาลงด้วย ที่ 25.9 มิลลิเมตร และเบาเพียง 2.35 กิโลกรัมเท่านั้น และที่โดดเด่นก็คือเรื่องการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานประมาณ 4 ชั่วโมงทีเดียว นอกจากนี้ระบบเสียงก็ดีเยี่ยมจากลำโพงแบรนด์ Harman + Dolby Audio และหน้าจอเป็น IPS เกรดสูงที่ 144Hz ได้ทั้งสมจริงและลื่นไหล ส่วนข้อสังเกตก็มีเล็กน้อยที่กล้องเว็บแคมมุมมองมันจะเสยแปลกๆ หน่อยเท่านั้นเอง
สนนราคาที่ 25,990 บาท ถือว่าเป็น Gaming Notebook รุ่นใหม่ล่าสุดจากทาง Lenovo ที่น่าสนใจทีเดียว เพราะมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงทั้งด้วยชิปประมวลผลและกราฟิกการ์ด ที่สำคัญตัวเครื่องยังบางเบาลง ขอบจอบางเฉียบ ดีไซน์เน้นเรียบๆ ทั้งจากรูปลักษณ์และใช้งานจริง คุ้มค่าคุ้มราคา กับสเปกที่นำมาทดสอบรีวิวให้ได้ชมกัน อย่างไรก็ตามใครคนไหนที่กำลังมองหา Gaming Notebook งบประมาณสองหมื่นบาทกลางๆ ก็สามารถดูไว้เป็นตัวเลือกได้ ซึ่งในตอนนี้มีโปรโมชั่นเด็ดได้แรม 8GB (รวมเป็น 16GB), กระเป๋าเป้สุดทางจากทาง Lenovo, Legion Card มูลค่า 500 บาท (บัตรเงินสด Rabbit Card ใช้จ่ายได้กว่า 100 ร้านค้า) อีกด้วย
เทียบสเปกราคากับรุ่นก่อนหน้านี้ของ Lenovo Legion Y540 นับว่าได้ราคาที่คุ้มค่าถูกลง แต่หลายๆ อย่างมีการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นในหลายๆ ด้าน นาทีนี้ใครกำลังจะซื้อ Gaming Notebook แบบไม่อยากรอรุ่นใหม่ Intel Core i Gen 10 H ก็จัดรุ่นนี้ไปก่อนได้เลย
จุดเด่น
- ดีไซน์การออกแบบสวยงาม งานประกอบแน่นวัสดุดี แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ
- ตัวเครื่องเล็กกระชับ แม้จะเป็นหน้าจอ 15.6″ แต่เล็กพอๆ กับโน๊ตบุ๊คจอ 14″
- ตัวเครื่องมีความบาง 25.9 มิลลิเมตรและเบาที่ 2.35 กิโลกรัมเท่านั้น
- ประสิทธิภาพสูงด้วยชิปประมวลผล Core i5-9300HF และการ์ดจอ GTX 1650
- ประสิทธิภาพในการเล่นเกมดีลื่นไหลทั้ง แนวออฟไลน์และออนไลน์
- หน้าจอคุณภาพสูง พาเนล IPS รองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz
- คีย์บอร์ดมีไฟเป็นสีขาวที่ดูแล้วสวยงาม แตกต่าง
- มีซอฟต์แวร์มากมาย ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง
- มาพร้อม Windows 10 ใช้งานได้ทันที
- มีพอร์ต USB 3.1 Type-C และ Mini DisplayPort มาให้พร้อมใช้งาน
- ลำโพงคุณภาพเสียงดีจาก Harman น่าประทับใจ
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานเกือบๆ 4 ชั่วโมง
- ประกัน 3 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน
- โปรโมชั่นดี ของแถมเยอะ ไม่คิดมากจัดได้เลย
ข้อสังเกต
- มุมมองกล้องเว็บแคมมีความแปลกเวลาใช้งาน
- ควรอัพเกรดแรมเป็น 16GB (ซึ่งโปรโมชั่นมีมาให้อีก 8GB อยู่แล้ว แต่ต้องใส่เอง)
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Lenovo Legion Y540 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Lenovo Legion โน๊ตบุ๊คสาย Gaming มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Lenovo Legion Y540 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามเรียบหรูดูเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบเล่นเกม อีกทั้งยังพกพาไปทำงานได้ลงตัว รวมไปถึงตัวเครื่องก็เล็กลง บางเบาลง ไฟเป็นสีขาว ทำให้เป็นอีกหนึ่ง Gaming Notebook ที่หลายคนจับตามองทีเดียว
Best Performance
ด้วยสเปกชิปประมวลผล Intel Core i5 Gen 9 H ตัวล่าสุด ที่มาพร้อมกับแรมขนาด 8GB แบบ DDR4 และกราฟิกการ์ดยอดนิยมอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 รวมไปถึง SSD M.2 ความเร็วสูง อีกทั้งได้หน้าจอ IPS 144HZ ที่ดีเยี่ยม ก็ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของตัวเครื่องนี้มีความน่าประทับใจ ทั้งจากในการใช้ทำงานจริงๆ รวมไปถึงการทดสอบด้วยโปรแกรมต่างๆ ค่าคะแนนต่างๆ ก็ทำออกมาได้ดี ส่วนการใช้งานทั่วไปนั้นก็ลื่นไหลสุดๆ
Best Multimedia
ลำโพง Harman พร้อมระบบเสียง Dolby Audio Premium ที่จะเข้ามาเสริมพลังเสียงให้หนักแน่น เต็มอิ่ม และดังเพียงพอสำหรับการแบ่งปันประสบการณ์ความบันเทิงให้กับคนรอบข้าง บนหน้าจอแสดงผลขนาด 15.6 นิ้วความละเอียดแบบ Full HD พาเนล IPS แถมมาพร้อมด้วยสเปคของระบบที่สดใหม่และเร็วแรง สามารถตอบสนองความบันเทิงได้ในทุกๆ รูปแบบไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมก็ทำได้เป็นอย่างจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ Lenovo Legion Y540 จะได้รางวัลนี้ไป