Connect with us

Hi, what are you looking for?

Special Story

เปรียบเทียบหูฟังแบบ TWS … ราคาแพงไม่ได้หมายความว่าจะเสียงดีกว่าราคาถูกเสมอไป

หากย้อนเวลากลับไปในช่วงตอนที่ทาง Apple เปิดตัว AirPods ออกมานั้นเชื่อได้ว่าหลายๆ ท่านต่างก็มีความสงสัยในเรื่องของการใช้งานจริงไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณภาพของเสียงหรือความทนทานของตัวชุดหูฟัง ฯลฯ อีกมากมาย ทว่าเวลาผ่านไปแล้วนั้นคงต้องยอมรับว่าในการเปิดตัว AirPods ของทาง Apple นั้นได้เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างกระแสให้ผู้ผลิตอื่นๆ ผลิตชุดหูฟังในรูปแบบเดียวกันหรือที่เรียกว่า True Wireless Headsets(TWS) ที่ไม่มีสายสายฟังมาให้รบกวนการใช้งานอีกต่อไปตามออกมากันอย่างมากมาย อย่างไรก็ตามแต่แล้วนั้นจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันนี้นั้นชุดหูฟังแบบไว้สายมีราคาวางจำหน่ายที่แตกต่างกันไป วันนี้เราจะนำเอาผลการทดสอบชุดหูฟัง TWS ที่มีราคาไม่แพงมากจนเกินไปนักจำนวน 3 รุ่น ใน 3 ระดับราคาให้ทุกท่านได้เอาไว้พิจารณาในการซื้อกัน

Advertisement

สำหรับชุดหูฟังแบบ TWS ที่ทาง Notebookcheck ได้ทำการเลือกมาเปรียบเทียบกันทั้ง 3 นั้นจะประกอบไปด้วย Huawei FreeBuds 3, Samsung Galaxy Buds และ Xiaomi Redmi AirDots ซึ่งแต่ละรุ่นนั้นจะมีสเปคอย่างเป็นทางการดังต่อไปนี้

True Wireless Headphones Compare Test Galaxy Buds FreeBuds AirDots spec compare

ในส่วนของราคาวางจำหน่ายในบ้านเราที่พอจะหาได้นั้นจะประกอบไปด้วย

  • Huawei FreeBuds 3 มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 4,990 บาท
  • Samsung Galaxy Buds มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 4,090 บาท
  • Xiaomi Redmi AirDots มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 569 บาท

หมายเหตุ – ราคาที่ระบุนี้นั้นหากลองหาดูดีๆ ในร้านค้าออนไลน์แล้วจะมีราคาที่ถูกลงมากกว่านี้และหากซื้อในช่วงโปรโมชันของสินค้าอาจจะได้ราคาที่ถูกมากกว่าเดิมถึง 50%

ว่าแล้วก็ไม่เป็นการรอให้เสียเวลาเริ่มดูกันเลยดีกว่าที่ในแต่ละแบรนด์นั้นจะมีความแตกต่างกันไปอย่างไรบ้าง

Case, Ergonomics and Getting Started

ในส่วนของรูปทรงทั้งของตัวหูฟังและเคสที่เอาไว้ใช้สำหรับการชาร์จนั้น ทั้ง 3 แบรนด์ค่อนข้างจะมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยส่วนที่หลายๆ ท่านอาจจะให้ความสนใจเป็นอย่างมากก็คือเรื่องของการออกแบบและวัสดุที่ใช้ซึ่ง ณ จุดๆ นี้คงต้องยอมรับเลยว่า Xiaomi Redmi AirDots นั้นไม่สามารถที่จะสู้กับชุดหูฟังที่เอามาเปรียบเทียบทั้ง 2 ได้เลย ทว่าราคาของมันนั้นก็เรียกได้ว่าต่างกันเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

โดยในส่วนของตัวหูฟังนั้น Huawei FreeBuds 3 นั้นค่อนข้างที่จะมีความคล้ายคลึงกับ AirPods ของทาง Apple อยู่เล็กน้อย ทว่าในส่วนของเคสสำหรับการชาร์จนันจะมีความแตกต่างที่เห็นได้อย่างขัดเจน การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนสำหรับ Huawei FreeBuds 3 นั้นทำได้ค่อนข้างง่ายโดยหากท่านใช้สมาร์ทโฟนของทาง Huawei อยู่แล้วนั้นท่านจะสามารถทำการเชื่อมต่อได้ทันทีตั้งแต่ทำการเปิดตัวกล่องเคสออกมา ทว่าหากต้องการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนระบบปฎิบัติการ Android นั้นท่านมีความจำเป็นที่จะต้องทำการลงแอปพลิเคชันที่มีชื่อว่า AI Life ซึ่งสามารถโหลดได้จาก Google Play Store มาเอาไว้บนตัวเครื่องก่อน

ตามมาด้วย Samsung Galaxy Buds ที่ตัวหูฟังนั้นค่อนข้างจะมีความแตกต่างไปจากแบรนด์อื่นพอสมควรแถมยังมีในส่วนของสีตัวชุดหูฟังที่หลากหลายมากกว่าในการเลือกซื้อ ตัวเคสของ Samsung Galaxy Buds นั้นก็จะมีความแตกต่างไปจากแบรนด์อื่นๆ ที่เอามาเปรียบเทียบเช่นเดียวกันโดยจะเห้นได้ว่าตัวเคสนั้นจะมีลักษณะที่เป็นวงรีแบนราบมากกว่า ในการเชื่อมต่อนั้นท่านมีความจำเป็นที่จะต้องทำการลงแอปพลิเคชัน Galaxy Wearable บนตัวเครื่องสมาร์ทโฟนของท่านเพื่อทำการเชื่อมต่อชุดหูฟังก่อน โดยตัวแอปนั้นค่อนข้างที่จะมีความละเอียดในการอธิบายวิธีการเชื่อมต่อเป้นอย่างมากพร้อมกันแล้วนั้นท่านยังสามารถที่จะเชื่อมต่อผ่านตัวแอปได้ทันที

ปิดท้ายกับ Xiaomi Redmi AirDots ที่โดยรวมแล้วนั้นก็มีความแตกต่างไปจากผู้ผลิตรายอื่นๆ โดยมีลักษณะค่อนอ้วนกลมอยู่ไม่น้อย ส่วนตัวเคสนั้นก็ค่อนข่อนข้างที่จะอ้วนป้อมมองดูแล้วจะคล้ายๆ กับเคสของ Samsung มากกว่า สำหรับการเชื่อมต่อนั้นในกลุ่มชุดหูฟังแบบไร้สายนี้ Xiaomi Redmi AirDots ถือได้ว่าทำการเชื่อมต่อได้ยากที่สุดในกลุ่ม โดยในการเชื่อมต่อนั้นคุณจะต้องนำเอาตัวหูฟังออกมาเพื่อทำการกดปุ่มที่หูฟังค้างเอาไว้ให้อยู่ในโหมดค้นหา จากนั้นใช้สมาร์ทโฟนของคุณค้นหาเจ้า Xiaomi Redmi AirDots เมื่อเจอและทำการเชื่อมต่อแล้วนั้นให้นำเอาหูฟังอีกข้างหนึ่งออกมาก็จะถือว่าเป็นอันเสร็จพิธี

หมายเหตุ – จุดที่น่าสังเกตเล็กน้อยของ Xiaomi Redmi AirDots นั้นก็คือเวลาที่เอาตัวหูฟังใส่ลงไปในเคสแล้วปิดฝาเคสจากนั้นลองทำการเขย่าดูจะได้ยินเสียงของตัวหูฟังกระทบกับขอบของตัวเคส แต่ว่าเวลาที่เปิดฝาออกมาแล้วนั้นถึงแม้ว่าจะเขย่าตัวหูฟังก็ไม่ได้หลุดออกมาจากตัวเคสง่ายๆ

FreeBuds

Galaxy Buds

AirDots

ลักษณะในการสวมตัวหูฟังเข้ากับหูนั้นจะเป็นดังเช่นรูปทางด้านบน ซึ่ง ณ จุดๆ นี้นั้นบอกได้ยากว่าชุดหูฟังตัวไหนที่เมื่อใส่เข้าไปแล้วนั้นสะดวกสบายมากกว่ากันเนื่องจากว่ารูปใบหูของผู้ใช้รวมถึงขนาดหูของผู้ใชแต่ละคนนั้นจะไม่เหมือนกัน ทว่าหากจะให้สรุปนั้นเมื่อทำการใส่ชุดหูฟังเอาไว้ทั้งวันจะพบว่า Huawei FreeBuds 3 นั้นจะทำให้ใบหูเมื่อล้าได้ง่ายมากกว่ชุดหูฟังอื่นๆ แต่ก็เชื่อว่าคงไม่มีใครใส่เจ้าหูฟังแบบ TWS นี้ตลอดทั้งวันอยู่แล้วเพราะหากจะเอามาใช้งานเพื่อการฟังเพลงหรือใช้คุยจริงๆ แบตเตอรี่ของตัวชุดหูฟังก็จะหมดไปจนคุณต้องถอดออกมาชาร์จกับตัวเคสในเวลาอย่างมากสุดก็ 5 ชั่วโมง

ทั้งนี้ยังมีข้อแตกต่างอีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจนั่นก็คือลักษณะการออกแบบของ Samsung Galaxy Buds และ Xiaomi Redmi AirDots จะอยู่ในรูปแบบของหูฟังแบบ In-ear ซึ่งส่วนที่เอาไว้สำหรับเสียบเข้าไปในใบหูนั้นจะมาพร้อมกับจุดยางที่ผู้ใช้สามารถทำการเปลี่ยนขนาดให้เหมาะสมกับใบหูของตัวเองได้ ในทางกลับกันแล้วนั้น Huawei FreeBuds 3 ที่มีดีไซน์แบบคงตัวอาจจะทำให้มันไม่เหมาะกับใบหูของผู้ใช้บางคนมากเท่าไรนักและอาจจะเกิดความล้าขึ้นมาได้ง่ายตามลักษณะของใบหูของแต่ละท่าน

อย่างไรก็ตามแล้วนั้นคงต้องขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่ใช้อุปกรณ์ iOS ของทาง Apple ทั้งหมดด้วยเนื่องจากว่าชุดหูฟังทั้ง 3 รุ่นนั้นไม่ได้รองรับการใช้งานกับอุปกรณ์ระบบปฎิบัติการ iOS อย่างเป็นทางการ โดยในส่วนของ Huawei และ Samsung เองนั้นไม่มีแอปพลิเคชันสำหรับการเชื่อมต่อมาให้เหมือนกับบน Android อย่างไรก็ตามใช่ว่าท่านจะไม่สามารถใช้งานตัวชุดหูฟังนี้ได้เลยโดยในส่วนของ Samsung Galaxy Buds และ Xiaomi Redmi AirDots นั้นการเชื่อมต่อกับระบบปฎิบัติการ iOS จะต้องทำการกดปุ่มที่ตัวหูฟังค้างเอาไว้เพื่อที่จะทำการเชื่อมต่อผ่านทาง Bluetooth ตามปกติ

Features

True Wireless Headphones Compare Test Galaxy Buds FreeBuds AirDots spec compare

สำหรับฟีเจอร์นั้นคงต้องบอกก่อนเลยว่าทาง Huawei จะได้เปรียบกว่าชุดหูฟังของผู้ผลิตรายอื่นๆ เนื่องจากว่ามันรองรับการเชื่อมต่อแบบใหม่สุด(ในปัจจุบัน) อย่าง Bluetooth 5.1 อย่างเป็นทางการ กลับกันแล้วนั้น Samsung Galaxy Buds และ Xiaomi Redmi AirDots ยังคงรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 เท่านั้น อีกจุดหนึ่งที่มีความแตกต่างกันก็คือ Huawei FreeBuds 3 นั้นจะรองรับการตัดเสียงสัญญาณรบกวนแบบ active noise cancelling (ANC) ในขณะที่ Samsung Galaxy Buds และ Xiaomi Redmi AirDots นั้นรองรับการตัดเสียงรบกวนแบบ passive noise cancelling เท่านั้น

สำหรับฟีเจอร์ที่เจ๋งสุดๆ ที่ Huawei FreeBuds 3 และ Samsung Galaxy Buds มีให้มาในด้านการชาร์จนั้น นอกจากที่ตัวเคสจะมาพร้อมกับพอร์ต USB Type-C แล้ว ตัวชุดหูฟังยังรองรับการชาร์จแบบไร้สายตามมาตรฐาน Qi ด้วยอีกต่างหากทำให้ในจุดนี้นั้น Huawei FreeBuds 3 และ Samsung Galaxy Buds ได้เปรียบ Xiaomi Redmi AirDots แต่ด้วยราคาที่ต่างกันแบบสุดๆ นั้นจะว่าไปแล้วการที่ Xiaomi ไม่ได้ใส่ฟีเจอร์นี้เข้ามาให้ก็ดูเหมือนกับว่าจะไม่มีผลอะไรมากเท่าไรนักในการใช้งาน

Handling

ในการใช้งานจริงนั้นก่อนอื่นเลยคงต้องทำการตัด Xiaomi Redmi AirDots ออกไปก่อนเพื่อนเนื่องจากว่ามันไม่ได้มาพร้อมกับแอปพลิเคชันในการควบคุมใดๆ ซึ่งนั่นหมายความว่าท่านไม่สามารถที่จะทำการปรับแต่งเสียงต่างๆ ให้เป็นไปตามความต้องการของท่านได้และเมื่อไม่มีแอปพลิเคชันแล้วด้วยนั้นแน่นอนว่า Xiaomi Redmi AirDots ก็จะไม่รองรับการอัพเกรดเฟิร์มแวร์แต่อย่างใด การใช้งาน Xiaomi Redmi AirDots นั้นจะคล้ายๆ หูฟัง Bluetooth ทั่วไปที่เวลาใช้งานนั้นจะทำการสั่งการผ่านทางการกดปุ่มบนตัวหูฟังทั้งหมด ทว่าเมื่อใช้งานจริงดูแล้วนั้นการกดปุ่มเพื่อทำการใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ก็เป็นไปด้วยดี(การทำงานของปุ่มนั้นก็จะทำได้แค่เริ่มต้นฟังเพลงหรือหยุดเพลง, กดเพื่อรับสายวางสายและการกดเพื่อเรียกใช้งานผู้ช่วยดิจิทัล)

การใช้งาน Samsung Galaxy Buds นั้นดูจะง่ายกว่าเมื่อใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน Galaxy Buds โดยในแอปพลิเคชันนั้นสามารถที่จะใช้เพื่อทำการควบคุมตัวชุดหูฟังได้หลายๆ อย่างเช่นการปรับแต่ง equalizer รวมไปถึงการตั้งค่าการกดปุ่มบนตัวหูฟัง(จริงๆ แล้วเป็นแผ่นสัมผัสมากกว่าไม่ใช่กดแล้วเป็นปุ่ม) ว่าหากกด 2 ครั้งแล้วจะให้ตัวเครื่องใช้งานอย่างไรเป็นต้น ตัวแอปพลิเคชันนั้นยังรองรับการอัพเดทเฟิร์มแวร์ให้กับตัวชุดหูฟังเองด้วยอีกต่างหากซึ่ง ณ จุดๆ นี้นั้นสามารถที่จะทำออกมาได้ดีเป็นอย่างมาก

csm Screenshot 20200131 103741 com.huaweioverseas.smarthome 1f87667f72

csm Screenshot 20200131 103801 com.huaweioverseas.smarthome 1b9ef8f31c

การใช้งาน Huawei FreeBuds 3 นั้นจะสามารถทำการตั้งค่าต่างๆ ได้ผ่านทางแอปพลิเคชัน AI Life ซึ่งในตัวแอปพลิเคชันเองนั้นก็จะไม่ค่อยมีส่วนที่แตกต่างในการใช้งานไปจากแอปพลิเคชันของทาง Samsung มากเท่าไรนัก

Range

สำหรับการทดสอบด้านระยะห่างจากสมาร์ทโฟนสูงสุดที่แต่ละชุดหูฟังสามารถที่จะทำได้นั้นทาง Notebookcheck ได้ทำการทดสอบตัวชุดหูฟังแยกกันออกไปตามยี่ห้อของตัวชุดหูฟังเองดังนี้

  • Redmi AirDots จับคู่ร่วมกับ Xiaomi Mi 9 (BT 5.0)
  • Galaxy Buds จับคู่ร่วมกับ Galaxy Note 10+ (BT 5.0)
  • FreeBuds 3 จับคู่ร่วมกับ Huawei Mate 30 Pro (BT 5.1)

การทดสอบนั้นจะทำการวางเครื่องเอาไว้ที่ชั้นหนึ่งจากนั้นเดินขึ้นไปอีกชั้นหนึ่งโดยไม่นำตัวสมาร์ทโฟนไปด้วย โดยผลการทดสอบนั้นพบว่า Huawei FreeBuds 3 สามารถจะจะไปได้ไกลสุด รองลงมาจะเป็น Xiaomi Redmi AirDots และ Samsung Galaxy Buds ตามลำดับ

Voice Quality & Noise Cancelling

ในการทดสอบเรื่องของการใช้งานชุดหูฟังเพื่อทำการสนทนานั้นว่า Xiaomi Redmi AirDots ให้คุณภาพไม่ดีอย่างเห็นได้ชัดโดยจะมีเสียงสะท้อนเกิดขึ้นมาถึงแม้ว่าคุณจะอยู่ในสถานที่ที่เงียบไม่มีเสียงรบกวนก็ตาม ดังนั้นไม่ต้องถามถึงการใช้งานในสถานที่ที่มีเสียงสิ่งแวดล้อมมากเลย ตรงจุดนี้นั้นน่าจะเป็นเพราะว่า Xiaomi Redmi AirDots นั้นไม่ได้มาพร้อมกับตัวกรองสัญญาณรบกวนรอบข้าง ผิดกันกับ Samsung Galaxy Buds ที่ในจุดนี้นั้นสามารถใช้งานได้ดีกว่าเป็นอย่างมาก โดยในการทดสอบนั้นพบว่า Samsung Galaxy Buds สามารถตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้เป็นอย่างดีแต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นดีนักอย่างเช่นถ้าคุณอยู่ในระยะที่ใกล้กับแหล่งกำเนิดเสียงเอามากๆ Samsung Galaxy Buds ก็ไม่สามารถที่จะทำการตัดเสียงรบกวนนั้นไปได้หมด

Huawei FreeBuds 3 ที่มาพร้อมกับ active noise cancelling เพียงรุ่นเดียวใน 3 ชุดหูฟังที่นำมาทำการทดสอบถือว่าสอบตกอย่างเหลือเชื่อเนื่องจากในการทดสอบนั้นไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกลแหล่งกำเนิดเสียงรบกวนก็พบว่ามันไม่สามารถที่จะตัดเสียงรบกวนนั้นออกไปได้เลย แต่ทว่าถ้าหากอยู่ในสถานที่ที่เงียบแล้วนั้นจะพบได้ว่า Huawei FreeBuds 3 สามารถที่จะใช้ในการสนทนาได้ดีมากกว่าคู่แข่งทั้ง 2 ที่นำมาทดสอบร่วมกันนี้

Audio Quality

ตามมาติดๆ กับการทดสอบด้านคุณภาพของเสียงที่ได้รับจากการฟังเพลงหรือสื่ออื่นๆ ซึ่งเป็นที่น่าสนใจว่าในการทดสอบนี้นั้นชุดหูฟังทั้ง 3 รุ่นสามารถที่จะให้เสียงออกมาได้ดีเป็นอย่างมากไม่มีปัญหาทางด้านคุณภาพของเสียงที่ได้ยินแม้แต่น้อย ทว่าด้วยคงามที่ Samsung Galaxy Buds ได้รับการปรับแต่งทางด้านเสียงจาก AKG มารวมถึงยังสามารถที่จะปรับเปลี่ยน equalizer ได้จากแอปพลิเคชันอีกต่างหากทำให้ Samsung Galaxy Buds นั้นถือว่าเป็นชุดหูฟังแบบ TWS ที่ดีที่สุดในการทดสอบครั้งนี้

สำหรับ Huawei FreeBuds 3 นั้นก็สามารถทำงานของมันได้ดีเช่นเดียวกันโดยความรู้สึกสัมผัสของเสียงนั้นจะแตกต่างไปจาก Samsung Galaxy Buds เพียงเล็กน้อย ที่น่าแปลกใจมากที่สุดจริงๆ ต้องยกให้ Xiaomi Redmi AirDots ที่ให้เสียงเบสที่โดดเด่นมากและเสียงสูงที่แสดงถึงค่าเสียงกลางก็ทำได้ดี อย่างไรก็ตามชุดหูฟังทั้ง 3 นั้นมาตกม้าตายที่ระดับเสียงสูงสุดซึ่งเสียงที่ออกมานั้นเรียกได้ว่าแทบจะไม่ดีเลยโดยเฉพาะกับ Xiaomi Redmi AirDots นั้นเมื่อเร่งเสียงให้มีความดังมากขึ้นเรื่อยๆ จะพบได้เลยว่าคุณภาพของเสียงนั้นเริ่มตกลงมาอย่างห็นได้ชัดเจนในขณะที่อีก 2 ชุดนั้นจะเริ่มมาตกม้าตายเข้าก็คือตอนที่เร่งความดังของเสียงเข้าไปใกล้ๆ กับจุดสูงสุดแล้ว

Battery Life

3 TWS batt test

สำหรับการทดสอบสุดท้ายอย่างการทดสอบทางด้านอายุการใช้งานที่เชื่อว่าหลายท่านรอคอยอยู่นั้นพบว่า Samsung Galaxy Buds สามารถที่จะใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องสูงสุดถึง 5 ชั่วโมง 50 นาที ตามมาแบบห่างๆ หน่อยกับ Huawei FreeBuds 3 ที่ใช้ได้ยาวนานต่อเนื่อง 3 ชั่วโมง 47 นาที ปิดท้ายด้วย Xiaomi Redmi AirDots ที่ทำเวลาไปได้เพียง 2 ชั่วโมง 17 นาทีเท่านั้น

สรุป

คงต้องยอมรับว่า Samsung Galaxy Buds และ Huawei FreeBuds 3 นั้นให้ประสบการณ์โดยรวมในการใช้งานที่ดีโดยที่แต่ละยี่ห้อนั้นก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ซึ่งหากเทียบแล้วจะพบว่าในการใช้งานฟังเพลงหรือสื่อต่างๆ นั้น Samsung Galaxy Buds จะมีคุณภาพดีกว่าแถมด้วยการที่มีตัวแอปพลิเคชันที่ให้โอกาสผู้ใช้ทำการปรับแต่งหลายๆ ส่วนได้เองด้วยนั้นก็ทำให้ Samsung Galaxy Buds น่าสนใจมากขึ้นไปอีก ส่วนที่น่าเสียดายของ Samsung Galaxy Buds นั้นก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของการที่มันไม่ได้มาพร้อมกับระบบตัดเสียงรบกวนแบบ active noise cancelling เท่านั้น

ส่วน Xiaomi Redmi AirDots นั้นเรียกได้ว่าได้ทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มที่แล้วและพบว่ามันสามารถที่จะใช้งานได้ดีเป็นอย่างมากสำหรับการฟังเพลงหรือดูสื่อต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่ชอบเสียง Bass หนักๆ แล้วนั้น Xiaomi Redmi AirDots ถือได้ว่าเป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว อีกจุดหนึ่งที่จะลืมไปไม่ได้เลยนั้นก็คือราคาของ  Xiaomi Redmi AirDots ที่เมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้วนั้นต่างกันมากถึง 8 เท่าตัวเลยทีเดียว ดังนั้นแล้ว Xiaomi Redmi AirDots นั้นถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งหากคุณต้องการชุดหูฟัง TWS ที่มีราคาไม่ฉีกกระเป๋าเงินให้ขาด

อย่างไรก็ตามแต่แล้วนั้นสำหรับผู้ใช้ iOS อยู่ถึงแม้ว่าตัวชุดหูฟังทั้ง 3 จะสามารถจับคู่เพื่อใช้งานกับ iOS ได้ ทว่าในส่วนของ Samsung Galaxy Buds และ Huawei FreeBuds 3 เมื่อขาดแอปพลิเคชันที่รองรับไปแล้วนั้นกับราคาของมัน AirPods ก็ดูเหมือนกับว่าน่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกับท่านมากกว่าชุดหูฟังทั้ง 3 ในการทดสอบนี้อยู่ดี

ที่มา : notebookcheck

Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

Buyer's Guide

หูฟังไร้สายน่าใช้ปลายปี 2023 มีหลายรุ่นน่าโดนทั้งนั้น! หูฟังไร้สายไม่ว่าจะแบบ Lace คล้องตามคอหรือจะทรง True Wireless ไม่ว่าจะ In-Ear หรือ Earbuds ก็มีให้เลือกหลากหลายรุ่น, สไตล์ตั้งแต่ราคาหลักร้อยไปจนหลักหมื่น ขึ้นอยู่ว่าทางบริษัทใส่ฟีเจอร์และลูกเล่นอะไรมาให้ใช้งานบ้าง โดยหลักๆ แล้วหูฟังไร้สายหลายรุ่นจะมีฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนและยังใช้ Gesture Control เพียงแตะตรงหูฟังก็สามารถคุมการเล่นเพลงได้และบางรุ่นก็แตะสั่ง Amazon Alexa หรือ Google...

Buyer's Guide

จะซื้อหูฟังไอโฟนใหม่สักตัวไม่ต้องหาแบบมีสายแล้ว ยุคนี้ True Wireless Earphone ดีๆ ราคาไม่แพงมีเยอะเลย! ถ้าใครเป็นแฟนคลับ Apple และใช้ iPhone มาตลอด จะจำได้ว่าตอนซื้อมือถือมาจะได้หูฟังไอโฟนแบบมีสายแถมมาให้ในกล่องด้วย แต่ตอนนี้เมื่อ Apple ไม่แถมหูฟังมาให้ในกล่องแล้วเปิดตัวหูฟัง True Wireless อย่าง AirPods ออกมา ฝั่งผู้ใช้เองก็หันมาใช้หูฟังไร้สายแบบนี้มากขึ้นและค่อยๆ แพร่หลาย ประกอบกับมีผู้ผลิตจากหลายๆ...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก